Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา 158 สังเคราะห์

Now you are reading Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา Chapter 158 สังเคราะห์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เฟลิเปซุกมือกลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุม แม้ว่าเขาจะยังดูใจเย็น แต่ในใจกลับมีความคิดมากมายผุดขึ้น หากไม่ใช่ว่าศาสตราจารย์คือคนบ้าที่แท้จริง เขาก็คงจะมีความมั่นใจว่าการทดลองจะต้องประสบความสำเร็จแน่ๆ

เฟลิเปเริ่มรู้สึกลังเล เขาไม่แน่ใจว่าตนควรพนันขันต่อกับศาสตราจารย์หรือควรจะสู้กับอีกฝ่ายให้รู้แล้วรู้รอดไป อย่างไรเสีย ทางศาสนจักรก็บรรยายศาสตราจารย์ไว้ว่า ‘เจ้าเล่ห์เพทุบายและอันตรายอย่างยิ่ง’

แต่สุดท้าย เฟลิเปก็ห้ามความอยากรู้อยากเห็นของตนไว้ไม่ได้ และในขณะเดียวกัน ความมั่นใจของเขาที่มีต่อทฤษฎีแห่งพลังชีวิตก็ผลักดันให้เขาตัดสินใจ เขาจำต้องยอมรับว่าเขาเองก็อยากจะเห็นว่าทฤษฎีรากฐานของศาสตร์มืดจะถูกล้มล้างเหมือนกับทฤษฎีโบราณก่อนหน้านี้หรือไม่

เฟลิเปเองก็เป็นจอมเวทผู้หนึ่ง และลูเซียนก็กำลังเดิมพันบนความปรารถนาของเขาที่มีต่อความรู้ใหม่ๆ และบนความอยากรู้อยากเห็นของเขาด้วยเช่นกัน

“นอกจากการขอโทษแล้ว… หากท่านแพ้พนัน ท่านก็ไม่ได้เสียอะไรเลย ศาสตราจารย์” เฟลิเปตอบกลับเนิบๆ

คนที่เหลือต่างประหลาดใจ ดูเหมือนว่าเฟลิเปจะวางเดิมพันกับศาสตราจารย์จริงๆ

แม้ว่าในใจลูเซียนจะตื่นเต้นมากเพียงใด เขาก็ยังตอบกลับด้วยความนิ่งสงบและสั้นๆ “อย่างน้อยภารกิจข้าก็จะล้มเหลว”

เฟลิเปมองมือขวาของตนแล้วกำแน่น น้ำเสียงขณะกล่าวก็หนักแน่นขึ้น “ก็ได้ ท่านศาสตราจารย์ ข้าจะเดิมพันกับท่าน เรามาทำสัญญาปีศาจกันเถอะ”

ตามที่ตำราโหราศาสตร์และเวทธาตุว่าไว้นั้น สัญญาเวทมนตร์คือการใช้พลังอันยิ่งใหญ่ทั้งหลายบนโลกนี้เป็นพยานรับรอง พลังของการรับรองนั้นแตกต่างไปตามระดับของผู้ทำสัญญา จากพลังเวททั่วๆ ไป ไปจนถึงระดับปีศาจ หรืออาจกระทั่งต้นกำเนิดพลังของโลกใบนี้ก็ได้ สำหรับนักเวทระดับกลางแล้ว สัญญาปีศาจถือว่าเหมาะสมที่สุด หากว่าผู้ทำสัญญาไม่ทำตามที่สัญญาไว้ คนผู้นั้นก็จะถูกลงโทษจากพลังในสัญญา

“ข้าเชื่อใจท่านเฟลิเป และข้าก็เชื่อใจในตนเอง เราไม่จำเป็นต้องทำสัญญาหรอก” ลูเซียนตอบกลับนิ่งๆ ความจริงแล้ว เขาไม่มีความสามารถมากพอจะอัญเชิญปีศาจมา และถึงแม้เฟลิเปจะเป็นฝ่ายอัญเชิญออกมา พลังที่แท้จริงของเขาก็จะถูกปีศาจรับรู้ได้ในทันที “หากว่าข้าไม่น่าเชื่อถือ ข้าไม่คิดว่าท่านไวเคานต์จะเชื้อเชิญข้ามาร่วมงานฉลองหรอก” ลูเซียนมองไปทางไวเคานต์คาเรนเดีย

ไวเคานต์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ๆ ชื่อเขาก็ถูกพูดถึง เขาเดาว่าเพราะศาสตราจารย์ไม่ต้องการจะใช้ชื่อจริงลงนามในสัญญา เขาจึงพยักหน้าและกล่าวตอบ “ข้าเป็นพยานให้ได้ และทุกคนในที่นี่ก็เป็นพยานเช่นกัน”

เฟลิเปพยักหน้า “ข้าเห็นด้วย เช่นนั้น เริ่มการทดลองได้เลย ท่านศาสตราจารย์”

ลูเซียนโบกมือปฏิเสธ “เพื่อความยุติธรรม ข้าจะบอกว่าท่านต้องทำอะไร แล้วท่านเฟลิเป ท่านจะเป็นผู้ทำการทดลองในครานี้”

“ยุติธรรมดี” เฟลิเปพยักหน้าเห็นด้วย “ขอเวลาข้าสร้างห้องทดลองสักครู่”

เหตุผลที่ลูเซียนให้เฟลิเปทำการทดลองครั้งนี้ก็เพราะเขาไม่สามารถทำได้เอง

เฟลิเปหยิบกระท่อมสีทองขนาดเท่ากำปั้นออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุม ก่อนจะหยิบอุปกรณ์สำหรับการแปรธาตุขนาดจิ๋วออกมาอีกมากมาย

ทันทีที่อุปกรณ์ต่างๆ ออกมาจากกระท่อม ภายใต้การควบคุมของเฟลิเป พวกมันก็ขยายกลับสู่ขนาดเดิม ไม่นาน ห้องทดลองเล็กแต่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ก็สร้างแล้วเสร็จ

ลูเซียนนึกหวังให้ตนเองมีของประเภทนี้ในอนาคตเช่นกัน แต่เขาไม่รู้เลยว่าจะไปหาได้จากที่ใด

เมื่อเฟลิเปสร้างห้องทดลองเสร็จ นักเวทศาสตร์มืดและจอมเวทที่หันหน้าเข้าหาเวทีก็เริ่มกระซิบกระซาบกันอีกครั้ง

“เจ้าคิดว่าศาสตราจารย์จะสังเคราะห์ส่วนผสมสำหรับสิ่งมีชีวิตออกมาได้จริงๆ หรือไม่” เจ้าอ้วนถามด้วยความรู้สึกหลากหลาย

“ไม่มีทาง” ไวน์ส่ายศีรษะทันที “ทฤษฎีแห่งพลังชีวิตคือความจริงแท้ตลอดกาล ซึ่งสร้างขึ้นจากอาร์ชเมจระดับตำนานมากมายในอดีต”

“ใช่ มันคือความจริงแท้ตลอดกาลสำหรับเรา” นักเวทศาสตร์มืดผู้หนึ่งหันกลับมามองทางกลุ่มเจ้าอ้วนแล้วพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “ไม่เช่นนั้นเราก็ต้องสังเคราะห์ชิ้นส่วนร่างกายมนุษย์ได้ตั้งนานแล้วสิ”

“แต่ถ้าศาสตราจารย์ล้มเหลว…” เจ้าอ้วนพูดเสียงแผ่ว “หากว่าท่านล้มเหลว เราก็จะต้องเข้าร่วมหัตถ์ไร้ชีวาน่ะสิ เอาจริงๆ นะ ข้ายอมไปที่โบสถ์แล้วสมัครเป็นผู้พิทักษณ์ราตรีเสียดีกว่าหากเหตุการณ์เป็นเช่นนั้น”

“บางทีท่านศาสตราจารย์กำลังวางแผนจู่โจมท่านเฟลิเปตอนที่ท่านทำการทดลองอยู่ก็ได้… เป็นการจู่โจมตอนที่ท่านเฟลิเปยังไม่พร้อมอย่างไรเล่า” ขนมปังเองก็ลดเสียงเช่นกัน เขาเกลียดเฟลิเปอย่างยิ่ง

“น่ารังเกียจ…” การ์รูปาเหลือบมองขนมปัง “แต่ข้าชอบ!

“ช่างไร้เดียงสา…” นักเวทศาสตร์มืดผู้นั้นแย้มยิ้มเย็นชา “เจ้าคิดว่าท่านเฟลิเปจะโง่เขลาถึงเพียงนั้นหรือ เจ้าคิดว่าหากถึงตอนนั้นท่านไวเคานต์จะยังอยู่นิ่งหรือ”

บนเวที ซิดนีย์เองก็กระซิบถาม “ท่านศาสตราจารย์ต้องการทำอะไรกันแน่” เขาไม่เข้าใจเพราะไม่เคยคิดว่าการทดลองนี้จะประสบความสำเร็จ

“ไม่รู้สิ ข้าเอาเวลาไปคิดวิธีเอาตัวรอดในหัตถ์ไร้ชีวายังดีกว่า” เทสส์ตอบ

เซสซี่เองก็ส่ายศีรษะ “ข้าได้ตัดสินใจไปแล้ว ข้าจะเข้าร่วมกับหัตถ์ไร้ชีวา ไม่ว่าการทดลองนี้จะสำเร็จหรือไม่”

ซิดนีย์นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “พวกเจ้าพูดถูก การเข้าร่วมกับหัตถ์ไร้ชีวาดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเราในตอนนี้”

“ท่านศาสตราจารย์ มาเริ่มกันเถอะ” ดวงตาเฟลิเปฉายแววคลุ้มคลั่งเล็กน้อย

ลูเซียนรีบอ่านเนื้อหาในวารสารอาร์คานาที่เขาเคยอ่านแล้วคัดลอกไว้ในห้องสมุดห้วงจิตเพื่อให้แน่ใจว่าองค์ประกอบทางเคมีที่เขาจำได้นั้นถูกต้อง จากนั้นจึงกับเฟลิเป “รวบรวมไนโตรเจนและไฮโดรเจนมาเก็บไว้แยกกัน”

ลูเซียนพยายามจะใช้วิธีการสังเคราะห์คาร์มาไบต์แบบที่อุตสาหกรรมใช้ ซึ่งก็คือสารอินทรีย์สังเคราะห์เทียมอย่างแรกในโลกก่อน เหตุผลที่ลูเซียนไม่ใช้วิธีการแบบในห้องแล็บก็คือเขาไม่คุ้นเคยกับสัญลักษณ์เคมีบางอย่างที่ใช้ในกระบวนการนี้ และเขาก็ไม่อยากจะทำให้เฟลิเปมีเหตุผลในการสงสัยพลังที่แท้จริงของเขา

และอีกอย่างก็คือ วิธีการแบบอุตสาหกรรมนั้นง่ายดาย และสสารในการทดลองหลายๆ ตัวก็หาได้ทั่วไป ลูเซียนคุ้นเคยกับสัญลักษณ์ทางเคมีนี้ก็เพราะเขาเคยอ่านมาจากวารสาร ส่วนสภาพแวดล้อมที่ต้องเป็นแบบอุณหภูมิสูงและมีแรงกดดันต่ำนั้น สำหรับโลกเวทมนตร์แห่งนี้ มันไม่ใช่เรื่องยากเลย

เวทแยกก๊าซนั้นเป็นเพียงเวทมนตร์ธรรมดาสำหรับนักเวท เฟลิเปนึกว่าจุดเริ่มต้นการทดลองนี้จะแตกต่างไปเสียอีก

“ใส่แม่เหล็กลงไปชิ้นหนึ่ง…” ลูเซียนสั่งให้เฟลิเปใส่ตัวเร่งปฏิกิริยาลงไปในเตา “ผสมก๊าซลงไปตามปริมาณที่เหมาะสม จากนั้นเร่งความร้อนขึ้นไปที่ประมาณห้าร้อยองศา ส่วนแรงกดอากาศคือ…”

ขณะทำตามคำสั่งของลูเซียน เฟลิเปพยายามสุดความสามารถที่จะใช้วงแหวนแปรธาตุทุกวงเพื่อให้ได้อุณหภูมิและแรงกดอากาศตามคำสั่ง

หลังจากเร่งปฏิกิริยาทางเคมีสำเร็จ เฟลิเปก็สัมผัสภาชนะ “ไม่มีอะไรเลย ท่านศาสตราจารย์”

“ยัง” ลูเซียนตอบอย่างใจเย็น “แยกไนโตรเจนกับไฮโดรเจนออกมา แล้วเก็บก๊าซที่เหลือไว้”

“อา… ก๊าซแอมโมเนีย” เฟลิเปยักไหล่ “ท่านน่าจะบอกข้าให้เร็วกว่านี้นะ ข้าเคยสร้างก๊าซแอมโมเนียในห้องทดลองมาก่อน”

จริงๆ แล้วลูเซียนไม่รู้ว่าจะต้องพูดคำว่าแอมโมเนียอย่างไรในโลกใบนี้ เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพียงออกคำสั่งต่อ “ทำให้มันเย็นลงแล้วปล่อยให้มันกลายเป็นของเหลว จากนั้นก็แยกมันแล้วใส่คาร์บอนไดออกไซด์”

เฟลิเปพอจะเดาออกแล้วว่าศาสตราจารย์ต้องการจะทำอะไร แต่เขาไม่เชื่อว่าการทดลองง่ายๆ นี้จะสร้างคาร์บาไมด์ออกมาได้

เฟลิเปทำตามที่ลูเซียนบอก ใส่แอมโมเนียเหลวกับคาร์บอนไดออกไซด์ลงไปในเตาอีกครั้ง

เขาเร่งความร้อนและแรงกดอากาศอีกครั้ง แต่คราวนี้ อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณสองร้อยองศาเท่านั้น และแรงกดอากาศก็ต่ำกว่าครั้งก่อน

“รักษาอุณหภูมิกับแรงกดอากาศนี้ไว้ และรอสักครู่” ลูเซียนพยักหน้า

เฟลิเป ไวเคานต์คาเรนเดีย นักเวทศาสตร์มืดและจอมเวทต่างเฝ้ารอ พวกเขาเชื่อว่ายังมีอีกขั้นตอนหนึ่ง เพราะไม่มีทางที่ทฤษฎีแห่งพลังชีวิตจะถูกล้มล้างด้วยการทดลองง่ายๆ เช่นนี้แน่

พวกเขากำลังรอ

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด