Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา 143 ตระกูลฮันต์

Now you are reading Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา Chapter 143 ตระกูลฮันต์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บารอนไม่ทันตั้งตัว กระสุนระเบิดเวททำให้ถ้วยเงินของเขาแตกกระจาย เศษชิ้นส่วนตกลงบนพรมหนา

บารอนและเคลีนต่างตะลึงงัน พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ลูเซียนใช้โอกาสนี้ร่ายเวทดาบน้ำแข็งแห่งพาลเมร่า แล้วดาบน้ำแข็งสามเล่นก็พุ่งใส่บารอน

เมื่อดาบใกล้ถึงตัวบารอน ฮาบีโรก็เปล่งเสียงคำรามด้วยความโกรธ แล้วปล่อยหมัดขวาที่กลายเป็นหินซัดดาบเล่มหนึ่ง พลางใช้มือซ้ายจับคอไว้เพื่อป้องกันตัว เพราะมือซ้ายก็กลายเป็นหินแล้วเช่นกัน

ดาบหนึ่งเล่มถูกหมัดหินของบารอนซัดแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่อีกสองเล่มเข้าเป้า เล่มหนึ่งปักแขนซ้าย ส่วนอีกเล่มปักขา ถึงแม้จะไม่ทำให้บาดเจ็บหนัก แต่น้ำแข็งก็แช่แข็งบารอนได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง

เมื่อลูเซียนกำลังจะร่ายเวทอีก รังสีมนต์ดำก็เข้าโจมตีโล่แสงดาราล่องหนซึ่งห่อหุ้มเขาอยู่ ทันทีที่โล่ถูกโจมตี โล่ซึ่งมองไม่เห็นนั้นก็แผ่แสงดาวออกมาปกป้องคนที่อยู่ข้างใน

ลูเซียนไม่คิดว่าเคลีนก็เป็นนักเวทฝึกหัดด้วย!

ถึงแม้มนต์ของเคลีนจะไม่มีพลังมากพอให้ลูเซียนซึ่งเป็นนักเวทเต็มตัวบาดเจ็บ แต่มันก็ช่วยยื้อเวลาให้บารอนกำจัดน้ำแข็งออกไปได้

จากนั้น น้ำแข็งที่ปกคลุมตัวบารอนก็แตก เขาปรี่เข้าใส่ลูเซียน ถึงแม้ฮาบีโรอยากหยิบดาบบนโต๊ะข้างๆ แต่เขาตัดสินใจโจมตีทันทีเพื่อไม่ให้ลูเซียนมีเวลาร่ายเวท

กำปั้นหินเปื้อนฝุ่นของบารอนกระแทกโล่แสงดาราของลูเซียนอย่างรุนแรงจนโล่ร้าว ฮาบีโรมีประสบการณ์ต่อสู้กับพวกนักเวทมาก่อน เขาจึงเปลี่ยนมุมโจมตี

ลูเซียนไม่ตระหนก เขาใช้เวลาตอนอยู่ในโล่คุ้มกันก่อนที่มันจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ร่ายเวทมนตร์ระดับหนึ่ง นั่นคือ เวทนิทรา

แสงสีเขียวล้อมรอบตัวเขา แล้วแผ่วงกว้างออกไป

ทันทีที่คลื่นแสงสัมผัสตัวเคลีน ตานางก็ปรือ จากนั้น ทั้งๆ ที่ต่อสู้อยู่ นางก็หาวและล้มลงหลับไป

ถึงแม้ร่างกายจะแข็งแกร่งดุจหิน แต่เขากลับถูกความเหน็ดเหนื่อยจู่โจม ราวกับว่ากำลังเผชิญความชราแบบเฉียบพลัน การเคลื่อนไหวของเขาชะงักเล็กน้อย

ตอนที่บารอนชะงักนี้เอง ก็มีแสงสว่างปรากฏเหนือมือซ้ายของลูเซียน เขาขว้างลูกไฟขนาดเท่าศีรษะใส่บารอน

ถึงแม้ว่าปฏิกิริยาจากสัญชาตญาณของบารอนจะทำให้เขาลืมความเหนื่อยทันที แต่มันก็สายเกินกว่าจะหลบลูกไฟนั้นพ้น

ลูกไฟระเบิดพร้อมๆ กับทำลายแขนขวาของฮาบีโร

แรงระเบิดทำให้ร่างของทารก เด็กผู้ชาย และคนวัยรุ่นนั้นกระเด็นไปอีกฟากของห้อง

เลือดปนหนองกลิ่นเหม็นไหลออกจากร่างที่เป็นหินของบารอน และที่น่าตกใจกว่านั้นคือใบหน้าของเขาแก่ลงอย่างรวดเร็ว

บารอนบ้าคลั่งไปแล้ว เขาแผดเสียงแล้ววิ่งเข้าใส่ลูเซียนอีกครั้งด้วยขาและแขนที่เหลืออยู่

ลูเซียนใช้ดาบระวังภัยป้องกันการจู่โจมของบารอน เขาเห็นว่าดาบมีฝุ่นหินฟุ้งอยู่ราวกับว่ามันจะกลายเป็นหินในไม่ช้า

ก่อนที่พลังของฮาบีโรจะทำอันตรายต่อดาบ ลูเซียนก็กระตุ้นเหรียญมงกุฎสุริยะ ลำแสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งออกมาซัดบารอนเต็มๆ

“แสงศักดิ์สิทธิ์หรือ?!” ฮาบีโรร้อง

แสงนั้นแผดเผาผิวหนังของบารอนจนทำให้หินที่ห่อหุ้มตัวเขาอยู่

เมื่อเห็นว่าร่างกายกำลังเสื่อมสลายอย่างรวดเร็ว บารอนดูกลัวมาก แต่แล้วเขาก็สงบและผ่อนคลาย

อาบแสงศักดิ์สิทธิ์ แก่ชราและสิ้นลมในแสงศักดิ์สิทธิ์ เขาพึมพำราวกับว่ากำลังฝัน “ผิวพรรณของข้ากำลังหมดสิ้นความสดใส เหมือนกับผลไม้แห้งๆ…

“ใบหน้าข้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น ร่างกายข้าก็เช่นกัน…

“กำลังวังชาและความคล่องแคล่วถดถอย และไม่มีวันหวนกลับมา…

“ข้ามองไม่เห็นทิวทัศน์อันงดงาม ไม่สามารถลิ้มรสอาหาร…

“ตัณหาของข้ากำลังเลือนหาย… แม้จะมีสาวงามอยู่ในอ้อมแขน…”

ลูเซียนขวมดคิ้วเมื่อได้ยินสิ่งที่บารอนพูด แต่บารอนก็เอ่ยต่อไป “ทำไมคนเราต้องชรา?”

“ทำไมเมื่อคนเราชรา ความสุขจึงหายไปหมด?”

“สรวงสวรรค์ของพระเจ้าอยู่ที่ไหน?”

ถึงแม้ลูเซียนจะไม่เข้าใจความทุกข์เพราะแก่ชรา เขาก็ยังตกใจ และเขาก็รู้สึกขอบคุณตัวเองที่เลือกเส้นทางนักเวท เขาจะได้มีโอกาสมีอายุยืนยาวกว่าคนทั่วไป

คนที่เป็นนักเวทระดับสูง สามารถมีอายุมากกว่าสองร้อยปี ส่วนนักเวททั่วไปสามารถใช้พิธีกรรมและน้ำยาเวทมนตร์เพื่อยืดอายุขัย อย่างเช่น ‘พิธีแปลงความตาย’ ถึงแม้หลายคนจะตายระหว่างขั้นตอนของพิธีกรรมก็ตาม

แม้แต่นักเวทระดับกลางหรือระดับพื้นฐานก็ยังสามารถหาวิธีต่างๆ เพื่อให้อายุยืนยาวขึ้น

ตาของบารอนค่อยๆ ปิด ชีวิตเปื้อนบาปของเขาได้สิ้นสุดแล้ว

ลูเซียนรู้ว่าตนโชคดีที่ตัดสินใจเด็ดขาดและลงมือทันเวลา เพราะถ้าบารอนประกอบพิธีกรรมสำเร็จและฟื้นฟูพลังอัศวินขั้นที่สองได้ อาจเป็นลูเซียนที่จบชีวิต

อย่างไรก็ตาม หลังจากสังหารบารอน ความรู้สึกไม่สบายใจว่าจะเกิดเหตุร้ายก็ยังคงวนเวียนอยู่ในใจลูเซียน สิ่งที่เขาสงสัยที่สุดคือ กระทั่งการต่อสู้จบลง ฮาบีโรก็ไม่เคยร่ายคาถาของศาสตร์มืดเลย

คิ้วของลูเซียนขมวดมุ่น เพราะเขารู้ว่ามีคำอธิบายที่เป็นไปได้เพียงอย่างเดียว คือ ตัวบารอนเองไม่ใช่นักเวทศาสตร์มืด มีใครบางคนยุยงและชักจูงเขาให้เอาชีวิตของเด็กๆ มารักษาความอ่อนเยาว์โดยใช้มนต์ดำ

หลังจากจับเคลีนมัดแขนไพล่หลัง ลูเซียนก็ปลุกนาง

ทันทีที่เคลีนลืมตา นางก็เห็นรูม่านตาสีดำที่มีดวงดาวระยิบระยับอยู่ข้างใน ลูเซียนกำลังสะกดจิตนาง

“อีวานส์ ท่านอยากให้ข้าทำอะไร?” เคลีนถามอย่างกับเป็นเด็กหญิงตัวน้อยๆ พูดกับคนที่นางชอบ นางไม่สนใจเสียงต่อสู้ที่ดังมาจากอีกด้านของปราสาท

พูดให้ชัดๆ ก็คือ สิ่งที่ลูเซียนใช้สะกดอยู่นั้น คือเวทมนตร์ระดับหนึ่งเรียกว่า เวทลวงใจคน ซึ่งสามารถควบคุมจิตใจคนที่มีพลังจิตอ่อนกว่าคนที่ร่ายเวท ถ้าคำสั่งไม่ฝืนใจคนที่ถูกสะกดจิตมากจนเกินไป ส่วนใหญ่แล้ว คนที่ถูกสะกดจิตก็จะทำตามคำสั่งของคนร่ายเวท

“บอกมา ใครสอนเวทมนตร์ให้เจ้า ใครสอนพิธีกรรมของศาสตร์มืดให้ท่านบารอน?” ลูเซียนถามตรงๆ

“ฮันต์ สามีข้า ก็คือพ่อบ้านของท่านบารอน คอร์กไงล่ะ” เคลีนยิ้มราวกับว่านางยินดีที่ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ลูเซียน “เมื่อหลายปีก่อน ตอนที่เขาได้รับเชิญให้มาทำงานกับท่านบารอน ฮันต์ก็เริ่มสอนฮาบีโรให้เอาพลังจากเด็กที่ตายมายืดอายุตัวเอง และในขณะเดียวกัน ฮันต์ก็จะเอาศพพวกนั้นไปใช้ทดลองได้ด้วย แล้วฮันต์ก็มาเป็นพ่อบ้านให้ท่านบารอนเพื่อปกปิดสิ่งที่พวกเขาทำอยู่”

“คอร์ก… ฮันต์… เคลีน ฮันต์…?!” ลูเซียนตกตะลึง “เจ้าคือครอบครัวฮันต์จากบอนน์งั้นหรือ?”

จริงๆ แล้ว เคลีน คอร์ก คือเคลีน ฮันต์ ที่ลูเซียนกำลังตามหาเพื่อบรรลุสัญญาที่ให้ไว้กับวิญญาณเด็กผู้หญิงคนนั้น

ลูเซียนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา

ทันทีที่ลูเซียนเอ่ยถึงบอนน์ อารมณ์ของเคลีนก็แปรปรวน ความปวดร้าวใจอย่างที่สุดทำให้นางหลุดจากมนต์สะกดของลูเซียน “เจ้ารู้ได้ยังไงว่าพวกข้ามาจากบอนน์?! เจ้าเป็นใคร!”

“คนที่บอนน์บอกข้าว่าเคลีน ฮันต์ เป็นสตรีที่ดีและงดงาม ช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความเต็มใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องดูแลเอาใจใส่เด็กๆ ทำไมเจ้ากลายเป็นแบบนี้ ทำไมเจ้าช่วยสามีฆ่าเด็กๆ ล่ะ?” ลูเซียนไม่ตอบคำถามของเคลีนตรงๆ

เคลีนนิ่งอึ้ง ราวกับว่าคำพูดของลูเซียนแทงเข้าหัวใจ แต่แล้วนางก็หัวเราะราวกับคนบ้า “ข้า… ข้าเนี่ยนะดีและงดงาม? ข้าเต็มใจช่วยเหลือผู้คน? ฮ่าๆๆๆ… เจ้ารู้ไหมว่าข้าได้อะไรจากความใจดี? ลูกสาวข้าถูกลักพาตัวหายไปร่วมสิบปีแล้ว ส่วนสามีข้าก็กลายเป็นอสุรกาย ตอนข้าได้เห็นว่าพวกพ่อแม่ที่สูญเสียลูกหัวใจแตกสลายเพียงใด ข้ารู้สึกว่าข้ามีเพื่อนที่เข้าอกเข้าใจความเจ็บปวดของข้า!”

“ถ้าอย่างนั้น… ฮันต์อยู่ที่ไหน?” ลูเซียนยังคงสงบนิ่ง

“กำลังทดลองอยู่ในสุสานน่ะ” เคลีนยิ้มเยาะ “ฮันต์ยุ่งมาก และดาบของเจ้าทำให้ท่านบารอนตัดสินใจระวังเจ้ามากขึ้น เราน่าจะฆ่าเจ้านะ แทนที่จะเตรียมอาหารค่ำโง่ๆ นั่น”

“ทดลอง…” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลูเซียนรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง

“ฮันต์เป็นอสุรกายแล้ว เขายังคงลึกลับและทรงพลังเหมือนที่เคยเป็น แต่เขาไม่สนใจอะไรแล้ว เหมือนตอนที่เขาอยู่ที่บอนน์” เคลีนพึมพำเหมือนพูดกับตัวเอง

“ลึกลับและทรงพลัง…” ลูเซียนพลันรู้ว่าสิ่งที่เขาสันนิษฐานไว้ผิด ตอนนั้นเขาคิดว่าฮันต์กลายเป็นนักเวทศาสตร์มืดเมื่อเขาอยู่เมืองนี้ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าในอดีตมีผู้ใช้ศาสตร์มืดมากมาย แต่ดูเหมือนว่าฮันต์เป็นผู้ใช้ศาสตร์มืดตั้งแต่อยู่ที่บอนน์แล้ว!

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก…” มีบางสิ่งกำลังเคาะหน้าต่างเบาๆ

เมื่อลูเซียนหันไปมอง สิ่งที่เห็นทำให้เขาตกตะลึง มันคือนกฮูกสีเทายืนอยู่นอกหน้าต่าง หรือพูดให้เจาะจงกว่านั้น มันคือนกฮูกที่ตายแล้วเพราะทั้งตัวเน่าเปื่อยจนเผยให้เห็นกระดูกสีขาว

ขณะที่ลูเซียนกำลังจ้องมองเจ้านกฮูกตัวนั้น มันก็มองลูเซียนกับเคลีนด้วยสายตาเย็นชา พลางใช้จะงอยปากเคาะหน้าต่างไม่หยุด

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด