Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา 229 เหตุโกลาหลครั้งใหญ่

Now you are reading Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา Chapter 229 เหตุโกลาหลครั้งใหญ่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 ขณะนั่งอยู่ข้างๆ วาฮารัลล์ วารันไทน์มีสีหน้าเคร่งเครียดมาก กำปั้นที่กำหมัดแน่นของเขาส่องแสงเรืองรอง เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธแค้นลูเซียน อีวานส์ นักเวทชั่วร้ายที่บังอาจดูหมิ่นพระเจ้า

เมื่อเห็นอย่างนั้น ฟีลิเบล พระคาร์ดินัลผู้มีหนวดเคราสีขาวขึ้นหนา ก็ส่งหนังสือพิมพ์อีกสองฉบับให้พวกเขาดู “ฉบับที่พวกท่านอ่านไปเป็นฉบับวันแรก และนี่เป็นฉบับวันที่สองและวันที่สาม  ลูเซียน อีวานส์ ไม่ได้มีค่าให้สนใจมากนัก ข้าบอกได้เลยว่า นั่นเป็นเพียงแค่การสังเคราะห์คาร์บาไมด์ และไม่มีใครเชื่อว่าองค์ประกอบชีวิตจะสามารถอยู่ได้ในสิ่งปฏิกูลโสมมพวกนั้น”

 สมาชิกจาก ‘สภาสังฆนายก’ เข้าใจบทความวิจัยอาร์คานาในระดับหนึ่ง เนื่องจากพระสันตะปาปาหลายพระองค์ต่างก็ทุ่มเทเพื่อการพัฒนาอาคมเทพ

เมื่อรับหนังสือพิมพ์จากฟีลิเบล วาฮารัลล์ ชายผมแดงร่างกายบึกบึน ก็อ่านหนังสือพิมพ์อย่างตั้งอกตั้งใจ หนังสือพิมพ์ฉบับนี้เต็มไปด้วยการอภิปรายเกี่ยวกับวิธีการนิยามคาร์บาไมด์ เกี่ยวกับความเที่ยงตรงของ ‘ทฤษฎีพลังชีวิต’ และเห็นได้ชัดว่าพวกเขาอยู่ฝั่งเดียวกับเหล่านักเวทศาสตร์มืด ขณะที่จอมเวทจากสำนักเวทธาตุยังขาดหลักฐานเชิงประจักษ์เพิ่มเติม

“นี่ไม่ได้แย่อย่างที่เราคิด นี่เป็นการประสาทพรจากพระเจ้า” ฟีลิเบลทำสัญลักษณ์ไม้กางเขนกลางหน้าอก

เมื่อเขาอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับนี้จบ วาฮารัลล์ก็พยักหน้ารับ “จะเป็นไปได้อย่างไร คาร์บาไมด์ ที่มีสิ่งปฏิกูลโสโครก จะเป็นองค์ประกอบชีวิต พรจากพระเจ้าอย่างนั้นรึ? เราน่าจะนิยามคำว่าองค์ประกอบชีวิตให้ชัดเจนขึ้นใน ‘พระคัมภีร์’ ในบท ‘ต้นกำเนิดของชีวิต’

“นั่นเป็นเรื่องที่เราต้องพัฒนาอย่างแน่นอน” วารันไทน์เห็นด้วย “แต่ตอนนี้ เราไม่ควรเสี่ยงส่งผู้พิทักษ์ราตรีที่มีจิตศรัทธาไปสังหารลูเซียน อีวานส์ ข้าขอเสนอว่าให้ ‘คณะไต่สวน’ ของเราในโฮล์มและโคเล็ตต์ คอยจับตาดูเขาอย่างใกล้ชิด และเมื่อมีโอกาสในอนาคตเราค่อยลงมือ เพราะฉะนั้น ตอนนี้เราไม่จำเป็นต้องรีบร้อน”

แม้ว่าวารันไทน์จะได้รับคำสั่งจากพระสันตะปาปาให้มาที่นี่เพื่อกำจัดนักเวทผู้ช่วยร้าย เขาเข้าใจดีว่าศาสนจักรยังไม่อาจเทียบเคียงได้กับสภาเวทมนตร์ในโฮล์มและประเทศอื่นรอบๆ แม่พวกเขาอาจจะมีโอกาสเป็นฝ่ายชนะ หากศาสนจักรส่งพระคาร์ดินัลส่วนใหญ่มาที่นี่ แต่ความกังวลสูงสุดก็คือนั่นอาจทำให้ ‘ศาสนจักรฝ่ายเหนือ’ และอสูรกายจากโลกความมืด รวมถึงนักเวทจากทางเหนือจะฉวยโอกาสจังหวะนี้ในการรุกรานดินแดนของพวกเขา ดังนั้น ทั้งวาฮารัลล์และวารันไทน์เพิ่งตกลงกลับฟีลิเบลว่าพวกเขาจะรอดูท่าทีเรื่องนี้ไปก่อนในตอนนี้

แม้ทุกคนต้องการปกป้องเกียรติภูมิอันสูงสุดของพระเจ้าใจแทบขาด เมื่อเห็นผลการศึกษอันหยามเกียรติของลูเซียน เลือดในกายของทุกคนเดือดปุดๆ ด้วยความโกรธแค้น แต่พวกเขาก็รู้ตัวว่าต้องระวังตัวทุกฝีก้าว

“อย่างที่วาฮารัลล์ว่าไว้ พวกอัจฉริยะอาร์คานาแทบจะไม่ออกจากเมืองอัลลินและนครเรนทาโตก่อนพวกมันจะสำเร็จถึงชั้นกลาง พวกเราจึงต้องรอ” ฟีลิเบลพยักหน้า ในฐานะที่เขาเป็นหนึ่งในบรรดาพระคาร์ดินัลที่มีความเข้าใจในสภาเวทมนตร์ดีที่สุด

ณ ตอนนั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น

“เข้ามา” ฟีลิเบลใช้อาคม ‘พระเนตรแห่งพระเจ้า’ เลยสามารถมองทะลุประตูได้ อีกฝั่งหนึ่งของประตู มีบาทหลวงท่าทางตื่นตระหนกและกลัวลนลานยืนอยู่รูปหนึ่ง พลังแสงศักดิ์สิทธิ์ของเขาสั่นไหวไม่มั่นคงเอาเสียเลย ราวกับว่าพลังของเขากำลังจะหมดเอาตอนไหนก็ได้

บาทหลวงรีบผลักประตูเข้ามา เขาตื่นกลัวเกินไปจนไม่ได้ทำความเคารพพระคาดินัลทั้งสาม  เขาพูดอย่างลนลาน “ใต้เท้าฟีลิเบลขอรับ นี่เป็นหนังสือพิมพ์ฉบับที่พึ่งมาจากสภาเวทมนต์เมื่อเช้าขอรับ พวกสายลับเสี่ยงตายเพื่อที่จะส่งหนังสือพิมพ์ฉบับนี้มา”

“ใจเย็นๆ ก่อน” เสียงของฟีลิเบลอ่อนโยนและปลอบบาทหลวงที่กำลังอยู่ในภาวะตื่นตระหนกผู้นี้ “อย่าสงสัยในพระผู้เป็นเจ้า อย่าสงสัยในอำนาจอันทรงพลานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า”

บาทหลวงยังคงทำเครื่องหมายกางเขนบนหน้าอกเพื่อควบคุมและทำให้พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขามั่นคง

ฟีลิเบลรู้สึกถึงเรื่องร้ายๆ เกี่ยวกับหนังสือพิมพ์ฉบับ แต่เขาก็ยังคงอ่านหน้าหนึ่งด้วยท่าทีสุขุม

‘การทดลองสังเคราะห์กรดไขมันด้วยองค์ประกอบที่ไม่มีชีวิต ซึ่งรวมถึงถ่านผ่านชุดปฏิกิริยาการเล่นแร่แปรธาตุ โดย เฟลิเป การ์เนโร’

ในส่วนบทคัดย่อของบทความ เฟลิเปเขียนว่าอย่างภาคภูมิใจและตรงไปตรงมา ‘ด้วยการทดลองครั้งนี้ ข้าขอประกาศแก่ทุกท่านว่า “ทฤษฎีพลังชีวิต” ถูกล้มล้างโดยสมบูรณ์ และจะไม่มีบทบาทในการพัฒนาอาร์คานาศาสตร์อีกต่อไป!’

หลังจากอ่านการออกแบบการทดลองคร่าวๆ แล้ว แม้ปกติจะเป็นคนใจเย็นสุขุม ฟีลิเบลตะโกนออกมาอย่างโกรธแค้น “บังอาจหมิ่นพระเจ้า! นี่เป็นความผิดฐานดูหมิ่นศาสนา! เป็นการปลุกปั่นโดยตรงที่น่าละอายใจต่อความยิ่งใหญ่และเกียรติภูมิของพระผู้เป็นเจ้า! เฟลิเปต้องถูกกำจัดไม่ทันที!”

คางของเขาที่เต็มไปด้วยหนวดเคราสีขาวสั่นเทิ้มอย่างรุนแรงขณะที่เขาตะโกน ราวกับว่าเขาต้องการฆ่าเฟลิเปในวินาทีนี้เลย ในสายตาของเขา เมื่อเทียบกับการทดลองของเฟลิเปแล้ว บทความของลูเซียนหมดความสำคัญไปในทันที

วาฮารัลล์ ชายผู้เกรี้ยวกราดร่างกายกำยำ กระแทกหมัดลงบนโต๊ะของฟีลิเบลอย่างจัง ทันใดนั้น โต๊ะดังกล่าวก็พังไม่เหลือซาก ไม่เหลือแม้แต่เถ้าถ่านหลังจากเขาระเบิดพลังออกมา ขณะเดียวกัน วาฮารัลล์ก็รู้สึกโชคดีที่เขาเป็นวีระอัศวิน และพลังก็มาจาก ‘พร’  ของเขาเอง มิฉะนั้นวิญญาณของเขาขาดบาดเจ็บจากความเชื่อที่สั่นคลอน “พวกมนุษย์ชั้นต่ำบังอาจลองดีกับอาณาจักรแผ่นพระเจ้า ผู้ดูหมิ่นพระเจ้าต้องถูกกำจัดให้สิ้นซาก!”

“แต่ก่อนอื่น เราต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าการทดลองเป็นจริงหรือไม่” วารันไทน์ไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์ และตอนนี้เขาก็ทำเครื่องหมายกางเขนด้านหน้าหน้าอก

ไม่มีทางที่สภาเวทมนตร์จะทำลายความเชื่อของพระคาร์ดินัลด้วยบทความ และหากพระคาร์ดินัลมีอุปกรณ์การทดลองที่เหมาะสมและวงพลังเทพแล้ว พวกเขาก็สามารถตรวจสอบความสมเหตุสมผลของบทความชิ้นนี้โดยการทดลองด้วยตัวเอง

“เก็บบทความนี้ให้มิดชิด อย่าให้บาทหลวงคนอื่นล่วงรู้เรื่องบทความนี้ สิ่งสุดท้ายที่เราอยากเห็นคือเรื่องนี้กลายเป็นสถานการณ์เดียวกัน เมื่อนักเวทพวกนั้นอ้างว่าแสงศักดิ์สิทธิ์เป็นเพียงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า” ฟีลิเบลหลับตาลง รู้สึกเหนื่อยล้า “นี่เป็นบททดสอบจากพระเจ้าของเรา และความซื่อสัตย์ต่อศรัทธาเพิ่งปรากฏและถูกทดสอบอีกครั้ง เราต้องหาจุดอ่อนของการทดลองนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด”

 ฟีลิเบล ผู้ครองตำแหน่งพระคาร์ดินัลแห่งสังฆมณฑลโฮล์มมาเกือบร้อยปี  ผ่านวิกฤตการณ์ต่างๆ มามากมาย ฉะนั้น เขาจึงสามารถควบคุมพลังและปิดกั้นแนวคิดจากบทความไม่ให้ทำร้ายวิญญาณของเขา หลังจากอ่านการออกแบบการวิจัยของเฟลิเป

“ขอสรรเสริญแด่พระเจ้า สัจจะคงอยู่ชั่วนิรันดร์” วาฮารัลล์ วารันไทน์ และบาทหลวงอีกรูปสวดภาวนาพร้อมกัน บอกกับตัวเองว่าถึงแม้ผลการศึกษาของเฟลิเปจะถูกต้อง แต่นี่ก็ยังห่างไกลโพ้นจากพลังอันทรงพลังอานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งอยู่นอกเหนือความเข้าใจของพวกเขา

หลังจากสวดภาวนา วาฮารัลล์บอกกับฟีลิเบลเสียงเบาๆ “ข้าขอให้ส่งผู้พิทักษ์ราตรีผู้มีศรัทธาไปลอบสังหารเฟลิเปเสีย หากมีโอกาส เราควรสังหารลูเซียน อีวานส์ ด้วยเช่นกัน”

เหตุผลที่เขาอ้างถึง ‘ผู้พิทักษ์ราตรีผู้มีศรัทธา’ เป็นการเฉพาะ ก็เพราะพวกเขารู้ดีว่าผู้พิทักษ์ราตรีที่รับภารกิจนี้ย่อมเปรียบเสมือนถูกส่งไปตาย หากสามารถสังหารเฟลิเปได้ ก็ถือว่าโชคดีมาก พวกเขาไปเลือกผู้ที่จะมารับภารกิจอย่างใส่ใจแล้ว ผู้พิทักษ์ราตรีซึ่งไม่พร้อมจะสละชีวิตอะตอมอยู่ในมือของสภาเวทมนตร์

“วาฮารัลล์และวารันไทน์ ทั้งสองคนรับผิดชอบเรื่องนี้” ฟีลิเบลพยักหน้า “ถ้าต้องไปคุยกับพวกขุนนางและพระคาร์ดินัลรูปอื่นๆ แจ้งให้พวกเขาเตรียมตัว”

ขณะถือหนังสือพิมพ์อยู่ในมือ ร่างของเมนชากย์ซึ่งประกอบไปด้วยอวัยวะจากศพคนตายต่างๆ หลุดออกเป็นชิ้นๆ อวัยวะทั้งหมดถ่ายสภาพเป็นเนื้อเน่าเฟะ อย่างไรก็ตาม ไฟวิญญาณสองลูกในดวงตาเขายังเต้นเร่าอย่างแข็งแรง

“ทฤษฎีพลังชีวิต… ไม่ถูกต้อง? ผิด… อย่างนั้นหรือ? แม้แต่เฟลิเปก็ทิ้งทฤษฎีนี้…”

แม้ว่าเมนชากย์รู้สึกว่าจะมีปัญหากับการออกแบบการวิจัยของเฟลิเป เขาก็สูญเสียการควบคุมร่างกาย เขาไม่อยากเชื่อว่าช่วงเวลาหลายร้อยปีในการศึกษาของเขาอยู่บนรากฐานของความผิดพลาด

แต่หากทั้งชีวิตของเขาสร้างขึ้นมาด้วยความผิดพลาด แล้วทำไมเขาถึงยัง ‘มีชีวิต’ อยู่ได้นานถึงเพียงนี้? ทำไมเขาถึงยังสามารถกลายเป็นจอมเวทอสูรได้? ทำไมเขายังสามารถเรียนรู้อาคมต่างๆ ได้มากมาย?

ท้ายที่สุด เหลือเพียงกระโหลกขาวลอยอยู่กลางอากาศ ก่อนที่เมนชากย์จะสูญเสียการควบคุมก้อนเนื้อและกระดูกไปทั้งหมด เขาก็เรียกสติกลับคืนมาได้ทัน ด้วยการบอกตัวเองซ้ำๆ ว่าการศึกษาของเฟลิเปอาจไม่ถูกต้อง หรือแม้ว่าสิ่งที่เขากล่าวไว้ถูกต้อง หากเฟลิเปผู้ที่เคยศรัทธาในทฤษฎีพลังชีวิตด้วยความซื่อสัตย์มาอย่างยาวนานของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำไมเขา ‘เมนชากย์’ จะไม่สามารถทำได้?

เมนชากย์เชื่อว่ายังมีความหวังอันยิ่งใหญ่อยู่ในสำนัก ‘ศาสตร์มืด’ เนื่องจากมีทฤษฎีรากฐานถูกล้มล้างมาแล้ว 3 ครั้งในประวัติศาสตร์ของสำนัก แต่ศาสตร์มืดยังคงจะเจริญเติบโตได้หลังผ่านเหตุการณ์นั้นๆ และมีวิวัฒนาการที่ดีตลอดมา ฉะนั้น เมนชากย์ยินดีที่จะดีนี้จะถูกล้มล้างโดยนักเวทศาสตร์มืดด้วยกันเองมากกว่า เขาชื่อว่าทฤษฎีพลังชีวิตไม่ได้ผิดไปเสียทั้งหมด และอย่างน้อยยังมีส่วนเชื่อมโยงกับ ‘ปรมัตถสัจจะ’

หลังจากถอนหายใจยาว เมนชากย์เปิดหนังสือพิมพ์ไปหน้าที่สอง  และเขาก็เห็นความเห็นจากเปเซอร์ ทีนา-ทีมอส โรเจริโอ และจอมเวทผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆ จาก ‘หัตถ์ไร้ชีวา’ ต่อบทความของเฟลิเป

‘เปเซอร์ กล่าวว่า นี่เป็นผลการทดลองอันยิ่งใหญ่และโดดเด่น เฟลิเปเป็นอัจฉริยะที่นำเราไปสู่เส้นทางเส้นใหม่ที่ถูกต้อง จากเส้นทางที่ผิดพลาดของทฤษฎีพลังชีวิต’

‘ทีนา-ทีมอส กล่าวว่า สิ้นสงสัยเฟลิเปเป็นอัจฉริยะในอาร์คานาศาสตร์ตัวจริง เขาสามารถขับไล่เมฆดำที่บดบังเส้นทางของเราอยู่เหนือศีรษะของเรามานานหลายปี เมื่อลองพิจารณาดูแล้ว นักเวทศาสตร์มืด ทำไมเราไม่พัฒนาสู่ความก้าวหน้าเศรษฐี? เฟลิเปไม่เปิดเผยเหตุผลออกมาแล้ว นั่นก็เพราะรากฐานของเรามีปัญหา หากเราสามารถแก้ไขได้ทันเวลา อนาคตอันสดใสและงดงามก็รออยู่ข้างหน้า!’

‘โรเจริโอ กล่าวว่า การทดลองครั้งนี้มีความสำคัญและความหมายอย่างยิ่งยวด รับเป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ที่สร้างสรรค์และสร้างความตกตะลึงอย่างรุนแรง เฟลิเปแสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่ของนักเวทศาสตร์มืด พิสูจน์แล้วว่าเราไม่เคยยอมแพ้รายการสำรวจโลกเพื่อค้นหาความจริง เรายอมรับได้กับการล้มล้างทฤษฎีพลังชีวิต ด้วยการยอมรับว่าเราเคยผิดพลาดมาก่อน ฉะนั้น เราจะมีอนาคตที่ดีกว่าเดิม’

ด้วยความเห็นเชิงบวกจากคนสำคัญทั้งหลายต่อผลการศึกษาของเฟลิเป นักเวทศาสตร์มืดจำนวนมากก็เริ่มยอมรับความจริง

นี่คือพลังแห่งผู้มีอำนาจ

อย่างไรก็ตาม แม้ความจริงที่ว่าฌานสมาธิของนักเวทศาสตร์มืดเริ่มกลับมามั่นคงอีกครั้ง หลังจากพวกเขาค่อยๆ ยอมรับความจริงข้อนี้ได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถละทิ้งอดีตได้อย่างรวดเร็ว นักเวทศาสตร์มืดหัวรัั้นอีกจำนวนมากรู้ตัวว่าไม่สามารถเดินหน้าได้ต่อไปทั้งชีวิตที่เหลืออยู่ เนื่องจากภาวะฌานสมาธิของพวกเขาถูกทำลายไม่เหลือซาก ดังนั้น นักเวทกลุ่มนี้จึงเปลี่ยนเฟลิเปมากเกินจะบรรยาย

ในหอคอยเวทมนตร์ ณ เมืองไฮด์เลอร์ ชายชราผู้หนึ่งสวมชุดลักษณะโบราณตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด ขณะที่ถือหนังสือพิมพ์อยู่ในมือ “เป็นไปไม่ได้!”

หลังจากนั้น ด้วยเสียงระเบิดดังสนั่น หัวของชายผู้นี้ก็ระเบิดออก ชิ้นส่วนอวัยวะต่างๆ ของเขาร่วมกองลงบนพื้น ขณะเดียวกัน ภายในห้องลับของหอคอยเวทมนตร์ กล่องชีวิตที่สร้างมาจากอัญมณีทรงค่านับไม่ถ้วนก็แตกออก แล้วเสียงของชายชราคนเดียวกันก็ดังออกมาจากในกล่องด้วยน้ำเสียงแสนชั่วช้า “โชคดีที่ข้ารู้มาจากทราเควียร์ก่อนว่าการทดลองของเฟลิเปใกล้จะถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่มีโอกาสคืนชีพด้วยกล่องชีวิตกล่องนี้… เฟลิเป โรเจริโอ ศาสตราจารย์ ลูเซียน อีวานส์… พวกเจ้ารอดู…”

ขณะเดียวกันนั้น ณ คฤหาสน์ในเมืองซาริวา เฟลิเปและโรเจริโอนั่งอยู่ตรงข้ามกันและกำลังจิบไวน์ พวกเขามองไปยังทางเมืองไฮด์เลอร์และหัวเราะเยาะพวกเฒ่าชราหัวโบราณในเมือง โรเจริโอและเฟลิเปมั่นใจว่าคนพวกนั้นคงได้บทเรียนแล้ว

“ข้าหวังว่าเราจะนำเสนอหลักฐานที่ขาด พวกหัตถ์ไร้ชีวาจะได้พ่ายแพ้ย่อยยับยิ่งกว่านี้” มอร์ริสถอนหายใจด้วยความผิดหวัง

“นี่ก็ไม่เลว เรายังคงขึ้นต่อสภาเวทมนต์เหมือนกัน เราไม่ได้อยากเห็นสภาเสียหายมากเกินไปสำหรับความพ่ายแพ้เพียงชั่วข้ามคืน” ราเวนติไม่ได้สนใจอะไรเลย แต่ที่รู้สึกยินดีก็เพราะทฤษฎีที่ผิดพลาดถูกล้มล้างไป ว่าแล้วเขาก็หันไปทางลูเซียน “อีวานส์ ถามจริงๆ เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับทฤษฎีพลังชีวิตหรือไม่?”

“ขอรับ ไม่เลยขอรับ” ลูเซียนตอบอย่างซื่อสัตย์ แล้วเขาก็หยิบแหวนโฮล์มที่ได้จากนาตาชาออกมา “ข้าทำการทดลองเสร็จสิ้น ตั้งแต่ก่อนมาถึงที่นี่”

หลังจากถูกเฟลิเปแฉตัวตนที่แท้จริง ลูเซียนก็ตัดสินใจบอกความจริงกับบุคคลระดับอาวุโสจากกลุ่มเจตจำนงแห่งธาตุ เผื่อว่าเฟลิเปจะเอาเรื่องนี้มาข่มขู่เขาอีก และนอกจากนี้ เขาก็เหนื่อยกับการปิดบังความจริงเช่นกัน

ตอนนี้ เขาต้องการเข้าเป็นสมาชิกของกลุ่มเจตจำนงแห่งธาตุ เขาต้องการแสดงความซื่อสัตย์อย่างตรงไปตรงมามากกว่านี้

“ศาสตราจารย์?” แกสตันประหลาดใจนิดหน่อย เนื่องจากเขาเคยพยายามสังหารเฟลิเปเพราะเรื่องนี้ เขาจึงผูกโยงเรื่องลูเซียนกับศาสตราจารย์ได้ในทันที

มอร์ริสมองที่แหวน เขาถอนหายใจอย่างมีอารมณ์รำลึกความหลัง “แหวนวงนี้ทำให้ข้าคิดถึงเมอเรดิธ… อีวานส์เริ่มศึกษาอาร์คานาศาสตร์ตั้งแต่อยู่ในนครอัลโต้อย่างนั้นหรือ?”

“ขอรับ การศึกษาจากแม่มดนางหนึ่ง ข้าได้อุปกรณ์และความรู้มาจากนาง” ลูเซียนพยักหน้า และจากที่เขาสังเกต เขาเห็นว่าราเวนติ มอร์ริส และแกสตัน มีท่าทีค่อนข้างเยือกเย็นและพึงพอใจ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาคงไม่ทำให้ลูเซียนตกที่นั่งลำบากจากการปิดบังตัวตนเป็นเวลานาน ทั้งนี้ทั้งนั้น เพื่อเป็นการปกป้องตัวเอง สิ่งที่ลูเซียนทำลงไปล้วนเข้าใจได้ทั้งสิ้น

หลังจากนั้นลูเซียนสารภาพต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อันที่จริง ข้ายังทำการทดลองสำเร็จอีกชิ้นหนึ่ง”

…………………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา 229 เหตุโกลาหลครั้งใหญ่

Now you are reading Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา Chapter 229 เหตุโกลาหลครั้งใหญ่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 ขณะนั่งอยู่ข้างๆ วาฮารัลล์ วารันไทน์มีสีหน้าเคร่งเครียดมาก กำปั้นที่กำหมัดแน่นของเขาส่องแสงเรืองรอง เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธแค้นลูเซียน อีวานส์ นักเวทชั่วร้ายที่บังอาจดูหมิ่นพระเจ้า

เมื่อเห็นอย่างนั้น ฟีลิเบล พระคาร์ดินัลผู้มีหนวดเคราสีขาวขึ้นหนา ก็ส่งหนังสือพิมพ์อีกสองฉบับให้พวกเขาดู “ฉบับที่พวกท่านอ่านไปเป็นฉบับวันแรก และนี่เป็นฉบับวันที่สองและวันที่สาม  ลูเซียน อีวานส์ ไม่ได้มีค่าให้สนใจมากนัก ข้าบอกได้เลยว่า นั่นเป็นเพียงแค่การสังเคราะห์คาร์บาไมด์ และไม่มีใครเชื่อว่าองค์ประกอบชีวิตจะสามารถอยู่ได้ในสิ่งปฏิกูลโสมมพวกนั้น”

 สมาชิกจาก ‘สภาสังฆนายก’ เข้าใจบทความวิจัยอาร์คานาในระดับหนึ่ง เนื่องจากพระสันตะปาปาหลายพระองค์ต่างก็ทุ่มเทเพื่อการพัฒนาอาคมเทพ

เมื่อรับหนังสือพิมพ์จากฟีลิเบล วาฮารัลล์ ชายผมแดงร่างกายบึกบึน ก็อ่านหนังสือพิมพ์อย่างตั้งอกตั้งใจ หนังสือพิมพ์ฉบับนี้เต็มไปด้วยการอภิปรายเกี่ยวกับวิธีการนิยามคาร์บาไมด์ เกี่ยวกับความเที่ยงตรงของ ‘ทฤษฎีพลังชีวิต’ และเห็นได้ชัดว่าพวกเขาอยู่ฝั่งเดียวกับเหล่านักเวทศาสตร์มืด ขณะที่จอมเวทจากสำนักเวทธาตุยังขาดหลักฐานเชิงประจักษ์เพิ่มเติม

“นี่ไม่ได้แย่อย่างที่เราคิด นี่เป็นการประสาทพรจากพระเจ้า” ฟีลิเบลทำสัญลักษณ์ไม้กางเขนกลางหน้าอก

เมื่อเขาอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับนี้จบ วาฮารัลล์ก็พยักหน้ารับ “จะเป็นไปได้อย่างไร คาร์บาไมด์ ที่มีสิ่งปฏิกูลโสโครก จะเป็นองค์ประกอบชีวิต พรจากพระเจ้าอย่างนั้นรึ? เราน่าจะนิยามคำว่าองค์ประกอบชีวิตให้ชัดเจนขึ้นใน ‘พระคัมภีร์’ ในบท ‘ต้นกำเนิดของชีวิต’

“นั่นเป็นเรื่องที่เราต้องพัฒนาอย่างแน่นอน” วารันไทน์เห็นด้วย “แต่ตอนนี้ เราไม่ควรเสี่ยงส่งผู้พิทักษ์ราตรีที่มีจิตศรัทธาไปสังหารลูเซียน อีวานส์ ข้าขอเสนอว่าให้ ‘คณะไต่สวน’ ของเราในโฮล์มและโคเล็ตต์ คอยจับตาดูเขาอย่างใกล้ชิด และเมื่อมีโอกาสในอนาคตเราค่อยลงมือ เพราะฉะนั้น ตอนนี้เราไม่จำเป็นต้องรีบร้อน”

แม้ว่าวารันไทน์จะได้รับคำสั่งจากพระสันตะปาปาให้มาที่นี่เพื่อกำจัดนักเวทผู้ช่วยร้าย เขาเข้าใจดีว่าศาสนจักรยังไม่อาจเทียบเคียงได้กับสภาเวทมนตร์ในโฮล์มและประเทศอื่นรอบๆ แม่พวกเขาอาจจะมีโอกาสเป็นฝ่ายชนะ หากศาสนจักรส่งพระคาร์ดินัลส่วนใหญ่มาที่นี่ แต่ความกังวลสูงสุดก็คือนั่นอาจทำให้ ‘ศาสนจักรฝ่ายเหนือ’ และอสูรกายจากโลกความมืด รวมถึงนักเวทจากทางเหนือจะฉวยโอกาสจังหวะนี้ในการรุกรานดินแดนของพวกเขา ดังนั้น ทั้งวาฮารัลล์และวารันไทน์เพิ่งตกลงกลับฟีลิเบลว่าพวกเขาจะรอดูท่าทีเรื่องนี้ไปก่อนในตอนนี้

แม้ทุกคนต้องการปกป้องเกียรติภูมิอันสูงสุดของพระเจ้าใจแทบขาด เมื่อเห็นผลการศึกษอันหยามเกียรติของลูเซียน เลือดในกายของทุกคนเดือดปุดๆ ด้วยความโกรธแค้น แต่พวกเขาก็รู้ตัวว่าต้องระวังตัวทุกฝีก้าว

“อย่างที่วาฮารัลล์ว่าไว้ พวกอัจฉริยะอาร์คานาแทบจะไม่ออกจากเมืองอัลลินและนครเรนทาโตก่อนพวกมันจะสำเร็จถึงชั้นกลาง พวกเราจึงต้องรอ” ฟีลิเบลพยักหน้า ในฐานะที่เขาเป็นหนึ่งในบรรดาพระคาร์ดินัลที่มีความเข้าใจในสภาเวทมนตร์ดีที่สุด

ณ ตอนนั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น

“เข้ามา” ฟีลิเบลใช้อาคม ‘พระเนตรแห่งพระเจ้า’ เลยสามารถมองทะลุประตูได้ อีกฝั่งหนึ่งของประตู มีบาทหลวงท่าทางตื่นตระหนกและกลัวลนลานยืนอยู่รูปหนึ่ง พลังแสงศักดิ์สิทธิ์ของเขาสั่นไหวไม่มั่นคงเอาเสียเลย ราวกับว่าพลังของเขากำลังจะหมดเอาตอนไหนก็ได้

บาทหลวงรีบผลักประตูเข้ามา เขาตื่นกลัวเกินไปจนไม่ได้ทำความเคารพพระคาดินัลทั้งสาม  เขาพูดอย่างลนลาน “ใต้เท้าฟีลิเบลขอรับ นี่เป็นหนังสือพิมพ์ฉบับที่พึ่งมาจากสภาเวทมนต์เมื่อเช้าขอรับ พวกสายลับเสี่ยงตายเพื่อที่จะส่งหนังสือพิมพ์ฉบับนี้มา”

“ใจเย็นๆ ก่อน” เสียงของฟีลิเบลอ่อนโยนและปลอบบาทหลวงที่กำลังอยู่ในภาวะตื่นตระหนกผู้นี้ “อย่าสงสัยในพระผู้เป็นเจ้า อย่าสงสัยในอำนาจอันทรงพลานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า”

บาทหลวงยังคงทำเครื่องหมายกางเขนบนหน้าอกเพื่อควบคุมและทำให้พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขามั่นคง

ฟีลิเบลรู้สึกถึงเรื่องร้ายๆ เกี่ยวกับหนังสือพิมพ์ฉบับ แต่เขาก็ยังคงอ่านหน้าหนึ่งด้วยท่าทีสุขุม

‘การทดลองสังเคราะห์กรดไขมันด้วยองค์ประกอบที่ไม่มีชีวิต ซึ่งรวมถึงถ่านผ่านชุดปฏิกิริยาการเล่นแร่แปรธาตุ โดย เฟลิเป การ์เนโร’

ในส่วนบทคัดย่อของบทความ เฟลิเปเขียนว่าอย่างภาคภูมิใจและตรงไปตรงมา ‘ด้วยการทดลองครั้งนี้ ข้าขอประกาศแก่ทุกท่านว่า “ทฤษฎีพลังชีวิต” ถูกล้มล้างโดยสมบูรณ์ และจะไม่มีบทบาทในการพัฒนาอาร์คานาศาสตร์อีกต่อไป!’

หลังจากอ่านการออกแบบการทดลองคร่าวๆ แล้ว แม้ปกติจะเป็นคนใจเย็นสุขุม ฟีลิเบลตะโกนออกมาอย่างโกรธแค้น “บังอาจหมิ่นพระเจ้า! นี่เป็นความผิดฐานดูหมิ่นศาสนา! เป็นการปลุกปั่นโดยตรงที่น่าละอายใจต่อความยิ่งใหญ่และเกียรติภูมิของพระผู้เป็นเจ้า! เฟลิเปต้องถูกกำจัดไม่ทันที!”

คางของเขาที่เต็มไปด้วยหนวดเคราสีขาวสั่นเทิ้มอย่างรุนแรงขณะที่เขาตะโกน ราวกับว่าเขาต้องการฆ่าเฟลิเปในวินาทีนี้เลย ในสายตาของเขา เมื่อเทียบกับการทดลองของเฟลิเปแล้ว บทความของลูเซียนหมดความสำคัญไปในทันที

วาฮารัลล์ ชายผู้เกรี้ยวกราดร่างกายกำยำ กระแทกหมัดลงบนโต๊ะของฟีลิเบลอย่างจัง ทันใดนั้น โต๊ะดังกล่าวก็พังไม่เหลือซาก ไม่เหลือแม้แต่เถ้าถ่านหลังจากเขาระเบิดพลังออกมา ขณะเดียวกัน วาฮารัลล์ก็รู้สึกโชคดีที่เขาเป็นวีระอัศวิน และพลังก็มาจาก ‘พร’  ของเขาเอง มิฉะนั้นวิญญาณของเขาขาดบาดเจ็บจากความเชื่อที่สั่นคลอน “พวกมนุษย์ชั้นต่ำบังอาจลองดีกับอาณาจักรแผ่นพระเจ้า ผู้ดูหมิ่นพระเจ้าต้องถูกกำจัดให้สิ้นซาก!”

“แต่ก่อนอื่น เราต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าการทดลองเป็นจริงหรือไม่” วารันไทน์ไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์ และตอนนี้เขาก็ทำเครื่องหมายกางเขนด้านหน้าหน้าอก

ไม่มีทางที่สภาเวทมนตร์จะทำลายความเชื่อของพระคาร์ดินัลด้วยบทความ และหากพระคาร์ดินัลมีอุปกรณ์การทดลองที่เหมาะสมและวงพลังเทพแล้ว พวกเขาก็สามารถตรวจสอบความสมเหตุสมผลของบทความชิ้นนี้โดยการทดลองด้วยตัวเอง

“เก็บบทความนี้ให้มิดชิด อย่าให้บาทหลวงคนอื่นล่วงรู้เรื่องบทความนี้ สิ่งสุดท้ายที่เราอยากเห็นคือเรื่องนี้กลายเป็นสถานการณ์เดียวกัน เมื่อนักเวทพวกนั้นอ้างว่าแสงศักดิ์สิทธิ์เป็นเพียงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า” ฟีลิเบลหลับตาลง รู้สึกเหนื่อยล้า “นี่เป็นบททดสอบจากพระเจ้าของเรา และความซื่อสัตย์ต่อศรัทธาเพิ่งปรากฏและถูกทดสอบอีกครั้ง เราต้องหาจุดอ่อนของการทดลองนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด”

 ฟีลิเบล ผู้ครองตำแหน่งพระคาร์ดินัลแห่งสังฆมณฑลโฮล์มมาเกือบร้อยปี  ผ่านวิกฤตการณ์ต่างๆ มามากมาย ฉะนั้น เขาจึงสามารถควบคุมพลังและปิดกั้นแนวคิดจากบทความไม่ให้ทำร้ายวิญญาณของเขา หลังจากอ่านการออกแบบการวิจัยของเฟลิเป

“ขอสรรเสริญแด่พระเจ้า สัจจะคงอยู่ชั่วนิรันดร์” วาฮารัลล์ วารันไทน์ และบาทหลวงอีกรูปสวดภาวนาพร้อมกัน บอกกับตัวเองว่าถึงแม้ผลการศึกษาของเฟลิเปจะถูกต้อง แต่นี่ก็ยังห่างไกลโพ้นจากพลังอันทรงพลังอานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งอยู่นอกเหนือความเข้าใจของพวกเขา

หลังจากสวดภาวนา วาฮารัลล์บอกกับฟีลิเบลเสียงเบาๆ “ข้าขอให้ส่งผู้พิทักษ์ราตรีผู้มีศรัทธาไปลอบสังหารเฟลิเปเสีย หากมีโอกาส เราควรสังหารลูเซียน อีวานส์ ด้วยเช่นกัน”

เหตุผลที่เขาอ้างถึง ‘ผู้พิทักษ์ราตรีผู้มีศรัทธา’ เป็นการเฉพาะ ก็เพราะพวกเขารู้ดีว่าผู้พิทักษ์ราตรีที่รับภารกิจนี้ย่อมเปรียบเสมือนถูกส่งไปตาย หากสามารถสังหารเฟลิเปได้ ก็ถือว่าโชคดีมาก พวกเขาไปเลือกผู้ที่จะมารับภารกิจอย่างใส่ใจแล้ว ผู้พิทักษ์ราตรีซึ่งไม่พร้อมจะสละชีวิตอะตอมอยู่ในมือของสภาเวทมนตร์

“วาฮารัลล์และวารันไทน์ ทั้งสองคนรับผิดชอบเรื่องนี้” ฟีลิเบลพยักหน้า “ถ้าต้องไปคุยกับพวกขุนนางและพระคาร์ดินัลรูปอื่นๆ แจ้งให้พวกเขาเตรียมตัว”

ขณะถือหนังสือพิมพ์อยู่ในมือ ร่างของเมนชากย์ซึ่งประกอบไปด้วยอวัยวะจากศพคนตายต่างๆ หลุดออกเป็นชิ้นๆ อวัยวะทั้งหมดถ่ายสภาพเป็นเนื้อเน่าเฟะ อย่างไรก็ตาม ไฟวิญญาณสองลูกในดวงตาเขายังเต้นเร่าอย่างแข็งแรง

“ทฤษฎีพลังชีวิต… ไม่ถูกต้อง? ผิด… อย่างนั้นหรือ? แม้แต่เฟลิเปก็ทิ้งทฤษฎีนี้…”

แม้ว่าเมนชากย์รู้สึกว่าจะมีปัญหากับการออกแบบการวิจัยของเฟลิเป เขาก็สูญเสียการควบคุมร่างกาย เขาไม่อยากเชื่อว่าช่วงเวลาหลายร้อยปีในการศึกษาของเขาอยู่บนรากฐานของความผิดพลาด

แต่หากทั้งชีวิตของเขาสร้างขึ้นมาด้วยความผิดพลาด แล้วทำไมเขาถึงยัง ‘มีชีวิต’ อยู่ได้นานถึงเพียงนี้? ทำไมเขาถึงยังสามารถกลายเป็นจอมเวทอสูรได้? ทำไมเขายังสามารถเรียนรู้อาคมต่างๆ ได้มากมาย?

ท้ายที่สุด เหลือเพียงกระโหลกขาวลอยอยู่กลางอากาศ ก่อนที่เมนชากย์จะสูญเสียการควบคุมก้อนเนื้อและกระดูกไปทั้งหมด เขาก็เรียกสติกลับคืนมาได้ทัน ด้วยการบอกตัวเองซ้ำๆ ว่าการศึกษาของเฟลิเปอาจไม่ถูกต้อง หรือแม้ว่าสิ่งที่เขากล่าวไว้ถูกต้อง หากเฟลิเปผู้ที่เคยศรัทธาในทฤษฎีพลังชีวิตด้วยความซื่อสัตย์มาอย่างยาวนานของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำไมเขา ‘เมนชากย์’ จะไม่สามารถทำได้?

เมนชากย์เชื่อว่ายังมีความหวังอันยิ่งใหญ่อยู่ในสำนัก ‘ศาสตร์มืด’ เนื่องจากมีทฤษฎีรากฐานถูกล้มล้างมาแล้ว 3 ครั้งในประวัติศาสตร์ของสำนัก แต่ศาสตร์มืดยังคงจะเจริญเติบโตได้หลังผ่านเหตุการณ์นั้นๆ และมีวิวัฒนาการที่ดีตลอดมา ฉะนั้น เมนชากย์ยินดีที่จะดีนี้จะถูกล้มล้างโดยนักเวทศาสตร์มืดด้วยกันเองมากกว่า เขาชื่อว่าทฤษฎีพลังชีวิตไม่ได้ผิดไปเสียทั้งหมด และอย่างน้อยยังมีส่วนเชื่อมโยงกับ ‘ปรมัตถสัจจะ’

หลังจากถอนหายใจยาว เมนชากย์เปิดหนังสือพิมพ์ไปหน้าที่สอง  และเขาก็เห็นความเห็นจากเปเซอร์ ทีนา-ทีมอส โรเจริโอ และจอมเวทผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆ จาก ‘หัตถ์ไร้ชีวา’ ต่อบทความของเฟลิเป

‘เปเซอร์ กล่าวว่า นี่เป็นผลการทดลองอันยิ่งใหญ่และโดดเด่น เฟลิเปเป็นอัจฉริยะที่นำเราไปสู่เส้นทางเส้นใหม่ที่ถูกต้อง จากเส้นทางที่ผิดพลาดของทฤษฎีพลังชีวิต’

‘ทีนา-ทีมอส กล่าวว่า สิ้นสงสัยเฟลิเปเป็นอัจฉริยะในอาร์คานาศาสตร์ตัวจริง เขาสามารถขับไล่เมฆดำที่บดบังเส้นทางของเราอยู่เหนือศีรษะของเรามานานหลายปี เมื่อลองพิจารณาดูแล้ว นักเวทศาสตร์มืด ทำไมเราไม่พัฒนาสู่ความก้าวหน้าเศรษฐี? เฟลิเปไม่เปิดเผยเหตุผลออกมาแล้ว นั่นก็เพราะรากฐานของเรามีปัญหา หากเราสามารถแก้ไขได้ทันเวลา อนาคตอันสดใสและงดงามก็รออยู่ข้างหน้า!’

‘โรเจริโอ กล่าวว่า การทดลองครั้งนี้มีความสำคัญและความหมายอย่างยิ่งยวด รับเป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ที่สร้างสรรค์และสร้างความตกตะลึงอย่างรุนแรง เฟลิเปแสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่ของนักเวทศาสตร์มืด พิสูจน์แล้วว่าเราไม่เคยยอมแพ้รายการสำรวจโลกเพื่อค้นหาความจริง เรายอมรับได้กับการล้มล้างทฤษฎีพลังชีวิต ด้วยการยอมรับว่าเราเคยผิดพลาดมาก่อน ฉะนั้น เราจะมีอนาคตที่ดีกว่าเดิม’

ด้วยความเห็นเชิงบวกจากคนสำคัญทั้งหลายต่อผลการศึกษาของเฟลิเป นักเวทศาสตร์มืดจำนวนมากก็เริ่มยอมรับความจริง

นี่คือพลังแห่งผู้มีอำนาจ

อย่างไรก็ตาม แม้ความจริงที่ว่าฌานสมาธิของนักเวทศาสตร์มืดเริ่มกลับมามั่นคงอีกครั้ง หลังจากพวกเขาค่อยๆ ยอมรับความจริงข้อนี้ได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถละทิ้งอดีตได้อย่างรวดเร็ว นักเวทศาสตร์มืดหัวรัั้นอีกจำนวนมากรู้ตัวว่าไม่สามารถเดินหน้าได้ต่อไปทั้งชีวิตที่เหลืออยู่ เนื่องจากภาวะฌานสมาธิของพวกเขาถูกทำลายไม่เหลือซาก ดังนั้น นักเวทกลุ่มนี้จึงเปลี่ยนเฟลิเปมากเกินจะบรรยาย

ในหอคอยเวทมนตร์ ณ เมืองไฮด์เลอร์ ชายชราผู้หนึ่งสวมชุดลักษณะโบราณตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด ขณะที่ถือหนังสือพิมพ์อยู่ในมือ “เป็นไปไม่ได้!”

หลังจากนั้น ด้วยเสียงระเบิดดังสนั่น หัวของชายผู้นี้ก็ระเบิดออก ชิ้นส่วนอวัยวะต่างๆ ของเขาร่วมกองลงบนพื้น ขณะเดียวกัน ภายในห้องลับของหอคอยเวทมนตร์ กล่องชีวิตที่สร้างมาจากอัญมณีทรงค่านับไม่ถ้วนก็แตกออก แล้วเสียงของชายชราคนเดียวกันก็ดังออกมาจากในกล่องด้วยน้ำเสียงแสนชั่วช้า “โชคดีที่ข้ารู้มาจากทราเควียร์ก่อนว่าการทดลองของเฟลิเปใกล้จะถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่มีโอกาสคืนชีพด้วยกล่องชีวิตกล่องนี้… เฟลิเป โรเจริโอ ศาสตราจารย์ ลูเซียน อีวานส์… พวกเจ้ารอดู…”

ขณะเดียวกันนั้น ณ คฤหาสน์ในเมืองซาริวา เฟลิเปและโรเจริโอนั่งอยู่ตรงข้ามกันและกำลังจิบไวน์ พวกเขามองไปยังทางเมืองไฮด์เลอร์และหัวเราะเยาะพวกเฒ่าชราหัวโบราณในเมือง โรเจริโอและเฟลิเปมั่นใจว่าคนพวกนั้นคงได้บทเรียนแล้ว

“ข้าหวังว่าเราจะนำเสนอหลักฐานที่ขาด พวกหัตถ์ไร้ชีวาจะได้พ่ายแพ้ย่อยยับยิ่งกว่านี้” มอร์ริสถอนหายใจด้วยความผิดหวัง

“นี่ก็ไม่เลว เรายังคงขึ้นต่อสภาเวทมนต์เหมือนกัน เราไม่ได้อยากเห็นสภาเสียหายมากเกินไปสำหรับความพ่ายแพ้เพียงชั่วข้ามคืน” ราเวนติไม่ได้สนใจอะไรเลย แต่ที่รู้สึกยินดีก็เพราะทฤษฎีที่ผิดพลาดถูกล้มล้างไป ว่าแล้วเขาก็หันไปทางลูเซียน “อีวานส์ ถามจริงๆ เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับทฤษฎีพลังชีวิตหรือไม่?”

“ขอรับ ไม่เลยขอรับ” ลูเซียนตอบอย่างซื่อสัตย์ แล้วเขาก็หยิบแหวนโฮล์มที่ได้จากนาตาชาออกมา “ข้าทำการทดลองเสร็จสิ้น ตั้งแต่ก่อนมาถึงที่นี่”

หลังจากถูกเฟลิเปแฉตัวตนที่แท้จริง ลูเซียนก็ตัดสินใจบอกความจริงกับบุคคลระดับอาวุโสจากกลุ่มเจตจำนงแห่งธาตุ เผื่อว่าเฟลิเปจะเอาเรื่องนี้มาข่มขู่เขาอีก และนอกจากนี้ เขาก็เหนื่อยกับการปิดบังความจริงเช่นกัน

ตอนนี้ เขาต้องการเข้าเป็นสมาชิกของกลุ่มเจตจำนงแห่งธาตุ เขาต้องการแสดงความซื่อสัตย์อย่างตรงไปตรงมามากกว่านี้

“ศาสตราจารย์?” แกสตันประหลาดใจนิดหน่อย เนื่องจากเขาเคยพยายามสังหารเฟลิเปเพราะเรื่องนี้ เขาจึงผูกโยงเรื่องลูเซียนกับศาสตราจารย์ได้ในทันที

มอร์ริสมองที่แหวน เขาถอนหายใจอย่างมีอารมณ์รำลึกความหลัง “แหวนวงนี้ทำให้ข้าคิดถึงเมอเรดิธ… อีวานส์เริ่มศึกษาอาร์คานาศาสตร์ตั้งแต่อยู่ในนครอัลโต้อย่างนั้นหรือ?”

“ขอรับ การศึกษาจากแม่มดนางหนึ่ง ข้าได้อุปกรณ์และความรู้มาจากนาง” ลูเซียนพยักหน้า และจากที่เขาสังเกต เขาเห็นว่าราเวนติ มอร์ริส และแกสตัน มีท่าทีค่อนข้างเยือกเย็นและพึงพอใจ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาคงไม่ทำให้ลูเซียนตกที่นั่งลำบากจากการปิดบังตัวตนเป็นเวลานาน ทั้งนี้ทั้งนั้น เพื่อเป็นการปกป้องตัวเอง สิ่งที่ลูเซียนทำลงไปล้วนเข้าใจได้ทั้งสิ้น

หลังจากนั้นลูเซียนสารภาพต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อันที่จริง ข้ายังทำการทดลองสำเร็จอีกชิ้นหนึ่ง”

…………………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+