Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล 45 ความตื่นเต้นในหอคอยเวทมนตร์ (4)

Now you are reading Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล Chapter 45 ความตื่นเต้นในหอคอยเวทมนตร์ (4) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 45 ความตื่นเต้นในหอคอยเวทมนตร์ (4)

“ฟู่.. ข้าเกือบโดนจับได้แล้วสิ”

เจมสันถอนหายใจอย่างโล่งอกขณะที่เขาเดินเข้าไปในห้องในห้องสมุด

“เขาคงไม่รู้หรอกเนื่องจากเขาเป็นจอมเวทแห่งการรักษา”

สิ่งที่วาดบนม้วนหนังสือก็คือพิมพ์เขียวของกิกันท์อย่างที่ปีเตอร์คิด นอกจากนี้มันยังเป็นพิมพ์เขียวของ “แอทลาส” เวอร์ชันล่าสุดซึ่งกำลังได้รับการพัฒนาที่สำนักงานใหญ่ของเมืองหลวงของจักรวรรดิ

สิ่งนี้เป็นผลมาจากความพยายามครั้งยิ่งใหญ่ของเจมสัน

เมื่อสามสิบปีก่อนเจมสันพ่อมดผู้แข็งแกร่งในวัยยี่สิบกลางๆนั้นได้รับการยกย่องว่าเป็นพ่อมดอัจฉริยะที่จะเป็นผู้นำโลกแห่งเวทมนตร์ร่วมกับอัลเบิร์ตซึ่งเป็นผู้นำแห่งหอคอยเวทมนตร์เวอร์ริทัสคนปัจจุบัน

พ่อมดอัจฉริยะทั้งสองต่างก็ช่วยกันศึกษามันกันอย่างใกล้ชิด

จากนั้นพวกเขาก็เข้าร่วมทีมพัฒนาของแกนเครื่องยนต์อันใหม่

‘แต่วงเวทย์ที่อัลเบิร์ตใช้อย่างมั่นใจนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดปัญหา’

อัลเบิร์ตยืนยันอย่างหนักแน่นว่าวงเวทย์ที่เขาใช้ใหม่นั้นจะดีและไม่เกิดข้อผิดพลาดแน่นอน

ท้ายที่สุดแล้ว แกนเครื่องยนต์ก็ยังคงเกิดปัญหาและทำให้ทั้งเวิร์คช็อปติดอยู่ในกระแสย้อนกลับของมานาขนาดใหญ่

ในขณะที่พ่อมดหลายคนล้มลงด้วยแรงกระแทก เจมสันก็สามารถปิดการทำงานของแกนเครื่องยนต์และป้องกันไม่ให้อุบัติเหตุลุกลามสำเร็จ

อย่างไรก็ตาม เพื่อหยุดยั้งการทำงานของแกนเครื่องยนต์ มันจึงต้องแลกมาด้วยการที่วงเวทย์ของเขาจะถูกจำกัดอยู่ในขั้น 5 ตลอดไป

แต่อัลเบิร์ตกลับเป็นคนที่ได้รับการสรรเสริญและกลายเป็นผู้นำคนถัดไปของหอคอย และแน่นอนเขาไม่ได้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ในเวลานั้นผู้นำแห่งหอคอยเวทมนตร์เวอร์ริทัสก็คือพ่อของอัลเบิร์ตและเจมสันไม่สามารถทนต่อการกระทำนั้นได้

อุบัติเหตุในครั้งนั้นเกิดขึ้นเพราะอัลเบิร์ตอย่างเห็นได้ชัด

ท้ายที่สุดเขาจึงเลือกที่จะพัฒนามันต่อเพียงคนเดียวเท่านั้น

“หอคอยเวทมนตร์ที่กลืนกินผู้คน!”

เมื่อพิจารณาว่ามันเกิดขึ้นมานานแล้วความโกรธของเขาก็ยังคงหวนกลับคืนมาเสมอ

หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น อัลเบิร์ตก็หันหลังให้เจมสัน

เนื่องจากเจมสันดีขึ้นเล็กน้อยพวกเขาคิดว่าเขาสามารถมีส่วนร่วมในหอคอยเวทย์มนตร์ได้ และพวกเขาสามารถให้เขาเป็นผู้อาวุโสได้ แต่พวกเขาเลือกที่จะส่งเขาไปที่สาขาที่ห่างไกลจากเมืองหลวงของจักรวรรดิ

การผลักไส

ในเวลานั้นเจมสันได้แต่ทำตามคำสั่งอย่างเงียบๆ แม้ลึกๆแล้วเขาจะยังคงมีความแค้นอยู่เต็มหัวใจ

เรื่องทั้งหมดนี่ทำให้เขาต้องการที่จะลบล้างหอคอยเวทมนตร์เวอร์ริทัสออกไป

หลังจากถูกขับไล่มานาน ในที่สุดความพยายามก็ทำให้เขาสามารถคว้าพิมพ์เขียวของแอทลาสได้สำเร็จ

‘ถ้าข้าตีความตัวเลขและวงเวทย์ที่ใช้กับการออกแบบ และส่งออกไปยังหอคอยเวทมนตร์ 10 อันดับแรกอื่นๆได้ ข้าก็จะได้รับการปฏิบัติอย่างมาก แน่นอนว่าเวอร์ริทัสจะต้องดิ้นรนเหมือนหมาบ้าแน่!

เจมสันอยากรู้ว่าตอนนั้นอัลเบิร์ตจะทำสีหน้าเช่นไรอย่างไร

เมื่อนึกถึงอนาคตที่กำลังจะมาถึง เจมสันเริ่มทำการตีความพิมพ์เขียวเพื่อใช้ในการแก้แค้นของเขา

แต่แล้ว…

กร๊ากกก!

ทันใดนั้นประตูก็เปิดออกอย่างน่าประหลาดใจ เจมสันก็รีบซ่อนพิมพ์เขียว และถามอย่างแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“ห้ะ ใครอยู่ข้างนอกนั่นนะ”

แต่ไม่มีคำตอบกลับมา

เขาลุกขึ้นและเดินเข้าไปใกล้ๆกับประตูห้องสมุดด้านใน

เขามองไปรอบๆแต่ไม่มีใครอยู่ในสายตาของเขา

“มันแปลกจริงๆ.. มันไม่ควรจะเปิดเองแบบนี้ได้”

บนประตูนั้นมีเวทมนตร์รักษาความปลอดภัยประทับอยู่

ดังนั้นลมจึงไม่สามารถเปิดประตูได้ด้วยแรง

“แปลกจริงๆ…เอ่อ!”

ทันใดนั้นเจมสันรู้สึกประหลาดใจเมื่อเขาหันกลับไปที่จุดของเขาเบื้องหน้าของเขาคือผู้ชายที่ดูเหมือนตัวเขาเองเป๊ะ

*เจมสันอีกคนมองเจมสันอีกคนซึ่งทำให้เจมสันอีกคนกลัว

** ชายที่อยู่ตรงหน้าเขากำลังมองเขาด้วยรอยยิ้มซึ่งทำให้เจมสันที่มองดูอยู่เริ่มรู้สึกกลัว

“เห้ย เจ้าคือตัวอะไร?”

“ช้าไป..”

กระสุนเวทมนตร์ที่ทรงพลังพุ่งออกมาจากปลายนิ้วของสิ่งมีชีวิตลึกลับ มันพุ่งเร็วกว่าลูกศรใด และแล้วกระสุนสีม่วงก็พุ่งเข้าใส่เจมสัน

“อ๊ะ!”

เขาสำลักออกมา แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่าก็คือกระสุนเวทมนตร์นัดนี้สามารถที่จะสั่นสะเทือนวงเวทย์ที่อยู่ในจิตใจของเขาได้

มันคล้ายกับความตกใจที่พ่อมดจะได้รับเมื่อถูกกระแทกที่หัวใจ

ท้ายที่สุดร่างปริศนาที่ปรากฏขึ้นมาก็คือ ลุค นั่นเอง เขาเริ่มหัวเราพอย่างน่ากลัวใส่เจมสัน

“หึหึ พ่อมดขั้น 6 ที่ไม่สามารถทนต่อกระสุนเวทมนตร์ของพ่อมดขั้น 3 ได้อย่างนั้นหรอ”

ในแง่ของการทำลายล้างและการรุกราน เวทมนตร์แห่งความมืดนั้นแข็งแกร่งกว่าเวทมนตร์ทั่วไปเสมอ

ถึงอย่างนั้น การที่พ่อมดขั้น 3 จะสามารถล้มพ่อมดขั้น 6 ได้ก็ไม่ใช่เรื่องปกติอยู่ดี

แต่เหตุผลนั้นง่ายมาก ก็แค่ฝ่ายตรงข้ามนั้นอ่อนแอมากก็แค่นั้น

“เชอะ ข้าได้ยินมาว่าจอมเวทเหล็กไหลถูกสร้างขึ้นมาให้แข็งแกร่งเหมือนกำแพงสำหรับสงคราม แต่ทำไมเจ้าช่างเปราะบางเสียเหลือเกิน”

ในอดีตแม้จะมีสาขาของพ่อมดที่เฉพาะเจาะจง แต่ทุกคนก็จะต้องได้รับการฝึกฝนขั้นพื้นฐานในลักษณะที่หลากหลายมาก่อน

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว

ท้ายที่สุดลุคก็ถอดมนต์ลล่องหนของเขาและกลับสู่ร่างเดิม

จากนั้นเขาก็มองไปที่คอลเลกชันในห้องสมุด

“มันมีแต่หนังสือเวทมนตร์ขั้น 5 ขึ้นไปเท่านั้น นี่พวกเขาใช้มันทำอะไรกัน”

ริมฝีปากของลุคบิดเป็นวินาที

เขามองไปที่หนังสือสองสามเล่ม หนังสือที่เก็บไว้ในห้องสมุดนั้นมีจำนวนที่เยอะและหลากหลายมากกว่าที่เขาคาดไว้

“หนังสือเวทย์มนตร์ของหอคอยเวทมนตร์อันอื่นๆ ดูเหมือนวิสัยทัศน์ของพวกเขาจะถูกพัฒนาขึ้นไปเยอะมากในช่วง 500 ปีที่ผ่านมา”

ไม่ว่าจะเรื่องความเชี่ยวชาญในเวทมนตร์ของโกเลมหรือการสร้างแกนเครื่องยนต์สำหรับกิกันท์ในยุคแรกๆ ลุคก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมพวกเขาถึงใช้เวลาตั้ง 500 ปี

“เพื่อที่จะเรียนรู้แก่นแท้ของวิศวกรรมเวทย์มนตร์ที่สั่งสมมาจนถึงตอนนี้และในการผลิตกิกันท์ที่มีในระดับปัจจุบันนั้น เราคงจะต้องทำงานและเรียนรู้อย่างหนักซะแล้วสิ”

ลุคทิ้งทุกสิ่งที่ดูเหมือนจะมีประโยชน์ในพื้นที่ซัปสเปสที่อยู่ในสร้อยข้อมือของเขา

ขณะที่เขาเดินผ่านที่นั่งที่เจมสันนั่งก่อนหน้านี้ เขาก็ได้พบเข้ากับหนังสือและม้วนหนังสือ

หนังสือเล่มนั้นดูเหมือนจะสรุปหลักการของการศึกษาทางวิศวกรรมเครื่องกลที่สะสมมาหลายปีของหอคอยเวทมนตร์เวอริทัส

นอกจากนี้มันง่ายกว่ามากที่จะเข้าใจเพราะสิ่งที่เจมสันบันทึกไว้

“ด้วยสิ่งนี้ข้าก็จะสามารถสร้างกิกันท์ที่ไม่เหมือนใครได้”

สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คือม้วนคัมภีย์ที่ทำมาจากกระดาษ

ด้วยภาพวาดที่ซับซ้อนและสูตรเวทมนตร์ที่วุ่นวาย เมื่อเขามองดูมันดีๆเขาก็พบว่ามันคือพิมพ์เขียวของกิกันท์

มันดูเหมือนจะเป็นกิกันท์ที่มีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม มันเกือบจะทรงพลังเท่าที่กิกันท์ตัวหนึ่งจะสามารถเป็นไปได้

“แอทลาส สิ่งนี่จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่ออสังหาริมทรัพย์และหอคอยเวทมนตร์ของเราในอนาคต”

ในที่สุดหลังจากรับพิมพ์เขียวของแอทลาสไป

ในที่สุดลุคก็เสร็จสิ้นการซื้อของที่เขาต้องการแล้ว แต่ขู่ๆเขาก็หยุดเดินกลางคันเหมือนกับว่าเขายังไม่เต็มใจที่จะออกไป

“มันจะไม่ทำให้ข้าเสียใจได้ หากออกไปทั้งๆแบบนี้…”

เมื่อพูดเสร็จลุคก็ดีดนิ้วของเขา เปลวไฟปรากฎขึ้นเหนือนิ้วของลุคพร้อมกับรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าของเขา…..

อ่านจนหิวข้าว อ่านประหยัด อ่านอย่างยืนหยัดอดทน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล 45 ความตื่นเต้นในหอคอยเวทมนตร์ (4)

Now you are reading Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล Chapter 45 ความตื่นเต้นในหอคอยเวทมนตร์ (4) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 45 ความตื่นเต้นในหอคอยเวทมนตร์ (4)

“ฟู่.. ข้าเกือบโดนจับได้แล้วสิ”

เจมสันถอนหายใจอย่างโล่งอกขณะที่เขาเดินเข้าไปในห้องในห้องสมุด

“เขาคงไม่รู้หรอกเนื่องจากเขาเป็นจอมเวทแห่งการรักษา”

สิ่งที่วาดบนม้วนหนังสือก็คือพิมพ์เขียวของกิกันท์อย่างที่ปีเตอร์คิด นอกจากนี้มันยังเป็นพิมพ์เขียวของ “แอทลาส” เวอร์ชันล่าสุดซึ่งกำลังได้รับการพัฒนาที่สำนักงานใหญ่ของเมืองหลวงของจักรวรรดิ

สิ่งนี้เป็นผลมาจากความพยายามครั้งยิ่งใหญ่ของเจมสัน

เมื่อสามสิบปีก่อนเจมสันพ่อมดผู้แข็งแกร่งในวัยยี่สิบกลางๆนั้นได้รับการยกย่องว่าเป็นพ่อมดอัจฉริยะที่จะเป็นผู้นำโลกแห่งเวทมนตร์ร่วมกับอัลเบิร์ตซึ่งเป็นผู้นำแห่งหอคอยเวทมนตร์เวอร์ริทัสคนปัจจุบัน

พ่อมดอัจฉริยะทั้งสองต่างก็ช่วยกันศึกษามันกันอย่างใกล้ชิด

จากนั้นพวกเขาก็เข้าร่วมทีมพัฒนาของแกนเครื่องยนต์อันใหม่

‘แต่วงเวทย์ที่อัลเบิร์ตใช้อย่างมั่นใจนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดปัญหา’

อัลเบิร์ตยืนยันอย่างหนักแน่นว่าวงเวทย์ที่เขาใช้ใหม่นั้นจะดีและไม่เกิดข้อผิดพลาดแน่นอน

ท้ายที่สุดแล้ว แกนเครื่องยนต์ก็ยังคงเกิดปัญหาและทำให้ทั้งเวิร์คช็อปติดอยู่ในกระแสย้อนกลับของมานาขนาดใหญ่

ในขณะที่พ่อมดหลายคนล้มลงด้วยแรงกระแทก เจมสันก็สามารถปิดการทำงานของแกนเครื่องยนต์และป้องกันไม่ให้อุบัติเหตุลุกลามสำเร็จ

อย่างไรก็ตาม เพื่อหยุดยั้งการทำงานของแกนเครื่องยนต์ มันจึงต้องแลกมาด้วยการที่วงเวทย์ของเขาจะถูกจำกัดอยู่ในขั้น 5 ตลอดไป

แต่อัลเบิร์ตกลับเป็นคนที่ได้รับการสรรเสริญและกลายเป็นผู้นำคนถัดไปของหอคอย และแน่นอนเขาไม่ได้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ในเวลานั้นผู้นำแห่งหอคอยเวทมนตร์เวอร์ริทัสก็คือพ่อของอัลเบิร์ตและเจมสันไม่สามารถทนต่อการกระทำนั้นได้

อุบัติเหตุในครั้งนั้นเกิดขึ้นเพราะอัลเบิร์ตอย่างเห็นได้ชัด

ท้ายที่สุดเขาจึงเลือกที่จะพัฒนามันต่อเพียงคนเดียวเท่านั้น

“หอคอยเวทมนตร์ที่กลืนกินผู้คน!”

เมื่อพิจารณาว่ามันเกิดขึ้นมานานแล้วความโกรธของเขาก็ยังคงหวนกลับคืนมาเสมอ

หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น อัลเบิร์ตก็หันหลังให้เจมสัน

เนื่องจากเจมสันดีขึ้นเล็กน้อยพวกเขาคิดว่าเขาสามารถมีส่วนร่วมในหอคอยเวทย์มนตร์ได้ และพวกเขาสามารถให้เขาเป็นผู้อาวุโสได้ แต่พวกเขาเลือกที่จะส่งเขาไปที่สาขาที่ห่างไกลจากเมืองหลวงของจักรวรรดิ

การผลักไส

ในเวลานั้นเจมสันได้แต่ทำตามคำสั่งอย่างเงียบๆ แม้ลึกๆแล้วเขาจะยังคงมีความแค้นอยู่เต็มหัวใจ

เรื่องทั้งหมดนี่ทำให้เขาต้องการที่จะลบล้างหอคอยเวทมนตร์เวอร์ริทัสออกไป

หลังจากถูกขับไล่มานาน ในที่สุดความพยายามก็ทำให้เขาสามารถคว้าพิมพ์เขียวของแอทลาสได้สำเร็จ

‘ถ้าข้าตีความตัวเลขและวงเวทย์ที่ใช้กับการออกแบบ และส่งออกไปยังหอคอยเวทมนตร์ 10 อันดับแรกอื่นๆได้ ข้าก็จะได้รับการปฏิบัติอย่างมาก แน่นอนว่าเวอร์ริทัสจะต้องดิ้นรนเหมือนหมาบ้าแน่!

เจมสันอยากรู้ว่าตอนนั้นอัลเบิร์ตจะทำสีหน้าเช่นไรอย่างไร

เมื่อนึกถึงอนาคตที่กำลังจะมาถึง เจมสันเริ่มทำการตีความพิมพ์เขียวเพื่อใช้ในการแก้แค้นของเขา

แต่แล้ว…

กร๊ากกก!

ทันใดนั้นประตูก็เปิดออกอย่างน่าประหลาดใจ เจมสันก็รีบซ่อนพิมพ์เขียว และถามอย่างแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“ห้ะ ใครอยู่ข้างนอกนั่นนะ”

แต่ไม่มีคำตอบกลับมา

เขาลุกขึ้นและเดินเข้าไปใกล้ๆกับประตูห้องสมุดด้านใน

เขามองไปรอบๆแต่ไม่มีใครอยู่ในสายตาของเขา

“มันแปลกจริงๆ.. มันไม่ควรจะเปิดเองแบบนี้ได้”

บนประตูนั้นมีเวทมนตร์รักษาความปลอดภัยประทับอยู่

ดังนั้นลมจึงไม่สามารถเปิดประตูได้ด้วยแรง

“แปลกจริงๆ…เอ่อ!”

ทันใดนั้นเจมสันรู้สึกประหลาดใจเมื่อเขาหันกลับไปที่จุดของเขาเบื้องหน้าของเขาคือผู้ชายที่ดูเหมือนตัวเขาเองเป๊ะ

*เจมสันอีกคนมองเจมสันอีกคนซึ่งทำให้เจมสันอีกคนกลัว

** ชายที่อยู่ตรงหน้าเขากำลังมองเขาด้วยรอยยิ้มซึ่งทำให้เจมสันที่มองดูอยู่เริ่มรู้สึกกลัว

“เห้ย เจ้าคือตัวอะไร?”

“ช้าไป..”

กระสุนเวทมนตร์ที่ทรงพลังพุ่งออกมาจากปลายนิ้วของสิ่งมีชีวิตลึกลับ มันพุ่งเร็วกว่าลูกศรใด และแล้วกระสุนสีม่วงก็พุ่งเข้าใส่เจมสัน

“อ๊ะ!”

เขาสำลักออกมา แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่าก็คือกระสุนเวทมนตร์นัดนี้สามารถที่จะสั่นสะเทือนวงเวทย์ที่อยู่ในจิตใจของเขาได้

มันคล้ายกับความตกใจที่พ่อมดจะได้รับเมื่อถูกกระแทกที่หัวใจ

ท้ายที่สุดร่างปริศนาที่ปรากฏขึ้นมาก็คือ ลุค นั่นเอง เขาเริ่มหัวเราพอย่างน่ากลัวใส่เจมสัน

“หึหึ พ่อมดขั้น 6 ที่ไม่สามารถทนต่อกระสุนเวทมนตร์ของพ่อมดขั้น 3 ได้อย่างนั้นหรอ”

ในแง่ของการทำลายล้างและการรุกราน เวทมนตร์แห่งความมืดนั้นแข็งแกร่งกว่าเวทมนตร์ทั่วไปเสมอ

ถึงอย่างนั้น การที่พ่อมดขั้น 3 จะสามารถล้มพ่อมดขั้น 6 ได้ก็ไม่ใช่เรื่องปกติอยู่ดี

แต่เหตุผลนั้นง่ายมาก ก็แค่ฝ่ายตรงข้ามนั้นอ่อนแอมากก็แค่นั้น

“เชอะ ข้าได้ยินมาว่าจอมเวทเหล็กไหลถูกสร้างขึ้นมาให้แข็งแกร่งเหมือนกำแพงสำหรับสงคราม แต่ทำไมเจ้าช่างเปราะบางเสียเหลือเกิน”

ในอดีตแม้จะมีสาขาของพ่อมดที่เฉพาะเจาะจง แต่ทุกคนก็จะต้องได้รับการฝึกฝนขั้นพื้นฐานในลักษณะที่หลากหลายมาก่อน

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว

ท้ายที่สุดลุคก็ถอดมนต์ลล่องหนของเขาและกลับสู่ร่างเดิม

จากนั้นเขาก็มองไปที่คอลเลกชันในห้องสมุด

“มันมีแต่หนังสือเวทมนตร์ขั้น 5 ขึ้นไปเท่านั้น นี่พวกเขาใช้มันทำอะไรกัน”

ริมฝีปากของลุคบิดเป็นวินาที

เขามองไปที่หนังสือสองสามเล่ม หนังสือที่เก็บไว้ในห้องสมุดนั้นมีจำนวนที่เยอะและหลากหลายมากกว่าที่เขาคาดไว้

“หนังสือเวทย์มนตร์ของหอคอยเวทมนตร์อันอื่นๆ ดูเหมือนวิสัยทัศน์ของพวกเขาจะถูกพัฒนาขึ้นไปเยอะมากในช่วง 500 ปีที่ผ่านมา”

ไม่ว่าจะเรื่องความเชี่ยวชาญในเวทมนตร์ของโกเลมหรือการสร้างแกนเครื่องยนต์สำหรับกิกันท์ในยุคแรกๆ ลุคก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมพวกเขาถึงใช้เวลาตั้ง 500 ปี

“เพื่อที่จะเรียนรู้แก่นแท้ของวิศวกรรมเวทย์มนตร์ที่สั่งสมมาจนถึงตอนนี้และในการผลิตกิกันท์ที่มีในระดับปัจจุบันนั้น เราคงจะต้องทำงานและเรียนรู้อย่างหนักซะแล้วสิ”

ลุคทิ้งทุกสิ่งที่ดูเหมือนจะมีประโยชน์ในพื้นที่ซัปสเปสที่อยู่ในสร้อยข้อมือของเขา

ขณะที่เขาเดินผ่านที่นั่งที่เจมสันนั่งก่อนหน้านี้ เขาก็ได้พบเข้ากับหนังสือและม้วนหนังสือ

หนังสือเล่มนั้นดูเหมือนจะสรุปหลักการของการศึกษาทางวิศวกรรมเครื่องกลที่สะสมมาหลายปีของหอคอยเวทมนตร์เวอริทัส

นอกจากนี้มันง่ายกว่ามากที่จะเข้าใจเพราะสิ่งที่เจมสันบันทึกไว้

“ด้วยสิ่งนี้ข้าก็จะสามารถสร้างกิกันท์ที่ไม่เหมือนใครได้”

สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คือม้วนคัมภีย์ที่ทำมาจากกระดาษ

ด้วยภาพวาดที่ซับซ้อนและสูตรเวทมนตร์ที่วุ่นวาย เมื่อเขามองดูมันดีๆเขาก็พบว่ามันคือพิมพ์เขียวของกิกันท์

มันดูเหมือนจะเป็นกิกันท์ที่มีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม มันเกือบจะทรงพลังเท่าที่กิกันท์ตัวหนึ่งจะสามารถเป็นไปได้

“แอทลาส สิ่งนี่จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่ออสังหาริมทรัพย์และหอคอยเวทมนตร์ของเราในอนาคต”

ในที่สุดหลังจากรับพิมพ์เขียวของแอทลาสไป

ในที่สุดลุคก็เสร็จสิ้นการซื้อของที่เขาต้องการแล้ว แต่ขู่ๆเขาก็หยุดเดินกลางคันเหมือนกับว่าเขายังไม่เต็มใจที่จะออกไป

“มันจะไม่ทำให้ข้าเสียใจได้ หากออกไปทั้งๆแบบนี้…”

เมื่อพูดเสร็จลุคก็ดีดนิ้วของเขา เปลวไฟปรากฎขึ้นเหนือนิ้วของลุคพร้อมกับรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าของเขา…..

อ่านจนหิวข้าว อ่านประหยัด อ่านอย่างยืนหยัดอดทน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+