Reincarnation Of The Strongest Sword God 2823

Now you are reading Reincarnation Of The Strongest Sword God Chapter 2823 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2823 พลังของป้อมปราการ

เมื่อมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย ขั้นสี่อย่างพวกมอนสเตอร์ Faux Saint หลายพันตัวที่มีความสูงกว่าสิบเมตรบินขึ้นมาบนท้องฟ้านั้น กองกำลังของพวกมันก็บดบังเมฆและดวงอาทิตย์อย่างสมบูรณ์ และหากมองดูจากป้อมปราการนั้น มันก็ดูเหมือนกับกลุ่มความมืดกำลังพุ่งเข้ามาหาพวกเขาเลย

นอกจากนี้กองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint นับล้านที่อยู่บนพื้นดินก็ยังเริ่มเคลื่อนพลเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเมื่อพวกมันก้าวเท้าเดินแต่ละครั้งนั้น พวกมันก็ทำให้พื้นดินโดยรอบบริเวณสั่นสะเทือนเลย โดยภาพพวกนี้นั้นมันก็ทำให้ผู้เล่นที่อยู่ในป้อมปราการรู้สึกประหม่าและหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย

ฉากนี้มันเหมือนกับสัตว์ร้ายขนาดมหึมาที่กำลังเริ่มอ้าปากของตัวเองขึ้นเพื่อพยายามจะกลืนกินป้อมปราการนี้ในคำเดียวเลย

“จักรพรรดิอสูรนี้ไม่สามารถจะมองข้ามได้จริงๆ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นเพียงหุ่นเชิดของวิหารเทพปีศาจ และคธูลู แต่เขากับสามารถสร้างมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายขึ้นมาได้มากมาย ตอนนี้แม้ว่าเราจะไม่เคลื่อนไหว แต่ฉันก็คิดว่าสภาสิบแปดปีกก็คงจะสามารถต้านทานได้ไม่นานนักแน่นอน” ชายวัยกลางคนที่สวมชุดเกราะสีทอง และมีร่างกายใหญ่โตที่สูงห้าเมตรที่นั่งอยู่ที่หลังของงูปีศาจโบราณกล่าวพลางมองไปยังฉากตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม และเขาก็ได้กล่าวต่อว่า “ตอนนี้ดูเหมือนเราจะไม่มีโอกาสได้สอนบทเรียนให้กับสภาสิบแปดปีกแล้วนะ ….”

แม้ว่าชายวัยกลางคนร่างยักษ์ผู้นี้จะพูดน้ำเสียงธรรมดา แต่เสียงของเขามันก็ทุ้ม และทำให้พื้นที่สั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณเลย

ถ้าซือเฟิงได้มาอยู่ที่นี่ เขาจะต้องตกใจแน่นอนที่ได้เห็นชายยักษ์เกราะทองคนนี้ ….

เพราะชายยักษ์เกราะทองคนนี้นั้นเป็นเผ่ายักษ์ที่แท้จริงเลย และเขาก็เป็นเบอเซิกเกอร์ขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยสามสิบสาม ซึ่งเพียงแค่เขายืนอยู่เฉยๆนั้น ออร่าที่เขาแผ่ออกมามันก็ทำให้คนโดยรอบรับรู้ได้ถึงแรงกดดันอย่างมหาศาลแล้ว

“ก็จริง แต่มันก็เป็นเรื่องดีนะ เพราะนี่มันก็ทำให้เราไม่จำเป็นจะต้องเปิดเผยความแข็งแกร่งของกองอัศวินดำของเรา …” จูเฟิงหยิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อย่างไรก็ตามเราก็ยังเหลืออีกเป้าหนึ่งคือเรื่องของไอ้เด็กเวรซี่หยวนนั่น เราน่าจะจำเป็นต้องโจมตีคุกของเมืองสกายสปริงและพาเขาแหกคุก ….”

“ฉันหวังว่าเรื่องนี้มันคงจะทำให้ฉันได้ยืดเส้นยืดสายบ้างนะ …” ชายยักษ์เกราะทองกล่าวด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เขาคิดถึงคุกของเมืองสกายสปริง

อย่างไรก็ตามในระหว่างการสนทนาของจูเฟิงหยิง และชายยักษ์เกราะทองนั้น สาวสวยผมสั้นสีฟ้าก็ไม่กล้าจะพูดอะไรออกมาเลย เพราะเธอรู้สึกอับอายมากๆ

เนื่องจากการปกป้องและช่วยเหลือซี่หยวนนั้นแต่เดิมมันเป็นงานของเธอ แต่เธอกับทำพลาดจทำให้เขาถูกฆ่าและถูกจับขังคุกจนผู้อาวุโสจูเฟิงหยิง และชายยักษ์เกราะทองคนนี้ต้องออกหน้ามาด้วยตัวเอง ดังนั้นหลังจากกลับไปเธอจึงมีสิทจะถูกปลดจากตำแหน่งผู้ฝึกสอนของกิลแน่นอน เพราะท้ายที่สุดซี่หยวนนั้นเป็นทั้งอัจฉริยะ และผู้ที่มีสถานะสูงมากในร้อยผีโดดเดี่ยว

ขณะเดียวกันในเวลานี้อันยีลดิ้งฮาร์ท และอิลูซะรี่เวิร์ดที่ยืนอยู่บนกำแพงของป้อมปราการก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกดดันอย่างหนัก เมื่อได้เห็นเหล่ามอนสเตอร์ที่กำลังเข้ามา

แม้ว่าพวกเขาจะได้รับรายงานข่าวล่าสุดเกี่ยวกับกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint นับล้าน ที่ประกอบไปด้วยมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายขั้นสี่หลายพันตัวมาแล้ว แต่พวกเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวและกดดันอยู่เล็กน้อย เมื่อได้เห็นด้วยตาตัวเองจริงๆ

ไม่ต้องพูดถึงกองทัพนับล้านบนพื้นดินเลย แค่พวกมอนสเตอร์ Faux Saint หลายพันตัวที่บินได้นี้มันก็น่าจะมากพอที่จะใช้ทำลายวงเวทย์ป้องกันของเมือง NPC ขนาดใหญ่ลงได้สบายๆแล้ว

แม้ว่าพลังป้องกันของป้อมปราการเคลื่อนที่จะจัดว่ามีสูงมากในระดับหนึ่ง แต่จะต้านทานการโจมตีนับพันที่เข้ามาพร้อมกันได้นานแค่ไหนนี่มันก็อีกเรื่องหนึ่ง ….

แถมเมื่อวงเวทย์ป้องกันของป้อมปราการถูกทำลายเมื่อไหร่ พวกเขาก็จะแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย เนื่องจากจำนวนของทั้งสองฝ่ายนั้นมันแตกต่างกันมากๆ

“ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม !!! เมื่อมอนสเตอร์เหล่านี้เข้าสู่ระยะการโจมตี ให้โจมตีพวกมันด้วยทุกสิ่งที่มีเลย !!!” อันยีลดิ้งฮาร์ทที่ตะโกนออกคำสั่ง “จำไว้ !!! ไม่ต้องกั๊กอะไรทั้งสิ้น ใช้ทุกสิ่งที่มีไปเลย !!!! ยิ่งเรากำจัดพวกมอนสเตอร์ Faux Saint ที่บินได้ กับตัวอื่นๆที่บินได้ ได้เร็วเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งมีโอกาสชนะมากขึ้นเท่านั้น !!!!”

“รับทราบ !!!”

เหล่าผู้เชี่ยวชาญจากพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกที่เตรียมตัวรออยู่นานแล้วบนกำแพงป้อมปราการพยักหน้ารับคำสั่ง

ในสงครามครั้งนี้ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับเวลาทั้งสิ้น หากพวกเขาสามารถฆ่าพวกมอนสเตอร์บินได้ทั้งหมดของศัตรูลงได้ก่อนที่วงเวทย์จะพัง มันก็จะการันตีโอกาสชนะของพวกเขาได้เลย แต่หากพวกเขาทำไม่ได้ที่นี่มันก็จะกลายเป็นหลุมฝังศพของพวกเขาแน่นอน

ขณะเดียวกันที่ด้านบนสุดของคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการ

“หัวหน้ากิล พวกนั้นมาถึงแล้ว ….” ไฟเออร์แดนซ์มองไปยังกองทัพมอนสเตอร์บินได้ที่เข้ามาใกล้ในระยะไม่ถึงหนึ่งพันหลา และรายงานซือเฟิงด้วยความประหม่าเล็กน้อย “พวกนั้นเข้ามาใกล้เราในระยะไม่ถึงหนึ่งพันหลาแล้ว ให้เริ่มโจมตีเลยไหม ?”

“ยังก่อน รอให้พวกนั้นเข้ามาใกล้อีกนิด …” ซือเฟิงกล่าวพลางส่ายหัว

ป้อมปราการเคลื่อนที่นั้นมันคืออาวุธสงครามทรงพลังอย่างแท้จริง โดยมันมีปืนใหญ่เวทย์เอลฟ์ขนาดใหญ่ยี่สิบหกกระบอก และหอคอยเวทย์มนต์ที่ไว้โจมตีอีกแปดแห่ง พลังการยิงของมันนั้นแข็งแกร่งกว่าเมืองกิลทั่วไปมากๆ

แต่อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นแบบนี้ มันก็ยังมีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่งคือมันใช้ผลาญคริสตัลเวทย์มนต์มากเกินไปในการโจมตีแต่ละระลอก

การยิงปืนใหญ่เวทย์เอลฟ์ขนาดใหญ่หนึ่งนัด หนึ่งกระบอกนั้นมีค่าใช้จ่ายเป็นคริสตัลเวทย์มนต์หกพันชิ้น และมันมีเวลาในการคูลดาวน์หนึ่งนาที

ขณะที่หอคอยเวทย์มนต์ที่ไว้โจมตีนั้นแพงยิ่งกว่า โดยค่าใช้จ่ายในการใช้หอคอย
เวทน์มนต์หนึ่งแห่งโจมตีหนึ่งครั้งนั้นมันก็คิดเป็นคริสตัลเวทย์มนต์สองหมื่นชิ้น และมันมีเวลาในการคูลดาวน์สามนาที

มันสามารถจะกล่าวได้เลยว่าการยิงปืนใหญ่ และยิงโจมตีจากหอคอยเวทย์มนต์ทั้งหมดแต่ละระลอกนั้นคิดเป็นเงินหลายหมื่นไปจนถึงหลายแสนเหรียญทองเลย

แม้ว่าตอนนี้เขาจะร่ำรวย และมีคริสตัลเวทย์มนต์อยู่กับตัวมากกว่าห้าล้านชิ้น แต่เขาก็ไม่สามารถจะใช้มันแบบมั่วๆได้

หลังจากนั้นอีกไม่นานนัก มอนสเตอร์บินได้ทั้งหมดก็ได้มาถึงบริเวณวงเวทย์ป้องกันของป้อมปราการ และพวกมันก็เริ่มใช้ทุกอย่างที่พวกมันมีโจมตีวงเวทย์ป้องกันอย่างบ้าคลั่ง

ซึ่งการโจมตีของพวกมันนั้นก็เริ่มทำให้เกิดรอยร้าวในบาเรียของวงเวทย์ และมันก็ทำให้ทุกคนได้ยินเสียงสั่นสะเทือนอย่างชัดเจนเลย

ขณะเดียวกันที่ด้านนอกป้อมปราการในบริเวณที่เหล่าสมาชิกของร้อยผีโดดเดี่ยวเฝ้าดูอยู่ ….

“การโจมตีนี้มันทรงพลังมากเกินไป หากเป็นเมือง NPC ขนาดใหญ่ทั่วไป มอนสเตอร์พวกนี้ก็จะสามารถพังวงเวทย์ป้องกันได้หลังจากการโจมตีไม่กี่ระลอกแน่นอน” ชายยักษ์เกราะทองกล่าวพลางเดาะลิ้นเล็กน้อย

เมื่อได้ยินคำพูดของชายคนนี้ สมาชิกของร้อยผีโดดเดี่ยวคนอื่นๆก็พยักหน้าเห็นด้วย เพราะท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่ชายยักษ์เกราะทองพูดมานั้นมันไม่ผิดเลย และพวกเขาทั้งหมดก็ล้วนคิดตรงกันว่าป้อมปราการนี้ก็คงจะทนได้อีกไม่นานนักแน่นอน

อย่างไรก็ตามสำหรับผู้เล่นในป้อมปราการนั้นพวกเขาไม่ได้มีท่าทีกังวลใดๆเลย เนื่องจากพวกเขาสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่าการโจมตีแต่ละระลอกของมอนสเตอร์เหล่านี้นั้นสามารถลดค่าความทนทานของบาเรียลงไปได้แค่ 0.01 เปอเซ็นต์เท่านั้น

และเมื่อคำณวนจากตัวเลขนี้นั้น มอนสเตอร์ทั้งหมดนี้จะต้องใช้เวลาราวหนึ่งหมื่นวินาที หรือหนึ่งร้อยหกสิบหกนาทีซึ่งคิดเป็นเกือบสามชั่วโมงในการจะทำให้พลังของวงเวทย์ป้องกันนี้หมดและทำลายมันลง อย่างไรก็ตามวงเวทย์ป้องกันนี้สามารถเติมแหล่งพลังงานให้มันได้โดยใช้เป็นคริสตัลเวทย์มนต์หนึ่งแสนชิ้นทุกสามสิบนาที ….

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือตราบใดที่ฝั่งพวกเขามีคริสตัลเวทย์มนต์มากเพียงพอ ยังไงซะมอนสเตอร์พวกนี้ก็จะไม่สามารถทะลวงวงเวทย์ป้องกันเข้ามาได้แน่นอน ไม่ว่าพวกมันจะโจมตีด้วยวิธีใดก็ตาม

“เอฟเฟคการป้องกันของป้อมปราการนี้มันไม่เลวเลย ….” ซือเฟิงที่เฝ้าตรวจสอบสถานการณ์ทั้งหมดอยู่อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ เขาไม่นึกเลยว่าป้อมปราการเคลื่อนที่จะมีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งแบบนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมในชีวิตที่ผ่านมาของเขา แม้แต่ผู้เล่นขั้นห้าก็ไม่สามารถจะทำอะไรกับป้อมปราการนี้ได้ หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้หันไปออกคำสั่งกับไฟเออร์แดนซ์ว่า “เอาล่ะ เรามาเริ่มทดสอบปืนใหญ่เวทย์เอลฟ์ขนาดใหญ่กันเลย !!!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด