ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 55 แม่เหลียงเหยา

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย Chapter บทที่ 55 แม่เหลียงเหยา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 55 แม่เหลียงเหยา

บทที่ 55 แม่เหลียงเหยา

ในใจกู้เสี่ยวหวานรู้สึกเสียดายเล็กน้อย คนในยุคนี้ขาดแคลนอาหารการกินมากเกินไป โดยเฉพาะครอบครัวยากจนที่เด็กมักอดมื้ออิ่มมื้อ หากว่าในหนึ่งปีสามารถปลูกธัญพืชออกมาได้ เช่นนั้นคนในบ้านมากมายก็จะไม่ต้องทนหิวแล้ว

แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะไม่อยากทำตนเป็นแม่พระ แต่โดยนิสัยพื้นฐานของมนุษย์ที่ติดตัวตั้งแต่กำเนิดคือความดีงาม เมื่อเห็นคนอื่นหิวโหย นางก็รู้สึกเจ็บปวดใจ

หากปลูกธัญพืชที่ให้ผลผลิตสูงได้เช่นนั้นก็ดีน่ะสิ ผู้คนจะได้มีกินอย่างอิ่มท้อง

กู้เสี่ยวหวานคิดอยู่ในใจ แต่ด้วยสถานภาพของตนในตอนนี้ หากอยากจะเพาะเลี้ยงหรือเพาะปลูกอะไรสักอย่างก็เป็นเพียงเรื่องเพ้อฝันที่ไม่อาจทำได้เท่านั้น

เฮ้อ แม้ว่าในใจจะรู้สึกเจ็บปวด กู้เสี่ยวหวานก็ทำได้เพียงส่ายศีรษะ ช่างเถอะ นางไม่ได้เป็นเจ้าชีวิตและไม่ได้เป็นแม่พระของใคร เพียงสมาชิกในบ้านสี่คนได้กินอิ่มก็พอแล้ว เรื่องการเพิ่มเสบียงอาหารของประชากรในอาณาจักรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฮ่องเต้ที่ต้องกังวลใจเถอะ

อืม ฮ่องเต้ไม่รีบร้อนแต่กลับเป็นขันทีที่รีบร้อน กู้เสี่ยวหวานคิดพลางหัวเราะ

ที่นาสามส่วนของครอบครัวกู้เสี่ยวหวานอยู่ในที่ดินผืนนี้ ที่ดินสามส่วนที่มีขนาดเพียงฝ่ามือซึ่งไม่รู้ว่าจะสามารถปลูกอะไรได้บ้าง กู้เสี่ยวหวานมองกู้หนิงอันที่โบกไม้โบกมือแล้วก็เห็นที่นาของครอบครัวตัวเอง

เนื่องจากหลายปีมานี้ไม่ได้เพาะปลูกต้นกล้า พื้นดินจึงถูกปล่อยให้รกร้างเป็นอย่างมาก และเต็มไปด้วยหญ้าป่าแห้งเฉาร่วงโรย

เดิมทีกู้เสี่ยวหวานตั้งใจจะอาศัยที่นาแปลงนี้ปลูกอะไรสักหน่อย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะต้องยกเลิกแล้ว ที่นาขนาดเท่าฝ่ามือแปลงนี้ ล้วนมีหญ้าแห้งเฉาเติบโตเต็มไปหมด น่าจะต้องอาศัยนางและเด็กอีกคนหนึ่งไปทำการรื้อถอน ซึ่งต้องใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ในการหักร้างถางพงเลยทีเดียว

อีกอย่าง การปลูกข้าวเปลือกได้หนึ่งฤดูต่อหนึ่งปีเช่นนี้ กู้เสี่ยวหวานครุ่นคิด หรือว่าจะล้มเลิกดี?

เมื่อเดินตรงไปข้างหน้าอีกเล็กน้อย จะต้องเดินผ่านป่าไผ่ผืนหนึ่ง แม้จะถึงฤดูหนาวแล้วแต่ยังคงมีสีเขียวชอุ่มเหมือนเดิม เมื่อยามอาทิตย์อัสดง สายลมที่พัดผ่านมาเป็นครั้งคราว ทำให้ใบไผ่ไหวปลิวตามสายลมและหอบกลิ่นหอมสดชื่นลอยล่องมาอย่างรวดเร็ว

ป่าไผ่เขียวชอุ่มพลิ้วไหวไปตามลม ลำไผ่เสียดสีกันเสียงดังเอียดอาด ท่ามกลางป่าไผ่นั้นยังมีลำธารเล็กสายหนึ่งที่มีน้ำใสเย็นสดชื่นรินไหลอย่างเงียบสงบ ก่อนไหลรวมมาบรรจบในแม่น้ำอู๋ซี

กู้เสี่ยวหวานมองแนวป่าไผ่สีเขียวนี้ ชั่วขณะหนึ่งก็รู้สึกดีขึ้นมา ความกลัดกลุ้มที่อัดแน่นอยู่ในใจเมื่อครู่ก็ถูกชะล้างออกไป เมื่อสายลมพัดโชยมาพร้อมกับอากาศจากธรรมชาติ กู้เสี่ยวหวานก็ไม่อาจห้ามใจให้สูดหายใจเข้าลึก ๆ สักครั้งสองครั้ง หลังจากนั้นก็ไม่นึกเลยว่าจะมีกลิ่นหอมหวานบริสุทธิ์อย่างหนึ่งโชยแตะปลายจมูก

พันปีก่อนที่ไม่มีมลพิษเจือปนในอากาศมันช่างดีจริง ๆ ป่าไผ่สีเขียวผืนนี้ราวกับเป็นแหล่งออกซิเจนเหมือนกับป่าไม้แห่งหนึ่ง ไม่มีผงทราย ไม่มีหมอกควัน อากาศล้วนสะอาดสดชื่น

เมื่อสูดอากาศสดชื่นเสร็จแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เมื่อมองป่าไผ่ที่เขียวชอุ่มอุดมสมบรูณ์นี้ ความคิดที่อยู่ภายในใจก็จู่โจมเข้ามาไม่หยุด

ไม้ไผ่ที่มากมายเช่นนี้ อีกทั้งตอนนี้ก็ยังเป็นฤดูหนาว จะต้องมีหน่อไม้ฤดูหนาวอย่างแน่นอน

“หนิงอัน คนในหมู่บ้านขุดหน่อไม้เป็นหรือไม่?” กู้เสี่ยวหวานระงับความตื่นเต้นเอาไว้ในใจ พลางถามขึ้นมา

“หน่อไม้หรือ?”กู้หนิงอันตอบกลับไป “ได้ยินว่าเคยมีคนมาขุด แต่ขุดได้ไม่มาก เพราะมันขุดยาก และกินยากมากอีกด้วย อีกทั้งยังมีรสชาติเปรี้ยวและฝาด คนในหมู่บ้านทั้งหมดล้วนไม่ชอบกิน”

ไม่ชอบกิน! กู้เสี่ยวหวานคำเน้นหนักไม่กี่คำที่อยู่ด้านหลัง หน่อไม้น่ากินแต่การขุดออกมานั้นยากแสนเข็ญ เดิมทีก็ไม่อาจจะปฏิเสธว่าไม่ดีทั้งหมดแต่ยังมีดีอยู่บ้าง หน่อไม้หากแปรรูปได้ไม่ดีก็จะมีทั้งรสเปรี้ยวทั้งรสฝาดอย่างแน่นอน แต่จะโทษว่าหน่อไม้ดีหรือไม่ดีทั้งหมดก็ไม่ได้

คุณค่าทางสารอาหารของหน่อไม้นั้นมีสูงมาก และมักจะมีชื่อเสียงว่า ‘หยกขาวห่มผ้าทอง เป็นหนึ่งในผักที่ดีที่สุด’ ซึ่งหน่อไม้มีโปรตีนและกรดอะมิโนแฝงอยู่หลายชนิด การทำอาหารด้วยการนำผักดองเค็มและเนื้อรวมเข้าด้วยกัน ไม่เพียงแต่รสชาติจะยิ่งสดอร่อย แต่ยังสามารถขับถ่ายสิ่งสกปรกออกจากลำไส้ได้อีกด้วย

นอกจากนี้ มันยังแฝงไปด้วยใยอาหาร ซึ่งมีส่วนในการช่วยย่อยและดูดซึมอาหาร

อีกอย่าง หน่อไม้ในฤดูหนาวกับหน่อไม้ในฤดูใบไม้ผลิ และหน่อไม้ในฤดูร้อนนั้นไม่เหมือนกัน พวกมันจะเติบโตอยู่ใต้พื้นดินอย่าง ‘เงียบ ๆ’ และยังไม่โผล่ออกมาจากพื้นดิน ฉะนั้นคุณค่าทางสารอาหารจึงค่อนข้างสูง

เมื่อนึกถึงอาหารขึ้นชื่ออย่างหน่อไม้ผัดผักดองเค็มของยุคปัจจุบัน กู้เสี่ยวหวานก็ลอบกลืนน้ำลาย ใบหัวไชเท้าที่หมักไว้ในบ้านเมื่อผ่านไปสองสามวันก็สามารถกินได้แล้ว หากใส่หน่อไม้ที่สดใหม่ไม่กี่หน่อเข้าไปด้วย เช่นนั้นรสชาติก็จะยิ่งสดอร่อยไม่มีอะไรเทียบได้แล้ว

“ไป พวกเราไปขุดหน่อไม้กัน!” กู้เสี่ยวหวานยากที่จะทนต่อการล่อลวงของอาหารรสเลิศได้จึงรีบสั่งพวกน้อง ๆ ทันที

“ช้าก่อนท่านพี่ ตอนนี้จะมีหน่อไม้ที่ไหนกันล่ะ ต้องรอให้ถึงฤดูใบไม้ผลิก่อน” กู้หนิงอันเห็นพี่สาวก้าวเท้ายาวเดินไปทางป่าไผ่ ก็รีบดึงกู้เสี่ยวหวานเอาไว้พร้อมกับเอ่ยขึ้น

“อะไรนะ?” กู้เสี่ยวหวานรู้สึกราวกับตกลงไปในก้นเหว และรู้สึกว่าจะต้องสอนพวกน้อง ๆ อีกครั้งหนึ่ง

“หน่อไม้ก่อนที่จะโผล่ออกมาจากพื้นดินเราเรียกว่าหน่อไม้ฤดูหนาว เมื่อโผล่ออกมาจากพื้นดินเราจะเรียกว่าหน่อไม้ฤดูใบไม้ผลิ ฉะนั้นที่พวกเจ้ารู้ว่าเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิถึงจะขุดหน่อไม้ได้ ก็คือหน่อไม้ฤดูใบไม้ผลิที่โผล่ออกมาจากดินแล้ว แต่ในตอนนี้ พวกเราจะต้องไปขุด เพราะมันคือหน่อไม้ฤดูหนาว ที่ยังไม่โผล่ออกมาจากพื้นดินน่ะ” กู้เสี่ยวหวานอธิบาย

“ท่านพี่ แล้วหน่อไม้ที่ยังไม่ได้โผล่ออกมา พวกเราจะหาเจอได้อย่างไรล่ะ!” กู้หนิงผิงถามขึ้นมาอย่างกระวนกระวายใจ

“ฉะนั้นถึงได้บอกอย่างไรล่ะว่าหน่อไม้ฤดูหนาวหายาก! ถึงต้องอาศัยสายตาอันเฉียบคมของพวกเราไปค้นหา” กู้เสี่ยวหวานพูดจบก็มองดูสีท้องฟ้า ตอนนี้สายมากแล้ว อีกทั้งทุกคนในตอนนี้ก็ยังไม่ได้นำเครื่องมือมา คาดว่าการขุดหน่อไม้คงต้องรอพรุ่งนี้แล้วล่ะ

“ช่างมันเถอะ รอพรุ่งนี้พวกเรานำจอบมาด้วยแล้วค่อยขุดเถอะ ตอนนี้ค่อนข้างจะเย็นแล้ว” กู้เสี่ยวหวานรู้สึกเสียดายเล็กน้อย แต่ในยามอาทิตย์ตกดินอากาศก็จะหนาวเย็น อีกทั้งภายในป่าไผ่เขียวชอุ่มหนาทึบนี้ก็มีทัศนวิสัยย่ำแย่ แถมหน่อไม้ยังซ่อนอยู่ใต้ดินอีก หากสายตาไม่ดีก็เกรงว่าจะหาไม่เจอ

เมื่อนึกได้ กู้เสี่ยวหวานจึงทำได้แค่พับเก็บความคิดนี้ก่อน

ระหว่างทาง กู้หนิงผิงก็ถามซอกแซกขึ้นมาไม่หยุด กู้เสี่ยวหวานจึงทำได้แค่ตอบไปทีละคำถาม

เช้าตรู่ในวันที่สอง เมื่อกู้เสี่ยวหวานและพวกน้อง ๆ กินอาหารเช้าแบบเรียบง่ายแล้ว จึงได้พาพวกน้อง ๆ ไปหยิบจอบ ตะกร้าและเครื่องมืออื่น ๆ พร้อมกับออกจากบ้านไปทางป่าไผ่

อีกสองวัน กู้เสี่ยวหวานตั้งใจจะเข้าไปในเมืองอีกครั้ง ซึ่งต้องไปเอารองเท้าใหม่กางเกงใหม่เสื้อผ้าใหม่ที่ตัดเย็บเสร็จแล้วกลับมา จากนั้นนางยังตั้งใจนำหน่อไม้ที่ขุดได้เหล่านี้ไปลองเสี่ยงขายในเมืองดู หน่อไม้นั้นอร่อยล้ำอยู่แล้ว เพียงแต่วิธีการปรุงอาหารของคนยุคนี้ยังไม่ถูกต้อง จึงไม่ได้ดึงรสชาติอันยอดเยี่ยมที่สุดของหน่อไม้ออกมา หากสามารถสอนวิธีทำเหล่านี้ได้ หน่อไม้เหล่านี้จะต้องมีราคาเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

ทางเดียวที่จะเข้าไปในป่าไผ่ก็คือทางที่อยู่ในหมู่บ้าน ในตอนนี้เองพวกเขาก็ได้พบกับหญิงคนหนึ่งที่ตื่นแต่เช้า ผู้หญิงคนนั้นกำลังสาดน้ำออกมาข้างนอกรั้ว ดวงตาดูสุกใสเป็นประกาย ชั่วครู่หนึ่งก็มองเห็นสี่พี่น้องที่เดินจับมือกันมา

ด้วยสายตาอันแหลมคมของกู้เสี่ยวหวาน แค่ได้ยินการเคลื่อนไหวอีกด้านหนึ่ง พวกเขาก็เห็นหญิงผู้หนึ่งกำลังยกอ่างไม้หนึ่งใบไว้ขณะมองดูพวกเขา

กู้เสี่ยวหวานรู้จักหญิงผู้นี้ นางคือแม่เหลียงเหยาภรรยาของช่างไม้เหลียงที่ซื่อสัตย์ที่สุดในหมู่บ้าน นางมีอายุสามสิบกว่าปี แต่งเข้าตระกูลเหลียงมาแล้วสิบกว่าปีก็ยังไม่มีลูกชายหรือลูกสาวเลยสักคน

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เจอของอร่อยอีกอย่างหนึ่งแล้ว มีความรู้ในการเอาตัวรอดมันก็ดีแบบนี้แหละ

ผญ.คนนี้เกี่ยวข้องอะไรกับเด็กสี่คนนี้หรือเปล่านะ

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *