Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา 262 เก็บกวาด

Now you are reading Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา Chapter 262 เก็บกวาด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ท่ามกลางเสียงฝีเท้าม้าดังหนักๆ ม้าเกล็ดมังกรเจ็ดหรือแปดตัววิ่งควบออกจากประตูเมืองเซกรู มุ่งหน้าไปทางตะวันออกเฉียงใต้

“ห่าเอ๊ย! มองไม่เห็นคนรึไงวะ?!” ทหารประตูตะโกนลั่น เขาเกือบโดนม้าตัวหนึ่งชนล้ม

นอกจากสถานการณ์พิเศษแล้ว ประตูเมืองเซกรูไม่เคยปิดเลย

ทหารเฝ้าประตูอีกคนส่งสายตาเตือนและลดเสียงลง “เจ้าไม่เห็นคนที่ขี่ม้ารึไง? นั่นลอร์ดเจคอปนะ! ปากกล้าจริง!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทหารเฝ้าประตูคนแรกก็รีบหุบปากแน่นแล้วมองไปรอบๆ อย่างตื่นๆ เขาเริ่มกังวลแล้วว่าจะมีใครจำสิ่งที่เขาสบถออกไปได้และเขาอาจจะลำบาก

ครู่ต่อมา เขาถามทหารเฝ้าประตูอีกคนอย่างงุนงง “เกิดอะไรขึ้นในเซกรูน่ะ? ทำไมลอร์ดเจคอปถึงรีบขนาดนั้น?”

“ลอร์ดเจคอป… ข้าได้ยินมาว่า… ลูกชายของลอร์ดเจคอปตายแล้ว! มีคนสังหารเขาในคฤหาสน์ แถมองครักษ์ของเขาทุกคนก็ถูกฆ่าด้วย!” ทหารเฝ้าประตูอีกคนเล่าอย่างตกใจกลัวระคนตื่นเต้น

“โอ… เจ้าหมายความว่า… อะไรนะ?!” เมื่อได้ยินดังนั้น คนเฝ้าประตูคนแรกไม่เพียงตกใจสุดขีด แต่ตื่นเต้นด้วย ชื่อเสียงของวอร์เร็นนั้นอื้อฉาว คนส่วนใหญ่เกลียดเขามาก นี่คือเรื่องใหญ่จริงๆ เรื่องใหญ่ในอีสต์เฮเวนที่ไม่ได้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว! เขาสงสัยว่าใครกันที่กล้าท้าทายอำนาจของผู้ปกครองที่ดินโดยการสังหารลูกชายของเขา!

เมื่อได้ยินเรื่องที่ทั้งสองคนคุยกัน บรรดาทหารเฝ้าประตูต่างขยับเข้ามาใกล้ๆ ชายคนที่เพิ่งได้ข่าวสดๆ ร้อนๆ นั้นถูกคะยั้นคะยอ เขาจึงเล่าให้คนพวกนั้นฟังอย่างตื่นเต้น “พวกทาสในคฤหาสน์ของวอร์เร็นหนีไปหมด! บางทีนายน้อยอาจจะโมโหไม่ถูกคน แล้วเจ้านั่นก็สังหารทาสทีละคนๆ!”

คนเฝ้าประตูคนแรกมองไปด้านหลังแล้วถอนหายใจ “วอร์เร็นเป็นลูกชายคนเดียวของลอร์ดเจคอป ท่านคงยิ่งกว่าโกรธแค้นแล้วละ ช่วงนี้เราคงต้องระมัดระวังกันจริงๆ จะได้หลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆ”

“ถูกต้อง บางคนบอกว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นตอนบ่าย แต่เสียงถูกปิดกั้นโดยวงเวทของคฤหาสน์เอง ก็เลยไม่มีใครรู้เรื่องจนค่ำ ข้าพนันได้เลยว่าตอนนี้คนที่ก่อเรื่องหนีไปได้หลายร้อยไมล์แล้วละ การที่ท่านลอร์ดจะไปจับเขานั้นแทบเป็นไปไม่ได้พร ‘มนุษย์หมาป่า’ จะทำให้เขาบ้าสุดๆ คนในอีสต์เฮเวนจะตายเปล่ากันเป็นเบือเพราะโทสะของเขา” ทหารเฝ้าประตูที่เล่าถอนหายใจ โชคดีที่พวกเขาเป็นทหารเฝ้าประตูของเมืองเซกรู ไม่ใช่อีสต์เฮเวน เจคอปจะมาลงที่พวกเขาไม่ได้ง่ายๆ เพราะลอร์ดของเมืองทั้งเก้าคน

เจคอปเป็นอัศวินระดับสี่ที่มีพร ‘มนุษย์หมาป่า’ เขาว่องไว แข็งแกร่ง ทนทาน และฟื้นตัวจากการบาดเจ็บได้เร็ว ในขณะเดียวกัน เขาก็ยังมีพลังที่เรียกว่า ‘อาละวาด’ ‘ทำลายล้าง’ ‘กลดมืดไร้เรี่ยวแรง’  และ ‘คำราม’ จุดอ่อนเพียงอย่างเดียวของ ‘พร’ นี้ คือเจคอปไม่สามารถโจมตีระยะไกลได้ และเขาจะไม่มีสติสัมปชัญญะเมื่อต้องแสงจันทร์ เขาจะกลายร่างเป็นหมาป่าตัวมหึมา

ในห้องนั่งเล่นของคฤหาสน์ของวอร์เร็น

เจคอปจ้องมองเลือดและเศษเนื้อบนพื้นด้วยดวงตาเบิกกว้าง เขาไม่อยากเชื่อว่าลูกชายที่เขาเลี้ยงมาเกือบสามสิบปี บัดนี้กลายเป็นชิ้นๆ อยู่ตรงหน้าเขา!

ขนหมาป่าเริ่มงอกออกมาจากชุดเกราะของเขา ปกคลุมหมัดที่กำแน่น

เจคอปสูดกลิ่นในอากาศ แล้วเอ่ยด้วยเสียงสุดกลั้น “กลิ่นเลือดปะปนกัน ไอ้สารเลว… มันจงใจฆ่า!”

ลูกน้องของเจคอปออกค้นหาทั่วบริเวณ พลางคิดว่าพวกเขาคงฝังได้แค่เศษเนื้อชิ้นใหญ่ๆ ของวอร์เร็น ตอนนี้ไม่มีใครอยากยืนตรงหน้าเจคอปเพื่อรองรับความเดือดดาลของเขา

“สเปนเซอร์ ใช้เวทมนตร์ตรวจดูที่นี่หน่อยว่าเราจะเจอเบาะแสอะไรบ้าง” ขนหมาป่าเริ่มงอกออกมาจากใบหน้าของเจคอป เนื่องจากความโกรธจัดและแรงขับที่จะฆ่าอย่างเต็มที่นั้นพร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ เขาจะต้องหาตัวคนชั่วที่ฆ่าลูกเขา เขาจะจับมันมาคุกเข่าต่อหน้าหลุมศพวอร์เร็นสักร้อยปีพันปี แม้ศพจะเน่าเปื่อยเหลือแต่กระดูกก็ตาม!

นักเวทระดับกลางนั้นมีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้ปกครองได้ในเมืองนี้ หรืออย่างน้อยที่สุดเป็นที่ปรึกษาหลักของลอร์ดของเมืองทั้งเก้าคน ดังนั้น เจคอป ซึ่งเป็นมหาอัศวินระดับสี่ จึงไม่สามารถหานักเวทชั้นกลางมาได้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าเขาไม่แม้แต่มีคุณสมบัติที่จะมีนักเวทชั้นกลางมาทำงานให้เขา แต่เนื่องจากความลึกลับของเวทมนตร์ เจคอปจึงยังต้องการนักเวทสักคน ชายหนุ่มจากตระกูลสเปนเซอร์ที่เขาเพิ่งคุยด้วยเป็นนักเวทระดับสอง เขาและผู้ฝึกใช้มนตราของเขาทำงานให้เจคอปในฐานะที่ปรึกษา

สเปนเซอร์หยิบลูกแก้วออกมาจากกระเป๋า วางมันบนปลายของไม้เวทมนตร์สีดำ จากนั้นลงมือร่ายเวทมนตร์ ‘โหราศาสตร์’.

ลูกแก้วกลายเป็นสีดำ ราวกับว่ามีท้องฟ้ายามราตรีอยู่ในนั้น ดวงดาวที่อยู่ในลูกแก้วมีวิถีของมันเอง

“โหราศาสตร์ไม่สามารถให้คำตอบได้ตรงๆ ดังนั้นนักเวทที่ฆ่านายน้อยจะต้องเก่งด้านโหราศาสตร์ และเพราะมันฆ่านายน้อยด้วยเวท ‘ลูกไฟ’ แสดงว่าระดับของมันจะอยู่ที่ราวๆ… สาม…” สเปนเซอร์ไม่ได้คำตอบจากลูกแก้ว แต่เขาสันนิษฐานจากประสบการณ์ของตัวเอง

ดวงตาของเจคอปเปลี่ยนเป็นสีแดง เขาชี้เศษเนื้อและเลือดบนพื้นและพังเคาน์เตอร์ของบาร์จนแหลก เจคอปตะโกน “ไอ้การระเบิดแบบนี้… มาจากนักเวทระดับสามงั้นเรอะ?!” เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อสิ่งที่สเปนเซอร์เพิ่งบอกไป

ขวดไวน์แตกกระจายเพราะเสียงโกรธเกรี้ยวของเขา แล้วไวน์ก็เปรอะนองพื้น ทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นเลือดกับไวน์ผสมกัน ซึ่งทำให้จมูกของเจคอปรับกลิ่นได้ไวน้อยกว่าปกติ

สเปนเซอร์ชี้ไปที่เศษแก้วบางชิ้นบนพื้น “ท่านลอร์ดเจคอป ดูนี่สิขอรับ ข้าเดาว่าวัตถุสำหรับเล่นแร่แปรธาตุมากมายระเบิดพร้อมกัน แสดงว่าเจ้านักเวทอาจจะควบคุมนายน้อยหรือเรจาก่อน แล้วมันก็ผูกระเบิดหลายลูกไว้ที่ตัวคนนั้น เมื่อมันร่ายเวท ‘ลูกไฟ’ ระเบิดก็เลยมีอานุภาพร้ายแรงขนาดนี้”

“ข้าไม่อยากฟังว่าวอร์เร็นตายยังไง ข้าแค่อยากรู้ไอ้สารเลวนั่นมันเป็นใคร!” เจคอปแผดเสียงราวกับคนบ้า

สเปนเซอร์สูดลมหายใจลึกแล้วร่ายคาถาอีกครั้ง คราวนี้ ไม่มีดวงดาวในลูกแก้วแล้ว แต่มีเสียงแก่ๆ น่าขนลุกดังออกมา “กุมโชคชะตาไม่อาจรู้ ที่มองย้อนเวลาที่ไหลไป… นักเวทที่เรียกข้า… เจ้าสามารถใช้อัญมณีห้าเม็ดเพื่อได้คำตอบ แต่คำตอบเดียวเท่านั้น.”

นี่คือเวทมนตร์ระดับสาม เรียกว่า ‘ปุจฉา’ ผู้ร่ายเวทสามารถถามคำถามกับปิศาจซึ่งไม่เป็นที่รู้จักได้โดยจ่ายเป็นอัญมณีมีค่าห้าเม็ด และคำตอบจะมีเพียง ใช่ หรือ ไม่ เท่านั้น ถ้าคำถามไม่ยากเกินระดับความรู้ของผู้ร่ายเวทมนตร์ ความแม่นยำจะอยู่ที่ประมาณเจ็ดสิบห้าเปอร์เซ็นต์

ดูเหมือนว่าอุปกรณ์เวทมนตร์ของสเปนเซอร์จะเป็นอุปกรณ์เวทมนตร์ระดับสาม

ทับทิมเม็ดงามห้าเม็ดหายไปทันทีที่พวกเขาสัมผัสลูกแก้ว จากนั้นสเปนเซอร์ก็ถาม “ข้าอยากรู้ว่านักเวทที่ฆ่าท่านวอร์เร็นนั้นเพิ่งรู้จักเขาเมื่อไม่กี่วันก่อนใช่หรือไม่”

เมื่อช่วงเวลาแคบลง การสืบสวนก็จะง่ายขึ้น

เสียงชั่วร้ายนั่นตอบทันที “ใช่”

ได้ยินดังนั้น เจคอปก็รับออกคำสั่ง “เจ้า เจ้า และเจ้า ไปตรวจดูเดี๋ยวนี้! อย่าชักช้า! ก่อนที่ไอ้ชั่วนั่นจะออกไปจากที่นี่!”

อัศวินเกือบทั้งหมดรีบออกจนกคฤหาสน์ สเปนเซอร์กับอัศวินอีกสองคนตรวจตราห้องนั่งเล่นส่วนที่เหลือ แต่ไม่พบข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์ พวกเขาจึงตัดสินใจไปยังห้องที่ขังพวกทาสไว้เพื่อดูว่าจะหาอะไรเจอบ้าง สเปนเซอร์ยังส่งสารไปยังลูกศิษย์ของเขาให้มาช่วย

เจคอปถูหน้าผากแล้วพูดว่า “สเปนเซอร์ ข้าต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่เจ้าแล้วละ ความเดือดดาลรบกวนข้าจนคิดอะไรไม่ออก เราต้องหาตัวได้ชาติชั่วนั่น!”

สเปนเซอร์พยักหน้า และรีบออกจากคฤหาสน์พร้อมด้วยอัศวินสองคนเพื่อดูว่าจะเจอเบาะแสอะไรบ้าง

ห้องนั่งเล่นกลับมาเงียบสงบทันที ซึ่งทำให้เจคอปรู้สึกยิ่งกว่าถูกรบกวนเสียอีก

เขาเดินไปเดินมาอยู่ในห้องนั่งเล่น มีใยแมงมุมสีเทาโผล่มาจากไหนไม่รู้บนเท้าทั้งสองข้างของเขา แล้วเจคอปก็ติดใยแมงมุมแน่น!

ร่างร่างหนึ่งปรากฏตรงมุมที่กลิ่นไวน์ฉุนจัด ชายคนนั้นสวมเสื้อคลุมคับสีแดงอมน้ำตาล กางเกงสีขาวและรองเท้าบูทสีดำ และสวมแว่นตาเดียวบนใบหน้าดูดีและมีรอยยิ้ม

ลูเซียนไม่ได้ออกจากคฤหาสน์เลย! เขาซ่อนตัวอยู่ในมุมที่ปลอดภัยโดยให้กลิ่นไวน์กับเลือดผสมกันช่วยกลบ! ไม่มีใครคาดว่าเขาจะทำแบบนี้!

ลูเซียนอดทนมาก เขารออยู่ที่นี่มาประมาณสี่ถึงห้าชั่วโมง คอยโอกาสที่สังหารเจคอปต่อ ถ้าไม่ฆ่า ในที่สุดเจคอปก็จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และนั่นจะทำให้ความพยายามในการฆ่าวอร์เร็นนั้นสูญเปล่า ลูเซียนจึงต้องให้เจคอปตาย! เมื่อเจคอปตาย ผู้ปกครองทั้งหมดก็จะต่อสู้แย่งดินแดนและสมบัติ และจะไม่มีใครสนใจว่าเขาถูกฆ่าอย่างไรและเป็นฝีมือใคร!

นั่นแหละคือวิธีที่ลูเซียนเก็บกวาดเรื่องต่างๆ หลังจากนั้น

………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา 262 เก็บกวาด

Now you are reading Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา Chapter 262 เก็บกวาด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ท่ามกลางเสียงฝีเท้าม้าดังหนักๆ ม้าเกล็ดมังกรเจ็ดหรือแปดตัววิ่งควบออกจากประตูเมืองเซกรู มุ่งหน้าไปทางตะวันออกเฉียงใต้

“ห่าเอ๊ย! มองไม่เห็นคนรึไงวะ?!” ทหารประตูตะโกนลั่น เขาเกือบโดนม้าตัวหนึ่งชนล้ม

นอกจากสถานการณ์พิเศษแล้ว ประตูเมืองเซกรูไม่เคยปิดเลย

ทหารเฝ้าประตูอีกคนส่งสายตาเตือนและลดเสียงลง “เจ้าไม่เห็นคนที่ขี่ม้ารึไง? นั่นลอร์ดเจคอปนะ! ปากกล้าจริง!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทหารเฝ้าประตูคนแรกก็รีบหุบปากแน่นแล้วมองไปรอบๆ อย่างตื่นๆ เขาเริ่มกังวลแล้วว่าจะมีใครจำสิ่งที่เขาสบถออกไปได้และเขาอาจจะลำบาก

ครู่ต่อมา เขาถามทหารเฝ้าประตูอีกคนอย่างงุนงง “เกิดอะไรขึ้นในเซกรูน่ะ? ทำไมลอร์ดเจคอปถึงรีบขนาดนั้น?”

“ลอร์ดเจคอป… ข้าได้ยินมาว่า… ลูกชายของลอร์ดเจคอปตายแล้ว! มีคนสังหารเขาในคฤหาสน์ แถมองครักษ์ของเขาทุกคนก็ถูกฆ่าด้วย!” ทหารเฝ้าประตูอีกคนเล่าอย่างตกใจกลัวระคนตื่นเต้น

“โอ… เจ้าหมายความว่า… อะไรนะ?!” เมื่อได้ยินดังนั้น คนเฝ้าประตูคนแรกไม่เพียงตกใจสุดขีด แต่ตื่นเต้นด้วย ชื่อเสียงของวอร์เร็นนั้นอื้อฉาว คนส่วนใหญ่เกลียดเขามาก นี่คือเรื่องใหญ่จริงๆ เรื่องใหญ่ในอีสต์เฮเวนที่ไม่ได้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว! เขาสงสัยว่าใครกันที่กล้าท้าทายอำนาจของผู้ปกครองที่ดินโดยการสังหารลูกชายของเขา!

เมื่อได้ยินเรื่องที่ทั้งสองคนคุยกัน บรรดาทหารเฝ้าประตูต่างขยับเข้ามาใกล้ๆ ชายคนที่เพิ่งได้ข่าวสดๆ ร้อนๆ นั้นถูกคะยั้นคะยอ เขาจึงเล่าให้คนพวกนั้นฟังอย่างตื่นเต้น “พวกทาสในคฤหาสน์ของวอร์เร็นหนีไปหมด! บางทีนายน้อยอาจจะโมโหไม่ถูกคน แล้วเจ้านั่นก็สังหารทาสทีละคนๆ!”

คนเฝ้าประตูคนแรกมองไปด้านหลังแล้วถอนหายใจ “วอร์เร็นเป็นลูกชายคนเดียวของลอร์ดเจคอป ท่านคงยิ่งกว่าโกรธแค้นแล้วละ ช่วงนี้เราคงต้องระมัดระวังกันจริงๆ จะได้หลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆ”

“ถูกต้อง บางคนบอกว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นตอนบ่าย แต่เสียงถูกปิดกั้นโดยวงเวทของคฤหาสน์เอง ก็เลยไม่มีใครรู้เรื่องจนค่ำ ข้าพนันได้เลยว่าตอนนี้คนที่ก่อเรื่องหนีไปได้หลายร้อยไมล์แล้วละ การที่ท่านลอร์ดจะไปจับเขานั้นแทบเป็นไปไม่ได้พร ‘มนุษย์หมาป่า’ จะทำให้เขาบ้าสุดๆ คนในอีสต์เฮเวนจะตายเปล่ากันเป็นเบือเพราะโทสะของเขา” ทหารเฝ้าประตูที่เล่าถอนหายใจ โชคดีที่พวกเขาเป็นทหารเฝ้าประตูของเมืองเซกรู ไม่ใช่อีสต์เฮเวน เจคอปจะมาลงที่พวกเขาไม่ได้ง่ายๆ เพราะลอร์ดของเมืองทั้งเก้าคน

เจคอปเป็นอัศวินระดับสี่ที่มีพร ‘มนุษย์หมาป่า’ เขาว่องไว แข็งแกร่ง ทนทาน และฟื้นตัวจากการบาดเจ็บได้เร็ว ในขณะเดียวกัน เขาก็ยังมีพลังที่เรียกว่า ‘อาละวาด’ ‘ทำลายล้าง’ ‘กลดมืดไร้เรี่ยวแรง’  และ ‘คำราม’ จุดอ่อนเพียงอย่างเดียวของ ‘พร’ นี้ คือเจคอปไม่สามารถโจมตีระยะไกลได้ และเขาจะไม่มีสติสัมปชัญญะเมื่อต้องแสงจันทร์ เขาจะกลายร่างเป็นหมาป่าตัวมหึมา

ในห้องนั่งเล่นของคฤหาสน์ของวอร์เร็น

เจคอปจ้องมองเลือดและเศษเนื้อบนพื้นด้วยดวงตาเบิกกว้าง เขาไม่อยากเชื่อว่าลูกชายที่เขาเลี้ยงมาเกือบสามสิบปี บัดนี้กลายเป็นชิ้นๆ อยู่ตรงหน้าเขา!

ขนหมาป่าเริ่มงอกออกมาจากชุดเกราะของเขา ปกคลุมหมัดที่กำแน่น

เจคอปสูดกลิ่นในอากาศ แล้วเอ่ยด้วยเสียงสุดกลั้น “กลิ่นเลือดปะปนกัน ไอ้สารเลว… มันจงใจฆ่า!”

ลูกน้องของเจคอปออกค้นหาทั่วบริเวณ พลางคิดว่าพวกเขาคงฝังได้แค่เศษเนื้อชิ้นใหญ่ๆ ของวอร์เร็น ตอนนี้ไม่มีใครอยากยืนตรงหน้าเจคอปเพื่อรองรับความเดือดดาลของเขา

“สเปนเซอร์ ใช้เวทมนตร์ตรวจดูที่นี่หน่อยว่าเราจะเจอเบาะแสอะไรบ้าง” ขนหมาป่าเริ่มงอกออกมาจากใบหน้าของเจคอป เนื่องจากความโกรธจัดและแรงขับที่จะฆ่าอย่างเต็มที่นั้นพร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ เขาจะต้องหาตัวคนชั่วที่ฆ่าลูกเขา เขาจะจับมันมาคุกเข่าต่อหน้าหลุมศพวอร์เร็นสักร้อยปีพันปี แม้ศพจะเน่าเปื่อยเหลือแต่กระดูกก็ตาม!

นักเวทระดับกลางนั้นมีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้ปกครองได้ในเมืองนี้ หรืออย่างน้อยที่สุดเป็นที่ปรึกษาหลักของลอร์ดของเมืองทั้งเก้าคน ดังนั้น เจคอป ซึ่งเป็นมหาอัศวินระดับสี่ จึงไม่สามารถหานักเวทชั้นกลางมาได้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าเขาไม่แม้แต่มีคุณสมบัติที่จะมีนักเวทชั้นกลางมาทำงานให้เขา แต่เนื่องจากความลึกลับของเวทมนตร์ เจคอปจึงยังต้องการนักเวทสักคน ชายหนุ่มจากตระกูลสเปนเซอร์ที่เขาเพิ่งคุยด้วยเป็นนักเวทระดับสอง เขาและผู้ฝึกใช้มนตราของเขาทำงานให้เจคอปในฐานะที่ปรึกษา

สเปนเซอร์หยิบลูกแก้วออกมาจากกระเป๋า วางมันบนปลายของไม้เวทมนตร์สีดำ จากนั้นลงมือร่ายเวทมนตร์ ‘โหราศาสตร์’.

ลูกแก้วกลายเป็นสีดำ ราวกับว่ามีท้องฟ้ายามราตรีอยู่ในนั้น ดวงดาวที่อยู่ในลูกแก้วมีวิถีของมันเอง

“โหราศาสตร์ไม่สามารถให้คำตอบได้ตรงๆ ดังนั้นนักเวทที่ฆ่านายน้อยจะต้องเก่งด้านโหราศาสตร์ และเพราะมันฆ่านายน้อยด้วยเวท ‘ลูกไฟ’ แสดงว่าระดับของมันจะอยู่ที่ราวๆ… สาม…” สเปนเซอร์ไม่ได้คำตอบจากลูกแก้ว แต่เขาสันนิษฐานจากประสบการณ์ของตัวเอง

ดวงตาของเจคอปเปลี่ยนเป็นสีแดง เขาชี้เศษเนื้อและเลือดบนพื้นและพังเคาน์เตอร์ของบาร์จนแหลก เจคอปตะโกน “ไอ้การระเบิดแบบนี้… มาจากนักเวทระดับสามงั้นเรอะ?!” เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อสิ่งที่สเปนเซอร์เพิ่งบอกไป

ขวดไวน์แตกกระจายเพราะเสียงโกรธเกรี้ยวของเขา แล้วไวน์ก็เปรอะนองพื้น ทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นเลือดกับไวน์ผสมกัน ซึ่งทำให้จมูกของเจคอปรับกลิ่นได้ไวน้อยกว่าปกติ

สเปนเซอร์ชี้ไปที่เศษแก้วบางชิ้นบนพื้น “ท่านลอร์ดเจคอป ดูนี่สิขอรับ ข้าเดาว่าวัตถุสำหรับเล่นแร่แปรธาตุมากมายระเบิดพร้อมกัน แสดงว่าเจ้านักเวทอาจจะควบคุมนายน้อยหรือเรจาก่อน แล้วมันก็ผูกระเบิดหลายลูกไว้ที่ตัวคนนั้น เมื่อมันร่ายเวท ‘ลูกไฟ’ ระเบิดก็เลยมีอานุภาพร้ายแรงขนาดนี้”

“ข้าไม่อยากฟังว่าวอร์เร็นตายยังไง ข้าแค่อยากรู้ไอ้สารเลวนั่นมันเป็นใคร!” เจคอปแผดเสียงราวกับคนบ้า

สเปนเซอร์สูดลมหายใจลึกแล้วร่ายคาถาอีกครั้ง คราวนี้ ไม่มีดวงดาวในลูกแก้วแล้ว แต่มีเสียงแก่ๆ น่าขนลุกดังออกมา “กุมโชคชะตาไม่อาจรู้ ที่มองย้อนเวลาที่ไหลไป… นักเวทที่เรียกข้า… เจ้าสามารถใช้อัญมณีห้าเม็ดเพื่อได้คำตอบ แต่คำตอบเดียวเท่านั้น.”

นี่คือเวทมนตร์ระดับสาม เรียกว่า ‘ปุจฉา’ ผู้ร่ายเวทสามารถถามคำถามกับปิศาจซึ่งไม่เป็นที่รู้จักได้โดยจ่ายเป็นอัญมณีมีค่าห้าเม็ด และคำตอบจะมีเพียง ใช่ หรือ ไม่ เท่านั้น ถ้าคำถามไม่ยากเกินระดับความรู้ของผู้ร่ายเวทมนตร์ ความแม่นยำจะอยู่ที่ประมาณเจ็ดสิบห้าเปอร์เซ็นต์

ดูเหมือนว่าอุปกรณ์เวทมนตร์ของสเปนเซอร์จะเป็นอุปกรณ์เวทมนตร์ระดับสาม

ทับทิมเม็ดงามห้าเม็ดหายไปทันทีที่พวกเขาสัมผัสลูกแก้ว จากนั้นสเปนเซอร์ก็ถาม “ข้าอยากรู้ว่านักเวทที่ฆ่าท่านวอร์เร็นนั้นเพิ่งรู้จักเขาเมื่อไม่กี่วันก่อนใช่หรือไม่”

เมื่อช่วงเวลาแคบลง การสืบสวนก็จะง่ายขึ้น

เสียงชั่วร้ายนั่นตอบทันที “ใช่”

ได้ยินดังนั้น เจคอปก็รับออกคำสั่ง “เจ้า เจ้า และเจ้า ไปตรวจดูเดี๋ยวนี้! อย่าชักช้า! ก่อนที่ไอ้ชั่วนั่นจะออกไปจากที่นี่!”

อัศวินเกือบทั้งหมดรีบออกจนกคฤหาสน์ สเปนเซอร์กับอัศวินอีกสองคนตรวจตราห้องนั่งเล่นส่วนที่เหลือ แต่ไม่พบข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์ พวกเขาจึงตัดสินใจไปยังห้องที่ขังพวกทาสไว้เพื่อดูว่าจะหาอะไรเจอบ้าง สเปนเซอร์ยังส่งสารไปยังลูกศิษย์ของเขาให้มาช่วย

เจคอปถูหน้าผากแล้วพูดว่า “สเปนเซอร์ ข้าต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่เจ้าแล้วละ ความเดือดดาลรบกวนข้าจนคิดอะไรไม่ออก เราต้องหาตัวได้ชาติชั่วนั่น!”

สเปนเซอร์พยักหน้า และรีบออกจากคฤหาสน์พร้อมด้วยอัศวินสองคนเพื่อดูว่าจะเจอเบาะแสอะไรบ้าง

ห้องนั่งเล่นกลับมาเงียบสงบทันที ซึ่งทำให้เจคอปรู้สึกยิ่งกว่าถูกรบกวนเสียอีก

เขาเดินไปเดินมาอยู่ในห้องนั่งเล่น มีใยแมงมุมสีเทาโผล่มาจากไหนไม่รู้บนเท้าทั้งสองข้างของเขา แล้วเจคอปก็ติดใยแมงมุมแน่น!

ร่างร่างหนึ่งปรากฏตรงมุมที่กลิ่นไวน์ฉุนจัด ชายคนนั้นสวมเสื้อคลุมคับสีแดงอมน้ำตาล กางเกงสีขาวและรองเท้าบูทสีดำ และสวมแว่นตาเดียวบนใบหน้าดูดีและมีรอยยิ้ม

ลูเซียนไม่ได้ออกจากคฤหาสน์เลย! เขาซ่อนตัวอยู่ในมุมที่ปลอดภัยโดยให้กลิ่นไวน์กับเลือดผสมกันช่วยกลบ! ไม่มีใครคาดว่าเขาจะทำแบบนี้!

ลูเซียนอดทนมาก เขารออยู่ที่นี่มาประมาณสี่ถึงห้าชั่วโมง คอยโอกาสที่สังหารเจคอปต่อ ถ้าไม่ฆ่า ในที่สุดเจคอปก็จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และนั่นจะทำให้ความพยายามในการฆ่าวอร์เร็นนั้นสูญเปล่า ลูเซียนจึงต้องให้เจคอปตาย! เมื่อเจคอปตาย ผู้ปกครองทั้งหมดก็จะต่อสู้แย่งดินแดนและสมบัติ และจะไม่มีใครสนใจว่าเขาถูกฆ่าอย่างไรและเป็นฝีมือใคร!

นั่นแหละคือวิธีที่ลูเซียนเก็บกวาดเรื่องต่างๆ หลังจากนั้น

………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+