Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา 231 การเปิดตัว

Now you are reading Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา Chapter 231 การเปิดตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 ทั้งนิโคไลย์และวอลเตอร์เป็นสมาชิกกลุ่มผู้ศรัทธาในศาสนาอยู่แล้ว จนกระทั่งทั้งสองได้เข้าร่วมกลุ่มผู้พิทักษ์ราตรีด้วยเหตุด้วยผลบางประการ ตอนนี้ ทั้งสองคนเป็นบาทหลวงระดับห้า คนหนึ่งเป็นผู้นำกลุ่มผู้พิทักษ์ราตรีจากโฮล์ม และอีกคนเป็นผู้พิทักษ์ราตรีจากกลุ่มที่ชื่อว่า ‘แฮมเมอร์’ ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของ ‘คณะไต่สวนแลนซ์’ ทั้งนิโคไลย์และวอลเตอร์ต่างเป็นผู้ศรัทธาและเลื่อมใสในความเชื่อของตนอย่างบ้าคลั่ง นั่นจึงเป็นสาเหตุที่วารันไทน์เรียกใช้สองคนนี้ เนื่องจากใครก็ตามที่ได้รับภารกิจนี้ก็ไปทำเหมือนถูกส่งไปตาย

“ใต้เท้าวารันไทน์ ข้าเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลาที่จะพลีชีพเพื่อปกป้องเกียรติยศแห่งพระเจ้า ความตายไม่ใช่จุดจบ มีดินแดนมหัศจรรย์อันเป็นนิรันดร์รออยู่หลังประตู ‘สวรรค์ขุนเขา’” นิโคไลย์คุกเข่าลงข้างหนึ่งและทำเครื่องหมายกางเขน

เขาเป็นชายวัยกลางคนร่างกายบึกบึนสวมชุดสีขาวธรรมดาๆ เขาไม่มีภรรยา ไม่มีบุตร และไม่ครอบครองสิ่งใด เนื่องจากเขาอุทิศทุกอย่างให้กับ ‘พระเจ้าแห่งสัจธรรม’

 แม้ว่าวอลเตอร์ ชายผู้มีผมสีน้ำตาล จะดูหนุ่มกว่านิโคไลย์ แต่ดวงตาสีฟ้าของเขาบ่งบอกถึงประสบการณ์อันโชกโชน “ใต้เท้าวารันไทน์ ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวลเมื่อเผชิญหน้ากับความตาย สิ่งที่น่าพรั่นพรึงจริงๆ ก็คือการสูญเสียศรัทธาในพระเจ้า นั่นประหนึ่งติดกับดักอยู่ในนรกชั่วนิรันดร์ หากเราตาย ใต้เท้าวารันไทน์ เราก็เพียงกลับสู่อ้อมแขนของพระผู้เป็นเจ้าของเราก็เท่านั้นเอง”

“ดีมาก การอุทิศตนต่อพระผู้เป็นเจ้าของพวกเจ้าช่างสูงส่ง ข้าสัมผัสได้ถึงความผิดของพระผู้เป็นเจ้า ประตูสวรรค์ขุนเขาจะเปิดรับเจ้าเสมอ และถ้าเจ้ารอดชีวิตกลับมาจากภารกิจครั้งนี้ ข้าจะพาเจ้าทั้งสองคนเข้าเฝ้าพระสันตะปาปาในนครโฮล์มเพื่อให้เจ้าได้รับการประทานพร และเจ้าหน้าที่สองคนจะกลายเป็นพระคาร์นิดัลชั้นอาวุโส”

เมื่อสัมผัสได้ถึงความอุทิศตนของผู้พิทักษ์ราตรีทั้งสอง วารันไทน์กล่าวชื่นชมทั้งสองและให้คำสัญญาไว้มากมาย “เป้าหมายหลักของเจ้าในภารกิจครั้งนี้คือเฟลิเป การ์เนโร ซึ่งอยู่ในลำดับที่ 91  ของ ‘บัญชีกวาดล้าง’ นอกจากเขาแล้ว เป้าหมายที่สองของพวกเจ้าคือลูเซียน อีวานส์ เอ็กซ์ แต่ขอให้มุ่งเป้าไปที่การสังหารเฟลิเปเพราะเขาเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่ง ส่วนลูเซียน อีวานส์ เอ็กซ์  ตอนนี้อยู่ภายใต้การคุ้มครองของผู้วิเศษและจอมเวทชั้นอาวุโสหลายคน อย่าสละชีวิตของพวกเจ้าเพราะเขา หากเจ้ามีโอกาสหลบหนี”

“พวกดูหมิ่นเป็นพระเจ้าต้องถูกกำจัดให้สิ้น!”  นิโคไลย์และวอลเตอร์ตอบเสียงดังฟังชัด

ในอีกด้านหนึ่ง วาฮารัลล์นำดาบสีเงินเล่มหนึ่งออกมาด้วยท่าทีขึงขัง ดาบเล่มนี้แม้จะดูเหมือนดาบธรรมดา แต่บรรจุพลังอันยิ่งใหญ่ไว้ภายใน “นี่เป็นดาบที่ถอดแบบมาจากอุปกรณ์เทพ ‘ดาบแห่งสัจธรรม’ จากสังฆมณฑลโฮล์ม และพลังบางส่วนก็มาจากดาบของจริง ดาบเล่มนี้สามารถตัดสื่อกลางระหว่างนักเวทกับอุปกรณ์เวทของแต่ละคนได้ นั่นรวมถึง ‘กล่องชีวิต’ หรือ ‘อุปกรณ์เก็บวิญญาณ’ เนื่องจากเฟลิเป เราต้องใช้ดาบเล่มนี้ในการสังหาร”

เหตุผลที่ ‘พร’ ของตระกูลฮอฟเฟนเบิร์กได้รับการขนานนามว่า ‘ดาบแห่งสัจธรรม’ ก็เพราะว่าตะกูลฮอฟเฟนเบิร์กต่างมีพลังเดียวกันนี่เอง

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่มีทางที่พระคาร์ดินัลจะยอมให้ผู้พิทักษ์ราตรีทั้งสองได้ใช้อาวุธชั้นตำนาน เนื่องจากการสูญเสียดาบที่มีพลังระดับนั้นเป็นสิ่งที่พระคาร์ดินัลเหล่านี้ย่อมไม่เกิดขึ้นไม่ได้ ฉะนั้น พระคาร์ดินัลนักบุญชั้นตำนานทั้งสามรูปจึงใช้เวลาหลายวันในการถอดแบบดาบด้วยวงเวท วัสดุ และพลังทั้งหมดที่มี พลังของอาวุธถอดแบบนี้สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว

เมื่อปล่อยนิโคไลย์รับดาบไป วาฮารัลล์ก็บอกกับเขา “นักเวทเฒ่าที่ชื่อ ‘เวิร์น’ จะพาเจ้าเข้าไปในคฤหาสน์ที่ซาริวาที่เฟลิเปพักอยู่ จงอดทนรอ แล้วจะเอาทั้งสองจะได้โอกาสสังหารเฟลิเป”

เวิร์นเป็นจอมเวทระดับสี่  นักเวทระดับสี่  เมื่อสมัยเขายังเป็นหนุ่ม เขาประสบความสำเร็จมากมาย และเขาก็เคยสังหารผู้พิทักษ์ราตรีไปสองสามคน อย่างไรก็ตาม เมื่ออายุมากขึ้น ความก้าวหน้าในอาร์คานาศาสตร์ก็ช้าลงและหยุดพัฒนาในที่สุด เวิร์นถึงกับหลงทาง

เวิร์นหลงทางอยู่ภายในคำถามพื้นฐานมากมายที่เขาเฝ้าถามตัวเอง ชีวิตมาจากไหน? พลังเวทมนตร์เกิดขึ้นได้อย่างไร? วิญญาณเกิดมาจากที่ไหนและอย่างไร? เมื่อเขาไม่สามารถพบคำตอบจากอาร์คานาศาสตร์ เขาจึงค่อยๆ ผันตัวเองกลายเป็นผู้ศรัทธาในพระเจ้า

ดังนั้น มีเพียงเวิร์นยอมรับภารกิจในการพาผู้พิทักษ์ราตรีทั้งสองคนเข้าไปยังสถานที่ซึ่งเหล่าอัจฉริยะที่สำคัญที่สุดของสภาเวทมนตร์พักอยู่ สำหรับผู้แปรพักตร์อื่นๆ ไม่ว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้ยอมร่วมมือกับศาสนจักร ก็ยังไม่กล้าทำถึงขนาดนี้

 นิโคไลย์และวอลเตอร์ยืนขึ้น ทำเครื่องหมายกางเขนบริเวณหน้าอก “สัจจะคงอยู่นิรันดร์!”

 “สัจจะคงอยู่นิรันดร์!” วารันไทน์และวาฮารัลล์ทวนคำและมองดูผู้พิทักษ์ราตรีทั้งสองจากไป

วาฮารัลล์ถอนหายใจ “พวกเขาเป็นผู้รับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของพระเจ้า  พวกเขามีศรัทธาแรงกล้าไม่ควรต้องมาพลีชีพ เรามีงานต้องทำอีกมากเพื่อหานักเวทที่เต็มใจทำงานให้เราในเมืองอัลลิน ภารกิจนี้จะทำให้เราขาดทุนย่อยยับ”

“การขาดทุนของเราจะได้รับการชดเชย” วารันไทน์หลับตาลง สีหน้าดูค่อนข้างจริงจัง “นี่ไม่ใช่การพลีชีพ แต่เป็นการอุทิศตน”

“สวัสดีขอรับ ท่านเฟลิเป”

“ท่านเฟลิเป…”

ด้านนอกคฤหาสน์ เมื่อเห็นเฟลิเปซึ่งอยู่ในเสื้อนอกทรงยาวสีดำเหมือนทุกที เดินมาทางพวกเขา นักเวทศาสตร์มืดชั้นกลางหลายคนต่างทักทายเขาด้วยความเคารพอย่างจริงใจ

เฟลิเปเป็นเพียงคนเดียว นอกเหนือจากบรรดามหาจอมเวทและนักเวทชั้นตำนาน ที่มีหวังจะได้รับรางวัล ‘บัลลังก์นิรันดร’ อีกครั้ง และรางวัล ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ ก็มีโอกาสเช่นกัน แม้ว่างานวิจัยก่อนหน้านี้ของเขาที่ศึกษาความทรงจำของเซลล์เป็นงานวิจัยที่ดีเต็มไปด้วยความรู้เชิงวิชาการและเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง แต่นั่นยังไม่ใกล้เคียงกับงานวิจัยชิ้นนี้ที่ล้มล้าง ‘ทฤษฎีพลังชีวิต’ ซึ่งเป็นแนวคิดพื้นฐานของสำนักศาสตร์มืด

อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่ามีนักเวทศาสตร์มืดอีกหลายต่อหลายคนที่เกลียดขี้หน้าเฟลิเป มากถึงขนาดอยากเผาเขาให้กลายเป็นจุล ในทางกลับกัน จอมเวทส่วนใหญ่จากเจตจำนงแห่งธาตุค่อนข้างผิดหวังไปตามๆ กัน เนื่องจากพวกเขาหวังว่าควรจะเป็นจอมเวทสายธาตุที่เป็นคนค้นพบความจริงข้อนี้

เมื่อเป็นที่สนอกสนใจของคนจำนวนมาก เฟลิเปก็ยังรักษาท่าทีสุขุมและเชื่อมั่นในตัวเองไว้ได้เป็นอย่างดี หลังจากพยักหน้าทักทายกับนักเวทศาสตร์มืด เขาก็มุ่งหน้าตรงไปยังห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์ ตามโรเจริโอและจอมเวทชั้นอาวุโสคนอื่นๆ

ก่อนที่จะเข้าไปยังห้องโถง เฟลิเปเหลือบมองไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งลูเซียนเพิ่งเดินออกมาจากบ้านพัก มุมปากของเฟลิเปเลิกขึ้น เป็นรอยยิ้มที่แฝงนัยอยู่บนใบหน้า ราวกับว่าเขากำลังพูดว่า “ทำดีมาก ศาสตราจารย์”

เห็นได้ชัดว่าเฟลิเปมีความสุขมากกับผลลัพธ์จากแผนของเขา แปลว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่มีนักเวทคนไหนครัวระเบิดเพราะทฤษฎีใหม่ แต่พวกหัวโบราณดื้อด้านอีกหลายคนในสำนักศาสตร์มืดจะติดกับอยู่ในการศึกษาอาร์คานาศาสตร์ไปอีกนาน

ก่อนที่ลูเซียนจะมีปฏิกิริยาอะไร เฟลิเปก็เดินเข้าไปในห้องโถงเสร็จแล้ว น่าแปลกใจ มีเวทีความสูงประมาณหนึ่งสร้างไว้กลางห้องโถง บนเวที มีแท่นปฏิบัติการเล่นแร่แปรธาตุ และอุปกรณ์ทดลองครบชุดล้อมรอบด้วยวงเวททรงพลังมากมาย

หลอดและท่อแก้วสองสามชิ้นพร้อมทั้งขวดแก้วอีกสองขวดต่อเข้ากันเป็นระบบปิดที่มีการไหลเวียนภายใน องค์ประกอบทั้งหมดดูเป็นปริศนาแต่งดงาม

“เกิดอะไรขึ้นที่นี่?” เฟลิเปค่อนข้างแปลกใจ เขาคิดว่าทุกคนมารวมตัวกันเพื่ออภิปรายโครงการวิจัยกับเหล่าดรูอิด

“พวกเขาจะทำอะไร…? พวกนักเวทจากเจตจำนงแห่งธาตุ…” เฟลิเปค่อนข้างสงสัย ขณะเขานั่งลงตรงกลางแถวด้านหลังโรเจริโอและเปเซอร์

“ท่านรู้ไหมว่านี่จะทำอะไรกัน?” โรเจริโอถามเปเซอร์  หนึ่งในสมาชิกคณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานา

เปเซอร์ผงกศีรษะ “ไม่รู้เลย การประชุมปิดโครงการวิจัยเป็นความคิดของแกสตัน”

เขาไม่ได้สนใจอยู่แล้ว เนื่องจากไม่มีทางที่นักเวทสายธาตุจะสามารถนำเสนอผลการวิจัยที่ล้มล้างทฤษฎี ซึ่งจะส่งผลเสียต่อรากฐานของสำนักศาสตร์มืดได้อีกต่อไป หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นกับทฤษฎีพลังชีวิต แทบเป็นไปไม่ได้ที่ใครจะมาล้มล้างทฤษฎีพื้นฐานอื่นๆ ของสำนักศาสตร์มืดได้อีก เนื่องจากทฤษฎีเหล่านี้มีความเป็นนามธรรมเกินไปที่มนุษย์จะเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

ตอนนั้นเอง ลูเซียน พร้อมด้วยราเวนติ แกสตัน ล็อกลินน์ และนักเวทคนอื่นๆ จากเจตจำนงแห่งธาตุ ก็เข้ามาในห้องโถงและนั่งลงอีกฝั่งหนึ่ง

“มอร์ริส? ทำไมเขาอยู่ที่นี่?” ทีนา-ทีมอสเลิกคิ้วของนาง

มอร์ริสไม่ได้อยู่ในโครงการวิจัยนี้ นางสงสัยว่าทำไมถึงปรากฏตัวในวันนี้

“เขาคงสนใจการอภิปรายเรื่องทฤษฎีกราฟชีวิตเหมือนกัน เหมือนกับข้า” โรเจริโอไม่เห็นว่ามีอะไรเป็นพิเศษกับการที่มอร์ริสปรากฏตัวขึ้นที่นี่

ณ เวลาสิบสี่นาฬิกา เหล่าจอมเวททั้งหมดมีส่วนร่วมในโครงการก็มากันพร้อมหน้า ขณะเดียวกัน ตัวแทนจากดรูอิด ไอริสทีนและอาร์เซเลียนก็มาถึงแล้ว เนื่องจากมัลฟิวเรียนล้มเลิกความพยายามจะทำงานร่วมกับมหาจอมเวทในการศึกษาพลังเทพแห่งธรรมชาติ ดรูอิดจึงไม่ถูกกดดันจากป่ามากนัก

ที่ชั้นบน มัลฟิวเรียนและมหาจอมเวทอีกหลายคนกำลังมองลงมาที่เวทีจากหน้าต่างมิติ

“แฮททาเวย์ ทำไมเจ้าอยากให้เรามาอยู่ที่นี่?” ธานาทอสซึ่งกำลังนั่งอยู่ในเก้าอี้นวมการสบายถามขึ้น แม้ว่าสำนักศาสตร์มืดได้รับความเสียหายอยู่บ้าง เขาโล่งใจที่นักเวทศาสตร์มืดส่วนใหญ่สามารถรับมือกับความยากลำบากหลังจากคดีพลังชีวิตถูกล้มล้าง

“มาดูการทดลอง ง่ายๆ แต่ทรงพลังพอที่จะสั่นคลอนรากฐานของศาสนจักร” แฮททาเวย์ตอบโดยไม่หันหน้าไปมองผู้ถาม ดวงตาสีเทาเงินของนางกำลังจับจ้องอยู่ที่เวที “บางทีเราก็ติดกับดัก เพราะเราคิดอะไรลึกซึ้งเกินไป แต่ความจริงอาจไม่ได้เป็นอย่างนั้นจริงๆ และบางทีก็อาจเหมือนพลังเทพแห่งธรรมชาติ”

เมื่อได้ยินคำตอบของแฮททาเวย์ ‘ดักลาส’ ประธานสภาเวทมนตร์ ซึ่งถึงขั้นต้องระงับการทดลองของตัวเองเพื่อมาชมการประชุมเปิดโครงการครั้งนี้ และ ‘บรูค’ รองประธาน ก็มีสีหน้าจริงจังมาก

ขาดเพียง ‘แม่มดแห่งดินแดนเหมันต์’ และ ‘หัตถ์ทำลายล้าง’ ซึ่งไม่ได้มาร่วมงาน มหาจอมเวทคนอื่นๆ ก็มากันพร้อมหน้า

ราเวนติอยู่ในชุดสีเทา เดินออกมาหน้าเวทีและยืนอยู่หลังชุดอุปกรณ์ทั้งหมด ว่าแล้วเขาก็พูดด้วยเสียงอันดัง “การอภิปรายอันยอดเยี่ยมเรื่องความถูกต้องของทฤษฎีพลังชีวิตเป็นแรงบันดาลใจให้เรา นักเวทสายธาตุชั้นอาวุโสจากเจตจำนงแห่งธาตุ ประกอบกับแรงบันดาลใจจากเรื่องเล่าในตำนาน เราได้คิดค้นการทดลองอันน่าอัศจรรย์นี้ ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี เนื่องจากการทดลองอาจใช้เวลานาน เรามาเริ่มอภิปรายผลของโครงการระหว่างรอผลการทดลองออกมาเถอะ”

เมื่อเห็นราเวนติแสดงท่าทีเคร่งเครียด จอมเวททั้งหลายต่างรู้สึกวิตกกังวลเป็นอย่างมาก

นี่มันการทดลองอะไรกันแน่?

…………………………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา 231 การเปิดตัว

Now you are reading Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา Chapter 231 การเปิดตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 ทั้งนิโคไลย์และวอลเตอร์เป็นสมาชิกกลุ่มผู้ศรัทธาในศาสนาอยู่แล้ว จนกระทั่งทั้งสองได้เข้าร่วมกลุ่มผู้พิทักษ์ราตรีด้วยเหตุด้วยผลบางประการ ตอนนี้ ทั้งสองคนเป็นบาทหลวงระดับห้า คนหนึ่งเป็นผู้นำกลุ่มผู้พิทักษ์ราตรีจากโฮล์ม และอีกคนเป็นผู้พิทักษ์ราตรีจากกลุ่มที่ชื่อว่า ‘แฮมเมอร์’ ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของ ‘คณะไต่สวนแลนซ์’ ทั้งนิโคไลย์และวอลเตอร์ต่างเป็นผู้ศรัทธาและเลื่อมใสในความเชื่อของตนอย่างบ้าคลั่ง นั่นจึงเป็นสาเหตุที่วารันไทน์เรียกใช้สองคนนี้ เนื่องจากใครก็ตามที่ได้รับภารกิจนี้ก็ไปทำเหมือนถูกส่งไปตาย

“ใต้เท้าวารันไทน์ ข้าเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลาที่จะพลีชีพเพื่อปกป้องเกียรติยศแห่งพระเจ้า ความตายไม่ใช่จุดจบ มีดินแดนมหัศจรรย์อันเป็นนิรันดร์รออยู่หลังประตู ‘สวรรค์ขุนเขา’” นิโคไลย์คุกเข่าลงข้างหนึ่งและทำเครื่องหมายกางเขน

เขาเป็นชายวัยกลางคนร่างกายบึกบึนสวมชุดสีขาวธรรมดาๆ เขาไม่มีภรรยา ไม่มีบุตร และไม่ครอบครองสิ่งใด เนื่องจากเขาอุทิศทุกอย่างให้กับ ‘พระเจ้าแห่งสัจธรรม’

 แม้ว่าวอลเตอร์ ชายผู้มีผมสีน้ำตาล จะดูหนุ่มกว่านิโคไลย์ แต่ดวงตาสีฟ้าของเขาบ่งบอกถึงประสบการณ์อันโชกโชน “ใต้เท้าวารันไทน์ ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวลเมื่อเผชิญหน้ากับความตาย สิ่งที่น่าพรั่นพรึงจริงๆ ก็คือการสูญเสียศรัทธาในพระเจ้า นั่นประหนึ่งติดกับดักอยู่ในนรกชั่วนิรันดร์ หากเราตาย ใต้เท้าวารันไทน์ เราก็เพียงกลับสู่อ้อมแขนของพระผู้เป็นเจ้าของเราก็เท่านั้นเอง”

“ดีมาก การอุทิศตนต่อพระผู้เป็นเจ้าของพวกเจ้าช่างสูงส่ง ข้าสัมผัสได้ถึงความผิดของพระผู้เป็นเจ้า ประตูสวรรค์ขุนเขาจะเปิดรับเจ้าเสมอ และถ้าเจ้ารอดชีวิตกลับมาจากภารกิจครั้งนี้ ข้าจะพาเจ้าทั้งสองคนเข้าเฝ้าพระสันตะปาปาในนครโฮล์มเพื่อให้เจ้าได้รับการประทานพร และเจ้าหน้าที่สองคนจะกลายเป็นพระคาร์นิดัลชั้นอาวุโส”

เมื่อสัมผัสได้ถึงความอุทิศตนของผู้พิทักษ์ราตรีทั้งสอง วารันไทน์กล่าวชื่นชมทั้งสองและให้คำสัญญาไว้มากมาย “เป้าหมายหลักของเจ้าในภารกิจครั้งนี้คือเฟลิเป การ์เนโร ซึ่งอยู่ในลำดับที่ 91  ของ ‘บัญชีกวาดล้าง’ นอกจากเขาแล้ว เป้าหมายที่สองของพวกเจ้าคือลูเซียน อีวานส์ เอ็กซ์ แต่ขอให้มุ่งเป้าไปที่การสังหารเฟลิเปเพราะเขาเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่ง ส่วนลูเซียน อีวานส์ เอ็กซ์  ตอนนี้อยู่ภายใต้การคุ้มครองของผู้วิเศษและจอมเวทชั้นอาวุโสหลายคน อย่าสละชีวิตของพวกเจ้าเพราะเขา หากเจ้ามีโอกาสหลบหนี”

“พวกดูหมิ่นเป็นพระเจ้าต้องถูกกำจัดให้สิ้น!”  นิโคไลย์และวอลเตอร์ตอบเสียงดังฟังชัด

ในอีกด้านหนึ่ง วาฮารัลล์นำดาบสีเงินเล่มหนึ่งออกมาด้วยท่าทีขึงขัง ดาบเล่มนี้แม้จะดูเหมือนดาบธรรมดา แต่บรรจุพลังอันยิ่งใหญ่ไว้ภายใน “นี่เป็นดาบที่ถอดแบบมาจากอุปกรณ์เทพ ‘ดาบแห่งสัจธรรม’ จากสังฆมณฑลโฮล์ม และพลังบางส่วนก็มาจากดาบของจริง ดาบเล่มนี้สามารถตัดสื่อกลางระหว่างนักเวทกับอุปกรณ์เวทของแต่ละคนได้ นั่นรวมถึง ‘กล่องชีวิต’ หรือ ‘อุปกรณ์เก็บวิญญาณ’ เนื่องจากเฟลิเป เราต้องใช้ดาบเล่มนี้ในการสังหาร”

เหตุผลที่ ‘พร’ ของตระกูลฮอฟเฟนเบิร์กได้รับการขนานนามว่า ‘ดาบแห่งสัจธรรม’ ก็เพราะว่าตะกูลฮอฟเฟนเบิร์กต่างมีพลังเดียวกันนี่เอง

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่มีทางที่พระคาร์ดินัลจะยอมให้ผู้พิทักษ์ราตรีทั้งสองได้ใช้อาวุธชั้นตำนาน เนื่องจากการสูญเสียดาบที่มีพลังระดับนั้นเป็นสิ่งที่พระคาร์ดินัลเหล่านี้ย่อมไม่เกิดขึ้นไม่ได้ ฉะนั้น พระคาร์ดินัลนักบุญชั้นตำนานทั้งสามรูปจึงใช้เวลาหลายวันในการถอดแบบดาบด้วยวงเวท วัสดุ และพลังทั้งหมดที่มี พลังของอาวุธถอดแบบนี้สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว

เมื่อปล่อยนิโคไลย์รับดาบไป วาฮารัลล์ก็บอกกับเขา “นักเวทเฒ่าที่ชื่อ ‘เวิร์น’ จะพาเจ้าเข้าไปในคฤหาสน์ที่ซาริวาที่เฟลิเปพักอยู่ จงอดทนรอ แล้วจะเอาทั้งสองจะได้โอกาสสังหารเฟลิเป”

เวิร์นเป็นจอมเวทระดับสี่  นักเวทระดับสี่  เมื่อสมัยเขายังเป็นหนุ่ม เขาประสบความสำเร็จมากมาย และเขาก็เคยสังหารผู้พิทักษ์ราตรีไปสองสามคน อย่างไรก็ตาม เมื่ออายุมากขึ้น ความก้าวหน้าในอาร์คานาศาสตร์ก็ช้าลงและหยุดพัฒนาในที่สุด เวิร์นถึงกับหลงทาง

เวิร์นหลงทางอยู่ภายในคำถามพื้นฐานมากมายที่เขาเฝ้าถามตัวเอง ชีวิตมาจากไหน? พลังเวทมนตร์เกิดขึ้นได้อย่างไร? วิญญาณเกิดมาจากที่ไหนและอย่างไร? เมื่อเขาไม่สามารถพบคำตอบจากอาร์คานาศาสตร์ เขาจึงค่อยๆ ผันตัวเองกลายเป็นผู้ศรัทธาในพระเจ้า

ดังนั้น มีเพียงเวิร์นยอมรับภารกิจในการพาผู้พิทักษ์ราตรีทั้งสองคนเข้าไปยังสถานที่ซึ่งเหล่าอัจฉริยะที่สำคัญที่สุดของสภาเวทมนตร์พักอยู่ สำหรับผู้แปรพักตร์อื่นๆ ไม่ว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้ยอมร่วมมือกับศาสนจักร ก็ยังไม่กล้าทำถึงขนาดนี้

 นิโคไลย์และวอลเตอร์ยืนขึ้น ทำเครื่องหมายกางเขนบริเวณหน้าอก “สัจจะคงอยู่นิรันดร์!”

 “สัจจะคงอยู่นิรันดร์!” วารันไทน์และวาฮารัลล์ทวนคำและมองดูผู้พิทักษ์ราตรีทั้งสองจากไป

วาฮารัลล์ถอนหายใจ “พวกเขาเป็นผู้รับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของพระเจ้า  พวกเขามีศรัทธาแรงกล้าไม่ควรต้องมาพลีชีพ เรามีงานต้องทำอีกมากเพื่อหานักเวทที่เต็มใจทำงานให้เราในเมืองอัลลิน ภารกิจนี้จะทำให้เราขาดทุนย่อยยับ”

“การขาดทุนของเราจะได้รับการชดเชย” วารันไทน์หลับตาลง สีหน้าดูค่อนข้างจริงจัง “นี่ไม่ใช่การพลีชีพ แต่เป็นการอุทิศตน”

“สวัสดีขอรับ ท่านเฟลิเป”

“ท่านเฟลิเป…”

ด้านนอกคฤหาสน์ เมื่อเห็นเฟลิเปซึ่งอยู่ในเสื้อนอกทรงยาวสีดำเหมือนทุกที เดินมาทางพวกเขา นักเวทศาสตร์มืดชั้นกลางหลายคนต่างทักทายเขาด้วยความเคารพอย่างจริงใจ

เฟลิเปเป็นเพียงคนเดียว นอกเหนือจากบรรดามหาจอมเวทและนักเวทชั้นตำนาน ที่มีหวังจะได้รับรางวัล ‘บัลลังก์นิรันดร’ อีกครั้ง และรางวัล ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ ก็มีโอกาสเช่นกัน แม้ว่างานวิจัยก่อนหน้านี้ของเขาที่ศึกษาความทรงจำของเซลล์เป็นงานวิจัยที่ดีเต็มไปด้วยความรู้เชิงวิชาการและเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง แต่นั่นยังไม่ใกล้เคียงกับงานวิจัยชิ้นนี้ที่ล้มล้าง ‘ทฤษฎีพลังชีวิต’ ซึ่งเป็นแนวคิดพื้นฐานของสำนักศาสตร์มืด

อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่ามีนักเวทศาสตร์มืดอีกหลายต่อหลายคนที่เกลียดขี้หน้าเฟลิเป มากถึงขนาดอยากเผาเขาให้กลายเป็นจุล ในทางกลับกัน จอมเวทส่วนใหญ่จากเจตจำนงแห่งธาตุค่อนข้างผิดหวังไปตามๆ กัน เนื่องจากพวกเขาหวังว่าควรจะเป็นจอมเวทสายธาตุที่เป็นคนค้นพบความจริงข้อนี้

เมื่อเป็นที่สนอกสนใจของคนจำนวนมาก เฟลิเปก็ยังรักษาท่าทีสุขุมและเชื่อมั่นในตัวเองไว้ได้เป็นอย่างดี หลังจากพยักหน้าทักทายกับนักเวทศาสตร์มืด เขาก็มุ่งหน้าตรงไปยังห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์ ตามโรเจริโอและจอมเวทชั้นอาวุโสคนอื่นๆ

ก่อนที่จะเข้าไปยังห้องโถง เฟลิเปเหลือบมองไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งลูเซียนเพิ่งเดินออกมาจากบ้านพัก มุมปากของเฟลิเปเลิกขึ้น เป็นรอยยิ้มที่แฝงนัยอยู่บนใบหน้า ราวกับว่าเขากำลังพูดว่า “ทำดีมาก ศาสตราจารย์”

เห็นได้ชัดว่าเฟลิเปมีความสุขมากกับผลลัพธ์จากแผนของเขา แปลว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่มีนักเวทคนไหนครัวระเบิดเพราะทฤษฎีใหม่ แต่พวกหัวโบราณดื้อด้านอีกหลายคนในสำนักศาสตร์มืดจะติดกับอยู่ในการศึกษาอาร์คานาศาสตร์ไปอีกนาน

ก่อนที่ลูเซียนจะมีปฏิกิริยาอะไร เฟลิเปก็เดินเข้าไปในห้องโถงเสร็จแล้ว น่าแปลกใจ มีเวทีความสูงประมาณหนึ่งสร้างไว้กลางห้องโถง บนเวที มีแท่นปฏิบัติการเล่นแร่แปรธาตุ และอุปกรณ์ทดลองครบชุดล้อมรอบด้วยวงเวททรงพลังมากมาย

หลอดและท่อแก้วสองสามชิ้นพร้อมทั้งขวดแก้วอีกสองขวดต่อเข้ากันเป็นระบบปิดที่มีการไหลเวียนภายใน องค์ประกอบทั้งหมดดูเป็นปริศนาแต่งดงาม

“เกิดอะไรขึ้นที่นี่?” เฟลิเปค่อนข้างแปลกใจ เขาคิดว่าทุกคนมารวมตัวกันเพื่ออภิปรายโครงการวิจัยกับเหล่าดรูอิด

“พวกเขาจะทำอะไร…? พวกนักเวทจากเจตจำนงแห่งธาตุ…” เฟลิเปค่อนข้างสงสัย ขณะเขานั่งลงตรงกลางแถวด้านหลังโรเจริโอและเปเซอร์

“ท่านรู้ไหมว่านี่จะทำอะไรกัน?” โรเจริโอถามเปเซอร์  หนึ่งในสมาชิกคณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานา

เปเซอร์ผงกศีรษะ “ไม่รู้เลย การประชุมปิดโครงการวิจัยเป็นความคิดของแกสตัน”

เขาไม่ได้สนใจอยู่แล้ว เนื่องจากไม่มีทางที่นักเวทสายธาตุจะสามารถนำเสนอผลการวิจัยที่ล้มล้างทฤษฎี ซึ่งจะส่งผลเสียต่อรากฐานของสำนักศาสตร์มืดได้อีกต่อไป หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นกับทฤษฎีพลังชีวิต แทบเป็นไปไม่ได้ที่ใครจะมาล้มล้างทฤษฎีพื้นฐานอื่นๆ ของสำนักศาสตร์มืดได้อีก เนื่องจากทฤษฎีเหล่านี้มีความเป็นนามธรรมเกินไปที่มนุษย์จะเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

ตอนนั้นเอง ลูเซียน พร้อมด้วยราเวนติ แกสตัน ล็อกลินน์ และนักเวทคนอื่นๆ จากเจตจำนงแห่งธาตุ ก็เข้ามาในห้องโถงและนั่งลงอีกฝั่งหนึ่ง

“มอร์ริส? ทำไมเขาอยู่ที่นี่?” ทีนา-ทีมอสเลิกคิ้วของนาง

มอร์ริสไม่ได้อยู่ในโครงการวิจัยนี้ นางสงสัยว่าทำไมถึงปรากฏตัวในวันนี้

“เขาคงสนใจการอภิปรายเรื่องทฤษฎีกราฟชีวิตเหมือนกัน เหมือนกับข้า” โรเจริโอไม่เห็นว่ามีอะไรเป็นพิเศษกับการที่มอร์ริสปรากฏตัวขึ้นที่นี่

ณ เวลาสิบสี่นาฬิกา เหล่าจอมเวททั้งหมดมีส่วนร่วมในโครงการก็มากันพร้อมหน้า ขณะเดียวกัน ตัวแทนจากดรูอิด ไอริสทีนและอาร์เซเลียนก็มาถึงแล้ว เนื่องจากมัลฟิวเรียนล้มเลิกความพยายามจะทำงานร่วมกับมหาจอมเวทในการศึกษาพลังเทพแห่งธรรมชาติ ดรูอิดจึงไม่ถูกกดดันจากป่ามากนัก

ที่ชั้นบน มัลฟิวเรียนและมหาจอมเวทอีกหลายคนกำลังมองลงมาที่เวทีจากหน้าต่างมิติ

“แฮททาเวย์ ทำไมเจ้าอยากให้เรามาอยู่ที่นี่?” ธานาทอสซึ่งกำลังนั่งอยู่ในเก้าอี้นวมการสบายถามขึ้น แม้ว่าสำนักศาสตร์มืดได้รับความเสียหายอยู่บ้าง เขาโล่งใจที่นักเวทศาสตร์มืดส่วนใหญ่สามารถรับมือกับความยากลำบากหลังจากคดีพลังชีวิตถูกล้มล้าง

“มาดูการทดลอง ง่ายๆ แต่ทรงพลังพอที่จะสั่นคลอนรากฐานของศาสนจักร” แฮททาเวย์ตอบโดยไม่หันหน้าไปมองผู้ถาม ดวงตาสีเทาเงินของนางกำลังจับจ้องอยู่ที่เวที “บางทีเราก็ติดกับดัก เพราะเราคิดอะไรลึกซึ้งเกินไป แต่ความจริงอาจไม่ได้เป็นอย่างนั้นจริงๆ และบางทีก็อาจเหมือนพลังเทพแห่งธรรมชาติ”

เมื่อได้ยินคำตอบของแฮททาเวย์ ‘ดักลาส’ ประธานสภาเวทมนตร์ ซึ่งถึงขั้นต้องระงับการทดลองของตัวเองเพื่อมาชมการประชุมเปิดโครงการครั้งนี้ และ ‘บรูค’ รองประธาน ก็มีสีหน้าจริงจังมาก

ขาดเพียง ‘แม่มดแห่งดินแดนเหมันต์’ และ ‘หัตถ์ทำลายล้าง’ ซึ่งไม่ได้มาร่วมงาน มหาจอมเวทคนอื่นๆ ก็มากันพร้อมหน้า

ราเวนติอยู่ในชุดสีเทา เดินออกมาหน้าเวทีและยืนอยู่หลังชุดอุปกรณ์ทั้งหมด ว่าแล้วเขาก็พูดด้วยเสียงอันดัง “การอภิปรายอันยอดเยี่ยมเรื่องความถูกต้องของทฤษฎีพลังชีวิตเป็นแรงบันดาลใจให้เรา นักเวทสายธาตุชั้นอาวุโสจากเจตจำนงแห่งธาตุ ประกอบกับแรงบันดาลใจจากเรื่องเล่าในตำนาน เราได้คิดค้นการทดลองอันน่าอัศจรรย์นี้ ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี เนื่องจากการทดลองอาจใช้เวลานาน เรามาเริ่มอภิปรายผลของโครงการระหว่างรอผลการทดลองออกมาเถอะ”

เมื่อเห็นราเวนติแสดงท่าทีเคร่งเครียด จอมเวททั้งหลายต่างรู้สึกวิตกกังวลเป็นอย่างมาก

นี่มันการทดลองอะไรกันแน่?

…………………………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+