Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 569

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 569 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 569: จุดจบของการแก้แค้น

เซียนปฐพีทั้ง 3 คน ที่เป็นตัวแทนแห่งตระกูลหลักแห่งเมืองเฟิงหยาง เมื่อพวกเขาได้ยินเจี้ยนเฉินกล่าวเช่นนั้น พวกเขานั้นทำได้เพียงมองเขา อวัยวะภายในของเราจะหายไป ไม่มีทางที่พวกเราจะมีชีวิตยืนยาว ไม่ว่าเจ้าจะฆ่าเราหรือทรมานเรา ก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มากความ

เจี้ยนเฉินตอบพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า เจ้าไม่สามารถตำหนิข้า สำหรับสภาพปัจจุบันของเจ้า นอกจากนี้หากเจ้าอยากจะโทษใคร เจ้าก็ต้องโทษเจ้าเองที่โลภ ทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นในวันนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าหาเรื่องข้าเอง

หืม ความเสียใจของข้านั้นมีเพียงว่าความแข็งแกร่งของข้านั้นไม่เพียงพอ มิฉะนั้นแล้ว คนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นคงไม่ใช่ข้าคนนี้ หนึ่งในนั้นกล่าวออกอย่างไม่เกรงกลัวต่อเจี้ยนเฉินอีกต่อไป พวกเขานั้นก็ไม่อาจต่างกับคนตายที่เดินได้

เจี้ยนเฉินมองผ่านศีรษะของเขาไป “ใช่ แล้วมันมีอันใดผิดแผกไปจากที่เจ้าพูด หากว่าข้าอ่อนแอกว่าพวกเจ้า 3 คน ข้าคงเป็นผู้ที่คุกเข่าแทน บนโลกใบนี้ ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอด” เจี้ยนเฉินจ้องมองด้วยดวงตาที่เฉยเมย ด้วยใบหน้าที่แข็งกระด้างราวกับหิน ในขณะที่ยืนอยู่บนถนนที่เต็มไปด้วยเลือดและศพ

เถี่ยต้านั้นเป็นคนที่ไม่คุ้นชินกับคราบเลือด ยามก่อนมันมีเพียงแค่เลือดของสัตว์อสูร เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นท้องถนนนั้นเต็มไปด้วยศพของผู้คน อย่างไรก็ตาม เช่นนี้ มันเป็นสถานการณ์ที่ทำให้จิตใจของเขายากที่จะสงบลง

เจี้ยนเฉินถอนหายใจกับท่าทางของเถี่ยต้า มันจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการปรับตัวให้เข้ากับทวีปเทียนหยวน

ในที่สุดแล้ว เจี้ยนเฉินก็หันกลับมามองที่หัวหน้าตระกูลทั้งสาม “นับแต่วันนี้ เมืองเฟิงหยางจะไม่มีตระกูลของพวกเจ้าทั้งสามตระกูลอีกต่อไป เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของพวกเจ้า ข้าจะส่งเสริมพวกเจ้าเอง” มีตระกูลมากมายภายในเมืองเฟิงหยาง พลังของตระกูลพวกเขาจะผ่องถ่ายอย่างรวดเร็วต่อการตายของเซียนปฐพีทั้งสาม

ค่อย ๆ ยกมือขวา เจี้ยนเฉินส่งปราณกระบี่สีม่วง-ฟ้าออกจากนิ้วมือของเขา ปราณกระบี่ได้ฝังลงในหัวของแต่ละคนอย่างรวดเร็วและดับวิญญาณของพวกเขา แม้กระทั่งเซียนสวรรค์ก็ไม่อาจที่จะรอดชีวิตได้

ร่างกายของหัวหน้าตระกูลทั้งสามคนล้มลงกับพื้นดิน ในไม่กี่วินาที เซียนปฐพีทั้งสี่ของเมืองเฟิงหยาง สุดท้ายกลายเป็นหนึ่งเดียว มีเพียงเฉพาะเจ้าเมืองเท่านั้นที่ได้รับการละเว้นชีวิต

จากตำแหน่งของเขาที่ห่างไกลจากสถานการณ์นั้น เจ้าเมืองเฟิงหยางได้แต่มองดูอย่างเสียใจ เขาดูเซียนปฐพีทั้งสาม ขณะที่พวกเขาเสียชีวิต มันทำให้อำนาจของเมืองเฟิงหยางลดลงเป็นอย่างมาก เขานั้นไม่มีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด

นอกจากนี้ เขาไม่ได้กล่าวสิ่งใดแม้แต่คำเดียว แม้ว่าสามกำลังสำคัญนั้นถูกสังหาร เขาไม่กล้าพูดสิ่งใดกับมัน เจี้ยนเฉินและกลุ่มบุคคลของเขานั้นเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งมหาศาล เป็นอำนาจที่ไม่อาจต้านทานได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงนิ่งงัน ไม่มีแม้กระทั่งความคิดที่จะเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย

ความจริงที่ว่า เจี้ยนเฉินได้สังหารเซียนปฐพีเพียงแค่ยกนิ้วของเขา มันสร้างความตกตะลึงอย่างมากกับผู้ที่พบเห็นมัน ดังนั้นมันจึงเกินกว่าที่จะเล่าและเหลือเชื่อนัก พวกเขาไม่อาจช่วยอะไรได้ ได้แต่มองดูเจี้ยนเฉินด้วยประกายในดวงตาที่แตกต่างจากเดิม พวกเขาทั้งหมดคิดว่าเจี้ยนเฉินนั้นจะเป็นเช่นเดียวกับเมื่อสองปีที่แล้วและไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใด ๆ ในยามนั้นแม้ว่าเขาจะเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ แม้จะถือว่าเป็นพรสวรรค์อันโดดเด่น ทว่าเซียนปฐพีนั้นมันเป็นสิ่งที่ห่างไกลเกินไปสำหรับเจี้ยนเฉิน

ทันใดนั้น ทุกคนในกลุ่มเป้าหมายตระหนักว่าทำไมเจี้ยนเฉินถึงได้สงบเช่นนั้นต่อหน้าตระกูลฮาริโต้และหัวหน้าตระกูลทั้งสาม มันไม่ได้เป็นเพราะเขาต้องการพึ่งหมิงตงหรือตู่กูเฟิง ทว่าแท้ที่จริงแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาน่าหวั่นเกรงยิ่งนักและไม่มีความจำเป็นจะต้องเคลื่อนไหว

ผู้เข้าชมที่มาจากเมืองชั้นหนึ่งจ้องมองเขาด้วยดวงตาที่ดุดัน แต่คนอื่น ๆ รู้สึกถึงเหงื่อซึมบนหน้าผากของพวกเขา จิตใจของพวกเขาขัดแย้งกันอย่างดุเดือด เมื่อพวกเขาเรียนรู้ว่า ยามเมื่อเขาปรารถนาทักษะการต่อสู้ พวกเขาต่างเต็มไปด้วยความโลภและไม่สามารถช่วยอะไรได้ ได้แต่ตัดสินใจจะเอามือของพวกเขาใส่ลงในหม้อกับข้อแก้ตัวที่ว่าตระกูลฮาริโต้และตระกูลทั้งสามให้การสนับสนุน มันทำให้พวกเขารู้สึกดีในคราแรก

ขณะที่พวกเขาตระหนักถึงความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉิน ทุกคนอาจเพียงรู้สึกเศร้าโศกและเสียใจอย่างมาก บางคนรู้สึกยินดีว่าพวกเขาไม่ได้พูดอะไรออกมาในตอนแรก ไม่เช่นนั้น พวกเขาจะเป็นอีกคนหนึ่งที่นอนตายอยู่บนพื้นดิน

มองไปรอบ ๆ ดวงตาของเจี้ยนเฉินกวาดมองไปที่วิหารดาบเมฆาเลื่อนลอย สักครู่ก่อนที่จะหันไป คนกลุ่มนั้นทำได้เพียงหลบตา พวกเขารู้สึกถึงความกลัวที่แท้จริงในช่วงเวลา ด้วยกังวลที่เจี้ยนเฉินจะเริ่มสร้างปัญหาให้กับพวกเขาต่อไป ถ้าเขาสามารถฆ่าเซียนปฐพีแบบไร้ซึ่งปัญหาเช่นนั้นแล้ว วิหารดาบเมฆาเลื่อนลอยก็คงไม่มีโอกาสที่จะป้องกันตัวเอง

เจี้ยนเฉินเผยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา ขณะที่เขามองไปรอบ ๆ “ในอดีตที่ผ่านมา พวกเขาอยากจะปล้นของของข้า หากทุกคนยังคงปรารถนาบางสิ่งจากข้า ก็ให้ก้าวออกมาข้างหน้า”

ไม่มีเสียงใดออกมาจากฝูงชน

ในที่สุด ชายในชุดคลุมสีขาวกับผมสีขาวเดินไปข้างหน้า ด้วยมือที่ป้องเข้าหากัน “ข้า หัวหน้าวิหารดาบเมฆาเลื่อนลอย ข้าต้องขออภัยเป็นอย่างมากสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น ข้าหวังว่า ท่านจะให้อภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นและลืมความผิดพลาดนั้นไป ด้วยวิหารดาบเมฆาเลื่อนลอย เราอาจเป็นเพียงขุมอำนาจระดับ 3 แต่หากว่ามีสิ่งใดที่เราจะสามารถทำได้ โปรดสั่งพวกเรามา ข้าขอสาบานว่า วิหารดาบเมฆาเลื่อนลอยจะทำตามที่ท่านปรารถนา หัวหน้าวิหารพูดอย่างอ่อนน้อมถ่อมตนและซื่อสัตย์มาก ตามที่เขาเสนอการขอโทษของเขากับเจี้ยนเฉิน เขาก็ตระหนักมากว่านี่คือวิธีเดียวที่จะรับประกันความอยู่รอดของวิหารดาบเมฆาเลื่อนลอย

คนที่ได้ไล่ล่าเจี้ยนเฉินจากภายในเมืองนั้นได้ถูกหมิงตงและตู่กูเฟิง ตระกูลทั้งสามแห่งเมืองเฟิงหยาง ตระกูลยู่หลัน ตระกูลมู่เทียน เหลือเพียงฝูงชนจากวิหารดาบเมฆาเลื่อนลอย

เห็นวิธีการที่จริงใจและจดจำสิ่งที่วิหารดาบเมฆาเลื่อนลอยกระทำต่อเขาในอดีต เจี้ยนเฉินมีเหตุผลที่จะจัดการกับพวกเขา แม้ว่าเจี้ยนเฉินนั้นจะจดจำสิ่งที่ผิดแต่เขาก็ไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้น หากว่าหัวหน้าผู้นี้ขอโทษต่อเขาอย่างจริงใจ

หลังจากได้รับการให้อภัย ใบหน้าของพวกวิหารดาบเมฆาเลื่อนลอยก็สดใสขึ้น

ขอบคุณมากสำหรับความใจดีของท่าน วิหารดาบเมฆาเลื่อนลอยของข้านั้นไม่รู้จะขอบคุณท่านเช่นไร ท่านมีสิ่งใดที่ท่านปรารถนา มันเป็นเกียรติของเราที่จะทำให้ท่าน หัวหน้าวิหารตอบสนองแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง มันเป็นความเคารพอย่างมหาศาลราวกับว่าเขาให้สัตย์ปฏิญาณว่าจะจงรักภักดีกับเขา

เจี้ยนเฉินสามารถรับรู้ถึงสิ่งที่หัวหน้าวิหารบอกจากน้ำเสียงของเขา แต่ทว่าเขาไม่มีสิ่งใดเกี่ยวกับมัน วิหารดาบเมฆาเลื่อนลอยนั้นมีอำนาจน้อยนักในอาณาจักร ไม่ใช่กลุ่มอำนาจที่เขาจะต้องใส่ใจ

“ตู่กูเฟิงไปรับเงินที่ได้จากการขายแกนอสูรระดับ 5” เจี้ยนเฉินสั่งการต่อตู่กูเฟิง

ตู่กูเฟิงพยักหน้าของเขา แล้วเดินเข้าโรงประมูลฟินิกซ์สวรรค์โดยไม่มีเสียง หมิงตงเอาแหวนมิติจากเซียนปฐพีทั้งห้า เขาได้รับแหวนมิติ 3 วง และเข็มขัดมิติ 2 เส้น

ยามเมื่อหมิงตงเอาบัตรสีม่วงออกมา เขากยิ้มกว้าง บัตรสีม่วง 5 ใบเหล่านี้ จะต้องมีอย่างน้อยหลายแสนเหรียญม่วง ฮิฮิ ตอนนี้ข้าเป็นคนร่ำรวยเหมือนกัน

เจี้ยนเฉินได้แต่ฝืนรอยยิ้มออกมาเมื่อได้ยินหมิงตงกล่าว เซียนปฐพีวัฏจักรที่ 6 นั้นจะขาดแคลนเงินทองเช่นนี้ได้อย่างไร แน่นอนนี่เหตุการณ์ที่แปลกมาก

ไม่นานหลังจากนั้น ตู่กูเฟิงกลับออกมาด้วยผลกำไร เขาได้รับกำไรจากการขายแกนอสูรระดับ 5 สองชิ้น จากนั้นแล้ว เจี้ยนเฉินและคนอื่น ๆ ออกจากพื้นที่

ยูลเลี่ยนที่ยืนอยู่บนระเบียงบนห้องโถงการประมูล นางสามารถเห็นเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน

“ข้าไม่คิดเลยว่าวู่หยุนนั้นจะจัดการกับผู้ที่เคยไล่ล่าอย่างไร้ความปราณีเมื่อสองปีที่ผ่านมาเช่นนี้ เขาได้รับชัยชนะดังกล่าว ไม่เพียงเขาสามารถฆ่าเซียนปฐพีทั้งสองจากตระกูลฮาริโต้ เขายังสามารถสังหารสามตระกูลสำคัญ ” ยูลเลี่ยนปรารภกับตนเอง นางจ้องไปที่เจี้ยนเฉิน แล้วหันกลับไปมองที่ประตูที่พังของโรงประมูลฟินิกซ์สวรรค์ นางเปิดเผยความเจ็บปวดบนใบหน้าของนาง ดูเหมือนว่า จำนวนกำไรในวันนี้ของเราไม่ได้ดีนัก

เมื่อกลุ่มเป้าหมายโดยรอบเห็นกลุ่มเจี้ยนเฉินเริ่มเดิน คนที่อยู่ในเส้นทางของเขาได้ย้ายไปจากทางของเขาอย่างรวดเร็วในทันที

เมื่อเงาของเจี้ยนเฉินลับหายไปจากสายตา เสียงรบกวนดังไปทั่วบริเวณ สามสี่คนที่แข็งแกร่งของเมืองเฟิงหยางนั้นถูกฆ่า

ข้าไม่คิดว่าพวกที่อยู่ในห้องแปดจะแข็งแกร่งเช่นนั้น ข้ามองพวกเขาผิดไป หัวหน้าของกลุ่มทหารรับจ้างเหยี่ยววิญญาณถอนหายใจ ไม่มีใครสามารถจินตนาการว่าเด็กหนุ่มที่เขาได้พูดคุยด้วยก่อนหน้านี้จะแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อในระดับสูงสุด

ไม่นานหลังจากนั้น กลุ่มของเจี้ยนเฉินกลับเข้าไปในโรงเตี้ยม ข่าวเกี่ยวกับหัวหน้าตระกูลทั้งสามแพร่ไปทั่วเมือง นั้นเอง ทำให้ทุกคนต่างมีปฏิกิริยาอย่างหนัก ทุกคนที่ได้ยินไม่อาจทำใจเชื่อได้

Related

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 569

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 569 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 569: จุดจบของการแก้แค้น

เซียนปฐพีทั้ง 3 คน ที่เป็นตัวแทนแห่งตระกูลหลักแห่งเมืองเฟิงหยาง เมื่อพวกเขาได้ยินเจี้ยนเฉินกล่าวเช่นนั้น พวกเขานั้นทำได้เพียงมองเขา อวัยวะภายในของเราจะหายไป ไม่มีทางที่พวกเราจะมีชีวิตยืนยาว ไม่ว่าเจ้าจะฆ่าเราหรือทรมานเรา ก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มากความ

เจี้ยนเฉินตอบพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า เจ้าไม่สามารถตำหนิข้า สำหรับสภาพปัจจุบันของเจ้า นอกจากนี้หากเจ้าอยากจะโทษใคร เจ้าก็ต้องโทษเจ้าเองที่โลภ ทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นในวันนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าหาเรื่องข้าเอง

หืม ความเสียใจของข้านั้นมีเพียงว่าความแข็งแกร่งของข้านั้นไม่เพียงพอ มิฉะนั้นแล้ว คนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นคงไม่ใช่ข้าคนนี้ หนึ่งในนั้นกล่าวออกอย่างไม่เกรงกลัวต่อเจี้ยนเฉินอีกต่อไป พวกเขานั้นก็ไม่อาจต่างกับคนตายที่เดินได้

เจี้ยนเฉินมองผ่านศีรษะของเขาไป “ใช่ แล้วมันมีอันใดผิดแผกไปจากที่เจ้าพูด หากว่าข้าอ่อนแอกว่าพวกเจ้า 3 คน ข้าคงเป็นผู้ที่คุกเข่าแทน บนโลกใบนี้ ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอด” เจี้ยนเฉินจ้องมองด้วยดวงตาที่เฉยเมย ด้วยใบหน้าที่แข็งกระด้างราวกับหิน ในขณะที่ยืนอยู่บนถนนที่เต็มไปด้วยเลือดและศพ

เถี่ยต้านั้นเป็นคนที่ไม่คุ้นชินกับคราบเลือด ยามก่อนมันมีเพียงแค่เลือดของสัตว์อสูร เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นท้องถนนนั้นเต็มไปด้วยศพของผู้คน อย่างไรก็ตาม เช่นนี้ มันเป็นสถานการณ์ที่ทำให้จิตใจของเขายากที่จะสงบลง

เจี้ยนเฉินถอนหายใจกับท่าทางของเถี่ยต้า มันจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการปรับตัวให้เข้ากับทวีปเทียนหยวน

ในที่สุดแล้ว เจี้ยนเฉินก็หันกลับมามองที่หัวหน้าตระกูลทั้งสาม “นับแต่วันนี้ เมืองเฟิงหยางจะไม่มีตระกูลของพวกเจ้าทั้งสามตระกูลอีกต่อไป เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของพวกเจ้า ข้าจะส่งเสริมพวกเจ้าเอง” มีตระกูลมากมายภายในเมืองเฟิงหยาง พลังของตระกูลพวกเขาจะผ่องถ่ายอย่างรวดเร็วต่อการตายของเซียนปฐพีทั้งสาม

ค่อย ๆ ยกมือขวา เจี้ยนเฉินส่งปราณกระบี่สีม่วง-ฟ้าออกจากนิ้วมือของเขา ปราณกระบี่ได้ฝังลงในหัวของแต่ละคนอย่างรวดเร็วและดับวิญญาณของพวกเขา แม้กระทั่งเซียนสวรรค์ก็ไม่อาจที่จะรอดชีวิตได้

ร่างกายของหัวหน้าตระกูลทั้งสามคนล้มลงกับพื้นดิน ในไม่กี่วินาที เซียนปฐพีทั้งสี่ของเมืองเฟิงหยาง สุดท้ายกลายเป็นหนึ่งเดียว มีเพียงเฉพาะเจ้าเมืองเท่านั้นที่ได้รับการละเว้นชีวิต

จากตำแหน่งของเขาที่ห่างไกลจากสถานการณ์นั้น เจ้าเมืองเฟิงหยางได้แต่มองดูอย่างเสียใจ เขาดูเซียนปฐพีทั้งสาม ขณะที่พวกเขาเสียชีวิต มันทำให้อำนาจของเมืองเฟิงหยางลดลงเป็นอย่างมาก เขานั้นไม่มีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด

นอกจากนี้ เขาไม่ได้กล่าวสิ่งใดแม้แต่คำเดียว แม้ว่าสามกำลังสำคัญนั้นถูกสังหาร เขาไม่กล้าพูดสิ่งใดกับมัน เจี้ยนเฉินและกลุ่มบุคคลของเขานั้นเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งมหาศาล เป็นอำนาจที่ไม่อาจต้านทานได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงนิ่งงัน ไม่มีแม้กระทั่งความคิดที่จะเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย

ความจริงที่ว่า เจี้ยนเฉินได้สังหารเซียนปฐพีเพียงแค่ยกนิ้วของเขา มันสร้างความตกตะลึงอย่างมากกับผู้ที่พบเห็นมัน ดังนั้นมันจึงเกินกว่าที่จะเล่าและเหลือเชื่อนัก พวกเขาไม่อาจช่วยอะไรได้ ได้แต่มองดูเจี้ยนเฉินด้วยประกายในดวงตาที่แตกต่างจากเดิม พวกเขาทั้งหมดคิดว่าเจี้ยนเฉินนั้นจะเป็นเช่นเดียวกับเมื่อสองปีที่แล้วและไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใด ๆ ในยามนั้นแม้ว่าเขาจะเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ แม้จะถือว่าเป็นพรสวรรค์อันโดดเด่น ทว่าเซียนปฐพีนั้นมันเป็นสิ่งที่ห่างไกลเกินไปสำหรับเจี้ยนเฉิน

ทันใดนั้น ทุกคนในกลุ่มเป้าหมายตระหนักว่าทำไมเจี้ยนเฉินถึงได้สงบเช่นนั้นต่อหน้าตระกูลฮาริโต้และหัวหน้าตระกูลทั้งสาม มันไม่ได้เป็นเพราะเขาต้องการพึ่งหมิงตงหรือตู่กูเฟิง ทว่าแท้ที่จริงแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาน่าหวั่นเกรงยิ่งนักและไม่มีความจำเป็นจะต้องเคลื่อนไหว

ผู้เข้าชมที่มาจากเมืองชั้นหนึ่งจ้องมองเขาด้วยดวงตาที่ดุดัน แต่คนอื่น ๆ รู้สึกถึงเหงื่อซึมบนหน้าผากของพวกเขา จิตใจของพวกเขาขัดแย้งกันอย่างดุเดือด เมื่อพวกเขาเรียนรู้ว่า ยามเมื่อเขาปรารถนาทักษะการต่อสู้ พวกเขาต่างเต็มไปด้วยความโลภและไม่สามารถช่วยอะไรได้ ได้แต่ตัดสินใจจะเอามือของพวกเขาใส่ลงในหม้อกับข้อแก้ตัวที่ว่าตระกูลฮาริโต้และตระกูลทั้งสามให้การสนับสนุน มันทำให้พวกเขารู้สึกดีในคราแรก

ขณะที่พวกเขาตระหนักถึงความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉิน ทุกคนอาจเพียงรู้สึกเศร้าโศกและเสียใจอย่างมาก บางคนรู้สึกยินดีว่าพวกเขาไม่ได้พูดอะไรออกมาในตอนแรก ไม่เช่นนั้น พวกเขาจะเป็นอีกคนหนึ่งที่นอนตายอยู่บนพื้นดิน

มองไปรอบ ๆ ดวงตาของเจี้ยนเฉินกวาดมองไปที่วิหารดาบเมฆาเลื่อนลอย สักครู่ก่อนที่จะหันไป คนกลุ่มนั้นทำได้เพียงหลบตา พวกเขารู้สึกถึงความกลัวที่แท้จริงในช่วงเวลา ด้วยกังวลที่เจี้ยนเฉินจะเริ่มสร้างปัญหาให้กับพวกเขาต่อไป ถ้าเขาสามารถฆ่าเซียนปฐพีแบบไร้ซึ่งปัญหาเช่นนั้นแล้ว วิหารดาบเมฆาเลื่อนลอยก็คงไม่มีโอกาสที่จะป้องกันตัวเอง

เจี้ยนเฉินเผยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา ขณะที่เขามองไปรอบ ๆ “ในอดีตที่ผ่านมา พวกเขาอยากจะปล้นของของข้า หากทุกคนยังคงปรารถนาบางสิ่งจากข้า ก็ให้ก้าวออกมาข้างหน้า”

ไม่มีเสียงใดออกมาจากฝูงชน

ในที่สุด ชายในชุดคลุมสีขาวกับผมสีขาวเดินไปข้างหน้า ด้วยมือที่ป้องเข้าหากัน “ข้า หัวหน้าวิหารดาบเมฆาเลื่อนลอย ข้าต้องขออภัยเป็นอย่างมากสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น ข้าหวังว่า ท่านจะให้อภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นและลืมความผิดพลาดนั้นไป ด้วยวิหารดาบเมฆาเลื่อนลอย เราอาจเป็นเพียงขุมอำนาจระดับ 3 แต่หากว่ามีสิ่งใดที่เราจะสามารถทำได้ โปรดสั่งพวกเรามา ข้าขอสาบานว่า วิหารดาบเมฆาเลื่อนลอยจะทำตามที่ท่านปรารถนา หัวหน้าวิหารพูดอย่างอ่อนน้อมถ่อมตนและซื่อสัตย์มาก ตามที่เขาเสนอการขอโทษของเขากับเจี้ยนเฉิน เขาก็ตระหนักมากว่านี่คือวิธีเดียวที่จะรับประกันความอยู่รอดของวิหารดาบเมฆาเลื่อนลอย

คนที่ได้ไล่ล่าเจี้ยนเฉินจากภายในเมืองนั้นได้ถูกหมิงตงและตู่กูเฟิง ตระกูลทั้งสามแห่งเมืองเฟิงหยาง ตระกูลยู่หลัน ตระกูลมู่เทียน เหลือเพียงฝูงชนจากวิหารดาบเมฆาเลื่อนลอย

เห็นวิธีการที่จริงใจและจดจำสิ่งที่วิหารดาบเมฆาเลื่อนลอยกระทำต่อเขาในอดีต เจี้ยนเฉินมีเหตุผลที่จะจัดการกับพวกเขา แม้ว่าเจี้ยนเฉินนั้นจะจดจำสิ่งที่ผิดแต่เขาก็ไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้น หากว่าหัวหน้าผู้นี้ขอโทษต่อเขาอย่างจริงใจ

หลังจากได้รับการให้อภัย ใบหน้าของพวกวิหารดาบเมฆาเลื่อนลอยก็สดใสขึ้น

ขอบคุณมากสำหรับความใจดีของท่าน วิหารดาบเมฆาเลื่อนลอยของข้านั้นไม่รู้จะขอบคุณท่านเช่นไร ท่านมีสิ่งใดที่ท่านปรารถนา มันเป็นเกียรติของเราที่จะทำให้ท่าน หัวหน้าวิหารตอบสนองแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง มันเป็นความเคารพอย่างมหาศาลราวกับว่าเขาให้สัตย์ปฏิญาณว่าจะจงรักภักดีกับเขา

เจี้ยนเฉินสามารถรับรู้ถึงสิ่งที่หัวหน้าวิหารบอกจากน้ำเสียงของเขา แต่ทว่าเขาไม่มีสิ่งใดเกี่ยวกับมัน วิหารดาบเมฆาเลื่อนลอยนั้นมีอำนาจน้อยนักในอาณาจักร ไม่ใช่กลุ่มอำนาจที่เขาจะต้องใส่ใจ

“ตู่กูเฟิงไปรับเงินที่ได้จากการขายแกนอสูรระดับ 5” เจี้ยนเฉินสั่งการต่อตู่กูเฟิง

ตู่กูเฟิงพยักหน้าของเขา แล้วเดินเข้าโรงประมูลฟินิกซ์สวรรค์โดยไม่มีเสียง หมิงตงเอาแหวนมิติจากเซียนปฐพีทั้งห้า เขาได้รับแหวนมิติ 3 วง และเข็มขัดมิติ 2 เส้น

ยามเมื่อหมิงตงเอาบัตรสีม่วงออกมา เขากยิ้มกว้าง บัตรสีม่วง 5 ใบเหล่านี้ จะต้องมีอย่างน้อยหลายแสนเหรียญม่วง ฮิฮิ ตอนนี้ข้าเป็นคนร่ำรวยเหมือนกัน

เจี้ยนเฉินได้แต่ฝืนรอยยิ้มออกมาเมื่อได้ยินหมิงตงกล่าว เซียนปฐพีวัฏจักรที่ 6 นั้นจะขาดแคลนเงินทองเช่นนี้ได้อย่างไร แน่นอนนี่เหตุการณ์ที่แปลกมาก

ไม่นานหลังจากนั้น ตู่กูเฟิงกลับออกมาด้วยผลกำไร เขาได้รับกำไรจากการขายแกนอสูรระดับ 5 สองชิ้น จากนั้นแล้ว เจี้ยนเฉินและคนอื่น ๆ ออกจากพื้นที่

ยูลเลี่ยนที่ยืนอยู่บนระเบียงบนห้องโถงการประมูล นางสามารถเห็นเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน

“ข้าไม่คิดเลยว่าวู่หยุนนั้นจะจัดการกับผู้ที่เคยไล่ล่าอย่างไร้ความปราณีเมื่อสองปีที่ผ่านมาเช่นนี้ เขาได้รับชัยชนะดังกล่าว ไม่เพียงเขาสามารถฆ่าเซียนปฐพีทั้งสองจากตระกูลฮาริโต้ เขายังสามารถสังหารสามตระกูลสำคัญ ” ยูลเลี่ยนปรารภกับตนเอง นางจ้องไปที่เจี้ยนเฉิน แล้วหันกลับไปมองที่ประตูที่พังของโรงประมูลฟินิกซ์สวรรค์ นางเปิดเผยความเจ็บปวดบนใบหน้าของนาง ดูเหมือนว่า จำนวนกำไรในวันนี้ของเราไม่ได้ดีนัก

เมื่อกลุ่มเป้าหมายโดยรอบเห็นกลุ่มเจี้ยนเฉินเริ่มเดิน คนที่อยู่ในเส้นทางของเขาได้ย้ายไปจากทางของเขาอย่างรวดเร็วในทันที

เมื่อเงาของเจี้ยนเฉินลับหายไปจากสายตา เสียงรบกวนดังไปทั่วบริเวณ สามสี่คนที่แข็งแกร่งของเมืองเฟิงหยางนั้นถูกฆ่า

ข้าไม่คิดว่าพวกที่อยู่ในห้องแปดจะแข็งแกร่งเช่นนั้น ข้ามองพวกเขาผิดไป หัวหน้าของกลุ่มทหารรับจ้างเหยี่ยววิญญาณถอนหายใจ ไม่มีใครสามารถจินตนาการว่าเด็กหนุ่มที่เขาได้พูดคุยด้วยก่อนหน้านี้จะแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อในระดับสูงสุด

ไม่นานหลังจากนั้น กลุ่มของเจี้ยนเฉินกลับเข้าไปในโรงเตี้ยม ข่าวเกี่ยวกับหัวหน้าตระกูลทั้งสามแพร่ไปทั่วเมือง นั้นเอง ทำให้ทุกคนต่างมีปฏิกิริยาอย่างหนัก ทุกคนที่ได้ยินไม่อาจทำใจเชื่อได้

Related

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+