Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา 163 เงื่อนไขของฝีพาย

Now you are reading Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา Chapter 163 เงื่อนไขของฝีพาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในห้องอาหารส่วนตัวบนชั้นสอง เกรนนิวฟ์กำลังพ่นควันสีดำหนาจากการสูบซิการ์ ก่อนจะออกความเห็นอย่างหยาบคาย “ท่านหญิงนักดนตรีผู้นี้ดีกว่าพวกสาวๆ ที่อยากกระโจนมานั่งตักข้าทันทีที่ได้รับของขวัญไม่กี่ชิ้นเป็นไหนๆ”

“แต่ว่า… นายท่านขอรับ ข้าไม่คิดว่าท่านหญิงเกรซจะชอบท่านสักเท่าไรนะขอรับ” ผู้อารักขาที่อยู่ใกล้ที่สุดกระซิบบอกกับเขา

เกรนนิวฟ์ไม่ได้หัวเสียกับคำพูดนั้น กลับหัวเราะร่า “เจ้าจะไปรู้อะไร ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของความรู้สึกอยากเอาชนะ! เจ้าเข้าใจไหม… การเอาชนะท่านหญิงผู้สงวนตัวด้วยเสน่ห์ของข้าเองน่ะ ฮ่าๆ!”

“เสน่ห์…” ผู้อารักขาหมดคำจะกล่าว ทว่า ในฐานะคนใกล้ชิดของเกรนนิวฟ์ เขารู้ดีว่านิสัยหยาบคายทั้งหมดของเกรนนิวฟ์นั้นเป็นเพียงการอำพราง หากว่าเขาเป็นคนไม่เอาไหนเลยจริงๆ เขาจะกลายเป็นหนึ่งในผู้กุมความลับในเมืองสเติร์กได้อย่างไร

ในตอนนั้นเองที่เกรซกลับเข้ามา

เกรนนิวฟ์รีบดับซิการ์ในมือกับที่เขี่ยบุหรี่แล้วเอ่ยถาม “เกรซ เหตุใดดวงตาเจ้าถึงแดงเช่นนั้นกัน เกิดอะไรขึ้น”

“ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะ แค่รู้สึกตาแห้งนิดหน่อย” เกรซหาข้ออ้างมาตอบได้อย่างง่ายดาย

“ข้าจะให้แพทย์ประจำตระกูลข้าส่งยาไปให้ในคืนนี้แล้วกัน ดวงตาเจ้าจะได้ดีขึ้น” เกรนนิวฟ์ดูท่าทางเป็นห่วงเป็นใย

“ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านเกรนนิวฟ์” เกรซพยักหน้า จากนั้นนางก็ยื่นเศษกระดาษที่พับไว้เรียบร้อยแน่นหนาให้เขาพร้อมกับหยิบแก้วไวน์ด้วยมือซ้าย

เกรนนิวฟ์นึกว่าความพยายามของเขาเห็นผลในที่สุด แต่สุภาพสตรีคนงามเพียงเขินอายเกินกว่าจะแสดงความรักที่มีต่อเขาโดยตรง เขาคิดว่าสิ่งที่เกรซเพิ่งยื่นให้นั้นเป็นข้อความบอกรักสั้นๆ

เกรซจิบไวน์ขณะที่เกรนนิวฟ์เปิดข้อความออกอ่าน จากนั้นนางจึงอธิบาย “ท่านเกรนนิวฟ์เจ้าคะ นี่เป็นข้อความถึงท่าน จากสุภาพบุรุษท่านหนึ่งที่ข้าพบตอนอยู่ข้างล่าง”

“หืม…” เกรนนิวฟ์ประหลาดใจเล็กน้อย และเมื่อเขาได้อ่านข้อความบนเศษกระดาษนั้นดีๆ คิ้วก็พลันขมวดเข้าหากันเล็กน้อย แต่ไม่นานสีหน้าเขาก็กลับมาเป็นดังเดิม “ฮะๆ… คนรู้จักในอดีตน่ะ… ชวนให้นึกถึงเรื่องในอดีตเสียจริง” เกรนนิวฟ์โบกมือสบายๆ แล้วเผากระดาษแผ่นนั้นด้วยไม้ขีดไฟ จากนั้นจึงถามนางด้วยใบหน้ายิ้มๆ “เกรซ สุภาพบุรุษผู้นั้นดูเป็นอย่างไรเช่นนั้นหรือ”

“ผมดำ… ตาดำ ดูน่านับถือเจ้าค่ะ ข้าต้องขออภัยด้วย ข้าไม่นึกว่าข้อความนี้จะกวนใจท่านเกรนนิวฟ์ ข้านึกเพียงว่านี่เป็นการช่วยเหลือชายผู้นั้นเล็กๆ น้อยๆ เพราะเขาดูสุภาพมีมารยาทมากเจ้าค่ะ” เกรซกล่าวขอโทษขอโพย

คำบรรยายรูปลักษณ์ของลูเซียนที่นางกล่าวนั้นคลุมเครืออย่างยิ่ง ผมดำ ตาดำ ดูน่านับถือ… นั่นคือทั้งหมดที่เกรนนิวฟ์จะทราบได้จากนาง

“ไม่ต้องกังวลไปหรอก เกรซ! ไม่มีอะไรสำคัญเลย” เกรนนิวฟ์โบกมืออีกครั้ง “อย่าให้เขามาทำลายมื้อค่ำแสนโรแมนติกของเราเลยนะ”

เกรซพยักหน้า ภายในใจนางรู้สึกโล่งอกเล็กน้อย ในเมื่อนางทำหน้าที่ตามที่ท่านอีวานส์สั่งแล้ว ก็ได้แต่หวังว่านางจะยังรักษาชีวิตดั่งฝันของนางต่อไปได้

ในมุมมืดใกล้ๆ กันกับร้านฉลาม ลูเซียนที่เปลี่ยนรูปลักษณ์ด้วยการใช้ ‘เวทแปลงกาย’ เวทมนตร์ระดับหนึ่ง กำลังจับตามองขณะที่เกรนนิวฟ์ไปส่งเกรซกลับบ้านด้วยเรือหัวแหลมลำหรู

“ออกมาเถอะ สหาย ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ตรงนั้น” จู่ๆ ลูเซียนก็กล่าวกับความมืดรอบกาย

เงาร่างสีดำปรากฏขึ้นบนกำแพงแล้วเดินออกมา “เป็นเจ้าที่สะกดรอยตามมาตลอดสินะ”

ผู้พูดเป็นชายวัยกลางคน ใบหน้าเขาตอบเล็ก และเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนก็ยาวถึงหัวไหล่ ดวงตาสีน้ำตาลของเขามีประกายเฉียบแหลม และลูเซียนก็รู้ดีว่าเขาหาใช่หนึ่งในผู้อารักขาของเกรนนิวฟ์

“เจ้าใช่นักเวทหรือไม่” ชายวัยกลางคนถาม พลางจ้องมองชายหนุ่มผมดำตาดำตรงหน้า

“แน่นอน หากไม่ใช่นักเวทแล้ว ทำไมข้าถึงต้องวุ่นวายติดต่อกับท่านเกรนนิวฟ์เพื่อเดินทางไปยังเมืองอัลลินด้วยเล่า”

ในขณะที่เขาพูด ลูเซียนไม่ได้อำพรางคลื่นพลังที่เขาเรียกเตรียมไว้เพื่อร่ายคาถาเลย

“เช่นนั้นหรือ แต่ว่า…” ชายวัยกลางคนแย้มยิ้ม “แต่ว่าเจ้าอาจจะเข้าใจอะไรผิดไปหน่อย สหาย เกรนนิวฟ์หาใช่ผู้ประสานงานจากสภาเวทมนตร์ไม่ เป็นข้าต่างหาก โปรดเรียกข้าว่าฝีพาย”

ด้วยเวทมนตร์ที่ใช้ สีหน้าของลูเซียนจึงดูแข็งกระด้างเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะแปลกใจ แต่ใบหน้าเขาก็ไม่ได้แสดงออกอะไรนัก

“ไม่ใช่เจ้าเพียงผู้เดียวที่ได้รับข้อมูลมาผิดๆ ความจริงแล้ว มีผู้คนมากมายคิดว่าเกรนนิวฟ์คือผู้ประสานงาน” ฝีพายกล่าวเสริม “นั่นก็พอจะเข้าใจได้ ในเมื่อเขาเป็นผู้มีอิทธิพลในการรักษาความลับใต้ดินของเมืองสเติร์ก ดังนั้นเราจึงสะกดรอยตามและจับตามองเขาตลอดเวลาเช่นกัน เพื่อที่จะค้นหาคนอย่างพวกเจ้าอย่างไรล่ะ”

ลูเซียนไม่ได้รู้สึกประหม่ากับข้อเท็จจริงที่ว่าเขาอาจส่งข้อความไปให้ผิดคน ในเมื่อข้อความที่เขาทิ้งไว้ในกระดาษแผ่นนั้นหาได้มีอะไรพิเศษ แต่เป็นเพียงการขอความช่วยเหลือของนักเวททั่วไป ในจดหมายนั้น ลูเซียนเรียกเกรนนิวฟ์ว่า ‘ผู้ประสานงานสภาเวทมนตร์’ ออกไปตรงๆ แทนที่จะเรียกชื่อเขา และทิ้งสถานที่กับเวลานัดพบไว้ด้วย

ทว่า ลูเซียนไม่ได้คาดหวังหรอกว่าเกรนนิวฟ์จะส่งใครสักคนมาพบเขาตามที่เขาระบุไว้ในข้อความ อย่างไรเสีย มันก็ถือว่าเป็นเรื่องเสี่ยงเกินไปสำหรับเขา จุดประสงค์ที่แท้จริงคือ เขาอยากจะบอกเกรนนิวฟ์ว่ามีใครบางคนกำลังสะกดรอยตามเขา เพื่อให้เขาลอบส่งคนมาสืบหาว่าคนผู้นั้นคือใคร

แล้วจากนั้นลูเซียนก็จะจงใจปล่อยให้พวกเขาหาเขาเจอเพื่อที่จะติดต่อกับคนของเกรนนิวฟ์ด้วยวิธีที่เสี่ยงน้อยกว่า

ขณะเผชิญหน้ากับชายวัยกลางคนผู้นี้ ลูเซียนไม่คิดจะเชื่อคำพูดของเขาทั้งหมด อย่างไรเสีย ลูเซียนก็ไม่คิดว่าเฟลิเปจะโกหกเหล่านักเวทฝึกหัดและนักเวทศาสตร์มืดต่อหน้า ‘ศาสตราจารย์’ ผู้ที่มาจากสภาเวทมนตร์เช่นเดียวกันอยู่แล้ว

“เจ้าจะพิสูจน์คำพูดของเจ้าได้อย่างไร” ลูเซียนถามอย่างยิ่งสงบ

“ก็นะ… ข้าไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองเสียหน่อย” ฝีพายยิ้มกริ่ม “หากเจ้าไม่เชื่อข้า ข้าก็สามารถจากไปในทันที แต่คิดดูก็แล้วกัน หากว่าข้าเป็นผู้พิทักษ์ราตรีจริงๆ แล้วล่ะก็ การที่เจ้าถูกเปิดเผยตัวเช่นนี้แล้ว เหตุใดข้าจึงยังเสียเวลาพูดคุยกับนักเวทระดับหนึ่งอย่างเจ้าอยู่อีกเล่า ข้าน่าจะปรากฏกายพร้อมกับบาทหลวงและพระคาร์ดินัลคนอื่นๆ ในสเติร์กแล้วสังหารเจ้าภายในวินาทีเดียวมากกว่านะ”

เมื่อประเมินจากคลื่นพลังของลูเซียน เขาสามารถบอกได้คร่าวๆ ถึงความแข็งแกร่งของลูเซียน

“เอาล่ะ… นั่นเป็นเรื่องจริง” ลูเซียนยักไหล่

“แต่ข้าจะเชื่อใจเจ้าได้อย่างไร” ฝีพายส่ายศีรษะ “มีผู้พิทักษ์ราตรีหลายคนที่เป็นนักเวทมาก่อน แต่พวกเขาทรยศเรา นอกจากนี้ เมื่อสองเดือนก่อน ตอนที่ท่านเฟลิเปนำกลุ่มนักเวทยี่สิบสองคนฝ่าการปิดล้อมของศาสนจักร พวกเขากลับถูกพบตัว แม้ว่าท่านจะใช้กำลังฝ่าการปิดล้อมไปได้และทำให้โทสะของเหล่าผู้นำศาสนจักรยิ่งพุ่งสูง แต่ทางศาสนจักรกลับยิ่งตรวจสอบอย่างละเอียดกว่าเดิมและเราก็ต้องสูญเสียกำลังไปมากเพราะการทรยศหักหลังครั้งนี้ และพวกมันยังจัดให้ท่านเฟลิเปอยู่ในลำดับที่สามร้อยห้าสิบเก้า ใน ‘บัญชีกวาดล้าง’ อีกด้วย”

ความคิดแรกของลูเซียนตอนที่ได้ยินคำพูดของฝีพายคืออันดับของเขาตกไปที่สามร้อยหกสิบตามหลังเฟลิเปเสียแล้ว ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ทำให้เขารู้สึกดีเลยสักนิด

“เช่นนั้นเจ้าอยากให้ข้าพิสูจน์ตนเองอย่างไร” ลูเซียนถาม เขาเองก็ยังไม่เชื่อใจในตัวชายที่เพิ่งแสดงตนต่อหน้าเขาในคืนนี้

“ตามแบบแผนดั้งเดิมของเรา… เจ้าต้องหาใครสักคนจากสภามายืนยันตัวตน เช่น คนที่บอกเจ้าว่าสภาเวทมนตร์อยู่ที่ใดและใครคือผู้ประสานงานในเมืองสเติร์ก”

“เขาจากไปแล้ว ข้าไม่ทราบแม้กระทั่งชื่อของเขา” แน่นอนว่าลูเซียนไม่มีทางบอกว่าเป็นเฟลิเป

“ก็นะ… นั่นก็ถือเป็นเรื่องปกติ” ฝีพายพยักหน้า “เช่นนั้นเจ้าก็ต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อพิสูจน์ตน”

“เช่นอะไร” ลูเซียนนึกสงสัย

“เดือนก่อน ชายผู้หนึ่งทรยศเรา แม้ว่าเขาจะมี ‘พร’ ที่ปลุกขึ้นจากยาวิเศษที่ได้รับจากสภาเวทมนตร์ ชายผู้นี้ก็ยังละทิ้งเราเพื่อไปเข้ากับทางศาสนจักรและบอกความลับของเราให้พวกมันมากมาย คนของเรามากมายต้องตายไป รวมถึงนักเวทฝึกหัดอนาคตไกลอีกกว่าสามสิบชีวิต พวกเขาต้องตายอยู่ในช่องแคบมรสุม” ฝีพายกล่าว กล้ามเนื้อใบบนหน้าเขายิ่งเห็นได้ชัดขึ้นเรื่อยๆ ขณะพูด

ลูเซียนไม่ตอบกลับอะไร เพียงเฝ้ารอคำอธิบายต่อไปจากฝีพาย

“ตอนนี้คนทรยศผู้นี้กลับมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีทั้งยังได้รับรางวัลจากสภาประจำเมืองเป็นเหรียญตราอัศวิน หากว่าเจ้าสังหารเขาได้ เจ้าก็จะพิสูจน์ได้ว่าเจ้าไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับทางศาสนจักร”

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด