Reincarnation Of The Strongest Sword God 2748

Now you are reading Reincarnation Of The Strongest Sword God Chapter 2748 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2748 ยอมตายดีกว่าที่จะคุกเข่าทั้งที่ยังมีชีวิต

แผนที่เป็นกลาง ป่าฝนเลือด :

ในป่าที่ตอนนี้มีสายฝนเลือดโปรยปราย มันมีทีมผู้เล่นขั้นสามหนึ่งพันคนกำลังต่อสู้กับฝูงสัตว์อสูรกระหายเลือดเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบที่มีจำนวนมากกว่าหนึ่งหมื่นตัว

แม้แต่สัตว์อสูรกระหายเลือดที่อ่อนแอที่สุดก็ยังอยู่ในระดับของบอสทั่วไปเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ด ในขณะที่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกมันนั้นก็คือแกรนลอร์ดเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบหก

ด้านของผู้เล่นนั้นพวกเขาจัดให้การ์เดี้ยนไนท์ และชิลวอริเออร์ยืนอยู่เป็นแนวหน้า

ในด้านของสัตว์อสูรกระหายเลือดนั้น พวกมันก็จัดให้สัตว์อสูรเกราะเหล็กซึ่งมีพลังป้องกันที่สูงมากเป็นแนวหน้าที่ทำหน้าที่เป็นหัวหอกในการโจมตีการ์เดี้ยนไนท์ และชิลวอริเออร์ โดยเมื่อกลุ่มสัตว์อสูรเกราะเหล็กกลุ่มแรกพุ่งเข้าไปโจมตีเรียบร้อย มันก็จะมีกลุ่มอื่นๆเข้ามาโจมตีติดๆกัน ในขณะเดียวกันสัตว์อสูรเฮอร์คิวเลี่ยน ที่อยู่ด้านหลังของแนวรบของสัตว์อสูรกระหายเลือดก็เริ่มจัดรูปแบบขบวน และเริ่มถอนต้นไม้โดยรอบจำนวนมากออกมาเหวี่ยงเข้าใส่ทีมของผู้เล่น หากเป็นทีมผู้เล่นขั้นสามโดยทั่วไป พวกเขาจะเลือกที่จะถอยแน่นอน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์จำนวนมากที่จัดรูปแบบการเข้าโจมตีกันอย่างน่ากลัวแบบนี้ แต่อย่างไรก็ตามสำหรับทีมผู้เล่นขั้นสามหนึ่งพันคนทีมนี้ พวกเขายังคงไม่ได้สะทกสะท้านใดๆ เมื่อได้เห็นฉากตรงหน้า

“พวกเราดึงดูดพวกมันเข้ามามากพอแล้ว ทีมเวทย์มต์เริ่มโจมตีได้ !!!” หญิงสาวผมยาวที่ยืนอยู่ในแนวหน้าของทีมตะโกนออกคำสั่ง เมื่อเห็นว่ามีสัตว์อสูรกระหายเลือดมารวมตัวกันรอบทีมของพวกเขามากเพียงพอแล้ว

ทันใดนั้นผู้เล่นนักเวทย์หลายร้อยคนที่ยืนอยู่ตรงกลางแนวของพวกเขาของพวกเขาก็เริ่มร่ายเวทย์หลอมรวมมานาโดยรอบจำนวนมากเข้ามา และเริ่มโจมตีพร้อมกัน

สี่วินาทีต่อมา พื้นดินก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จากนั้นรอยแตกก็ปรากฎขึ้นในช่วงรัศมีห้าร้อยหลาห่างจากผู้เล่นนักเวทย์เหล่านี้ ซึ่งนี่มันก็ทำให้ขบวนทัพของสัตว์อสูรกระหายเลือดพังลงไปทันที

“นักดาบ กับเบอเซิกเกอร์ทำการเปิดเส้นทางเดี๋ยวนี้ !!! ส่วนแรนเจอร์และแอสซาซินจัดลำดับความสำคัญไปที่การฆ่าพวกเขาบอสทั่วไปของสัตว์อสูรกระหายเลือดก่อน !!!”

เมื่อเห็นว่าขบวนทัพของสัตว์อสูรกระหายเลือดพังลง หญิงสาวผมยาวก็ได้เริ่มออกคำสั่งไปยังทีมย่อยต่างๆและให้จัดลำดับความสำคัญไปที่การฆ่าบอสทั่วไปของสัตว์อสูรกระหายเลือดก่อน

สำหรับหญิงสาวผมยาวคนนี้เธอก็ดูคล้ายกับปีศาจในยามค่ำคืนมากๆ ชั่วครู่เดียวเธอก็ไปปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าแกรนลอร์ดเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบหกที่มีความสูงเจ็ดเมตร

ในช่วงเวลาต่อมาเธอก็ทำการใช้กริชของเธอเฉือนและฟาดฟันซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยเล็งเป้าไปที่แกรนลอร์ดตัวนี้ ซึ่งทุกการโจมตีของเธอนั้นก็สร้างความเสียหายได้มากกว่าห้าแสน และในการโจมตีชุดเดียวของเธอ มันก็ลด HP ของแกรนลอร์ดลงไปมากกว่าแปดล้านทันที

หลังจากทำการโจมตีสำเร็จ ความมืดก็เข้าห่อหุ้มร่างของหญิงสาวผมยาว ก่อนที่มันจะแผ่ขยายออกไปครอบคลุมร่างของแกรนลอร์ด ก่อนที่มันจะเริ่มกลั่นตัว

Psh! Psh! Psh!

ทันใดนั้นเลือดก็พุ่งออกมาจากแขนขาทั้งสี่ของแกรนลอร์ด ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้ความสามารถในการเคลื่อนที่ของมันลดลงอย่างมาก แต่ HP ของมันก็ยังลดลงไปในอัตราที่จัดว่ามหาศาลด้วย โดย HP ของมันลดไปเจ็ดแสนต่อวินาที ขณะเดียวกันลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่สามตัวที่มีเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบสี่ที่อยู่ใกล้เคียงกันก็ประสบกับชะตากรรมเดียวกัน คือมีเลือดพุ่งออกมาจากแขนขา และมี HP ลดลงอย่างมหาศาล พร้อมกับมีความเร็วในการเคลื่อนที่ที่ลดลงแบบเห็นได้ชัดมากๆ

หลังจากผ่านไปราวสิบห้านาทีหรือมากกว่านั้นนิดหน่อย แกรนลอร์ดหนึ่งตัว และลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่สามตัวก็ตายลง ….

ในขณะเดียวกันสัตว์อสูรกระหายเลือดตัวอื่นๆในสนามรบส่วนใหญ่ก็ตายลงไปแล้วเช่นกัน และไอเทมที่พวกมันดรอปออกมานั้นก็เกลื่อนกลาดไปทั่ว อย่างไรก็ตามมันก็แทบไม่มีผู้เล่นคนใดเลยที่เลือกจะหยุดเก็บไอเทมเหล่านี้ และส่วนใหญ่ของทีมก็พุ่งตรงลึกเข้าไปในป่าต่ออย่างรวดเร็ว โดยทิ้งกลุ่มแอสซาซินจำนวนหนึ่งไว้เก็บกวาดสนามรบด้านหลัง

ในเวลานี้การ์เดี้ยนไนท์หญิงที่มีเลเวลหนึ่งร้อยสิบเก้าก็ได้เดินเข้ามาหาหญิงสาวผมยาวที่เป็นผู้บัญชาการของทีม จากนั้นเธอก็พูดอย่างเงียบๆว่า “รองหัวหน้ากิล ฉันพึ่งได้รับข่าวใหม่เกี่ยวกับสภาสิบแปดปีกมา พวกเขาบอกว่าพวกเขายินดีจะขายข้อมูลเกี่ยวกับเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ และดินแดนมรดกขั้นสี่ทั้งหมดที่พวกเขามี ….”

“หื้ม ? เขาเต็มใจจะขายข้อมูลงั้นหรอ ?” โคลท์ชาโด้วรู้สึกประหลาดใจมากๆ เมื่อได้ยินรายงานล่าสุดเกี่ยวกับสภาสิบแปดปีกของไวท์เฟเธอร์

ในความคิดของเธอ ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ และดินแดนมรดกขั้นสี่ทั้งหมดคือไพ่ที่จัดว่ายอดเยี่ยมที่สุดของซือเฟิง และมันก็เป็นสิ่งที่เขาไม่น่าจะขายให้กับคนอื่นแน่นอน

“เขาเต็มใจจะขาย แต่ราคาที่เขาเรียกร้องมานั้น มันสูงมากๆ ….” ไวท์เฟเธอร์พูดด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว โดยเฉพาะตอนที่เธอเน้นย้ำคำว่า “สูงมากๆ”

“สูงมากๆ ?” โคลท์ชาโด้วหัวเราะเบาๆ และถามว่า “เขาต้องการเท่าไหร่ ?”

“คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ห้าพันชิ้น ….” ไวท์เฟเธอร์ตอบด้วยน้ำเสียงต่ำ “เห็นได้ชัดว่าซือเฟิงไม่มีเจตนาที่จะขายข้อมูลนั่น !!! เขาแค่ต้องการจะปั่นหัวเราเท่านั้น !!!”

“คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ห้าพันชิ้นงั้นหรอ ? เขานี่ช่างรู้วิธีตั้งราคาจริงๆ …” โคลท์ชาโด้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันเดาว่าตอนนี้มหาอำนาจต่างๆคงกำลังควันออกหูกันเลยทีเดียว และพวกเขาบางส่วนก็น่าจะร่วมมือกันเพื่อจัดการกับสภาสิบแปดปีกแน่นอน”

“แน่นอนอยู่แล้ว มันไม่มีทางที่มหาอำนาจต่างๆจะยอมจ่ายคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ห้าพันชิ้นให้กับซือเฟิงหรอก !!!” ไวท์เฟเธอร์กล่าว

ซือเฟิงนั้นปฎิบัติกับมหาอำนาจต่างๆเป็นดั่งเช่นคนโง่เขลาด้วยการตั้งราคาข้อมูลนี้ไว้อย่างสูงลิบลิ่ว ดังนั้นมหาอำนาจต่างๆบางส่วนก็จะเริ่มเต็มใจจะปฎิบัติกับเขาแบบ้าคลั่งเช่นกัน

“เราจะให้ตามที่เขาต้องการ ไปแจ้งสภาสิบแปดปีกให้หน่อยว่าฉันต้องการจะซื้อมัน …” โคลท์ชาโด้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“รองหัวหน้ากิล คุณจะซื้อมันงั้นหรอ ?” ดวงตาของไวท์เฟเธอร์เบิกกว้างทันทีขณะที่เธอจ้องมองไปยังโคลท์ชาโด้วด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “รองหัวหน้ากิล นั่นคือคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ห้าพันชิ้นเลยนะที่เรากำลังพูดถึง !!!”

แม้ว่าไมโทโลจี้จะมีคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่อยู่มากกว่าห้าพันชิ้น และสามารถจ่ายราคาที่ซือเฟิงเรียกร้องได้ แต่หากพวกเขายอมจ่ายจริงๆ นี่มันก็จะนับเป็นการสูญเสียอย่างมากสำหรับพวกเขา นี่ยังไม่ต้องพูดถึงบรรดาพวกผู้บริหารระดับสูงของกิลที่ย้ำอย่างชัดเจนว่าคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่เป็นของสำคัญ และจัดเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุด
ของกิล ซึ่งห้ามใช้แบบมั่วๆ

“ใช่แล้ว ฉันจะซื้อมัน !!!” โคลท์ชาโด้วพยักหน้า “คุณคิดว่าพวกสภาสิบแปดปีกเป็นคนโง่งั้นหรอ ?”

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งไวท์เฟเธอร์ก็ตอบว่า “ไม่ พวกเขาไม่ได้โง่ แต่พวกเขาหยิ่งผยองมากเกินไป !!!”

“ใช่แล้วสภาสิบแปดปีกนั้นมีความหยิ่งผยองลึกลงไปถึงกระดูกเลย และกิลก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับมหาอำนาจต่างๆอย่างจริงจัง” โคลท์ชาโด้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ขุ่นเคืองเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะกล่าวเสริมว่า “แม้ว่าฉันจะเกลียดสภาสิบแปดปีกมากๆ แต่การที่สภาสิบแปดปีกสามารถรอดมาได้จนถึงตอนนี้ มันก็แสดงให้เห็นว่ากิลๆนี้นั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่เราคิด แม้แต่ท่านโอดินก็ยังยอมแพ้ในการจะฆ่าซือเฟิง เธอก็น่าจะรู้นี่นาว่าพวกเขามีความพิเศษ ….”

“แต่นั่นมันคือคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ห้าพันชิ้นเลยนะ !!!” ไวท์เฟเธอร์กล่าวทวนซ้ำ “กิลของเราจะไม่เห็นด้วยกับการทำธุรกรรมครั้งนี้แน่นอน !!!”

“ฉันบอกไปแล้วนี่ว่าฉันจะซื้อมัน ไม่ใช่กิล ….” โคลท์ชาโด้วกล่าวพลางส่ายหัว “ดังนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องกังวลหรอกว่ากิลจะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้”

“รองหัวหน้ากิล ถ้าคุณซื้อมัน มันก็จะเท่ากับว่าคุณมอบคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่แทบทั้งหมดที่คุณเก็บสะสมไว้มานานให้สภาสิบแปดปีกเลยนะ ….” ไวท์เฟเธอร์ตกใจกับคำพูดของโคลท์ชาโด้ว และเธอก็รีบกล่าวเตือนว่า “และหากทำแบบนี้ ฉันคิดว่าคุณคงจะต้องเลื่อนแผนการขึ้นเป็นรองหัวหน้ากิลลำดับที่หนึ่งออกไปอย่างไม่มีกำหนด ….”

คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่นั้นมีความสำคัญต่อไมโทโลจี้มาโดยตลอด ดังนั้นโคลท์ชาโด้วจึงได้ทำการกักตุนคริสตัลไว้อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เนิ่นๆเพื่อที่เธอจะได้บริจาคให้กับกิลในช่วงวลาวิกฤตและทำให้กิลตระหนักถึงคุณค่าของเธอ

อย่างไรก็ตามหากโคลท์ชาโด้วมอบพวกมันแทบทั้งหมดให้กับสภาสิบแปดปีกเพื่อซื้อข้อมูลตอนนี้ การจะได้รับการยอมรับในอนาคตจากกิลจะเป็นเรื่องยากมากๆ

“แม้ว่าคริสตัลเจ็ดลูมินาจะมีความสำคัญอย่างแท้จริง แต่การที่ต้องได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่สำคัญกว่าในตอนนี้ ….” เมื่อจ้องมองไปที่ป่าฝนเลือดเบื้องหน้าเธอที่ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด โคลท์ชาโด้วก็กล่าวอย่างจริงจังว่า “สถานที่ที่ผู้เล่นขั้นสามสามารถจะเข้าไปเยี่ยมชมได้นั้นมันยังมีจำกัดเกินไป หลังจากไปถึงขั้นสี่แล้วเท่านั้น ผู้เล่นจึงจะสามารถไปยังสถานที่ที่มีค่ามากขึ้นได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญเป็นอันดับแรกของเราตอนนี้คือการต้องเลื่อนขั้นขึ้นไปเป็นขั้นสี่ให้ไวที่สุด และจากนั้นเราก็จะสามารถรับเอาคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ที่เสียไปกลับคืนมาได้อย่างง่ายดาย”

ในความเป็นจริงโคลท์ชาโด้วนั้นก็รู้สึกไม่พอใจอย่างมากกับการกระทำของซือเฟิงเช่นกัน ตอนนี้เธอเองก็ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการจะได้ฆ่าซือเฟิงให้ตายเป็นร้อยๆครั้ง อย่างไรก็ตามใน God domain ในปัจจุบัน มันมีเพียงซือเฟิงเท่านั้นที่รู้วิธีที่จะทำให้ผู้เล่นได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่อย่างรวดเร็ว รวมไปถึงรายละเอียดที่แน่นอนของเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ด้วย

ซึ่งการที่เธอได้รับข้อมูลเหล่านี้มา มันก็จะเทียบเท่ากับการทำให้ตัวเองได้เปรียบอย่างแท้จริง

หลังจากเธอไปถึงเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบแล้ว ด้วยข้อมูลที่ซื้อจากสภาสิบแปดปีก มันก็จะทำให้เธอไปถึงขั้นสี่ก่อนคนอื่นๆในกิลอย่างไม่ต้องสงสัย และเธอก็อาจกลายเป็นคนแรกที่กล้าเสี่ยงสถานที่ที่ผู้เล่นในปัจจุบันมองว่าเป็นดินแดนต้องห้าม และในขณะนั้นแม้แต่การกลายเป็นรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดของไมโทโลจี้ก็อาจเป็นไปได้สำหรับเธอ

“ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะไปเตรียมการที่จำเป็นทันที” เมื่อเห็นความมุ่งมั่นในดวงตาของโคลท์ชาโด้ว ไวท์เฟเธอร์ก็เข้าใจแล้วว่าไม่มีอะไรที่เธอจะพูดเพื่อห้ามการตัดสินใจของโคลท์ชาโด้วได้อีกต่อไป

ในปัจจุบันมหาอำนาจต่างๆนั้นก็ล้วนมีผู้เล่นเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบจำนวนหนึ่งภายใต้การบังคับบัญชาของตัวเองอยู่แล้ว หากโคลท์ชาโด้วสามารถเข้าถึงขั้นสี่ได้ก่อนคนอื่นๆ อำนาจของเธอในกิลก็จะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

แน่นอนว่าการทำแบบนี้มันก็เท่ากับว่าโคลท์ชาโด้วกำลังเล่นพนันครั้งใหญ่

เธอได้พนันว่าสภาสิบแปดปีกจะไม่แพ้มหาอำนาจต่างๆ และสภาสิบแปดปีกจะสามารถอยู่รอดได้ในการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งหากเธอชนะพนันครั้งนี้ มันก็จะทำให้เธอได้เปรียบอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ไวท์เฟเธอร์ไม่รู้เลยก็คือความคิดของโคลท์ชาโด้วนั้นบ้าคลั่งกว่านั้นมาก ในความคิดของโคลท์ชาโด้ว มันไม่ได้สำคัญเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะอยู่รอดได้หรือปล่าว เธอจะจัดว่าพอใจกับตัวเองมากแล้ว หากเธอสามารถรับโอกาสในช่องว่างระหว่างเวลานี้ได้

จักรวรรดิออร์ค เมืองปีกสีเงิน :

“บัดซบ !!! นี่สภาสิบแปดปีกกำลังเล่นตลกกับเราอย่างชัดเจน !!!”

“ถูกต้อง เราลงทุนเสนอขอซื้อข้อมูลเรื่องเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ และดินแดนมรดกขั้นสี่ดีๆ แต่กิลกับประกาศเรียกร้องราคาออกมาแบบนี้ !!!!”

“มาร่วมมือกันเถอะ ตราบใดที่เราร่วมมือกันเพื่อขัดขวางปฎิบัติการของสภาสิบแปดปีก ยังไงสภาสิบแปดปีกก็จะต้องยอมจำนนต่อเราแน่นอน !!!”

“ใช่แล้ว เมื่อเรารวมพลังกัน ยังไงสภาสิบแปดปีกก็มไม่มีโอกาสจะรอดไปได้แน่นอน !!!”

มหาอำนาจต่างๆหลายประเทศที่ปฎิบัติการอยู่รอบๆและในเมืองปีกสีเงินได้ตกลงกันอย่างลับๆที่จะทำการปราบปรามสภาสิบแปดปีก พวกเขาเริ่มกำหนดเป้าหมายไปที่สมาชิกสภาสิบแปดปีกเพื่อให้กิลยอมจำนนและส่งมอบข้อมูลของเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ และดินแดนมรดกขั้นสี่มาให้พวกเขา

ในขณะเดียวกันภายในสถานที่พักกิลของสภาสิบแปดปีก ซือเฟิงก็ได้รับสายที่โทรเข้ามาจากหยวนเทียนซิน

“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ครั้งนี้คุณไปไกลเกินไปหน่อยแล้ว หากคุณต้องการจะขายข้อมูลเรื่องเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ และดินแดนมรดกขั้นสี่ที่คุณมีทั้งหมดจริงๆ คุณก็ควรจะขายโดยคิดราคาเป็นคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่สักหนึ่งพันชิ้น ฉันเชื่อว่ามหาอำนาจส่วนใหญ่เต็มใจจะจ่ายที่ราคานี้แน่นอน นอกจากนี้มันยังจะทำให้คุณได้รับกำไรอย่างมหาศาลด้วย ทำไมคุณจะต้องนำสภาสิบแปดปีกไปสร้างศัตรูกับมหาอำนาจต่างๆแบบนี้ ?” หยวนเทียนซินกล่าวด้วยความโกรธ

สำหรับมหาอำนาจต่างๆหากยอมจ่ายคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ห้าพันชิ้นตามที่ซือเฟิงเรียกร้องนั้น มันก็จะไม่ต่างจากการที่พวกเขายอมตัดเส้นชีวิตตัวเองไปเส้นหนึ่งเลย อย่างไรก็ตามหากสภาสิบแปดปีกตั้งราคาข้อมูลไว้เป็นคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่แค่หนึ่งพันชิ้น ไม่เพียงแต่มหาอำนาจต่างๆส่วนใหญ่จะเต็มใจจ่ายแน่นอน แต่มันยังจะทำให้สภาสิบแปดปีกได้รับกำไรอย่างมหาศาลด้วย แถมมหาอำนาจต่างๆก็ยังจะไม่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับสภาสิบแปดปีก ซึ่งมันแทบจะไม่ต่างจากการที่ต้องบอกว่าวิน-วิน กันทั้งคู่เลย

แต่ซือเฟิงกับเลือกที่จะดำเนินการในแบบที่เลวร้ายที่สุด ….

“สร้างศัตรูงั้นหรอ ?” ซือเฟิงหัวเราะเบาๆ “ฉันไม่เคยตั้งใจจะเป็นศัตรูกับพวกเขา นอกจากนี้คุณคิดผิดไปเรื่องหนึ่งผู้อาวุโสหยวน พวกเขาเป็นคนบังคับให้สภาสิบแปดปีกขายข้อมูลนี้ เราไม่ได้ขายเพราะเราต้องการ ซึ่งฉันก็ให้ราคาไปแล้ว ถ้าพวกเขาไม่สามารถจะจ่ายได้ มันเป็นความผิดของฉันรึไง ?”

“สิ่งที่คุณพูดมานั้นก็ถูกต้อง ….” หยวนเทียนซินเข้าใจโดยธรรมชาติในสิ่งที่ซือเฟิงหมายถึง อย่างไรก็ตามในสถานการณ์ตอนนี้นั้นสภาสิบแปดปีกด้อยกว่ามหาอำนาจต่างๆอย่างมาก ในขณะเดียวกันการมีความมั่งคั่งโดยปราศจากความแข็งแกร่งที่จำเป็นในการปกป้องมัน มันก็จะกลายเป็นคำสาปมากกว่าพร “อย่างไรก็ตามมหาอำนาจต่างๆไม่ได้คิดแบบคุณนะ ซึ่งตอนนี้พวกเขาก็กำลังเริ่มร่วมมือกันอย่างลับๆเพื่อจะกำหนดเป้าหมายมาที่สมาชิกสภาสิบแปดปีกแล้ว และในเวลานั้นสมาชิกสภาสิบแปดปีกจะต้องหลั่งเลือดอย่างมากแน่นอน ….”

มหาอำนาจต่างๆนั้นไม่สามารถจะฝ่าแนวป้องกันของเมืองกิลของสภาสิบแปดปีกมาได้แน่นอนในตอนนี้ แต่การที่จะกำหนดเป้าหมายไปที่สมาชิกสภาสิบแปดปีกที่ออกไปล่าด้านนอกเมืองนั้น มันก็จะจัดว่าเป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเขามาก

มันไม่มีทางเลยที่สมาชิกของสภาสิบแปดปีกจะหลีกเลี่ยงการออกไปล่าและเก็บเลเวลในแผนที่ด้านนอกได้ นอกจากนี้สภาสิบแปดปีกก็ยังไม่ได้มีผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดหรือเก่งกาจกว่านั้นมากพอที่จะใช้คุ้มกันและปกป้องสมาชิกกิลทุกคน

เมื่อมหาอำนาจต่างๆเริ่มเคลื่อนไหว ในที่สุดสภาสิบแปดปีกก็จะต้องสูญเสียสมาชิกไปจำนวนมากแน่นอน

สำหรับวิธีการที่สภาสิบแปดปีกจะตอบโต้มหาอำนาจต่างๆนั้น ?

แผนการของมหาอำนาจต่างๆมันไม่ได้เป็นไปอย่างตรงไปตรงมา และเผชิญหน้ากับแบบต่อหน้า พวกเขานั้นได้เลือกจะดำเนินการลับๆกับสภาสิบแปดปีก ซึ่งในกรณีนี้สภาสิบแปดปีกจะรู้ได้ยังไงว่ามหาอำนาจกลุ่มไหนที่ดำเนินการอย่างลับๆกับกิล นี่ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการหาวิธีรับมือเลย ….

ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะสามารถระบุมหาอำนาจต่างๆที่ดำเนินการกับกิลอย่างลับๆได้ แต่มันก็มีมหาอำนาจหลายกลุ่มที่ทำแบบนี้ แล้วสภาสิบแปดปีกจะไปสามารถเอาชนะมหาอำนาจทั้งหมดได้อย่างไร ?

ทั้งซือเฟิงและพวกผู้บริหารระดับสูงของสภาสิบแปดปีกจะต้องเหนื่อยเจียนตายแน่นอน หากคิดจะไล่ล่ามหาอำนาจต่างๆทั้งหมดในแผนที่ต่างๆ !!!

อย่างไรก็ตามเพื่อตอบสนองต่อคำพูดของหยวนเทียนซิน ซือเฟิงกล่าวอย่างใจเย็นว่า “เราพร้อมจะหลั่งเลือดกันอยู่แล้ว !!!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด