ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 682 ท่านมีคุณสมบัติอะไรที่จะกล่าวโทษเขา?

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย Chapter บทที่ 682 ท่านมีคุณสมบัติอะไรที่จะกล่าวโทษเขา? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 682 ท่านมีคุณสมบัติอะไรที่จะกล่าวโทษเขา?

บทที่ 682 ท่านมีคุณสมบัติอะไรที่จะกล่าวโทษเขา?

เมื่ออาจารย์จากไป กู้หนิงผิงก็ตกใจกับใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของเขา

“หนิงผิง ข้าอยากเตือนเจ้าว่า เจ้าอยู่ที่บ้านตลอด ดังนั้นพี่สาวของพวกเราต้องพึ่งการคุ้มครองของเจ้า ผู้ชายลึกลับคนนั้นกลับมาเพื่อตอบแทนบุญคุณที่พี่สาวช่วยชีวิตไว้ เจ้าเตือนเขาเสียว่าอย่ามีความคิดอื่นหรือทำลายชื่อเสียงของพี่สาวของเราเพื่อบรรลุเป้าหมาย!” เสียงของกู้หนิงอันดังเหมือนประทัดที่จุดไฟในคืนที่เงียบงัน

กู้หนิงผิงตกตะลึงและต้องใช้เวลานานกว่าจะกลับมามีสติ ก่อนจะกรีดร้องว่า “กู้หนิงอัน… ท่านบ้าไปแล้วหรือ!”

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเรียกชื่อกู้หนิงอันโดยตรง ซึ่งมันเต็มไปด้วยความโกรธและความโศกเศร้าอย่างลึกซึ้ง

ถ้าพี่สาวของเขาได้ยินประโยคนี้ นางคงเสียสติไปเช่นกัน!

“ท่านมีคุณสมบัติใดที่จะกล่าวโทษอาจารย์ของข้า” ในที่สุดกู้หนิงผิงก็เข้าใจแล้วว่า ตั้งแต่ต้น กู้หนิงอันเพ่งเล็งฉินเย่จือ ต่อมาจึงใช้คำพูดเพื่อทำให้ฉินเย่จือเสียหน้า คราวนี้อีกฝ่ายยังบอกตนว่าให้บอกฉินเย่จือว่า อย่าไปทำลายชื่อเสียงของพี่สาว

ปรากฏว่ากู้หนิงอันกังวลเกี่ยวกับความคิดอื่นของฉินเย่จือ เพราะเขาเห็นว่าพี่สาวสนิทกับฉินเย่จือแค่ไหน!

“ข้าไม่ได้บ้า ข้าเป็นลูกชายคนโตของตระกูลกู้ ดังนั้นข้าจึงย่อมมีคุณสมบัติ!” กู้หนิงอันตอบโต้อย่างไร้ความปรานี “ชื่อเสียงของพี่สาวข้าสำคัญกว่าคนนอก! ถ้าเขาไม่ได้ช่วยชีวิตพี่สาวของข้าไว้ ด้วยการที่เขาปฏิบัติต่อนางอย่างหยาบคายเช่นนั้น ข้าคงไล่เขาออกจากบ้านไปแล้ว!”

“ท่าน… ท่าน…” กู้หนิงผิงพูดไม่ออก ซึ่งเขาไม่รู้ว่าจะสรรหาคำใดมาหักล้าง เขาแค่รู้สึกว่ามีคำพูดติดอยู่ในลำคอของเขา แต่เขาไม่รู้ว่าควรพูดคำไหนก่อน!

กู้หนิงอันรู้สึกละอายใจและไม่พอใจอย่างมาก พี่สาวของเขายังเป็นเด็กสาวที่ยังไม่ปักปิ่น ดังนั้นนางจึงไม่รู้ว่าชื่อเสียงของผู้หญิงสำคัญยิ่งกว่าชีวิต!

ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ ถึงเวลานั้น แม้ว่าจะกินยาแก้เสียใจก็ตาม มันก็จะสายเกินไป

ในแววตาของฉินเย่จือนั้นมีความคิดอื่นอยู่!

ทันใดนั้น กู้หนิงอันก็ตระหนักและเข้าใจว่า ทำไมในเวลานั้น ฉินเย่จือจึงมองพี่สาวของเขาอย่างชิดเชื้อ

นั่นคือท่าทางของอาจารย์สวียามที่เขามองไปที่ภรรยา

กู้หนิงอันกำหมัดแน่น ความโกรธกำลังลุกโชนอยู่ในใจของเขา และเขาต้องการที่จะขับไล่ฉินเย่จือออกจากบ้านทันที

“พี่หนิงอัน ถ้าท่านพี่รู้เข้า นางจะไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน!” กู้หนิงผิงรู้ถึงความสำคัญของฉินเย่จือต่อพี่สาวของเขาดี

กู้หนิงอันไม่อยู่บ้านเป็นเวลานาน ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่บ้าน จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะไม่รู้ว่าฉินเย่จือหวงแหนพี่สาวมากแค่ไหน

นั่นคือคนที่ไปฆ่าหมาป่าทั้งฝูงเพื่อความปลอดภัยของพี่สาว แม้ว่าจะมีรอยแผลเป็นทั่วตัว ตราบใดที่พี่สาวปลอดภัย เขาก็ไม่ต้องการแม้แต่ชีวิตตัวเอง

ความรักแบบนั้นลึกซึ้งและล้ำค่ามาก ดังนั้นแล้วถึงจะมีความคิดอื่นกับพี่สาวแล้วอย่างไรล่ะ?

ฉินเย่จือหล่อเหลา อ่อนโยน ทั้งมีความสามารถในการเขียนอักษรและวิชาศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นอีกฝ่ายจะใฝ่สูงกับพี่สาวของเขาได้อย่างไร

มิใช่ว่าพฤติกรรมของทั้งสองเพียงต้องการใกล้ชิดกันมากขึ้นหรือ?

ถ้าพี่สาวไม่ชอบ ใครจะเข้าใกล้นางได้?

พี่สาวของเขาเป็นคนที่มีความคิด เหตุใดนางถึงทำตัวเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ต่อหน้าฉินเย่จือ หากนางไม่ปฏิบัติต่อฉินเย่จืออย่างจริงใจเหมือนคนของตน เหตุใดพี่สาวของเขาถึงถอดเปลือกที่แข็งที่สุดออกและเปิดเผยด้านที่อ่อนแอที่สุดของนางต่อหน้าฉินเย่จือ?

“พี่หนิงอัน ข้าไม่ได้อ่านหนังสือมามากเท่าท่าน และที่ข้าพูดก็ไม่น่าพอใจ ท่านพูดถูก ชื่อเสียงของพี่สาวสำคัญมาก ข้ายอมรับ แต่ข้าไม่ยอมรับที่ท่านดูถูกอาจารย์ของข้า โดยกล่าวว่าอาจารย์ของข้ามีแผนการไม่ดี ถ้าพี่สาวรู้ว่าท่านดูถูกอาจารย์ พี่สาวจะไม่มีความสุขแน่!”

หลังจากกู้หนิงผิงพูดจบ เขาก็มองไปที่กู้หนิงอันที่กำลังโกรธอย่างเย็นชาและหันหลังกลับเพื่อจากไป แต่ก่อนออกไป เขาหันกลับมามองกู้หนิงอัน แล้วพูดอย่างเย็นชา “ในครอบครัวนี้ คนที่มีคุณสมบัติน้อยที่สุดที่จะกล่าวโทษฉินเย่จือคือท่าน!” จากนั้นเขาก็เปิดประตูและจากไป

กู้หนิงอันต้องการพูดอะไรต่อ แต่เห็นประตูปิดอย่างแรงต่อหน้าเขา

กู้หนิงอันกระทืบเท้าของเขาด้วยความโกรธ แต่ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้

คืนนี้ คิดว่าคงมีเพียงกู้เสี่ยวหวานเท่านั้นที่นอนหลับสนิทอย่างไร้หัวใจ ในขณะที่เกือบทุกคนไม่ได้นอนทั้งคืน

เช้าตรู่ของวันที่สอง กู้เสี่ยวหวานบิดขี้เกียจ สวมเสื้อผ้า ก่อนเดินออกจากห้องไปอาบน้ำ นางก็ได้กลิ่นหอมน่ากินโชยมาจากในครัว

กู้เสี่ยวหวานมองหามันหลังจากได้กลิ่น และในพริบตา นางก็เห็นฉินเย่จือยืนอยู่หน้าเตา โดยถือตะหลิวไว้ในมือ

กู้หนิงผิงกำลังจุดไฟหลังเตา ทั้งคู่ดูยุ่งเหยิง แต่กู้เสี่ยวหวานเพิ่งตื่นจึงไม่ได้สังเกตมากนัก ดังนั้นนางจึงกระโดดเข้าไปและทำท่าสูดจมูกอย่างเกินจริง “เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ กลิ่นหอมมาก!”

เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานตื่นแล้ว ใบหน้าของฉินเย่จือก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “เจ้าตื่นแล้วหรือ?”

กู้เสี่ยวหวานส่งเสียงรับอย่างเชื่อฟัง ก่อนชี้ไปยังหม้อที่ส่งกลิ่นหอมตลอดเวลา และทำท่าหมือนแมวโลภ “น้ำแกงไก่หรือ?”

“หือ?” ฉินเย่จือพยักหน้าและยื่นมือออกไปเพื่อทัดเส้นผมของกู้เสี่ยวหวานที่ตกลงมาข้างหูของนาง “ข้าต้มไก่ไว้เมื่อคืน กำลังอุ่นอยู่ เสร็จแล้วข้าจะให้เจ้าดื่มภายหลัง!”

กู้เสี่ยวหวานรับคำ แล้วเดินเบียดไปอยู่หลังเตากับกู้หนิงผิงอย่างเชื่อฟัง

กู้หนิงผิงเห็นตนถูกเบียด ใบหน้าของเขาจึงค่อนข้างเคอะเขินเล็กน้อย “ท่านพี่ ที่นี่มีควันเยอะ ทำไมท่านไม่กลับไปพักผ่อนก่อน แล้วข้าจะเรียกท่านเมื่ออาหารพร้อมแล้ว!”

“ไม่ ข้าจะอยู่ที่นี่แหละ การพักผ่อนตลอดทั้งวันทำให้แขนขาของข้าแทบอ่อนแรงไปหมด เมื่อถึงเวลานั้น ข้าขยับตัวทำอะไรไม่ได้ ข้าจะสั่งให้เจ้ารับใช้ข้า!” กู้เสี่ยวหวานยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

ฉินเย่จือที่แทบอยากจะร้องขอมัน เผลอหลุดโพล่งออกมา “ได้ ในอนาคตข้าจะรับใช้เจ้าเอง!”

หลังจากกู้หนิงผิงได้ยินเช่นนี้ เขาก็ก้มหัวลง ในอดีตเขาจะล้อเล่นและทำเอะอะ แต่คราวนี้ เขาก้มหัวลงและนิ่งเงียบ กู้เสี่ยวหวานรู้สึกสงสัยเล็กน้อยจึงหันศีรษะไปมองเขา ก่อนเห็นว่าเบ้าตาของเขามีรอยบวม ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้พักผ่อนให้ดี

“หนิงผิง เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ เมื่อคืนเจ้านอนหลับไม่สนิทหรือ?” กู้เสี่ยวหวานถามอย่างเป็นทุกข์

“เปล่า บางทีข้าอาจจะตื่นเช้าไปหน่อย!” กู้หนิงผิงโกหก

กู้เสี่ยวหวานตอบรับหนึ่งคำ พลางมองไปที่ฉินเย่จืออีกครั้ง ก่อนพบว่าเบ้าตาของเขาบวม “พี่ใหญ่ฉิน เจ้าเป็นอะไรไป เจ้าก็ตื่นเช้าเกินไปงั้นหรือ?”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

แย่แล้วสิ เจ้าสองแฝดของเราทะเลาะกันใหญ่โตอย่างนี้ จะหาทางออกเรื่องนี้ได้อย่างไรกันคะเนี่ย

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *