Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา 191 สำนักเวทมนตร์

Now you are reading Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา Chapter 191 สำนักเวทมนตร์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สปรินต์ เองก็เหลือบมองแคทรีนา จากนั้นจึงเดินเข้าไปในห้องประเมินโดยไม่พูดอะไร

นับแต่ที่พวกเขาอยู่ในสเติร์ก และรวมถึงตอนที่อยู่บนเรือแสนอันตราย แคทรีนากับสปรินต์ ไม่เคยหยุดแข่งขันกันเลย บ่อยครั้งที่ทั้งสองมักจะสุ่มถามคำถามยากๆ กับอีกฝ่าย และเมื่อใดก็ตามที่พวกเขามีโอกาสได้ฝึกร่ายคาถา พวกเขาก็มักแข่งกันว่าใครจะร่ายได้เร็วกว่ากัน แต่เพราะสปรินต์ เป็นฝ่ายชนะอยู่เสมอ แคทรีนาจึงไม่ค่อยพอใจเท่าไร

เมื่อเห็นท่าทางของสปรินต์ แคทรีนาจึงกระทืบเท้าเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าห้องไปพร้อมกับส่งเสียงขึ้นจมูก

“ไม่ต้องเครียดนะ” ลูเซียนเงยหน้าขึ้นใช้ปลายคางบุ้ยใบ้ไปทางห้องประเมิน

แอนนิคพยักหน้าด้วยท่าทางจริงจัง “ขอรับ ท่านอีวานส์”

จากนั้นเขาก็เดินจากไปพร้อมเลย์เรียและไฮดี้ที่ดูประหม่าด้วยกันทั้งคู่

ลาซาร์ที่ซุกมือไว้ในกระเป๋าเสื้อนอกกระดุมสองแถวอยู่ ส่งยิ้มให้ “ลูเซียน สามคนนั้นคือนักเวทฝึกหัดที่เจ้าสอนใช่หรือไม่ การเรียนของพวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง”

“พวกเขาเพิ่งเริ่มศึกษาศาสตร์แห่งอาร์คานาเมื่อเดือนก่อนนี้เอง ข้าจึงอวดอ้างไม่ได้ว่าพวกเขาได้เรียนอะไรมากมายจากข้า ข้าเพียงให้พวกเขาทำแบบฝึกหัดซ้ำๆ เพื่อช่วยให้ทั้งสามคนเข้าใจพื้นฐานให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่พวกเขาจะเรียนศาสตร์แห่งอาร์คานาและเวทมนตร์ได้ง่ายขึ้นในอนาคต” ลูเซียนตอบท่าทางสบายๆ ไม่นึกกังวลถึงผลการประเมินเลยสักนิด ในเมื่อเขารู้ว่าลูกศิษย์ของเขามีความพร้อมกว่าเพื่อนๆ มากแล้ว

“แบบฝึกหัดซ้ำๆ เช่นนั้นหรือ นั่นฟังดูไม่น่าดึงดูดใจเลยสักนิด” ลาซาร์ยิ้มกริ่ม “เจ้าไม่กลัวว่ามันจะเป็นการทำลายความสร้างสรรค์ของพวกเขาหรือ”

“ความสร้างสรรค์คือสิ่งที่อัจฉริยะมี แต่เด็กพวกนี้ไม่ใช่” ลูเซียนตอบตามตรง “การพึ่งพาสิ่งที่พวกเขาไม่มี รังแต่จะทำให้พวกเขาผิดหวัง สิ่งเดียวที่พวกเขาควรพึ่งพาคือความพยายาม” แม้ว่าลูเซียนจะยังยิ้มแย้มอยู่ แต่น้ำเสียงเขากลับสุขุมจริงจัง “พวกเขาควรจะมีวิธีคิดแบบจอมเวทผ่านการทำแบบฝึกหัดซ้ำๆ และแบบฝึกหัดพวกนี้ก็จะปูพื้นฐานความรู้ให้พวกเขาอย่างแน่นหนา”

ลาซาร์เพียงหาหัวข้อมาพูดคุย ไม่ได้คิดจะโต้เถียงอันใด เขาจึงทำเพียงเอียงศีรษะเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า “เจ้าเหมาะที่จะเป็นอาจารย์มากเหมือนกันนะ ลูเซียน”

ลูเซียนคิดในใจว่านี่คือวิธีการเรียนรู้จากสมัยที่เขาเป็นลูกศิษย์ในโลกเดิม แต่แล้วเขาก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “เจ้ามีเสื้อนอกดำแบบนี้หลายตัวหรือ ลาซาร์ ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าเจ้าไม่เคยเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย”

ลาซาร์หัวเราะร่า “ปัดโธ่ เสื้อนอกตัวนี้เป็นผ้าคลุมเวทมนตร์ของข้า! อย่าบอกนะว่าในความคิดของเจ้าเสื้อคลุมจะต้องเป็นแบบมีหมวกดูทะมึนมืดมนเท่านั้นน่ะ! เรามีแบบสำหรับเสื้อคลุมมากมาย ทั้งแบบทางการสบายๆ แบบเสื้อนอก แบบชุดกระโปรงยาว… อะไรก็ได้ตามที่เจ้าจะยินดีจ่าย”

“เสื้อคลุมเวทมนตร์ระดับสองมีราคาเท่าไรหรือ บอกตามตรง ข้ายังไม่มีเลยสักตัว” ลูเซียนถามด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย

“สรรเสริญราตรี” ลาซาร์ชี้ไปที่เสื้อนอกของตน “ระดับสองขั้นกลาง ราคาสองร้อยธาเลหรือคะแนนอาร์คานา นากร้านวาซิม ราคาดี คุณภาพดี ชื่อเสียงดี”

ลูเซียนรู้สึกขบขันกับคำพูดของลาซาร์ แล้วจากนั้นจึงคำนวณเงินที่เขาเก็บสะสมมาจนถึงตอนนี้อย่างรวดเร็ว “ข้ามีเพียงหกสิบธาเลกับเก้าคะแนนเท่านั้นในตอนนี้… ว่าแต่ว่า ลาซาร์ หนึ่งคะแนนอาร์คานาเท่ากับหนึ่งธาเล ถูกหรือไม่”

ตอนที่ลูเซียนเดินทาง เขาเลี้ยงดูตนเองค่อนข้างดี

“ถูกต้อง” ลาซาร์พยักหน้า “แต่เมื่อเจ้าเลื่อนขั้นสูงขึ้น เจ้าจะได้รู้ว่าขอบเขตการใช้คะแนนอาร์คานานั้นกว้างกว่าธาเลมาก ตามที่ธนาคารหน้าเลือดพวกนี้บอกไว้ คะแนนพวกนี้ได้รับการการันตีด้วยความน่าเชื่อถือของสภา ข้าต้องใช้เวลานานทีเดียวกว่าจะเก็บเงินซื้อเสื้อคลุมได้สักตัว แต่โชคดีที่นักเวทหางานได้ไม่ยาก และเจ้าก็สามารถทำเงินได้ราวสิบธาเล หรือคะแนนอาร์คานาต่อเดือน บวกกับรายได้พิเศษจากการที่มีคนเรียนเวทมนตร์ของเจ้า… ดังนั้นข้าว่าเจ้าคงจะซื้อเสื้อคลุมแบบนี้ได้ภายในสองปีโดยประมาณ”

“เป็นเช่นนี้เอง แต่ถึงกระนั้น สองปีก็ยังถือว่านานอยู่นะ” ลูเซียนกล่าว

“ข้าให้เจ้ายืมได้นะ ข้ายังมีอีกสามสิบคะแนนจากการส่งคาถาบทใหม่เข้าระบบ” ลาซาร์ตอบ “ข้ารู้ว่าเจ้าจะต้องคืนข้าแน่ๆ ในเมื่อเจ้าคือนักเวทผู้มีพรสวรรค์ และข้าก็มั่นใจว่าจะต้องมีหลายคนแน่ๆ ที่อยากเรียนคาถาระดับนักเวทฝึกหัดบทใหม่ของเจ้า”

“ขอบคุณสำหรับความเอื้ออารีของเจ้า ลาซาร์” ลูเซียนยิ้มและตอบกลับด้วยความจริงใจ “แต่ข้ายังพอจะมีวัตถุดิบที่นำไปขายแลกเงินได้อยู่”

ลูเซียนกำลังนึกถึง ‘หินคลื่นพลัง’ ที่ได้มาจากเมอร์ล็อก

“ข้าล่ะอิจฉาเจ้าจริงๆ ลูเซียน” ลาซาร์กล่าวตามตรง “นักเวทที่ปฏิบัติตามระบบเวทมนตร์โบราณมักจะมีวัตถุดิบหรืออุปกรณ์เวทมนตร์ไม่มากก็น้อย”

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วขณะที่ลูเซียนกับลาซาร์พูดคุยสัพเพเหระอยู่ที่ห้องประเมินไม่นาน ประตูห้องก็เปิดออก แล้วไฮดี้ก็เดินออกมาด้วยท่าทางตื่นเต้นร่าเริง “การประเมินง่ายมากๆ เลยเจ้าค่ะ ท่านลูเซียน”

คนที่ตามไฮดี้ออกมาติดๆ คือเลย์เรีย นางตอบรับอย่างเห็นด้วย “ใช่เจ้าค่ะ ง่ายกว่าแบบฝึกหัดที่เราทำเสียอีก!”

“ดีใจที่ได้ยินเช่นนั้นนะ” ลูเซียนแย้มยิ้มพลางพยักหน้า “แล้วเจ้าล่ะ แอนนิค”

“ไม่แย่ขอรับ…” แอนนิคยิ้มอย่างเขินอายพร้อมกับเกาศีรษะเล็กน้อยด้วยความเคยชิน “ต้องขอบคุณท่านขอรับ ท่านอีวานส์”

“บางทีพวกเจ้าอาจไม่สนใจกับดักในการประเมินก็ได้ เป็นเหตุผลว่าทำไมบททดสอบจึงง่ายสำหรับพวกเจ้า” นักเวทฝึกหัดคนหนึ่งที่ตามพวกเขาออกมาเป็นผู้ออกความเห็นด้วยท่าทางเป็นทุกข์ “เจ้ารู้สึกเช่นไรบ้าง สปรินต์ “

ตอนนี้สปรินต์ ดูไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรแล้ว “คำถามส่วนใหญ่ก็พอได้ แต่บางข้อกลับค่อนข้างยาก… ข้าก็ไม่มั่นใจนัก”

“ข้าเองก็รู้สึกเช่นนั้น…” เมื่อได้ยินคำตอบของสปรินต์ แคทรีนาจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย ก่อนหน้านี้นางคิดว่ามันเป็นปัญหาของนางที่รู้สึกว่าการประเมินในครั้งนี้ค่อนข้างยาก

“มันยากจริงๆ… ข้าปวดหัวไปหมดแล้ว…” นักเวทฝึกหัดคนอื่นๆ เห็นด้วย

“สปรินต์ เจ้าวิเคราะห์และสร้างคาถา ‘โจมตีวิญญาณ’ ของนักเวทฝึกหัดอย่างไรงั้นหรือ” เมื่อเห็นว่าประตูห้องประเมินปิดลงอีกครั้ง แคทรีนาจึงถามขึ้นหลังจากลังเลเล็กน้อย

“ข้าพยายามจะ…” เพราะสปรินต์ เองก็ไม่ค่อยมั่นใจกับข้อนี้ เขาจึงไม่พยายามปิดซ่อนคำตอบของตน กลับเลือกที่จะตรวจสอบมันกับแคทรีนา

นักเวทฝึกหัดคนอื่นๆ เริ่มไปรวมตัวกับทั้งสองเพื่อตรวจคำตอบด้วยกัน และเริ่มถกเถียงกันอย่างจริงจัง

ทว่า ทั้งไฮดี้และเลย์เรียต่างรู้สึกมึนงง เพราะทั้งสองรู้สึกว่าการประเมินครั้งนี้ไม่ยากเลยสักนิด

ไม่นาน แอนนิค ไฮดี้ และเลย์เรียก็เข้าไปร่วมวงกับนักเวทฝึกหัดคนอื่นๆ ทิ้งให้ลูเซียนกับลาซาร์เฝ้ามองพวกเขาถกเถียงหารือกันอย่างกระตือรือร้นอยู่อีกทางด้านหนึ่งด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้มกว้าง

เมื่อเหล่านักเวทฝึกหัดตรวจคำตอบด้วยกันเสร็จ ก็เป็นเวลาเกือบสิบโมงครึ่งแล้ว ทุกคนหยุดพูดคุยและต่างเฝ้ารอผลการประเมิน

โถงทางเดินนั้นพลันเงียบงัน

ในตอนนั้นเองที่ประตูห้องประเมินค่อยๆ เปิดออก ขณะจ้องมองประตู เด็กๆ ทุกคนก็รู้สึกประหม่าอย่างยิ่ง

ในมือไซเมียนมีแฟ้มเอกสารอยู่ แล้วเขาก็กล่าวขึ้นด้วยท่าทางเคร่งขรึม “ตอนนี้ข้าจะประกาศผลการประมาณแล้ว”

นักเวทฝึกหัดทุกคนกลั้นหายใจ รวมถึงแอนนิค เลย์เรีย และไฮดี้ที่คิดว่าบททดสอบค่อนข้างง่ายด้วยเช่นกัน

“กลุ่มแรก เป็นกลุ่มของนักเวทฝึกหัดที่มีพื้นฐานความรู้ทางด้านอาร์คานาอย่างมาก มีระดับพลังวิญญาณและความสามารถในการร่ายคาถาตรงตามคุณสมบัติ เรามีแอนนิค เลย์ ไฮดี้ จุดเด่นของทั้งสามคือโหราศาสตร์และศาสตร์แห่งธาตุ”

“อะไรนะ?! นั่นเป็นไปไม่ได้…” นักเวทฝึกหัดคนอื่นๆ ต่างตกตะลึง “ทำไมจึงไม่ใช่สปรินต์ กับแคทรีนากันเล่า?!”

ใบหน้าของสปรินต์ และแคทรีนาพลันซีดเผือด เนื่องจากพวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะถูกแอนนิค ไฮดี้ และเลย์เรียเอาชนะไปได้ และพวกเขาก็กำลังนึกหวังให้นี่เป็นเพียงการเข้าใจผิด

ทว่า ไซเมียนกลับตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “หากเจ้าคนใดไม่เชื่อก็เชิญไปถกคำถามอาร์คานาพื้นฐานกับพวกเขาดูได้”

ไม่มีนักเวทฝึกหัดคนใดกล้าสงสัยไซเมียนอีก พวกเขาจำต้องหุบปากเงียบและยอมรับผลการประเมินนี้อย่างไม่เต็มใจ ในขณะเดียวกันก็มีหลายคนที่หันไปมองลูเซียน ในใจเริ่มรู้สึกเสียดายด้วยเหตุแตกต่างกันออกไป

“ต่อไปคือกลุ่มที่สอง เป็นกลุ่มสำหรับผู้ที่มีพื้นฐานความรู้ทางอาร์คานาค่อนข้างดี มีพลังวิญญาณและความสามารถในการร่ายคาถาตรงตามคุณสมบัติ เรามีสปรินต์ แคทรีนา ออยมอส จุดเด่นของสปรินต์ กับแคทรีนาคือศาสตร์แห่งกำลัง ศาสตร์แห่งแม่เหล็กไฟฟ้า และศาสตร์แห่ธาตุ ส่วนออยมอสมีจุดเด่นด้านศาสตร์แห่งการอัญเชิญและศาสตร์มืด”

ขณะที่ไซเมียนกำลังอ่านผลการประเมินต่อไป นักเวทฝึกหัดบางคนก็รู้สึกดีใจ ในขณะที่บางคนกลับไม่พอใจ สุดท้ายไซเมียนก็ประกาศว่า

“แอนนิค เลยร์เรีย ไฮดี้ สปรินต์ และแคทรีนาจะเข้าเรียนที่ดักลาส ออยมอสไปที่อัลลิน…” ไซเมียนแบ่งนักเวทฝึกหัดไปตามสำนักต่างๆ โดยยึดจากผลการประเมิน ทุกสำนักอยู่ในเมืองอัลลิน และไม่มีใครจำเป็นต้องไปสำนักที่เขตอื่นหรืออาณาจักรอื่น

เมื่อพวกเขาต้องตามไซเมียนไปที่ห้องทำงานสำหรับการลงทะเบียน เลย์เรียก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ นางหันมามองลูเซียนด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลายแล้วเอ่ยถามขณะที่ดวงตาเริ่มมีหยาดน้ำเอ่อคลอ “ท่านอีวานส์เจ้าคะ ท่านจะอยู่ที่อัลลินต่อหรือเปล่าเจ้าคะ แล้วเราจะได้เจอกันอีกหรือไม่”

ไฮดี้และแอนนิคต่างก็มีน้ำตาปริ่มในดวงตา

“ข้าคิดจะอยู่ในอัลลินต่อไปอีกนาน ตราบใดที่ไม่มีเรื่องเร่งด่วนอันใดน่ะนะ” ลูเซียนแย้มยิ้ม “ข้าจะไปเยี่ยมเยียนพวกเจ้าเองเมื่อข้ามีเวลา”

“เยี่ยมไปเลย!” ไฮดี้กับเลย์เรียโผเข้ากอดกันและหัวเราะร่า แม้จะยังมีน้ำตาเอ่อคลออยู่ก็ตาม

แอนนิคเองก็ยิ้มกว้าง แต่เขากลับเบนสายตาไปทางอื่น พยายามจะปิดซ่อนอารมณ์ของตน

สปรินต์ เงียบตลอดทางขณะเดินตามลูเซียนกับนักเวทฝึกหัดทั้งสาม หลังจากที่คนอื่นๆ ทยอยเข้าไปในห้องทำงานของไซเมียน จู่ๆ แคทรีนาก็โค้งตัวให้กับลูเซียน “ข้าขออภัยเจ้าค่ะ”

จากนั้นนางก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องทำงาน ไม่เปิดโอกาสให้ลูเซียนได้เอ่ยอะไร

“เป็นคนหนุ่มสาวนี่มันดีจริงๆ น้า” ลาซาร์ถอนหายใจด้วยอารมณ์ที่เต็มตื้น

หลังจากทำตามกระบวนการทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว ลูเซียนก็ได้รับเกียรติบัตรจากไซเมียน เป็นสิ่งที่แสดงว่าการสอนของเขาจบลงแล้ว

จากนั้นลูเซียนกับลาซาร์ก็ตรงไปที่ฝ่ายบริหารจัดการนักเวทด้วยกัน

“ว่าแต่ ลูเซียน” ลาซาร์ถามขึ้น “เจ้าคิดได้หรือยังว่าจะเติมตัวอักษรใดท้ายชื่อบนรายงานการวิจัยของเจ้าน่ะ”

“ลูเซียน อีวานส? เอ็กซ์.” ลูเซียนตอบยิ้มๆ

ตัวอักษร ‘เอ็กซ์’ ทำให้ดูลึกลับ และยังเป็นตัวย่อชื่อเดิมของลูเซียนอีกด้วย

………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา 191 สำนักเวทมนตร์

Now you are reading Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา Chapter 191 สำนักเวทมนตร์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สปรินต์ เองก็เหลือบมองแคทรีนา จากนั้นจึงเดินเข้าไปในห้องประเมินโดยไม่พูดอะไร

นับแต่ที่พวกเขาอยู่ในสเติร์ก และรวมถึงตอนที่อยู่บนเรือแสนอันตราย แคทรีนากับสปรินต์ ไม่เคยหยุดแข่งขันกันเลย บ่อยครั้งที่ทั้งสองมักจะสุ่มถามคำถามยากๆ กับอีกฝ่าย และเมื่อใดก็ตามที่พวกเขามีโอกาสได้ฝึกร่ายคาถา พวกเขาก็มักแข่งกันว่าใครจะร่ายได้เร็วกว่ากัน แต่เพราะสปรินต์ เป็นฝ่ายชนะอยู่เสมอ แคทรีนาจึงไม่ค่อยพอใจเท่าไร

เมื่อเห็นท่าทางของสปรินต์ แคทรีนาจึงกระทืบเท้าเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าห้องไปพร้อมกับส่งเสียงขึ้นจมูก

“ไม่ต้องเครียดนะ” ลูเซียนเงยหน้าขึ้นใช้ปลายคางบุ้ยใบ้ไปทางห้องประเมิน

แอนนิคพยักหน้าด้วยท่าทางจริงจัง “ขอรับ ท่านอีวานส์”

จากนั้นเขาก็เดินจากไปพร้อมเลย์เรียและไฮดี้ที่ดูประหม่าด้วยกันทั้งคู่

ลาซาร์ที่ซุกมือไว้ในกระเป๋าเสื้อนอกกระดุมสองแถวอยู่ ส่งยิ้มให้ “ลูเซียน สามคนนั้นคือนักเวทฝึกหัดที่เจ้าสอนใช่หรือไม่ การเรียนของพวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง”

“พวกเขาเพิ่งเริ่มศึกษาศาสตร์แห่งอาร์คานาเมื่อเดือนก่อนนี้เอง ข้าจึงอวดอ้างไม่ได้ว่าพวกเขาได้เรียนอะไรมากมายจากข้า ข้าเพียงให้พวกเขาทำแบบฝึกหัดซ้ำๆ เพื่อช่วยให้ทั้งสามคนเข้าใจพื้นฐานให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่พวกเขาจะเรียนศาสตร์แห่งอาร์คานาและเวทมนตร์ได้ง่ายขึ้นในอนาคต” ลูเซียนตอบท่าทางสบายๆ ไม่นึกกังวลถึงผลการประเมินเลยสักนิด ในเมื่อเขารู้ว่าลูกศิษย์ของเขามีความพร้อมกว่าเพื่อนๆ มากแล้ว

“แบบฝึกหัดซ้ำๆ เช่นนั้นหรือ นั่นฟังดูไม่น่าดึงดูดใจเลยสักนิด” ลาซาร์ยิ้มกริ่ม “เจ้าไม่กลัวว่ามันจะเป็นการทำลายความสร้างสรรค์ของพวกเขาหรือ”

“ความสร้างสรรค์คือสิ่งที่อัจฉริยะมี แต่เด็กพวกนี้ไม่ใช่” ลูเซียนตอบตามตรง “การพึ่งพาสิ่งที่พวกเขาไม่มี รังแต่จะทำให้พวกเขาผิดหวัง สิ่งเดียวที่พวกเขาควรพึ่งพาคือความพยายาม” แม้ว่าลูเซียนจะยังยิ้มแย้มอยู่ แต่น้ำเสียงเขากลับสุขุมจริงจัง “พวกเขาควรจะมีวิธีคิดแบบจอมเวทผ่านการทำแบบฝึกหัดซ้ำๆ และแบบฝึกหัดพวกนี้ก็จะปูพื้นฐานความรู้ให้พวกเขาอย่างแน่นหนา”

ลาซาร์เพียงหาหัวข้อมาพูดคุย ไม่ได้คิดจะโต้เถียงอันใด เขาจึงทำเพียงเอียงศีรษะเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า “เจ้าเหมาะที่จะเป็นอาจารย์มากเหมือนกันนะ ลูเซียน”

ลูเซียนคิดในใจว่านี่คือวิธีการเรียนรู้จากสมัยที่เขาเป็นลูกศิษย์ในโลกเดิม แต่แล้วเขาก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “เจ้ามีเสื้อนอกดำแบบนี้หลายตัวหรือ ลาซาร์ ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าเจ้าไม่เคยเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย”

ลาซาร์หัวเราะร่า “ปัดโธ่ เสื้อนอกตัวนี้เป็นผ้าคลุมเวทมนตร์ของข้า! อย่าบอกนะว่าในความคิดของเจ้าเสื้อคลุมจะต้องเป็นแบบมีหมวกดูทะมึนมืดมนเท่านั้นน่ะ! เรามีแบบสำหรับเสื้อคลุมมากมาย ทั้งแบบทางการสบายๆ แบบเสื้อนอก แบบชุดกระโปรงยาว… อะไรก็ได้ตามที่เจ้าจะยินดีจ่าย”

“เสื้อคลุมเวทมนตร์ระดับสองมีราคาเท่าไรหรือ บอกตามตรง ข้ายังไม่มีเลยสักตัว” ลูเซียนถามด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย

“สรรเสริญราตรี” ลาซาร์ชี้ไปที่เสื้อนอกของตน “ระดับสองขั้นกลาง ราคาสองร้อยธาเลหรือคะแนนอาร์คานา นากร้านวาซิม ราคาดี คุณภาพดี ชื่อเสียงดี”

ลูเซียนรู้สึกขบขันกับคำพูดของลาซาร์ แล้วจากนั้นจึงคำนวณเงินที่เขาเก็บสะสมมาจนถึงตอนนี้อย่างรวดเร็ว “ข้ามีเพียงหกสิบธาเลกับเก้าคะแนนเท่านั้นในตอนนี้… ว่าแต่ว่า ลาซาร์ หนึ่งคะแนนอาร์คานาเท่ากับหนึ่งธาเล ถูกหรือไม่”

ตอนที่ลูเซียนเดินทาง เขาเลี้ยงดูตนเองค่อนข้างดี

“ถูกต้อง” ลาซาร์พยักหน้า “แต่เมื่อเจ้าเลื่อนขั้นสูงขึ้น เจ้าจะได้รู้ว่าขอบเขตการใช้คะแนนอาร์คานานั้นกว้างกว่าธาเลมาก ตามที่ธนาคารหน้าเลือดพวกนี้บอกไว้ คะแนนพวกนี้ได้รับการการันตีด้วยความน่าเชื่อถือของสภา ข้าต้องใช้เวลานานทีเดียวกว่าจะเก็บเงินซื้อเสื้อคลุมได้สักตัว แต่โชคดีที่นักเวทหางานได้ไม่ยาก และเจ้าก็สามารถทำเงินได้ราวสิบธาเล หรือคะแนนอาร์คานาต่อเดือน บวกกับรายได้พิเศษจากการที่มีคนเรียนเวทมนตร์ของเจ้า… ดังนั้นข้าว่าเจ้าคงจะซื้อเสื้อคลุมแบบนี้ได้ภายในสองปีโดยประมาณ”

“เป็นเช่นนี้เอง แต่ถึงกระนั้น สองปีก็ยังถือว่านานอยู่นะ” ลูเซียนกล่าว

“ข้าให้เจ้ายืมได้นะ ข้ายังมีอีกสามสิบคะแนนจากการส่งคาถาบทใหม่เข้าระบบ” ลาซาร์ตอบ “ข้ารู้ว่าเจ้าจะต้องคืนข้าแน่ๆ ในเมื่อเจ้าคือนักเวทผู้มีพรสวรรค์ และข้าก็มั่นใจว่าจะต้องมีหลายคนแน่ๆ ที่อยากเรียนคาถาระดับนักเวทฝึกหัดบทใหม่ของเจ้า”

“ขอบคุณสำหรับความเอื้ออารีของเจ้า ลาซาร์” ลูเซียนยิ้มและตอบกลับด้วยความจริงใจ “แต่ข้ายังพอจะมีวัตถุดิบที่นำไปขายแลกเงินได้อยู่”

ลูเซียนกำลังนึกถึง ‘หินคลื่นพลัง’ ที่ได้มาจากเมอร์ล็อก

“ข้าล่ะอิจฉาเจ้าจริงๆ ลูเซียน” ลาซาร์กล่าวตามตรง “นักเวทที่ปฏิบัติตามระบบเวทมนตร์โบราณมักจะมีวัตถุดิบหรืออุปกรณ์เวทมนตร์ไม่มากก็น้อย”

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วขณะที่ลูเซียนกับลาซาร์พูดคุยสัพเพเหระอยู่ที่ห้องประเมินไม่นาน ประตูห้องก็เปิดออก แล้วไฮดี้ก็เดินออกมาด้วยท่าทางตื่นเต้นร่าเริง “การประเมินง่ายมากๆ เลยเจ้าค่ะ ท่านลูเซียน”

คนที่ตามไฮดี้ออกมาติดๆ คือเลย์เรีย นางตอบรับอย่างเห็นด้วย “ใช่เจ้าค่ะ ง่ายกว่าแบบฝึกหัดที่เราทำเสียอีก!”

“ดีใจที่ได้ยินเช่นนั้นนะ” ลูเซียนแย้มยิ้มพลางพยักหน้า “แล้วเจ้าล่ะ แอนนิค”

“ไม่แย่ขอรับ…” แอนนิคยิ้มอย่างเขินอายพร้อมกับเกาศีรษะเล็กน้อยด้วยความเคยชิน “ต้องขอบคุณท่านขอรับ ท่านอีวานส์”

“บางทีพวกเจ้าอาจไม่สนใจกับดักในการประเมินก็ได้ เป็นเหตุผลว่าทำไมบททดสอบจึงง่ายสำหรับพวกเจ้า” นักเวทฝึกหัดคนหนึ่งที่ตามพวกเขาออกมาเป็นผู้ออกความเห็นด้วยท่าทางเป็นทุกข์ “เจ้ารู้สึกเช่นไรบ้าง สปรินต์ “

ตอนนี้สปรินต์ ดูไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรแล้ว “คำถามส่วนใหญ่ก็พอได้ แต่บางข้อกลับค่อนข้างยาก… ข้าก็ไม่มั่นใจนัก”

“ข้าเองก็รู้สึกเช่นนั้น…” เมื่อได้ยินคำตอบของสปรินต์ แคทรีนาจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย ก่อนหน้านี้นางคิดว่ามันเป็นปัญหาของนางที่รู้สึกว่าการประเมินในครั้งนี้ค่อนข้างยาก

“มันยากจริงๆ… ข้าปวดหัวไปหมดแล้ว…” นักเวทฝึกหัดคนอื่นๆ เห็นด้วย

“สปรินต์ เจ้าวิเคราะห์และสร้างคาถา ‘โจมตีวิญญาณ’ ของนักเวทฝึกหัดอย่างไรงั้นหรือ” เมื่อเห็นว่าประตูห้องประเมินปิดลงอีกครั้ง แคทรีนาจึงถามขึ้นหลังจากลังเลเล็กน้อย

“ข้าพยายามจะ…” เพราะสปรินต์ เองก็ไม่ค่อยมั่นใจกับข้อนี้ เขาจึงไม่พยายามปิดซ่อนคำตอบของตน กลับเลือกที่จะตรวจสอบมันกับแคทรีนา

นักเวทฝึกหัดคนอื่นๆ เริ่มไปรวมตัวกับทั้งสองเพื่อตรวจคำตอบด้วยกัน และเริ่มถกเถียงกันอย่างจริงจัง

ทว่า ทั้งไฮดี้และเลย์เรียต่างรู้สึกมึนงง เพราะทั้งสองรู้สึกว่าการประเมินครั้งนี้ไม่ยากเลยสักนิด

ไม่นาน แอนนิค ไฮดี้ และเลย์เรียก็เข้าไปร่วมวงกับนักเวทฝึกหัดคนอื่นๆ ทิ้งให้ลูเซียนกับลาซาร์เฝ้ามองพวกเขาถกเถียงหารือกันอย่างกระตือรือร้นอยู่อีกทางด้านหนึ่งด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้มกว้าง

เมื่อเหล่านักเวทฝึกหัดตรวจคำตอบด้วยกันเสร็จ ก็เป็นเวลาเกือบสิบโมงครึ่งแล้ว ทุกคนหยุดพูดคุยและต่างเฝ้ารอผลการประเมิน

โถงทางเดินนั้นพลันเงียบงัน

ในตอนนั้นเองที่ประตูห้องประเมินค่อยๆ เปิดออก ขณะจ้องมองประตู เด็กๆ ทุกคนก็รู้สึกประหม่าอย่างยิ่ง

ในมือไซเมียนมีแฟ้มเอกสารอยู่ แล้วเขาก็กล่าวขึ้นด้วยท่าทางเคร่งขรึม “ตอนนี้ข้าจะประกาศผลการประมาณแล้ว”

นักเวทฝึกหัดทุกคนกลั้นหายใจ รวมถึงแอนนิค เลย์เรีย และไฮดี้ที่คิดว่าบททดสอบค่อนข้างง่ายด้วยเช่นกัน

“กลุ่มแรก เป็นกลุ่มของนักเวทฝึกหัดที่มีพื้นฐานความรู้ทางด้านอาร์คานาอย่างมาก มีระดับพลังวิญญาณและความสามารถในการร่ายคาถาตรงตามคุณสมบัติ เรามีแอนนิค เลย์ ไฮดี้ จุดเด่นของทั้งสามคือโหราศาสตร์และศาสตร์แห่งธาตุ”

“อะไรนะ?! นั่นเป็นไปไม่ได้…” นักเวทฝึกหัดคนอื่นๆ ต่างตกตะลึง “ทำไมจึงไม่ใช่สปรินต์ กับแคทรีนากันเล่า?!”

ใบหน้าของสปรินต์ และแคทรีนาพลันซีดเผือด เนื่องจากพวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะถูกแอนนิค ไฮดี้ และเลย์เรียเอาชนะไปได้ และพวกเขาก็กำลังนึกหวังให้นี่เป็นเพียงการเข้าใจผิด

ทว่า ไซเมียนกลับตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “หากเจ้าคนใดไม่เชื่อก็เชิญไปถกคำถามอาร์คานาพื้นฐานกับพวกเขาดูได้”

ไม่มีนักเวทฝึกหัดคนใดกล้าสงสัยไซเมียนอีก พวกเขาจำต้องหุบปากเงียบและยอมรับผลการประเมินนี้อย่างไม่เต็มใจ ในขณะเดียวกันก็มีหลายคนที่หันไปมองลูเซียน ในใจเริ่มรู้สึกเสียดายด้วยเหตุแตกต่างกันออกไป

“ต่อไปคือกลุ่มที่สอง เป็นกลุ่มสำหรับผู้ที่มีพื้นฐานความรู้ทางอาร์คานาค่อนข้างดี มีพลังวิญญาณและความสามารถในการร่ายคาถาตรงตามคุณสมบัติ เรามีสปรินต์ แคทรีนา ออยมอส จุดเด่นของสปรินต์ กับแคทรีนาคือศาสตร์แห่งกำลัง ศาสตร์แห่งแม่เหล็กไฟฟ้า และศาสตร์แห่ธาตุ ส่วนออยมอสมีจุดเด่นด้านศาสตร์แห่งการอัญเชิญและศาสตร์มืด”

ขณะที่ไซเมียนกำลังอ่านผลการประเมินต่อไป นักเวทฝึกหัดบางคนก็รู้สึกดีใจ ในขณะที่บางคนกลับไม่พอใจ สุดท้ายไซเมียนก็ประกาศว่า

“แอนนิค เลยร์เรีย ไฮดี้ สปรินต์ และแคทรีนาจะเข้าเรียนที่ดักลาส ออยมอสไปที่อัลลิน…” ไซเมียนแบ่งนักเวทฝึกหัดไปตามสำนักต่างๆ โดยยึดจากผลการประเมิน ทุกสำนักอยู่ในเมืองอัลลิน และไม่มีใครจำเป็นต้องไปสำนักที่เขตอื่นหรืออาณาจักรอื่น

เมื่อพวกเขาต้องตามไซเมียนไปที่ห้องทำงานสำหรับการลงทะเบียน เลย์เรียก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ นางหันมามองลูเซียนด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลายแล้วเอ่ยถามขณะที่ดวงตาเริ่มมีหยาดน้ำเอ่อคลอ “ท่านอีวานส์เจ้าคะ ท่านจะอยู่ที่อัลลินต่อหรือเปล่าเจ้าคะ แล้วเราจะได้เจอกันอีกหรือไม่”

ไฮดี้และแอนนิคต่างก็มีน้ำตาปริ่มในดวงตา

“ข้าคิดจะอยู่ในอัลลินต่อไปอีกนาน ตราบใดที่ไม่มีเรื่องเร่งด่วนอันใดน่ะนะ” ลูเซียนแย้มยิ้ม “ข้าจะไปเยี่ยมเยียนพวกเจ้าเองเมื่อข้ามีเวลา”

“เยี่ยมไปเลย!” ไฮดี้กับเลย์เรียโผเข้ากอดกันและหัวเราะร่า แม้จะยังมีน้ำตาเอ่อคลออยู่ก็ตาม

แอนนิคเองก็ยิ้มกว้าง แต่เขากลับเบนสายตาไปทางอื่น พยายามจะปิดซ่อนอารมณ์ของตน

สปรินต์ เงียบตลอดทางขณะเดินตามลูเซียนกับนักเวทฝึกหัดทั้งสาม หลังจากที่คนอื่นๆ ทยอยเข้าไปในห้องทำงานของไซเมียน จู่ๆ แคทรีนาก็โค้งตัวให้กับลูเซียน “ข้าขออภัยเจ้าค่ะ”

จากนั้นนางก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องทำงาน ไม่เปิดโอกาสให้ลูเซียนได้เอ่ยอะไร

“เป็นคนหนุ่มสาวนี่มันดีจริงๆ น้า” ลาซาร์ถอนหายใจด้วยอารมณ์ที่เต็มตื้น

หลังจากทำตามกระบวนการทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว ลูเซียนก็ได้รับเกียรติบัตรจากไซเมียน เป็นสิ่งที่แสดงว่าการสอนของเขาจบลงแล้ว

จากนั้นลูเซียนกับลาซาร์ก็ตรงไปที่ฝ่ายบริหารจัดการนักเวทด้วยกัน

“ว่าแต่ ลูเซียน” ลาซาร์ถามขึ้น “เจ้าคิดได้หรือยังว่าจะเติมตัวอักษรใดท้ายชื่อบนรายงานการวิจัยของเจ้าน่ะ”

“ลูเซียน อีวานส? เอ็กซ์.” ลูเซียนตอบยิ้มๆ

ตัวอักษร ‘เอ็กซ์’ ทำให้ดูลึกลับ และยังเป็นตัวย่อชื่อเดิมของลูเซียนอีกด้วย

………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+