Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 1771: แยกทาง

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 1771: แยกทาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1771: แยกทาง

อย่างไรก็ตามเจี้ยนเฉินไม่ได้ป้องกันการโจมตีของเฉินเจี้ยนเลย เขายิ้มและยืนอยู่กับที่อย่างสบาย ๆ พร้อมกับเอามือไพล่หลังของเขา เขาต้องการใช้ความแข็งแกร่งของร่างกายของเขาเพื่อต่อต้านการโจมตีของเฉินเจี้ยน

เพียงเสียงที่แว่บผ่าน กระบี่เมฆหมอกของเฉินเจี้ยนก็ฟันลงไปที่หน้าอกของเจี้ยนเฉิน มันประกอบไปด้วยพลังปราณที่ทรงพลังและเสื้อผมของเจี้ยนเฉินก็ฉีกขาดลงทันทีจนไม่เหลือชิ้นส่วนของเสื้อผ้าอีก เผยให้เห็นรูปร่างที่ปราดเปรียวของเขา

กระบี่เมฆหมอกสีดำเข้มฟันเข้าที่หน้าอกของเจี้ยนเฉินพร้อมกับความคมที่ท่วมท้น อย่างไรก็ตามร่างกายที่ไม่น่าเชื่อของเจี้ยนเฉินก็สามารถต้านทานการโจมตีของเฉินเจี้ยนได้ด้วยพละกำลังของร่างกายเพียงอย่างเดียวและเขาไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ การโจมตีของเฉินเจี้ยนนั้นแข็งแกร่งกว่าการโจมตีของขั้นเทพช่วงกลางปกติก็ยังไม่อาจฝากร่องรอยไว้บนร่างกายของเจี้ยนเฉินได้

แสงรอบ ๆ กระบี่เมฆหมอกได้เพิ่มขึ้นแต่มันก็ยังไม่อาจทำร้ายเจี้ยนเฉินได้

สายตาของเฉินเจี้ยนจู่ ๆ ก็หดลงด้วยความไม่อยากจะเชื่อพร้อมกับใบหน้าที่แสดงออกมา เขารู้ว่าร่างกายของเจี้ยนเฉินนั้นแข็งแกร่งมาก ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เจี้ยนเฉินต่อสู้กับเฉียงซ่งในทวีปเทียนหยวน เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนี้ แต่เขาก็ยังผลักดันเฉียงซ่งให้หนีออกไปได้ด้วยการฟื้นฟูและความแข็งแกร่งของร่างกายที่เหนือกว่า

หลังจากนั้นเฉินเจี้ยนก็ได้ต่อสู้กับเจี้ยนเฉินตัวต่อตัวที่นอกอวกาศ การต่อสู้นั้นได้ผ่าดวงจันทร์ออกเป็นสองส่วน เมื่อคิดย้อนกลับไปเมื่อตอนนั้น ความแข็งแกร่งของเฉินเจี้ยนได้มากกว่าเจี้ยนเฉินอย่างสมบูรณ์ แต่ท้ายที่สุดเจี้ยนเฉินก็ได้ฝากรอยแผลที่สาหัสด้วยการแลกกระบี่กันและกัน จากความแข็งแกร่งของร่างกายของเขาและการฟื้นฟูที่ไม่อาจหยั่งถึง

อย่างไรก็ตามเฉินเจี้ยนไม่คิดว่าร่างกายของเจี้ยนเฉินจะแข็งแกร่งได้อย่างไม่น่าเชื่อในวันนี้ การโจมตีเต็มที่ของเขาไม่อาจทำร้ายเจี้ยนเฉินได้เลย

สิ่งนี้ทำให้เฉินเจี้ยนตกใจอย่างมาก

มองไปที่หน้าอกที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ เจี้ยนเฉินก็รู้สึกพึงพอใจกับตัวเองและพยักหน้าพร้อมกับพูดว่า “ข้าคิดว่าขั้นเทพช่วงกลางก็ไม่อาจทำร้ายข้าได้ มีเพียงการโจมตีของขั้นเทพช่วงปลายเท่านั้นที่จะทำให้ข้าเลือดออกได้อยู่”

“ช่างเป็นร่างกายที่แข็งแกร่งอะไรขนาดนี้” เฉินเจี้ยนไม่อาจทำอะไรได้นอกจากถอนหายใจด้วยความแปลกใจ เขาเก็บกระบี่เมฆหมอกกลับมา มีเพียงแค่เหล่าเหนือเทพหรือแม้แต่ราชาเทพขึ้นไปเท่านั้นที่จะทนต่อการโจมตีของขั้นเทพได้และไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ โดยไม่ต้องป้องกัน ในความเป็นจริงแม้แต่จอมยุทธจากขอบเขตตั้งต้นก็ยังไม่อาจทำอย่างนี้ได้

ขั้นเทพไม่อาจคุกคามเหนือเทพหรือราชาเทพได้ เพราะพลังงานดั้งเดิมที่พวกเขาครอบครองนั้นมีมากกว่า แม้แต่กฎที่พวกเขาเข้าใจก็มีประสิทธิภาพมาก เหนือเทพและราชาเทพเพียงใช้พลังงานดั้งเดิมหรือความเข้าใจของกฏสร้างเป็นพลังป้องกัน เหล่าเทพก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อที่จะทะลวงผ่านมันเข้าไปให้ได้

ถ้าพวกเขาไม่ได้ใช้พลังงานดั้งเดิมหรือกฎต่าง ๆ และใช้เพียงแค่ร่างกายของเขาแทน แม้แต่ราชาเทพก็ต้องถูกกระบี่แทงเข้าสู่ร่างกาย แม้แต่ขอบเขตตั้งต้นที่อ่อนแอบางส่วนก็ไม่อาจป้องกันการโจมตีของขั้นเทพได้

แน่นอนว่าหากพวกเขาไม่ได้บ่มเพาะหรือฝึกฝนหล่อหลอมร่างกายให้แข็งแกร่งเป็นพิเศษ

มันเรื่องที่เข้าใจอย่างแท้จริงเพราะทั้งในโลกเซียนและในทวีปเทียนหยวนก็มีจอมยุทธบางส่วนที่อ่อนแอกว่าสามารถสังหารและทำให้พวกคนที่มีการบ่มเพาะที่สูงกว่าบาดเจ็บสาหัสได้ แม้ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะเป็นเพียงแค่มดก็ตาม

ด้วยความที่ร่างกายนั้นเปราะบางของพวกเขา เมื่อพวกเขาสูญเสียการบ่มเพาะของพวกเขาไป มดที่พวกเขาเห็นในอดีตก็ยังสามารถคุกคามชีวิตของพวกเขาได้

อย่างไรก็ตาม ร่างบรรพกาลของเจี้ยนเฉินเป็นข้อยกเว้น แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือแม้แต่หมดสติก็ตาม ขั้นเทพช่วงกลางก็ยังไม่อาจสังหารเขาได้ เนื่องจากความแข็งแกร่งของร่างบรรพกาลก็ทำให้พวกเขาไม่อาจทำอันตรายใด ๆ กับร่างกายของเขา

“ข้ามั่นใจที่จะเผชิญหน้ากับขั้นเทพช่วงปลายด้วยความแข็งแกร่งปัจจุบันของข้า แม้ว่าข้าจะไม่อาจเอาชนะพวกเขาได้ แต่ข้าก็สามารถต่อสู้ได้นานด้วยการฟื้นตัวของข้าและยารักษาทั้งหลาย เสียดายเพียงอย่างเดียวคือความสามารถของข้ากับพลังเซียนธาตุแสงได้ลดลงอย่างมาก” เจี้ยนเฉินกล่าวอย่างมั่นใจ พลังเซียนธาตุแสงของเขายังอยู่ที่ขั้น 9 ทำให้เทียบเท่ากับเซียนจักรพรรดิ อย่างไรก็ตามการบ่มเพาะของเขาได้มาถึงขอบเขตเทพแล้ว พลังเซียนธาตุแสงขั้นที่ 9 จึงไม่อาจช่วยอะไรเข้าได้อีกต่อไป

เฉินเจี้ยนพยักหน้าอย่างเห็นใจ”ถ้าพลังเซียนธาตุแสงของเจ้าสามารถตามทันร่างกายที่แข็งแกร่งของเจ้าได้การฟื้นฟูของเจ้าก็จะดียิ่งขึ้น บาดแผลแบบไหนที่เจ้าได้รับมาก็จะหายไปก่อนที่เจ้าจะเกิดแผลที่สอง พวกเขาไม่อาจสังหารเจ้าได้จนกว่าจะมีคนที่มีพลังเหนือกว่าเจ้า”

“โอ้ ใช่ ทำไมความก้าวหน้าด้านพลังเซียนธาตุแสงของเจ้าถึงหยุดลง ? ” เฉินเจี้ยนถามอีกครั้ง เขารู้สึกว่าพลังเซียนธาตุแสงได้กลายเป็นจุดอ่อนของเจี้ยนเฉินในด้านการป้องกัน

เจี้ยนเฉินขมวดคิ้ว ขณะที่เขาจมลงไปในความคิดของเขา เขากล่าวว่า”หลังจากที่ข้ารวมวิญญาณของข้ากับพลังเซียนธาตุแสง ข้าไม่อาจก้าวหน้าได้อีกต่อไป ข้าได้ยินมาจากนางฟ้าเฮายู่พูดกับข้าในอดีตที่ผ่านมาว่า ข้าต้องควบวิญญาณของข้าให้กลายเป็นดอกไม้เจ็ดสีและต้องให้มันบานอยู่ภายในต้นวิญญาณ”

“สร้างดอกไม้เจ็ดสีทำให้มันบานบนต้นวิญญาณด้วยการควบวิญญาณ มันน่าจะเป็นระดับการบ่มเพาะที่จะเกิดขึ้นสำหรับพลังเซียนธาตุแสงที่ไม่มีใครในทวีปเทียนหยวนเคยไปถึง และข้าได้รู้ข้อมูลจำนวนน้อยนิดจากนางฟ้าเฮายู่ ดังนั้นข้าจึงไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร”

หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่งเฉินเจี้ยนก็กล่าวว่า”ข้าคิดว่าเจ้าแค่ขาดวิธีการฝึกฝนของพลังเซียนธาตุแสง หากเจ้ามีวิธีการฝึกฝน พลังเซียนธาตุแสงของเจ้าก็จะรุดหน้าไปยังระดับต่อไป”

“นั่นเป็นสิ่งที่ข้าเคยคิดเช่นกัน” เจี้ยนเฉินเห็นด้วย ไม่เพียงแต่เขาจะขาดวิธีการฝึกฝนของพลังเซียนธาตุแสง แต่เขายังขาดทักษะและวิธีการใช้พลังวิญญาณ

เจี้ยนเฉินพยักหน้าเบา ๆ พลางครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันจะไม่ได้อะไรหากเขาคิดถึงมันตอนนี้ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็โบกมือของเขาและมีเหรียญผลึกระดับสูง 2 ก้อน มันตกลงมาพร้อมกับเสียงทึบหนัก ๆ

เจี้ยนเฉินนำก้อนผลึกระดับสูง 2 ก้อนออกมาหลังจากที่เขาได้รับมันในสุสานของราชาเทพต้วนมู่ เขาชี้ไปที่ก้อนผลึกทั้งสองและพูดว่าเฉินเจี้ยนว่า “ข้าจะไปที่สุสานของราชาเทพต้วนมู่ทันทีและข้าจะช่วยนางฟ้าเฮายู่ได้ทันเวลา เฉินเจี้ยนใช้เหรียญผลึกทั้งสองก้อนนี้ เจ้าสามารถแตกพวกมันได้เมื่อไปถึงเมืองหลักให้เป็นเหรียญผลึกระดับกลางเพื่อเริ่มการบ่มเพาะ”

ก้อนผลึกทั้งสองก้อนนั้นมีคุณภาพสูงมันทั้งใหญ่ สูงและกว้างประมาณหนึ่งเมตร ในขณะที่เหรียญผลึกตามปกตินั้นมีขนาดใหญ่แค่หนึ่งเซนติเมตร ทำให้ก้อนผลึกมีมูลค่าเทียบเท่ากับ 1 ล้านเหรียญผลึก ก้อนเหรียญผลึกระดับสูง 2 ก้อนนี้เทียบเท่ากับเหรียญผลึกระดับกลาง 2 ล้านก้อน

เฉินเจี้ยนไม่ได้เก็บมัน เขาถือผลึกทั้งสองตรง ๆ

เขาอาจจะไม่สามารถทะลวงไปถึงขั้นเทพช่วงกลาง ถ้าเขาดูดซึมหินเหรียญผลึกระดับสูงตรง ๆ แต่เมื่อเขานำไปขาย มันก็เพียงพอที่จะทำให้เขาทะลวงไปถึงชั้นเทพช่วงปลาย

หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินและเฉินเจี้ยนตัดสินใจที่จะแยกการเดินทางกันเป็นครั้งแรกหลังจากที่มาถึงโลกเซียน เจี้ยนเฉินจะไปที่สุสานของราชาเทพต้วนมู่โดยตรง ขณะที่เฉินเจี้ยนจะเดินทางไปยังเมืองหลวงเพื่อนำหินผลึกทั้งสองก้อนไปขาย

ก้อนผลึกทั้งสองก้อนนั้นมีค่ามาก แต่ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ของเฉินเจี้ยนก็ไม่มีใครคุกคามเขาได้ เว้นแต่เขาจะเจอขั้นเหนือเทพ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 1771: แยกทาง

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 1771: แยกทาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1771: แยกทาง

อย่างไรก็ตามเจี้ยนเฉินไม่ได้ป้องกันการโจมตีของเฉินเจี้ยนเลย เขายิ้มและยืนอยู่กับที่อย่างสบาย ๆ พร้อมกับเอามือไพล่หลังของเขา เขาต้องการใช้ความแข็งแกร่งของร่างกายของเขาเพื่อต่อต้านการโจมตีของเฉินเจี้ยน

เพียงเสียงที่แว่บผ่าน กระบี่เมฆหมอกของเฉินเจี้ยนก็ฟันลงไปที่หน้าอกของเจี้ยนเฉิน มันประกอบไปด้วยพลังปราณที่ทรงพลังและเสื้อผมของเจี้ยนเฉินก็ฉีกขาดลงทันทีจนไม่เหลือชิ้นส่วนของเสื้อผ้าอีก เผยให้เห็นรูปร่างที่ปราดเปรียวของเขา

กระบี่เมฆหมอกสีดำเข้มฟันเข้าที่หน้าอกของเจี้ยนเฉินพร้อมกับความคมที่ท่วมท้น อย่างไรก็ตามร่างกายที่ไม่น่าเชื่อของเจี้ยนเฉินก็สามารถต้านทานการโจมตีของเฉินเจี้ยนได้ด้วยพละกำลังของร่างกายเพียงอย่างเดียวและเขาไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ การโจมตีของเฉินเจี้ยนนั้นแข็งแกร่งกว่าการโจมตีของขั้นเทพช่วงกลางปกติก็ยังไม่อาจฝากร่องรอยไว้บนร่างกายของเจี้ยนเฉินได้

แสงรอบ ๆ กระบี่เมฆหมอกได้เพิ่มขึ้นแต่มันก็ยังไม่อาจทำร้ายเจี้ยนเฉินได้

สายตาของเฉินเจี้ยนจู่ ๆ ก็หดลงด้วยความไม่อยากจะเชื่อพร้อมกับใบหน้าที่แสดงออกมา เขารู้ว่าร่างกายของเจี้ยนเฉินนั้นแข็งแกร่งมาก ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เจี้ยนเฉินต่อสู้กับเฉียงซ่งในทวีปเทียนหยวน เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนี้ แต่เขาก็ยังผลักดันเฉียงซ่งให้หนีออกไปได้ด้วยการฟื้นฟูและความแข็งแกร่งของร่างกายที่เหนือกว่า

หลังจากนั้นเฉินเจี้ยนก็ได้ต่อสู้กับเจี้ยนเฉินตัวต่อตัวที่นอกอวกาศ การต่อสู้นั้นได้ผ่าดวงจันทร์ออกเป็นสองส่วน เมื่อคิดย้อนกลับไปเมื่อตอนนั้น ความแข็งแกร่งของเฉินเจี้ยนได้มากกว่าเจี้ยนเฉินอย่างสมบูรณ์ แต่ท้ายที่สุดเจี้ยนเฉินก็ได้ฝากรอยแผลที่สาหัสด้วยการแลกกระบี่กันและกัน จากความแข็งแกร่งของร่างกายของเขาและการฟื้นฟูที่ไม่อาจหยั่งถึง

อย่างไรก็ตามเฉินเจี้ยนไม่คิดว่าร่างกายของเจี้ยนเฉินจะแข็งแกร่งได้อย่างไม่น่าเชื่อในวันนี้ การโจมตีเต็มที่ของเขาไม่อาจทำร้ายเจี้ยนเฉินได้เลย

สิ่งนี้ทำให้เฉินเจี้ยนตกใจอย่างมาก

มองไปที่หน้าอกที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ เจี้ยนเฉินก็รู้สึกพึงพอใจกับตัวเองและพยักหน้าพร้อมกับพูดว่า “ข้าคิดว่าขั้นเทพช่วงกลางก็ไม่อาจทำร้ายข้าได้ มีเพียงการโจมตีของขั้นเทพช่วงปลายเท่านั้นที่จะทำให้ข้าเลือดออกได้อยู่”

“ช่างเป็นร่างกายที่แข็งแกร่งอะไรขนาดนี้” เฉินเจี้ยนไม่อาจทำอะไรได้นอกจากถอนหายใจด้วยความแปลกใจ เขาเก็บกระบี่เมฆหมอกกลับมา มีเพียงแค่เหล่าเหนือเทพหรือแม้แต่ราชาเทพขึ้นไปเท่านั้นที่จะทนต่อการโจมตีของขั้นเทพได้และไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ โดยไม่ต้องป้องกัน ในความเป็นจริงแม้แต่จอมยุทธจากขอบเขตตั้งต้นก็ยังไม่อาจทำอย่างนี้ได้

ขั้นเทพไม่อาจคุกคามเหนือเทพหรือราชาเทพได้ เพราะพลังงานดั้งเดิมที่พวกเขาครอบครองนั้นมีมากกว่า แม้แต่กฎที่พวกเขาเข้าใจก็มีประสิทธิภาพมาก เหนือเทพและราชาเทพเพียงใช้พลังงานดั้งเดิมหรือความเข้าใจของกฏสร้างเป็นพลังป้องกัน เหล่าเทพก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อที่จะทะลวงผ่านมันเข้าไปให้ได้

ถ้าพวกเขาไม่ได้ใช้พลังงานดั้งเดิมหรือกฎต่าง ๆ และใช้เพียงแค่ร่างกายของเขาแทน แม้แต่ราชาเทพก็ต้องถูกกระบี่แทงเข้าสู่ร่างกาย แม้แต่ขอบเขตตั้งต้นที่อ่อนแอบางส่วนก็ไม่อาจป้องกันการโจมตีของขั้นเทพได้

แน่นอนว่าหากพวกเขาไม่ได้บ่มเพาะหรือฝึกฝนหล่อหลอมร่างกายให้แข็งแกร่งเป็นพิเศษ

มันเรื่องที่เข้าใจอย่างแท้จริงเพราะทั้งในโลกเซียนและในทวีปเทียนหยวนก็มีจอมยุทธบางส่วนที่อ่อนแอกว่าสามารถสังหารและทำให้พวกคนที่มีการบ่มเพาะที่สูงกว่าบาดเจ็บสาหัสได้ แม้ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะเป็นเพียงแค่มดก็ตาม

ด้วยความที่ร่างกายนั้นเปราะบางของพวกเขา เมื่อพวกเขาสูญเสียการบ่มเพาะของพวกเขาไป มดที่พวกเขาเห็นในอดีตก็ยังสามารถคุกคามชีวิตของพวกเขาได้

อย่างไรก็ตาม ร่างบรรพกาลของเจี้ยนเฉินเป็นข้อยกเว้น แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือแม้แต่หมดสติก็ตาม ขั้นเทพช่วงกลางก็ยังไม่อาจสังหารเขาได้ เนื่องจากความแข็งแกร่งของร่างบรรพกาลก็ทำให้พวกเขาไม่อาจทำอันตรายใด ๆ กับร่างกายของเขา

“ข้ามั่นใจที่จะเผชิญหน้ากับขั้นเทพช่วงปลายด้วยความแข็งแกร่งปัจจุบันของข้า แม้ว่าข้าจะไม่อาจเอาชนะพวกเขาได้ แต่ข้าก็สามารถต่อสู้ได้นานด้วยการฟื้นตัวของข้าและยารักษาทั้งหลาย เสียดายเพียงอย่างเดียวคือความสามารถของข้ากับพลังเซียนธาตุแสงได้ลดลงอย่างมาก” เจี้ยนเฉินกล่าวอย่างมั่นใจ พลังเซียนธาตุแสงของเขายังอยู่ที่ขั้น 9 ทำให้เทียบเท่ากับเซียนจักรพรรดิ อย่างไรก็ตามการบ่มเพาะของเขาได้มาถึงขอบเขตเทพแล้ว พลังเซียนธาตุแสงขั้นที่ 9 จึงไม่อาจช่วยอะไรเข้าได้อีกต่อไป

เฉินเจี้ยนพยักหน้าอย่างเห็นใจ”ถ้าพลังเซียนธาตุแสงของเจ้าสามารถตามทันร่างกายที่แข็งแกร่งของเจ้าได้การฟื้นฟูของเจ้าก็จะดียิ่งขึ้น บาดแผลแบบไหนที่เจ้าได้รับมาก็จะหายไปก่อนที่เจ้าจะเกิดแผลที่สอง พวกเขาไม่อาจสังหารเจ้าได้จนกว่าจะมีคนที่มีพลังเหนือกว่าเจ้า”

“โอ้ ใช่ ทำไมความก้าวหน้าด้านพลังเซียนธาตุแสงของเจ้าถึงหยุดลง ? ” เฉินเจี้ยนถามอีกครั้ง เขารู้สึกว่าพลังเซียนธาตุแสงได้กลายเป็นจุดอ่อนของเจี้ยนเฉินในด้านการป้องกัน

เจี้ยนเฉินขมวดคิ้ว ขณะที่เขาจมลงไปในความคิดของเขา เขากล่าวว่า”หลังจากที่ข้ารวมวิญญาณของข้ากับพลังเซียนธาตุแสง ข้าไม่อาจก้าวหน้าได้อีกต่อไป ข้าได้ยินมาจากนางฟ้าเฮายู่พูดกับข้าในอดีตที่ผ่านมาว่า ข้าต้องควบวิญญาณของข้าให้กลายเป็นดอกไม้เจ็ดสีและต้องให้มันบานอยู่ภายในต้นวิญญาณ”

“สร้างดอกไม้เจ็ดสีทำให้มันบานบนต้นวิญญาณด้วยการควบวิญญาณ มันน่าจะเป็นระดับการบ่มเพาะที่จะเกิดขึ้นสำหรับพลังเซียนธาตุแสงที่ไม่มีใครในทวีปเทียนหยวนเคยไปถึง และข้าได้รู้ข้อมูลจำนวนน้อยนิดจากนางฟ้าเฮายู่ ดังนั้นข้าจึงไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร”

หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่งเฉินเจี้ยนก็กล่าวว่า”ข้าคิดว่าเจ้าแค่ขาดวิธีการฝึกฝนของพลังเซียนธาตุแสง หากเจ้ามีวิธีการฝึกฝน พลังเซียนธาตุแสงของเจ้าก็จะรุดหน้าไปยังระดับต่อไป”

“นั่นเป็นสิ่งที่ข้าเคยคิดเช่นกัน” เจี้ยนเฉินเห็นด้วย ไม่เพียงแต่เขาจะขาดวิธีการฝึกฝนของพลังเซียนธาตุแสง แต่เขายังขาดทักษะและวิธีการใช้พลังวิญญาณ

เจี้ยนเฉินพยักหน้าเบา ๆ พลางครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันจะไม่ได้อะไรหากเขาคิดถึงมันตอนนี้ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็โบกมือของเขาและมีเหรียญผลึกระดับสูง 2 ก้อน มันตกลงมาพร้อมกับเสียงทึบหนัก ๆ

เจี้ยนเฉินนำก้อนผลึกระดับสูง 2 ก้อนออกมาหลังจากที่เขาได้รับมันในสุสานของราชาเทพต้วนมู่ เขาชี้ไปที่ก้อนผลึกทั้งสองและพูดว่าเฉินเจี้ยนว่า “ข้าจะไปที่สุสานของราชาเทพต้วนมู่ทันทีและข้าจะช่วยนางฟ้าเฮายู่ได้ทันเวลา เฉินเจี้ยนใช้เหรียญผลึกทั้งสองก้อนนี้ เจ้าสามารถแตกพวกมันได้เมื่อไปถึงเมืองหลักให้เป็นเหรียญผลึกระดับกลางเพื่อเริ่มการบ่มเพาะ”

ก้อนผลึกทั้งสองก้อนนั้นมีคุณภาพสูงมันทั้งใหญ่ สูงและกว้างประมาณหนึ่งเมตร ในขณะที่เหรียญผลึกตามปกตินั้นมีขนาดใหญ่แค่หนึ่งเซนติเมตร ทำให้ก้อนผลึกมีมูลค่าเทียบเท่ากับ 1 ล้านเหรียญผลึก ก้อนเหรียญผลึกระดับสูง 2 ก้อนนี้เทียบเท่ากับเหรียญผลึกระดับกลาง 2 ล้านก้อน

เฉินเจี้ยนไม่ได้เก็บมัน เขาถือผลึกทั้งสองตรง ๆ

เขาอาจจะไม่สามารถทะลวงไปถึงขั้นเทพช่วงกลาง ถ้าเขาดูดซึมหินเหรียญผลึกระดับสูงตรง ๆ แต่เมื่อเขานำไปขาย มันก็เพียงพอที่จะทำให้เขาทะลวงไปถึงชั้นเทพช่วงปลาย

หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินและเฉินเจี้ยนตัดสินใจที่จะแยกการเดินทางกันเป็นครั้งแรกหลังจากที่มาถึงโลกเซียน เจี้ยนเฉินจะไปที่สุสานของราชาเทพต้วนมู่โดยตรง ขณะที่เฉินเจี้ยนจะเดินทางไปยังเมืองหลวงเพื่อนำหินผลึกทั้งสองก้อนไปขาย

ก้อนผลึกทั้งสองก้อนนั้นมีค่ามาก แต่ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ของเฉินเจี้ยนก็ไม่มีใครคุกคามเขาได้ เว้นแต่เขาจะเจอขั้นเหนือเทพ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+