Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา 287 พบกันใหม่

Now you are reading Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา Chapter 287 พบกันใหม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฟรานซ์มีความรู้สึกที่เต็มไปด้วยอารมณ์ “ข้าต้องใช้แรงงาน อย่างหนัก… แล้วก็ต้องศึกษาดนตรีและการประพันธ์เพลงตลอดทั้งคืน ไม่นาน ร่างกายก็อ่อนแอลง สภาพจิตใจก็ไม่เป็นสุข ข้าไม่มีสมาธิ คนรอบตัวก็บอกกับข้าว่าเดินอย่างกับศพ มีแต่คนบอกให้ข้าเลิกเล่นดนตรี แม้พวกเขาจะรู้ว่าเพลงของข้าไม่ได้แย่เลย… ข้าเองก็รู้ดี ข้าไม่อาจหาเลี้ยงปากท้องแม่ น้องสาวและน้องชายด้วยดนตรี ชีวิตข้าเต็มไปด้วยความกดดัน… เหนื่อยสายตัวแทบขาดในแต่ละวัน ข้ากำลังจะล้มเลิกความฝัน เพราะข้าไม่อาจอยู่โดยเห็นแก่ตัว ข้ายังมีครอบครัว”

น้ำเสียงของฟรานซ์ราวกับว่าเขากำลังจะร้องไห้ นักดนตรีและผู้ศึกษาดนตรีที่อยู่ในโรงละครต่างรู้สึกเหมือนกัน พวกเขารู้ดีว่าเส้นทางนักดนตรียากเพียงไหน ไหนจะแรงกดดันที่ต้องเผชิญอีกมากมาย นักดนตรีต่างต้องเผชิญกับความเหน็ดเหนื่อยไม่ได้หยุดหย่อนตลอดเวลา เฝ้ารอวันที่ความสามารถจะถูกเปิดเผยออกมา

แน่นอน พวกเขาต้องยอมรับว่าความยากลำบากในชีวิตที่เผชิญยังเทียบไม่ได้กับความเหนื่อยยากของฟรานซ์ ฉะนั้น ทุกคนต่างรู้สึกว่าต้องมุ่งมั่นทำงานหนักและยึดมั่นในความฝันยิ่งกว่าเดิม จนกว่าวันหนึ่งจะมีโอกาสได้ยืนอยู่บนเวทีเหมือนฟรานซ์

ในความคิดของคนฟัง ฟรานซ์ หลังจากแสดงทักษะการเล่นเปียโนอันยอดเยี่ยม และได้รับคำชมจากอีวานส์ ก็กลายเป็นนักดนตรีที่ประสบความสำเร็จแล้ว ความสนอกสนใจที่ฟรานซ์ได้รับในตอนนี้เปรียบเทียบได้กับตอนที่อีวานส์ได้รับคำชมจากคริสโตเฟอร์มากมายเช่นกัน

เมื่อมองที่ชายหนุ่มบนเวที ลูเซียนก็รู้สึกประทับใจเช่นกัน หากเขาไม่ลงทุนเสี่ยงชีวิตในการพัฒนาพลังวิญญาณ และทำให้ความทรงจำก็มีศักยภาพมากขึ้น ถึงแม้เขาจะมีห้องสมุดห้วงจิต ลูเซียนก็ยังเผชิญปัญหามากมายในการศึกษาดนตรีในสมัยนั้น หากไม่มีพื้นฐานความรู้ทฤษฎีดนตรีที่เหมาะสม แม้ลูเซียนจะมีผลงานบทประพันธ์ชิ้นเอกในห้องสมุดห้วงจิตก็ตาม เขาก็คงไม่กล้านำเสนอบทเพลงเหล่านั้นสู่สาธารณะ

ฟรานซ์อธิบายต่อ “สมัยที่ข้าคิดจะล้มเลิกความฝันด้านดนตรี ข้าตัดสินใจไปที่การแสดงเล็กๆ แห่งหนึ่งเพื่อบอกลาอาชีพที่ข้ารัก แต่ว่า นั่นเป็นการบั่นทอนความรักต่อดนตรี ตอนข้ากำลังดูการแสดง หัวใจของข้าตกอยู่ในภวังค์แห่งซิมโฟนี โซนาตา และคอนแชร์โต จนได้รู้ว่าความหมายของชีวิตของข้ามีเพียงดนตรี ชีวิตตอนนั้นมีแต่ความเจ็บปวด ข้าเกือบจะเลิกอยู่แล้ว แต่… ตอนนั้นเอง ข้าก็ได้ฟังท่อนเปิดของ ‘ซิมโฟนีแห่งชะตาชีวิต’ อันงดงาม! ท่วงทำนองและความรวดเร็วอันหนักแน่นเกาะกินหัวใจข้า เหมือนกับภาระอันหนักอึ้งที่แบกไว้ในชีวิต แต่ในซิมโฟนีเพลงนี้ ข้าก็ได้ยินเสียงแห่งความมุ่งมั่น… ข้าได้ยินความห้าวหาญดั่งวีรบุรุษ! ข้าได้ยินท่านอีวานส์ถามข้า ‘เจ้าจะล้มเลิกและยอมแพ้ต่อชีวิตแล้วหรือ?’ ชีวิตทำให้เจ้าต้องเลิกเล่นดนตรีหรือเจ้าเลิกด้วยตัวเจ้าเอง? เราจะสู้หรือถอยคนขี้ขลาด? เมื่อซิมโฟนีจบลง ข้าก็พบคำตอบ หลังจากวันนั้น ข้าก็เลิกทำงานและกลายมาเป็นกวี ถ้าพูดตามตรง สมัยนั้นข้าดูถูกกวีข้างถนนมาตลอด… ทุกครั้งที่รู้สึกเหมือนชีวิตมาถึงสุดทางแล้ว ข้าจะบรรเลงเพลง ‘ซิมโฟนีแห่งชะตาชีวิต’ และ ‘โซนาตาแห่งเวทนา’ ให้กับตัวเอง แล้วทุกๆ อย่างก็ค่อยๆ ดีขึ้น ข้าเริ่มหาเลี้ยงครอบครัวได้ และรู้สึกเป็นอิสระในการไล่ตามความฝัน”

ฟรานซ์วางมือขวาแทบอกและโค้งคำนับให้กับลูเซียนด้วยความเคารพอย่างสูง “หากไม่มีท่าน ท่านอีวานส์ ไม่มีความเชื่อและความกล้าในดนตรีของท่าน ข้าจะไม่มีวันมาถึงตรงนี้ ท่านคือแบบอย่างของข้า และถือเป็นเกียรติอันสูงสุดที่มีท่านร่วมอยู่ในการแสดงครั้งแรกในชีวิตของข้า ขอขอบคุณอีกครั้ง ท่านอีวานส์”

เสียงตบมือดังสนั่นลั่นไปทั้งโรงละคร

“เจ้าต่างหากที่เป็นคนตัดสินใจได้ถูกต้อง” ลูเซียนกล่าวด้วยอารมณ์ตื้นตัน

หลังจากนั้น ทั้งคริสโตเฟอร์และวิกเตอร์ต่างก็แสดงความเห็นชื่นชมฟรานซ์

ต่อมา ชายหนุ่มผู้แรงใจเปี่ยมล้นคนนี้ก็แสดงให้เห็นถึงรูปแบบดนตรีอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาในท่อนซิมโฟนี แม้ดนตรีของเขาจะยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่ความรู้สึกอันแท้จริงและความหวังอันสูงสุดซ่อนอยู่ในเพลงก็งดงามราวกับสายลมอ่อนโยนในฤดูใบไม้ผลิที่ปลอบประโลมหัวใจของผู้คน

ขณะที่ลูเซียนตั้งใจฟังซิมโฟนีของฟรานซ์  สตรีสามคนก็เดินเข้ามาในโรงละคร คนหนึ่งผมสีแดงและมีริมฝีปากอวบอิ่ม คนหนึ่งตาสีเขียวและหน้าหวาน และอีกคนหนึ่งผมดำดูเป็นผู้ใหญ่และงดงาม

เฟลิเซีย เอเลน่า และเกรซ หลังจากได้ยินข่าวว่าลูเซียนกลับมา ทั้งสามก็รีบมายังโรงละครพร้อมๆ กัน

เมื่อเห็นนักดนตรีหนุ่มมากพรสวรรค์นั่งอยู่แถวหน้าสุด ทั้งสามก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ‘เป็นเขาจริงๆ’

ลูเซียนเองก็สังเกตเห็นว่าสหายของเขามาถึง เขาหันกลับไปยิ้มกว้างให้ แล้วก็ยกมือขึ้นมาทำท่าที่ปากส่งสัญญาณให้หญิงสาวทั้งสามนางเงียบ และดื่มด่ำไปกับดนตรี

เฟลิเซีย สาวน้อยสตรีชนชั้นสูงจากเมื่อสามปีที่แล้ว ตอนนี้ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เห็นได้ชัดว่าการเดินทางกับวิกเตอร์ให้บทเรียนกับนางมากมาย รูปร่างภายนอกของเอเลน่าเปลี่ยนไปมาก ใบหน้าที่ดูค่อนข้างเหนื่อยทรงผมม้วนเก็บอย่างงดงามบนศีรษะทำให้เธอดูหวานและสวยสะพรั่ง ส่วนเกรซก็ดูผ่อนคลายขึ้นมากหลังจากภาระที่ติดค้างอยู่ในใจถูกยกออกไป

สามปีผ่านไป แม้ว่าพวกนางจะได้เห็นชื่อของลูเซียนบนหน้าหนังสือพิมพ์บ่อยครั้ง พวกนางก็ยังรู้สึกแปลกๆ อยู่บ้างเมื่อได้เจอกับลูเซียน

และลูเซียนเองก็รู้สึกเหมือนกัน

หลังการแสดงจบ ลูเซียนนัดหมายกับฟรานซ์ในวันรุ่งขึ้นเพื่อพูดคุยถึงการพัฒนาดนตรีจากคำประพันธ์ขนาดยาว  แล้วเขาก็แวะไปยังสถานที่ที่คุ้นเคย บ้านเลขที่ 12 ถนนซเนห์วา พร้อมกับวิกเตอร์และเหล่าสหาย วิกเตอร์จัดงานเลี้ยงมื้อกลางวันต้อนรับการกลับมาของลูเซียน

หลังจากวิกเตอร์ขอตัวไปสั่งงานครับพ่อบ้านอาธี เฟลิเซียและเอเลน่าซึ่งนั่งเงียบมาตลอดทาง ก็พูดกับเขาในที่สุด “ยินดีต้อนรับกลับมา ลูเซียน”

เวลาผ่านมาเนิ่นนาน และพวกนางไม่รู้ว่าจะเริ่มหรือควรพูดอะไรกับลูเซียนก่อนดี

“ท่านอีวานส์ ขอบคุณสำหรับจดหมายฉบับนั้นนะคะ” เกรซก็แสดงความซาบซึ้งบุญคุณของนาง

ลูเซียนยิ้มและเริ่มเล่าถึงประสบการณ์ที่น่าสนใจบางอย่างที่เขาเจอระหว่างการเดินทาง แล้วไม่นานทั้งหมดก็ค่อยๆ รู้สึกสบายใจมากขึ้น

ตอนนั้นเอง คนรับใช้เปิดประตูห้องเข้ามา และก็มีผู้หญิงร่างใหญ่ดูกำยำสวมชุดกระโปรงยาวที่รัดแน่นวิ่งเข้ามา นางโผเข้ากอดลูเซียนในทันทีและเริ่มร้องไห้ “ในที่สุด! ในที่สุดเจ้าก็กลับมา! ข้าคิดว่าเจ้าจะเจอตัว เจอหมาป่า…”

หลังจากได้รับข้อความจากวิกเตอร์ นางก็รีบมาที่นี่พร้อมกับโจเอลและไอเว็น

“อะลิซ่า ปล่อยอีวานส์เถอะ” โจเอลยิ้ม “เขาไม่กลัวพวกนั้นหรอก… แล้วก็ ยินดีต้อนรับกลับมานะ”

ชีวิตชนชั้นสูงไม่ได้ช่วยชะลอความแก่ของโจเอล การทำงานหนักมาหลายปีทำให้เขามีริ้วรอยเหี่ยวย่นเพิ่มมากขึ้น

“ข้าคิดถึงทุกคนตลอดเวลา” ลูเซียนพูดด้วยน้ำเสียงตื้นตันใจ

โจเอลเรียกลูกชายเข้ามา “ไอเว็น มานี่สิ… ทักทายลูเซียนหน่อย”

ไอเว็นเปลี่ยนไปมาก หากอธิบายโดยละเอียด เขาน่าจะเป็นคนที่เปลี่ยนไปเยอะที่สุด เขาโตเป็นผู้ใหญ่จนกระทั่งตอนนี้สูงกว่าลูเซียนแล้วนิดหน่อย ไม่ต่างจากพี่ชายและพ่อ ใบหน้าวัยรุ่นของไอเว็นเริ่มดูหล่อเหลาและมีหนวดเครา

เมื่อมองหน้าลูเซียน ไอเว็นท่าทางค่อนข้างเขินอาย ราวกับว่าเขาเจอคนแปลกหน้า เมื่อค้อมศีรษะลง ไอเว็นก็พูดกับลูเซียนออกมา “ยินดีต้อนรับกลับมา”

สามปีเป็นเวลาที่ยาวนานสำหรับไอเว็น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งจะรู้สึกเขินอาย

หลังจากสนทนาพาทีกันอยู่สักพัก ลูเซียนก็เริ่มรู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับความพยายามของป้าอะลิซ่าในการหาภรรยาให้กับเขาและเร่งเร้าให้เขามีลูก เขาจึงขอตัวเพื่อหลบไปเข้าห้องน้ำ

ตอนนั้นเอง เกรซก็เดินตามเขามา “ข้ามีอะไรบางอย่างจะบอกท่านค่ะ ท่านอีวานส์” เกรซพูดเสียงเบามาก

“อะไรหรือ?” ลูเซียนรู้สึกประหลาดใจ

“หลังจากข้ามาถึงอัลโต้ ครั้งหนึ่ง มีชายที่แต่งตัวเหมือนตัวตลกแอบถามข้าเกี่ยวกับท่าน” เกรซตรงเข้าประเด็นทันที

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา 287 พบกันใหม่

Now you are reading Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา Chapter 287 พบกันใหม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฟรานซ์มีความรู้สึกที่เต็มไปด้วยอารมณ์ “ข้าต้องใช้แรงงาน อย่างหนัก… แล้วก็ต้องศึกษาดนตรีและการประพันธ์เพลงตลอดทั้งคืน ไม่นาน ร่างกายก็อ่อนแอลง สภาพจิตใจก็ไม่เป็นสุข ข้าไม่มีสมาธิ คนรอบตัวก็บอกกับข้าว่าเดินอย่างกับศพ มีแต่คนบอกให้ข้าเลิกเล่นดนตรี แม้พวกเขาจะรู้ว่าเพลงของข้าไม่ได้แย่เลย… ข้าเองก็รู้ดี ข้าไม่อาจหาเลี้ยงปากท้องแม่ น้องสาวและน้องชายด้วยดนตรี ชีวิตข้าเต็มไปด้วยความกดดัน… เหนื่อยสายตัวแทบขาดในแต่ละวัน ข้ากำลังจะล้มเลิกความฝัน เพราะข้าไม่อาจอยู่โดยเห็นแก่ตัว ข้ายังมีครอบครัว”

น้ำเสียงของฟรานซ์ราวกับว่าเขากำลังจะร้องไห้ นักดนตรีและผู้ศึกษาดนตรีที่อยู่ในโรงละครต่างรู้สึกเหมือนกัน พวกเขารู้ดีว่าเส้นทางนักดนตรียากเพียงไหน ไหนจะแรงกดดันที่ต้องเผชิญอีกมากมาย นักดนตรีต่างต้องเผชิญกับความเหน็ดเหนื่อยไม่ได้หยุดหย่อนตลอดเวลา เฝ้ารอวันที่ความสามารถจะถูกเปิดเผยออกมา

แน่นอน พวกเขาต้องยอมรับว่าความยากลำบากในชีวิตที่เผชิญยังเทียบไม่ได้กับความเหนื่อยยากของฟรานซ์ ฉะนั้น ทุกคนต่างรู้สึกว่าต้องมุ่งมั่นทำงานหนักและยึดมั่นในความฝันยิ่งกว่าเดิม จนกว่าวันหนึ่งจะมีโอกาสได้ยืนอยู่บนเวทีเหมือนฟรานซ์

ในความคิดของคนฟัง ฟรานซ์ หลังจากแสดงทักษะการเล่นเปียโนอันยอดเยี่ยม และได้รับคำชมจากอีวานส์ ก็กลายเป็นนักดนตรีที่ประสบความสำเร็จแล้ว ความสนอกสนใจที่ฟรานซ์ได้รับในตอนนี้เปรียบเทียบได้กับตอนที่อีวานส์ได้รับคำชมจากคริสโตเฟอร์มากมายเช่นกัน

เมื่อมองที่ชายหนุ่มบนเวที ลูเซียนก็รู้สึกประทับใจเช่นกัน หากเขาไม่ลงทุนเสี่ยงชีวิตในการพัฒนาพลังวิญญาณ และทำให้ความทรงจำก็มีศักยภาพมากขึ้น ถึงแม้เขาจะมีห้องสมุดห้วงจิต ลูเซียนก็ยังเผชิญปัญหามากมายในการศึกษาดนตรีในสมัยนั้น หากไม่มีพื้นฐานความรู้ทฤษฎีดนตรีที่เหมาะสม แม้ลูเซียนจะมีผลงานบทประพันธ์ชิ้นเอกในห้องสมุดห้วงจิตก็ตาม เขาก็คงไม่กล้านำเสนอบทเพลงเหล่านั้นสู่สาธารณะ

ฟรานซ์อธิบายต่อ “สมัยที่ข้าคิดจะล้มเลิกความฝันด้านดนตรี ข้าตัดสินใจไปที่การแสดงเล็กๆ แห่งหนึ่งเพื่อบอกลาอาชีพที่ข้ารัก แต่ว่า นั่นเป็นการบั่นทอนความรักต่อดนตรี ตอนข้ากำลังดูการแสดง หัวใจของข้าตกอยู่ในภวังค์แห่งซิมโฟนี โซนาตา และคอนแชร์โต จนได้รู้ว่าความหมายของชีวิตของข้ามีเพียงดนตรี ชีวิตตอนนั้นมีแต่ความเจ็บปวด ข้าเกือบจะเลิกอยู่แล้ว แต่… ตอนนั้นเอง ข้าก็ได้ฟังท่อนเปิดของ ‘ซิมโฟนีแห่งชะตาชีวิต’ อันงดงาม! ท่วงทำนองและความรวดเร็วอันหนักแน่นเกาะกินหัวใจข้า เหมือนกับภาระอันหนักอึ้งที่แบกไว้ในชีวิต แต่ในซิมโฟนีเพลงนี้ ข้าก็ได้ยินเสียงแห่งความมุ่งมั่น… ข้าได้ยินความห้าวหาญดั่งวีรบุรุษ! ข้าได้ยินท่านอีวานส์ถามข้า ‘เจ้าจะล้มเลิกและยอมแพ้ต่อชีวิตแล้วหรือ?’ ชีวิตทำให้เจ้าต้องเลิกเล่นดนตรีหรือเจ้าเลิกด้วยตัวเจ้าเอง? เราจะสู้หรือถอยคนขี้ขลาด? เมื่อซิมโฟนีจบลง ข้าก็พบคำตอบ หลังจากวันนั้น ข้าก็เลิกทำงานและกลายมาเป็นกวี ถ้าพูดตามตรง สมัยนั้นข้าดูถูกกวีข้างถนนมาตลอด… ทุกครั้งที่รู้สึกเหมือนชีวิตมาถึงสุดทางแล้ว ข้าจะบรรเลงเพลง ‘ซิมโฟนีแห่งชะตาชีวิต’ และ ‘โซนาตาแห่งเวทนา’ ให้กับตัวเอง แล้วทุกๆ อย่างก็ค่อยๆ ดีขึ้น ข้าเริ่มหาเลี้ยงครอบครัวได้ และรู้สึกเป็นอิสระในการไล่ตามความฝัน”

