Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา 35 รายงาน

Now you are reading Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา Chapter 35 รายงาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ลูเซียนตอบอย่างสุภาพแต่ไม่ได้สะทกสะท้านอันใด “ข้าชื่อลูเซียน เป็นสหายของจอห์น พอดีว่าครอบครัวเขามีเรื่องด่วน ข้าจึงมาหาเขาที่นี่”

ชายผมสีเหลืองเข้มนามว่าเอียนส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างเยาะหยันเย็นชา “จอห์นและอัศวินฝึกหัดคนอื่นๆ กำลังฝึกซ้อมกับลอร์ดเวนน์อยู่ ข้าปล่อยให้เจ้าเข้าไปขัดจังหวะไม่ได้จนกว่าจะเชื่อว่าเจ้าคือสหายของจอห์นจริงๆ มีหลักฐานมาแสดงหรือไม่ มิเช่นนั้นก็รอให้พวกเขาฝึกเสร็จก่อนเถิด”

เอียนนึกดูถูกจอห์นที่สร้างความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและเป็นที่ชื่นชอบของลอร์ดเวนน์มานานแล้ว ทั้งยังรำคาญใจเมื่อคิดว่าจอห์นเป็นเพียงคนจนไร้การศึกษา คอยแต่พึ่งพาความเฉลียวฉลาดและทำตามกฎของอัศวินอย่างเคร่งครัดเสมอเพื่อประจบลอร์ดเวนน์ เขาคิดว่าจอห์นด้อยกว่าผู้ที่มีการศึกษาและความสามารถอย่างเขามาก ดังนั้น ทันทีที่เขาได้ยินชื่อของจอห์น เอียนจึงอดไม่ได้ที่จะกลั่นแกล้งลูเซียน

ดูราโก อัศวินฝึกหัดอีกคนก็ไม่ชอบจอห์นเช่นกัน จึงเฝ้ามองเอียน ‘ให้บทเรียน’ แก่ลูเซียนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีทางยอมรับหรอกว่าพวกเขาเกลียดชังและไม่ชอบใจจอห์นก็เพราะความริษยา

เมื่อกล่าวจบ เอียนก็มองลูเซียนด้วยสายตาขึงขัง ในความคิดเขา ลูเซียนก็เป็นแค่คนจนที่ไม่เคยได้เห็นโลกกว้าง ฉะนั้นคงหวาดกลัวต่ออัศวินฝึกหัดผู้องอาจเช่นเขา และคงต้องประหม่ากลัวไม่กล้าปฏิเสธเป็นแน่ สิ่งเดียวที่ลูเซียนจะทำได้คืออ้อนวอนเขา หลังจากที่อ้อนวอนจนเขาพอใจ เขาค่อยส่งใครสักคนไปตามจอห์นมาก็ได้ หาใช่เรื่องใหญ่อันใด

แต่น่าเสียดายที่ลูเซียนมีประสบการณ์มากกว่าเอียนอย่างที่เขามิอาจจินตนาการได้ ณ ตอนนี้ แทนที่ลูเซียนจะรีบลนลานอ้อนวอน เขากลับตอบด้วยสีหน้าและน้ำเสียงจริงจังเคร่งขรึม “สหายของจอห์นมีเรื่องด่วนและกำลังตกอยู่ในอันตรายถึงแก่ชีวิต หากเขาไปไม่ทันและเกิดเหตุร้ายแรงโดยที่แก้ไขไม่ได้ขึ้นมา การขัดขวางของเจ้าก็คือสาเหตุหลัก และนี่ก็เป็นเรื่องผิดศีลธรรมของอัศวินอย่างยิ่งยวด ข้าเชื่อว่าถ้าลอร์ดเวนน์ทราบเข้า ท่านจะต้องโกรธมากและเกิดผลร้ายแรงตามมาแน่”

ลูเซียนรู้มาจากจอห์นว่าลอร์ดเวนน์เป็นขุนนางที่ยึดติดกับกฎของอัศวินอย่างเคร่งครัด และความหมายของลูเซียนก็คือ หากลอร์ดเวนน์ทราบเรื่อง เอียนกับดูราโกจะต้องถูกขับไล่ออกจากการเป็นอัศวินฝึกหัดอย่างแน่นอน และชื่อเสียงของผู้ที่ถูกขับไล่ก็จะไม่เหลือชิ้นดี ยากที่จะมีโอกาสได้รับเลือกให้เข้าสังกัดกรมกองของอัศวินท่านอื่นๆ

ส่วนสหายผู้ตกอยู่ในอันตรายนั้นก็คือลูเซียนนั่นเอง ในเมื่อเขาไม่ได้ยึดเส้นทางของอัศวิน การโกหกเล็กๆ น้อยๆ จึงไม่ทำให้เขาคิดมาก และอีกอย่างคือ นี่ไม่ใช่เรื่องโกหก เพียงแต่บอกไปไม่หมดก็เท่านั้น

“เจ้ากล้าข่มขู่ข้างั้นรึ?!” เอียนรู้สึกคล้ายโดนสายฟ้าฟาด เขาไม่คาดคิดว่าจะถูกคนจนชั้นต่ำตำหนิอย่างรุนแรงด้วยอาการสงบนิ่งเช่นนี้ เขาโมโหจนแทบอยากจะชักดาบอัศวินออกมาฟันอีกฝ่ายเป็นสองท่อน

เอียนก้าวมาข้างหน้า และแผ่รังสีอำมหิตของผู้ที่อยู่ในขั้นอัศวินฝึกหัดระดับสูง มันเป็นแรงกดดันแบบเดียวกับที่ลูเซียนเคยสัมผัสได้จากแกรี่ มันรุนแรงจนแม้แต่นายทหารข้างหลังเอียนตัวสั่นสะท้านและถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ส่วนดูราโกที่แต่แรกคิดจะก้าวออกไปเช่นกัน กลับยืนนิ่งอยู่กับที่ ด้วยรับรู้ถึงพลังของเอียน

ทั้งดูราโกและนายทหารด้านหลัง รวมถึงตัวเอียนเอง ต่างนึกภาพได้ถึงปฏิกิริยาของลูเซียนต่อแรงกดดันจากอัศวินฝึกหัดระดับสูงว่าจะต้องตัวสั่นเทา อ้อนวอนเสียงตะกุกตะกัก และอาจถึงขั้นหวาดกลัวจนฉี่รดกางเกง

ทว่าสิ่งที่เหนือความคาดหมายของทุกคนคือ ลูเซียนยังคงมีท่าทีนิ่งสงบและจริงจัง ก่อนจะถามขึ้นว่า “ตอนนี้เจ้าอยากจะฝ่าฝืนกฎของอัศวินแล้วสังหารผู้บริสุทธิ์อ่อนแอเช่นนั้นรึ”

เขาดูไม่ได้รับผลใดๆ จากแรงกดดันของเอียน จนเอียนและดูราโกรู้สึกว่าชายหนุ่มยากไร้เบื้องหน้านี้มีความดื้อรั้นตั้งใจจริงประดุจภูเขา

“ข้ายังจำเป็นต้องกล่าวซ้ำอีกหรือไม่ เจ้าอยากจะโดนลอร์ดเวนน์ขับไล่เช่นนั้นหรือ” ลูเซียนก้าวมาข้างหน้าและเอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึมเย็นเยียบ

เอียนนึกอยากจะเป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่สนใจชีวิตหรืออนาคตของตนเพื่อที่เขาจะได้ชักดาบออกมาสังหารลูเซียนเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่เขายังอยากเป็นอัศวิน ยังอยากเป็นชนชั้นสูง และยังอยากมีคฤหาสน์เป็นของตนเอง มันจึงไม่คุ้มค่ากับการทิ้งสิ่งเหล่านั้นเพราะประโยคเพียงไม่กี่ประโยคของคนตรงหน้า

แม้จะมีตัวเลือกอย่างการใส่ร้ายอีกฝ่ายหลังจากสังหารไปแล้ว แต่ในเมื่อจอห์นอยู่ข้างใน และมีชาวนาหลายคนที่ทำงานอยู่ในไร่สาลีด้านนอกมากมาย เอียนจึงทำเช่นนั้นมิได้ หากตอนนี้เขายังอยากจะรักษาหน้าเอาไว้ ก็จำต้องเป็นฝ่ายยอมลงให้

เมื่อดูราโกเห็นว่าพลังของเอียนอ่อนลง ก็เข้าใจความคิดของเขาทันที ก่อนจะหันไปถลึงตามองลูเซียน พลางคว้าจับแขนเอียนเอาไว้ “จอห์นคือสหายของเรา ในเมื่อสหายของเขาตกอยู่ในอันตราย เช่นนั้นเราก็ไม่ควรจะเสียเวลาอยู่กับคนจนไร้การศึกษาเช่นเจ้า รีบไปบอกจอห์นเถอะ”

“ก็ได้ หากนี่ไม่เกี่ยวข้องกับจอห์นล่ะก็ ข้าคงจะต้องสั่งสอนเจ้าให้รู้จักกับความสุภาพถ่อมตนเสียหน่อยแล้ว” เอียนก้าวถอยหลังขณะเอ่ยกับลูเซียน แม้ว่าคำพูดนั้นจะไม่ตรงกับความจริงที่ว่าจอห์นคืออัศวินฝึกหัดที่เขาเกลียดที่สุดและแช่งชักหักกระดูกให้ตายเร็วๆ อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันก็ตาม

และเพราะว่าเขาไม่อยากจะเห็นใบหน้าน่ารังเกียจของลูเซียนอีกต่อไป เอียนจึงเดินเข้าไปด้านในอาณาเขตคฤหาสน์ด้วยตัวเองเพื่อรายงานกับลอร์ดเวนน์

ดูราโกยืนอยู่ที่เดิมด้วยใบหน้าเย็นชา ไม่เอ่ยอะไรกับลูเซียนแม้สักคำ

แต่ลูเซียนหาได้สนใจไม่ เขาเพียงยืนรออยู่เงียบๆ เมื่อครู่นี้ แรงกดดันของเอียนนั้นหนักหนามิน้อย หากเป็นก่อนหน้านี้ที่ดวงจิตของลูเซียนไม่ได้รับบาดเจ็บ มันคงไม่ส่งผลอะไรกับเขามาก แต่ในเมื่อตอนนี้ดวงจิตเขายังบาดเจ็บอยู่ แรงกดดันคงทำให้เขาสั่นสะท้านอยู่เหมือนกัน ทว่าโชคดีที่ลูเซียนมีแหวน ‘อาฆาตเหมันต์’ อยู่กับตัว เขาจึงเพียงล้วงมือลงไปแตะแหวนในกระเป๋า เพื่อให้ระดับพลังของเขาเทียบเท่ากับอัศวินขั้นที่หนึ่งที่แข็งแกร่งกว่าอัศวินฝึกหัดมาก แรงกดดันของเอียนจึงไม่ส่งผลอะไรกับเขา กลับเป็นเพียงสายลมที่โชยผ่านไปเท่านั้น

ไม่ถึงห้านาทีผ่านไป จอห์นก็วิ่งออกมา ทิ้งเอียนไว้เบื้องหลัง และเมื่อเขาเห็นชัดเต็มตาว่าเป็นลูเซียน เขาก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้ “เป็นเจ้าเองหรือลูเซียน! แล้วใครกันที่ตกอยู่ในอันตราย”

ลูเซียนชี้ไปอีกทาง “มีเรื่องด่วนน่ะ เราคุยไปเดินไปกันเถอะ”

ทั้งสองเดินเร็วๆ เคียงข้างกันไปจนห่างออกมาระยะหนึ่ง ลูเซียนจึงพูดสิ่งที่คิดเตรียมเอาไว้แล้ว พลางจ้องสบตากับจอห์นที่มองมาด้วยความสงสัย “ช่วงนี้ข้าพบเจอขอทานบ่อยครั้ง แรกๆ เขาก็มักจะกล่าวประณามถึงขุนนางและอัศวิน แต่เมื่อวานเขากลับดึงข้าไปในมุมลับตาคนแล้วพูดดูหมิ่นศาสนา กลายเป็นว่าเขาคือผู้ศรัทธาในปีศาจและกำลังเผยแพร่ความเชื่อนี้ในนครอัลโต้อย่างลับๆ”

“แต่เดิมข้าคิดจะไปรายงานเรื่องนี้กับทางศาสนจักรโดยตรง แต่ข้าบังเอิญไปเห็นว่าเขาแอบนัดพบกับแจ็กสัน หัวหน้ากลุ่มของแก๊งอารอน ข้ากังวลว่าพวกนั้นอาจวางแผนทำร้ายลุงโจเอลกับป้าอะลิซ่าอยู่ จึงได้มาหาเจ้าที่นี่ เพราะหากเจ้ารายงานเรื่องนี้ผ่านทางลอร์ดเวนน์ ทางศาสนจักรอาจจะให้ความสนใจมากกว่า”

ในฐานะเด็กหนุ่มผู้ยึดมั่นในกฎของอัศวิน จอห์นจึงไม่คิดสงสัยอะไรในคำพูดของเพื่อนสนิท ทั้งยังเชื่อใจอย่างยิ่ง “พวกแก๊งอารอนมีความเกี่ยวข้องกับลัทธิปีศาจเช่นนั้นหรือ เจ้าพวกนรกส่งมาเกิด ข้าควรจะรายงานให้ลอร์ดเวนน์ทราบเดี๋ยวนี้”

“เดี๋ยวก่อน จอห์น ข้าคิดว่าเรื่องนี้อาจร้ายแรงกว่าที่เจ้าคิด ตอนนี้ในนครอัลโต้มีขอทานเหลืออยู่เพียงสิบกว่าคนเท่านั้น แล้วที่เหลือหายไปไหน” ลูเซียนบอกในสิ่งที่เขารู้โดยใช้วิธีบอกเล่าแบบหลีกเลี่ยงความจริง

เมื่อได้ยินว่ามีผู้คนหายตัวไปมากมาย จอห์นก็ยิ่งร้อนรนใจ แต่เพราะการฝึกฝนตามกฎของอัศวินทำให้เขาไม่แตกตื่น กลับยังคงรักษาความสงบนิ่งไว้ได้ “พวกคลั่งปีศาจคงจะนำตัวขอทานพวกนั้นไปเซ่นสังเวยเลือดเป็นแน่ ฮึ่ม เรื่องนี้ร้ายแรงจริงๆ เราต้องรายงานให้ลอร์ดเวนน์ทราบเดี๋ยวนี้เลย”

ลูเซียนพยักหน้าและกล่าวเตือนเขาอีกครั้ง “จอห์น เจ้าจะต้องไม่บอกลอร์ดเวนน์ว่าข้าคือผู้พบเห็นเรื่องนี้ล่ะ ข้ากังวลว่าหากพวกบูชาลัทธิปีศาจไม่ได้ถูกกำจัดไปจนหมด พวกมันอาจมาแก้แค้นข้าได้เมื่อทราบความจริง ข้าเป็นเพียงคนจนคนหนึ่ง เกรงว่าคงมิมีอัศวินคนใดมาเฝ้าข้าทั้งวันทั้งคืนหรอก”

“ได้ น่าเสียดายนะลูเซียน เพราะเจ้าอาจได้รับรางวัลมากมายถ้าท่านจำกัดพวกลัทธิปีศาจไปได้จริงๆ” จอห์นเข้าใจดีถึงความกังวลของลูเซียน บางทีตอนนี้อาจมีอัศวินฝึกหัดบางคนที่ศรัทธาในลัทธิปีศาจ หรือในหมู่อัศวินก็อาจมีผู้ที่ถูกปีศาจชักจูงให้เข้ารีตแล้วก็ได้ หากลูเซียนไม่อยากให้ผู้ใดล่วงรู้ตัวตน เช่นนั้นก็สมควรเป็นเขาคนเดียวที่รู้เรื่องนี้ เพียงแต่เขาเสียดายแทนลูเซียนยิ่งนัก

ลูเซียนตบบ่าจอห์นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “เจ้าเองก็ต้องขอให้ลอร์ดเวนน์เก็บเรื่องที่เจ้าเป็นผู้รายงานเป็นความลับเช่นกัน อย่างไรเสีย ลุงโจเอล ป้าอะลิซ่า และไอเวินก็เป็นเพียงคนธรรมเท่านั้น แต่เจ้ารับรางวัลจากลอร์ดเวนน์ได้”

หากไม่ทำเช่นนี้ ลูเซียนก็ไม่คิดว่าลอร์ดเวนน์จะยอมเชื่อ แต่จะให้เขา คนจนๆ ที่รู้จักเวทมนตร์ระดับฝึกหัดไม่กี่บท ไปรายงานเรื่องนี้กับทางศาสนจักรโดยตรง บางทีเขาอาจถูกจับกุมตัวไปด้วยก็เป็นได้ และถึงแม้ว่าเขาจะสามารถหาใครสักคนไปรายงานเรื่องนี้แทน เช่น เด็กที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะทำให้คนของศาสนจักรสนใจ นอกจากนี้ เขายังเคยทำให้บาทหลวงและบิชอปฝังใจกับลักษะท่าทางอันลึกลับของเขาไปแล้วด้วย บางทีมันอาจนำปัญหาใหญ่มาให้ในอนาคตก็ได้

อย่างน้อย หากลอร์ดเวนน์ผู้ที่มีอายุราวหกสิบปี มีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ มีครอบครัวที่อบอุ่น และยึดมั่นในจิตวิญญาณความเป็นอัศวิน ทั้งยังเป็นอัศวินที่ปรึกษาของแกรนด์ดยุก ถูกปีศาจล่อหลอกชักจูง นครอัลโต้ก็คงจะกลายเป็นสรวงสวรรค์สำหรับลัทธิปีศาจ

“ได้ ข้าจะทำเช่นนั้น เจ้านี่รอบคอบเสมอ ลูเซียน หากวันใดข้าได้รับรางวัลจากลอร์ดเวนน์มาและมันสามารถแบ่งได้ ข้าจะแบ่งให้เจ้า” จอห์นพยักหน้าด้วยท่าทางระแวดระวัง เขาไม่กลัวการเสียสละเพื่อความยุติธรรม แต่หากว่ามันจะส่งผลต่อครอบครัวและเพื่อนสนิท เขาย่อมเป็นกังวล

ลูเซียนหัวเราะ “หากลอร์ดเวนน์เต็มใจช่วยเก็บเป็นความลับให้เจ้า เช่นนั้นรางวัลที่เจ้าจะได้รับย่อมมาจากเหตุผลอื่น มันคงไม่ใช่เงินทองหรอก เจ้าเก็บรางวัลไว้กับตัวเถิด จอห์น เราเป็นเพื่อนกัน จะกังวลไปใย และอีกอย่างข้าก็ยังไปกินดื่มที่บ้านเจ้าเป็นประจำ”

จอห์นรั้งรออยู่อีกสิบนาทีตามคำขอของลูเซียน เพื่อให้คนในคฤหาสน์เข้าใจว่าปัญหาเกิดขึ้นไม่ไกลจากที่นี่นักและจัดการเรียบร้อยแล้ว จากนั้นเขาก็กลับเข้าไปในคฤหาสน์

ส่วนลูเซียนนั้นซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ข้างถนน เฝ้ารออย่างเงียบงัน หกนาทีต่อมา ม้าดำสวมเกราะลักษณะแปลกๆ แปดตัวก็วิ่งกุบกับผ่านไป นำโดยชายชราท่าทางจริงจังที่สวมชุดเกราะสีเงินทั้งตัว หนึ่งในเจ็ดคนที่ตามหลังมานั้นคือจอห์นในชุดเกราะโซ่ถักสีเทา ในมือถือทั้งดาบยาวและโล่ อีกห้าคนก็เป็นอัศวินฝึกหัดเช่นเดียวกัน ส่วนคนสุดท้ายคือชายหนุ่มในชุดคลุมยาวสีขาว คาดว่าคงเป็นบาทหลวงจากศาสนจักรที่รับหน้าที่ดูแลภายในอาณาเขตคฤหาสน์ของลอร์ดเวนน์

เมื่อเห็นว่าพวกเขาจากไปไกลแล้ว ลูเซียนก็ถอนหายใจแล้วกลับเข้าไปในตัวนครอัลโต้

เมื่อเขาเข้ามาในเขตตัวเมืองและเดินไปยังเขตนคร ลูเซียนก็รู้สึกได้ว่าพื้นดินสั่นสะเทือนเล็กน้อย ดูเหมือนว่าคนของศาสนจักรและอัศวินทั้งหลายจะพบเจอะไรบางอย่างในท่อน้ำเสียแล้ว

‘ไม่ว่าพวกเขาจะกำจัดพวกลัทธินอกรีตไปได้หมดหรือไม่ อย่างน้อยฉันก็คงจะปลอดภัยไปสักสองสามเดือน แต่คงต้องรออีกสักพักใหญ่ๆ กว่าจะลงไปในท่อน้ำเสียได้อีกครั้ง ฉันจะจดจ่อกับการวิเคราะห์โครงสร้างเวทมนตร์ไปก่อนแล้วกัน’

ไม่กี่นาทีก่อนแปดโมงครึ่ง ลูเซียนก็รีบเร่งเดินมาถึงหน้าประตูของสมาคมนักดนตรี

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด