Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา 183 การพิจารณา

Now you are reading Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา Chapter 183 การพิจารณา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ขบวนรถสีเหลืองอ่อนขนาดใหญ่กว้างขวาง พร้อมด้วยเบาะสีแดงเข้ม ประดับด้วยกระจกเวทมนตร์ที่ถูกขัดจนเงา และสาวสวยเจ้าหน้าที่ต้อนรับบนรถไฟสองคนที่สวมชุดสีฟ้าอ่อน ขบวนรถไฟเวทมนตร์นี้สร้างความประทับใจให้ลูเซียนได้ค่อนข้างดีทีเดียว

“ยินดีต้อนรับสู่คลอสส์ เราจะใช้ระยะเวลาประมาณสามชั่วโมงก่อนจะถึง ‘อัลลิน’ และระหว่างนั้นเราจะผ่านสถานีทั้งหมดเจ็ดสถานี” เจ้าหน้าที่ต้อนรับบนรถไฟแย้มรอยยิ้มอันงดงามและโค้งคำนับลูเซียนอย่างสุภาพ “หากท่านต้องการอะไร กรุณากดปุ่มบนโต๊ะ”

ลูเซียนในฐานะแขก เขาเพียงแค่ยิ้มและพยักหน้าให้ลาร์ซาจัดการสิ่งที่เหลือ

หลังจากที่ลาร์ซานำนาฬิกาพกของเขาออกมาดูเวลาครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็พูดกับลูเซียนว่า “ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายแล้ว แต่เรายังมีเวลาเหลือเฟือที่จะไปถึง ‘อัลลิน’ ก่อนที่คนในสภาจะเลิกงาน แต่เดี๋ยวก่อน… ข้าพนันได้เลยว่าพวกเจ้าทุกคนยังไม่ได้รับประทานอาหารกลางวันใช่ไหม ไม่ต้องห่วง รถไฟขบวนนี้มาพร้อมกับพ่อครัวที่ดีที่สุดจากทั่วทุกทวีปและค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทางครั้งแรกไปยัง ‘อัลลิน’ นั้นทางสภาได้จัดการให้เรียบร้อยแล้ว แต่ในอนาคตเจ้าต้องจ่ายหนึ่งธาเลต่อตั๋วหนึ่งใบ”

“มันแพงเกินไป…” แม้แต่ลูเซียนก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย และไม่ต้องพูดถึงนักเวทฝึกหัดทั้งหลาย ตามปกติคนทั่วไปที่มีรายได้ระดับปานกลางสามารถหาเงินได้เจ็ดถึงแปดธาเลต่อปี และรถไฟขบวนนี้ก็มีราคาแพงกว่าเที่ยวบินที่ลูเซียนเคยโดยสารในโลกของเขาเอง

เมื่อเห็นการแสดงออกทางสีหน้าของพวกเขา ลาร์ซาก็ยิ้มกว้าง “ที่จริงแล้วเมื่อหลายปีก่อน จอมเวทบางคนมีความคิดเกี่ยวกับการสร้างรถไฟเวทมนตร์ พวกเขาได้รับแรงบันดาลใจจากอุปกรณ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ในเวลานั้นรถไฟต้องถูกเติมพลังด้วยวงแหวนเวทมนตร์ และการเล่นแร่แปรธาตุดังนั้นรถไฟจึงมีราคาแพงมาก แต่นักเวทส่วนใหญ่ที่อยู่ระดับกลางขึ้นไปก็สามารถบินได้ อย่างที่เจ้าเห็น… รถไฟทำไม่ได้”

“แล้วขบวนนี้ล่ะ?” ลูเซียนถาม

“หลังจากพัฒนาคลอสส์ด้วยการรวมเวทมนตร์ และเครื่องจักรเข้าด้วยกันและเริ่มใช้ไอน้ำเป็นพลังงานหลักซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก” ลาร์ซากล่าวต่อไปว่า “รถไฟทั้งเร็วกว่านักเวทระดับกลางที่บินได้ด้วยตัวเอง ทั้งเร็วกว่าไม้กวาดเวทมนตร์ และไม่ต้องพูดถึงว่าในเวลาเดียวกันรถไฟสามารถบรรทุกผู้คนได้มากกว่า ดังนั้นสภาจึงให้ความสำคัญกับการวางแผนเส้นทางรถไฟและตอนนี้เราก็มีเส้นทางสี่เส้นทาง และเส้นทางจากแพทเรย์ไปยัง ‘อัลลิน’ ก็ได้ถูกกำหนดให้เป็นเส้นทางแรก”

ขณะที่ลาร์ซากำลังอธิบายรายละเอียด เขาก็ให้ลาร์ซาและนักเวทฝึกหัดสั่งอาหาร

“ถ้าอย่างนั้น ทำไมรถไฟขบวนนี้ถึงยังแพง” สปรินต์ถามอย่างสงสัย ในบรรดานักเวทฝึกหัดเขาเป็นคนที่กระตือรือร้นที่สุด

“นั่งลงก่อน” ลาร์ซาและลูเซียนนั่งลงบนที่นั่งนุ่มๆ “เหตุผลเพราะว่าคลอสส์เป็นรถไฟที่หรูหรา” หลังจากพวกเขานั่งลง ลาร์ซากล่าวต่อ “ถ้าอย่างนั้น เจ้าลองมองไปที่รถไฟที่ราคาตั๋วประมาณสามสิบนาร์ ข้าหมายถึง… ราคามันก็ไม่ถูก แต่ค่าใช้จ่ายในการสร้างทางรถไฟสายใหม่นั้นมาจากรายได้ของตั๋วและการระดมทุนของสภา และเราไม่เชื่อใจนายธนาคารให้ทำสิ่งเหล่านี้”

หลังจากที่เขาพอใจกับความอยากรู้ของนักเวทฝึกหัดแล้ว ลาร์ซาก็หันไปยิ้มให้ลูเซียน “ข้าค่อนข้างมั่นใจว่าสักวันหนึ่งราคาจะถูกลง จากการพัฒนาวิธีการขนส่งอย่างรวดเร็วแบบอื่นๆ อีวานส์เจ้ามาที่สภาเวทมนตร์ในเวลาที่ดีที่สุด และเจ้าต้องคว้าช่วงเวลานี้ไว้เมื่อความคิดทุกอย่างเกี่ยวกับเวทมนตร์เจริญรุ่งเรือง จงขยันทำงานในอาร์คานาและจงกลายเป็นนักเวทที่คู่ควร!”

เห็นได้ชัดว่าลาร์ซาเป็นชายหนุ่มที่มองโลกในแง่ดี ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่ถูกเลือกให้เป็นคนต้อนรับเด็กใหม่

“อันที่จริง ข้าเริ่มเรียนรู้อาร์คานาพื้นฐานจากแอสตาร์แล้ว และข้าก็มีนักเวทฝึกหัดสามคนที่กำลังศึกษาต่อจากข้า” ลูเซียน ยิ้มและพยักหน้า เขาวาง ‘แอมบูลา’ และ ‘อะเลิร์ต’ ไว้ข้างที่นั่งของเขา

จากการศึกษากว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมาทั้ง แอนนิค และ เลย์เรีย ก็กลายเป็นนักเวทฝึกหัดที่แท้จริง และ ไฮดี้ ก็เกือบจะทำสำเร็จแล้วเช่นกันก่อนที่พวกเขาจะมาถึงโฮล์ม

“เยี่ยมมาก” ลาร์ซาพยักหน้า

จากนั้นเสียงไอน้ำก็ดังขึ้นจากนั้นรถไฟก็เริ่มเคลื่อนไหว

“ว้าว…” สปรินต์ยืนขึ้นจากที่นั่งของเขาและจ้องมองไปที่ด้านนอกของหน้าต่าง จากนั้นทั้ง แอนนิค และ ออยมอสก็ทำเช่นเดียวกัน

นักเวทฝึกหัดเริ่มตื่นเต้นและพูดคุยกัน

ลูเซียนเอื้อมมือไปหยิบน้ำ โดยไม่ได้มองออกไปข้างนอก

“เจ้าดูค่อนข้างสงบ อีวานส์” ลาร์ซากล่าว

แน่นอนว่าลูเซียนไม่สามารถบอกลาร์ซาได้ว่าเขาเคยเห็นแบบนี้นับครั้งไม่ถ้วนในโลกดั้งเดิมของเขา ดังนั้นเขาจึงหาข้อแก้ตัวว่า “ข้าคิดว่าข้าสนใจกลไกของมันมากกว่า ข้าขอเข้าไปดูห้องปฏิบัติการได้ไหม”

ลาร์ซาหัวเราะ “อีวานส์ ข้าเข้าใจความอยากรู้อยากเห็นของเจ้า แต่สิ่งที่เจ้าสนใจนั้นเป็นความลับ ถ้าหากเจ้าอยากรู้ว่ามันทำงานอย่างไร วิธีเดียวที่เจ้าจะทำได้คือใช้คะแนนอาร์คานา เพื่อแลกเปลี่ยนวัสดุกับทางสภา

น่าแปลกที่รถไฟวิ่งด้วยความเร็วและเสียงที่เกิดจากรถไฟก็ค่อยๆ เงียบหายไป ลูเซียนเดาว่ามันเป็นเพราะวงแหวนเวทมนตร์ที่อยู่บทรถไฟ

ด้านนอกของหน้าต่างในเดือนพฤศจิกายนปรากฏทุ่งเยือกแข็งและหมู่บ้านเล็กๆ ริมทางรถไฟที่กำลังเคลื่อนถอยหลังอย่างรวดเร็ว

ขณะที่ลูเซียนกำลังจะถามอะไรบางอย่าง หญิงสาวสองคนที่เป็นเจ้าหน้าที่ต้อนรับบนรถไฟก็เข้ามาพร้อมรถเข็นอาหาร และตามด้วยนักไวโอลินหลายคน

การบรรเลงเพลงที่ยอดเยี่ยม หญิงสาวสองคนก็วางสเต็กปลาย่าง คาเวียร์และฟัวกราส์

ลูเซียนคลี่ผ้าเช็ดปากบนตักแล้วก็ตัดสเต็กเป็นชิ้นเล็กๆ สเต็กนั้นชุ่มฉ่ำและสุกกำลังดี

ลูเซียนคพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “มืออาชีพมาก”

“รู้มั้ย ข้ารอที่จะได้ลิ้มรสอาหารที่อร่อยในอาณาจักรซีราคิวส์มานานแล้ว แต่น่าเสียดายที่ข้ายังไม่ได้เป็นนักเวทระดับกลาง และข้าก็ไม่สามารถบินข้ามช่องแคบมรสุมเพื่อไปลองทานอาหารที่นั่นได้” ลาร์ซากล่าวในขณะที่กำลังหั่นฟัวกราส์ในจานของเขา “ข้าชื่นชอบเพลงของอัลโต้มากเช่นกัน เจ้ารู้ไหมว่ามีนักดนตรีรุ่นเยาว์ที่ใช้ชื่อเดียวกับเจ้าด้วย… ในช่วงเวลาสั้นๆ เขาก็ได้รับความนิยมอย่างมาก”

จากนั้นลูเซียนก็เริ่มแนะนำอาหารมากมายในที่ต่างๆ ให้กับลาร์ซา และเมื่อเขารู้สึกตื่นเต้นมากเขาก็บอกลูเซียนเกี่ยวกับการประชุมหลายเรื่อง

“ลาร์ซา ทำอย่างไรข้าถึงจะรับค่าชื่อเสียงอาร์คานา” ลูเซียนถาม “ข้าต้องการที่จะเริ่มต้นเส้นทางแห่งอาร์คานาจริงๆ”

เพราะลูเซียนรู้ว่าในสายตาของคนอื่นเขาเป็นเพียงมือใหม่ในวงการอาร์คานา ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะศึกษาในสภาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วจึงค่อยหาโอกาสที่จะเขียนและตีพิมพ์บทความของเขาเอง แต่จากสิ่งที่ลาร์ซาบอกเขา ลูเซียนก็ตระหนักว่าการมีระดับอาร์คานาก็สามารถนำประโยชน์มากมายมาให้เขาได้

นอกจากนี้ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาลูเซียนใช้การทำฌานสมาธิแบบบรูคตอนนี้เขาพร้อมที่จะก้าวไปสู่นักเวทระดับสองแล้ว

“เจ้ารู้ไหมอีวานส์ มันมีคำพูดเก่าๆ อยู่ ‘ยิ่งคนใจร้อนมากเท่าไรก็ยิ่งยากที่จะไปให้ถึงปลายทางได้’ “ ลาร์ซาเช็ดปากของเขาด้วยผ้าเช็ดปากสีขาว “แต่ข้าเข้าใจว่าค่าชื่อเสียงอาร์คานาเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับนักเวททุกคนในสภา”

ลูเซียนนั่งฟังอย่างระมัดระวัง

“คณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานาเป็นองค์กรที่รับผิดชอบในการตัดสินเกี่ยวกับค่าชื่อเสียงอาร์คานา ขึ้นตรงต่อสภาสูงสุด และมีผู้ทรงภูมิห้าสิบสองคนจากสำนักต่างๆ ทั้งหมด ผู้ทรงภูมิต้องเป็นนักเวทในระดับหกอย่างต่ำ”

“มีจอมเวทระดับหกห้าสิบกว่าคนเองหรือ” ลูเซียนรู้สึกประหลาดใจมาก

“ผู้ทรงภูมิ ข้าพูดว่าผู้ทรงภูมิ” ลาร์ซาส่ายหัว “ขึ้นอยู่กับแขนงวิชาต่างๆ แม้จอมเวทบางคนจะมีความสำเร็จที่น่าประทับใจและพวกเขาก็อยู่ในระดับสูงมานานพอ แต่ถ้าในด้านที่พวกเขาเชี่ยวชาญมีนักเวทที่มีความสามารถมากกว่าพวกเขา พวกเขาก็จะไม่สามารถเป็นสมาชิกคณะกรรมการได้ อย่างไรก็ตามสำหรับนักเวทบางคนถึงแม้ว่าระดับอาร์คานาของพวกเขาจะไม่สูงมากนัก อาจเพราะพวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านที่ได้รับความนิยมน้อยหรือแปลกใหม่ พวกเขาก็ถือได้ว่าเป็นผู้ทรงภูมิเช่นกัน”

“ข้าพอเข้าใจ ข้าได้ยินจากแอสตาร์ว่าหากมีการอ้างถึงผลการวิจัยอาร์คานาโดยบุคคลอื่นบุคคลนั้นจะได้รับค่าชื่อเสียงอาร์คานาด้วย” ลูเซียนถาม

หลังจากขอให้ผู้ดูแลนำจานออกไป ลาร์ซาตอบว่า “ถูกต้อง หนึ่งคะแนนชื่อเสียงอาร์คานาสำหรับการอ้างอิงหนึ่งครั้ง แต่การจะเพิ่มคะแนนชื่อเสียงให้เจ้าหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความสำคัญของผลการวิจัยของเจ้า และคณะกรรมการจะเป็นผู้พิจารณาและตัดสิน”

“ถ้าอย่างนั้น จะเกิดอะไรขึ้นกับเวทมนตร์บทใหม่หรือการพัฒนาเวทมนตร์ที่มีอยู่แล้ว” ลูเซียนจำเป็นต้องเข้าใจเรื่องนี้ให้มากที่สุด

“เจ้าจะได้รับคะแนนเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เว้นแต่ว่าการสร้างหรือปรับปรุงของเจ้าจะเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่น และทำให้บุคคลนั้นได้พัฒนาเป็นบทความใหม่ และในกรณีนั้นเจ้าจะได้รับคะแนนชื่อเสียงเพิ่ม ไม่อย่างนั้นถ้ามีคนต้องการเรียนรู้เวทมนตร์ของเจ้า บุคคลนั้นจะต้องจ่ายคะแนนอาร์คานาให้เจ้าเท่านั้น ตัวอย่างเช่น ตอนนี้ ‘เวทฝ่ามือเผาผลาญ’ ของข้าได้ถูกนักเวทสามสิบคนเรียนรู้และนั่นก็กลายเป็นสามสิบคะแนนอาร์คานาของข้า”

“ดูเหมือนจะเป็นงานหนักสำหรับนักเวทที่เป็นคณะกรรมการ” ลูเซียนจับคางของเขาเบาๆ

“โอ้… มันเป็นเรื่องจริง เนื่องจากพวกเขายุ่งมากส่วนใหญ่นักเวทพวกนี้มักจะไม่ค่อยจัดการตรวจสอบอาร์คานาและเวทมนตร์ที่ส่งมาด้วยตนเอง แต่ให้ลูกศิษย์หรือผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ ที่ทำงานในวารสารต่างๆ เป็นคนตัดสิน บางครั้งก็มีข้อผิดพลาดและนักเวทบางคนก็ไม่ได้รับคะแนนในทันที แต่ข้อบกพร่องเหล่านี้สามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว วิธีที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าในการรับคะแนนอาร์คานาคือการเผยแพร่ด้วยเวทมนตร์พิเศษจากระบบเวทมนตร์โบราณ หากไม่มีใครส่งมันมาก่อน เจ้าก็จะได้รับคะแนนที่เหมาะสม”

“ข้าเข้าใจแล้ว” ลูเซียนพยักหน้าเล็กน้อย “สภาสนับสนุนการแลกเปลี่ยนความรู้ในหมู่นักเวท”

นักเวททุกคนให้ความสำคัญกับเวทมนตร์คาถาของพวกเขาอย่างมาก หากไม่มีรางวัลมากระตุ้นก็จะไม่มีใครส่งและเผยแพร่ผลงานของตนเอง

ถ้าเช่นนั้นแล้วลูเซียนล่ะ?

เขาควรเผยแพร่เวทมนตร์ของเขาเพื่อให้ได้คะแนนหรือเปล่า

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา 183 การพิจารณา

Now you are reading Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา Chapter 183 การพิจารณา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ขบวนรถสีเหลืองอ่อนขนาดใหญ่กว้างขวาง พร้อมด้วยเบาะสีแดงเข้ม ประดับด้วยกระจกเวทมนตร์ที่ถูกขัดจนเงา และสาวสวยเจ้าหน้าที่ต้อนรับบนรถไฟสองคนที่สวมชุดสีฟ้าอ่อน ขบวนรถไฟเวทมนตร์นี้สร้างความประทับใจให้ลูเซียนได้ค่อนข้างดีทีเดียว

“ยินดีต้อนรับสู่คลอสส์ เราจะใช้ระยะเวลาประมาณสามชั่วโมงก่อนจะถึง ‘อัลลิน’ และระหว่างนั้นเราจะผ่านสถานีทั้งหมดเจ็ดสถานี” เจ้าหน้าที่ต้อนรับบนรถไฟแย้มรอยยิ้มอันงดงามและโค้งคำนับลูเซียนอย่างสุภาพ “หากท่านต้องการอะไร กรุณากดปุ่มบนโต๊ะ”

ลูเซียนในฐานะแขก เขาเพียงแค่ยิ้มและพยักหน้าให้ลาร์ซาจัดการสิ่งที่เหลือ

หลังจากที่ลาร์ซานำนาฬิกาพกของเขาออกมาดูเวลาครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็พูดกับลูเซียนว่า “ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายแล้ว แต่เรายังมีเวลาเหลือเฟือที่จะไปถึง ‘อัลลิน’ ก่อนที่คนในสภาจะเลิกงาน แต่เดี๋ยวก่อน… ข้าพนันได้เลยว่าพวกเจ้าทุกคนยังไม่ได้รับประทานอาหารกลางวันใช่ไหม ไม่ต้องห่วง รถไฟขบวนนี้มาพร้อมกับพ่อครัวที่ดีที่สุดจากทั่วทุกทวีปและค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทางครั้งแรกไปยัง ‘อัลลิน’ นั้นทางสภาได้จัดการให้เรียบร้อยแล้ว แต่ในอนาคตเจ้าต้องจ่ายหนึ่งธาเลต่อตั๋วหนึ่งใบ”

“มันแพงเกินไป…” แม้แต่ลูเซียนก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย และไม่ต้องพูดถึงนักเวทฝึกหัดทั้งหลาย ตามปกติคนทั่วไปที่มีรายได้ระดับปานกลางสามารถหาเงินได้เจ็ดถึงแปดธาเลต่อปี และรถไฟขบวนนี้ก็มีราคาแพงกว่าเที่ยวบินที่ลูเซียนเคยโดยสารในโลกของเขาเอง

เมื่อเห็นการแสดงออกทางสีหน้าของพวกเขา ลาร์ซาก็ยิ้มกว้าง “ที่จริงแล้วเมื่อหลายปีก่อน จอมเวทบางคนมีความคิดเกี่ยวกับการสร้างรถไฟเวทมนตร์ พวกเขาได้รับแรงบันดาลใจจากอุปกรณ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ในเวลานั้นรถไฟต้องถูกเติมพลังด้วยวงแหวนเวทมนตร์ และการเล่นแร่แปรธาตุดังนั้นรถไฟจึงมีราคาแพงมาก แต่นักเวทส่วนใหญ่ที่อยู่ระดับกลางขึ้นไปก็สามารถบินได้ อย่างที่เจ้าเห็น… รถไฟทำไม่ได้”

“แล้วขบวนนี้ล่ะ?” ลูเซียนถาม

“หลังจากพัฒนาคลอสส์ด้วยการรวมเวทมนตร์ และเครื่องจักรเข้าด้วยกันและเริ่มใช้ไอน้ำเป็นพลังงานหลักซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก” ลาร์ซากล่าวต่อไปว่า “รถไฟทั้งเร็วกว่านักเวทระดับกลางที่บินได้ด้วยตัวเอง ทั้งเร็วกว่าไม้กวาดเวทมนตร์ และไม่ต้องพูดถึงว่าในเวลาเดียวกันรถไฟสามารถบรรทุกผู้คนได้มากกว่า ดังนั้นสภาจึงให้ความสำคัญกับการวางแผนเส้นทางรถไฟและตอนนี้เราก็มีเส้นทางสี่เส้นทาง และเส้นทางจากแพทเรย์ไปยัง ‘อัลลิน’ ก็ได้ถูกกำหนดให้เป็นเส้นทางแรก”

ขณะที่ลาร์ซากำลังอธิบายรายละเอียด เขาก็ให้ลาร์ซาและนักเวทฝึกหัดสั่งอาหาร

“ถ้าอย่างนั้น ทำไมรถไฟขบวนนี้ถึงยังแพง” สปรินต์ถามอย่างสงสัย ในบรรดานักเวทฝึกหัดเขาเป็นคนที่กระตือรือร้นที่สุด

“นั่งลงก่อน” ลาร์ซาและลูเซียนนั่งลงบนที่นั่งนุ่มๆ “เหตุผลเพราะว่าคลอสส์เป็นรถไฟที่หรูหรา” หลังจากพวกเขานั่งลง ลาร์ซากล่าวต่อ “ถ้าอย่างนั้น เจ้าลองมองไปที่รถไฟที่ราคาตั๋วประมาณสามสิบนาร์ ข้าหมายถึง… ราคามันก็ไม่ถูก แต่ค่าใช้จ่ายในการสร้างทางรถไฟสายใหม่นั้นมาจากรายได้ของตั๋วและการระดมทุนของสภา และเราไม่เชื่อใจนายธนาคารให้ทำสิ่งเหล่านี้”

หลังจากที่เขาพอใจกับความอยากรู้ของนักเวทฝึกหัดแล้ว ลาร์ซาก็หันไปยิ้มให้ลูเซียน “ข้าค่อนข้างมั่นใจว่าสักวันหนึ่งราคาจะถูกลง จากการพัฒนาวิธีการขนส่งอย่างรวดเร็วแบบอื่นๆ อีวานส์เจ้ามาที่สภาเวทมนตร์ในเวลาที่ดีที่สุด และเจ้าต้องคว้าช่วงเวลานี้ไว้เมื่อความคิดทุกอย่างเกี่ยวกับเวทมนตร์เจริญรุ่งเรือง จงขยันทำงานในอาร์คานาและจงกลายเป็นนักเวทที่คู่ควร!”

เห็นได้ชัดว่าลาร์ซาเป็นชายหนุ่มที่มองโลกในแง่ดี ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่ถูกเลือกให้เป็นคนต้อนรับเด็กใหม่

“อันที่จริง ข้าเริ่มเรียนรู้อาร์คานาพื้นฐานจากแอสตาร์แล้ว และข้าก็มีนักเวทฝึกหัดสามคนที่กำลังศึกษาต่อจากข้า” ลูเซียน ยิ้มและพยักหน้า เขาวาง ‘แอมบูลา’ และ ‘อะเลิร์ต’ ไว้ข้างที่นั่งของเขา

จากการศึกษากว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมาทั้ง แอนนิค และ เลย์เรีย ก็กลายเป็นนักเวทฝึกหัดที่แท้จริง และ ไฮดี้ ก็เกือบจะทำสำเร็จแล้วเช่นกันก่อนที่พวกเขาจะมาถึงโฮล์ม

“เยี่ยมมาก” ลาร์ซาพยักหน้า

จากนั้นเสียงไอน้ำก็ดังขึ้นจากนั้นรถไฟก็เริ่มเคลื่อนไหว

“ว้าว…” สปรินต์ยืนขึ้นจากที่นั่งของเขาและจ้องมองไปที่ด้านนอกของหน้าต่าง จากนั้นทั้ง แอนนิค และ ออยมอสก็ทำเช่นเดียวกัน

นักเวทฝึกหัดเริ่มตื่นเต้นและพูดคุยกัน

ลูเซียนเอื้อมมือไปหยิบน้ำ โดยไม่ได้มองออกไปข้างนอก

“เจ้าดูค่อนข้างสงบ อีวานส์” ลาร์ซากล่าว

แน่นอนว่าลูเซียนไม่สามารถบอกลาร์ซาได้ว่าเขาเคยเห็นแบบนี้นับครั้งไม่ถ้วนในโลกดั้งเดิมของเขา ดังนั้นเขาจึงหาข้อแก้ตัวว่า “ข้าคิดว่าข้าสนใจกลไกของมันมากกว่า ข้าขอเข้าไปดูห้องปฏิบัติการได้ไหม”

ลาร์ซาหัวเราะ “อีวานส์ ข้าเข้าใจความอยากรู้อยากเห็นของเจ้า แต่สิ่งที่เจ้าสนใจนั้นเป็นความลับ ถ้าหากเจ้าอยากรู้ว่ามันทำงานอย่างไร วิธีเดียวที่เจ้าจะทำได้คือใช้คะแนนอาร์คานา เพื่อแลกเปลี่ยนวัสดุกับทางสภา

น่าแปลกที่รถไฟวิ่งด้วยความเร็วและเสียงที่เกิดจากรถไฟก็ค่อยๆ เงียบหายไป ลูเซียนเดาว่ามันเป็นเพราะวงแหวนเวทมนตร์ที่อยู่บทรถไฟ

ด้านนอกของหน้าต่างในเดือนพฤศจิกายนปรากฏทุ่งเยือกแข็งและหมู่บ้านเล็กๆ ริมทางรถไฟที่กำลังเคลื่อนถอยหลังอย่างรวดเร็ว

ขณะที่ลูเซียนกำลังจะถามอะไรบางอย่าง หญิงสาวสองคนที่เป็นเจ้าหน้าที่ต้อนรับบนรถไฟก็เข้ามาพร้อมรถเข็นอาหาร และตามด้วยนักไวโอลินหลายคน

การบรรเลงเพลงที่ยอดเยี่ยม หญิงสาวสองคนก็วางสเต็กปลาย่าง คาเวียร์และฟัวกราส์

ลูเซียนคลี่ผ้าเช็ดปากบนตักแล้วก็ตัดสเต็กเป็นชิ้นเล็กๆ สเต็กนั้นชุ่มฉ่ำและสุกกำลังดี

ลูเซียนคพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “มืออาชีพมาก”

“รู้มั้ย ข้ารอที่จะได้ลิ้มรสอาหารที่อร่อยในอาณาจักรซีราคิวส์มานานแล้ว แต่น่าเสียดายที่ข้ายังไม่ได้เป็นนักเวทระดับกลาง และข้าก็ไม่สามารถบินข้ามช่องแคบมรสุมเพื่อไปลองทานอาหารที่นั่นได้” ลาร์ซากล่าวในขณะที่กำลังหั่นฟัวกราส์ในจานของเขา “ข้าชื่นชอบเพลงของอัลโต้มากเช่นกัน เจ้ารู้ไหมว่ามีนักดนตรีรุ่นเยาว์ที่ใช้ชื่อเดียวกับเจ้าด้วย… ในช่วงเวลาสั้นๆ เขาก็ได้รับความนิยมอย่างมาก”

จากนั้นลูเซียนก็เริ่มแนะนำอาหารมากมายในที่ต่างๆ ให้กับลาร์ซา และเมื่อเขารู้สึกตื่นเต้นมากเขาก็บอกลูเซียนเกี่ยวกับการประชุมหลายเรื่อง

“ลาร์ซา ทำอย่างไรข้าถึงจะรับค่าชื่อเสียงอาร์คานา” ลูเซียนถาม “ข้าต้องการที่จะเริ่มต้นเส้นทางแห่งอาร์คานาจริงๆ”

เพราะลูเซียนรู้ว่าในสายตาของคนอื่นเขาเป็นเพียงมือใหม่ในวงการอาร์คานา ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะศึกษาในสภาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วจึงค่อยหาโอกาสที่จะเขียนและตีพิมพ์บทความของเขาเอง แต่จากสิ่งที่ลาร์ซาบอกเขา ลูเซียนก็ตระหนักว่าการมีระดับอาร์คานาก็สามารถนำประโยชน์มากมายมาให้เขาได้

นอกจากนี้ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาลูเซียนใช้การทำฌานสมาธิแบบบรูคตอนนี้เขาพร้อมที่จะก้าวไปสู่นักเวทระดับสองแล้ว

“เจ้ารู้ไหมอีวานส์ มันมีคำพูดเก่าๆ อยู่ ‘ยิ่งคนใจร้อนมากเท่าไรก็ยิ่งยากที่จะไปให้ถึงปลายทางได้’ “ ลาร์ซาเช็ดปากของเขาด้วยผ้าเช็ดปากสีขาว “แต่ข้าเข้าใจว่าค่าชื่อเสียงอาร์คานาเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับนักเวททุกคนในสภา”

ลูเซียนนั่งฟังอย่างระมัดระวัง

“คณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานาเป็นองค์กรที่รับผิดชอบในการตัดสินเกี่ยวกับค่าชื่อเสียงอาร์คานา ขึ้นตรงต่อสภาสูงสุด และมีผู้ทรงภูมิห้าสิบสองคนจากสำนักต่างๆ ทั้งหมด ผู้ทรงภูมิต้องเป็นนักเวทในระดับหกอย่างต่ำ”

“มีจอมเวทระดับหกห้าสิบกว่าคนเองหรือ” ลูเซียนรู้สึกประหลาดใจมาก

“ผู้ทรงภูมิ ข้าพูดว่าผู้ทรงภูมิ” ลาร์ซาส่ายหัว “ขึ้นอยู่กับแขนงวิชาต่างๆ แม้จอมเวทบางคนจะมีความสำเร็จที่น่าประทับใจและพวกเขาก็อยู่ในระดับสูงมานานพอ แต่ถ้าในด้านที่พวกเขาเชี่ยวชาญมีนักเวทที่มีความสามารถมากกว่าพวกเขา พวกเขาก็จะไม่สามารถเป็นสมาชิกคณะกรรมการได้ อย่างไรก็ตามสำหรับนักเวทบางคนถึงแม้ว่าระดับอาร์คานาของพวกเขาจะไม่สูงมากนัก อาจเพราะพวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านที่ได้รับความนิยมน้อยหรือแปลกใหม่ พวกเขาก็ถือได้ว่าเป็นผู้ทรงภูมิเช่นกัน”

“ข้าพอเข้าใจ ข้าได้ยินจากแอสตาร์ว่าหากมีการอ้างถึงผลการวิจัยอาร์คานาโดยบุคคลอื่นบุคคลนั้นจะได้รับค่าชื่อเสียงอาร์คานาด้วย” ลูเซียนถาม

หลังจากขอให้ผู้ดูแลนำจานออกไป ลาร์ซาตอบว่า “ถูกต้อง หนึ่งคะแนนชื่อเสียงอาร์คานาสำหรับการอ้างอิงหนึ่งครั้ง แต่การจะเพิ่มคะแนนชื่อเสียงให้เจ้าหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความสำคัญของผลการวิจัยของเจ้า และคณะกรรมการจะเป็นผู้พิจารณาและตัดสิน”

“ถ้าอย่างนั้น จะเกิดอะไรขึ้นกับเวทมนตร์บทใหม่หรือการพัฒนาเวทมนตร์ที่มีอยู่แล้ว” ลูเซียนจำเป็นต้องเข้าใจเรื่องนี้ให้มากที่สุด

“เจ้าจะได้รับคะแนนเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เว้นแต่ว่าการสร้างหรือปรับปรุงของเจ้าจะเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่น และทำให้บุคคลนั้นได้พัฒนาเป็นบทความใหม่ และในกรณีนั้นเจ้าจะได้รับคะแนนชื่อเสียงเพิ่ม ไม่อย่างนั้นถ้ามีคนต้องการเรียนรู้เวทมนตร์ของเจ้า บุคคลนั้นจะต้องจ่ายคะแนนอาร์คานาให้เจ้าเท่านั้น ตัวอย่างเช่น ตอนนี้ ‘เวทฝ่ามือเผาผลาญ’ ของข้าได้ถูกนักเวทสามสิบคนเรียนรู้และนั่นก็กลายเป็นสามสิบคะแนนอาร์คานาของข้า”

“ดูเหมือนจะเป็นงานหนักสำหรับนักเวทที่เป็นคณะกรรมการ” ลูเซียนจับคางของเขาเบาๆ

“โอ้… มันเป็นเรื่องจริง เนื่องจากพวกเขายุ่งมากส่วนใหญ่นักเวทพวกนี้มักจะไม่ค่อยจัดการตรวจสอบอาร์คานาและเวทมนตร์ที่ส่งมาด้วยตนเอง แต่ให้ลูกศิษย์หรือผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ ที่ทำงานในวารสารต่างๆ เป็นคนตัดสิน บางครั้งก็มีข้อผิดพลาดและนักเวทบางคนก็ไม่ได้รับคะแนนในทันที แต่ข้อบกพร่องเหล่านี้สามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว วิธีที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าในการรับคะแนนอาร์คานาคือการเผยแพร่ด้วยเวทมนตร์พิเศษจากระบบเวทมนตร์โบราณ หากไม่มีใครส่งมันมาก่อน เจ้าก็จะได้รับคะแนนที่เหมาะสม”

“ข้าเข้าใจแล้ว” ลูเซียนพยักหน้าเล็กน้อย “สภาสนับสนุนการแลกเปลี่ยนความรู้ในหมู่นักเวท”

นักเวททุกคนให้ความสำคัญกับเวทมนตร์คาถาของพวกเขาอย่างมาก หากไม่มีรางวัลมากระตุ้นก็จะไม่มีใครส่งและเผยแพร่ผลงานของตนเอง

ถ้าเช่นนั้นแล้วลูเซียนล่ะ?

เขาควรเผยแพร่เวทมนตร์ของเขาเพื่อให้ได้คะแนนหรือเปล่า

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+