Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา 220 ต่างความคิด

Now you are reading Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา Chapter 220 ต่างความคิด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ก่อนจะเข้าไปในโรงแรม ลูเซียนก็ปลดเหรียญตราเวทมนตร์ออก เหลือไว้เพียงเหรียญตราอาร์คานาสี่ดาวไว้บนอก จากนั้นจึงหยิบแว่นตากรอบโลหะที่ซื้อมาจากตัวเมืองอัลลินเพื่อปลอมตัวมาสวม เขารู้สึกกังวลว่าแพทริก ฮอฟเฟนเบิร์ก อาจจะล่วงรู้ถึงตัวตนของเขาแล้ว ตอนนี้เขาจึงอยากจะระวังตัวมากขึ้น ถึงจะช้าแต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

ตอนนี้โซ่เหล็กที่ติดกับขาแว่นตาห้อยอยู่สองข้างใบหน้าลูเซียนที่ดูเหลี่ยมคมกว่าปกติ

หลังจากจัดโบว์ไทเล็กน้อย ลูเซียนก็ตรงเข้าไปในโรงแรมรากมังกรด้วยความมั่นใจและฝีเท้าที่มั่นคง

แสงอาทิตย์ส่องลอดผ่านหน้าต่างโรงแรมเข้ามา ทุกอย่างภายในนั้นจึงดูสว่างไสวและสงบเงียบ

สองเอลฟ์ชาวดรูอิดหน้าตางดงามผู้มีผมสีบลอนด์ หนึ่งเป็นชายและอีกหนึ่งเป็นหญิง กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวตรงมุมหนึ่ง และเฝ้ารอนักเวทจากสภาเวทมนตร์ ทั้งสองมีสาวใช้และอัศวินเอลฟ์หน้าตาดีอีกหลายคนรายล้อมอยู่

ตรงนั้นไม่มีแขกคนอื่นๆ เลย มีเพียงเจ้าของโรงแรมกับคนรับใช้เท่านั้น

“ท่านพี่ ลูเซียน อีวานส์ ‘เจ้าแห่งลำดับธาตุ’ คือผู้ชนะรางวัล ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ ที่อายุน้อยที่สุด และยังเป็นจอมเวทระดับสี่อีกด้วย เช่นนั้นระดับพลังเวทของเขาก็คงใกล้จะอยู่ในระดับสูงแล้วน่ะสิ เราจะทำเช่นไรกันดีเพคะ” เอลฟ์สาวหน้าตางดงามชวนตะลึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความกังวล

นางไม่คาดคิดว่าพวกตนจะถูกจับแยกจากอาจารย์ และฝ่ายารทำลายโครงการทั้งหมดจึงเกิดความปั่นป่วนไปหมด ตอนนี้พวกนางถูกแบ่งให้มาอยู่กลุ่มย่อยกับลูเซียน อีวานส์ นักเวทหนุ่มมากสามารถ ผู้ชนะรางวัล ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ เช่นนี้ความผิดพลาดใดก็ตามที่พวกตนต้องการให้เกิดขึ้นกับการทดลองก็จะเห็นได้ชัดเจนภายใต้สายตาของจอมเวท

เพื่อที่จะใช้ประโยชน์จากชื่อเสียงของลูเซียนได้สูงสุด ทางคณะกรรมการกิจการจึงจงใจละระดับเวทมนตร์ของลูเซียนในตอนที่พวกเขาบอกข้อมูลลูเซียนให้กับชาวดรูอิด และพวกเขายังตั้งฉายาเท่ๆ ให้กับลูเซียนว่า ‘เจ้าแห่งลำดับธาตุ’ ซึ่งกว่าจะได้มานั้นก็ต้องปรึกษาหารือกันหลายรอบ

ในขณะที่ฟิลิปนั้นไม่จำเป็นต้องซ่อนระดับเวทมนตร์ของเขา และเขาเองก็ได้รับฉายาใหม่เช่นกัน นั่นคือ ‘หัตถ์แห่งการฟื้นฟู’

“ไอริสทีน เราจะไม่เป็นอันใด อย่างแรก เราสามารถไม่ให้ความร่วมมือด้วยการมอบสัญลักษณ์เวทศักดิ์สิทธิ์ที่มีบางส่วนไม่ครบก็ได้ อย่างที่สอง ในเมื่อตอนนี้เรากำลังจะมีส่วนร่วมในการทดลอง เวลาที่เราต้องจดบันทึกข้อมูลสำคัญ เราก็แค่ ‘ทำพลาด’ อยู่ตลอดก็ได้นี่ ข้าหมายถึง เรารู้อะไรเกี่ยวกับอาร์คานาศาสตร์กันล่ะ” อาร์เซเลียนตอบ สีหน้าขยะแขยงแสดงให้เห็นถึงความรังเกียจเดียดฉันท์ที่มีต่อมนุษย์ “งานหลักของเราก็คือถ่วงเวลาอยู่ที่นี่ ในเมื่อท่านผู้เฒ่าคนอื่นๆ จากราชสำนักจะทำหน้าที่หยุดยั้งผู้เฒ่าหลวงเอง ไม่นาน เราก็จะได้กลับไปยังป่าอันงดงามและสะอาดสะอ้านของเราแล้ว”

ไอริสทีนพยักหน้าหงึกหงักแล้วยิ้มกว่าง “หวังว่าเราจะได้ทำอะไรที่นี่เพื่อธรรมชาติของเราบ้างนะเพคะ ว่าแต่ว่า สิ่งประดิษฐ์ที่มนุษย์คิดค้นขึ้นบางอย่างดูแล้วไม่เลวร้ายเท่าไรเลย เก้าอี้ยาวตัวนี้ให้ความรู้สึกค่อนข้างดีทีเดียว…”

อาร์เซเลียนตวัดสายตาเคร่งเครียดมาโดยพลัน “ไอริสทีน จงจำไว้ว่าเก้าอี้ยาวพวกนี้ต่างสร้างมาจาท่อนไม้ มันมาจากการที่มนุษย์เข้าไปตัดไม้ที่ยังมีชีวิตอยู่ ข้าแทบจะได้ยินเสียงต้นไม้เหล่านั้นร้องไห้คร่ำครวญ! จงอย่าปล่อยให้ตนเองเพลิดเพลินไปกับความเสื่อมทรามนี้! ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้นั่งบนต้นไม้ที่แท้จริงและเต็มไปด้วยพลังชีวิตอีกแล้ว!”

เมื่อได้ยินคำตำหนิจากพี่ชาย ไอริสทีนก็รู้สึกหัวเสียเล็กน้อย แต่นางก็ยังพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ข้าจะไม่ลืมของขวัญทั้งหมดที่ได้รับจากพระแม่แห่งสรรพสิ่งเพคะ”

นางกำหมัดแน่นด้วยความแน่วแน่ นางจะต้องหยุดยั้งมนุษย์จากการทำลายพระแม่แห่งสรรพสิ่งให้ได้

ในตอนนั้นเอง ทั้งสองก็สังเกตเห็นว่าชายหนุ่มที่ตัวไม่สูงมากเดินเข้ามา เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว เสื้อกั๊กสีเข้ม เสื้อสูทแบบกระดุมสองแถวและหมวกทรงสูงสีดำ แว่นตากรอบโลหะทำให้เขาดูสง่างามและลึกล้ำ

ในฐานะมนุษย์ผู้หนึ่ง ชายหนุ่มตรงหน้านี้ดูไม่แย่เลย และเขายังดูจะมีมารยาทมากเสียด้วย นั่นคือความประทับใจแรกของไอริสทีนและอาร์เซเลียนที่มีต่อตัวลูเซียน นับแต่ที่ทั้งสองออกมาจากป่าและเดินทางมาเข้าร่วมสังคมมนุษย์ พวกเขาก็คุ้นชินกับการตัดสินผู้คนจากภายนอกเป็นอันดับแรกเสียแล้ว

ไม่นาน พวกเขาก็สังเกตเห็นแหวนสีม่วงอ่อนบนมือขวาของลูเซียน ทั้งสองทราบได้ทันทีว่านี่คือแหวนมงกุฎแห่งโฮล์ม ดังที่สภาเวทมนตร์ได้บอกกล่าว

เมื่อรู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้ก็คือลูเซียน อีวานส์ อาร์เซเลียนกับไอริสทีนจึงลุกขึ้นยืนพร้อมกัน ในฐานะสมาชิกราชวงศ์เอลฟ์ ทั้งสองจำเป็นต้องรักษามารยาทอันดีงามเอาไว้ อีกอย่าง ลึกๆ ในใจแล้ว ฉายาน่าหวาดหวั่นและชื่อเสียงของเขาส่งผลต่อทั้งสองไม่น้อยเลย

“อรุณสวัสดิ์พะยะค่ะ ทั้งสองพระองค์คือเจ้าหญิงไอริสทีนและเจ้าชายอาร์เซเลียนใช่หรือไม่พะยะค่ะ” ลูเซียนถอดหมวกด้วยท่าทางมีมารยาท เขาแอบรู้สึกขอบคุณที่ทางคณะกรรมการส่งเขามาที่กลุ่มนี้ เพราะเจ้าชายมีพลังระดับสี่ ส่วนเจ้าหญิงมีพลังระดับสาม และลูเซียนก็รับมือกับทั้งสองได้อย่างง่ายดายด้วยแหวน ‘เวทธาตุ’ ของเขา

สำหรับบรรดาศักดิ์ของทั้งสองนั้น ลูเซียนไม่สนใจเลยสักนิด อย่างไรเสียเขาก็ไม่ใช่เอลฟ์เสียหน่อย

แน่นอนว่า องค์รักษ์ของเจ้าชายและเจ้าหญิงย่อมแข็งแกร่งกว่ามาก ตามที่ได้รับข้อมูลมาจากคณะกรรมการ แองกัสเตอร์คือนักธนูเวทมนตร์ระดับเจ็ด และทิริลล์คืออัศวินขั้นที่หก

ต่อหน้าจอมเวทท่านนี้ เจ้าหญิงไอริสทีนและเจ้าชายอาร์เซเลียนเองก็ทักทายเขาด้วยมารยาทแบบชาววัง “ใช่แล้ว เราคือสมาชิกของราชวงศ์แห่งทรูแมนเนอร์ ข้าขอบังอาจถามว่าท่านคือท่านลูเซียน อีวานส์ ‘เจ้าแห่งลำดับธาตุ’ ใช่หรือไม่”

เมื่อได้ยินฉายาของตน ลูเซียนก็อดที่จะประหลาดใจไม่ได้ เสี้ยววินาทีต่อมาเขาจึงพยักหน้ารับแล้วนั่งลงพร้อมกับเจ้าชายเจ้าหญิงด้วยท่าทีนิ่งสงบ “เรายังต้องรอสมาชิกอีกสองท่านเพื่อเริ่มการทดลองและการวิจัยของเราพะยะค่ะ พื้นที่ว่างทางตอนตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองนี้เป็นของเรา ส่วนหนึ่งยังอุดมสมบูรณ์ดี แต่อีกส่วนกลับไม่ดีเท่าไร ดังนั้น เราสามารถทำการทดลองที่ต่างกันได้พะยะค่ะ”

อาร์เซเลียนกับไอริสทีนไม่ได้สนใจกับศัพท์แสงเฉพาะทางของลูเซียนเลยสักนิด ทั้งสองกลับเริ่มพูดคุยเรื่องศิลปะกับลูเซียนแทน

แน่นอนว่าลูเซียนไม่นึกหวาดเกรงกับหัวข้อนี้สักนิด โดยรวมแล้ว พวกเขาพูดคุยอย่างเข้ากันได้ดีทีเดียว เพราะลูเซียนจงใจนำบทสนทนาเข้าสู่ดนตรี ลูเซียนยังได้เรียนรู้ไม่น้อยและได้รับแรงบันดาลใจจากการที่เจ้าชายเจ้าหญิงพูดถึงดนตรีของชาวเอลฟ์ และในขณะเดียวกัน ความเข้าใจอย่างมีแบบแผนที่ลูเซียนมีต่อดนตรีกับความรู้สึกและอารมณ์อันลึกล้ำของเขาก็ทำให้อาร์เซเลียนกับไอริสทีนประทับใจมาก

“ในหมู่มนุษย์ทั้งหมด ศิลปินและนักดนตรี ประติมากร นักเขียนบทละคร… พวกเขาคือผู้ที่มีค่าที่สุดบนโลกใบนี้ ศิลปะคือการตอบแทนความเมตตากรุณาของพระแม่แห่งสรรพสิ่งได้ดีที่สุดแล้ว” อาร์เซเลียนกำลังอารมณ์ดีอย่างยิ่ง รู้สึกราวกับว่าเขากำลังพูดคุยกับศิลปินอยู่ หาใช่ผู้ชนะรางวัล ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ และเป็นผู้มีอำนาจในศาสตร์แห่งธาตุ

ลูเซียนเหลือบลงมองเหรียญตราอาร์คานาบนอกตนเองเล็กน้อย เขาทอดถอนใจอย่างสะเทือนอารมณ์อยู่ภายในใจ เพราะเห็นได้ชัดว่าเอลฟ์ชั้นสูงทั้งสองนั้นมีอคติไม่น้อยเลยจริงๆ สำหรับมนุษย์แล้ว พวกเขาไม่เหมือนกับเหล่าเอลฟ์ที่เกิดมาพร้อมกับพลังเวทแฝงในกาย พวกเขาจำเป็นจะต้องเอาชีวิตรอดเสียก่อน ดังนั้นสังคมมนุษย์จึงจำเป็นต้องมีหลากหลายอาชีพเพื่อให้สังคมเดินหน้าต่อไปได้ด้วยดี

ขณะที่ลูเซียนเริ่มรู้สึกเบื่อหน่าย นักเวทสองคนก็เดินเข้ามา คนหนึ่งเป็นนักเวทวัยชราที่สวมเสื้อคลุมสีดำโดยมีเหรียญตราอาร์คานาห้าดาวกับเหรียญตราเวทมนตร์สี่วงแหวน ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นชายวัยกลางคนผมบลอนด์ผู้มีเหรียญตราอาร์คานาสี่ดาวและเหรียญตราเวทมนตร์สามวงแหวน ทั้งสองเป็นสมาชิกอีกสองคนในกลุ่มทำวิจัยของลูเซียน ไทเรลกับยูรีน

หลังจากแนะนำตัว ไทเรลก็เอ่ยขึ้นเสียงดัง “กระหม่อมรีบร้อนมาที่นี่แต่เช้าตรู่ และยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย กระหม่อมขอหาอะไรกินก่อนได้หรือไม่พะยะค่ะ บอกตามตรงว่ากระหม่อมคงทำงานไม่ได้แน่ถ้าท้องยังว่างเช่นนี้”

อาร์เซเลียนนั้นยิ่งกว่ายินดีกับการถ่วงเวลาไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม “ได้แน่นอน ไอริสรีนกับข้าก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยเช้านี้ ทำไมเราไม่ไปหาอะไรกินด้วยกันล่ะ ท่านคิดว่าอย่างไร ท่านอีวานส์”

ลูเซียนค้อมศีรษะ รู้ดีว่าพวกเขากำลังพยายามถ่วงเวลาอยู่ เขาเองก็ต้องการให้เจ้าชายเจ้าหญิงมีอะไรทำเพื่อขัดขวางพวกเขาจากการก่อกวนการวิจัยของกลุ่มอื่นๆ เช่นกัน

ในห้องอาหารของโรงแรม ลูเซียนกำลังตัดไส้กรอก ขณะที่ไทเรลกับยูรีนกำลังจัดการกับสเต็กมีเดียมแรร์ ซึ่งค่อนข้างจะมีเลือดอาบ

ไอริสทีนไม่อาจทนได้อีกต่อไป นางวางมีดกับส้อมลงแล้วเอ่ยขึ้นด้วยความกรุ่นโกรธ “ทำไมพวกมนุษย์ถึงต้องทำร้ายสิ่งมีชีวิตเพื่อสนองความต้องการของตนด้วย วัว แพะ ไก่… พวกมันต่างก็เป็นสหายของเรา! พระแม่แห่งสรรพสิ่งต้องอดทนมามากพอแล้วกับมนุษย์อย่างพวกเจ้า!”

อาร์เซเลียนเองก็ดูไม่ชอบใจเช่นกัน

แม้ว่าไทเรลกับยูรีนจะรู้สึกว่าเอลฟ์ทั้งสองนั้นทำตัวค่อนข้างหยาบคาย พวกเขาก็ยังยอมวางมีดกับส้อมของตนลง

ลูเซียนค่อยๆ กลืนไส้กรอกชิ้นหนึ่งลงคอไปแล้วเหลือบมองผลไม้ในจานของไอริสทีนกับอาร์เซเลียน จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นช้าๆ “ทำไมพวกเอลฟ์ถึงต้องทำร้ายสิ่งมีชีวิตเพื่อสนองความต้องการของพวกพระองค์ด้วย พืชพรรณเหล่านี้ทำอะไรผิดเช่นนั้นหรือ ทำไมพระองค์ถึงต้องเด็ดผลผลิต ลูกหลานของพวกมันมาด้วย ตามที่ศาสตร์มืดและศาสนจักรได้ประกาศออกมา พืชพรรณเหล่านี้ก็ถือเป็นสิ่งมีชีวิตเช่นเดียวกัน พวกพระองค์ไม่คิดเช่นนั้นหรือ”

“เจ้า…! ท่านอีวานส์ ข้านึกว่าท่านจะแตกต่าง ข้านึกว่าท่านจะเป็นศิลปินที่มีหัวใจเต็มไปด้วยความรัก แต่ไม่เลย ข้าคิดผิด อย่างไรท่านก็เป็นนักเวทชั่วร้ายอยู่ดี! ขอให้อร่อยกับมื้อเช้าอาบเลือดเช่นนี้นะ! แล้วไม่ต้องมาพูดกับเราเรื่องโครงการอีกจนกว่าพวกเจ้าจะกินมื้อเช้าอาบเลือดนี้เสร็จ!” ไอริสทีนกับอาร์เซเลียนลุกออกจากโต๊ะไปอย่างฉุนเฉียว

“เยี่ยมไปเลย ท่านอีวานส์” ไทเรลยิ้มกว้างชอบใจ “แม้ว่าท่านจะดูเหมือนคนอ่อนโยน แต่ท่านช่างเอ่ยวาจาเสียดสีได้ดียิ่ง และข้าก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกนั้นจะปากว่าตาขยิบถึงเพียงนี้

“เราจำเป็นต้องปกป้องธรรมชาติก็จริง แต่เราก็จำเป็นต้องมีชีวิตรอดเช่นกัน” ลูเซียนตอบด้วยสีหน้าจริงจัง จากนั้นเขาก็แย้มยิ้ม “อะไรก็ตามที่ขัดขวางข้าจากการกินเนื้อสัตว์คือสิ่งนอกรีต”

ความจริงแล้ว ลูเซียนก็แอบจินตนาการไว้ก่อนหน้านี้ว่าเขาอยากมีความสัมพันธ์อันดีงามกับเอลฟ์สาวสักคน แต่ตอนนี้มันคงจะเป็นไปได้ยากเสียแล้ว

“ข้าชอบสิ่งที่ท่านกล่าวนะ อะไรก็ตามที่ขัดขวางข้าจากการกินเนื้อสัตว์คือสิ่งนอกรีต!” ไทเรลจิ้มเนื้อชิ้นใหญ่เข้าปากแล้วเคี้ยวกร้วมๆ

ลูเซียนเช็ดมุมปากเบาๆ เขารู้ดีว่าทั้งไทเรลและยูรีนต่างไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นจอมเวท และเหรียญตราของทั้งสองก็เป็นของปลอม ความจริงแล้วไทเรลคือจอมเวทระดับสาม นักเวทระดับหก ในขณะที่ยูรีนเป็นจอมเวทระดับสอง นักเวทระดับห้า ทั้งสองเป็นนักเวทที่เชี่ยวชาญด้านการต่อสู่เป็นพิเศษ และภารกิจที่แท้จริงของพวกเขาก็คือการรับมือกับองค์รักษ์ของเจ้าชายเจ้าหญิง

ลูเซียนจิบน้ำแล้วคิดในใจ ‘เอลฟ์สองคนนี่ที่ไม่อยากทำงานกับเรา บวกกับนักเวทที่ชอบต่อสู้อีกสอง บวกกับฉัน จอมเวทระดับสี่ที่จริงๆ แล้วไม่สมควรได้รับตำแหน่งนี้เลย… กลุ่มนี้มันอะไรกันเนี่ย…’

……………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา 220 ต่างความคิด

Now you are reading Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา Chapter 220 ต่างความคิด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ก่อนจะเข้าไปในโรงแรม ลูเซียนก็ปลดเหรียญตราเวทมนตร์ออก เหลือไว้เพียงเหรียญตราอาร์คานาสี่ดาวไว้บนอก จากนั้นจึงหยิบแว่นตากรอบโลหะที่ซื้อมาจากตัวเมืองอัลลินเพื่อปลอมตัวมาสวม เขารู้สึกกังวลว่าแพทริก ฮอฟเฟนเบิร์ก อาจจะล่วงรู้ถึงตัวตนของเขาแล้ว ตอนนี้เขาจึงอยากจะระวังตัวมากขึ้น ถึงจะช้าแต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

ตอนนี้โซ่เหล็กที่ติดกับขาแว่นตาห้อยอยู่สองข้างใบหน้าลูเซียนที่ดูเหลี่ยมคมกว่าปกติ

หลังจากจัดโบว์ไทเล็กน้อย ลูเซียนก็ตรงเข้าไปในโรงแรมรากมังกรด้วยความมั่นใจและฝีเท้าที่มั่นคง

แสงอาทิตย์ส่องลอดผ่านหน้าต่างโรงแรมเข้ามา ทุกอย่างภายในนั้นจึงดูสว่างไสวและสงบเงียบ

สองเอลฟ์ชาวดรูอิดหน้าตางดงามผู้มีผมสีบลอนด์ หนึ่งเป็นชายและอีกหนึ่งเป็นหญิง กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวตรงมุมหนึ่ง และเฝ้ารอนักเวทจากสภาเวทมนตร์ ทั้งสองมีสาวใช้และอัศวินเอลฟ์หน้าตาดีอีกหลายคนรายล้อมอยู่

ตรงนั้นไม่มีแขกคนอื่นๆ เลย มีเพียงเจ้าของโรงแรมกับคนรับใช้เท่านั้น

“ท่านพี่ ลูเซียน อีวานส์ ‘เจ้าแห่งลำดับธาตุ’ คือผู้ชนะรางวัล ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ ที่อายุน้อยที่สุด และยังเป็นจอมเวทระดับสี่อีกด้วย เช่นนั้นระดับพลังเวทของเขาก็คงใกล้จะอยู่ในระดับสูงแล้วน่ะสิ เราจะทำเช่นไรกันดีเพคะ” เอลฟ์สาวหน้าตางดงามชวนตะลึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความกังวล

นางไม่คาดคิดว่าพวกตนจะถูกจับแยกจากอาจารย์ และฝ่ายารทำลายโครงการทั้งหมดจึงเกิดความปั่นป่วนไปหมด ตอนนี้พวกนางถูกแบ่งให้มาอยู่กลุ่มย่อยกับลูเซียน อีวานส์ นักเวทหนุ่มมากสามารถ ผู้ชนะรางวัล ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ เช่นนี้ความผิดพลาดใดก็ตามที่พวกตนต้องการให้เกิดขึ้นกับการทดลองก็จะเห็นได้ชัดเจนภายใต้สายตาของจอมเวท

เพื่อที่จะใช้ประโยชน์จากชื่อเสียงของลูเซียนได้สูงสุด ทางคณะกรรมการกิจการจึงจงใจละระดับเวทมนตร์ของลูเซียนในตอนที่พวกเขาบอกข้อมูลลูเซียนให้กับชาวดรูอิด และพวกเขายังตั้งฉายาเท่ๆ ให้กับลูเซียนว่า ‘เจ้าแห่งลำดับธาตุ’ ซึ่งกว่าจะได้มานั้นก็ต้องปรึกษาหารือกันหลายรอบ

ในขณะที่ฟิลิปนั้นไม่จำเป็นต้องซ่อนระดับเวทมนตร์ของเขา และเขาเองก็ได้รับฉายาใหม่เช่นกัน นั่นคือ ‘หัตถ์แห่งการฟื้นฟู’

“ไอริสทีน เราจะไม่เป็นอันใด อย่างแรก เราสามารถไม่ให้ความร่วมมือด้วยการมอบสัญลักษณ์เวทศักดิ์สิทธิ์ที่มีบางส่วนไม่ครบก็ได้ อย่างที่สอง ในเมื่อตอนนี้เรากำลังจะมีส่วนร่วมในการทดลอง เวลาที่เราต้องจดบันทึกข้อมูลสำคัญ เราก็แค่ ‘ทำพลาด’ อยู่ตลอดก็ได้นี่ ข้าหมายถึง เรารู้อะไรเกี่ยวกับอาร์คานาศาสตร์กันล่ะ” อาร์เซเลียนตอบ สีหน้าขยะแขยงแสดงให้เห็นถึงความรังเกียจเดียดฉันท์ที่มีต่อมนุษย์ “งานหลักของเราก็คือถ่วงเวลาอยู่ที่นี่ ในเมื่อท่านผู้เฒ่าคนอื่นๆ จากราชสำนักจะทำหน้าที่หยุดยั้งผู้เฒ่าหลวงเอง ไม่นาน เราก็จะได้กลับไปยังป่าอันงดงามและสะอาดสะอ้านของเราแล้ว”

ไอริสทีนพยักหน้าหงึกหงักแล้วยิ้มกว่าง “หวังว่าเราจะได้ทำอะไรที่นี่เพื่อธรรมชาติของเราบ้างนะเพคะ ว่าแต่ว่า สิ่งประดิษฐ์ที่มนุษย์คิดค้นขึ้นบางอย่างดูแล้วไม่เลวร้ายเท่าไรเลย เก้าอี้ยาวตัวนี้ให้ความรู้สึกค่อนข้างดีทีเดียว…”

อาร์เซเลียนตวัดสายตาเคร่งเครียดมาโดยพลัน “ไอริสทีน จงจำไว้ว่าเก้าอี้ยาวพวกนี้ต่างสร้างมาจาท่อนไม้ มันมาจากการที่มนุษย์เข้าไปตัดไม้ที่ยังมีชีวิตอยู่ ข้าแทบจะได้ยินเสียงต้นไม้เหล่านั้นร้องไห้คร่ำครวญ! จงอย่าปล่อยให้ตนเองเพลิดเพลินไปกับความเสื่อมทรามนี้! ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้นั่งบนต้นไม้ที่แท้จริงและเต็มไปด้วยพลังชีวิตอีกแล้ว!”

เมื่อได้ยินคำตำหนิจากพี่ชาย ไอริสทีนก็รู้สึกหัวเสียเล็กน้อย แต่นางก็ยังพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ข้าจะไม่ลืมของขวัญทั้งหมดที่ได้รับจากพระแม่แห่งสรรพสิ่งเพคะ”

นางกำหมัดแน่นด้วยความแน่วแน่ นางจะต้องหยุดยั้งมนุษย์จากการทำลายพระแม่แห่งสรรพสิ่งให้ได้

ในตอนนั้นเอง ทั้งสองก็สังเกตเห็นว่าชายหนุ่มที่ตัวไม่สูงมากเดินเข้ามา เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว เสื้อกั๊กสีเข้ม เสื้อสูทแบบกระดุมสองแถวและหมวกทรงสูงสีดำ แว่นตากรอบโลหะทำให้เขาดูสง่างามและลึกล้ำ

ในฐานะมนุษย์ผู้หนึ่ง ชายหนุ่มตรงหน้านี้ดูไม่แย่เลย และเขายังดูจะมีมารยาทมากเสียด้วย นั่นคือความประทับใจแรกของไอริสทีนและอาร์เซเลียนที่มีต่อตัวลูเซียน นับแต่ที่ทั้งสองออกมาจากป่าและเดินทางมาเข้าร่วมสังคมมนุษย์ พวกเขาก็คุ้นชินกับการตัดสินผู้คนจากภายนอกเป็นอันดับแรกเสียแล้ว

ไม่นาน พวกเขาก็สังเกตเห็นแหวนสีม่วงอ่อนบนมือขวาของลูเซียน ทั้งสองทราบได้ทันทีว่านี่คือแหวนมงกุฎแห่งโฮล์ม ดังที่สภาเวทมนตร์ได้บอกกล่าว

เมื่อรู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้ก็คือลูเซียน อีวานส์ อาร์เซเลียนกับไอริสทีนจึงลุกขึ้นยืนพร้อมกัน ในฐานะสมาชิกราชวงศ์เอลฟ์ ทั้งสองจำเป็นต้องรักษามารยาทอันดีงามเอาไว้ อีกอย่าง ลึกๆ ในใจแล้ว ฉายาน่าหวาดหวั่นและชื่อเสียงของเขาส่งผลต่อทั้งสองไม่น้อยเลย

“อรุณสวัสดิ์พะยะค่ะ ทั้งสองพระองค์คือเจ้าหญิงไอริสทีนและเจ้าชายอาร์เซเลียนใช่หรือไม่พะยะค่ะ” ลูเซียนถอดหมวกด้วยท่าทางมีมารยาท เขาแอบรู้สึกขอบคุณที่ทางคณะกรรมการส่งเขามาที่กลุ่มนี้ เพราะเจ้าชายมีพลังระดับสี่ ส่วนเจ้าหญิงมีพลังระดับสาม และลูเซียนก็รับมือกับทั้งสองได้อย่างง่ายดายด้วยแหวน ‘เวทธาตุ’ ของเขา

สำหรับบรรดาศักดิ์ของทั้งสองนั้น ลูเซียนไม่สนใจเลยสักนิด อย่างไรเสียเขาก็ไม่ใช่เอลฟ์เสียหน่อย

แน่นอนว่า องค์รักษ์ของเจ้าชายและเจ้าหญิงย่อมแข็งแกร่งกว่ามาก ตามที่ได้รับข้อมูลมาจากคณะกรรมการ แองกัสเตอร์คือนักธนูเวทมนตร์ระดับเจ็ด และทิริลล์คืออัศวินขั้นที่หก

ต่อหน้าจอมเวทท่านนี้ เจ้าหญิงไอริสทีนและเจ้าชายอาร์เซเลียนเองก็ทักทายเขาด้วยมารยาทแบบชาววัง “ใช่แล้ว เราคือสมาชิกของราชวงศ์แห่งทรูแมนเนอร์ ข้าขอบังอาจถามว่าท่านคือท่านลูเซียน อีวานส์ ‘เจ้าแห่งลำดับธาตุ’ ใช่หรือไม่”

เมื่อได้ยินฉายาของตน ลูเซียนก็อดที่จะประหลาดใจไม่ได้ เสี้ยววินาทีต่อมาเขาจึงพยักหน้ารับแล้วนั่งลงพร้อมกับเจ้าชายเจ้าหญิงด้วยท่าทีนิ่งสงบ “เรายังต้องรอสมาชิกอีกสองท่านเพื่อเริ่มการทดลองและการวิจัยของเราพะยะค่ะ พื้นที่ว่างทางตอนตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองนี้เป็นของเรา ส่วนหนึ่งยังอุดมสมบูรณ์ดี แต่อีกส่วนกลับไม่ดีเท่าไร ดังนั้น เราสามารถทำการทดลองที่ต่างกันได้พะยะค่ะ”

อาร์เซเลียนกับไอริสทีนไม่ได้สนใจกับศัพท์แสงเฉพาะทางของลูเซียนเลยสักนิด ทั้งสองกลับเริ่มพูดคุยเรื่องศิลปะกับลูเซียนแทน

แน่นอนว่าลูเซียนไม่นึกหวาดเกรงกับหัวข้อนี้สักนิด โดยรวมแล้ว พวกเขาพูดคุยอย่างเข้ากันได้ดีทีเดียว เพราะลูเซียนจงใจนำบทสนทนาเข้าสู่ดนตรี ลูเซียนยังได้เรียนรู้ไม่น้อยและได้รับแรงบันดาลใจจากการที่เจ้าชายเจ้าหญิงพูดถึงดนตรีของชาวเอลฟ์ และในขณะเดียวกัน ความเข้าใจอย่างมีแบบแผนที่ลูเซียนมีต่อดนตรีกับความรู้สึกและอารมณ์อันลึกล้ำของเขาก็ทำให้อาร์เซเลียนกับไอริสทีนประทับใจมาก

“ในหมู่มนุษย์ทั้งหมด ศิลปินและนักดนตรี ประติมากร นักเขียนบทละคร… พวกเขาคือผู้ที่มีค่าที่สุดบนโลกใบนี้ ศิลปะคือการตอบแทนความเมตตากรุณาของพระแม่แห่งสรรพสิ่งได้ดีที่สุดแล้ว” อาร์เซเลียนกำลังอารมณ์ดีอย่างยิ่ง รู้สึกราวกับว่าเขากำลังพูดคุยกับศิลปินอยู่ หาใช่ผู้ชนะรางวัล ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ และเป็นผู้มีอำนาจในศาสตร์แห่งธาตุ

ลูเซียนเหลือบลงมองเหรียญตราอาร์คานาบนอกตนเองเล็กน้อย เขาทอดถอนใจอย่างสะเทือนอารมณ์อยู่ภายในใจ เพราะเห็นได้ชัดว่าเอลฟ์ชั้นสูงทั้งสองนั้นมีอคติไม่น้อยเลยจริงๆ สำหรับมนุษย์แล้ว พวกเขาไม่เหมือนกับเหล่าเอลฟ์ที่เกิดมาพร้อมกับพลังเวทแฝงในกาย พวกเขาจำเป็นจะต้องเอาชีวิตรอดเสียก่อน ดังนั้นสังคมมนุษย์จึงจำเป็นต้องมีหลากหลายอาชีพเพื่อให้สังคมเดินหน้าต่อไปได้ด้วยดี

ขณะที่ลูเซียนเริ่มรู้สึกเบื่อหน่าย นักเวทสองคนก็เดินเข้ามา คนหนึ่งเป็นนักเวทวัยชราที่สวมเสื้อคลุมสีดำโดยมีเหรียญตราอาร์คานาห้าดาวกับเหรียญตราเวทมนตร์สี่วงแหวน ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นชายวัยกลางคนผมบลอนด์ผู้มีเหรียญตราอาร์คานาสี่ดาวและเหรียญตราเวทมนตร์สามวงแหวน ทั้งสองเป็นสมาชิกอีกสองคนในกลุ่มทำวิจัยของลูเซียน ไทเรลกับยูรีน

หลังจากแนะนำตัว ไทเรลก็เอ่ยขึ้นเสียงดัง “กระหม่อมรีบร้อนมาที่นี่แต่เช้าตรู่ และยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย กระหม่อมขอหาอะไรกินก่อนได้หรือไม่พะยะค่ะ บอกตามตรงว่ากระหม่อมคงทำงานไม่ได้แน่ถ้าท้องยังว่างเช่นนี้”

อาร์เซเลียนนั้นยิ่งกว่ายินดีกับการถ่วงเวลาไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม “ได้แน่นอน ไอริสรีนกับข้าก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยเช้านี้ ทำไมเราไม่ไปหาอะไรกินด้วยกันล่ะ ท่านคิดว่าอย่างไร ท่านอีวานส์”

ลูเซียนค้อมศีรษะ รู้ดีว่าพวกเขากำลังพยายามถ่วงเวลาอยู่ เขาเองก็ต้องการให้เจ้าชายเจ้าหญิงมีอะไรทำเพื่อขัดขวางพวกเขาจากการก่อกวนการวิจัยของกลุ่มอื่นๆ เช่นกัน

ในห้องอาหารของโรงแรม ลูเซียนกำลังตัดไส้กรอก ขณะที่ไทเรลกับยูรีนกำลังจัดการกับสเต็กมีเดียมแรร์ ซึ่งค่อนข้างจะมีเลือดอาบ

ไอริสทีนไม่อาจทนได้อีกต่อไป นางวางมีดกับส้อมลงแล้วเอ่ยขึ้นด้วยความกรุ่นโกรธ “ทำไมพวกมนุษย์ถึงต้องทำร้ายสิ่งมีชีวิตเพื่อสนองความต้องการของตนด้วย วัว แพะ ไก่… พวกมันต่างก็เป็นสหายของเรา! พระแม่แห่งสรรพสิ่งต้องอดทนมามากพอแล้วกับมนุษย์อย่างพวกเจ้า!”

อาร์เซเลียนเองก็ดูไม่ชอบใจเช่นกัน

แม้ว่าไทเรลกับยูรีนจะรู้สึกว่าเอลฟ์ทั้งสองนั้นทำตัวค่อนข้างหยาบคาย พวกเขาก็ยังยอมวางมีดกับส้อมของตนลง

ลูเซียนค่อยๆ กลืนไส้กรอกชิ้นหนึ่งลงคอไปแล้วเหลือบมองผลไม้ในจานของไอริสทีนกับอาร์เซเลียน จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นช้าๆ “ทำไมพวกเอลฟ์ถึงต้องทำร้ายสิ่งมีชีวิตเพื่อสนองความต้องการของพวกพระองค์ด้วย พืชพรรณเหล่านี้ทำอะไรผิดเช่นนั้นหรือ ทำไมพระองค์ถึงต้องเด็ดผลผลิต ลูกหลานของพวกมันมาด้วย ตามที่ศาสตร์มืดและศาสนจักรได้ประกาศออกมา พืชพรรณเหล่านี้ก็ถือเป็นสิ่งมีชีวิตเช่นเดียวกัน พวกพระองค์ไม่คิดเช่นนั้นหรือ”

“เจ้า…! ท่านอีวานส์ ข้านึกว่าท่านจะแตกต่าง ข้านึกว่าท่านจะเป็นศิลปินที่มีหัวใจเต็มไปด้วยความรัก แต่ไม่เลย ข้าคิดผิด อย่างไรท่านก็เป็นนักเวทชั่วร้ายอยู่ดี! ขอให้อร่อยกับมื้อเช้าอาบเลือดเช่นนี้นะ! แล้วไม่ต้องมาพูดกับเราเรื่องโครงการอีกจนกว่าพวกเจ้าจะกินมื้อเช้าอาบเลือดนี้เสร็จ!” ไอริสทีนกับอาร์เซเลียนลุกออกจากโต๊ะไปอย่างฉุนเฉียว

“เยี่ยมไปเลย ท่านอีวานส์” ไทเรลยิ้มกว้างชอบใจ “แม้ว่าท่านจะดูเหมือนคนอ่อนโยน แต่ท่านช่างเอ่ยวาจาเสียดสีได้ดียิ่ง และข้าก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกนั้นจะปากว่าตาขยิบถึงเพียงนี้

“เราจำเป็นต้องปกป้องธรรมชาติก็จริง แต่เราก็จำเป็นต้องมีชีวิตรอดเช่นกัน” ลูเซียนตอบด้วยสีหน้าจริงจัง จากนั้นเขาก็แย้มยิ้ม “อะไรก็ตามที่ขัดขวางข้าจากการกินเนื้อสัตว์คือสิ่งนอกรีต”

ความจริงแล้ว ลูเซียนก็แอบจินตนาการไว้ก่อนหน้านี้ว่าเขาอยากมีความสัมพันธ์อันดีงามกับเอลฟ์สาวสักคน แต่ตอนนี้มันคงจะเป็นไปได้ยากเสียแล้ว

“ข้าชอบสิ่งที่ท่านกล่าวนะ อะไรก็ตามที่ขัดขวางข้าจากการกินเนื้อสัตว์คือสิ่งนอกรีต!” ไทเรลจิ้มเนื้อชิ้นใหญ่เข้าปากแล้วเคี้ยวกร้วมๆ

ลูเซียนเช็ดมุมปากเบาๆ เขารู้ดีว่าทั้งไทเรลและยูรีนต่างไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นจอมเวท และเหรียญตราของทั้งสองก็เป็นของปลอม ความจริงแล้วไทเรลคือจอมเวทระดับสาม นักเวทระดับหก ในขณะที่ยูรีนเป็นจอมเวทระดับสอง นักเวทระดับห้า ทั้งสองเป็นนักเวทที่เชี่ยวชาญด้านการต่อสู่เป็นพิเศษ และภารกิจที่แท้จริงของพวกเขาก็คือการรับมือกับองค์รักษ์ของเจ้าชายเจ้าหญิง

ลูเซียนจิบน้ำแล้วคิดในใจ ‘เอลฟ์สองคนนี่ที่ไม่อยากทำงานกับเรา บวกกับนักเวทที่ชอบต่อสู้อีกสอง บวกกับฉัน จอมเวทระดับสี่ที่จริงๆ แล้วไม่สมควรได้รับตำแหน่งนี้เลย… กลุ่มนี้มันอะไรกันเนี่ย…’

……………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+