ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 307 ไม่ถูกรังแกอีกต่อไป

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย Chapter บทที่ 307 ไม่ถูกรังแกอีกต่อไป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 307 ไม่ถูกรังแกอีกต่อไป

บทที่ 307 ไม่ถูกรังแกอีกต่อไป

กู้ซินเถาโกรธมากจึงไปขอความช่วยเหลือจากเจียงหย่วน เมื่อเขาเห็นว่าคนสวยของเขาโกรธเคืองไม่พอใจ เขาก็โกรธมากเช่นกัน บอกทันทีว่าเขาจะทำลายหลักฐานเท็จและป้องกันไม่ให้กู้เสี่ยวหวานทำสำเร็จ

ต่อมาเจียงหย่วนเห็นว่ามีโอกาสจึงให้คนแอบเข้าไปในที่ว่าการอำเภอ ในตอนนั้นซ่งลี่บังเอิญไปคัดข้อมูลข้างในพอดี หลังจากทุบตีซ่งลี่ด้วยไม้ เขาเผาสมุดทะเบียนจนหมดและสร้างเรื่องว่าซ่งลี่เมาแล้วบังเอิญชนตะเกียงน้ำมันตก

ทะเบียนที่บันทึกชื่อผู้ซื้อที่ดินในช่วงหลายปีที่ผ่านมาถูกไฟไหม้จนมอดเป็นผุยผง หูฉีโกรธจัด และสั่งขังซ่งลี่ทันที

เจียงหย่วนภูมิใจที่เขาทำในสิ่งที่กู้ซินเถาต้องการได้สำเร็จ และเมื่อเขาแน่ใจว่าจะทำให้กู้ซินเถาพอใจแล้ว ก็มีข้อความมาจากเมืองรุ่ยเสียนว่าซุนซีเอ๋อร์ได้ครอบครองที่ดินของคนอื่นและถูกคุมขังในคุก เมื่อเขาได้ยินเรื่องนี้ก็ตกใจเป็นอย่างมาก

กู้ซินเถาร้องไห้อย่างดอกท้อต้องหยาดฝน*[1] การแสดงออกราวกับไม่รู้เรื่อง ทำให้หัวใจของเขาก็รู้สึกเจ็บปวด

เมื่อกู้ซินเถาขอให้เจียงหย่วนพาไปเยี่ยมซุนซีเอ๋อร์ เจียงหย่วนที่กำลังจะตกปากรับคำ ครั้นก็มีข้อความมาจากบ้านว่ามีเรื่องเร่งด่วน และขอให้เจียงหย่วนกลับบ้านโดยเร็วที่สุด

เจียงหย่วนจึงไม่สามารถอยู่ปลอบใจกู้ซินเถาได้อีก และรีบกลับบ้านไป

กู้ซินเถาคร่ำครวญเพราะกลัวว่าถ้าเจียงหย่วนกลับบ้านไปแล้วจะไม่ได้ออกมาหานางอีก ดังนั้นนางจึงไม่ยอมปล่อยมือของเขา แม้ว่าเจียงหย่วนจะเป็นเด็กที่ร่ำรวย แต่เขาก็ให้ความเคารพกับผู้อาวุโสในครอบครัวเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นว่าครอบครัวมาตามตัวเขา แน่นอนว่าคงต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน จึงทำได้เพียงตบมือของกู้ซินเถาอย่างแผ่วเบาเพื่อแสดงให้เห็นว่าตนเองจะรีบกลับมาโดยเร็วที่สุด กู้ซินเถาจึงยอมปล่อยมือเขาไป

หลังจากที่เจียงหย่วนกลับไปแล้ว เขาก็ไม่ได้กลับมาหากู้ซินเถาอีกเลย

กู้ซินเถานั่งอยู่คนเดียวในโรงน้ำชาจนมืดค่ำ นางดื่มชาไปหลายกาและขนมที่นางชอบกินในวันธรรมดาไม่พร่องลงเพราะไม่มีกะจิตกะใจจะกินมัน

หลังจากรออยู่เนิ่นนานก็ยังไม่เห็นสัญญาณการกลับมาของเจียงหย่วน กูซินเถาก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงไม่กลับมา หันซ้ายมองขวา รอจนกระทั่งโรงน้ำชาใกล้ปิดก็ยังไม่เห็นเขากลับมา

ลูกจ้างในโรงน้ำชามาเร่งนางสองครั้งแล้ว เมื่อกู้ซินเถาเห็นว่าคนพวกนั้นยังคงมาเร่งนางอยู่ตลอด จึงออกจากโรงน้ำชาและตรงกลับบ้าน

กู้ซินเถาไม่รู้ว่าหลังจากที่เจียงหย่วนกลับไปบ้าน ผู้อาวุโสได้บอกกล่าวบางอย่างแก่เขา

ถ้อยคำเพียงไม่กี่คำทำให้เจียงหย่วนหมดความหลงใหลในตัวของกู้ซินเถาชั่วคราว ข้างกายของเจียงหย่วนไม่เคยขาดแคลนผู้หญิง และผู้หญิงสวย ๆ ก็ไม่เคยขาดแคลน ตอนนี้มีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้นในครอบครัวของกู้ซินเถา และต้องการให้เขาช่วยเหลือ หากเขายื่นมือเข้าไปช่วยจริง ข่าวนี้จะกระจายออกไปทั่วทั้งเมืองรุ่ยเสียนและเมืองหลิวเจีย ในเวลานั้นผู้คนจะคิดกับตระกูลเจียงว่าอย่างไร

คนอื่น ๆ จะบอกว่าตระกูลเจียงไม่มีจิตสำนึก และเมื่อถึงเวลานั้นชื่อเสียงของตระกูลเจียงจะเป็นอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ เมื่อหลิวจือเสี้ยนกล่าวไปเช่นนั้นแล้ว ก็คงจะทำอะไรมากไม่ได้

เพื่อปกป้องชื่องเสียงของตระกูลจึงต้องให้เจียงหย่วนหยุดแทรกแซงเรื่องนี้ และรักษาระยะห่างจากกู้ซินเถาในทันที

เจียงหย่วนเชื่อฟังคำพูดของครอบครัวของเขาเช่นกัน ในตอนแรกเขาลังเลเล็กน้อยเพราะเสียดายกู้ซินเถา แต่ต่อมาครอบครัวของเขาได้หาสาวสวยมาให้อีกหลายคน เจียงหย่วนจึงลืมกู้ซินเถาไปชั่วคราว

หลังจากที่กู้ซินเถากลับถึงบ้าน ก็เห็นว่าบิดามีสีหน้ามืดมนและแม้แต่น้องชายก็มีใบหน้าปูดบวมและเขียวช้ำ ซึ่งดูแล้วน่ากลัวเป็นอย่างมาก

บรรยากาศในบ้านเต็มไปด้วยความอึมครึม และเมื่อกู้ซินเถานึกถึงเรื่องที่เจียงหย่วนทิ้งนางไว้ที่โรงน้ำชาและจากไปโดยไม่ส่งคนมาบอกข่าว จึงเดาได้ว่าเจียงหย่วนคงไม่สามารถออกมาหาตนเองได้อีกอย่างแน่นอน และเมื่อคิดถึงเรื่องที่แม่ของนางถูกขังอยู่ในคุก และยังสูญเสียความโปรดปรานของเจียงหย่วนไปอีก กู้ซินเถาจึงสะอื้นไห้อย่างเจ็บปวด

ในทุกวันนี้ กู้ฉวนลู่ไม่กล้าแม้แต่จะออกจากบ้านเพราะกลัวว่าคนอื่นจะมาลอบกัดเขา เมื่อเห็นกู้ซินเถาที่เอาแต่ร้องไห้ก็รู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างมาก และเมื่อเห็นกู้จือเหวินที่กลับบ้านมาพร้อมกับใบหน้าที่ปูดบวมและเขียวช้ำเขาก็ยิ่งเป็นทุกข์มากขึ้นไปอีก เขาเกลียดคนที่ทำร้ายกู้จือเหวินเข้ากระดูก หากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงดุด่ากู้ซินเถาเท่านั้น

เมื่อกู้ซินเถาถูกพ่อดุด่าจึงวิ่งกลับไปที่ห้องของนางด้วยความเสียใจ และไม่ออกมาอีกเลย

กู้ฉวนลู่เกลียดกู้เสี่ยวหวานจนอยากจะฆ่านางให้ตาย ถ้าไม่ใช่เพราะนาง ซุนซีเอ๋อร์จะถูกขังคุกได้อย่างไร ถ้านางไม่ถูกขัง มันจะทำลายชื่อเสียงของพวกเขาได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกู้จือเหวินที่ถูกทำร้าย ดูเหมือนว่าเขาจะต้องได้รับความเดือดร้อนมากมาย

ไม่สำคัญว่ากู้ฉวนลู่จะเสียหน้าอย่างไร แต่ถ้ากู้จือเหวินได้รับผลกระทบขึ้นมา กู้ฉวนลู่จะเป็นคนแรกที่ตอบกลับไป และเมื่อเห็นว่ากู้จือเหวินจะสอบเซียงชื่อ*[2] กู้ฉวนลู่ก็ยิ่งเกลียดกู้เสี่ยวหวานเข้าไปใหญ่

กู้เสี่ยวหวาน กู้เสี่ยวหวาน กู้เสี่ยวหวาน กู้ฉวนลู่กัดฟันกรอดพลางกล่าวชื่อกู้เสี่ยวหวาน เขาเกลียดนางจนแทบจะทนไม่ไหว

ไม่กี่วันมานี้กู้เสี่ยวหวานราวกลับมีลมฤดูใบไม้ผลิพัดมาที่นาง ไม่เพียงแต่ปัญหาเรื่องที่ดินได้รับการแก้ไข แต่ที่ดินก็ถูกปล่อยเช่าจนหมด นอกจากจะให้เช่าแล้วก็ยังได้รับผลที่ดีอีกด้วย

ทั่วทั้งเมืองหลิวเจียล้วนรู้ว่ามีสาวน้อยผู้หนึ่งที่ให้เช่าที่ดินในราคาถูกมาก ทุกคนล้วนยกย่องและกล่าวว่ากู้เสี่ยวหวานเป็นคนจิตใจดี แม้แต่หลิวจือเสี้ยนก็ยังกล่าวในชั้นศาลว่า ถ้ามีเรื่องอะไรเกี่ยวข้องกับกู้เสี่ยวหวานอีกเขาจะเป็นคนจัดการให้ ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดกล้าสร้างปัญหาให้กู้เสี่ยวหวานอีก

เมื่อเรื่องนี้กระจายมาถึงหมู่บ้านอู๋ซี หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงที่รู้เป็นคนแรกก็มีสีหน้าที่มืดมนทันที

หนึ่งคือกู้เสี่ยวหวานได้ซื้อที่ดินในเมืองจริง ๆ สองคือรู้ว่าผู้พิพากษาเอ็นดูกู้เสี่ยวหวาน เขาครุ่นคิดและหดหู่ใจอยู่หลายวัน จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่ากู้เสี่ยวหวานไม่ใช่เด็กสาวหัวอ่อนอย่างที่เคยเป็นอีกต่อไป

ตั้งแต่นั้นมา หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงก็เตือนสมาชิกในครอบครัวของเขาว่าอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับกู้เสี่ยวหวานอีก และอย่าไปยั่วยุพวกเขา

กู้เสี่ยวหวานอยู่ในหมู่บ้านและไม่มีผู้ใดกล้าดูถูกนางอีกต่อไป

กู้เสี่ยวหวานไม่เคยคิดว่าการเดินทางไปเมืองรุ่นเสียนในครั้งนี้จะส่งผลดีเช่นนี้ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครในหมู่บ้านกล้าที่จะรังแกครอบครัวนางอีก กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกดีเป็นอย่างมาก

เพียงแต่นึกไม่ออกว่าทำไมนายท่านหวังที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้จะได้รับข่าวและรีบไปที่เมื่อรุ่ยเสียนเพื่อเป็นพยานให้กับนางในเวลาที่เหมาะสมเช่นนี้ได้อย่างไร? นางถามนายท่านหวัง แต่เขาบอกเพียงว่าเขามีบางสิ่งที่ต้องทำในเมืองหลิวเจีย ดังนั้นเขาจึงกลับมา และเมื่อได้ยินเกี่ยวกับเรื่องของกู้เสี่ยวหวาน ดังนั้นเขาจึงรีบไปที่เมืองรุ่ยเสียนในทันที

กู้เสี่ยวหวานที่ได้ฟังคำอธิบาย นางก็รู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผล แต่นางไม่สามารถพูดอะไรได้ ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงยอมแพ้ไป

*[1] ซึ่งเปรียบเทียบดอกท้อกับใบหน้าของสตรีที่เมื่อร้องไห้ก็ยังดูงดงาม

*[2] เป็นการสอบท้องถิ่นระดับชาติ ผู้ที่สอบผ่านจะเรียกว่าจวี่เหริน

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *