Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา 32 ผีดิบใต้น้ำ

Now you are reading Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา Chapter 32 ผีดิบใต้น้ำ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จากบันทึกของแม่มด ผีดิบใต้น้ำมีพละกำลังเทียบเท่ากับมนุษย์ทั่วไป ทว่ากลับเคลื่อนไหวได้รวดเร็วและคล่องแคล่วกว่ามาก แตกต่างจากเผ่าพันธุ์ผีดิบทั่วไป แต่ก็มีลักษณะบางอย่างที่คล้ายกันอยู่ นั่นคือ ความต้านทานต่อการโจมตีทางกาย ไม่ว่าจะเป็นมีด ดาบ หรือหมัดก็ทำอะไรมันมิได้ ดังนั้น คนธรรมดาไม่มีโอกาสรอดเลยหากต้องเผชิญหน้ากับผีดิบใต้น้ำ เว้นแต่ว่าจะโชคดีสุดขีด และแม้แต่อัศวินฝึกหัดส่วนใหญ่ ถ้าต้องต่อสู้ตัวต่อตัวกับผีดิบใต้น้ำ ก็แทบไม่มีทางเอาชนะได้ และส่วนมากก็จะเสียชีวิต

แต่เพราะผีดิบใต้น้ำหวาดกลัวไฟและเวทมนตร์แห่งแสงมาก พวกมันควบคุมทั้งสองอย่างนั้นไม่ได้สักนิด ดังนั้น หากจัดการให้ดี ก็จะสามารถเผาพวกมันให้ไหม้เกรียมได้ด้วยคบไฟ

แน่นอนว่านั่นคือในกรณีที่ได้เผชิญหน้ากับผีดิบใต้น้ำบนผืนดินหรือข้างแม่น้ำ แต่หากเจอตัวที่อยู่ในน้ำ ผีดิบใต้น้ำจะมีพละกำลัง ความว่องไว และความคล่องแคล่วเพิ่มขึ้นกว่าปกติ ทั้งยังต้านทานเปลวไฟได้โดยอาศัยสภาวะแวดล้อม จึงมีเพียงเวทมนตร์แห่งแสงเท่านั้นที่จะใช้โจมตีมันได้โดยที่ผลลัพธ์ยังคงเดิม

‘ฉันยังไม่พร้อมไปออกตามหามันด้วยซ้ำ แต่มันดันมาหาด้วยตัวเองเลยนี่สิ แต่เวทมนตร์ระดับฝึกหัดไม่มีเวทบทไหนที่เป็นธาตุไฟหรือธาตุแสงเลย! แถมผีดิบตัวนี้ยังดูไม่เหมือนผีดิบใต้น้ำทั่วๆ ไปด้วย พลังของมันแข็งแกร่งกว่ามาก!’ ทันทีที่เห็นผีดิบใต้น้ำตนนี้มีเปลวไฟซีดจางอยู่ในดวงตากลวงโบ๋ทั้งสองข้าง ความคิดแสนขมขื่นนี้ก็ผุดขึ้นในหัวลูเซียน

การศึกษาเวทมนตร์แห่งแสงนั้น นักเวทยังเป็นรองบาทหลวงมาตลอด เวทโจมตีธาตุแสงหนึ่งเดียวอย่าง ‘เวทฉายแสง’ ก็อยู่ในระดับที่เทียบเท่าเวทระดับฝึกหัดของพลังศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น

ในศาสตร์แห่งธาตุ ธาตุไฟนั้นถือเป็นธาตุที่มีฤทธิ์รุนแรงและควบคุมได้ยากที่สุด และผู้ที่จะใช้ได้คือนักเวทที่แท้จริงเท่านั้น ในเวทมนตร์ระดับฝึกหัดจึงแทบไม่มีเวทบทใดเกี่ยวข้องกับไฟ เวทไฟเพียงบทเดียวที่มีก็คือ ‘เวทดวงไฟแห่งมาเรียส’ ประโยชน์ก็คือเพื่อช่วยผู้ฝึกใช้มนตราที่ลืมนำหินไฟติดตัวมาด้วยให้ก่อไฟมอบความอบอุ่นและหุงหาอาหารขณะอยู่ท่ามกลางลมหนาวได้

และเพื่อที่จะรับมือกับผีดิบใต้น้ำ แม่มดจึงได้พยายามรวบรวมส่วนประกอบมาโดยเฉพาะและเตรียมจะเล่นแร่แปรธาตุสร้างสิ่งที่เรียกว่า ‘เจลเพลิง’ เพราะหากต้องเจอผีดิบที่อยู่ในน้ำ ‘เจลเพลิง’ ก็จะยังลุกไหม้ได้สักพัก ทำให้มีเวลาไปรับมือกับผีดิบธรรมดาตัวอื่นๆ

ลูเซียนเพิ่งจะเรียนเวทมนตร์ได้แค่หนึ่งวัน เขาวางแผนไว้ว่าจะเรียนให้ชำนาญอย่างช้าๆ รวบรวมส่วนประกอบไปช้าๆ และรอให้สร้าง ‘เจลเพลิง’ ได้สำเร็จก่อนจะหาโอกาสไปที่แม่น้ำเบเล็ม แต่ตอนนี้ ในสภาวะที่ไม่ได้เตรียมความพร้อมมาแต่อย่างใด ลูเซียนกลับได้พบกับผีดิบใต้น้ำ ‘กลายพันธุ์’

มันช่างเหมือนกับคำกล่าวที่ลูเซียนเคยได้ยินมาในอดีตว่า ‘แผนการไม่รวดเร็วเท่าการเปลี่ยนแปลง!’

‘หนีดีไหม’

นั่นคือความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวลูเซียน ในขณะเดียวกันนั้น ผีดิบใต้น้ำกลายพันธุ์ก็กินสมองของอันธพาลคนนั้นเสร็จเรียบร้อย แล้วกระโจนเข้าใส่คนนอกรีตที่อยู่ไม่ไกลอย่างรวดเร็ว

คนนอกรีตผู้นี้แท้จริงแล้วเป็นเพียงขอทาน ร่างกายเขาจึงไม่แข็งแกร่ง ทั้งเขายังเพิ่งเข้าร่วมลัทธินอกรีตได้ไม่เพียงกี่วัน และยังไม่ได้รับพรจาก ‘เจ้ามหาลัทธิ’ ที่เขาศรัทธา ดังนั้นตอนที่ผีดิบใต้น้ำเอื้อมมือมา เขาจึงไม่แม้แต่จะทันได้ยกมือขึ้นปัดป้อง ลำคอก็ถูกบีบแน่นพร้อมกับที่กะโหลกศีรษะถูกเปิดออก

ช่างเร็วจนเหลือเชื่อ! แข็งแกร่งจนขวัญผวา!

ทันทีที่ลูเซียนเห็นภาพเหตุการณ์นี้ ความคิดที่จะหนีไปก็หยุดชะงัก ‘ถ้าไม่ทำอะไรก่อนที่จะหนีไป นายก็ไม่มีทางรอดหรอก นายคงจะถูกเจ้าผีดิบใต้น้ำกลายพันธุ์ตัวนี้จับโยนกลับมากินแน่นอน’

“อ๊าก!” เสียงกรีดร้องโหยหวนของขอทานนอกรีตดังขึ้น และหยุดลงในทันที

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูเซียนได้เผชิญหน้ากับสถานการณ์เสี่ยงตายเช่นนี้ จากประสบการณ์ครั้งก่อน เขารู้ว่าต้องนิ่งสงบไม่หวาดหวั่น เพ่งสมาธิในการร่ายคาถา และขจัดความคิดอยากหนีออกไป

‘พวกผีดิบใต้น้ำกลัวไฟกับแสงสว่าง แต่ตอนนี้เพิ่งเริ่มวันใหม่ กว่าจะเช้าก็อีกนาน’

‘ถึงจะใช้หินไฟจุดคบเพลิง ฉันก็โจมตีมันไม่โดนหรอกในเมื่อผีดิบตัวนี้ทั้งเร็วทั้งคล่องแคล่วสุดๆ!’

‘ในบรรดาเวทมนตร์ระดับฝึกหัด มีแค่เวทดวงไฟแห่งมาเรียสที่เกี่ยวข้องกับธาตุไฟ’ ทว่ามันเพียงปล่อยไฟธรรมดาขนาดห้าเซนติเมตรออกมา และต้องใช้วิธีต่อสู้ระยะประชิดเพื่อให้ไฟโดนตัวผีดิบใต้น้ำ นอกจากนี้แล้วเขาก็ยังไม่ได้วิเคราะห์โครงสร้างเพื่อเรียนเวทมนตร์บทนี้เลย

ตอนนี้ลูเซียนเป็นเหมือนผู้ผ่านทางที่เฝ้ามองผีดิบใต้น้ำใช้ลิ้นตวัดเนื้อสมองขึ้นกินก่อนจะกระโจนเข้าใส่สการ์ ในหัวเขาเต็มไปด้วยความคิดและแผนการมากมาย แต่เขาก็ครุ่นคิดอย่างสงบนิ่งและตัดทิ้งไปทีละอย่าง

นี่คือคุณสมบัติจำเป็นที่สุดที่จะต้องมีในตัวนักเวทผู้ยอดเยี่ยม!

เมื่อสการ์เห็นว่าขอทานนอกรีตถูกจับกุมตัวและถูกเปิดกะโหลก เขาก็เหมือนจะตื่นจากฝันร้ายได้ในที่สุด ความกลัวสุดขีดนั้นเหมือนทำให้ร่างกายเขามีอะไรบางอย่างแทรกซึมเข้ามา หัวใจเขาเต้นรัวแรงดัง ตุ้บๆๆๆ และทันทีที่เขาหลุดพ้นจากแรงกดดันของ ‘รังสีอำมหิต’ ที่แผ่ออกมาจากตัวผีดิบใต้น้ำกลายพันธุ์โดยธรรมชาติ และฟื้นคืนพละกำลังจนมือและเท้าหายแข็งทื่อก็เร่งออกวิ่งไม่คิดชีวิต

แต่โชคไม่เข้าข้างเขา ผีดิบใต้น้ำตนนี้ไปมารวดเร็วยิ่งนัก สการ์จึงวิ่งไปได้เพียงสองก้าวก็ถูกผีดิบใต้น้ำตามมาจับเท้าเขาได้ทัน

‘เวทมนตร์ที่ฉันใช้ได้ในตอนนี้มีแค่เวทบ่วงคุ้มภัย เวทเนตรดารา เวทฝ่ามือผู้วิเศษ เวทดับแสง เวทสาดพิษ แล้วก็เวทลำแสงแช่แข็ง’

‘ผลจากเวทบ่วงคุ้มภัยอันเดิมยังทำงานอยู่ แต่มันไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรกับการรับมือผีดิบใต้น้ำที่ทั้งเร็วและแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ทั่วไป’

‘ผีดิบใต้น้ำมีความต้านทานต่อมนตร์สะกดจิตและสามารถมองเห็นในที่มืด เพราะงั้นก็ไม่ควรใช้เวทเนตรดารากับเวทดับแสง’

ลูเซียนวิเคราะห์พลังของตนเองอย่างรวดเร็ว

ผีดิบใต้น้ำยกตัวสการ์ขึ้นแล้วเอื้อมมืออีกข้างไปจับข้อเท้าที่ว่างอยู่ของสการ์ ฉับพลันนั้นก็เกิดเสียงเนื้อฉีกขาดพร้อมกับกระดูกแตกหักที่ทำเอาหัวใจหยุดเต้น ทั้งร่างของสการ์พลันขาดออกเป็นท่อน ทั้งหัวใจ ลำไส้ ตับ และอวัยวะภายในอื่นๆ ไหลเทออกมาพร้อมกับหยาดโลหิตที่เจิ่งนอง เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดโหยหวนของเขาดังก้องอยู่นานภายในท่อน้ำเสียแห่งนี้

‘เวทฝ่ามือผู้วิเศษกับเวทบ่วงคุ้มภัยอาจมีประโยชน์ในการรับมือกับผีดิบใต้น้ำทั่วไป แต่ผีดิบตัวนี้มันแข็งแกร่งเกินไป’

‘เวทสาดพิษกับเวทลำแสงแช่แข็งคือเวทที่ใช้พิษกับน้ำแข็ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผีดิบใต้น้ำมีความต้านทานสูงมาก และตอนนี้ก็ยังอยู่ในช่วงพักร่ายเวทอีกด้วย อย่างมากที่สุดฉันก็ร่ายเวทระดับฝึกหัดได้อีกแค่สองครั้ง’

‘เดี๋ยวนะ ส่วนประกอบที่ใช้ในการร่ายคาถาของเวทสาดพิษคือกำมะถัน ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดไฟได้และเป็นส่วนประกอบหนึ่งของดินปืน แล้วเวทสาดพิษก็สร้างพิษจากการเผาไหม้กำมะถันและควบรวมกับธาตุน้ำจากรอบๆ’

ในสมองลูเซียนคิดเร็วจี๋ ขณะเฝ้ามองผีดิบใต้น้ำยกศีรษะครึ่งหนึ่งของสการ์ขึ้นมาตรงหน้า ขณะเขวี้ยงอีกท่อนหนึ่งของสการ์ทิ้ง มือว่างๆ อีกข้างก็ยกขึ้นใช้กรงเล็บจิกเข้าไปในกะโหลกศีรษะ แล้วแลบลิ้นออกมาไล้เลียเนื้อสมองสีขาวที่กำลังสั่นเบาๆ

แม้ว่าจะอยู่ห่างออกมาราวยี่สิบเมตร ลูเซียนก็ยังรู้สึกได้ถึง ‘รังสีอำมหิต’ จากผีดิบใต้น้ำ หัวใจเขาเต้นถี่ตัว และความตื่นตระหนกก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น

แต่ลูเซียนบังคับตัวเองให้รักษาสภาวะสงบนิ่งและเพ่งสมาธิเพื่อวิเคราะห์โครงสร้างของ ‘เวทสาดพิษ’ ที่เขาใช้ได้อย่างคล่องแคล่วแล้วต่อไป พลางใช้มือขวาหยิบกำมะถันขึ้นมากำหนึ่ง

‘ฉันจะหยุดร่ายคาถาตอนที่ไฟลุกติดแล้วส่งพลังจิตไปที่เปลวไฟโดยตรงได้ไหมนะ’

‘จากที่แม่มดอธิบายไว้ การหยุดใช้เวทมนตร์กลางคันจะก่อให้เกิดผลย้อนกลับ ถ้าไม่หนักมาก ก็แค่ทำให้เหนื่อยล้าจนใช้พลังจิตไม่ได้ไปพักหนึ่ง แต่ถ้าผลย้อนกลับหนักมาก มันอาจทำร้ายไปถึงดวงจิต และบาดแผลบนดวงจิตอาจก่อให้เกิดผลเสียร้ายแรงกว่านั้น อาจถึงขั้นทำให้กลายเป็นคนสติไม่สมประกอบเลยก็ได้’

ลูเซียนวิเคราะห์โครงสร้างเวทมนตร์อย่างเร็วรี่ เขาพยายามแบ่งปฏิกิริยาการสร้างพิษออกเป็นส่วนๆ ด้วยหวังว่าจะหาทางทำให้เกิดผลสุดท้ายโดยลัดขั้นตอนตรงกลางไปและข้ามไปยังผลลัพธ์เลย

เขาต้องวิเคราะห์แบ่งแยก ก่อนจะนำปัจจัยต่างๆ มารวมกันใหม่ และทำแบบนี้ซ้ำหลายครั้ง แม้ว่าเวทบทนี้จะเป็นเวทมนตร์ระดับฝึกหัดที่มีโครงสร้างง่ายๆ แต่มันก็ยังยากลำบากหากลูเซียนต้องการจะสร้างขั้นตอนใหม่ในเวลาอันสั้น

‘มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ แต่ฉันก็ยังไม่เคยลองดู มันจะต้องมีข้อผิดพลาดใหญ่หลวงแน่ๆ’

ผีดิบใต้น้ำที่อยู่ห่างออกไปยี่สิบเมตรกินสมองของสการ์หมดแล้วจึงโยนร่างของเขาทิ้งไว้ด้านข้าง และวิ่งตรงมาหาลูเซียน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยชิ้นเนื้อเหวอะหวะ กลิ่นเหม็นเน่า และความรู้สึกหวาดกลัวที่พุ่งสูง ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นเป็นภาพเชื่องช้าชัดเจนอยู่ตรงหน้าลูเซียน

ลูเซียนยังคงมีท่าทางสงบนิ่ง ขณะสะกดกลั้นความตื่นตระหนกและความกลัวในใจ และเฝ้ามองผีดิบใต้น้ำเหมือนผู้ที่เพิ่งผ่านทางมาเท่านั้น กำมะถันที่เหมือนเม็ดทรายในมือเขาค่อยๆ ร่วงหล่นลงเป็นเส้นสายที่เปล่งประกายวิบวับภายใต้แสงสว่างเรืองรอง

ในขณะเดียวกันนั้น ลูเซียนก็ออกเสียงพยางค์สั้นๆ ที่ฟังแปลกหู ทำให้บรรยากาศโดยรอบนั้นดูแปลกประหลาดและเงียบงัน

ผีดิบใต้น้ำตนนี้เคลื่อนไหวได้รวดเร็วอย่างยิ่ง เพียงหนึ่งวินาที หรือก็คือตอนที่คาถาร่ายจบพอดี มันก็วิ่งมาอยู่ห่างจากเบื้องหน้าลูเซียนเพียงหนึ่งเมตรแล้ว

ในตอนนั้นเองที่ลูเซียนเพิ่งจะเปลี่ยนอักษรรูนตัวหน้าของ ‘เวทสาดพิษ’ เสร็จ และเปลวไฟกำลังลุกพึ่บขึ้น

ทันทีที่ลูเซียนบังคับตัวเองให้หยุดร่ายคาถา เขาก็รู้สึกว่าสมองและดวงจิตของเขาเหมือนถูกค้อนทุบจนวิงเวียนสับสน ในจมูกเขาร้อนผ่าว ก่อนที่เลือดจะไหลลงมาอย่างรวดเร็ว

เขาไม่สามารถส่งพลังจิตหนุนนำเปลวไฟซึ่งเป็นส่วนที่ต้องทำต่อได้!

ทว่า กรงเล็บของผีดิบใต้น้ำนั้นเข้ามาใกล้จนเกือบถึงศีรษะของลูเซียนแล้ว!

ลูเซียนรู้ดีว่านี่คือช่วงเวลาสำคัญที่สุด เมื่อเห็นว่าตนเองไม่สามารถรวบรวมพลังจิตให้ส่งเปลวเพลิงออกไปได้ เขาจึงเลิกควบคุมพลังจิตและปล่อยให้เปลวเพลิงขยับขยายไปตามที่มันต้องการ

ภายใต้ภาพเคลื่อนไหวเชื่องช้าสงบนิ่งนั้น ลูเซียนมองเห็นกำแพงเพลิงสีฟ้าปรากฏขึ้นตรงหน้า เผาไหม้ตัวผีดิบใต้น้ำที่กำลังเข้ามาหาเขา และไหม้มือเขาเองเช่นกัน

ความเจ็บปวดจากรอยแผลไหม้นั้นทำให้ลูเซียนได้สติจากอาการวิงเวียนสับสนขึ้นมาเล็กน้อย เขาควบคุมแรงโน้มถ่วงใน ‘เวทบ่วงคุ้มภัย’ ที่ยังคงทำงาน เพื่อทำให้มือของผีดิบอ่อนกำลังลงก่อนจะถึงตัวเขา และทำให้ร่างกายเขาเบาขึ้น จากนั้นจึงเบี่ยงตัวหนีไปด้านข้าง

เสียงผ้าฉีกขาดดังขึ้น เป็นเพราะลูเซียนหลบกรงเล็บของผีดิบใต้น้ำเกือบไม่พ้น เสื้อเขาจึงขาดลากยาว

ลูเซียนกลิ้งตัวไปบนพื้นจนเกือบจะถึงสายน้ำดำมืดก่อนที่เขาจะลุกขึ้นมาหันมองไปทางผีดิบใต้น้ำ

กำแพงเพลิงสีฟ้าหายไปเมื่อมันไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของพลังจิตลูเซียนอีกต่อไป ทว่าผีดิบใต้น้ำตอนนี้มีสภาพไม่ต่างจากศพชุ่มน้ำมันส่งกลิ่นเหม็นฉุนของเนื้อไหม้ มันได้กลายเป็นเหมือนคบเพลิงมนุษย์ที่มีเปลวเพลิงสีเขียวจางๆ ครอกอยู่

มันโบกมือไปมา หยุดไล่ตามลูเซียน แต่กลับโซเซตรงไปยังสายน้ำดำมืด หมายจะกลับลงไปในน้ำ

พลังจิตของลูเซียนหมดเกลี้ยงแล้ว เขาจึงร่ายเวทมนตร์ไม่ได้อีก แต่เขาไม่คิดถอย กลับคว้ากริชขึ้นมาด้วยใจฮึกเหิมเมื่อเข้าตาจน ก่อนจะวิ่งตรงเข้าใส่ผีดิบใต้น้ำ หากไม่ฉวยโอกาสนี้สังหารมัน จะรอให้มันฟื้นคืนกำลังกลับมาหรือไร?!

ไฟนั้นสมกับที่เป็นศัตรูตัวฉกาจของผีดิบใต้น้ำเสียจริง มันดูเหมือนกับว่า แม้แต่พละกำลังของผีดิบก็ถูกเผาไหม้ไปด้วย มันจึงเดินช้าลงมาก ลูเซียนตามไปทัน เขาเงื้อกริชขึ้นและแทงเข้าใส่กระบอกตาข้างหนึ่งของมัน

ในเมื่อเปลวไฟซีดจางในดวงตาทั้งสองข้างนั้นตราตรึงใจลูเซียนเสียเหลือเกิน!

หลังจากที่ถูกแทง ผีดิบใต้น้ำก็เงื้อแขนขึ้น แต่ลูเซียนเตรียมไว้แล้ว บวกกับที่ความเร็วของมันตกลงอย่างมาก เขาจึงหลบเลี่ยงแขนของมันได้ ก่อนจะจ้วงแทงกริชอีกครั้ง

หนึ่งครั้ง สองครั้ง…หลังจากแทงเข้าไปห้าครั้งเต็มๆ ผีดิบใต้น้ำที่เดินมาอยู่ริมทางเดิน ห่างจากสายน้ำดำมืดไปเพียงห้าสิบเซนติเมตร เปลวไฟซีดจางในดวงตาทั้งสองของมันก็ดับลงในที่สุด ทั้งร่างไหม้เกรียมเพราะเปลวเพลิง จากนั้นมันก็ล้มลงไปกองกับพื้น ไร้การเคลื่อนไหวใดๆ อีก

เมื่อทุกอย่างจบลง ลูเซียนจึงได้ยอมให้ตัวเองหวาดกลัวและโล่งใจ เขาหอบหายใจหนัก ก่อนจะใช้กริชเขี่ยกะโหลกศีรษะของผีดิบใต้น้ำออกมาแล้วนำมันไปแช่น้ำ เพื่อที่เยื่อสมองของมันจะไม่ถูกเผาไหม้ไปด้วย

จากนั้นไม่นาน เปลวเพลิงก็ดับลง เหลือไว้เพียงเถ้าถ่านของผีดิบใต้น้ำ

ทว่าในขี้เถ้านั้นกลับมีสิ่งของบางอย่างที่สะท้อนแสงแวววาว

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด