Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล 34 การพัฒนาเหมือง (3)

Now you are reading Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล Chapter 34 การพัฒนาเหมือง (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 34 การพัฒนาเหมือง (3)

ณ ห้องทำงานของอัศวินแห่งรากันต์ที่อยู่ทางตะวันตกของคฤหาสน์

อาคารหลายหลังตั้งอยู่ใจกลางพื้นที่ขนาดใหญ่ และอาคารที่ใหญ่ที่สุดคืออาคารหลักที่มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการจัดเก็บและบำรุงรักษากิกันท์

“ท่านพ่อบ้าน.. ท่านมีธุระอะไรกับที่นี่กัน?”

ในขณะที่ฮานส์กำลังเข้าใกล้กิกันท์ อัศวินที่เฝ้าทางเข้าก็ถามเขา

ฮานส์เคยเป็นคนขับกิกันท์ ซึ่งถือเป็นตัวแทนของตระกูลรากันต์ และต่อมามันก็ได้รับการดูแลจากอัศวินและกองกำลังทหารแทน

“ข้ามีหลายสิ่งที่ต้องทำน่ะ แล้วการซ่อมกิกันท์ล่ะ”

“มันเป็นไปได้ด้วยดี ต้องขอบคุณเงินทุนที่นายน้อยมอบให้กับท่านมิวท์เมื่อวันก่อน”

มิวท์ได้นำเงินบางส่วนที่ลุคมอบให้กับเขา ไปใช้กับการสร้างหอคอยเวทมนตร์และจัดซื้อชิ้นส่วนและวัสดุที่จำเป็นสำหรับการซ่อมแซมกิกันท์

หอคอยเวทมนตร์นั้นเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างแน่นอน แต่เพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน เขาคิดว่าการฟื้นฟูกิกันท์และพลังรบนั้นสำคัญกว่า

การซ่อมแซมในครั้งนี้ได้ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของกิกันท์ทั้งสามที่อยู่ในสภาพที่แย่มากได้เป็นอย่างดี และกิกันท์เศษเหล็กที่ขึ้นสนิมอยู่ในโกดังก็ถูกนำมาสร้างใหม่เช่นเดียวกัน

ด้วยเหตุนี้มันจึงทำให้ขวัญกำลังใจของอัศวินเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ก่อนหน้านี้มีกิกันท์เพียงสามตัวที่สามารถใช้ได้ซึ่งทำให้อัศวินน้อยคนนักที่จะสามารถเป็นคนขับกิกันท์

แต่ตอนนี้เมื่อสามารถนำกิกันท์ที่ได้รับการฟื้นฟูกลับมาใช้งานได้แล้ว พวกเขาทุกคนก็เริ่มที่จะหลงไหลไปกับการฝึกกิกันท์

ในตอนแรกฮานส์ซึ่งรู้สึกไม่ค่อยพอใจสำหรับการตัดสินใจของลุคที่ต้องการจะลงทุนในเวทมนตร์ แต่เมื่อได้เห็นถึงขวัญกำลังใจของอัศวินเขาก็ตระหนักได้ว่าความคิดของเขานั้นยังเป็นอะไรที่แคบอยู่มาก

“ข้านึกว่าท่านมาที่นี่เพื่อพบนายน้อยซะอีก”

“อะไรนะ? นายน้อยมาที่นี่อย่างนั้นหรอ”

“ท่านไม่รู้เหรอ? เมื่อเช้าเขาพึ่งมาเรียนเรื่องวิศวกรรมเวทมนตร์จากท่านมิวท์ที่นี่ และเขาก็ยังมาเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องกิกันท์อีกด้วย”

ฮานส์ที่ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน รีบเดินเข้าไปข้างใน

หัวใจของเขาเต้นระรัวเมื่อคิดถึงนายน้อยที่ควบคุมกิกันท์อีกครั้ง

โชคดีที่ลุคเพียงแค่กำลังคุยกับมิวท์เกี่ยวกับกิกันท์เท่านั้น

“เซอร์มิวท์ วงเวทย์นี้ทำงานอย่างไรกัน”

“โอ้ มันมีวงเวทย์ทั้งหมดสามแบบในนั้น อันแรกคือวงเวทย์ต้านแรงโน้มถ่วงที่ช่วยในการกระโดดและวิ่ง ส่วนอันที่สองคือวงเวทย์ปรับสมดุลที่ช่วยยึดจุดศูนย์ถ่วงของกิกันท์ และวงเวทย์อันสุดท้ายคือวงเวทย์ทุติยภูมิซึ่งช่วยในการรวมวงเวทย์ทั้งสองอันแรกไว้ด้วยกัน…”

มิวท์กำลังอธิบายทุกอย่างที่เขารู้โดยละเอียด

บางสิ่งที่เขาพูดนั้นก้าวหน้ากว่าความรู้ที่ลุครู้ในอดีตไปมาก และยังมีทฤษฎีวงเวทย์ที่เขาเพิ่งจะเคยได้ยินเป็นครั้งแรก

“ตามที่คาดไว้เวทมนตร์ในยุคนี้ได้พัฒนาไปสู่ขั้นที่ซับซ้อนและมีหลากหลายซึ่งไม่สามารถเทียบได้กับในอดีต”

เมื่อฟังมิวท์พูดเสร็จ ลุคก็เริ่มคิดกับตัวเอง

เขารู้ว่าหลายสิ่งหลายอย่างอาจเปลี่ยนแปลงไปและดีขึ้น แต่เมื่อเขาฟังต่อไปเขาก็ตระหนักว่าเขายังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องเรียนรู้

ตัวอย่างเช่นในสมัยก่อนมือของโกเลมนั้นสามารถทำได้แค่จับและยกสิ่งของเท่านั้น รูปแบบมือของพวกมันยังไม่มีความคล้ายหรือเหมือนกับมือของมนุษย์

แต่มือของกิกันท์นั้นมีรูปร่างเหมือนกับมือของมนุษย์ พวกมันสามารถจับดาบและสามารถจะทำในสิ่งที่ละเอียดอ่อนได้มากขึ้น

ดังนั้นคนขับกิกันทั้เก่งๆจึงสามารถหยิบแก้วไวน์ด้วยมือของกิกันท์ได้อย่างง่ายดาย

และด้วยการศึกษาขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับเวทมนตร์โกเลมลุคสามารถเรียนรู้วิศวกรรมเวทมนตร์ได้โดยไม่ยาก

“แกนกลางซับซ้อนกว่าที่คิดแหะ”

“แน่นอน เพราะว่ามีการใช้วงเวทย์ของพ่อมดอย่างน้อย 20 ถึง 50 วง รวมกันเพื่อความปลอดภัยและยังมีอุปกรณ์ช่วยเหลือเพื่อป้องกันไม่ให้มานาหมดลงอีก”

“ถ้าอย่างนั้น จอมเวทเหล็กไหลก็ต้องจำสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดเลยหรอ

“ไม่จำเป็นต้องขนาดนั้นก็ได้ ท่านแค่ต้องใช้พ่อมดขั้น 7 และความรู้ในการออกแบบและสร้างกิกันท์  เพราะฉะนั้นก่อนหน้านั้นทุกคนจึงต้องเคยทำงานกับกิกันท์ที่อยู่ในสภาพแยกออกจากกัน”

“แล้วอย่างพวกเราละ ในดินแดนที่มีจอมเวทเหล็กไหลเพียงคนเดียวและแถมยังไม่ถึงขั้น 7 ด้วย”

“ถ้าอย่างนั้นเราก็แค่ต้องซื้อมาเปลี่ยน แม้ข้อเสียของมันคือการที่มีค่าใช้จ่ายในราคาแพง แต่ข้อดีของมันก็คือช่วยลดระยะเวลาในการซ่อมบำรุง”

นี่คือเหตุผลที่หอคอยเวทมนตร์ไม่ได้สร้างกิกันท์เพียงอย่างเดียวแต่ยังผลิตและขายชิ้นส่วนอะไหร่ซึ่งสามารถทำกำไรให้พวกเขาได้เป็นอย่างมาก

“ถ้าเราไม่สามารถสร้างหรือซ่อมแซมชิ้นส่วนได้แบบนี้ งั้นแบบนี้เราก็จะไม่ขึ้นอยู่กับหอคอยเวทมนตร์หรอ?”

“แน่นอนว่ามันมีปัญหาเช่นนี้อยู่ แต่ท่านก็อย่าพึ่งหลงลืมพลังของชนชั้นสูง พวกเขายังสามารถผลิตสินค้าและอะไหร่แบบเดียวกันได้ ดังนั้นพวกเราจึงไม่ต้เองไปยึดติดกัยหอคอยเวทมนตร์เพียงแห่งเดียว”

หากระบบถูกทำให้เชื่อถือได้ มันก็คงจะเป็นพ่อมดแม่มดที่จะปกครองโลกปัจจุบันไม่ใช่ขุนนาง

อย่างไรก็ตามหอคอยเวทมนตร์จะไม่เปิดเผยชิ้นส่วนที่มีประสิทธิภาพสูงและวงเวทย์ของเครื่องยนต์หลักเพราะสิ่งเหล่านี้ถือเป็นเครื่องหมายการค้าของพวกเขา

“พ่อมดชอบซ่อนของตลอดเวลา มันเหมือนกับได้ย้อนเวลากลับไปเลย”

ลุคต้องการที่จะมีอำนาจมากๆเพื่อทำการแก้แค้นของเขาให้สำเร็จ

เช่นเดียวกับกองทัพโกเลมในอดีต ตอนนี้เขาต้องการที่จะครอบครองกองทัพกิกันท์ที่ทรงพลัง

ในการทำจะเช่นนั้น แทนที่จะซื้อกิกันท์จากหอคอยเวทมนตร์ เขาต้องการจะหาวิธีที่ถูกกว่าในการสร้างมัน เพราะมันจะเป็นการดีกว่าเมื่อคิดถึงอนาคตในระยะยาว

แม้พวกเขาอาจจะด้อยกว่ากิกันท์คลาสนักรบซึ่งถูกผลิตขึ้นในหอคอยเวทมนตร์ก็ตาม

“ถ้ามิวท์ยังอยู่ในขั้นที่ 5 งั้นมันก็หมายความว่าข้าต้องเข้าร่วมหอคอยเวทมนตร์เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมอย่างนั้นหรอ หรือข้าจะลองลักพาตัวพ่อมดอาวุโสมาดี”

ด้วยทักษะปัจจุบันของลุค เขาสามารถที่จะลักพาตัวพ่อมดขั้น 7 ได้อย่างแน่นอน

เพราะจอมเวทเหล็กไหลนั้นเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นพวกที่ไม่เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้

ขณะที่ลุคกำลังดูเป็นกังวล ฮานส์ก็เข้าไปหาเขาแล้วพูดว่า

“นายน้อยท่านทำอะไรกันหรอ? เรียนวิศวกรรมเวทมนตร์…เอ่อ!”

ขณะที่เขากำลังพูด ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง

ฮานส์นั้นมีสายตาที่ไม่ค่อยดีเนื่องจากอาการสายตายาวที่เกิดขึ้นตามวัย แต่เมื่อเขามองเข้าไปใกล้ๆเขาก็เห็นลุคและมิวท์กำลังถอดชิ้นส่วนของกิกันท์ออกมาและดึงชิ้นส่วนทั้งหมดออกจากด้านใน

“นายน้อยตอนนี้พวกท่านกำลังทำอะไรอยู่กัน”

ลุคมองย้อนกลับไปแล้วตอบเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่

“ข้าแค่สงสัยว่าข้างในกิกันท์มันหน้าตาเป็นอย่างไร”

“ท่านเลยทำกับมันเป็นแบบนี้เหรอ”

ในบางครั้งคนขับกิกันท์บางคนก็สงสัยเกี่ยวกับโครงสร้างและประสิทธิภาพของสิ่งที่พวกเขากำลังขับ แต่ระดับความเข้าใจของลุคบังอยุ่ในระดับต่ำ

การแยกชิ้นส่วนและการประกอบกิกันท์โดยที่ไม่มีความรู้เกียวกับเรื่องเวทมนตร์ มันก็เหมือนกับการทำลายกิกันท์ดีๆนี่เอง

“แม้ว่าท่านจะต้องการ แต่นี่มัน…”

“หึ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือเครื่องจักร เราก็ต้องมองเข้าไปข้างในและดูมันให้ดีสิ”

“อ๊ะ…”

ฮานส์รู้สึกว่านี่มันเป็นเรื่องที่บ้าๆบอๆเอามากๆ

เขาคิดว่าลอร์ดหนุ่มกำลังรื้อกิกันท์เหมือนกับเด็กเอาแต่ใจ

“ตอนนี้ท่านแตกต่างไปมากแล้วจริงๆ”

อาจเป็นเพราะเขาได้เห็นความตายอย่างใกล้ชิด

ย้อนกลับไปตอนนั้นเขายังเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่เรียบง่าย แต่ในตอนนี้เขากลับเป็นเหมือนคนที่มองโลกยาวออกไป

“มันอาจจะเป็นแบบนั้น… แล้วเป็นยังไงบ้าง? ตอนนี้ท่านเห็นรายละเอียดเพิ่มเติมแล้ว ท่านคิดว่าท่านเข้าใจมันมากขึ้นรึยัง”

“ไม่ มันไม่ง่ายอย่างที่ข้าคิด”

“ใช่ อย่าหักโหมมากไปละ แค่เพียงเพราะเวทมนตร์กระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้และทักษะที่ลึกซึ้งมากมาย มันไม่ได้หมายความว่าท่านจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในทุกสาขา”

แม้จะรู้ถึงความตั้งใจของนายน้อย แต่ฮานส์ก็ยังคงต้องการให้ลุคได้รับการยกย่องว่าเป็นทายาทของอัศวิน ซึ่งเป็นสาเหตุที่เขาพูดเช่นนั้น

แต่ขณะนั้นเอง มิวท์ก็ได้พูดขึ้นมา

“ถึงกระนั้นนายน้อยก็สามารถเรียนรู้ทฤษฎีและความรู้เกี่ยวกับเวทมนตร์ได้อย่างรวดเร็ว เขามีค่ามากกว่าคนที่ท่านคิดจะให้เป็นมาก”

ขณะที่มิวท์กำลังชมลุค เขาก็มองกลับไปยังจุดๆหนึ่งด้วยสายตาที่เย็นชา

มันมีจอมเวทเหล็กสามคน ทอดด์,กอร์ดอนและฮัมฟรี้ที่เคยถูกลุคใช้งานพวกเขาเหมือนกันตัวหมากบนมือ กำลังยืนอยู่

หลังจากถูกทำร้ายร่างกายโดยไม่ได้ตั้งใจมาระยะหนึ่งแล้ว พวกเขาก็เริ่มทำงานอย่างหนักจนมั่นใจที่จะกล่าวได้ว่าพวกเขามีค่าพอ

“แต่ข้าสงสัยว่าเมื่อไหร่กันที่นายน้อยเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับเวทมนตร์?”

ลุคเริ่มใจสั่นหลังจากได้ยินคำถามของมิวท์และรีบแก้ตัวอย่างรวดเร็ว

“ข้าเพิ่งเรียนรู้มัน…ด้วยตัวเอง…”

“เรียนด้วยตัวเอง? ท่านเคยบอกกับข้าว่าท่านเกลียดเวทมนตร์ในตอนที่ข้าจะสอนท่านนี่นา”

“ฮ่าฮ่าฮ่ารู้ไหม…ในตอนที่ข้าเกือบตาย จู่ๆข้าก็อยากเรียนรู้เกี่ยวกับกิกันท์และเวทมนตร์น่ะ”

ในการแก้ตัวสีข้างถลอกของลุค มิวท์ก็ดูเหมือนว่าจะหลงเชื่อกับคำตอบของเขา

หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาก็ได้กลายเป็นสาวกที่ดุร้ายของลุค

“เจ้ายังต้องสอนข้าอีกมากมายในอนาคต”

“ข้าจะบอกท่านทุกอย่างที่ท่านอยากรู้”

“ฮ่าฮ่าขอบคุณ”

ฮานส์ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินทั้งสองคุยกัน

เขารู้สึกเหมือนกับว่านายน้อยของเขาอยากเป็นพ่อมดมากกว่าอัศวิน

ในฐานะผู้พิทักษ์ของนานยน้อยและตัวแทนของรากันต์ เขาต้องการให้ลุคได้กลายเป็นอัศวินที่ยอดเยี่ยม

“อย่างน้อยข้าก็ยังดีใจที่เขาไม่กลัวกิกันท์”

มันมีอัศวินมากมายที่มักจะหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้กิกันท์หลังจากประสบอุบัติเหตุครั้งใหญ่

แต่ลุคก็ดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ในช่วงนั้นเลย

นั่นก็เพราะเขายังคงเข้าใกล้กิกันท์และเฝ้าสังเกตพวกมันแม้ว่าเขาจะพึ่งเกิดอุบัติเหตุก็ตาม

“ระวังอย่าให้วงเวทย์นั่นเสียหาย…. อื้อ! อย่าสัมผัสศิลาเวทมนตร์สิ! หากการไหลของมานาที่ผิดเพี้ยนเพียงเล็กน้อยมันก็จะเปลี่ยนคลื่นมานาไปได้โดยสิ้นเชิง!”

“ไม่ต้องกังวล ข้ารู้เรื่องนั้นหรอก”

ลุคพยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับกิกันท์แทนที่จะกลัว

“ข้าหวังว่าท่านจะไม่หักโหมจนเกินไป”

เป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้เห็นนายน้อยของเขามีความพยายามและความทะเยอทะยานที่จะเหนือบรรพบุรุษของเขา

แต่ฮานส์ก็กลัวว่าความทะเยอทะยานของเขาจะทำให้เขาเกิดอุบัติเหตุอีกครั้ง เขาจึงเดินจากไปโดยหวังว่าลุคจะระมัดระวังตัว…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล 34 การพัฒนาเหมือง (3)

Now you are reading Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล Chapter 34 การพัฒนาเหมือง (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 34 การพัฒนาเหมือง (3)

ณ ห้องทำงานของอัศวินแห่งรากันต์ที่อยู่ทางตะวันตกของคฤหาสน์

อาคารหลายหลังตั้งอยู่ใจกลางพื้นที่ขนาดใหญ่ และอาคารที่ใหญ่ที่สุดคืออาคารหลักที่มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการจัดเก็บและบำรุงรักษากิกันท์

“ท่านพ่อบ้าน.. ท่านมีธุระอะไรกับที่นี่กัน?”

ในขณะที่ฮานส์กำลังเข้าใกล้กิกันท์ อัศวินที่เฝ้าทางเข้าก็ถามเขา

ฮานส์เคยเป็นคนขับกิกันท์ ซึ่งถือเป็นตัวแทนของตระกูลรากันต์ และต่อมามันก็ได้รับการดูแลจากอัศวินและกองกำลังทหารแทน

“ข้ามีหลายสิ่งที่ต้องทำน่ะ แล้วการซ่อมกิกันท์ล่ะ”

“มันเป็นไปได้ด้วยดี ต้องขอบคุณเงินทุนที่นายน้อยมอบให้กับท่านมิวท์เมื่อวันก่อน”

มิวท์ได้นำเงินบางส่วนที่ลุคมอบให้กับเขา ไปใช้กับการสร้างหอคอยเวทมนตร์และจัดซื้อชิ้นส่วนและวัสดุที่จำเป็นสำหรับการซ่อมแซมกิกันท์

หอคอยเวทมนตร์นั้นเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างแน่นอน แต่เพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน เขาคิดว่าการฟื้นฟูกิกันท์และพลังรบนั้นสำคัญกว่า

การซ่อมแซมในครั้งนี้ได้ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของกิกันท์ทั้งสามที่อยู่ในสภาพที่แย่มากได้เป็นอย่างดี และกิกันท์เศษเหล็กที่ขึ้นสนิมอยู่ในโกดังก็ถูกนำมาสร้างใหม่เช่นเดียวกัน

ด้วยเหตุนี้มันจึงทำให้ขวัญกำลังใจของอัศวินเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ก่อนหน้านี้มีกิกันท์เพียงสามตัวที่สามารถใช้ได้ซึ่งทำให้อัศวินน้อยคนนักที่จะสามารถเป็นคนขับกิกันท์

แต่ตอนนี้เมื่อสามารถนำกิกันท์ที่ได้รับการฟื้นฟูกลับมาใช้งานได้แล้ว พวกเขาทุกคนก็เริ่มที่จะหลงไหลไปกับการฝึกกิกันท์

ในตอนแรกฮานส์ซึ่งรู้สึกไม่ค่อยพอใจสำหรับการตัดสินใจของลุคที่ต้องการจะลงทุนในเวทมนตร์ แต่เมื่อได้เห็นถึงขวัญกำลังใจของอัศวินเขาก็ตระหนักได้ว่าความคิดของเขานั้นยังเป็นอะไรที่แคบอยู่มาก

“ข้านึกว่าท่านมาที่นี่เพื่อพบนายน้อยซะอีก”

“อะไรนะ? นายน้อยมาที่นี่อย่างนั้นหรอ”

“ท่านไม่รู้เหรอ? เมื่อเช้าเขาพึ่งมาเรียนเรื่องวิศวกรรมเวทมนตร์จากท่านมิวท์ที่นี่ และเขาก็ยังมาเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องกิกันท์อีกด้วย”

ฮานส์ที่ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน รีบเดินเข้าไปข้างใน

หัวใจของเขาเต้นระรัวเมื่อคิดถึงนายน้อยที่ควบคุมกิกันท์อีกครั้ง

โชคดีที่ลุคเพียงแค่กำลังคุยกับมิวท์เกี่ยวกับกิกันท์เท่านั้น

“เซอร์มิวท์ วงเวทย์นี้ทำงานอย่างไรกัน”

“โอ้ มันมีวงเวทย์ทั้งหมดสามแบบในนั้น อันแรกคือวงเวทย์ต้านแรงโน้มถ่วงที่ช่วยในการกระโดดและวิ่ง ส่วนอันที่สองคือวงเวทย์ปรับสมดุลที่ช่วยยึดจุดศูนย์ถ่วงของกิกันท์ และวงเวทย์อันสุดท้ายคือวงเวทย์ทุติยภูมิซึ่งช่วยในการรวมวงเวทย์ทั้งสองอันแรกไว้ด้วยกัน…”

มิวท์กำลังอธิบายทุกอย่างที่เขารู้โดยละเอียด

บางสิ่งที่เขาพูดนั้นก้าวหน้ากว่าความรู้ที่ลุครู้ในอดีตไปมาก และยังมีทฤษฎีวงเวทย์ที่เขาเพิ่งจะเคยได้ยินเป็นครั้งแรก

“ตามที่คาดไว้เวทมนตร์ในยุคนี้ได้พัฒนาไปสู่ขั้นที่ซับซ้อนและมีหลากหลายซึ่งไม่สามารถเทียบได้กับในอดีต”

เมื่อฟังมิวท์พูดเสร็จ ลุคก็เริ่มคิดกับตัวเอง

เขารู้ว่าหลายสิ่งหลายอย่างอาจเปลี่ยนแปลงไปและดีขึ้น แต่เมื่อเขาฟังต่อไปเขาก็ตระหนักว่าเขายังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องเรียนรู้

ตัวอย่างเช่นในสมัยก่อนมือของโกเลมนั้นสามารถทำได้แค่จับและยกสิ่งของเท่านั้น รูปแบบมือของพวกมันยังไม่มีความคล้ายหรือเหมือนกับมือของมนุษย์

แต่มือของกิกันท์นั้นมีรูปร่างเหมือนกับมือของมนุษย์ พวกมันสามารถจับดาบและสามารถจะทำในสิ่งที่ละเอียดอ่อนได้มากขึ้น

ดังนั้นคนขับกิกันทั้เก่งๆจึงสามารถหยิบแก้วไวน์ด้วยมือของกิกันท์ได้อย่างง่ายดาย

และด้วยการศึกษาขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับเวทมนตร์โกเลมลุคสามารถเรียนรู้วิศวกรรมเวทมนตร์ได้โดยไม่ยาก

“แกนกลางซับซ้อนกว่าที่คิดแหะ”

“แน่นอน เพราะว่ามีการใช้วงเวทย์ของพ่อมดอย่างน้อย 20 ถึง 50 วง รวมกันเพื่อความปลอดภัยและยังมีอุปกรณ์ช่วยเหลือเพื่อป้องกันไม่ให้มานาหมดลงอีก”

“ถ้าอย่างนั้น จอมเวทเหล็กไหลก็ต้องจำสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดเลยหรอ

“ไม่จำเป็นต้องขนาดนั้นก็ได้ ท่านแค่ต้องใช้พ่อมดขั้น 7 และความรู้ในการออกแบบและสร้างกิกันท์  เพราะฉะนั้นก่อนหน้านั้นทุกคนจึงต้องเคยทำงานกับกิกันท์ที่อยู่ในสภาพแยกออกจากกัน”

“แล้วอย่างพวกเราละ ในดินแดนที่มีจอมเวทเหล็กไหลเพียงคนเดียวและแถมยังไม่ถึงขั้น 7 ด้วย”

“ถ้าอย่างนั้นเราก็แค่ต้องซื้อมาเปลี่ยน แม้ข้อเสียของมันคือการที่มีค่าใช้จ่ายในราคาแพง แต่ข้อดีของมันก็คือช่วยลดระยะเวลาในการซ่อมบำรุง”

นี่คือเหตุผลที่หอคอยเวทมนตร์ไม่ได้สร้างกิกันท์เพียงอย่างเดียวแต่ยังผลิตและขายชิ้นส่วนอะไหร่ซึ่งสามารถทำกำไรให้พวกเขาได้เป็นอย่างมาก

“ถ้าเราไม่สามารถสร้างหรือซ่อมแซมชิ้นส่วนได้แบบนี้ งั้นแบบนี้เราก็จะไม่ขึ้นอยู่กับหอคอยเวทมนตร์หรอ?”

“แน่นอนว่ามันมีปัญหาเช่นนี้อยู่ แต่ท่านก็อย่าพึ่งหลงลืมพลังของชนชั้นสูง พวกเขายังสามารถผลิตสินค้าและอะไหร่แบบเดียวกันได้ ดังนั้นพวกเราจึงไม่ต้เองไปยึดติดกัยหอคอยเวทมนตร์เพียงแห่งเดียว”

หากระบบถูกทำให้เชื่อถือได้ มันก็คงจะเป็นพ่อมดแม่มดที่จะปกครองโลกปัจจุบันไม่ใช่ขุนนาง

อย่างไรก็ตามหอคอยเวทมนตร์จะไม่เปิดเผยชิ้นส่วนที่มีประสิทธิภาพสูงและวงเวทย์ของเครื่องยนต์หลักเพราะสิ่งเหล่านี้ถือเป็นเครื่องหมายการค้าของพวกเขา

“พ่อมดชอบซ่อนของตลอดเวลา มันเหมือนกับได้ย้อนเวลากลับไปเลย”

ลุคต้องการที่จะมีอำนาจมากๆเพื่อทำการแก้แค้นของเขาให้สำเร็จ

เช่นเดียวกับกองทัพโกเลมในอดีต ตอนนี้เขาต้องการที่จะครอบครองกองทัพกิกันท์ที่ทรงพลัง

ในการทำจะเช่นนั้น แทนที่จะซื้อกิกันท์จากหอคอยเวทมนตร์ เขาต้องการจะหาวิธีที่ถูกกว่าในการสร้างมัน เพราะมันจะเป็นการดีกว่าเมื่อคิดถึงอนาคตในระยะยาว

แม้พวกเขาอาจจะด้อยกว่ากิกันท์คลาสนักรบซึ่งถูกผลิตขึ้นในหอคอยเวทมนตร์ก็ตาม

“ถ้ามิวท์ยังอยู่ในขั้นที่ 5 งั้นมันก็หมายความว่าข้าต้องเข้าร่วมหอคอยเวทมนตร์เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมอย่างนั้นหรอ หรือข้าจะลองลักพาตัวพ่อมดอาวุโสมาดี”

ด้วยทักษะปัจจุบันของลุค เขาสามารถที่จะลักพาตัวพ่อมดขั้น 7 ได้อย่างแน่นอน

เพราะจอมเวทเหล็กไหลนั้นเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นพวกที่ไม่เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้

ขณะที่ลุคกำลังดูเป็นกังวล ฮานส์ก็เข้าไปหาเขาแล้วพูดว่า

“นายน้อยท่านทำอะไรกันหรอ? เรียนวิศวกรรมเวทมนตร์…เอ่อ!”

ขณะที่เขากำลังพูด ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง

ฮานส์นั้นมีสายตาที่ไม่ค่อยดีเนื่องจากอาการสายตายาวที่เกิดขึ้นตามวัย แต่เมื่อเขามองเข้าไปใกล้ๆเขาก็เห็นลุคและมิวท์กำลังถอดชิ้นส่วนของกิกันท์ออกมาและดึงชิ้นส่วนทั้งหมดออกจากด้านใน

“นายน้อยตอนนี้พวกท่านกำลังทำอะไรอยู่กัน”

ลุคมองย้อนกลับไปแล้วตอบเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่

“ข้าแค่สงสัยว่าข้างในกิกันท์มันหน้าตาเป็นอย่างไร”

“ท่านเลยทำกับมันเป็นแบบนี้เหรอ”

ในบางครั้งคนขับกิกันท์บางคนก็สงสัยเกี่ยวกับโครงสร้างและประสิทธิภาพของสิ่งที่พวกเขากำลังขับ แต่ระดับความเข้าใจของลุคบังอยุ่ในระดับต่ำ

การแยกชิ้นส่วนและการประกอบกิกันท์โดยที่ไม่มีความรู้เกียวกับเรื่องเวทมนตร์ มันก็เหมือนกับการทำลายกิกันท์ดีๆนี่เอง

“แม้ว่าท่านจะต้องการ แต่นี่มัน…”

“หึ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือเครื่องจักร เราก็ต้องมองเข้าไปข้างในและดูมันให้ดีสิ”

“อ๊ะ…”

ฮานส์รู้สึกว่านี่มันเป็นเรื่องที่บ้าๆบอๆเอามากๆ

เขาคิดว่าลอร์ดหนุ่มกำลังรื้อกิกันท์เหมือนกับเด็กเอาแต่ใจ

“ตอนนี้ท่านแตกต่างไปมากแล้วจริงๆ”

อาจเป็นเพราะเขาได้เห็นความตายอย่างใกล้ชิด

ย้อนกลับไปตอนนั้นเขายังเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่เรียบง่าย แต่ในตอนนี้เขากลับเป็นเหมือนคนที่มองโลกยาวออกไป

“มันอาจจะเป็นแบบนั้น… แล้วเป็นยังไงบ้าง? ตอนนี้ท่านเห็นรายละเอียดเพิ่มเติมแล้ว ท่านคิดว่าท่านเข้าใจมันมากขึ้นรึยัง”

“ไม่ มันไม่ง่ายอย่างที่ข้าคิด”

“ใช่ อย่าหักโหมมากไปละ แค่เพียงเพราะเวทมนตร์กระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้และทักษะที่ลึกซึ้งมากมาย มันไม่ได้หมายความว่าท่านจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในทุกสาขา”

แม้จะรู้ถึงความตั้งใจของนายน้อย แต่ฮานส์ก็ยังคงต้องการให้ลุคได้รับการยกย่องว่าเป็นทายาทของอัศวิน ซึ่งเป็นสาเหตุที่เขาพูดเช่นนั้น

แต่ขณะนั้นเอง มิวท์ก็ได้พูดขึ้นมา

“ถึงกระนั้นนายน้อยก็สามารถเรียนรู้ทฤษฎีและความรู้เกี่ยวกับเวทมนตร์ได้อย่างรวดเร็ว เขามีค่ามากกว่าคนที่ท่านคิดจะให้เป็นมาก”

ขณะที่มิวท์กำลังชมลุค เขาก็มองกลับไปยังจุดๆหนึ่งด้วยสายตาที่เย็นชา

มันมีจอมเวทเหล็กสามคน ทอดด์,กอร์ดอนและฮัมฟรี้ที่เคยถูกลุคใช้งานพวกเขาเหมือนกันตัวหมากบนมือ กำลังยืนอยู่

หลังจากถูกทำร้ายร่างกายโดยไม่ได้ตั้งใจมาระยะหนึ่งแล้ว พวกเขาก็เริ่มทำงานอย่างหนักจนมั่นใจที่จะกล่าวได้ว่าพวกเขามีค่าพอ

“แต่ข้าสงสัยว่าเมื่อไหร่กันที่นายน้อยเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับเวทมนตร์?”

ลุคเริ่มใจสั่นหลังจากได้ยินคำถามของมิวท์และรีบแก้ตัวอย่างรวดเร็ว

“ข้าเพิ่งเรียนรู้มัน…ด้วยตัวเอง…”

“เรียนด้วยตัวเอง? ท่านเคยบอกกับข้าว่าท่านเกลียดเวทมนตร์ในตอนที่ข้าจะสอนท่านนี่นา”

“ฮ่าฮ่าฮ่ารู้ไหม…ในตอนที่ข้าเกือบตาย จู่ๆข้าก็อยากเรียนรู้เกี่ยวกับกิกันท์และเวทมนตร์น่ะ”

ในการแก้ตัวสีข้างถลอกของลุค มิวท์ก็ดูเหมือนว่าจะหลงเชื่อกับคำตอบของเขา

หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาก็ได้กลายเป็นสาวกที่ดุร้ายของลุค

“เจ้ายังต้องสอนข้าอีกมากมายในอนาคต”

“ข้าจะบอกท่านทุกอย่างที่ท่านอยากรู้”

“ฮ่าฮ่าขอบคุณ”

ฮานส์ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินทั้งสองคุยกัน

เขารู้สึกเหมือนกับว่านายน้อยของเขาอยากเป็นพ่อมดมากกว่าอัศวิน

ในฐานะผู้พิทักษ์ของนานยน้อยและตัวแทนของรากันต์ เขาต้องการให้ลุคได้กลายเป็นอัศวินที่ยอดเยี่ยม

“อย่างน้อยข้าก็ยังดีใจที่เขาไม่กลัวกิกันท์”

มันมีอัศวินมากมายที่มักจะหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้กิกันท์หลังจากประสบอุบัติเหตุครั้งใหญ่

แต่ลุคก็ดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ในช่วงนั้นเลย

นั่นก็เพราะเขายังคงเข้าใกล้กิกันท์และเฝ้าสังเกตพวกมันแม้ว่าเขาจะพึ่งเกิดอุบัติเหตุก็ตาม

“ระวังอย่าให้วงเวทย์นั่นเสียหาย…. อื้อ! อย่าสัมผัสศิลาเวทมนตร์สิ! หากการไหลของมานาที่ผิดเพี้ยนเพียงเล็กน้อยมันก็จะเปลี่ยนคลื่นมานาไปได้โดยสิ้นเชิง!”

“ไม่ต้องกังวล ข้ารู้เรื่องนั้นหรอก”

ลุคพยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับกิกันท์แทนที่จะกลัว

“ข้าหวังว่าท่านจะไม่หักโหมจนเกินไป”

เป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้เห็นนายน้อยของเขามีความพยายามและความทะเยอทะยานที่จะเหนือบรรพบุรุษของเขา

แต่ฮานส์ก็กลัวว่าความทะเยอทะยานของเขาจะทำให้เขาเกิดอุบัติเหตุอีกครั้ง เขาจึงเดินจากไปโดยหวังว่าลุคจะระมัดระวังตัว…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+