Reincarnation Of The Strongest Sword God 2736

Now you are reading Reincarnation Of The Strongest Sword God Chapter 2736 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2736 สภาสิบแปดปีกที่บ้าไปแล้ว

ป่าใบไม้ผลิ เมืองป่าหิน โรงแรมอิสระ :

“นี่สภาสิบแปดปีกกำลังคิดอะไรอยู่ ?” มู่หลิงชาซึ่งกำลังพักผ่อนอยู่ในห้องในโรงแรมอิสระยืนขึ้นด้วยความประหลาดใจ เมื่อเธอเห็นประกาศล่าสุดของสภาสิบแปดปีกในเมืองป่าหิน “ห้าม NPC เข้าเมืองในช่วงเวลานี้เนี่ยนะ ? แม้แต่เมืองป่าหินก็จะไม่สามารถทนการสูญเสียแบบนี้ได้ !!!”

หลังจากได้อ่านประกาศของเมือง อันยีลดิ้งฮาร์ทที่นั่งอยู่ใกล้ๆก็มีท่าทีครุ่นคิด ก่อนจะพูดว่า “แต่นี่มันก็เป็นวิธีหนึ่งในการแก้ปัญหาเรื่อง NPC นะ”

“ด้วยต้นทุนที่คิดเป็นรายได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของเมืองเนี่ยนะ ? นี่มันจะไม่มากเกินไปหน่อยงั้นหรอ ? ยิ่งไปกว่านั้นสภาสิบแปดปีกยังเพิ่มค่าเข้าเมืองเป็นยี่สิบเหรียญเงินต่อคน เพื่อชดเชยการสูญเสียนี้ ฉันคิดว่าผู้เล่นทั่วไปน่าจะรับกับค่าเข้าเมืองนี้ไม่ได้นะ และแม้แต่เมืองป่าหินในปัจจุบันก็ยังจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากนการรักษาฐานผู้เล่นไว้แน่นอน ไม่ต้องพูดถึงเมืองกิลอีกสองเมืองของสภาสิบแปดปีกเลย” มู่หลิงชากล่าวด้วยความสับสน “ฝั่งของโลกแห่งความมืดเองก็กำลังจับตาดูเราอยู่ หากเราแสดงสัญญาแห่งความอ่อนแอออกมา ฝั่งโลกแห่งความมืดก็จะเริ่มเคลื่อนไหวแน่นอน”

“ฉันไม่รู้เหตุผลที่แน่ชัดในการตัดสินใจของสภาสิบแปดปีกหรอกนะ แต่นี่ก็นับเป็นข่าวดีสำหรับกิลเราอย่างไม่ต้องสงสัย” อันยีลดิ้งฮาร์ทกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“การเพิ่มค่าเข้าเมืองป่าหินแบบนี้ มันจะทำให้ผู้เล่นหลายคนเลือกจะถอยหนีไปอย่างไม่ต้องสงสัย ในขณะเดียวกันคุณก็รู้ดีนี่ว่าสภาพแวดล้อมในเมืองป่าหินนั้นยอดเยี่ยมมากขนาดไหน มันนับเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดที่ตั้งอยู่ในแผนที่เป็นกลางเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยสำหรับผู้เล่นที่ต้องการจะกำจัดพลังงานแปลกปลอมออกจากร่างกายของพวกเขา นอกจากนี้มันก็ยังไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถเทียบกับโรงแรมอิสระได้เลยในขณะนี้” อันยีลดิ้งฮาร์ทอธิบาย “หากผู้เล่นเริ่มถอยหนีออกจากเมืองป่าหิน มันก็จะมีห้องว่างในโรงแรมอิสระมากขึ้นแน่นอน ซึ่งเราสามารถจะให้สมาชิกกิลของเราเข้ามาเติมเต็มห้องว่างเหล่านี้ได้”

“คุณพูดถูก ….” ดวงตาของมู่หลิงชาเปล่งประกาย เมื่อเธอเริ่มตระหนักได้ถึงเรื่องราวทั้งหมดจากคำอธิบายของอันยีลดิ้งฮาร์ท “ฉันจะแจ้งไปยังหัวหน้ากิล และให้เขาเตรียมการที่จำเป็นทันที”
ก่อนการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรก เมืองป่าหินนั้นมีผู้คนหนาแน่นอย่างมาก ในขณะเดียวกันการที่เมืองมี NPC หลั่งไหลเข้ามามากขึ้นอย่างกระทันหัน มันก็ทำให้เมืองแออัดมากขึ้นเท่านั้น และประชากรของเมืองนั้นก็เพิ่มขึ้นมากซะจนผู้จัดการเมืองไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเริ่มจำกัดการเดินทางเข้าเมือง ซึ่งหาก NPC และผู้เล่นหลายคนจำเป็นจะต้องออกจากเมืองป่าหิน มันก็จะเป็รโอกาสดีสำหรับอันยีลดิ้งโซลในการจะพัฒนาที่นี่

เมืองป่าหินนั้นเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลางแค่ไม่กี่แห่งใน God domain ที่มีผู้เล่นเป็นเจ้าของ หากอันยีลดิ้งโซลสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ได้ เลเวลเฉลี่ยของสมาชิกกิลของพวกเขาก็อาจจะสูงกว่ากิลอื่นๆ

จักรวรรดิออร์ค เมืองปีกสีเงิน :

“นี่มันบ้าชัดๆ !! สภาสิบแปดปีกต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ !!!”

“ไอ้เรื่อง NPC ถูกขับไล่ออกไปน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ทำไมค่าเช่าถึงต้องแพงขึ้นด้วย ? นี่มันจะต้องเป็นแผนของสภาสิบแปดปีกแน่นอน !!! สภาสิบแปดปีกคงคิดจะขับไล่ผู้เล่นพ่อค้าอย่างพวกเราออกไปจากเมืองปีกสีเงินด้วย !!!”

“สภาสิบแปดปีกนั้นยอดเยี่ยมมากๆ !!! ฉันสนับสนุนการกระทำแบบนี้ของสภาสิบแปดปีก !!! การไล่ NPC พวกนี้ออกมาน่ะถูกต้องแล้ว เพราะท้ายที่สุดนี่มันเป็นเมืองที่ถูกสร้างโดยผู้เล่น !!! และฉันไม่สามารถจะรับเควสได้ก็เพราะ NPC พวกนี้เลย !!!”

ผู้ที่อยู่อาศัยในเมืองปีกสีเงินต่างมีความคิดเห็นที่หลากหลายเกี่ยวกับประกาศ และกฎระเบียบใหม่ล่าสุดของสภาสิบแปดปีก บางคนก็แสดงความเห็นว่าสภาสิบแปดปีกบ้าไปแล้ว ในขณะที่บางคนก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้

ในขณะเดียวกันเมื่อมหาอำนาจต่างๆได้รับข่าวเกี่ยวกับการตัดสินใจครั้งนี้ของสภาสิบแปดปีก พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะกิล ….

“สภาสิบแปดปีกนี่ช่างกล้าหาญจริงๆ !!! ฉันอยากรู้จังว่ากิลจะทนทำแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน !!!”

“ในขณะที่คนอื่นๆกำลังรับสมัครสมาชิกกันอย่างบ้าคลั่ง และคิดว่าจะรักษาชีวิตของตัวเองไว้อย่างไร สภาสิบแปดปีกกับเลือกที่จะไล่คนออกไป !!! ดูเหมือนว่าสภาสิบแปดปีกจะหยิ่งผยองมากขึ้นเยอะเลยทีเดียว หลังจากช่วยให้ฟรอสต์ฮีฟเว่นได้รับตำแหน่งสำรองของหนึ่งในสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”

“ตอนนี้เมื่อเมืองปีกสีเงินได้ริเริ่มจะถอยหลังกลับ งั้นมันก็นับโอกาสดีที่กิลเราจะได้เติบโตขึ้นมาในจักรวรรดิออร์ค !!! ถ่ายทอดคำสั่งของฉันออกไป เราจะลดค่าเข้าเมืองของกิลเราลงครึ่งหนึ่งทันที !!! นอกจากนี้เราก็จะลดข้อกำหนดในการรับสมัครสมาชิกเข้ากิลเราด้วย !!!”