ฟรานซ์วางมือขวาแทบอกและโค้งคำนับให้กับลูเซียนด้วยความเคารพอย่างสูง “หากไม่มีท่าน ท่านอีวานส์ ไม่มีความเชื่อและความกล้าในดนตรีของท่าน ข้าจะไม่มีวันมาถึงตรงนี้ ท่านคือแบบอย่างของข้า และถือเป็นเกียรติอันสูงสุดที่มีท่านร่วมอยู่ในการแสดงครั้งแรกในชีวิตของข้า ขอขอบคุณอีกครั้ง ท่านอีวานส์”

เสียงตบมือดังสนั่นลั่นไปทั้งโรงละคร

“เจ้าต่างหากที่เป็นคนตัดสินใจได้ถูกต้อง” ลูเซียนกล่าวด้วยอารมณ์ตื้นตัน

หลังจากนั้น ทั้งคริสโตเฟอร์และวิกเตอร์ต่างก็แสดงความเห็นชื่นชมฟรานซ์

ต่อมา ชายหนุ่มผู้แรงใจเปี่ยมล้นคนนี้ก็แสดงให้เห็นถึงรูปแบบดนตรีอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาในท่อนซิมโฟนี แม้ดนตรีของเขาจะยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่ความรู้สึกอันแท้จริงและความหวังอันสูงสุดซ่อนอยู่ในเพลงก็งดงามราวกับสายลมอ่อนโยนในฤดูใบไม้ผลิที่ปลอบประโลมหัวใจของผู้คน

ขณะที่ลูเซียนตั้งใจฟังซิมโฟนีของฟรานซ์  สตรีสามคนก็เดินเข้ามาในโรงละคร คนหนึ่งผมสีแดงและมีริมฝีปากอวบอิ่ม คนหนึ่งตาสีเขียวและหน้าหวาน และอีกคนหนึ่งผมดำดูเป็นผู้ใหญ่และงดงาม

เฟลิเซีย เอเลน่า และเกรซ หลังจากได้ยินข่าวว่าลูเซียนกลับมา ทั้งสามก็รีบมายังโรงละครพร้อมๆ กัน

เมื่อเห็นนักดนตรีหนุ่มมากพรสวรรค์นั่งอยู่แถวหน้าสุด ทั้งสามก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ‘เป็นเขาจริงๆ’

ลูเซียนเองก็สังเกตเห็นว่าสหายของเขามาถึง เขาหันกลับไปยิ้มกว้างให้ แล้วก็ยกมือขึ้นมาทำท่าที่ปากส่งสัญญาณให้หญิงสาวทั้งสามนางเงียบ และดื่มด่ำไปกับดนตรี

เฟลิเซีย สาวน้อยสตรีชนชั้นสูงจากเมื่อสามปีที่แล้ว ตอนนี้ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เห็นได้ชัดว่าการเดินทางกับวิกเตอร์ให้บทเรียนกับนางมากมาย รูปร่างภายนอกของเอเลน่าเปลี่ยนไปมาก ใบหน้าที่ดูค่อนข้างเหนื่อยทรงผมม้วนเก็บอย่างงดงามบนศีรษะทำให้เธอดูหวานและสวยสะพรั่ง ส่วนเกรซก็ดูผ่อนคลายขึ้นมากหลังจากภาระที่ติดค้างอยู่ในใจถูกยกออกไป

สามปีผ่านไป แม้ว่าพวกนางจะได้เห็นชื่อของลูเซียนบนหน้าหนังสือพิมพ์บ่อยครั้ง พวกนางก็ยังรู้สึกแปลกๆ อยู่บ้างเมื่อได้เจอกับลูเซียน

และลูเซียนเองก็รู้สึกเหมือนกัน

หลังการแสดงจบ ลูเซียนนัดหมายกับฟรานซ์ในวันรุ่งขึ้นเพื่อพูดคุยถึงการพัฒนาดนตรีจากคำประพันธ์ขนาดยาว  แล้วเขาก็แวะไปยังสถานที่ที่คุ้นเคย บ้านเลขที่ 12 ถนนซเนห์วา พร้อมกับวิกเตอร์และเหล่าสหาย วิกเตอร์จัดงานเลี้ยงมื้อกลางวันต้อนรับการกลับมาของลูเซียน

หลังจากวิกเตอร์ขอตัวไปสั่งงานครับพ่อบ้านอาธี เฟลิเซียและเอเลน่าซึ่งนั่งเงียบมาตลอดทาง ก็พูดกับเขาในที่สุด “ยินดีต้อนรับกลับมา ลูเซียน”

เวลาผ่านมาเนิ่นนาน และพวกนางไม่รู้ว่าจะเริ่มหรือควรพูดอะไรกับลูเซียนก่อนดี

“ท่านอีวานส์ ขอบคุณสำหรับจดหมายฉบับนั้นนะคะ” เกรซก็แสดงความซาบซึ้งบุญคุณของนาง

ลูเซียนยิ้มและเริ่มเล่าถึงประสบการณ์ที่น่าสนใจบางอย่างที่เขาเจอระหว่างการเดินทาง แล้วไม่นานทั้งหมดก็ค่อยๆ รู้สึกสบายใจมากขึ้น

ตอนนั้นเอง คนรับใช้เปิดประตูห้องเข้ามา และก็มีผู้หญิงร่างใหญ่ดูกำยำสวมชุดกระโปรงยาวที่รัดแน่นวิ่งเข้ามา นางโผเข้ากอดลูเซียนในทันทีและเริ่มร้องไห้ “ในที่สุด! ในที่สุดเจ้าก็กลับมา! ข้าคิดว่าเจ้าจะเจอตัว เจอหมาป่า…”

หลังจากได้รับข้อความจากวิกเตอร์ นางก็รีบมาที่นี่พร้อมกับโจเอลและไอเว็น

“อะลิซ่า ปล่อยอีวานส์เถอะ” โจเอลยิ้ม “เขาไม่กลัวพวกนั้นหรอก… แล้วก็ ยินดีต้อนรับกลับมานะ”

ชีวิตชนชั้นสูงไม่ได้ช่วยชะลอความแก่ของโจเอล การทำงานหนักมาหลายปีทำให้เขามีริ้วรอยเหี่ยวย่นเพิ่มมากขึ้น

“ข้าคิดถึงทุกคนตลอดเวลา” ลูเซียนพูดด้วยน้ำเสียงตื้นตันใจ

โจเอลเรียกลูกชายเข้ามา “ไอเว็น มานี่สิ… ทักทายลูเซียนหน่อย”

ไอเว็นเปลี่ยนไปมาก หากอธิบายโดยละเอียด เขาน่าจะเป็นคนที่เปลี่ยนไปเยอะที่สุด เขาโตเป็นผู้ใหญ่จนกระทั่งตอนนี้สูงกว่าลูเซียนแล้วนิดหน่อย ไม่ต่างจากพี่ชายและพ่อ ใบหน้าวัยรุ่นของไอเว็นเริ่มดูหล่อเหลาและมีหนวดเครา

เมื่อมองหน้าลูเซียน ไอเว็นท่าทางค่อนข้างเขินอาย ราวกับว่าเขาเจอคนแปลกหน้า เมื่อค้อมศีรษะลง ไอเว็นก็พูดกับลูเซียนออกมา “ยินดีต้อนรับกลับมา”

สามปีเป็นเวลาที่ยาวนานสำหรับไอเว็น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งจะรู้สึกเขินอาย

หลังจากสนทนาพาทีกันอยู่สักพัก ลูเซียนก็เริ่มรู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับความพยายามของป้าอะลิซ่าในการหาภรรยาให้กับเขาและเร่งเร้าให้เขามีลูก เขาจึงขอตัวเพื่อหลบไปเข้าห้องน้ำ

ตอนนั้นเอง เกรซก็เดินตามเขามา “ข้ามีอะไรบางอย่างจะบอกท่านค่ะ ท่านอีวานส์” เกรซพูดเสียงเบามาก

“อะไรหรือ?” ลูเซียนรู้สึกประหลาดใจ

“หลังจากข้ามาถึงอัลโต้ ครั้งหนึ่ง มีชายที่แต่งตัวเหมือนตัวตลกแอบถามข้าเกี่ยวกับท่าน” เกรซตรงเข้าประเด็นทันที

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+