Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 530

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 530 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 530 การพบกับเถี่ยต้าอีกครั้ง (1)

เมื่อเจี้ยนเฉินและหมิงตงได้มาถึงสนามต่อสู้ซึ่งตรงนั้นเต็มไปด้วยศิษย์มากมายจนอัดแน่น หลายร้อยคนกำลังกระซิบกระซาบกัน แต่ทั้งกาดิหยุนและหลิงเจิ้งเทียนนั้นกลับไม่ได้ปรากฏตัวออกมา

การต่อสู้ระหว่างกาดิหยุนและหลิงเจิ้งเทียนนั้นดูเหมือนจะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ชมรอบ ๆ อย่างมาก เจี้ยนเฉินรออีกสักพักและไม่นานหลังจากนั้นก็ได้มีศิษย์อีกหลายพันคนเข้ามารวมตัวกันอยู่ที่นั่นจนดูเหมือนว่าสถานที่นั้นเป็นสถานที่หลักในการรวมตัวของสำนักนี้

“เจ้าคิดว่าใครจะชนะ ? “

“นี่เจ้าล้อเล่นหรือไง ? แน่นอนแล้วว่าต้องเป็นหลิงเจิ้งเทียน กาดิหยุนนั้นอาจจะเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญและเทียบเท่าได้กับหลิงเจิ้งเทียน แต่หลิงเจิ้งเทียนนั้นอยู่ในระดับเซียนผู้เชี่ยวชาญมานานแล้ว ด้วยพรสวรรค์ของเขา ข้าพนันได้เลยว่าตอนนี้เขาต้องอยู่ในระดับเซียนผู้เชี่ยวชาญขั้นกลางแน่ ๆ ความสามารถของกาดิหยุนนั้นยังเทียบเขาไม่ได้”

ศิษย์ทุกคนรอบ ๆ กระซิบกระซาบกันด้วยความตื่นเต้น เจี้ยนเฉินและหมิงตงได้แต่ยืนนิ่ง ๆ ท่ามกลางฝูงคนพวกนั้นและรอคอยชมสิ่งที่จะเกิดขึ้น เจี้ยนเฉินและหมิงตงทั้งคู่นั้นดูแปลกประหลาดสำหรับบุคคลที่ตรงนั้นเพราะชุดที่พวกเขาสวมใส่อยู่ ศิษย์บางคนมองพวกเขาด้วยท่าทีสงสัยแต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปสักถามเลยสักคน

ในขณะที่ยืนอยู่ตรงนั้นเจี้ยนเฉินก็ได้รู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมาที่เขา เมื่อเขาหันกลับไปมองเขาก็ได้พบกับกับสาวสวยคนหนึ่งจ้องมาที่เขาด้วยสายตาที่หลงใหล สายตาของนางนั้นดูเหมือนสายน้ำในฤดูใบไม้ผลิที่ไหลผ่านแสงสว่าง แต่มันกลับแสดงท่าทีสงสัยออกมา — สายตาคู่นั้นเป็นของกาดิซิ่วหลี

เมื่อเปรียบเทียบกับไม่กี่ปีก่อน กาดิซิ่วหลีนั้นได้เติบโตขึ้นมาก ท่าทีที่ไม่สุขุมและไม่สุภาพของนางถูกแทนที่ด้วยความสงบเสงี่ยม แม้แต่ใบหน้าของนางก็งดงามขึ้นอีกเล็กน้อย

แม้ว่าพวกเขาจะมีเรื่องราวร้าย ๆ ระหว่างเจี้ยนเฉินและพี่น้องทั้งสามจากตระกูลกาดิ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเป็นเพียงการทะเลาะเบาะแว้งกันในวัยเด็กเท่านั้น — ไม่ได้สลักสำคัญอะไร นั่นหมายความว่าเจี้ยนเฉินนั้นไม่ได้มีความแค้นเคืองใด ๆ กับทั้งสาม เมื่อกาดิซิ่วหลีจ้องมาที่เขา เจี้ยนเฉินก็ได้พยักหน้าด้วยความเป็นมิตรให้กับนางเพื่อทักทายแล้วก็หันหน้าหนี

กาดิซิ่วหลีจ้องมาที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเจี้ยนเฉินพร้อมกับคิดใคร่ครวญ คิ้วของนางขมวดเข้าหากันสักพักก่อนที่นางจะถูกสะกิดกาดิเหลียงที่อยู่ข้าง ๆ “พี่รอง ท่านเคยเห็นเห็นชายสวมชุดขาวนั่นมาก่อนหรือไม่ ? ข้ารู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนกับว่าเคยเห็นเขาที่ไหน ข้าจำมันไม่ได้”

เจี้ยนเฉินได้เติบโตขึ้นมากเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ทำให้แม้แต่ลุงเจียงหวูจี่ยังจำเขาไม่ได้ และกาดิซิ่วหลีเองก็จำเขาไม่ได้เช่นกัน

กาดิเหลียงมองไปที่เจี้ยนเฉินก่อนที่จะหันไปหาน้องสาวของนาง จากนั้นเขาก็ส่ายหน้าและยิ้มออกมา ” ข้าไม่รู้ว่าเขามาจากไหน แต่เขาดูค่อนข้างหล่อเหลา แม้แต่ข้าเองยังอิจฉาเขาเลย”

“พี่รอง ข้ารู้สึกคุ้นหน้า แต่ข้าไม่รู้ว่าเคยเจอเขาที่ไหน ท่านรู้หรือไม่ว่าเขาเป็นใคร ? ” กาดิซิ่วหลีถามอีกครั้ง

กาดิเหลียงมองกลับไปที่เจี้ยนเฉินอีกครั้งแล้วส่ายหัวอีกรอบ “ข้าไม่รู้จักเขา หรือไม่ก็ข้าก็ไม่เคยเจอเขามาก่อน” กาดิเหลียงได้มองไปที่กาดิซิ่วหลีพร้อมกับยิ้มและแสดงสายตาซุกซน “น้องสาม ผู้ชายตรงนั้นนั่นก็ดูไม่เลว ไม่ใช่ว่าเจ้าตกหลุมรักเขาหรอกหรือ ? เมื่อพวกเรากลับไปเมื่อไหร่ ข้าจะให้คนไปหาว่าเขาผู้นั้นเป็นใครเพื่อให้คำตอบแก่เจ้า”

เมื่อเห็นสายตาแบบนั้น กาดิซิ่วหลีก็ไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีกต่อไปและกลับไปครุ่นคิดต่อ

ในเวลาเดียวกันก็ได้มีสองคนเดินออกมาจากด้านหลังกลุ่มคนและเดินขึ้นไปยังแท่นต่อสู้ สองนั้นดูอายุประมาณ 25 และ 26 ปี พวกเขาทั้งสองสวมชุดเครื่องแบบของสำนักคากัต และในตอนที่ทั้งสองได้ก้าวขึ้นไปบนแท่นต่อสู้นั้น ฝูงคนรอบ ๆ ก็ได้ส่งเสียงฮือฮาออกมา

“กาดิหยุนและหลิงเจิ้งเทียนมาถึงแล้ว..”

“กาดิหยุน เจ้าทำได้แน่ ! เอาชนะหลิงเจิ้งเทียน..”

“หลิงเจิ้งเทียนจะต้องชนะ..”

ศิษย์พวกนั้นเริ่มตะโกนตาม ๆ กันไปเพื่อส่งเสียงให้กำลังใจนักสู้ทั้งสอง เสียงนั้นดังอื้ออึงไปสักพักก่อนที่จะหยุดลงไป

เมื่อทั้งสองก้าวขึ้นสนามต่อสู้ กาดิซิ่วหลีก็ได้ละสายตาจากเจี้ยนเฉิน ไปมองที่พี่ชายกาดิหยุนบนแท่นต่อสู้

กาดิหยุนและหลิงเจิ้งเทียนนั้นได้พูดคุยกันเล็กน้อยก่อนที่จะเอาอาวุธเซียนของพวกตนออกมา อาวุธเซียนของกาดิหยุนนั้นเป็นดาบสองมือ ในขณะที่อาวุธของหลิงเจิ้งเทียนนั้นเป็นดาบยาวมือเดียว ด้วยการปรากฏของอาวุธเซียนของทั้งคู่ การต่อสู้อย่างเป็นทางการก็ได้เริ่มต้นขึ้น

“ติ๊งๆๆ แกร๊งๆๆๆ..”

เสียงปะทะกันของอาวุธเซียนแต่ละคู่ดังขึ้นเมื่อกาดิหยุนเข้าต่อสู้กับหลิงเจิ้งเทียน แม้ว่าการต่อสู้จะไม่ได้กะเอาถึงชีวิต แต่ความสามารถที่พวกเขาแสดงออกมานั้นก็ทำให้ศิษย์ทั้งหลายนั้นหลงระเริงในการต่อสู้นั้น การต่อสู้ระหว่างเซียนผู้เชี่ยวชาญเป็นสิ่งที่ผู้ที่ยังเข้าไม่ถึงระดับเซียนนั้นรู้สึกทึ่ง

กาดิหยุนและหลิงเจิ้งเทียนนั้นต่อสู้กันสักพักโดยที่ยังไม่ได้ตัดสินว่าผู้ใดจะเป็นผู้ชนะ แต่หมิงตงก็ไม่ได้สนใจการต่อสู้ทั้งสองอีกต่อไป เพราะการที่เขาอยู่ในระดับเซียนปฐพี การที่ต้องให้มาดูเซียนผู้เชี่ยวชาญ 2 คนต่อสู้กันนั้นเหมือนกับการทะเลาะกันของเด็กเล็ก ไม่มีอะไรให้น่าตื่นเต้นสำหรับการดูการต่อสู้นี้

“ชิ ข้าจะแสดงความแข็งแกร่งของทักษะของข้า ! ” ในตอนนั้เองกาดิหยุนก็ได้ตะโกนออกมาและเริ่มโคจรพลังเซียนเขาไปยังอาวุธเซียนของเขาก่อนที่จะฟันไปที่หลิงเจิ้งเทียน

เมื่อได้ยินคำว่า ‘ทักษะ’ นั้น หลิงเจิ้งเทียนก็หน้าซีดลง เขาหลบไม่ทัน เขาได้แต่ต้องใช้พลังทั้งหมดของตัวเองป้องกันมันเท่านั้น

“ปัง ! ” เสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมกับดาบยักษ์ของกาดิหยุนฟาดเข้าไปที่ดาบของหลิงเจิ้งเทียน ทักษะต่อสู้นั้นแข็งแกร่งกว่าการโจมตีธรรมดาหลายเท่า ปริมาณพลังจากดาบของกาดิหยุนส่งผ่านไปยังดาบของหลิงเจิ้งเทียนนั้นทำให้หลิงเจิ้งเทียนกระเด็นกลับหลังไป ในที่สุดเขาก็ตกลงไปที่พื้น หลิงเจิ้งเทียนถึงกับกระอักเลือดออกมาจากปาก

ผู้ชมรอบ ๆ เงียบอยู่สักพักก่อนจะส่งเสียงชื่นชมชัยชนะของกาดิหยุนออกมา

“กาดิหยุนชนะ กาดิหยุนเอาชนะหลิงเจิ้งเทียนได้และกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักคากัต ! “

“กาดิหยุนเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักของเรา ! “

……

บนลานต่อสู้ กาดิซิ่วหลีและกาดิเหลียงแสดงใบหน้าปิติยินดีออกมา พวกเขาตื่นเต้นกับชัยชนะของพี่ชายของพวกเขา

กาดิหยุนตบไปที่ดาบยักษ์ของตัวเองก่อนที่จะตะโกนอย่างหยิ่งทะนงออกมา “มีใครยังคิดว่าไม่สมควรอีกหรือไม่ ? ขึ้นมาและต่อสู้กับข้า ! วันนี้ข้า กาดิหยุนจะยอมรับคำท้าทายจากทุกคน ! “

“แม้แต่ศิษย์ที่แข็งแกร่งอย่างหลิงเจิ้งเทียนยังพ่ายแพ้ ตอนนี้สำนักคากัตคงไม่มีผู้ใดที่จะมีความสามารถเทียบเท่ากาดิหยุนได้ ! “

“กาดิหยุนมีทักษะการต่อสู้ทำให้เขาแข็งแกร่งกว่าผู้ใด แม้แต่อาจารย์บางคนยังไม่แข็งแกร่งเท่าเขา ข้าพนันได้เลยว่าแม้แต่อาจารย์บางคนที่อยู่ในระดับเซียนปฐพียังไม่สามารถเอาชนะเขาได้”

ศิษย์หลายคนเริ่มถกเถียงกัน

เมื่อเห็นความหยิ่งทะนงที่กาดิหยุนมี หมิงตงก็ฉุกคิดบางอย่างได้ เขายิ้มออกมาและพูดขึ้น “ช่างบังเอิญจริง ๆ ข้ารู้ว่าข้าได้ยินมาเขาและเจ้านั้นมีเรื่องกันในอดีต เจี้ยนเฉิน ให้ข้าไปสู้กับเขาเถอะ” หมิงตงกระโดดขึ้นไปยังสนามต่อสู้โดยไม่รอให้เจี้ยนเฉินตอบกลับมา

เมื่อเห็นหมิงตงโดดขึ้นมาบนลาน เจี้ยนเฉินก็ไม่ได้ทำสิ่งใดแต่เขาก็ส่ายหน้าด้วยสีหน้าช่วยไม่ได้ เนื่องจากเขารู้อยู่แล้วว่ายังไงก็ห้ามหมิงตงไม่ได้ ความแข็งแกร่งของเซียนปฐพีขั้นที่หกนั้นเหมือนกันเป็นการรังแกเซียนผู้เชี่ยวชาญ เรื่องนี้คงจะทำให้ผู้คนขบขันหากเล่าออกไป

หมิงตงยืนกอดอกและยิ้มอย่างภูมิใจไปให้กาดิหยุน “เด็กน้อย เจ้าคือกาดิหยุนใช่หรือไม่? มาสู้กันเถอะ เจ้ากับข้า”

เมื่อทุกคนเห็นหมิงตงโดดขึ้นไปบนลานต่อสู้ ศิษย์ทุกคนที่คอยรับชมอยู่เริ่มพูดคุยกัน เนื่องจากเขานั้นไม่ได้สวมเครื่องแบบของสำนัก ทุกคนจึงสงสัยว่าเขาเป็นใคร ในตอนนั้นทั้งกาดิเหลียงและกาดิซิ่วหลีเองก็จับจ้องไปที่เขา

“เขาเป็นใครกัน ? ข้าไม่เคยเห็นเขามาก่อน เขานั้นไม่ได้สวมเครื่องแบบของสำนักเรา ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้เป็นศิษย์ของสำนักคากัต” กาดิเหลียงพูดพึมพำกับตนเองพร้อมกับคิ้วที่ขมวดหากัน เขาหันไปหาศิษย์ที่อยู่ข้าง ๆ เขาและกระซิบ “ไปเรียกอาจารย์ใหญ่ไป่เอิน บอกเขาว่ามีคนนอกเข้ายุ่งเรื่องของสำนักคากัต”

“ขอรับ ! ” ศิษย์คนนั้นคือบุตรชายของคนที่คอยทำหน้าที่คุ้มครองตระกูลกาดิ เขาได้ลังเลและรับคำสั่งของกาดิเหลียงทันที ในเสี้ยววินาทีเขาก็วิ่งออกไปหาอาจารย์ใหญ่

กาดิหยุนมองไปที่ชุดขาวของหมิงตงด้วยสายตาที่สงสัยก่อนที่จะถามออกมา “เจ้าไม่ใช่ศิษย์ของสำนักคากัต ใช่หรือไม่ ? “

“เจ้าเดาได้ถูกต้อง ข้าไม่ใช่ศิษย์ของสำนักคากัต ดังนั้นการต่อสู้นี้จะไม่เกี่ยวกับตำแหน่งของเจ้าในสำนัก ไม่ว่าเจ้าจะแพ้หรือชนะ งั้นเอาอย่างนี้เป็นไง เจ้าอยากจะสู้หรือไม่ ? ” หมิงตงหัวเราะพร้อมกับเอามือขึ้นกอดอกอีกครั้ง

“แน่นอน พวกเราจะสู้กัน ! ข้า กาดิหยุน ไม่เคยกลัวผู้ใด แต่เจ้าชื่ออะไร ? ” กาดิหยุนป้องมือทั้งสองเข้าหากัน

“ข้าจะบอกชื่อของข้าหลังจากสู้กันแล้ว” หมิงตงหัวเราะ เขานั้นไม่ได้กังวลเลยสักนิด นี่ไม่ต่างอะไรกับการเล่นสนุกแม้แต่นิดเดียว

กาดิหยุนนั้นดูอายุไม่ต่างจากหมิงตงเลย เขานั้นไม่ได้เกรงกลัวความแข็งแกร่งของหมิงตง มีน้อยคนนักที่อายุเท่า ๆ เขาจะสามารถเอาชนะเขาได้

“แม้ว่าเจ้าจะไม่ศิษย์ของสำนักคากัต ข้าก็จะยอมรับคำท้าทายของเจ้า มาสู้กัน ! ” มือขวาของกาดิหยุนคว้าไปที่อาวุธเซียนของตนเองซึ่งมันปักอยู่ที่พื้น เขาดึงมันขึ้นมาพร้อมกับพุ่งเข้าหาหมิงตง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 530

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 530 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 530 การพบกับเถี่ยต้าอีกครั้ง (1)

เมื่อเจี้ยนเฉินและหมิงตงได้มาถึงสนามต่อสู้ซึ่งตรงนั้นเต็มไปด้วยศิษย์มากมายจนอัดแน่น หลายร้อยคนกำลังกระซิบกระซาบกัน แต่ทั้งกาดิหยุนและหลิงเจิ้งเทียนนั้นกลับไม่ได้ปรากฏตัวออกมา

การต่อสู้ระหว่างกาดิหยุนและหลิงเจิ้งเทียนนั้นดูเหมือนจะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ชมรอบ ๆ อย่างมาก เจี้ยนเฉินรออีกสักพักและไม่นานหลังจากนั้นก็ได้มีศิษย์อีกหลายพันคนเข้ามารวมตัวกันอยู่ที่นั่นจนดูเหมือนว่าสถานที่นั้นเป็นสถานที่หลักในการรวมตัวของสำนักนี้

“เจ้าคิดว่าใครจะชนะ ? “

“นี่เจ้าล้อเล่นหรือไง ? แน่นอนแล้วว่าต้องเป็นหลิงเจิ้งเทียน กาดิหยุนนั้นอาจจะเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญและเทียบเท่าได้กับหลิงเจิ้งเทียน แต่หลิงเจิ้งเทียนนั้นอยู่ในระดับเซียนผู้เชี่ยวชาญมานานแล้ว ด้วยพรสวรรค์ของเขา ข้าพนันได้เลยว่าตอนนี้เขาต้องอยู่ในระดับเซียนผู้เชี่ยวชาญขั้นกลางแน่ ๆ ความสามารถของกาดิหยุนนั้นยังเทียบเขาไม่ได้”

ศิษย์ทุกคนรอบ ๆ กระซิบกระซาบกันด้วยความตื่นเต้น เจี้ยนเฉินและหมิงตงได้แต่ยืนนิ่ง ๆ ท่ามกลางฝูงคนพวกนั้นและรอคอยชมสิ่งที่จะเกิดขึ้น เจี้ยนเฉินและหมิงตงทั้งคู่นั้นดูแปลกประหลาดสำหรับบุคคลที่ตรงนั้นเพราะชุดที่พวกเขาสวมใส่อยู่ ศิษย์บางคนมองพวกเขาด้วยท่าทีสงสัยแต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปสักถามเลยสักคน

ในขณะที่ยืนอยู่ตรงนั้นเจี้ยนเฉินก็ได้รู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมาที่เขา เมื่อเขาหันกลับไปมองเขาก็ได้พบกับกับสาวสวยคนหนึ่งจ้องมาที่เขาด้วยสายตาที่หลงใหล สายตาของนางนั้นดูเหมือนสายน้ำในฤดูใบไม้ผลิที่ไหลผ่านแสงสว่าง แต่มันกลับแสดงท่าทีสงสัยออกมา — สายตาคู่นั้นเป็นของกาดิซิ่วหลี

เมื่อเปรียบเทียบกับไม่กี่ปีก่อน กาดิซิ่วหลีนั้นได้เติบโตขึ้นมาก ท่าทีที่ไม่สุขุมและไม่สุภาพของนางถูกแทนที่ด้วยความสงบเสงี่ยม แม้แต่ใบหน้าของนางก็งดงามขึ้นอีกเล็กน้อย

แม้ว่าพวกเขาจะมีเรื่องราวร้าย ๆ ระหว่างเจี้ยนเฉินและพี่น้องทั้งสามจากตระกูลกาดิ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเป็นเพียงการทะเลาะเบาะแว้งกันในวัยเด็กเท่านั้น — ไม่ได้สลักสำคัญอะไร นั่นหมายความว่าเจี้ยนเฉินนั้นไม่ได้มีความแค้นเคืองใด ๆ กับทั้งสาม เมื่อกาดิซิ่วหลีจ้องมาที่เขา เจี้ยนเฉินก็ได้พยักหน้าด้วยความเป็นมิตรให้กับนางเพื่อทักทายแล้วก็หันหน้าหนี

กาดิซิ่วหลีจ้องมาที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเจี้ยนเฉินพร้อมกับคิดใคร่ครวญ คิ้วของนางขมวดเข้าหากันสักพักก่อนที่นางจะถูกสะกิดกาดิเหลียงที่อยู่ข้าง ๆ “พี่รอง ท่านเคยเห็นเห็นชายสวมชุดขาวนั่นมาก่อนหรือไม่ ? ข้ารู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนกับว่าเคยเห็นเขาที่ไหน ข้าจำมันไม่ได้”

เจี้ยนเฉินได้เติบโตขึ้นมากเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ทำให้แม้แต่ลุงเจียงหวูจี่ยังจำเขาไม่ได้ และกาดิซิ่วหลีเองก็จำเขาไม่ได้เช่นกัน

กาดิเหลียงมองไปที่เจี้ยนเฉินก่อนที่จะหันไปหาน้องสาวของนาง จากนั้นเขาก็ส่ายหน้าและยิ้มออกมา ” ข้าไม่รู้ว่าเขามาจากไหน แต่เขาดูค่อนข้างหล่อเหลา แม้แต่ข้าเองยังอิจฉาเขาเลย”

“พี่รอง ข้ารู้สึกคุ้นหน้า แต่ข้าไม่รู้ว่าเคยเจอเขาที่ไหน ท่านรู้หรือไม่ว่าเขาเป็นใคร ? ” กาดิซิ่วหลีถามอีกครั้ง

กาดิเหลียงมองกลับไปที่เจี้ยนเฉินอีกครั้งแล้วส่ายหัวอีกรอบ “ข้าไม่รู้จักเขา หรือไม่ก็ข้าก็ไม่เคยเจอเขามาก่อน” กาดิเหลียงได้มองไปที่กาดิซิ่วหลีพร้อมกับยิ้มและแสดงสายตาซุกซน “น้องสาม ผู้ชายตรงนั้นนั่นก็ดูไม่เลว ไม่ใช่ว่าเจ้าตกหลุมรักเขาหรอกหรือ ? เมื่อพวกเรากลับไปเมื่อไหร่ ข้าจะให้คนไปหาว่าเขาผู้นั้นเป็นใครเพื่อให้คำตอบแก่เจ้า”

เมื่อเห็นสายตาแบบนั้น กาดิซิ่วหลีก็ไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีกต่อไปและกลับไปครุ่นคิดต่อ

ในเวลาเดียวกันก็ได้มีสองคนเดินออกมาจากด้านหลังกลุ่มคนและเดินขึ้นไปยังแท่นต่อสู้ สองนั้นดูอายุประมาณ 25 และ 26 ปี พวกเขาทั้งสองสวมชุดเครื่องแบบของสำนักคากัต และในตอนที่ทั้งสองได้ก้าวขึ้นไปบนแท่นต่อสู้นั้น ฝูงคนรอบ ๆ ก็ได้ส่งเสียงฮือฮาออกมา

“กาดิหยุนและหลิงเจิ้งเทียนมาถึงแล้ว..”

“กาดิหยุน เจ้าทำได้แน่ ! เอาชนะหลิงเจิ้งเทียน..”

“หลิงเจิ้งเทียนจะต้องชนะ..”

ศิษย์พวกนั้นเริ่มตะโกนตาม ๆ กันไปเพื่อส่งเสียงให้กำลังใจนักสู้ทั้งสอง เสียงนั้นดังอื้ออึงไปสักพักก่อนที่จะหยุดลงไป

เมื่อทั้งสองก้าวขึ้นสนามต่อสู้ กาดิซิ่วหลีก็ได้ละสายตาจากเจี้ยนเฉิน ไปมองที่พี่ชายกาดิหยุนบนแท่นต่อสู้

กาดิหยุนและหลิงเจิ้งเทียนนั้นได้พูดคุยกันเล็กน้อยก่อนที่จะเอาอาวุธเซียนของพวกตนออกมา อาวุธเซียนของกาดิหยุนนั้นเป็นดาบสองมือ ในขณะที่อาวุธของหลิงเจิ้งเทียนนั้นเป็นดาบยาวมือเดียว ด้วยการปรากฏของอาวุธเซียนของทั้งคู่ การต่อสู้อย่างเป็นทางการก็ได้เริ่มต้นขึ้น

“ติ๊งๆๆ แกร๊งๆๆๆ..”

เสียงปะทะกันของอาวุธเซียนแต่ละคู่ดังขึ้นเมื่อกาดิหยุนเข้าต่อสู้กับหลิงเจิ้งเทียน แม้ว่าการต่อสู้จะไม่ได้กะเอาถึงชีวิต แต่ความสามารถที่พวกเขาแสดงออกมานั้นก็ทำให้ศิษย์ทั้งหลายนั้นหลงระเริงในการต่อสู้นั้น การต่อสู้ระหว่างเซียนผู้เชี่ยวชาญเป็นสิ่งที่ผู้ที่ยังเข้าไม่ถึงระดับเซียนนั้นรู้สึกทึ่ง

กาดิหยุนและหลิงเจิ้งเทียนนั้นต่อสู้กันสักพักโดยที่ยังไม่ได้ตัดสินว่าผู้ใดจะเป็นผู้ชนะ แต่หมิงตงก็ไม่ได้สนใจการต่อสู้ทั้งสองอีกต่อไป เพราะการที่เขาอยู่ในระดับเซียนปฐพี การที่ต้องให้มาดูเซียนผู้เชี่ยวชาญ 2 คนต่อสู้กันนั้นเหมือนกับการทะเลาะกันของเด็กเล็ก ไม่มีอะไรให้น่าตื่นเต้นสำหรับการดูการต่อสู้นี้

“ชิ ข้าจะแสดงความแข็งแกร่งของทักษะของข้า ! ” ในตอนนั้เองกาดิหยุนก็ได้ตะโกนออกมาและเริ่มโคจรพลังเซียนเขาไปยังอาวุธเซียนของเขาก่อนที่จะฟันไปที่หลิงเจิ้งเทียน

เมื่อได้ยินคำว่า ‘ทักษะ’ นั้น หลิงเจิ้งเทียนก็หน้าซีดลง เขาหลบไม่ทัน เขาได้แต่ต้องใช้พลังทั้งหมดของตัวเองป้องกันมันเท่านั้น

“ปัง ! ” เสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมกับดาบยักษ์ของกาดิหยุนฟาดเข้าไปที่ดาบของหลิงเจิ้งเทียน ทักษะต่อสู้นั้นแข็งแกร่งกว่าการโจมตีธรรมดาหลายเท่า ปริมาณพลังจากดาบของกาดิหยุนส่งผ่านไปยังดาบของหลิงเจิ้งเทียนนั้นทำให้หลิงเจิ้งเทียนกระเด็นกลับหลังไป ในที่สุดเขาก็ตกลงไปที่พื้น หลิงเจิ้งเทียนถึงกับกระอักเลือดออกมาจากปาก

ผู้ชมรอบ ๆ เงียบอยู่สักพักก่อนจะส่งเสียงชื่นชมชัยชนะของกาดิหยุนออกมา

“กาดิหยุนชนะ กาดิหยุนเอาชนะหลิงเจิ้งเทียนได้และกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักคากัต ! “

“กาดิหยุนเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักของเรา ! “

……

บนลานต่อสู้ กาดิซิ่วหลีและกาดิเหลียงแสดงใบหน้าปิติยินดีออกมา พวกเขาตื่นเต้นกับชัยชนะของพี่ชายของพวกเขา

กาดิหยุนตบไปที่ดาบยักษ์ของตัวเองก่อนที่จะตะโกนอย่างหยิ่งทะนงออกมา “มีใครยังคิดว่าไม่สมควรอีกหรือไม่ ? ขึ้นมาและต่อสู้กับข้า ! วันนี้ข้า กาดิหยุนจะยอมรับคำท้าทายจากทุกคน ! “

“แม้แต่ศิษย์ที่แข็งแกร่งอย่างหลิงเจิ้งเทียนยังพ่ายแพ้ ตอนนี้สำนักคากัตคงไม่มีผู้ใดที่จะมีความสามารถเทียบเท่ากาดิหยุนได้ ! “

“กาดิหยุนมีทักษะการต่อสู้ทำให้เขาแข็งแกร่งกว่าผู้ใด แม้แต่อาจารย์บางคนยังไม่แข็งแกร่งเท่าเขา ข้าพนันได้เลยว่าแม้แต่อาจารย์บางคนที่อยู่ในระดับเซียนปฐพียังไม่สามารถเอาชนะเขาได้”

ศิษย์หลายคนเริ่มถกเถียงกัน

เมื่อเห็นความหยิ่งทะนงที่กาดิหยุนมี หมิงตงก็ฉุกคิดบางอย่างได้ เขายิ้มออกมาและพูดขึ้น “ช่างบังเอิญจริง ๆ ข้ารู้ว่าข้าได้ยินมาเขาและเจ้านั้นมีเรื่องกันในอดีต เจี้ยนเฉิน ให้ข้าไปสู้กับเขาเถอะ” หมิงตงกระโดดขึ้นไปยังสนามต่อสู้โดยไม่รอให้เจี้ยนเฉินตอบกลับมา

เมื่อเห็นหมิงตงโดดขึ้นมาบนลาน เจี้ยนเฉินก็ไม่ได้ทำสิ่งใดแต่เขาก็ส่ายหน้าด้วยสีหน้าช่วยไม่ได้ เนื่องจากเขารู้อยู่แล้วว่ายังไงก็ห้ามหมิงตงไม่ได้ ความแข็งแกร่งของเซียนปฐพีขั้นที่หกนั้นเหมือนกันเป็นการรังแกเซียนผู้เชี่ยวชาญ เรื่องนี้คงจะทำให้ผู้คนขบขันหากเล่าออกไป

หมิงตงยืนกอดอกและยิ้มอย่างภูมิใจไปให้กาดิหยุน “เด็กน้อย เจ้าคือกาดิหยุนใช่หรือไม่? มาสู้กันเถอะ เจ้ากับข้า”

เมื่อทุกคนเห็นหมิงตงโดดขึ้นไปบนลานต่อสู้ ศิษย์ทุกคนที่คอยรับชมอยู่เริ่มพูดคุยกัน เนื่องจากเขานั้นไม่ได้สวมเครื่องแบบของสำนัก ทุกคนจึงสงสัยว่าเขาเป็นใคร ในตอนนั้นทั้งกาดิเหลียงและกาดิซิ่วหลีเองก็จับจ้องไปที่เขา

“เขาเป็นใครกัน ? ข้าไม่เคยเห็นเขามาก่อน เขานั้นไม่ได้สวมเครื่องแบบของสำนักเรา ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้เป็นศิษย์ของสำนักคากัต” กาดิเหลียงพูดพึมพำกับตนเองพร้อมกับคิ้วที่ขมวดหากัน เขาหันไปหาศิษย์ที่อยู่ข้าง ๆ เขาและกระซิบ “ไปเรียกอาจารย์ใหญ่ไป่เอิน บอกเขาว่ามีคนนอกเข้ายุ่งเรื่องของสำนักคากัต”

“ขอรับ ! ” ศิษย์คนนั้นคือบุตรชายของคนที่คอยทำหน้าที่คุ้มครองตระกูลกาดิ เขาได้ลังเลและรับคำสั่งของกาดิเหลียงทันที ในเสี้ยววินาทีเขาก็วิ่งออกไปหาอาจารย์ใหญ่

กาดิหยุนมองไปที่ชุดขาวของหมิงตงด้วยสายตาที่สงสัยก่อนที่จะถามออกมา “เจ้าไม่ใช่ศิษย์ของสำนักคากัต ใช่หรือไม่ ? “

“เจ้าเดาได้ถูกต้อง ข้าไม่ใช่ศิษย์ของสำนักคากัต ดังนั้นการต่อสู้นี้จะไม่เกี่ยวกับตำแหน่งของเจ้าในสำนัก ไม่ว่าเจ้าจะแพ้หรือชนะ งั้นเอาอย่างนี้เป็นไง เจ้าอยากจะสู้หรือไม่ ? ” หมิงตงหัวเราะพร้อมกับเอามือขึ้นกอดอกอีกครั้ง

“แน่นอน พวกเราจะสู้กัน ! ข้า กาดิหยุน ไม่เคยกลัวผู้ใด แต่เจ้าชื่ออะไร ? ” กาดิหยุนป้องมือทั้งสองเข้าหากัน

“ข้าจะบอกชื่อของข้าหลังจากสู้กันแล้ว” หมิงตงหัวเราะ เขานั้นไม่ได้กังวลเลยสักนิด นี่ไม่ต่างอะไรกับการเล่นสนุกแม้แต่นิดเดียว

กาดิหยุนนั้นดูอายุไม่ต่างจากหมิงตงเลย เขานั้นไม่ได้เกรงกลัวความแข็งแกร่งของหมิงตง มีน้อยคนนักที่อายุเท่า ๆ เขาจะสามารถเอาชนะเขาได้

“แม้ว่าเจ้าจะไม่ศิษย์ของสำนักคากัต ข้าก็จะยอมรับคำท้าทายของเจ้า มาสู้กัน ! ” มือขวาของกาดิหยุนคว้าไปที่อาวุธเซียนของตนเองซึ่งมันปักอยู่ที่พื้น เขาดึงมันขึ้นมาพร้อมกับพุ่งเข้าหาหมิงตง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+