เมื่อมหาอำนาจต่างๆเห็นสภาสิบแปดปีกกระทำแบบนี้ พวกเขาก็ฉวยโอกาสเข้ามาเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในจักรวรรดิออร์คของสภาสิบแปดปีกทันที

ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง จำนวนผู้เล่นที่เข้าสู่เมืองกิลทั้งสามเมืองของสภาสิบแปดปีกก็ลดลงอย่างมาก ผู้เล่นทั่วไปหลายคนที่ปฎิบัติการในจักรวรรดิออร์ค ได้เลือกจะไปที่เมืองกิลอื่นๆแทน และรายได้ที่สภาสิบแปดปีกสร้างได้จาก NPC ก็ลดลงอย่างรวดเร็ว

“หัวหน้ากิล นี่มันค่อนข้างจะแย่เลยนะ ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เมืองกิลทั้งสามเมืองของเราสูญเสียผู้เล่นที่เข้ามาเยี่ยมชมไปมากกว่ายี่สิบเปอเซ็นต์แล้ว ในอัตรานี้เราจะโชคดีมากแล้ว หากสามารถรักษาผู้เล่นของเมืองไว้ได้เกินสิบเปอเซ็นต์ ….” ยู่หลานกล่าว หลังจากที่เธอติดต่อซือเฟิงมาอย่างเร่งด่วน เธอรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะบ้าแล้วเมื่อได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้

ทั้งหมดนี้มันคือเงิน ! เงิน !! และเงิน !!!

เนื่องจากตอนนี้เสวี่ยเหวินโหรวและอควาโรสไม่ได้อยู่ในสถานะที่เหมาะสมที่จะทำหน้าที่จัดการกิลได้ ดังนั้นตอนนี้ผู้ที่ทำหน้าที่บริหารจัดการกิลจิงๆ มันจึงเหลือแค่สองคนเท่านั้น ซึ่งก็คือเหลียงจิง และยู่หลาน

ก่อนหน้านี้ทั้งสองนั้นยังไม่ทราบถึงสถานการณ์ที่แน่นอนของสภาสิบแปดปีกมากนัก อย่างไรก็ตามหลังจากรับภาระของรองหัวหน้ากิลทั้งสองมา พวกเขาก็พบว่าสภาสิบแปดปีกนั้นเดินไต่อยู่บนเชือกเส้นเดียวมาโดยตลอด ตอนนี้สถานการณ์ทางการเงินของกิลนั้นแทบจะไม่สมดุลเลย

ซึ่งหากสภาสิบแปดปีกต้องสูญเสียรายได้ส่วนใหญ่ในเมืองกิลทั้งสามเมืองไป กิลก็ไม่น่าจะสามารถดำเนินงานได้ตามปกติ เพราะท้ายที่สุดระบบฝึกในโลกแห่งความจริง
ของกิลนั้นจำเป็นจะต้องใช้พลังงานจำนวนมากในการดำเนินการ ยิ่งไปกว่านั้นกิลยังได้เพิ่มจำนวนสมาชิกภายในของกิลขึ้นเป็นห้าพันคน ดังนั้นรายจ่ายของกิลแต่ละวันมันจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก

เพื่อทำให้เรื่องแย่ลง สภาสิบแปดปีกนั้นไม่ยอมรับการเข้ามาลงทุนของบริษัทยักษ์ใหญ่เลย และหากกิลสูญเสียรายได้ที่เป็นเหรียญในเกมส่วนใหญ่ไปตอนนี้ กิลก็จะล้มละลายในเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์แน่นอน

“ฉันเข้าใจแล้ว” ซือเฟิงพยักหน้าพลางหัวเราะเบาๆ เมื่อเขาเห็นท่าทีและสีหน้าของยู่หลาน “แต่นี่มันเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงชั่วคราวเท่านั้น”

“เปลี่ยนแปลงชั่วคราว ?” ยู่หลานรู้สึกว่าเธอกำลังจะเป็นลม เมื่อเธอได้ฟังคำพูดของซือเฟิง

พวกเขาสูญเสียรายได้ไปหลายแสนเหรียญทองต่อวัน !!!

ยิ่งไปกว่านั้นกิลขนาดใหญ่ต่างๆที่ปฎิบัติการอยู่ในจักรวรรดิออร์คก็ไม่ได้หยุดการพัฒนาเมืองกิลของตน และแม้ว่ามันจะไม่มีใครในหมู่พวกเขาที่มีเมืองขนาดใหญ่ขั้นพื้นฐาน แต่พวกเขาก็ล้วนมีเมืองขั้นสูงกันแล้ว นอกจากนี้กิลเหล่านี้ยังได้รับเงินจำนวนมากจากนักลงทุนของพวกเขา ดังนั้นสิ่งอำนวยความสะดวกในเมืองของพวกเขาจึงไม่ได้ต่างจากเมืองปีกสีเงินมากนักเลย ความแตกต่างที่สำคัญคือระดับความปลอดภัย และความสะดวกสบายในเมืองเหล่านี้ยังคงห่างไกลจากเมืองปีกสีเงินก็เท่านั้น

ซือเฟิงยิ้มและถามว่า “เธอบอกได้ไหมว่าอาคารที่เธอเห็นตรงหน้านี้คืออะไร ?”

ช่วงเวลาต่อมาสิ่งที่ปรากฎบนหน้าจอของยู่หลานก็คืออาคารขนาดใหญ่สูงห้าชั้น และอาคารนี้มันก็มีกำแพงสูงล้อมรอบอาคาร ซึ่งช่วยแยกอาคารออกไปจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง และความหนาแน่นของมานาภายในกำแพงนั้นก็สูงกว่าภายนอกมากๆ ยิ่งไปกว่านั้นอาคารนี้ยังดูเหมือนกับห้องเทเลพอร์ตที่ถูกพบได้ในเมืองของ NPC

“ห้องเทเลพอร์ต ?” ยู่หลานตอบพลางอ้าปากค้าง

“ถูกต้อง มันคือห้องเทเลพอร์ต” ซือเฟิงพยักหน้า “ยิ่งไปกว่านั้นห้องเทเลพอร์ตนี้ยังเหมือนกับที่พบได้ในเมืองของ NPC ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือห้องเทเลพอร์ตนี้สามารถจะเทเลพอร์ตผู้เล่นไปยังเมืองของ NPC ที่กำหนดได้เพียงแห่งเดียวเท่านั้น”

“แต่แม้ว่ามันจะสามารถช่วยให้ผู้เล่นเทเลพอร์ตไปยังเมืองของ NPC ได้ แต่ฉันก็คิดว่าค่าเทเลพอร์ต มันไม่น่าจะใช่สิ่งที่ผู้เล่นทั่วไปจะสามารถจ่ายได้นะ” ยู่หลานกล่าว หลังจากสงบสติอารมณ์ลง

มันนับเป็นความสะดวกสบายอย่างมากสำหรับเมืองกิลที่มีห้องเทเลพอร์ตไว้ในครอบครอง เพราะด้วยห้องเทเลพอร์ตนี้ ผู้เล่นที่ต้องการจะเดินทางมายังเมืองปีกสีเงิน และเมืองของ NPC ก็จะสามารถทำได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ

อย่างไรก็ตาม ความสะดวกสบายนี้ไม่ได้ ได้มาแบบฟรีๆ

ค่าเทเลพอร์ตระหว่างประเทศนั้นมันสูงอย่างไม่น่าเชื่อ และมันก็เริ่มตั้งแต่หลายสิบเหรียญเงินไปจนถึงหลายเหรียญทอง นี่คือเหตุผลที่ทำให้ผู้เล่นส่วนใหญ่เลือกจะเดินทางโดยเรือเหาะหรือไม่ก็อะเม้าท์

ดังนั้นต่อให้เมืองปีกสีเงินมีห้องเทเลพอร์ต มันก็จะไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาให้ผู้เล่นมากนักเลย และสำหรับการจะเทเลพอร์ตจากจักรวรรดิออร์ค ไปยังเมืองของ NPC ผู้เล่นก็สามารถจะใช้ม้วนคัมภีร์วาร์ปกลับเมืองได้

“ที่เธอพูดมามันก็ถูก แต่ห้องเทเลพอร์ตนี้มันเชื่อมโยงกับสถานที่ที่ค่อนข้างพิเศษ” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาเข้าใจถึงสิ่งที่ยู่หลานคิดอยู่ในใจดี

“ปลายทางไม่ใช่เมืองของ NPC งั้นหรอ ?” ยู่หลานถามด้วยความงงงวย แม้ว่าห้องเทเลพอร์ตของเมืองปีกสีเงินจะเชื่อมต่อกับเมืองหลวงของจักรวรรดิ แต่มันก็ไม่น่าจะช่วยอะไรสภาสิบแปดปีกในปัจจุบันได้มากนัก

“ปลายทางคือเมืองของ NPC นั่นแหละ เพียงแต่ว่าเมืองของ NPC เมืองนี้มันจะแตกต่างจากเมืองอื่นอยู่บ้าง ….” ซือเฟิงพยักหน้า จากนั้นเขาก็กล่าวเสริมว่า “เธอจะยังไม่เข้าใจมันในตอนนี้หรอก แม้ว่าฉันจะอธิบายให้เธอฟังก็ตาม อย่างไรก็ตามตอนนี้ห้องเทเลพอร์ตได้ถูกสร้างขึ้นแล้ว รีบติดต่อไปยังอันยีลดิ้งโซลและจักรพรรดิคริมสันให้หน่อย บอกให้พวกเขาส่งตัวแทนมาพบฉันที่เมืองปีกสีเงิน บอกไปว่าฉันมีข้อเสนอทางธุรกิจที่ดีๆสำหรับพวกเขา”

“เราจะเชิญพวกเขามาตอนนี้เลยงั้นหรอ ?” ยู่หลานถามด้วยความสับสน

ขณะนี้มหาอำนาจต่างๆกำลังเริ่มทำการลดอิทธิพลของพวกเขาลง และไม่มีใครที่อยู่ในช่วงเวลาที่ดีนัก และแม้ว่าซือเฟิงจะเชิญอันยีลดิ้งโซลกับจักรพรรดิคริมสันมาพูดคุยเรื่องข้อเสนอทางธุรกิจ แต่ทั้งสองกิลก็จะไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาให้กับสภาสิบแปดปีกตอนนี้ได้แน่นอน

“ใช่แล้ว ตอนนี้เลย นี่มันเป็นสิ่งที่สภาสิบแปดปีกจะสามารถผูกขาดได้ยากมากๆ ดังนั้นเราจึงต้องการตัวช่วย ….” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า

“หัวหน้ากิล พวกเราจะทำอะไรกัน ?” ยู่หลานอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความอยากรู้

สภาสิบแปดปีกในปัจจุบันนี้ ไม่เหมือนกับในอดีตอีกต่อไป ตอนนี้กิลนั้นมีความแข็งแกร่งที่น่าเหลือเชื่อมากๆอยู่ กระนั้นซือเฟิงกับตั้งใจจะขอความช่วยเหลือจากมหาอำนาจทั้งสองกลุ่ม ซึ่งนี่มันจะต้องนับว่าเป็นปฎิบัติการใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเลือกช่วงเวลาที่ล่อแหลมมากๆในการดำเนินการ ความผิดพลาดใดๆที่เกิดขึ้น มันอาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่สำหรับกิลได้อย่างง่ายดาย

เมื่อได้ยินคำถามของยู่หลาน ซือเฟิงก็หัวเราะเบาๆ ก่อนที่เขาจะพูดอย่างสบายๆว่า “มันก็ไม่มีอะไรมากหรอก มันก็แค่ปฎิบัติการที่จะเปลี่ยนให้สภาสิบแปดปีกกลายเป็นยักษ์ใหญ่ที่แท้จริงใน God domain เท่านั้น !!!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด