Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา 255 การเดินทางครั้งใหม่อีกครั้ง

Now you are reading Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา Chapter 255 การเดินทางครั้งใหม่อีกครั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ท่านอีวานส์?” ซานดร้ามองลูเซียนที่กำลังสับสนเล็กน้อย หล่อนไม่เข้าใจว่าทำไมสิ่งที่หล่อนพูดนั้นสร้างความประหลาดใจมากแค่ไหน “เอ่อ… มือของข้าสั่นจากความเสียหายที่สะท้อนจากวงแหวน…” ลูเซียนรีบหาข้ออ้างอย่างรวดเร็ว และยิบหนังสือขึ้นมา สิ่งที่ลูเซียนพูดนั้นไม่เป็นความจริง และความจริงก็คือเขาตกใจกับคำพูดของซานดร้าเพราะไวเค็นไม่ใช่นักเวทเพียงคนเดียวที่หายตัวไปก่อนสงครามแห่งรุ่งอรุณ มาสเกลีนก็เช่นกัน               แม้ว่าซานดร้า และชาร์ลีจะรู้เรื่องราวบางส่วนแต่พวกเขาก็ไม่ทราบรายละเอียดเหล่านั้น ศาสดาพยากรณ์มาสเกลีนก็หายตัวไปในโลกแห่งวิญญาณพร้อมกับเพื่อนๆ หลายคนที่กล่าวถึงในบันทึกของเขา และในเวลานั้นพวกเขาต่างก็ทำการทดลองเวทมนตร์ที่สำคัญบางอย่าง และทุกสิ่งก็แปลกประหลาดยิ่งขึ้นไปอีกด้วยความจริงที่ว่ามาสเกลีนสามารถสร้างอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ด้วยเวทมนตร์ และสัญลักษณ์ของเขาคือ ‘มหากางเขน’ ที่ดูเหมือน ‘ไม้กางเขนแห่งความจริงของศาสนจักร’ สิ่งนี้ทำให้ลูเซียนคิดว่าไวเค็นเป็นหนึ่งในเพื่อนของมาสเกลีนหรือไม่ และเขาเป็นส่วนหนึ่งของการทดลองหรือไม่ การทดลองมีส่วนเกี่ยวข้องกับพิธีอัญเชิญแบบพิเศษหรือไม่? ลูเซียนสงสัยว่าความลับสูงสุดของโลกอยู่ลึกเข้าไปในโลกแห่งวิญญาณหรือไม่? สถานที่นั้นจะต้องอันตรายอย่างมาก! “สักวันหนึ่งเมื่อข้าเป็นมหาจอมเวท หรือผู้วิเศษขั้นตำนาน ข้าจะไปสำรวจโลกแห่งวิญญาณอย่างแน่นอน” ลูเซียนตัดสินใจที่จะเก็บข้อมูลนี้ไว้กับตัวเอง และเมื่อเขาพร้อม เขาก็จะเชิญผู้วิเศษขั้นตำนานหรือมหาจอมเวทที่เขาไว้ใจไปด้วยกัน ชาร์ลี และซานดร้าไม่สงสัยในคำพูดของลูเซียน คำพูดของเขามีเหตุผลสมบูรณ์พร้อม “ไม่ว่าเราจะสงสัยแค่ไหน แต่สิ่งสุดท้ายที่เราควรทำคือทดลองทำพิธีกรรม” ซานดร้าเตือนพวกเขา ในฐานะนักเวทที่เชี่ยวชาญในการอัญเชิญหล่อนมีความกังวลอย่างมากกับพิธีอัญเชิญที่น่าขนลุกและผลลัพธ์ที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ ลูเซียนยิ้ม “ข้าจะไม่แตะต้องมันก่อนที่ข้าจะกลายเป็นนักเวทระดับสูง ข้าไม่คิดว่าข้าจะสามารถจัดการกับปีศาจได้ในตอนนี้ และข้าเชื่อว่าอีกไม่นานสภาจะรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปีศาจได้” “สภาต้องทำได้อย่างแน่นอน เราจะไม่ทำผิดพลาดเมื่อต้องเผชิญหน้ากับปีศาจ” ชาร์ลีเห็นด้วย ซานดร้าพยักหน้า “สภาสามารถลดความกดดันลงได้ ดังนั้นเราจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก แต่ข้ายังต้องการอ่าน ‘นิทานแห่งความโศก’ เพื่อดูว่ามันหมดหวังอย่างที่สกอตต์อธิบายไว้หรือไม่” “ข้าด้วย แต่ข้าก็ยังต้องยืมหนังสืออีกสองสามเล่มจากที่นี่ก่อน” ลูเซียนกล่าว จากนั้นเขาก็ขอให้อเล็กซ์หาหนังสืออาร์คานาขั้นพื้นฐานบางอย่างของ ‘สำนักสนามแรง’ และ ‘หมอผี’ และสำนักอื่นๆ ชาร์ลีสวมหมวกแล้วพูดว่า “ข้ายังมีเรื่องบางอย่างให้ต้องจัดการ ดังนั้นข้าต้องไปแล้วข้าดีใจที่ได้พบ ท่านอีวานส์ ท่านซานดร้า และข้าหวังว่าเราจะได้ร่วมงานกันอีกในอนาคต” “ข้ากำลังจะไปที่ห้องสมุดเมืองอัลลินเช่นกัน ท่านอีวานส์ ท่านไม่ใช่นักเวทในแบบที่จะสามารถอยู่รอดได้ในห้องปฏิบัติการเท่านั้น ท่านเป็นคนน่าเชื่อถือและเป็นผู้นำที่ดี” ซานดร้าจับมือกับลูเซียนก่อนที่หล่อนจะจากไป ลูเซียนพูดกับพวกเขาในลักษณะที่อ่อนน้อมถ่อมตน “ท่านทั้งสองเป็นนักเวทที่มีประสบการณ์มากและข้าได้เรียนรู้อะไรมากมายจากท่านทั้งคู่ หากไม่มีท่านซานดร้าและท่านชาร์ลี ข้าคงต้องตายแน่ในปราสาทแล้ว เราควรจะติดต่อกันเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในบางครั้ง” … ที่ชั้นล่างสุดของอารามหลวงอัลโต้ เสียงหญิงสาวกำลังฮัมเพลงเก่า และเคร่งขรึมราวกับว่าท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆก่อนที่พายุจะมา เสียงนั้นค่อนข้างหยาบแต่ก็เซ็กซี่ เสียงสูงขึ้นช้าๆ และเสียงก็เบาลง แต่ก็เศร้า จากนั้นเมโลดี้ก็เร็วขึ้นและเร็วขึ้น เช่นเหมือนสายฝนที่ตกกระทบลงบนพื้นและลมปากที่พัดผ่าน หลังจากนั้นครู่หนึ่งหญิงสาวก็ผ่อนคลายลงอย่างสงบ และทำนองที่อ่อนโยนราวกับว่าจิตใจที่โดดเดี่ยวแต่ก็บริสุทธิ์ได้รำลึกถึงความทรงจำทั้งหมดที่มีด้วยอารมณ์ดั่งพายุ ในความทรงจำเหล่านั้นลืมแม้กระทั่งฟ้าผ่า ลืมแม้กระทั่งฟ้าร้อง ลืมแม้กระทั่งเม็ดฝน และความซึมเศร้าและเสียใจ ลืมแม้กระทั่งคนทั้งโลก พายุยังคงส่งผลกระทบต่อจิตใจของหล่อน แต่ในไม่ช้ามันก็อบอุ่นและสง่างามในตอนท้ายของเพลงแรก นาตาชาฮัมเพลงที่โด่งดังของ ‘โซนาตาแห่งพายุ’ เสร็จจากนั้นหล่อนก็มองจดหมายในมือ มันเป็นสิ่งเดียวที่ลูเซียน ส่งเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม หล่อนพอใจกับโซนาต้ามาก มันเป็นของขวัญวันเกิดจากลูเซียน “ แม้ว่า ‘โซนาตาแห่งพายุ’ จะไม่โดดเด่นเท่า ‘เพลงเปียโนโซนาตาแห่งเวทนา’ และ ‘กุหลาบแสงจันทร์’ แต่มันก็ยังน่าประทับใจและมันก็มีท่วงทำนองและวิญญาณเดียวกันกับ ‘เพลงซิมโฟนีแห่งชะตาชีวิต’ ความเพียร และศรัทธา มันเป็นของขวัญวันเกิดที่ยอดเยี่ยม” นาตาชาพึมพำด้วยเสียงเบาๆ จากนั้นหล่อนก็เงยหน้าขึ้น และเริ่มอ่านจดหมายที่เหลืออีกครั้ง ทั้งหมดเกี่ยวกับประสบการณ์ที่น่าสนใจของลูเซียนในอัลลิน รวมถึงวิธีที่เขาทรมานนักเวทฝึกหัดด้วยแบบฝึกหัดมากมาย เรื่องที่เขาถูกฟ้องร้อง เรื่องตลกต่างๆ เรื่องราวที่เขาได้รับเชิญให้เข้าร่วมประชุมโดยไม่ได้ตั้งใจเพราะชื่อของเขา และอื่นๆ นาตาชารู้สึกสบายใจกับจดหมายของลูเซียน หล่อนรู้สึกว่าลูเซียนเพื่อนเก่าของหล่อนกำลังเล่าเรื่องทั้งหมดต่อหน้าหล่อนอย่างผ่อนคลาย “ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าเรื่องราวเหล่านั้นน่าสนใจยิ่งกว่าเพลงน่ะ?” นาตาชาลูบคางของหล่อนเล็กน้อยแล้วถามตัวเองอย่างสับสน “นั่นเป็นเพราะข้าไม่ได้คุยกับคนอื่นนานเกินไปหรือเปล่า” … ในเดือนแห่งดอกไม้วันที่ห้าของปี อากาศร้อนขึ้นแต่อย่างไรก็ตามท้องฟ้าในเมืองอัลลินยังคงค่อนข้างเย็น ห้องปฏิบัติการเวทมนตร์ในสวนของลูเซียน แสงสีขาวสัญลักษณ์ทรงหยดน้ำตาบนมือซ้ายของลูเซียนเปล่งแสงอันอ่อนโยนออกมา แล้วค่อยๆ ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ลูเซียนเพิ่มผงของหินสุริยันต์ และวัสดุเวทมนตร์อื่นๆ อีกมากมายในสัญลักษณ์นี้ และเริ่มร่ายคาถา หลังจากกระบวนการที่ยาวนานและซับซ้อนสัญลักษณ์น้ำตานั้นดูโปร่งใสน้อยลง แต่แข็งขึ้น แสงยังคงดูบริสุทธิ์และอ่อนโยน ในเวลานี้จุดแสงในลูกบอลคริสตัลในมือขวาของลูเซียนก็บินออกมาจากทีละจุด เข้าล้อมรอบสัญลักษณ์หยดน้ำตาและก่อตัวเป็นแผนที่ดวงดาว จากนั้นแผนที่ก็ถูกดูดกลืนด้วยมือซ้ายของลูก เมื่อแสงดาวหายไป ก็ไม่มีอะไรเหลืออยู่ที่มือซ้ายของลูเซียน อย่างไรก็ตามลูเซียนสามารถควบคุมพลังได้ตลอดเวลาที่เขาต้องการใช้มัน ด้วยการจุดไฟสัญลักษณ์หยาดน้ำตาขึ้นมา จากข้อมูลของ ‘หนังสือพร’ ของลูเซียน ด้วยวัสดุทั้งหมดที่ลูเซียนรวบรวมมา และเครื่องหมายที่เหลืออยู่ของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ตอนนี้ลูเซียนได้สร้างพรถาวรพรแรกของเขา นั่นคือ ‘จิตสำนึกบริสุทธิ์’ สามารถช่วยปกป้องตัวเองในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความตายและซากเน่า และพัฒนาเวทมนตร์การป้องกันของเขาจากเวทมนตร์โจมตีวิญญาณ เพื่อสร้างพรลูเซียนใช้คะแนนอาร์คานาสองร้อยคะแนนที่เขาได้รับจากปราสาทเบอร์ทเรินด์ ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเขาพึ่งพาเงินอุดหนุนจากสภาและเจตนารมณ์อย่างเต็มที่ เพื่อดำเนินการศึกษาเกี่ยวกับพลังชีวิตและเวทมนตร์ ปัจจุบันทั้งหมด ลูเซียนมีคะแนนอาร์คานาหนึ่งร้อยสองคะแนน และเขาได้สร้างเวทมนตร์ระดับสามอีกห้าบท ประกอบไปด้วย ‘กรงมิติ’ ‘พลังอารักขา’ ‘คำสาปผิวเน่าเปื่อย’ ‘พันธะกระแสจิตทุติยภูมิ’ และ ‘สายฟ้า’ จนถึงตอนนี้เวทมนตร์ระดับสอง ทั้งยี่สิบบทของเขาก็สร้างขึ้นมาใหม่เพื่อทำงานให้ดีขึ้น หลังจากเสร็จงานของเขา เมื่อลูเซียนกำลังจะออกจากห้องปฏิบัติการเวทมนตร์ เขาก็เห็นพ่อบ้านชาร์ลส์ซึ่งเป็นสุภาพบุรุษชราที่สง่างามกำลังเข้ามา “ท่านอีวานส์ ท่านแกสตัน จาก ‘องค์กรเจตจํานงแห่งธาตุ’ ต้องการพบท่านที่ห้องทำงานของท่าน” ชาร์ลส์กล่าว … องค์กรเจตจํานงแห่งธาตุ อัลลิน “อีวานส์ ข้าได้ยินมาว่าเจ้าได้อ่าน ‘นิทานแห่งความโศก’ เมื่อเร็วๆ นี้ เจ้าพบอะไรในนั้นหรือไม่” แกสตันให้ลูเซียนนั่งลงและถามเขาแบบสบายๆ “มันไม่จริง” ลูเซียนส่ายศีรษะเบาๆ “ข้ารู้สึกว่าเรื่องราวเหล่านั้นมืดมนและหมดหวัง เพราะความซึมเศร้า จุดประสงค์เดียวของหนังสือเล่มนี้คือ การทำให้ผู้อ่านรู้สึกเจ็บปวดและหมดกำลังใจและไม่พอใจ ท่านแกสตัน สภามีความคืบหน้าใดๆ ในการตรวจสอบปีศาจหรือไม่? ข้าหมายถึง… หากเป็นความลับท่านไม่ต้องบอกข้าก็ได้” “จนถึงตอนนี้นักเวทระดับสูงคนเดียวที่เกี่ยวข้องกับด้านนี้ก็ไม่สามารถเรียกปีศาจที่พวกคุณพบในปราสาทได้ และนั่นทำให้พิธีอัญเชิญแบบพิเศษนั้นน่าสงสัยอย่างยิ่งในสายตาของพวกเขา และพวกเขาสงสัยว่า ‘บิลล์’ ซ่อนส่วนอื่นๆ ของสิ่งที่เขาพบหรือไม่…” แกสตันบอกลูเซียนโดยตรงว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากหยุดสักครู่ แกสตันก็จ้องมองลูเซียนด้วยดวงตาสีเหลืองเข้มของเขาและพูดว่า “เหตุผลที่ข้าขอให้เจ้ามาที่นี่ก็คือ ‘องค์กรเจตจํานงแห่งธาตุ’ มีงานให้ท่านทำ สุภาพบุรุษคนหนึ่งขอให้ ‘องค์กรเจตจํานงแห่งธาตุ’ ส่งจดหมายของเขาถึง ท่านสตานิส ราชาแห่งฝันร้าย เนื่องจากเจ้ามาจากไวโอเล็ต ลูเซียนเราต้องการให้เจ้าทำภารกิจรางวัลคือคะแนนอาร์คานาหนึ่งพันคะแนน เจ้าไม่ต้องกังวล ราชาแห่งฝันร้ายจะส่งคนของเขาไปนำทางเจ้าผ่านเทือกเขาแห่งความมืด ดังนั้นเจ้าจะไม่ได้อยู่คนเดียวในภูเขา” คำพูดของแกสตันนำความทรงจำของลูเซียนเกี่ยวกับขุนนางแห่งไวโอเล็ตกลับคืนมาทันที ถึงแม้ว่าลูเซียนจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่เขาก็มีความทรงจำที่ดีมากมายเช่นกัน ในใจของลูเซียน ‘อันโต้’ เป็นเหมือนบ้านเกิดของเขา เมื่อเห็นลูเซียนไม่ได้พูดอะไร แกสตันก็พูดต่อทันที “แน่นอนข้าไม่ได้บอกว่ามันจะเป็นการเดินทางที่ปลอดภัย และสมบูรณ์แบบ หากเจ้าไม่ต้องการยอมรับงาน เจ้าก็สามารถเลือกอย่างอื่นได้ แต่ถ้าเจ้ายินดีที่จะรับมัน เจ้าสามารถรับคะแนนหนึ่งพันอาร์คานาล่วงหน้ารวมทั้งเพลิดเพลินไปกับเงินช่วยอุดหนุนเป็นเวลาหนึ่งปีเพื่อให้เจ้าสามารถไปซื้อวัสดุ และยาที่เจ้าต้องใช้” ใบหน้าของเพื่อนทุกคนปรากฏขึ้นในใจของลูเซียนทำให้ความรู้สึกของเขาผสมปนเปกัน จากนั้นลูเซียนก็ยิ้มและพยักหน้า “ข้าจะทำภารกิจนี้ ท่านแกสตัน” “โปรดระวังตัวด้วย อีวานส์ เจ้าควรใช้เส้นทางสายเหนือดีกว่า เพราะตอนนี้ศาสนจักรเพิ่มการลาดตระเวนเหนือช่องแคบมรสุม” แกสตันตบไหล่ของลูเซียน “ข้าต้องให้แว่นตาข้างเดียวอยู่กับเจ้า แต่พอมีการรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้าของช่องแคบมาสุม เมื่อเจ้าไปถึงอีกด้านหนึ่งมันจะยากที่เจ้าจะติดต่อกลับมา” ………………..

“ท่านอีวานส์?” ซานดร้ามองลูเซียนที่กำลังสับสนเล็กน้อย หล่อนไม่เข้าใจว่าทำไมสิ่งที่หล่อนพูดนั้นสร้างความประหลาดใจมากแค่ไหน

“เอ่อ… มือของข้าสั่นจากความเสียหายที่สะท้อนจากวงแหวน…” ลูเซียนรีบหาข้ออ้างอย่างรวดเร็ว และยิบหนังสือขึ้นมา

สิ่งที่ลูเซียนพูดนั้นไม่เป็นความจริง และความจริงก็คือเขาตกใจกับคำพูดของซานดร้าเพราะไวเค็นไม่ใช่นักเวทเพียงคนเดียวที่หายตัวไปก่อนสงครามแห่งรุ่งอรุณ มาสเกลีนก็เช่นกัน

              แม้ว่าซานดร้า และชาร์ลีจะรู้เรื่องราวบางส่วนแต่พวกเขาก็ไม่ทราบรายละเอียดเหล่านั้น ศาสดาพยากรณ์มาสเกลีนก็หายตัวไปในโลกแห่งวิญญาณพร้อมกับเพื่อนๆ หลายคนที่กล่าวถึงในบันทึกของเขา และในเวลานั้นพวกเขาต่างก็ทำการทดลองเวทมนตร์ที่สำคัญบางอย่าง และทุกสิ่งก็แปลกประหลาดยิ่งขึ้นไปอีกด้วยความจริงที่ว่ามาสเกลีนสามารถสร้างอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ด้วยเวทมนตร์ และสัญลักษณ์ของเขาคือ ‘มหากางเขน’ ที่ดูเหมือน ‘ไม้กางเขนแห่งความจริงของศาสนจักร’

สิ่งนี้ทำให้ลูเซียนคิดว่าไวเค็นเป็นหนึ่งในเพื่อนของมาสเกลีนหรือไม่ และเขาเป็นส่วนหนึ่งของการทดลองหรือไม่ การทดลองมีส่วนเกี่ยวข้องกับพิธีอัญเชิญแบบพิเศษหรือไม่? ลูเซียนสงสัยว่าความลับสูงสุดของโลกอยู่ลึกเข้าไปในโลกแห่งวิญญาณหรือไม่? สถานที่นั้นจะต้องอันตรายอย่างมาก!

“สักวันหนึ่งเมื่อข้าเป็นมหาจอมเวท หรือผู้วิเศษขั้นตำนาน ข้าจะไปสำรวจโลกแห่งวิญญาณอย่างแน่นอน” ลูเซียนตัดสินใจที่จะเก็บข้อมูลนี้ไว้กับตัวเอง และเมื่อเขาพร้อม เขาก็จะเชิญผู้วิเศษขั้นตำนานหรือมหาจอมเวทที่เขาไว้ใจไปด้วยกัน

ชาร์ลี และซานดร้าไม่สงสัยในคำพูดของลูเซียน คำพูดของเขามีเหตุผลสมบูรณ์พร้อม

“ไม่ว่าเราจะสงสัยแค่ไหน แต่สิ่งสุดท้ายที่เราควรทำคือทดลองทำพิธีกรรม” ซานดร้าเตือนพวกเขา ในฐานะนักเวทที่เชี่ยวชาญในการอัญเชิญหล่อนมีความกังวลอย่างมากกับพิธีอัญเชิญที่น่าขนลุกและผลลัพธ์ที่ไม่อาจคาดการณ์ได้

ลูเซียนยิ้ม “ข้าจะไม่แตะต้องมันก่อนที่ข้าจะกลายเป็นนักเวทระดับสูง ข้าไม่คิดว่าข้าจะสามารถจัดการกับปีศาจได้ในตอนนี้ และข้าเชื่อว่าอีกไม่นานสภาจะรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปีศาจได้”

“สภาต้องทำได้อย่างแน่นอน เราจะไม่ทำผิดพลาดเมื่อต้องเผชิญหน้ากับปีศาจ” ชาร์ลีเห็นด้วย

ซานดร้าพยักหน้า “สภาสามารถลดความกดดันลงได้ ดังนั้นเราจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก แต่ข้ายังต้องการอ่าน ‘นิทานแห่งความโศก’ เพื่อดูว่ามันหมดหวังอย่างที่สกอตต์อธิบายไว้หรือไม่”

“ข้าด้วย แต่ข้าก็ยังต้องยืมหนังสืออีกสองสามเล่มจากที่นี่ก่อน” ลูเซียนกล่าว จากนั้นเขาก็ขอให้อเล็กซ์หาหนังสืออาร์คานาขั้นพื้นฐานบางอย่างของ ‘สำนักสนามแรง’ และ ‘หมอผี’ และสำนักอื่นๆ

ชาร์ลีสวมหมวกแล้วพูดว่า “ข้ายังมีเรื่องบางอย่างให้ต้องจัดการ ดังนั้นข้าต้องไปแล้วข้าดีใจที่ได้พบ ท่านอีวานส์ ท่านซานดร้า และข้าหวังว่าเราจะได้ร่วมงานกันอีกในอนาคต”

“ข้ากำลังจะไปที่ห้องสมุดเมืองอัลลินเช่นกัน ท่านอีวานส์ ท่านไม่ใช่นักเวทในแบบที่จะสามารถอยู่รอดได้ในห้องปฏิบัติการเท่านั้น ท่านเป็นคนน่าเชื่อถือและเป็นผู้นำที่ดี” ซานดร้าจับมือกับลูเซียนก่อนที่หล่อนจะจากไป

ลูเซียนพูดกับพวกเขาในลักษณะที่อ่อนน้อมถ่อมตน “ท่านทั้งสองเป็นนักเวทที่มีประสบการณ์มากและข้าได้เรียนรู้อะไรมากมายจากท่านทั้งคู่ หากไม่มีท่านซานดร้าและท่านชาร์ลี ข้าคงต้องตายแน่ในปราสาทแล้ว เราควรจะติดต่อกันเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในบางครั้ง”

ที่ชั้นล่างสุดของอารามหลวงอัลโต้ เสียงหญิงสาวกำลังฮัมเพลงเก่า และเคร่งขรึมราวกับว่าท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆก่อนที่พายุจะมา เสียงนั้นค่อนข้างหยาบแต่ก็เซ็กซี่

เสียงสูงขึ้นช้าๆ และเสียงก็เบาลง แต่ก็เศร้า จากนั้นเมโลดี้ก็เร็วขึ้นและเร็วขึ้น เช่นเหมือนสายฝนที่ตกกระทบลงบนพื้นและลมปากที่พัดผ่าน

หลังจากนั้นครู่หนึ่งหญิงสาวก็ผ่อนคลายลงอย่างสงบ และทำนองที่อ่อนโยนราวกับว่าจิตใจที่โดดเดี่ยวแต่ก็บริสุทธิ์ได้รำลึกถึงความทรงจำทั้งหมดที่มีด้วยอารมณ์ดั่งพายุ ในความทรงจำเหล่านั้นลืมแม้กระทั่งฟ้าผ่า ลืมแม้กระทั่งฟ้าร้อง ลืมแม้กระทั่งเม็ดฝน และความซึมเศร้าและเสียใจ ลืมแม้กระทั่งคนทั้งโลก

พายุยังคงส่งผลกระทบต่อจิตใจของหล่อน แต่ในไม่ช้ามันก็อบอุ่นและสง่างามในตอนท้ายของเพลงแรก

นาตาชาฮัมเพลงที่โด่งดังของ ‘โซนาตาแห่งพายุ’ เสร็จจากนั้นหล่อนก็มองจดหมายในมือ มันเป็นสิ่งเดียวที่ลูเซียน ส่งเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม หล่อนพอใจกับโซนาต้ามาก มันเป็นของขวัญวันเกิดจากลูเซียน

“ แม้ว่า ‘โซนาตาแห่งพายุ’ จะไม่โดดเด่นเท่า ‘เพลงเปียโนโซนาตาแห่งเวทนา’ และ ‘กุหลาบแสงจันทร์’ แต่มันก็ยังน่าประทับใจและมันก็มีท่วงทำนองและวิญญาณเดียวกันกับ ‘เพลงซิมโฟนีแห่งชะตาชีวิต’ ความเพียร และศรัทธา มันเป็นของขวัญวันเกิดที่ยอดเยี่ยม” นาตาชาพึมพำด้วยเสียงเบาๆ จากนั้นหล่อนก็เงยหน้าขึ้น และเริ่มอ่านจดหมายที่เหลืออีกครั้ง ทั้งหมดเกี่ยวกับประสบการณ์ที่น่าสนใจของลูเซียนในอัลลิน รวมถึงวิธีที่เขาทรมานนักเวทฝึกหัดด้วยแบบฝึกหัดมากมาย เรื่องที่เขาถูกฟ้องร้อง เรื่องตลกต่างๆ เรื่องราวที่เขาได้รับเชิญให้เข้าร่วมประชุมโดยไม่ได้ตั้งใจเพราะชื่อของเขา และอื่นๆ

นาตาชารู้สึกสบายใจกับจดหมายของลูเซียน หล่อนรู้สึกว่าลูเซียนเพื่อนเก่าของหล่อนกำลังเล่าเรื่องทั้งหมดต่อหน้าหล่อนอย่างผ่อนคลาย

“ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าเรื่องราวเหล่านั้นน่าสนใจยิ่งกว่าเพลงน่ะ?” นาตาชาลูบคางของหล่อนเล็กน้อยแล้วถามตัวเองอย่างสับสน “นั่นเป็นเพราะข้าไม่ได้คุยกับคนอื่นนานเกินไปหรือเปล่า”

ในเดือนแห่งดอกไม้วันที่ห้าของปี อากาศร้อนขึ้นแต่อย่างไรก็ตามท้องฟ้าในเมืองอัลลินยังคงค่อนข้างเย็น

ห้องปฏิบัติการเวทมนตร์ในสวนของลูเซียน

แสงสีขาวสัญลักษณ์ทรงหยดน้ำตาบนมือซ้ายของลูเซียนเปล่งแสงอันอ่อนโยนออกมา แล้วค่อยๆ ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ลูเซียนเพิ่มผงของหินสุริยันต์ และวัสดุเวทมนตร์อื่นๆ อีกมากมายในสัญลักษณ์นี้ และเริ่มร่ายคาถา

หลังจากกระบวนการที่ยาวนานและซับซ้อนสัญลักษณ์น้ำตานั้นดูโปร่งใสน้อยลง แต่แข็งขึ้น แสงยังคงดูบริสุทธิ์และอ่อนโยน

ในเวลานี้จุดแสงในลูกบอลคริสตัลในมือขวาของลูเซียนก็บินออกมาจากทีละจุด เข้าล้อมรอบสัญลักษณ์หยดน้ำตาและก่อตัวเป็นแผนที่ดวงดาว จากนั้นแผนที่ก็ถูกดูดกลืนด้วยมือซ้ายของลูก

เมื่อแสงดาวหายไป ก็ไม่มีอะไรเหลืออยู่ที่มือซ้ายของลูเซียน อย่างไรก็ตามลูเซียนสามารถควบคุมพลังได้ตลอดเวลาที่เขาต้องการใช้มัน ด้วยการจุดไฟสัญลักษณ์หยาดน้ำตาขึ้นมา

จากข้อมูลของ ‘หนังสือพร’ ของลูเซียน ด้วยวัสดุทั้งหมดที่ลูเซียนรวบรวมมา และเครื่องหมายที่เหลืออยู่ของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ตอนนี้ลูเซียนได้สร้างพรถาวรพรแรกของเขา นั่นคือ ‘จิตสำนึกบริสุทธิ์’ สามารถช่วยปกป้องตัวเองในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความตายและซากเน่า และพัฒนาเวทมนตร์การป้องกันของเขาจากเวทมนตร์โจมตีวิญญาณ

เพื่อสร้างพรลูเซียนใช้คะแนนอาร์คานาสองร้อยคะแนนที่เขาได้รับจากปราสาทเบอร์ทเรินด์ ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเขาพึ่งพาเงินอุดหนุนจากสภาและเจตนารมณ์อย่างเต็มที่ เพื่อดำเนินการศึกษาเกี่ยวกับพลังชีวิตและเวทมนตร์

ปัจจุบันทั้งหมด ลูเซียนมีคะแนนอาร์คานาหนึ่งร้อยสองคะแนน และเขาได้สร้างเวทมนตร์ระดับสามอีกห้าบท ประกอบไปด้วย ‘กรงมิติ’ ‘พลังอารักขา’ ‘คำสาปผิวเน่าเปื่อย’ ‘พันธะกระแสจิตทุติยภูมิ’ และ ‘สายฟ้า’ จนถึงตอนนี้เวทมนตร์ระดับสอง ทั้งยี่สิบบทของเขาก็สร้างขึ้นมาใหม่เพื่อทำงานให้ดีขึ้น

หลังจากเสร็จงานของเขา เมื่อลูเซียนกำลังจะออกจากห้องปฏิบัติการเวทมนตร์ เขาก็เห็นพ่อบ้านชาร์ลส์ซึ่งเป็นสุภาพบุรุษชราที่สง่างามกำลังเข้ามา

“ท่านอีวานส์ ท่านแกสตัน จาก ‘องค์กรเจตจํานงแห่งธาตุ’ ต้องการพบท่านที่ห้องทำงานของท่าน” ชาร์ลส์กล่าว

องค์กรเจตจํานงแห่งธาตุ อัลลิน

“อีวานส์ ข้าได้ยินมาว่าเจ้าได้อ่าน ‘นิทานแห่งความโศก’ เมื่อเร็วๆ นี้ เจ้าพบอะไรในนั้นหรือไม่” แกสตันให้ลูเซียนนั่งลงและถามเขาแบบสบายๆ

“มันไม่จริง” ลูเซียนส่ายศีรษะเบาๆ “ข้ารู้สึกว่าเรื่องราวเหล่านั้นมืดมนและหมดหวัง เพราะความซึมเศร้า จุดประสงค์เดียวของหนังสือเล่มนี้คือ การทำให้ผู้อ่านรู้สึกเจ็บปวดและหมดกำลังใจและไม่พอใจ ท่านแกสตัน สภามีความคืบหน้าใดๆ ในการตรวจสอบปีศาจหรือไม่? ข้าหมายถึง… หากเป็นความลับท่านไม่ต้องบอกข้าก็ได้”

“จนถึงตอนนี้นักเวทระดับสูงคนเดียวที่เกี่ยวข้องกับด้านนี้ก็ไม่สามารถเรียกปีศาจที่พวกคุณพบในปราสาทได้ และนั่นทำให้พิธีอัญเชิญแบบพิเศษนั้นน่าสงสัยอย่างยิ่งในสายตาของพวกเขา และพวกเขาสงสัยว่า ‘บิลล์’ ซ่อนส่วนอื่นๆ ของสิ่งที่เขาพบหรือไม่…” แกสตันบอกลูเซียนโดยตรงว่าเกิดอะไรขึ้น

หลังจากหยุดสักครู่ แกสตันก็จ้องมองลูเซียนด้วยดวงตาสีเหลืองเข้มของเขาและพูดว่า “เหตุผลที่ข้าขอให้เจ้ามาที่นี่ก็คือ ‘องค์กรเจตจํานงแห่งธาตุ’ มีงานให้ท่านทำ สุภาพบุรุษคนหนึ่งขอให้ ‘องค์กรเจตจํานงแห่งธาตุ’ ส่งจดหมายของเขาถึง ท่านสตานิส ราชาแห่งฝันร้าย เนื่องจากเจ้ามาจากไวโอเล็ต ลูเซียนเราต้องการให้เจ้าทำภารกิจรางวัลคือคะแนนอาร์คานาหนึ่งพันคะแนน เจ้าไม่ต้องกังวล ราชาแห่งฝันร้ายจะส่งคนของเขาไปนำทางเจ้าผ่านเทือกเขาแห่งความมืด ดังนั้นเจ้าจะไม่ได้อยู่คนเดียวในภูเขา”

คำพูดของแกสตันนำความทรงจำของลูเซียนเกี่ยวกับขุนนางแห่งไวโอเล็ตกลับคืนมาทันที ถึงแม้ว่าลูเซียนจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่เขาก็มีความทรงจำที่ดีมากมายเช่นกัน ในใจของลูเซียน ‘อันโต้’ เป็นเหมือนบ้านเกิดของเขา

เมื่อเห็นลูเซียนไม่ได้พูดอะไร แกสตันก็พูดต่อทันที “แน่นอนข้าไม่ได้บอกว่ามันจะเป็นการเดินทางที่ปลอดภัย และสมบูรณ์แบบ หากเจ้าไม่ต้องการยอมรับงาน เจ้าก็สามารถเลือกอย่างอื่นได้ แต่ถ้าเจ้ายินดีที่จะรับมัน เจ้าสามารถรับคะแนนหนึ่งพันอาร์คานาล่วงหน้ารวมทั้งเพลิดเพลินไปกับเงินช่วยอุดหนุนเป็นเวลาหนึ่งปีเพื่อให้เจ้าสามารถไปซื้อวัสดุ และยาที่เจ้าต้องใช้”

ใบหน้าของเพื่อนทุกคนปรากฏขึ้นในใจของลูเซียนทำให้ความรู้สึกของเขาผสมปนเปกัน จากนั้นลูเซียนก็ยิ้มและพยักหน้า “ข้าจะทำภารกิจนี้ ท่านแกสตัน”

“โปรดระวังตัวด้วย อีวานส์ เจ้าควรใช้เส้นทางสายเหนือดีกว่า เพราะตอนนี้ศาสนจักรเพิ่มการลาดตระเวนเหนือช่องแคบมรสุม” แกสตันตบไหล่ของลูเซียน “ข้าต้องให้แว่นตาข้างเดียวอยู่กับเจ้า แต่พอมีการรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้าของช่องแคบมาสุม เมื่อเจ้าไปถึงอีกด้านหนึ่งมันจะยากที่เจ้าจะติดต่อกลับมา”

………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา 255 การเดินทางครั้งใหม่อีกครั้ง

Now you are reading Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา Chapter 255 การเดินทางครั้งใหม่อีกครั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ท่านอีวานส์?” ซานดร้ามองลูเซียนที่กำลังสับสนเล็กน้อย หล่อนไม่เข้าใจว่าทำไมสิ่งที่หล่อนพูดนั้นสร้างความประหลาดใจมากแค่ไหน “เอ่อ… มือของข้าสั่นจากความเสียหายที่สะท้อนจากวงแหวน…” ลูเซียนรีบหาข้ออ้างอย่างรวดเร็ว และยิบหนังสือขึ้นมา สิ่งที่ลูเซียนพูดนั้นไม่เป็นความจริง และความจริงก็คือเขาตกใจกับคำพูดของซานดร้าเพราะไวเค็นไม่ใช่นักเวทเพียงคนเดียวที่หายตัวไปก่อนสงครามแห่งรุ่งอรุณ มาสเกลีนก็เช่นกัน               แม้ว่าซานดร้า และชาร์ลีจะรู้เรื่องราวบางส่วนแต่พวกเขาก็ไม่ทราบรายละเอียดเหล่านั้น ศาสดาพยากรณ์มาสเกลีนก็หายตัวไปในโลกแห่งวิญญาณพร้อมกับเพื่อนๆ หลายคนที่กล่าวถึงในบันทึกของเขา และในเวลานั้นพวกเขาต่างก็ทำการทดลองเวทมนตร์ที่สำคัญบางอย่าง และทุกสิ่งก็แปลกประหลาดยิ่งขึ้นไปอีกด้วยความจริงที่ว่ามาสเกลีนสามารถสร้างอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ด้วยเวทมนตร์ และสัญลักษณ์ของเขาคือ ‘มหากางเขน’ ที่ดูเหมือน ‘ไม้กางเขนแห่งความจริงของศาสนจักร’ สิ่งนี้ทำให้ลูเซียนคิดว่าไวเค็นเป็นหนึ่งในเพื่อนของมาสเกลีนหรือไม่ และเขาเป็นส่วนหนึ่งของการทดลองหรือไม่ การทดลองมีส่วนเกี่ยวข้องกับพิธีอัญเชิญแบบพิเศษหรือไม่? ลูเซียนสงสัยว่าความลับสูงสุดของโลกอยู่ลึกเข้าไปในโลกแห่งวิญญาณหรือไม่? สถานที่นั้นจะต้องอันตรายอย่างมาก! “สักวันหนึ่งเมื่อข้าเป็นมหาจอมเวท หรือผู้วิเศษขั้นตำนาน ข้าจะไปสำรวจโลกแห่งวิญญาณอย่างแน่นอน” ลูเซียนตัดสินใจที่จะเก็บข้อมูลนี้ไว้กับตัวเอง และเมื่อเขาพร้อม เขาก็จะเชิญผู้วิเศษขั้นตำนานหรือมหาจอมเวทที่เขาไว้ใจไปด้วยกัน ชาร์ลี และซานดร้าไม่สงสัยในคำพูดของลูเซียน คำพูดของเขามีเหตุผลสมบูรณ์พร้อม “ไม่ว่าเราจะสงสัยแค่ไหน แต่สิ่งสุดท้ายที่เราควรทำคือทดลองทำพิธีกรรม” ซานดร้าเตือนพวกเขา ในฐานะนักเวทที่เชี่ยวชาญในการอัญเชิญหล่อนมีความกังวลอย่างมากกับพิธีอัญเชิญที่น่าขนลุกและผลลัพธ์ที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ ลูเซียนยิ้ม “ข้าจะไม่แตะต้องมันก่อนที่ข้าจะกลายเป็นนักเวทระดับสูง ข้าไม่คิดว่าข้าจะสามารถจัดการกับปีศาจได้ในตอนนี้ และข้าเชื่อว่าอีกไม่นานสภาจะรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปีศาจได้” “สภาต้องทำได้อย่างแน่นอน เราจะไม่ทำผิดพลาดเมื่อต้องเผชิญหน้ากับปีศาจ” ชาร์ลีเห็นด้วย ซานดร้าพยักหน้า “สภาสามารถลดความกดดันลงได้ ดังนั้นเราจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก แต่ข้ายังต้องการอ่าน ‘นิทานแห่งความโศก’ เพื่อดูว่ามันหมดหวังอย่างที่สกอตต์อธิบายไว้หรือไม่” “ข้าด้วย แต่ข้าก็ยังต้องยืมหนังสืออีกสองสามเล่มจากที่นี่ก่อน” ลูเซียนกล่าว จากนั้นเขาก็ขอให้อเล็กซ์หาหนังสืออาร์คานาขั้นพื้นฐานบางอย่างของ ‘สำนักสนามแรง’ และ ‘หมอผี’ และสำนักอื่นๆ ชาร์ลีสวมหมวกแล้วพูดว่า “ข้ายังมีเรื่องบางอย่างให้ต้องจัดการ ดังนั้นข้าต้องไปแล้วข้าดีใจที่ได้พบ ท่านอีวานส์ ท่านซานดร้า และข้าหวังว่าเราจะได้ร่วมงานกันอีกในอนาคต” “ข้ากำลังจะไปที่ห้องสมุดเมืองอัลลินเช่นกัน ท่านอีวานส์ ท่านไม่ใช่นักเวทในแบบที่จะสามารถอยู่รอดได้ในห้องปฏิบัติการเท่านั้น ท่านเป็นคนน่าเชื่อถือและเป็นผู้นำที่ดี” ซานดร้าจับมือกับลูเซียนก่อนที่หล่อนจะจากไป ลูเซียนพูดกับพวกเขาในลักษณะที่อ่อนน้อมถ่อมตน “ท่านทั้งสองเป็นนักเวทที่มีประสบการณ์มากและข้าได้เรียนรู้อะไรมากมายจากท่านทั้งคู่ หากไม่มีท่านซานดร้าและท่านชาร์ลี ข้าคงต้องตายแน่ในปราสาทแล้ว เราควรจะติดต่อกันเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในบางครั้ง” … ที่ชั้นล่างสุดของอารามหลวงอัลโต้ เสียงหญิงสาวกำลังฮัมเพลงเก่า และเคร่งขรึมราวกับว่าท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆก่อนที่พายุจะมา เสียงนั้นค่อนข้างหยาบแต่ก็เซ็กซี่ เสียงสูงขึ้นช้าๆ และเสียงก็เบาลง แต่ก็เศร้า จากนั้นเมโลดี้ก็เร็วขึ้นและเร็วขึ้น เช่นเหมือนสายฝนที่ตกกระทบลงบนพื้นและลมปากที่พัดผ่าน หลังจากนั้นครู่หนึ่งหญิงสาวก็ผ่อนคลายลงอย่างสงบ และทำนองที่อ่อนโยนราวกับว่าจิตใจที่โดดเดี่ยวแต่ก็บริสุทธิ์ได้รำลึกถึงความทรงจำทั้งหมดที่มีด้วยอารมณ์ดั่งพายุ ในความทรงจำเหล่านั้นลืมแม้กระทั่งฟ้าผ่า ลืมแม้กระทั่งฟ้าร้อง ลืมแม้กระทั่งเม็ดฝน และความซึมเศร้าและเสียใจ ลืมแม้กระทั่งคนทั้งโลก พายุยังคงส่งผลกระทบต่อจิตใจของหล่อน แต่ในไม่ช้ามันก็อบอุ่นและสง่างามในตอนท้ายของเพลงแรก นาตาชาฮัมเพลงที่โด่งดังของ ‘โซนาตาแห่งพายุ’ เสร็จจากนั้นหล่อนก็มองจดหมายในมือ มันเป็นสิ่งเดียวที่ลูเซียน ส่งเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม หล่อนพอใจกับโซนาต้ามาก มันเป็นของขวัญวันเกิดจากลูเซียน “ แม้ว่า ‘โซนาตาแห่งพายุ’ จะไม่โดดเด่นเท่า ‘เพลงเปียโนโซนาตาแห่งเวทนา’ และ ‘กุหลาบแสงจันทร์’ แต่มันก็ยังน่าประทับใจและมันก็มีท่วงทำนองและวิญญาณเดียวกันกับ ‘เพลงซิมโฟนีแห่งชะตาชีวิต’ ความเพียร และศรัทธา มันเป็นของขวัญวันเกิดที่ยอดเยี่ยม” นาตาชาพึมพำด้วยเสียงเบาๆ จากนั้นหล่อนก็เงยหน้าขึ้น และเริ่มอ่านจดหมายที่เหลืออีกครั้ง ทั้งหมดเกี่ยวกับประสบการณ์ที่น่าสนใจของลูเซียนในอัลลิน รวมถึงวิธีที่เขาทรมานนักเวทฝึกหัดด้วยแบบฝึกหัดมากมาย เรื่องที่เขาถูกฟ้องร้อง เรื่องตลกต่างๆ เรื่องราวที่เขาได้รับเชิญให้เข้าร่วมประชุมโดยไม่ได้ตั้งใจเพราะชื่อของเขา และอื่นๆ นาตาชารู้สึกสบายใจกับจดหมายของลูเซียน หล่อนรู้สึกว่าลูเซียนเพื่อนเก่าของหล่อนกำลังเล่าเรื่องทั้งหมดต่อหน้าหล่อนอย่างผ่อนคลาย “ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าเรื่องราวเหล่านั้นน่าสนใจยิ่งกว่าเพลงน่ะ?” นาตาชาลูบคางของหล่อนเล็กน้อยแล้วถามตัวเองอย่างสับสน “นั่นเป็นเพราะข้าไม่ได้คุยกับคนอื่นนานเกินไปหรือเปล่า” … ในเดือนแห่งดอกไม้วันที่ห้าของปี อากาศร้อนขึ้นแต่อย่างไรก็ตามท้องฟ้าในเมืองอัลลินยังคงค่อนข้างเย็น ห้องปฏิบัติการเวทมนตร์ในสวนของลูเซียน แสงสีขาวสัญลักษณ์ทรงหยดน้ำตาบนมือซ้ายของลูเซียนเปล่งแสงอันอ่อนโยนออกมา แล้วค่อยๆ ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ลูเซียนเพิ่มผงของหินสุริยันต์ และวัสดุเวทมนตร์อื่นๆ อีกมากมายในสัญลักษณ์นี้ และเริ่มร่ายคาถา หลังจากกระบวนการที่ยาวนานและซับซ้อนสัญลักษณ์น้ำตานั้นดูโปร่งใสน้อยลง แต่แข็งขึ้น แสงยังคงดูบริสุทธิ์และอ่อนโยน ในเวลานี้จุดแสงในลูกบอลคริสตัลในมือขวาของลูเซียนก็บินออกมาจากทีละจุด เข้าล้อมรอบสัญลักษณ์หยดน้ำตาและก่อตัวเป็นแผนที่ดวงดาว จากนั้นแผนที่ก็ถูกดูดกลืนด้วยมือซ้ายของลูก เมื่อแสงดาวหายไป ก็ไม่มีอะไรเหลืออยู่ที่มือซ้ายของลูเซียน อย่างไรก็ตามลูเซียนสามารถควบคุมพลังได้ตลอดเวลาที่เขาต้องการใช้มัน ด้วยการจุดไฟสัญลักษณ์หยาดน้ำตาขึ้นมา จากข้อมูลของ ‘หนังสือพร’ ของลูเซียน ด้วยวัสดุทั้งหมดที่ลูเซียนรวบรวมมา และเครื่องหมายที่เหลืออยู่ของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ตอนนี้ลูเซียนได้สร้างพรถาวรพรแรกของเขา นั่นคือ ‘จิตสำนึกบริสุทธิ์’ สามารถช่วยปกป้องตัวเองในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความตายและซากเน่า และพัฒนาเวทมนตร์การป้องกันของเขาจากเวทมนตร์โจมตีวิญญาณ เพื่อสร้างพรลูเซียนใช้คะแนนอาร์คานาสองร้อยคะแนนที่เขาได้รับจากปราสาทเบอร์ทเรินด์ ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเขาพึ่งพาเงินอุดหนุนจากสภาและเจตนารมณ์อย่างเต็มที่ เพื่อดำเนินการศึกษาเกี่ยวกับพลังชีวิตและเวทมนตร์ ปัจจุบันทั้งหมด ลูเซียนมีคะแนนอาร์คานาหนึ่งร้อยสองคะแนน และเขาได้สร้างเวทมนตร์ระดับสามอีกห้าบท ประกอบไปด้วย ‘กรงมิติ’ ‘พลังอารักขา’ ‘คำสาปผิวเน่าเปื่อย’ ‘พันธะกระแสจิตทุติยภูมิ’ และ ‘สายฟ้า’ จนถึงตอนนี้เวทมนตร์ระดับสอง ทั้งยี่สิบบทของเขาก็สร้างขึ้นมาใหม่เพื่อทำงานให้ดีขึ้น หลังจากเสร็จงานของเขา เมื่อลูเซียนกำลังจะออกจากห้องปฏิบัติการเวทมนตร์ เขาก็เห็นพ่อบ้านชาร์ลส์ซึ่งเป็นสุภาพบุรุษชราที่สง่างามกำลังเข้ามา “ท่านอีวานส์ ท่านแกสตัน จาก ‘องค์กรเจตจํานงแห่งธาตุ’ ต้องการพบท่านที่ห้องทำงานของท่าน” ชาร์ลส์กล่าว … องค์กรเจตจํานงแห่งธาตุ อัลลิน “อีวานส์ ข้าได้ยินมาว่าเจ้าได้อ่าน ‘นิทานแห่งความโศก’ เมื่อเร็วๆ นี้ เจ้าพบอะไรในนั้นหรือไม่” แกสตันให้ลูเซียนนั่งลงและถามเขาแบบสบายๆ “มันไม่จริง” ลูเซียนส่ายศีรษะเบาๆ “ข้ารู้สึกว่าเรื่องราวเหล่านั้นมืดมนและหมดหวัง เพราะความซึมเศร้า จุดประสงค์เดียวของหนังสือเล่มนี้คือ การทำให้ผู้อ่านรู้สึกเจ็บปวดและหมดกำลังใจและไม่พอใจ ท่านแกสตัน สภามีความคืบหน้าใดๆ ในการตรวจสอบปีศาจหรือไม่? ข้าหมายถึง… หากเป็นความลับท่านไม่ต้องบอกข้าก็ได้” “จนถึงตอนนี้นักเวทระดับสูงคนเดียวที่เกี่ยวข้องกับด้านนี้ก็ไม่สามารถเรียกปีศาจที่พวกคุณพบในปราสาทได้ และนั่นทำให้พิธีอัญเชิญแบบพิเศษนั้นน่าสงสัยอย่างยิ่งในสายตาของพวกเขา และพวกเขาสงสัยว่า ‘บิลล์’ ซ่อนส่วนอื่นๆ ของสิ่งที่เขาพบหรือไม่…” แกสตันบอกลูเซียนโดยตรงว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากหยุดสักครู่ แกสตันก็จ้องมองลูเซียนด้วยดวงตาสีเหลืองเข้มของเขาและพูดว่า “เหตุผลที่ข้าขอให้เจ้ามาที่นี่ก็คือ ‘องค์กรเจตจํานงแห่งธาตุ’ มีงานให้ท่านทำ สุภาพบุรุษคนหนึ่งขอให้ ‘องค์กรเจตจํานงแห่งธาตุ’ ส่งจดหมายของเขาถึง ท่านสตานิส ราชาแห่งฝันร้าย เนื่องจากเจ้ามาจากไวโอเล็ต ลูเซียนเราต้องการให้เจ้าทำภารกิจรางวัลคือคะแนนอาร์คานาหนึ่งพันคะแนน เจ้าไม่ต้องกังวล ราชาแห่งฝันร้ายจะส่งคนของเขาไปนำทางเจ้าผ่านเทือกเขาแห่งความมืด ดังนั้นเจ้าจะไม่ได้อยู่คนเดียวในภูเขา” คำพูดของแกสตันนำความทรงจำของลูเซียนเกี่ยวกับขุนนางแห่งไวโอเล็ตกลับคืนมาทันที ถึงแม้ว่าลูเซียนจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่เขาก็มีความทรงจำที่ดีมากมายเช่นกัน ในใจของลูเซียน ‘อันโต้’ เป็นเหมือนบ้านเกิดของเขา เมื่อเห็นลูเซียนไม่ได้พูดอะไร แกสตันก็พูดต่อทันที “แน่นอนข้าไม่ได้บอกว่ามันจะเป็นการเดินทางที่ปลอดภัย และสมบูรณ์แบบ หากเจ้าไม่ต้องการยอมรับงาน เจ้าก็สามารถเลือกอย่างอื่นได้ แต่ถ้าเจ้ายินดีที่จะรับมัน เจ้าสามารถรับคะแนนหนึ่งพันอาร์คานาล่วงหน้ารวมทั้งเพลิดเพลินไปกับเงินช่วยอุดหนุนเป็นเวลาหนึ่งปีเพื่อให้เจ้าสามารถไปซื้อวัสดุ และยาที่เจ้าต้องใช้” ใบหน้าของเพื่อนทุกคนปรากฏขึ้นในใจของลูเซียนทำให้ความรู้สึกของเขาผสมปนเปกัน จากนั้นลูเซียนก็ยิ้มและพยักหน้า “ข้าจะทำภารกิจนี้ ท่านแกสตัน” “โปรดระวังตัวด้วย อีวานส์ เจ้าควรใช้เส้นทางสายเหนือดีกว่า เพราะตอนนี้ศาสนจักรเพิ่มการลาดตระเวนเหนือช่องแคบมรสุม” แกสตันตบไหล่ของลูเซียน “ข้าต้องให้แว่นตาข้างเดียวอยู่กับเจ้า แต่พอมีการรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้าของช่องแคบมาสุม เมื่อเจ้าไปถึงอีกด้านหนึ่งมันจะยากที่เจ้าจะติดต่อกลับมา” ………………..

“ท่านอีวานส์?” ซานดร้ามองลูเซียนที่กำลังสับสนเล็กน้อย หล่อนไม่เข้าใจว่าทำไมสิ่งที่หล่อนพูดนั้นสร้างความประหลาดใจมากแค่ไหน

“เอ่อ… มือของข้าสั่นจากความเสียหายที่สะท้อนจากวงแหวน…” ลูเซียนรีบหาข้ออ้างอย่างรวดเร็ว และยิบหนังสือขึ้นมา

สิ่งที่ลูเซียนพูดนั้นไม่เป็นความจริง และความจริงก็คือเขาตกใจกับคำพูดของซานดร้าเพราะไวเค็นไม่ใช่นักเวทเพียงคนเดียวที่หายตัวไปก่อนสงครามแห่งรุ่งอรุณ มาสเกลีนก็เช่นกัน

              แม้ว่าซานดร้า และชาร์ลีจะรู้เรื่องราวบางส่วนแต่พวกเขาก็ไม่ทราบรายละเอียดเหล่านั้น ศาสดาพยากรณ์มาสเกลีนก็หายตัวไปในโลกแห่งวิญญาณพร้อมกับเพื่อนๆ หลายคนที่กล่าวถึงในบันทึกของเขา และในเวลานั้นพวกเขาต่างก็ทำการทดลองเวทมนตร์ที่สำคัญบางอย่าง และทุกสิ่งก็แปลกประหลาดยิ่งขึ้นไปอีกด้วยความจริงที่ว่ามาสเกลีนสามารถสร้างอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ด้วยเวทมนตร์ และสัญลักษณ์ของเขาคือ ‘มหากางเขน’ ที่ดูเหมือน ‘ไม้กางเขนแห่งความจริงของศาสนจักร’

สิ่งนี้ทำให้ลูเซียนคิดว่าไวเค็นเป็นหนึ่งในเพื่อนของมาสเกลีนหรือไม่ และเขาเป็นส่วนหนึ่งของการทดลองหรือไม่ การทดลองมีส่วนเกี่ยวข้องกับพิธีอัญเชิญแบบพิเศษหรือไม่? ลูเซียนสงสัยว่าความลับสูงสุดของโลกอยู่ลึกเข้าไปในโลกแห่งวิญญาณหรือไม่? สถานที่นั้นจะต้องอันตรายอย่างมาก!

“สักวันหนึ่งเมื่อข้าเป็นมหาจอมเวท หรือผู้วิเศษขั้นตำนาน ข้าจะไปสำรวจโลกแห่งวิญญาณอย่างแน่นอน” ลูเซียนตัดสินใจที่จะเก็บข้อมูลนี้ไว้กับตัวเอง และเมื่อเขาพร้อม เขาก็จะเชิญผู้วิเศษขั้นตำนานหรือมหาจอมเวทที่เขาไว้ใจไปด้วยกัน

ชาร์ลี และซานดร้าไม่สงสัยในคำพูดของลูเซียน คำพูดของเขามีเหตุผลสมบูรณ์พร้อม

“ไม่ว่าเราจะสงสัยแค่ไหน แต่สิ่งสุดท้ายที่เราควรทำคือทดลองทำพิธีกรรม” ซานดร้าเตือนพวกเขา ในฐานะนักเวทที่เชี่ยวชาญในการอัญเชิญหล่อนมีความกังวลอย่างมากกับพิธีอัญเชิญที่น่าขนลุกและผลลัพธ์ที่ไม่อาจคาดการณ์ได้

ลูเซียนยิ้ม “ข้าจะไม่แตะต้องมันก่อนที่ข้าจะกลายเป็นนักเวทระดับสูง ข้าไม่คิดว่าข้าจะสามารถจัดการกับปีศาจได้ในตอนนี้ และข้าเชื่อว่าอีกไม่นานสภาจะรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปีศาจได้”

“สภาต้องทำได้อย่างแน่นอน เราจะไม่ทำผิดพลาดเมื่อต้องเผชิญหน้ากับปีศาจ” ชาร์ลีเห็นด้วย

ซานดร้าพยักหน้า “สภาสามารถลดความกดดันลงได้ ดังนั้นเราจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก แต่ข้ายังต้องการอ่าน ‘นิทานแห่งความโศก’ เพื่อดูว่ามันหมดหวังอย่างที่สกอตต์อธิบายไว้หรือไม่”

“ข้าด้วย แต่ข้าก็ยังต้องยืมหนังสืออีกสองสามเล่มจากที่นี่ก่อน” ลูเซียนกล่าว จากนั้นเขาก็ขอให้อเล็กซ์หาหนังสืออาร์คานาขั้นพื้นฐานบางอย่างของ ‘สำนักสนามแรง’ และ ‘หมอผี’ และสำนักอื่นๆ

ชาร์ลีสวมหมวกแล้วพูดว่า “ข้ายังมีเรื่องบางอย่างให้ต้องจัดการ ดังนั้นข้าต้องไปแล้วข้าดีใจที่ได้พบ ท่านอีวานส์ ท่านซานดร้า และข้าหวังว่าเราจะได้ร่วมงานกันอีกในอนาคต”

“ข้ากำลังจะไปที่ห้องสมุดเมืองอัลลินเช่นกัน ท่านอีวานส์ ท่านไม่ใช่นักเวทในแบบที่จะสามารถอยู่รอดได้ในห้องปฏิบัติการเท่านั้น ท่านเป็นคนน่าเชื่อถือและเป็นผู้นำที่ดี” ซานดร้าจับมือกับลูเซียนก่อนที่หล่อนจะจากไป

ลูเซียนพูดกับพวกเขาในลักษณะที่อ่อนน้อมถ่อมตน “ท่านทั้งสองเป็นนักเวทที่มีประสบการณ์มากและข้าได้เรียนรู้อะไรมากมายจากท่านทั้งคู่ หากไม่มีท่านซานดร้าและท่านชาร์ลี ข้าคงต้องตายแน่ในปราสาทแล้ว เราควรจะติดต่อกันเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในบางครั้ง”

ที่ชั้นล่างสุดของอารามหลวงอัลโต้ เสียงหญิงสาวกำลังฮัมเพลงเก่า และเคร่งขรึมราวกับว่าท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆก่อนที่พายุจะมา เสียงนั้นค่อนข้างหยาบแต่ก็เซ็กซี่

เสียงสูงขึ้นช้าๆ และเสียงก็เบาลง แต่ก็เศร้า จากนั้นเมโลดี้ก็เร็วขึ้นและเร็วขึ้น เช่นเหมือนสายฝนที่ตกกระทบลงบนพื้นและลมปากที่พัดผ่าน

หลังจากนั้นครู่หนึ่งหญิงสาวก็ผ่อนคลายลงอย่างสงบ และทำนองที่อ่อนโยนราวกับว่าจิตใจที่โดดเดี่ยวแต่ก็บริสุทธิ์ได้รำลึกถึงความทรงจำทั้งหมดที่มีด้วยอารมณ์ดั่งพายุ ในความทรงจำเหล่านั้นลืมแม้กระทั่งฟ้าผ่า ลืมแม้กระทั่งฟ้าร้อง ลืมแม้กระทั่งเม็ดฝน และความซึมเศร้าและเสียใจ ลืมแม้กระทั่งคนทั้งโลก

พายุยังคงส่งผลกระทบต่อจิตใจของหล่อน แต่ในไม่ช้ามันก็อบอุ่นและสง่างามในตอนท้ายของเพลงแรก

นาตาชาฮัมเพลงที่โด่งดังของ ‘โซนาตาแห่งพายุ’ เสร็จจากนั้นหล่อนก็มองจดหมายในมือ มันเป็นสิ่งเดียวที่ลูเซียน ส่งเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม หล่อนพอใจกับโซนาต้ามาก มันเป็นของขวัญวันเกิดจากลูเซียน

“ แม้ว่า ‘โซนาตาแห่งพายุ’ จะไม่โดดเด่นเท่า ‘เพลงเปียโนโซนาตาแห่งเวทนา’ และ ‘กุหลาบแสงจันทร์’ แต่มันก็ยังน่าประทับใจและมันก็มีท่วงทำนองและวิญญาณเดียวกันกับ ‘เพลงซิมโฟนีแห่งชะตาชีวิต’ ความเพียร และศรัทธา มันเป็นของขวัญวันเกิดที่ยอดเยี่ยม” นาตาชาพึมพำด้วยเสียงเบาๆ จากนั้นหล่อนก็เงยหน้าขึ้น และเริ่มอ่านจดหมายที่เหลืออีกครั้ง ทั้งหมดเกี่ยวกับประสบการณ์ที่น่าสนใจของลูเซียนในอัลลิน รวมถึงวิธีที่เขาทรมานนักเวทฝึกหัดด้วยแบบฝึกหัดมากมาย เรื่องที่เขาถูกฟ้องร้อง เรื่องตลกต่างๆ เรื่องราวที่เขาได้รับเชิญให้เข้าร่วมประชุมโดยไม่ได้ตั้งใจเพราะชื่อของเขา และอื่นๆ

นาตาชารู้สึกสบายใจกับจดหมายของลูเซียน หล่อนรู้สึกว่าลูเซียนเพื่อนเก่าของหล่อนกำลังเล่าเรื่องทั้งหมดต่อหน้าหล่อนอย่างผ่อนคลาย

“ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าเรื่องราวเหล่านั้นน่าสนใจยิ่งกว่าเพลงน่ะ?” นาตาชาลูบคางของหล่อนเล็กน้อยแล้วถามตัวเองอย่างสับสน “นั่นเป็นเพราะข้าไม่ได้คุยกับคนอื่นนานเกินไปหรือเปล่า”

ในเดือนแห่งดอกไม้วันที่ห้าของปี อากาศร้อนขึ้นแต่อย่างไรก็ตามท้องฟ้าในเมืองอัลลินยังคงค่อนข้างเย็น

ห้องปฏิบัติการเวทมนตร์ในสวนของลูเซียน

แสงสีขาวสัญลักษณ์ทรงหยดน้ำตาบนมือซ้ายของลูเซียนเปล่งแสงอันอ่อนโยนออกมา แล้วค่อยๆ ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ลูเซียนเพิ่มผงของหินสุริยันต์ และวัสดุเวทมนตร์อื่นๆ อีกมากมายในสัญลักษณ์นี้ และเริ่มร่ายคาถา

หลังจากกระบวนการที่ยาวนานและซับซ้อนสัญลักษณ์น้ำตานั้นดูโปร่งใสน้อยลง แต่แข็งขึ้น แสงยังคงดูบริสุทธิ์และอ่อนโยน

ในเวลานี้จุดแสงในลูกบอลคริสตัลในมือขวาของลูเซียนก็บินออกมาจากทีละจุด เข้าล้อมรอบสัญลักษณ์หยดน้ำตาและก่อตัวเป็นแผนที่ดวงดาว จากนั้นแผนที่ก็ถูกดูดกลืนด้วยมือซ้ายของลูก

เมื่อแสงดาวหายไป ก็ไม่มีอะไรเหลืออยู่ที่มือซ้ายของลูเซียน อย่างไรก็ตามลูเซียนสามารถควบคุมพลังได้ตลอดเวลาที่เขาต้องการใช้มัน ด้วยการจุดไฟสัญลักษณ์หยาดน้ำตาขึ้นมา

จากข้อมูลของ ‘หนังสือพร’ ของลูเซียน ด้วยวัสดุทั้งหมดที่ลูเซียนรวบรวมมา และเครื่องหมายที่เหลืออยู่ของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ตอนนี้ลูเซียนได้สร้างพรถาวรพรแรกของเขา นั่นคือ ‘จิตสำนึกบริสุทธิ์’ สามารถช่วยปกป้องตัวเองในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความตายและซากเน่า และพัฒนาเวทมนตร์การป้องกันของเขาจากเวทมนตร์โจมตีวิญญาณ

เพื่อสร้างพรลูเซียนใช้คะแนนอาร์คานาสองร้อยคะแนนที่เขาได้รับจากปราสาทเบอร์ทเรินด์ ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเขาพึ่งพาเงินอุดหนุนจากสภาและเจตนารมณ์อย่างเต็มที่ เพื่อดำเนินการศึกษาเกี่ยวกับพลังชีวิตและเวทมนตร์

ปัจจุบันทั้งหมด ลูเซียนมีคะแนนอาร์คานาหนึ่งร้อยสองคะแนน และเขาได้สร้างเวทมนตร์ระดับสามอีกห้าบท ประกอบไปด้วย ‘กรงมิติ’ ‘พลังอารักขา’ ‘คำสาปผิวเน่าเปื่อย’ ‘พันธะกระแสจิตทุติยภูมิ’ และ ‘สายฟ้า’ จนถึงตอนนี้เวทมนตร์ระดับสอง ทั้งยี่สิบบทของเขาก็สร้างขึ้นมาใหม่เพื่อทำงานให้ดีขึ้น

หลังจากเสร็จงานของเขา เมื่อลูเซียนกำลังจะออกจากห้องปฏิบัติการเวทมนตร์ เขาก็เห็นพ่อบ้านชาร์ลส์ซึ่งเป็นสุภาพบุรุษชราที่สง่างามกำลังเข้ามา

“ท่านอีวานส์ ท่านแกสตัน จาก ‘องค์กรเจตจํานงแห่งธาตุ’ ต้องการพบท่านที่ห้องทำงานของท่าน” ชาร์ลส์กล่าว

องค์กรเจตจํานงแห่งธาตุ อัลลิน

“อีวานส์ ข้าได้ยินมาว่าเจ้าได้อ่าน ‘นิทานแห่งความโศก’ เมื่อเร็วๆ นี้ เจ้าพบอะไรในนั้นหรือไม่” แกสตันให้ลูเซียนนั่งลงและถามเขาแบบสบายๆ

“มันไม่จริง” ลูเซียนส่ายศีรษะเบาๆ “ข้ารู้สึกว่าเรื่องราวเหล่านั้นมืดมนและหมดหวัง เพราะความซึมเศร้า จุดประสงค์เดียวของหนังสือเล่มนี้คือ การทำให้ผู้อ่านรู้สึกเจ็บปวดและหมดกำลังใจและไม่พอใจ ท่านแกสตัน สภามีความคืบหน้าใดๆ ในการตรวจสอบปีศาจหรือไม่? ข้าหมายถึง… หากเป็นความลับท่านไม่ต้องบอกข้าก็ได้”

“จนถึงตอนนี้นักเวทระดับสูงคนเดียวที่เกี่ยวข้องกับด้านนี้ก็ไม่สามารถเรียกปีศาจที่พวกคุณพบในปราสาทได้ และนั่นทำให้พิธีอัญเชิญแบบพิเศษนั้นน่าสงสัยอย่างยิ่งในสายตาของพวกเขา และพวกเขาสงสัยว่า ‘บิลล์’ ซ่อนส่วนอื่นๆ ของสิ่งที่เขาพบหรือไม่…” แกสตันบอกลูเซียนโดยตรงว่าเกิดอะไรขึ้น

หลังจากหยุดสักครู่ แกสตันก็จ้องมองลูเซียนด้วยดวงตาสีเหลืองเข้มของเขาและพูดว่า “เหตุผลที่ข้าขอให้เจ้ามาที่นี่ก็คือ ‘องค์กรเจตจํานงแห่งธาตุ’ มีงานให้ท่านทำ สุภาพบุรุษคนหนึ่งขอให้ ‘องค์กรเจตจํานงแห่งธาตุ’ ส่งจดหมายของเขาถึง ท่านสตานิส ราชาแห่งฝันร้าย เนื่องจากเจ้ามาจากไวโอเล็ต ลูเซียนเราต้องการให้เจ้าทำภารกิจรางวัลคือคะแนนอาร์คานาหนึ่งพันคะแนน เจ้าไม่ต้องกังวล ราชาแห่งฝันร้ายจะส่งคนของเขาไปนำทางเจ้าผ่านเทือกเขาแห่งความมืด ดังนั้นเจ้าจะไม่ได้อยู่คนเดียวในภูเขา”

คำพูดของแกสตันนำความทรงจำของลูเซียนเกี่ยวกับขุนนางแห่งไวโอเล็ตกลับคืนมาทันที ถึงแม้ว่าลูเซียนจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่เขาก็มีความทรงจำที่ดีมากมายเช่นกัน ในใจของลูเซียน ‘อันโต้’ เป็นเหมือนบ้านเกิดของเขา

เมื่อเห็นลูเซียนไม่ได้พูดอะไร แกสตันก็พูดต่อทันที “แน่นอนข้าไม่ได้บอกว่ามันจะเป็นการเดินทางที่ปลอดภัย และสมบูรณ์แบบ หากเจ้าไม่ต้องการยอมรับงาน เจ้าก็สามารถเลือกอย่างอื่นได้ แต่ถ้าเจ้ายินดีที่จะรับมัน เจ้าสามารถรับคะแนนหนึ่งพันอาร์คานาล่วงหน้ารวมทั้งเพลิดเพลินไปกับเงินช่วยอุดหนุนเป็นเวลาหนึ่งปีเพื่อให้เจ้าสามารถไปซื้อวัสดุ และยาที่เจ้าต้องใช้”

ใบหน้าของเพื่อนทุกคนปรากฏขึ้นในใจของลูเซียนทำให้ความรู้สึกของเขาผสมปนเปกัน จากนั้นลูเซียนก็ยิ้มและพยักหน้า “ข้าจะทำภารกิจนี้ ท่านแกสตัน”

“โปรดระวังตัวด้วย อีวานส์ เจ้าควรใช้เส้นทางสายเหนือดีกว่า เพราะตอนนี้ศาสนจักรเพิ่มการลาดตระเวนเหนือช่องแคบมรสุม” แกสตันตบไหล่ของลูเซียน “ข้าต้องให้แว่นตาข้างเดียวอยู่กับเจ้า แต่พอมีการรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้าของช่องแคบมาสุม เมื่อเจ้าไปถึงอีกด้านหนึ่งมันจะยากที่เจ้าจะติดต่อกลับมา”

………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+