Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา 228 ถาโถม

Now you are reading Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา Chapter 228 ถาโถม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มือที่หนักแน่นซึ่งสามารถแยกชิ้นส่วนอวัยวะต่างๆ ออกจากศพและร่ายเวทที่มีรูปแบบซับซ้อนไม่ว่าจะระดับไหนก็ตามอย่างไร้ที่ติกำลังสั่นเทา เหมือนกับสูญเสียการควบคุม แม้ว่ามือนั้นพยายามจะเปิดบทความหน้าต่อไป

“พวกกระจอก หน้าโง่! ทำไมบทความชิ้นนี้กลับตีพิมพ์แค่รายงานฉบับย่อ?!” เสียงของชายผู้นี้ผสมออกมาพร้อมกับลมเย็นๆ เป็นเสียงที่ต่ำและแหบพร่า เสียงพูดฟังดูเหมือนกับเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความเกลียดชัง “ลูเซียน อีวานส์ เอ็กซ์ เจ้าโง่จากเจตจำนงแห่งธาตุคนนี้กล้าดียังไงมาตั้งคำถามกับโครงสร้างร่างกายมนุษย์? พวกมันไม่รู้แม้กระทั่งความลับของชีวิต ถ้าเจอหน้า ข้าจะต้องลงโทษมันให้สาสม!”

เมนชากย์ลืมไปว่ารายงานย่อนั้นเป็นเพียงหนังสือพิมพ์ที่ใช้การเผยแพร่ความก้าวหน้าของการวิจัยของคณะวิจัย และบทความที่เผยแพร่บนหนังสือพิมพ์ไม่จำเป็นต้องการได้รับการตรวจสอบจากคณะกรรมการ

“ไม่ ข้าต้องเริ่มการทดลองใหม่เดี๋ยวนี้เลย และเปิดโปงคำโกหกอันต่ำช้านี้ให้ได้!” เมนชากย์ผุดลุกขึ้น กล้ามเนื้อบนใบหน้าและผิวหนังที่ทำมาจากอวัยวะของร่างกายมนุษย์เกือบมองไม่เห็นภายใต้ควันสีดำที่ลอยออกมาจากกระดูก

ภาพเดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นกับคณะวิจัยส่วนใหญ่ แลร์รี่สำลักนมที่กำลังดื่ม เสียงไอของเขาเหมือนกำลังจะตาย ทิโมธีดันแว่นขึ้น แต่ออกแรงมากเกินไปจนแว่นเลยไปถึงหน้าผาก ส่วนขนมปังที่ยูลิสิสกำลังเคี้ยวก็พุ่งออกจากปากและหล่นแผละลงบนรายงานฉบับย่อในหนังสือพิมพ์

ความรู้สึกแรกของจอมเวทที่เน้นสายวิชาธาตุก็คือประหลาดใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยินดีกับการค้นพบครั้งนี้อย่างรวดเร็ว และเริ่มทดสอบความถูกต้องของผลการด้วยการทำการทดลองหลังอาหารเช้า ส่วนปฏิกิริยาจากนักเวทศาสตร์มืดนั้นมีหลากหลาย บางคนฉีกรายงานทิ้งอย่างมีน้ำโห บางคนเดินวนไปวนมาด้วยความกังวลใจเนื่องจากไม่มั่นใจว่าจะสามารถพิสูจน์ว่าผลการทดลองที่รายงานผิดได้หรือไม่ บางคนต้องควบคุมสติอารมณ์ให้เย็นลงและรายงานไปยังส่วนกลางของ ‘องค์กรหัตถ์ไร้ชีวา’ ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และบางคนก็พยายามระเบิดความเกลียดชังใส่หน้าลูเซียน…

ภายในห้องทดลองเวทมนตร์ มีเสียงดังที่ฟังเหมือนกับวัตถุโลหะตกลงบนพื้น เมนชากย์ลอยอยู่กลางอากาศแต่เขาไม่ได้ขยับตัวแม้แต่น้อย ขณะที่ลูกไฟสีแดงฉานในตาเกือบจะมอดลงสนิท เขามองไปยังอุปกรณ์ทดลองและสสารสีขาวที่กองอยู่บนพื้นด้วยความประหลาดใจ และหลอดทดลองเวทในมือขวาของเขาก็แตกละเอียดด้วยแรงบีบมหาศาล เศษแก้วบาดเข้าไปในฝ่ามือของเขา แต่เมนชากย์ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร

เขาไม่รู้ตัวว่าเวลาผ่านไปนานขนาดไหน แต่ในที่สุดเขาก็พูดพึมพำออกมา “ไม่ ไม่! ข้าต้องทำอะไรพลาดสักอย่างระหว่างการทดลอง ไม่มีทางที่ ‘ทฤษฎีพลังชีวิต’ จะผิดพลาด? ไม่สมเหตุสมผล อาคมกลั่นศพมากมายถูกสร้างขึ้นตามทฤษฎีนี้!”

“ไม่มีพลังชีวิตเข้ามาเกี่ยวในการสร้างคาร์บาไมด์ ใช้เพียงสสารที่ไม่มีชีวิตในการทดลอง!”

เสียงของเมนชากย์เหมือนมีอาการจิตเภทแบบหวาดระแวง เขาตั้งคำถามและโต้แย้งด้วยน้ำเสียงที่เหมือนเขากำลังร้องไห้อย่างเศร้าโศก เขาต้องใช้เวลาสักพักใหญ่ๆ ถึงจะสงบสติอารมณ์ลงได้

ไฟแห่งชีวิตในดวงตาของเมนชากย์ค่อยๆ ลุกโชนขึ้นอีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไป แต่เขาก็ยังรู้สึกหวาดระแวง “ถ้าสติสัมปชัญญะต่อโลกนี้สลาย พลังวิญญาณอาจสูญเสียการควบคุมและทำลายกายหยาบและและวิญญาณของข้าไม่เหลือซาก… ข้อดีก็คือข้าปรับตัวยอมรับแนวคิดใหม่นี้ได้ โรเจริโอเองก็เคยพูดไว้จริงๆ จังๆ ว่าคาร์บาไมด์ไม่ใช่สสารที่มีชีวิต”

“ถ้าเป็นเช่นนี้ แล้วทฤษฎีพลังชีวิตถูกต้องสมบูรณ์หรือไม่?”

ระดับอาร์คานาของเมนชากย์ถือว่ายอดเยี่ยม นั่นเป็นเหตุผลที่เขาถูกส่งมาช่วยโครงการวิจัย เขาทำอะไรไม่ได้ แต่เพียงแค่สงสัย หลังจากสงบลงจากอาการสะเทือนใจ สถานการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วมากกว่าหนึ่งครั้งในสภาเวทมนตร์

อย่างไรก็ตาม เมนชากย์ก็รู้สึกว่าไฟพลังวิญญาณใน ‘เครื่องรางกักพลัง’ ของเขากำลังมอดลง เนื่องจากเขาเกิดข้อกังขาใน ‘ทฤษฎีพลังชีวิต’

“ไม่ ไม่ ข้าตั้งฌานสมาธิไม่ได้เลยตอนนี้ ข้าต้องใจเย็นๆ” เมนชากย์รู้ว่าความขัดแย้งในความคิดของเขาอาจแก้ปัญหาได้ด้วยเวลาหรือหลักฐานที่หนักแน่นมากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีทางรู้ว่าความขัดแย้งครั้งนี้จะยุติลงด้วยชัยชนะของ ‘ทฤษฎีพลังชีวิต’ หรือแนวคิดใหม่จะชนะและสอนให้เขารู้จักกับแนวคิดใหม่ๆ เกี่ยวกับโลก นอกจากนี้ มีความเป็นไปได้ว่าฌานสมาธิของเขาจะได้รับผลกระทบจากความจริงข้อนี้ และสักวัน ตัวเขาจะถูกทำลาย

เมนชากย์ไม่ต้องหายใจ แต่มันก็กลายเป็นพฤติกรรมที่แก้ไม่หายเสียแล้ว เขาสูดหายใจลึกเข้าเต็มปอด “ถ้าข้าไม่ชนะสงครามกับตัวข้าเองครั้งนี้ ข้าจะต้องชนะสงครามกับลูเซียน อีวานส์ เขาคงมีชีวิตอยู่ไม่ได้ มันไม่สมควรมีชีวิต ถ้าข้าก้าวข้ามเรื่องนี้ไม่ได้!”

โรเจริโอได้แจ้งกับนักเวทศาสตร์มืดเกี่ยวกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น และทฤษฎีเกี่ยวกับคาร์บาไมด์ไม่ได้ทำให้พวกเขาประหลาดใจ แม้แต่นักเวทศาสตร์มืดหัวโบราณในคณะวิจัยก็ยังสามารถดำรงฌานสมาธิให้เป็นปกติได้ นอกจากนี้ หัวของเขาไม่ระเบิด เนื่องจากไม่ได้เสียการควบคุมพลังวิญญาณ อย่างไรก็ตาม นักเวทศาสตร์มืดส่วนใหญ่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าหากเกิดปัญหาร้ายแรงขึ้น พวกเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อไล่ล่าไอ้เด็กเมื่อวานซืนที่ชื่อ ‘ลูเซียน อีวานส์’

ลูเซียนกำลังอภิปรายถึงผลความเป็นไปได้ในการผสมสสารเล่นแร่แปรธาตุกับเอลฟ์ทั้งสองตนที่เลื่อนกำหนดเดินทางกลับอยู่ในห้องข้างๆ กับห้องของราเวนติ เขาสังเกตสัญญาณเตือนภัยจาก ‘ดาวหลักแห่งเทวลิขิต’ ประจำตัวของเขา หลังจากเหล่านักเวทศาสตร์มืดประกาศความเกลียดชังต่อเขามากมาย

เขาเข้าไปในห้องน้ำและร่ายเวท ‘ผูกดวงโหราศาสตร์’ โดยใช้ลูกแก้วคริสตัล ‘แสงอรุณ’ ลูเซียนได้ข้อสรุปว่าเส้นทางข้างหน้าเต็มไปด้วยอันตราย แต่ยังพอมีหนทางหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทั้งหมดนี้

‘อีกกี่วันเฟลิเปถึงจะส่งบทความของเขาสักที…’

ลูเซียนกลับมายังห้องรับแขกขณะเขากำลังใช้ความคิด และต้องประหลาดใจที่เห็นอาร์เซเลียนและไอริสทีนก็กำลังอ่านรายงานฉบับย่อที่วางอยู่ตรงหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ เอลฟ์ทั้งสองตนดูท่าทางสับสนและอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า? ข้าใช้เวลาร่ายเวท ‘ผูกดวงโหราศาสตร์’ แค่สิบกว่านาทีเท่านั้นเอง” ลูเซียนพยายามเรียกร้องความสนใจ “เจ้าชาย เจ้าหญิง?”

อาร์เซเลียนผงกศีรษะขึ้น หน้าของเอลฟ์หนุ่มผู้นี้งดงามและอ่อนช้อยราวกับเป็นผู้หญิง แต่ก็ดูเหมือนเขารังเกียจอะไรสักอย่างและใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง “อีวานส์ ท่านผลิตคาร์บาไมด์สังเคราะห์ได้อยางนั้นหรือ? ท่านคิดจะล้มล้างทฤษฎีพลังชีวิตใช่ไหม?”

“ท่านเข้าใจเวทมนตร์อาร์คานาไหมล่ะ?” ลูเซียนประหลาดใจ เนื่องจากเขาไม่คิดว่าเอลฟ์ทั้งสองตนจะเข้าใจบทความว่าด้วยอาร์คานาศาสตร์

“องครักษ์ของเขาได้ข้อมูลมาจากผู้อาวุโสระดับสูง” อาร์เซเลียนตอบในทันทีแต่ด้วยกริยาสุภาพ

ไอริสทีนพูดแทรกขึ้น “มนุษย์ วัว แกะ สัตว์เวท และพืชพันธุ์ พลังชีวิตของทุกสรรสิ่งล้วนมาจากของขวัญจากธรรมชาติ แล้วท่านมาสังเคราะห์สสารชีวิตด้วยก๊าซและสินแร่ได้อย่างไร?” น้ำเสียงของนางค่อนข้างมีน้ำโห

“นั่นขึ้นอยู่กับวิธีที่ท่านนิยามคำว่าสสารชีวิต…” ลูเซียนตระหนักว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดถูกสร้างขึ้นมาจากสสารชีวิตในมุมมองของดรูอิด และการสร้างสิ่งมีชีวิตไม่เกี่ยวกับสสารไม่มีชีวิต อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าแนวคิดนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการมีปฏิสัมพันธ์และการใช้ ‘จิตแห่งธรรมชาติ’ ของพวกเขา

“ไม่ว่าจะนิยามอย่างไร อีวานส์ ท่านก็เป็นปีศาจชั่วร้ายและใจกล้ามาก!” ความประทับดีๆ ที่ไอริสทีนมีให้ลูเซียนกลับกลายเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุด

“เอาละ มีปีศาจเพิ่มมาอีกตัว อันที่จริง มีปีศาจอีกสองตัวรอพวกท่านอยู่” ลูเซียนคิด แต่ก็ไม่มีเวลามาต่อล้อต่อเถียงกับเอลฟ์ทั้งสองตนเกี่ยวกับปัญหาอาร์คานาศาสตร์

เปเซอร์เขวี้ยงรายงานฉบับย่อลงบนโต๊ะทำงาน ไฟวิญญาณกำลังเต้นเร่าอยู่ลึกลงไปภายในเบ้าตากะโหลกขาวของเขา “ลูเซียน อีวานส์ ส่งบทความวิจัยการทดลองสังเคราะห์คาร์บาไมด์!”

เปเซอร์ ทีนา-ทีมอส และสมาชิกอีกสองคนจากคณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานาต่างเปิดรับทฤษฎีใหม่ๆ ฉะนั้น มหาจอมเวท เจ้าแห่งผีดิบ ไม่ได้พยายามปิดบังเรื่องเกี่ยวกับ ‘ศาสตราจารย์’ จากพวกเขา และทั้งหมดก็เตรียมพร้อมรับมือไว้แล้ว

ผู้ที่เปิดเผยข้อมูลนี้กับพวกเขาก็คือ เจ้าแห่งผีดิบ ซึ่งเป็นผู้ทรงอิทธิพลสูงสุดในเหล่านักเวทศาสตร์มืด นอกจากนี้ สมาชิกคณะกรรมการอีกสี่คนก็มีความรู้ความเข้าใจในอาร์คานาศาสตร์เป็นอย่างดี ดังนั้น พวกเขาจึงยอมรับผลการทดลองอย่างรวดเร็ว และพวกเขาปรับเปลี่ยนผลลัพธ์เวทมนตร์เล็กน้อยเพื่อทวนสอบผลซ้ำโดยใช้กระบวนการย้อนกลับ

โรเจริโอกำลังยืนอยู่ตรงข้ามกับเปเซอร์ ด้วยแววตาอันชั่วร้ายที่ปรากฏบนใบหน้า “ศาสตราจารย์รู้ตัวหลังจากลูเซียน อีวานส์ กับเฟลิเปถูกลอบโจมตี เขาเกิดระแวงและรู้ตัวว่าเรากำลังจะทำสำเร็จ เพราะอย่างนั้น เขาถึงทดสอบเราด้วยการทดลองของลูกศิษย์ ลูเซียน อีวานส์กลายเป็นเป้าหมาย แม้ว่าเราจะไม่ได้ผลลัพธ์สุดท้าย และหากว่าเราทำสำเร็จ ศาสตราจารย์ก็จะสามารถแบ่งคะแนนอาร์คานากับลูเซียนด้วยการเพิ่มชื่อของตัวเองลงในบทความ เปเซอร์และทีนา ท่านไม่สังเกตหรือว่าลูเซียน อีวานส์ ไม่แสดงการทดลองในบทความ ซึ่งบอกแต่ผลโครงการวิจัย?”

โรเจริโอพาเฟลิเปกลับไปยังเมืองซาริวาทันที หลังจากได้ยินข่าว

“สถานการณ์ของเมเนซิสกำลังตกที่นั่งลำบาก เราต้องแก้ปัญหาโดยด่วนที่สุด” ทีนา-ทีมอสชำเลืองมองสมาชิกสำคัญขององค์กรหัตถ์ไร้ชีวาคนอื่นๆ เมื่อทุกคนต่างรู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้น

เมเนซิสเป็นสมาชิกคณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานาอีกคนหนึ่ง และเป็นปรมาจารย์แห่ง ‘กลวิธีกลั่นศพ’

โรเจริโอยิ้มเศร้าๆ “ในเมืองไฮด์เลอร์ ออเรลิโอกำลังกังวลว่าเขาไม่อาจทำตัวเหมือนนักเวทศาสตร์มืด ดูเหมือนเขากำลังวางแผนสังหารลูเซียน อีวานส์”

ออเรลิโอเป็นสมาชิกคนสำคัญอีกคนหนึ่งของหัตถ์ไร้ชีวา และยังเป็นสมาชิกของคณะกรรมการกิจการ จอมเวทระดับหก และนักเวทศาสตร์มืดระดับเจ็ด ชายผู้นี้มีความสามารถสูงส่งและเคยศึกษาอยู่ใน ‘หอคอยเวทเดมิเพลน’ แห่ง ‘จอมเวทอสูรเทพ’

“เฟลิเป งานวิจัยของเจ้าคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว? ลองบอกข้อมูลพวกเรามา ถ้าติดขัดปัญหาอะไร เราจะได้ร่วมวิจัยและช่วยให้เจ้าได้ผลลัพธ์สุดท้ายให้เร็วที่สุด นี่ไม่ใช่เวลามามัวอมภูมิกันอยู่!” เปเซอร์จ้องเฟลิเปตาเขม็งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

เฟลิเปสวมชุดเสื้อนอกทรงยาวอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวพร้อมด้วยเครื่องรางที่เขาได้รับจากการชนะ ‘รางวัลบัลลังก์นิรันดร’ แขวนอยู่รอบคอ หน้าตาที่ดูอมโรคของเขายังคงซีดเซียวแต่ก็ดูหล่อเหลาเอาการ เฟลิเปตอบด้วยแววตาชั่วร้ายไม่แพ้กัน “ท่านเปเซอร์ ทุกอย่างไปได้ด้วยดีขอรับ ข้าจะสังเคราะห์กรดไขมันได้ภายในสามวัน”

“ข้าหวังว่าเจ้าไม่ได้โกหก ถ้าไม่อย่างนั้น ข้าจะลงโทษเจ้าไม่ว่าเจ้าจะมีเบื้องหลังกุมความลับอะไรก็ตาม” เปเซอร์เป็นรองประธานองค์กรหัตถ์ไร้ชีวา และเขามีสิทธิเตือนเฟลิเปออกไปเช่นนั้นได้

เฟลิเปโค้งคำนับอย่างสุภาพให้กับทุกคนในห้อง “ท่านสุภาพบุรุษ ขอประทานอภัย ข้าต้องทุ่มเทฌานสมาธิให้กับการทดลอง”

เฟลิเปเดินออกจากห้อง หลังได้รับอนุญาต และริมฝีปากของเขาเปลี่ยนเป็นมีรอยยิ้มขณะเขาเดินลงบันได

“การสืบสวนเหตุลอบโจมตีไปถึงไหนแล้ว?” เปเซอร์มองไปที่โรเจริโอ

 โรเจริโอส่ายหัว “เราไม่พบอะไรเลย แม้จะได้รับความช่วยเหลือจากโหราจารย์หอคอย ดูเหมือนพลังโหราศาสตร์ถูกรบกวนจากพลังที่แข็งแกร่งแต่พวกเราไม่คุ้นเคย มิฉะนั้น ผลจะออกมาชัดเจนกว่านี้”

“โลกนี้มีความลับมากกว่าที่เราคิด” เปเซอร์ถอนหายใจเบาๆ “เหมือนกับกฎของโลก หนึ่งปีก่อนหน้านี้ ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีคนมาล้มล้างทฤษฎีเก่าแก่อย่างทฤษฎีพลังชีวิตได้”

    …

  ณ วันที่สอง บทความของนักเวทชั้นอาวุโสสองคนได้รับการตีพิมพ์บนหน้าหนึ่งของรายงานฉบับนี้ช่วงเช้า

 การอธิบายลักษณะของคาร์บาไมด์ โดย เมเนซิส

  ความหมายและข้อบกพร่องของคาร์บาไมด์สังเคราะห์ โดย ออเรลิโอ

  บทความของลูเซียนไม่ได้อ้างอิงถึงทฤษฎีพลังชีวิตแม้แต่น้อย และพวกเขาก็ไม่พบจุดอ่อนให้โจมตี ดังนั้น นักเวทศาสตร์มืดจึงตัดสินใจเจาะประเด็นโดยไม่กล่าวถึงผลของโครงการวิจัยของลูเซียน

  เหล่ามหาจอมเวทก็เห็นพ้องต้องกันกับพฤติกรรมดังกล่าว เนื่องจากการโต้เถียงระหว่างจอมเวทฝ่ายมุ่งเน้นวิชาเวทมนตร์สายธาตุกับจอมเวทที่มุ่งเน้นวิชาเวทมนตร์สายวิญญาณมีแต่จะสร้างความปวดหัวหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ จนทุกคนเกือบลืมไปแล้วว่าได้รับเชิญเข้ามาร่วมวิจัยเพราะเหตุใด นอกจากนี้ ดรูอิดอย่างมัลฟิวเรียนก็ไม่ได้สนใจการเร่งการเจริญเติบโตของพืชพันธุ์ แต่กลับมาให้ความสำคัญกับ ‘การอภิปรายโต้เถียง’

   เหมือนกับมีเหล่านักเวทถาโถมเข้ามาในเมืองซาริวา และรายงานฉบับย่อก็เป็นเสมือนสนามรบ

   อย่างไรก็ตาม ลูเซียนอ้างเพียงว่าเขาไม่คุ้นเคยกับทฤษฎีพลังชีวิต ดังนั้น เขาจึงไม่เข้าร่วมการอภิปราย เหล่านักเวทศาสตร์มืดต่างยินดีหลังจากได้อ่านคำกล่าวอ้างของเขา เนื่องจากทุกคนพากันคิดว่าลูเซียนขี้ขลาดตาขาว จึงพยายามทุ่มเทลงแรงกับการอภิปรายมากยิ่งขึ้น

   …

   “ลูเซียน อีวานส์ พวกนอกรีตที่กล้าดูหมิ่นพระเจ้า! เจ้าคนโกหกที่ไม่เคยพูดความจริง! ข้าจะนำมันมาพิพากษา!” ในห้องของฟีลิเบล พระคาร์ดินัลแห่งโฮล์ม ‘วาฮารัลล์’ ตุลาการตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด หลังจากอ่านบทความฉบับย่อฉบับหลายวันก่อน

   สายลับของศาสนจักรในสภาเวทมนตร์สามารถส่งรายงานฉบับย่อที่สมบูรณ์มาง่ายๆ เนื่องจากสภาส่งเสริมให้มีการอภิปราย แต่พวกสายลับต้องใช้เวลาหนึ่งวันเต็มๆ ในการส่งรายงานออกมา

   ทฤษฎีพลังชีวิตเป็นหนึ่งในทฤษฎีพื้นฐานของ ‘แนวคิดรังสรรค์นิยม’ ซึ่งเป็นความเชื่อของศาสนจักรที่เชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างชีวิต นั่นเป็นสาเหตุที่วาฮารัลล์เดือดดาล หลังจากได้อ่านบทความของลูเซียน

   ……………………………..

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา 228 ถาโถม

Now you are reading Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา Chapter 228 ถาโถม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มือที่หนักแน่นซึ่งสามารถแยกชิ้นส่วนอวัยวะต่างๆ ออกจากศพและร่ายเวทที่มีรูปแบบซับซ้อนไม่ว่าจะระดับไหนก็ตามอย่างไร้ที่ติกำลังสั่นเทา เหมือนกับสูญเสียการควบคุม แม้ว่ามือนั้นพยายามจะเปิดบทความหน้าต่อไป

“พวกกระจอก หน้าโง่! ทำไมบทความชิ้นนี้กลับตีพิมพ์แค่รายงานฉบับย่อ?!” เสียงของชายผู้นี้ผสมออกมาพร้อมกับลมเย็นๆ เป็นเสียงที่ต่ำและแหบพร่า เสียงพูดฟังดูเหมือนกับเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความเกลียดชัง “ลูเซียน อีวานส์ เอ็กซ์ เจ้าโง่จากเจตจำนงแห่งธาตุคนนี้กล้าดียังไงมาตั้งคำถามกับโครงสร้างร่างกายมนุษย์? พวกมันไม่รู้แม้กระทั่งความลับของชีวิต ถ้าเจอหน้า ข้าจะต้องลงโทษมันให้สาสม!”

เมนชากย์ลืมไปว่ารายงานย่อนั้นเป็นเพียงหนังสือพิมพ์ที่ใช้การเผยแพร่ความก้าวหน้าของการวิจัยของคณะวิจัย และบทความที่เผยแพร่บนหนังสือพิมพ์ไม่จำเป็นต้องการได้รับการตรวจสอบจากคณะกรรมการ

“ไม่ ข้าต้องเริ่มการทดลองใหม่เดี๋ยวนี้เลย และเปิดโปงคำโกหกอันต่ำช้านี้ให้ได้!” เมนชากย์ผุดลุกขึ้น กล้ามเนื้อบนใบหน้าและผิวหนังที่ทำมาจากอวัยวะของร่างกายมนุษย์เกือบมองไม่เห็นภายใต้ควันสีดำที่ลอยออกมาจากกระดูก

ภาพเดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นกับคณะวิจัยส่วนใหญ่ แลร์รี่สำลักนมที่กำลังดื่ม เสียงไอของเขาเหมือนกำลังจะตาย ทิโมธีดันแว่นขึ้น แต่ออกแรงมากเกินไปจนแว่นเลยไปถึงหน้าผาก ส่วนขนมปังที่ยูลิสิสกำลังเคี้ยวก็พุ่งออกจากปากและหล่นแผละลงบนรายงานฉบับย่อในหนังสือพิมพ์

ความรู้สึกแรกของจอมเวทที่เน้นสายวิชาธาตุก็คือประหลาดใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยินดีกับการค้นพบครั้งนี้อย่างรวดเร็ว และเริ่มทดสอบความถูกต้องของผลการด้วยการทำการทดลองหลังอาหารเช้า ส่วนปฏิกิริยาจากนักเวทศาสตร์มืดนั้นมีหลากหลาย บางคนฉีกรายงานทิ้งอย่างมีน้ำโห บางคนเดินวนไปวนมาด้วยความกังวลใจเนื่องจากไม่มั่นใจว่าจะสามารถพิสูจน์ว่าผลการทดลองที่รายงานผิดได้หรือไม่ บางคนต้องควบคุมสติอารมณ์ให้เย็นลงและรายงานไปยังส่วนกลางของ ‘องค์กรหัตถ์ไร้ชีวา’ ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และบางคนก็พยายามระเบิดความเกลียดชังใส่หน้าลูเซียน…

ภายในห้องทดลองเวทมนตร์ มีเสียงดังที่ฟังเหมือนกับวัตถุโลหะตกลงบนพื้น เมนชากย์ลอยอยู่กลางอากาศแต่เขาไม่ได้ขยับตัวแม้แต่น้อย ขณะที่ลูกไฟสีแดงฉานในตาเกือบจะมอดลงสนิท เขามองไปยังอุปกรณ์ทดลองและสสารสีขาวที่กองอยู่บนพื้นด้วยความประหลาดใจ และหลอดทดลองเวทในมือขวาของเขาก็แตกละเอียดด้วยแรงบีบมหาศาล เศษแก้วบาดเข้าไปในฝ่ามือของเขา แต่เมนชากย์ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร

เขาไม่รู้ตัวว่าเวลาผ่านไปนานขนาดไหน แต่ในที่สุดเขาก็พูดพึมพำออกมา “ไม่ ไม่! ข้าต้องทำอะไรพลาดสักอย่างระหว่างการทดลอง ไม่มีทางที่ ‘ทฤษฎีพลังชีวิต’ จะผิดพลาด? ไม่สมเหตุสมผล อาคมกลั่นศพมากมายถูกสร้างขึ้นตามทฤษฎีนี้!”

“ไม่มีพลังชีวิตเข้ามาเกี่ยวในการสร้างคาร์บาไมด์ ใช้เพียงสสารที่ไม่มีชีวิตในการทดลอง!”

เสียงของเมนชากย์เหมือนมีอาการจิตเภทแบบหวาดระแวง เขาตั้งคำถามและโต้แย้งด้วยน้ำเสียงที่เหมือนเขากำลังร้องไห้อย่างเศร้าโศก เขาต้องใช้เวลาสักพักใหญ่ๆ ถึงจะสงบสติอารมณ์ลงได้

ไฟแห่งชีวิตในดวงตาของเมนชากย์ค่อยๆ ลุกโชนขึ้นอีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไป แต่เขาก็ยังรู้สึกหวาดระแวง “ถ้าสติสัมปชัญญะต่อโลกนี้สลาย พลังวิญญาณอาจสูญเสียการควบคุมและทำลายกายหยาบและและวิญญาณของข้าไม่เหลือซาก… ข้อดีก็คือข้าปรับตัวยอมรับแนวคิดใหม่นี้ได้ โรเจริโอเองก็เคยพูดไว้จริงๆ จังๆ ว่าคาร์บาไมด์ไม่ใช่สสารที่มีชีวิต”

“ถ้าเป็นเช่นนี้ แล้วทฤษฎีพลังชีวิตถูกต้องสมบูรณ์หรือไม่?”

ระดับอาร์คานาของเมนชากย์ถือว่ายอดเยี่ยม นั่นเป็นเหตุผลที่เขาถูกส่งมาช่วยโครงการวิจัย เขาทำอะไรไม่ได้ แต่เพียงแค่สงสัย หลังจากสงบลงจากอาการสะเทือนใจ สถานการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วมากกว่าหนึ่งครั้งในสภาเวทมนตร์

อย่างไรก็ตาม เมนชากย์ก็รู้สึกว่าไฟพลังวิญญาณใน ‘เครื่องรางกักพลัง’ ของเขากำลังมอดลง เนื่องจากเขาเกิดข้อกังขาใน ‘ทฤษฎีพลังชีวิต’

“ไม่ ไม่ ข้าตั้งฌานสมาธิไม่ได้เลยตอนนี้ ข้าต้องใจเย็นๆ” เมนชากย์รู้ว่าความขัดแย้งในความคิดของเขาอาจแก้ปัญหาได้ด้วยเวลาหรือหลักฐานที่หนักแน่นมากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีทางรู้ว่าความขัดแย้งครั้งนี้จะยุติลงด้วยชัยชนะของ ‘ทฤษฎีพลังชีวิต’ หรือแนวคิดใหม่จะชนะและสอนให้เขารู้จักกับแนวคิดใหม่ๆ เกี่ยวกับโลก นอกจากนี้ มีความเป็นไปได้ว่าฌานสมาธิของเขาจะได้รับผลกระทบจากความจริงข้อนี้ และสักวัน ตัวเขาจะถูกทำลาย

เมนชากย์ไม่ต้องหายใจ แต่มันก็กลายเป็นพฤติกรรมที่แก้ไม่หายเสียแล้ว เขาสูดหายใจลึกเข้าเต็มปอด “ถ้าข้าไม่ชนะสงครามกับตัวข้าเองครั้งนี้ ข้าจะต้องชนะสงครามกับลูเซียน อีวานส์ เขาคงมีชีวิตอยู่ไม่ได้ มันไม่สมควรมีชีวิต ถ้าข้าก้าวข้ามเรื่องนี้ไม่ได้!”

โรเจริโอได้แจ้งกับนักเวทศาสตร์มืดเกี่ยวกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น และทฤษฎีเกี่ยวกับคาร์บาไมด์ไม่ได้ทำให้พวกเขาประหลาดใจ แม้แต่นักเวทศาสตร์มืดหัวโบราณในคณะวิจัยก็ยังสามารถดำรงฌานสมาธิให้เป็นปกติได้ นอกจากนี้ หัวของเขาไม่ระเบิด เนื่องจากไม่ได้เสียการควบคุมพลังวิญญาณ อย่างไรก็ตาม นักเวทศาสตร์มืดส่วนใหญ่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าหากเกิดปัญหาร้ายแรงขึ้น พวกเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อไล่ล่าไอ้เด็กเมื่อวานซืนที่ชื่อ ‘ลูเซียน อีวานส์’

ลูเซียนกำลังอภิปรายถึงผลความเป็นไปได้ในการผสมสสารเล่นแร่แปรธาตุกับเอลฟ์ทั้งสองตนที่เลื่อนกำหนดเดินทางกลับอยู่ในห้องข้างๆ กับห้องของราเวนติ เขาสังเกตสัญญาณเตือนภัยจาก ‘ดาวหลักแห่งเทวลิขิต’ ประจำตัวของเขา หลังจากเหล่านักเวทศาสตร์มืดประกาศความเกลียดชังต่อเขามากมาย

เขาเข้าไปในห้องน้ำและร่ายเวท ‘ผูกดวงโหราศาสตร์’ โดยใช้ลูกแก้วคริสตัล ‘แสงอรุณ’ ลูเซียนได้ข้อสรุปว่าเส้นทางข้างหน้าเต็มไปด้วยอันตราย แต่ยังพอมีหนทางหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทั้งหมดนี้

‘อีกกี่วันเฟลิเปถึงจะส่งบทความของเขาสักที…’

ลูเซียนกลับมายังห้องรับแขกขณะเขากำลังใช้ความคิด และต้องประหลาดใจที่เห็นอาร์เซเลียนและไอริสทีนก็กำลังอ่านรายงานฉบับย่อที่วางอยู่ตรงหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ เอลฟ์ทั้งสองตนดูท่าทางสับสนและอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า? ข้าใช้เวลาร่ายเวท ‘ผูกดวงโหราศาสตร์’ แค่สิบกว่านาทีเท่านั้นเอง” ลูเซียนพยายามเรียกร้องความสนใจ “เจ้าชาย เจ้าหญิง?”

อาร์เซเลียนผงกศีรษะขึ้น หน้าของเอลฟ์หนุ่มผู้นี้งดงามและอ่อนช้อยราวกับเป็นผู้หญิง แต่ก็ดูเหมือนเขารังเกียจอะไรสักอย่างและใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง “อีวานส์ ท่านผลิตคาร์บาไมด์สังเคราะห์ได้อยางนั้นหรือ? ท่านคิดจะล้มล้างทฤษฎีพลังชีวิตใช่ไหม?”

“ท่านเข้าใจเวทมนตร์อาร์คานาไหมล่ะ?” ลูเซียนประหลาดใจ เนื่องจากเขาไม่คิดว่าเอลฟ์ทั้งสองตนจะเข้าใจบทความว่าด้วยอาร์คานาศาสตร์

“องครักษ์ของเขาได้ข้อมูลมาจากผู้อาวุโสระดับสูง” อาร์เซเลียนตอบในทันทีแต่ด้วยกริยาสุภาพ

ไอริสทีนพูดแทรกขึ้น “มนุษย์ วัว แกะ สัตว์เวท และพืชพันธุ์ พลังชีวิตของทุกสรรสิ่งล้วนมาจากของขวัญจากธรรมชาติ แล้วท่านมาสังเคราะห์สสารชีวิตด้วยก๊าซและสินแร่ได้อย่างไร?” น้ำเสียงของนางค่อนข้างมีน้ำโห

“นั่นขึ้นอยู่กับวิธีที่ท่านนิยามคำว่าสสารชีวิต…” ลูเซียนตระหนักว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดถูกสร้างขึ้นมาจากสสารชีวิตในมุมมองของดรูอิด และการสร้างสิ่งมีชีวิตไม่เกี่ยวกับสสารไม่มีชีวิต อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าแนวคิดนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการมีปฏิสัมพันธ์และการใช้ ‘จิตแห่งธรรมชาติ’ ของพวกเขา

“ไม่ว่าจะนิยามอย่างไร อีวานส์ ท่านก็เป็นปีศาจชั่วร้ายและใจกล้ามาก!” ความประทับดีๆ ที่ไอริสทีนมีให้ลูเซียนกลับกลายเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุด

“เอาละ มีปีศาจเพิ่มมาอีกตัว อันที่จริง มีปีศาจอีกสองตัวรอพวกท่านอยู่” ลูเซียนคิด แต่ก็ไม่มีเวลามาต่อล้อต่อเถียงกับเอลฟ์ทั้งสองตนเกี่ยวกับปัญหาอาร์คานาศาสตร์

เปเซอร์เขวี้ยงรายงานฉบับย่อลงบนโต๊ะทำงาน ไฟวิญญาณกำลังเต้นเร่าอยู่ลึกลงไปภายในเบ้าตากะโหลกขาวของเขา “ลูเซียน อีวานส์ ส่งบทความวิจัยการทดลองสังเคราะห์คาร์บาไมด์!”

เปเซอร์ ทีนา-ทีมอส และสมาชิกอีกสองคนจากคณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานาต่างเปิดรับทฤษฎีใหม่ๆ ฉะนั้น มหาจอมเวท เจ้าแห่งผีดิบ ไม่ได้พยายามปิดบังเรื่องเกี่ยวกับ ‘ศาสตราจารย์’ จากพวกเขา และทั้งหมดก็เตรียมพร้อมรับมือไว้แล้ว

ผู้ที่เปิดเผยข้อมูลนี้กับพวกเขาก็คือ เจ้าแห่งผีดิบ ซึ่งเป็นผู้ทรงอิทธิพลสูงสุดในเหล่านักเวทศาสตร์มืด นอกจากนี้ สมาชิกคณะกรรมการอีกสี่คนก็มีความรู้ความเข้าใจในอาร์คานาศาสตร์เป็นอย่างดี ดังนั้น พวกเขาจึงยอมรับผลการทดลองอย่างรวดเร็ว และพวกเขาปรับเปลี่ยนผลลัพธ์เวทมนตร์เล็กน้อยเพื่อทวนสอบผลซ้ำโดยใช้กระบวนการย้อนกลับ

โรเจริโอกำลังยืนอยู่ตรงข้ามกับเปเซอร์ ด้วยแววตาอันชั่วร้ายที่ปรากฏบนใบหน้า “ศาสตราจารย์รู้ตัวหลังจากลูเซียน อีวานส์ กับเฟลิเปถูกลอบโจมตี เขาเกิดระแวงและรู้ตัวว่าเรากำลังจะทำสำเร็จ เพราะอย่างนั้น เขาถึงทดสอบเราด้วยการทดลองของลูกศิษย์ ลูเซียน อีวานส์กลายเป็นเป้าหมาย แม้ว่าเราจะไม่ได้ผลลัพธ์สุดท้าย และหากว่าเราทำสำเร็จ ศาสตราจารย์ก็จะสามารถแบ่งคะแนนอาร์คานากับลูเซียนด้วยการเพิ่มชื่อของตัวเองลงในบทความ เปเซอร์และทีนา ท่านไม่สังเกตหรือว่าลูเซียน อีวานส์ ไม่แสดงการทดลองในบทความ ซึ่งบอกแต่ผลโครงการวิจัย?”

โรเจริโอพาเฟลิเปกลับไปยังเมืองซาริวาทันที หลังจากได้ยินข่าว

“สถานการณ์ของเมเนซิสกำลังตกที่นั่งลำบาก เราต้องแก้ปัญหาโดยด่วนที่สุด” ทีนา-ทีมอสชำเลืองมองสมาชิกสำคัญขององค์กรหัตถ์ไร้ชีวาคนอื่นๆ เมื่อทุกคนต่างรู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้น

เมเนซิสเป็นสมาชิกคณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานาอีกคนหนึ่ง และเป็นปรมาจารย์แห่ง ‘กลวิธีกลั่นศพ’

โรเจริโอยิ้มเศร้าๆ “ในเมืองไฮด์เลอร์ ออเรลิโอกำลังกังวลว่าเขาไม่อาจทำตัวเหมือนนักเวทศาสตร์มืด ดูเหมือนเขากำลังวางแผนสังหารลูเซียน อีวานส์”

ออเรลิโอเป็นสมาชิกคนสำคัญอีกคนหนึ่งของหัตถ์ไร้ชีวา และยังเป็นสมาชิกของคณะกรรมการกิจการ จอมเวทระดับหก และนักเวทศาสตร์มืดระดับเจ็ด ชายผู้นี้มีความสามารถสูงส่งและเคยศึกษาอยู่ใน ‘หอคอยเวทเดมิเพลน’ แห่ง ‘จอมเวทอสูรเทพ’

“เฟลิเป งานวิจัยของเจ้าคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว? ลองบอกข้อมูลพวกเรามา ถ้าติดขัดปัญหาอะไร เราจะได้ร่วมวิจัยและช่วยให้เจ้าได้ผลลัพธ์สุดท้ายให้เร็วที่สุด นี่ไม่ใช่เวลามามัวอมภูมิกันอยู่!” เปเซอร์จ้องเฟลิเปตาเขม็งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

เฟลิเปสวมชุดเสื้อนอกทรงยาวอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวพร้อมด้วยเครื่องรางที่เขาได้รับจากการชนะ ‘รางวัลบัลลังก์นิรันดร’ แขวนอยู่รอบคอ หน้าตาที่ดูอมโรคของเขายังคงซีดเซียวแต่ก็ดูหล่อเหลาเอาการ เฟลิเปตอบด้วยแววตาชั่วร้ายไม่แพ้กัน “ท่านเปเซอร์ ทุกอย่างไปได้ด้วยดีขอรับ ข้าจะสังเคราะห์กรดไขมันได้ภายในสามวัน”

“ข้าหวังว่าเจ้าไม่ได้โกหก ถ้าไม่อย่างนั้น ข้าจะลงโทษเจ้าไม่ว่าเจ้าจะมีเบื้องหลังกุมความลับอะไรก็ตาม” เปเซอร์เป็นรองประธานองค์กรหัตถ์ไร้ชีวา และเขามีสิทธิเตือนเฟลิเปออกไปเช่นนั้นได้

เฟลิเปโค้งคำนับอย่างสุภาพให้กับทุกคนในห้อง “ท่านสุภาพบุรุษ ขอประทานอภัย ข้าต้องทุ่มเทฌานสมาธิให้กับการทดลอง”

เฟลิเปเดินออกจากห้อง หลังได้รับอนุญาต และริมฝีปากของเขาเปลี่ยนเป็นมีรอยยิ้มขณะเขาเดินลงบันได

“การสืบสวนเหตุลอบโจมตีไปถึงไหนแล้ว?” เปเซอร์มองไปที่โรเจริโอ

 โรเจริโอส่ายหัว “เราไม่พบอะไรเลย แม้จะได้รับความช่วยเหลือจากโหราจารย์หอคอย ดูเหมือนพลังโหราศาสตร์ถูกรบกวนจากพลังที่แข็งแกร่งแต่พวกเราไม่คุ้นเคย มิฉะนั้น ผลจะออกมาชัดเจนกว่านี้”

“โลกนี้มีความลับมากกว่าที่เราคิด” เปเซอร์ถอนหายใจเบาๆ “เหมือนกับกฎของโลก หนึ่งปีก่อนหน้านี้ ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีคนมาล้มล้างทฤษฎีเก่าแก่อย่างทฤษฎีพลังชีวิตได้”

    …

  ณ วันที่สอง บทความของนักเวทชั้นอาวุโสสองคนได้รับการตีพิมพ์บนหน้าหนึ่งของรายงานฉบับนี้ช่วงเช้า

 การอธิบายลักษณะของคาร์บาไมด์ โดย เมเนซิส

  ความหมายและข้อบกพร่องของคาร์บาไมด์สังเคราะห์ โดย ออเรลิโอ

  บทความของลูเซียนไม่ได้อ้างอิงถึงทฤษฎีพลังชีวิตแม้แต่น้อย และพวกเขาก็ไม่พบจุดอ่อนให้โจมตี ดังนั้น นักเวทศาสตร์มืดจึงตัดสินใจเจาะประเด็นโดยไม่กล่าวถึงผลของโครงการวิจัยของลูเซียน

  เหล่ามหาจอมเวทก็เห็นพ้องต้องกันกับพฤติกรรมดังกล่าว เนื่องจากการโต้เถียงระหว่างจอมเวทฝ่ายมุ่งเน้นวิชาเวทมนตร์สายธาตุกับจอมเวทที่มุ่งเน้นวิชาเวทมนตร์สายวิญญาณมีแต่จะสร้างความปวดหัวหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ จนทุกคนเกือบลืมไปแล้วว่าได้รับเชิญเข้ามาร่วมวิจัยเพราะเหตุใด นอกจากนี้ ดรูอิดอย่างมัลฟิวเรียนก็ไม่ได้สนใจการเร่งการเจริญเติบโตของพืชพันธุ์ แต่กลับมาให้ความสำคัญกับ ‘การอภิปรายโต้เถียง’

   เหมือนกับมีเหล่านักเวทถาโถมเข้ามาในเมืองซาริวา และรายงานฉบับย่อก็เป็นเสมือนสนามรบ

   อย่างไรก็ตาม ลูเซียนอ้างเพียงว่าเขาไม่คุ้นเคยกับทฤษฎีพลังชีวิต ดังนั้น เขาจึงไม่เข้าร่วมการอภิปราย เหล่านักเวทศาสตร์มืดต่างยินดีหลังจากได้อ่านคำกล่าวอ้างของเขา เนื่องจากทุกคนพากันคิดว่าลูเซียนขี้ขลาดตาขาว จึงพยายามทุ่มเทลงแรงกับการอภิปรายมากยิ่งขึ้น

   …

   “ลูเซียน อีวานส์ พวกนอกรีตที่กล้าดูหมิ่นพระเจ้า! เจ้าคนโกหกที่ไม่เคยพูดความจริง! ข้าจะนำมันมาพิพากษา!” ในห้องของฟีลิเบล พระคาร์ดินัลแห่งโฮล์ม ‘วาฮารัลล์’ ตุลาการตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด หลังจากอ่านบทความฉบับย่อฉบับหลายวันก่อน

   สายลับของศาสนจักรในสภาเวทมนตร์สามารถส่งรายงานฉบับย่อที่สมบูรณ์มาง่ายๆ เนื่องจากสภาส่งเสริมให้มีการอภิปราย แต่พวกสายลับต้องใช้เวลาหนึ่งวันเต็มๆ ในการส่งรายงานออกมา

   ทฤษฎีพลังชีวิตเป็นหนึ่งในทฤษฎีพื้นฐานของ ‘แนวคิดรังสรรค์นิยม’ ซึ่งเป็นความเชื่อของศาสนจักรที่เชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างชีวิต นั่นเป็นสาเหตุที่วาฮารัลล์เดือดดาล หลังจากได้อ่านบทความของลูเซียน

   ……………………………..

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+