Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล 42 ความตื่นเต้นในหอคอยเวทมนตร์ (1)

Now you are reading Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล Chapter 42 ความตื่นเต้นในหอคอยเวทมนตร์ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 42  ความตื่นเต้นในหอคอยเวทมนตร์ (1)

สามวันหลังจากการพยายามลอบสังหาร

ลุคและพรรคพวกได้มาถึงแบรนดอนซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางที่เป็นที่อยู่อาศัยของมาร์ควิส

โดยปกติแล้วพวกเขาจะต้องใช้เวลานานถึงสองเท่าในการไปที่นั่น แต่พวกเขาสามารถไปถึงที่นั่นได้ก่อนกำหนดเพราะรถพ่วงที่พวกเขาได้รับมาระหว่างทาง

แบรนดอนเป็นเมืองทางตอนใต้ที่มีประชากรมากกว่าเมืองลาเมอร์ซึ่งเป็นเมืองการค้าและวัฒนธรรมที่พัฒนาแล้ว ที่แบรนดอนนี้มันมีทั้งหอคอยเวทมนตร์โรงเรียนและห้องสมุดขนาดใหญ่และเล็ก

“นี่คือเมืองหลวงในอดีตของอาณาจักรมิลตันใช่ไหม”

เมื่อลุคมาถึงจัตุรัสกลางของเมือง เขาก็ถามขึ้นเมื่อมองไปที่รูปปั้นที่ตั้งอยู่ตรงกลาง

“ใช่แล้ว ข้ารู้มาว่ามันถูกเรียกว่า “วอร์พอร์ท” ในช่วงเวลานั้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ขุนนางในดินแดนนี้บางคนเรียกมาร์ควิสเมเยอร์สว่าเป็นราชา”

‘แน่นอน…’

เมื่อ 500 ปีก่อน เซย์ม่อนได้เข้ายึดครองเมืองหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นมันถูกเรียกว่าวอร์พอร์ต

เดิมทีเขาไม่ได้มีแผนหรือเจตนาอะไรที่จะไปโจมตีเมืองหลวงมิลตัน

แต่ในช่วงเวลานั้น ด้วยการที่อาณาจักรมิลตันเป็นพันธมิตรกับอาณาจักรลิเบียย่า กษัตริย์ของมิลตัลจึงไปหาดยุคบาล็อคและขอกองกำลังทหารมาเพื่อกำจัดกองกำลังแห่งความมืดของเซย์ม่อน

อย่างไรก็ตามการโจมตีเมืองหลวงก็ง่ายเหมือนกับการดึงเกล็ดของมังกรที่กำลังหลับใหลอยู่ออกมา

ด้วยเหตุนั้นลุคจึงสามารถเดินเข้าไปในอาณาจักรมิลตันและเข้ายึดเมืองหลวงได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

“หุหุหุสถานที่นี้ทำให้ข้านึกถึงเรื่องต่างๆมากมาย ในตอนนั้นลอร์ดของที่นี่ยังมุดหัวหลบด้วยความกลัวขี้หดตดแหกอยู่ในนั้นอยู่เลย”

ลุคยิ้มขณะมองไปที่พระราชวังหินอ่อนสีขาวซึ่งปัจจุบันถูกใช้เป็นคฤหาสน์ที่พำนักของลอร์ดคนปัจจุบัน

จากนั้นโรเจอร์สก็เริ่มพูดคุยเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเมือง

“ตอนนั้นนักบวชแบรนดอนได้นำเอาความช่วยเหลือจากเทพธิดาเบลีซ มาขับไล่ราชาปีศาจและช่วยเหลือเมืองเอาไว้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เมืองก็เปลี่ยนชื่อไปตามชื่อของนักบวชผู้ช่วยเมืองนี้เอาไว้”

“ความช่วยเหลือของเทพธิดา? อะไรวะนั่น… ไร้สาระ.. ข้าก็แค่ไม่อยากปฎิเสธคำขอของคนรู้จักเฉยๆ”

ใช่แล้ว แบรนดอนกับเซย์ม่อนนั้นเคยรู้จักกันมาก่อน

แบรนดอนซึ่งต่อมาได้กลายเป็นอาร์คบิชอปแห่งวอร์พอร์ตนั้นเคยเป็นคนที่รักษาเซย์ม่อนเมื่อตอนแรกๆที่เขาออกมาจากหอคอยเวทมนตร์เวอร์ริทัสพร้อมกับวงเวทย์ที่พังทลาย

เนื่องจากความกรุณาและเมตตาที่เขาเคยแสดงออกมาในอดีต เซย์ม่อนจึงไม่อาจปฎิเสธคำขอของเขาได้และยอมถอนตัวออกจากอาณาจักรนี้ตามคำขอของแบรนดอน

และเซย์ม่อนก็ไม่ได้มีเหตุผลที่จะยึดมั่นในอาณาจักรนั้นอยู่แล้ว

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เมืองนี้รอดมาได้เพราะคุณงามความดีที่แบรนดอนได้แสดงออกมา ไม่ใช่เพราะพลังหรือวิญญาณของเทพธิดาปัญญาอ่อนอะไร

“อย่างไรก็ตามแม้กองกำลังแห่งความมืดจะถอนกำลังไปแล้ว แต่เมืองก็อ่อนแอเกินกว่าจะต่อต้านการรุกรานของอาณาจักรอื่นๆ ท้ายที่สุดแล้ว เมืองนี้จึงถูกยึดไปโดยดยุกบาล็อค”

“เช่นนั้น การที่ดยุกบาล็อคไปผูกมิตรกับอาณาจักรที่อ่อนแอกว่าก็เป็นเพราะมันต้องการที่จะขยายอาณาเขตนี่เอง”

ขณะที่ลุคกำลังฟังเรื่องราวของโรเจอร์ส รถพ่วงก็ได้ขับไปใกล้กับมุมหนึ่งของจัตุรัสซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียงกับหอคอยเวทมนตร์เวอร์ริทัส

‘เมื่อข้าคิดถึงช่วงเวลาเก่าๆ ข้าก็ไม่ค่อยจะอยากซื้อกิกันท์ที่มาจากพวกมันเลยแหะ…’

มีคำพูดหนึ่งที่กล่าวไว้ว่า “เราควรให้เพื่อนของเราอยู่ใกล้ๆ และควรให้ศัตรูของเราอยู่ใกล้ยิ่งกว่า” นั่นเป็นเพราะการรู้จักศัตรูคือสิ่งที่จำเป็นที่จะต้องรู้เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ

ลุคยังอยากรู้ด้วยอีกว่าหอคอยเวทมนตร์นี้มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปอย่างไรในช่วง 500 ปีที่ผ่านมา

‘ถ้าสินค้าของพวกมันเป็นของดี ข้าก็จะซื้อมัน จากนั้นก็จะแยกส่วนมันออกจากกันแล้วหาข้อดีและข้อเสียของมัน แล้วจากนั้นจึงค่อยสร้างกิกันท์ที่สมบูรณ์แบบให้มากขึ้น!

ทันใดนั้นทหารยามคนหนึ่งก็โผล่ขึ้นมาและขวางทางเข้าของพวกเขาเอาไว้

“นี่ไม่ใช่สถานที่ที่ใครๆก็เข้าไปได้ เฉพาะขุนนางที่สูงกว่าระดับการเข้าถึงขั้นต่ำเท่านั้น จึงจะสามารถเข้าไปได้”

“ข้าเป็นผู้สืบทอดของไวเคานต์”

เมื่อเห็นลุคตอบกลับอย่างเย็นชา อัศวินก็มองเข้าไปข้างในแล้วปล่อยให้พวกเขาเข้าไป

แต่นั่นยังไม่สิ้นสุด มันยังมีพวกพ่อมดที่พวกเขาพบตอนเลือกซื้อกิกันท์ พวกเขาได้เข้ามาพูดคุยอย่าง…

“ท่านคือผู้สืบทอดของไวเคานต์รากันต์หรอ? ข้าได้ยินมาว่าท่านจน ท่านมีเงินพอที่จะซื้อกิกันท์จริงๆหรอ?”

เมื่อได้ยินคำถามจากพ่อมด โรเจอร์สและฟิลิปก็รู้สึกเหลืออดจนอยากจะตอบโต้กลับไป

อย่างไรก็ตามลุคก็ได้หยุดพวกเขาเอาไว้ ลุคนั้นรู้ดีว่าพวกเขาคงจะไปฆ่าปาดคอพ่อมดพวกนั้นแน่ๆหากเขาไม่ห้ามเอาไว้

“เราอาจจะไม่มีเงิน แต่เราก็ไม่ได้เสียเงินไปโง่ๆเหมือนพวกเจ้า”

ลุคตอบกลับไปพ่อมดไป นั่นจึงทำให้เหล่าอัศวินรู้สึกโล่งใจมากขึ้น

‘ชิ ดูเหมือนว่าที่นี่จะยังเหมือนเดิมนะ!’

จากการดูจำนวนอาคารขนาดใหญ่และความยาวของรั้วและห้องประชุม มันก็ทำให้เห็นได้ชัดว่าหอคอยเวทมนตร์เวอร์ริทัสนั้นมีขนาดใหญ่เพียงใด

แต่พวกเขายังคงเพิกเฉยและดูถูกผู้อื่นเหมือนในอดีต

ไม่ ความจริงแล้วมันมีการเปลี่ยนแปลง นั่นก็คือผู้คนที่นั่นดูเหมือนจะหยิ่งผยองมากขึ้น…

ในขณะที่ลุคแทบจะไม่สามารถยับยั้งความโกรธของเขาได้ โรเจอร์สก็พูดขึ้นด้วยเสียงต่ำ

“ขออภัยนายท่าน ที่ข้าไร้ความสามารถและทำให้ท่านต้องอับอายต่อหน้าผู้คน”

“ไม่เป็นไรนี่ มันไม่ใช่ความรับผิดชอบของเจ้า ความอัปยศอดสูที่เกิดขึ้นนี้ จะต้องได้รับการชดใช้ในภายหลังแน่นอน!”

ลุคปลอบใจโรเจอร์สที่รู้สึกแย่ ที่ทำให้ความภาคภูมิใจของลุคต้องเจ็บปวดและมัวหมองไป

และแล้วพวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังหอคอยถัดไป….

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล 42 ความตื่นเต้นในหอคอยเวทมนตร์ (1)

Now you are reading Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล Chapter 42 ความตื่นเต้นในหอคอยเวทมนตร์ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 42  ความตื่นเต้นในหอคอยเวทมนตร์ (1)

สามวันหลังจากการพยายามลอบสังหาร

ลุคและพรรคพวกได้มาถึงแบรนดอนซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางที่เป็นที่อยู่อาศัยของมาร์ควิส

โดยปกติแล้วพวกเขาจะต้องใช้เวลานานถึงสองเท่าในการไปที่นั่น แต่พวกเขาสามารถไปถึงที่นั่นได้ก่อนกำหนดเพราะรถพ่วงที่พวกเขาได้รับมาระหว่างทาง

แบรนดอนเป็นเมืองทางตอนใต้ที่มีประชากรมากกว่าเมืองลาเมอร์ซึ่งเป็นเมืองการค้าและวัฒนธรรมที่พัฒนาแล้ว ที่แบรนดอนนี้มันมีทั้งหอคอยเวทมนตร์โรงเรียนและห้องสมุดขนาดใหญ่และเล็ก

“นี่คือเมืองหลวงในอดีตของอาณาจักรมิลตันใช่ไหม”

เมื่อลุคมาถึงจัตุรัสกลางของเมือง เขาก็ถามขึ้นเมื่อมองไปที่รูปปั้นที่ตั้งอยู่ตรงกลาง

“ใช่แล้ว ข้ารู้มาว่ามันถูกเรียกว่า “วอร์พอร์ท” ในช่วงเวลานั้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ขุนนางในดินแดนนี้บางคนเรียกมาร์ควิสเมเยอร์สว่าเป็นราชา”

‘แน่นอน…’

เมื่อ 500 ปีก่อน เซย์ม่อนได้เข้ายึดครองเมืองหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นมันถูกเรียกว่าวอร์พอร์ต

เดิมทีเขาไม่ได้มีแผนหรือเจตนาอะไรที่จะไปโจมตีเมืองหลวงมิลตัน

แต่ในช่วงเวลานั้น ด้วยการที่อาณาจักรมิลตันเป็นพันธมิตรกับอาณาจักรลิเบียย่า กษัตริย์ของมิลตัลจึงไปหาดยุคบาล็อคและขอกองกำลังทหารมาเพื่อกำจัดกองกำลังแห่งความมืดของเซย์ม่อน

อย่างไรก็ตามการโจมตีเมืองหลวงก็ง่ายเหมือนกับการดึงเกล็ดของมังกรที่กำลังหลับใหลอยู่ออกมา

ด้วยเหตุนั้นลุคจึงสามารถเดินเข้าไปในอาณาจักรมิลตันและเข้ายึดเมืองหลวงได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

“หุหุหุสถานที่นี้ทำให้ข้านึกถึงเรื่องต่างๆมากมาย ในตอนนั้นลอร์ดของที่นี่ยังมุดหัวหลบด้วยความกลัวขี้หดตดแหกอยู่ในนั้นอยู่เลย”

ลุคยิ้มขณะมองไปที่พระราชวังหินอ่อนสีขาวซึ่งปัจจุบันถูกใช้เป็นคฤหาสน์ที่พำนักของลอร์ดคนปัจจุบัน

จากนั้นโรเจอร์สก็เริ่มพูดคุยเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเมือง

“ตอนนั้นนักบวชแบรนดอนได้นำเอาความช่วยเหลือจากเทพธิดาเบลีซ มาขับไล่ราชาปีศาจและช่วยเหลือเมืองเอาไว้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เมืองก็เปลี่ยนชื่อไปตามชื่อของนักบวชผู้ช่วยเมืองนี้เอาไว้”

“ความช่วยเหลือของเทพธิดา? อะไรวะนั่น… ไร้สาระ.. ข้าก็แค่ไม่อยากปฎิเสธคำขอของคนรู้จักเฉยๆ”

ใช่แล้ว แบรนดอนกับเซย์ม่อนนั้นเคยรู้จักกันมาก่อน

แบรนดอนซึ่งต่อมาได้กลายเป็นอาร์คบิชอปแห่งวอร์พอร์ตนั้นเคยเป็นคนที่รักษาเซย์ม่อนเมื่อตอนแรกๆที่เขาออกมาจากหอคอยเวทมนตร์เวอร์ริทัสพร้อมกับวงเวทย์ที่พังทลาย

เนื่องจากความกรุณาและเมตตาที่เขาเคยแสดงออกมาในอดีต เซย์ม่อนจึงไม่อาจปฎิเสธคำขอของเขาได้และยอมถอนตัวออกจากอาณาจักรนี้ตามคำขอของแบรนดอน

และเซย์ม่อนก็ไม่ได้มีเหตุผลที่จะยึดมั่นในอาณาจักรนั้นอยู่แล้ว

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เมืองนี้รอดมาได้เพราะคุณงามความดีที่แบรนดอนได้แสดงออกมา ไม่ใช่เพราะพลังหรือวิญญาณของเทพธิดาปัญญาอ่อนอะไร

“อย่างไรก็ตามแม้กองกำลังแห่งความมืดจะถอนกำลังไปแล้ว แต่เมืองก็อ่อนแอเกินกว่าจะต่อต้านการรุกรานของอาณาจักรอื่นๆ ท้ายที่สุดแล้ว เมืองนี้จึงถูกยึดไปโดยดยุกบาล็อค”

“เช่นนั้น การที่ดยุกบาล็อคไปผูกมิตรกับอาณาจักรที่อ่อนแอกว่าก็เป็นเพราะมันต้องการที่จะขยายอาณาเขตนี่เอง”

ขณะที่ลุคกำลังฟังเรื่องราวของโรเจอร์ส รถพ่วงก็ได้ขับไปใกล้กับมุมหนึ่งของจัตุรัสซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียงกับหอคอยเวทมนตร์เวอร์ริทัส

‘เมื่อข้าคิดถึงช่วงเวลาเก่าๆ ข้าก็ไม่ค่อยจะอยากซื้อกิกันท์ที่มาจากพวกมันเลยแหะ…’

มีคำพูดหนึ่งที่กล่าวไว้ว่า “เราควรให้เพื่อนของเราอยู่ใกล้ๆ และควรให้ศัตรูของเราอยู่ใกล้ยิ่งกว่า” นั่นเป็นเพราะการรู้จักศัตรูคือสิ่งที่จำเป็นที่จะต้องรู้เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ

ลุคยังอยากรู้ด้วยอีกว่าหอคอยเวทมนตร์นี้มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปอย่างไรในช่วง 500 ปีที่ผ่านมา

‘ถ้าสินค้าของพวกมันเป็นของดี ข้าก็จะซื้อมัน จากนั้นก็จะแยกส่วนมันออกจากกันแล้วหาข้อดีและข้อเสียของมัน แล้วจากนั้นจึงค่อยสร้างกิกันท์ที่สมบูรณ์แบบให้มากขึ้น!

ทันใดนั้นทหารยามคนหนึ่งก็โผล่ขึ้นมาและขวางทางเข้าของพวกเขาเอาไว้

“นี่ไม่ใช่สถานที่ที่ใครๆก็เข้าไปได้ เฉพาะขุนนางที่สูงกว่าระดับการเข้าถึงขั้นต่ำเท่านั้น จึงจะสามารถเข้าไปได้”

“ข้าเป็นผู้สืบทอดของไวเคานต์”

เมื่อเห็นลุคตอบกลับอย่างเย็นชา อัศวินก็มองเข้าไปข้างในแล้วปล่อยให้พวกเขาเข้าไป

แต่นั่นยังไม่สิ้นสุด มันยังมีพวกพ่อมดที่พวกเขาพบตอนเลือกซื้อกิกันท์ พวกเขาได้เข้ามาพูดคุยอย่าง…

“ท่านคือผู้สืบทอดของไวเคานต์รากันต์หรอ? ข้าได้ยินมาว่าท่านจน ท่านมีเงินพอที่จะซื้อกิกันท์จริงๆหรอ?”

เมื่อได้ยินคำถามจากพ่อมด โรเจอร์สและฟิลิปก็รู้สึกเหลืออดจนอยากจะตอบโต้กลับไป

อย่างไรก็ตามลุคก็ได้หยุดพวกเขาเอาไว้ ลุคนั้นรู้ดีว่าพวกเขาคงจะไปฆ่าปาดคอพ่อมดพวกนั้นแน่ๆหากเขาไม่ห้ามเอาไว้

“เราอาจจะไม่มีเงิน แต่เราก็ไม่ได้เสียเงินไปโง่ๆเหมือนพวกเจ้า”

ลุคตอบกลับไปพ่อมดไป นั่นจึงทำให้เหล่าอัศวินรู้สึกโล่งใจมากขึ้น

‘ชิ ดูเหมือนว่าที่นี่จะยังเหมือนเดิมนะ!’

จากการดูจำนวนอาคารขนาดใหญ่และความยาวของรั้วและห้องประชุม มันก็ทำให้เห็นได้ชัดว่าหอคอยเวทมนตร์เวอร์ริทัสนั้นมีขนาดใหญ่เพียงใด

แต่พวกเขายังคงเพิกเฉยและดูถูกผู้อื่นเหมือนในอดีต

ไม่ ความจริงแล้วมันมีการเปลี่ยนแปลง นั่นก็คือผู้คนที่นั่นดูเหมือนจะหยิ่งผยองมากขึ้น…

ในขณะที่ลุคแทบจะไม่สามารถยับยั้งความโกรธของเขาได้ โรเจอร์สก็พูดขึ้นด้วยเสียงต่ำ

“ขออภัยนายท่าน ที่ข้าไร้ความสามารถและทำให้ท่านต้องอับอายต่อหน้าผู้คน”

“ไม่เป็นไรนี่ มันไม่ใช่ความรับผิดชอบของเจ้า ความอัปยศอดสูที่เกิดขึ้นนี้ จะต้องได้รับการชดใช้ในภายหลังแน่นอน!”

ลุคปลอบใจโรเจอร์สที่รู้สึกแย่ ที่ทำให้ความภาคภูมิใจของลุคต้องเจ็บปวดและมัวหมองไป

และแล้วพวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังหอคอยถัดไป….

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+