Pet King นักล่าสัตว์เลี้ยง 1580 แอบมอง

Now you are reading Pet King นักล่าสัตว์เลี้ยง Chapter 1580 แอบมอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เช้าวันต่อมา จางจื่ออันกับพวกภูตสัตว์เลี้ยงตื่นสายกว่าปกติ แม้เตียงจะทั้งแข็ง ทั้งไม่สบาย แต่ถึงอย่างไรก็เป็นเตียงเรียบๆ ไม่ใช่พื้นดินเป็นหลุมเป็นบ่อ ดังนั้นพวกเขาจึงหลับไม่รู้ตื่นเลยทีเดียว  

 

 

ไม่อยากตื่นก็ต้องตื่นแล้ว ถึงอย่างไรการเดินทางก็ยังไม่สิ้นสุด และบ้านหลังนี้ก็ไม่ใช่บ้านของเขา ถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้นหนึ่งวัน ก็ได้กลับบ้านเร็วขึ้นหนึ่งวัน  

 

 

พอกินข้าวเช้าเสร็จ จางจื่ออันใช้ถ่านไม้เขียนบนกระดาษเป็นภาษาอังกฤษสองสามคำ แล้วแปะไว้ด้านในของกระจกหน้าต่าง เขียนไว้ว่า ‘กุญแจอยู่ข้างใต้ก้อนหินหน้าประตูบ้าน อย่าทุบกระจก’  

 

 

ถ้าต่อจากนี้มีนักเดินป่าคนอื่นมาที่นี่ จะต้องส่องผ่านกระจกเข้ามาดูลาดเลาข้างในเหมือนเขาก่อนแน่นอน ตอนนั้นก็จะเห็นกระดาษแผ่นนี้ รวมถึงข้อความบนกระดาษด้วย  

 

 

หลังจากนั้น เขาก็เก็บข้าวของและสะพายกระเป๋า ใช้ผ้าสีขาวคลุมเฟอร์นิเจอร์ในบ้านอีกครั้ง จากนั้นก็ล็อกประตู ก่อนออกไปพร้อมพวกภูตสัตว์เลี้ยง และทับกุญแจไว้ใต้ก้อนหินที่เดิม  

 

 

ก่อนออกจากหมู่บ้าน เขายังหยิบแผ่นไม้ปิดบ่อน้ำเอาไว้ กันไม่ให้ใบไม้ร่วงลงไป แล้ววางก้อนหินทับบนแผ่นไม้อีกที เพื่อกันไม่ให้แผ่นไม้ถูกลมพัดปลิวไป หากเป็นคนมีสติปัญญาและสายตาปกติก็จะสังเกตเห็นบ่อน้ำบ่อนี้ได้  

 

 

ตอนที่เรียกพวกภูตสัตว์เลี้ยงออกเดินทาง เขาก็สังเกตเห็นว่าฟราเทอร์นั่งหลังตรงเรียบร้อย ไม่ใช่ท่านั่งสบายๆ เหมือนแมวหรือสุนัข แต่เหมือนจะใกล้เคียงกับคำว่านั่งสุภาพเรียบร้อย เอวเหยียดตรง ร่างกายเหมือนหินโสโครกที่เตรียมต้านการจู่โจมของคลื่นลม  

 

 

มันหลับตาลง เหมือนกำลังท่องบางอย่างเงียบๆ ด้วยใบหน้าอาบแสงโชติช่วงอันบริสุทธิ์ รอบๆ ตลบอบอวลไปด้วยบรรยากาศเคร่งขรึมยากจะอธิบาย…ถึงมันจะเป็นหมาป่า แต่ก็ยังไม่เคยเห็นมันเป็นสัตว์ป่ากระหายเลือด  

 

 

จางจื่ออันไม่กล้ารบกวนมัน และห้ามริชาร์ดที่ชอบพูดจาเรื่อยเปื่อยว่าอย่าเสียงดังโวยวาย  

 

 

ผ่านไปสักพักหนึ่งฟราเทอร์ก็ลืมตาขึ้น ในแววตามีแสงสว่างเป็นประกาย แต่ก็แฝงไว้ด้วยความเศร้าโศกเล็กน้อย ไม่ใช่ความเศร้าในโชคชะตาของตัวเอง แต่ซับซ้อนก่อนกว่านั้นอีก แอบรำพึงฟ้าเวทนาคนเหมือนเหล่าฉาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว เหมือนเจอความจนใจสิ้นหวังมากกว่า  

 

 

“เป็นอะไรไป? มีอะไรงั้นเหรอ?”  

 

 

จางจื่ออันสังเกตเห็นว่ามันมีสีหน้าแปลกๆ จึงถาม  

 

 

ฟราเทอร์เงยหน้ามองท้องฟ้า แล้วพึมพำอย่างแฝงนัย “ฟ้า…จะมืดแล้ว”  

 

 

ตอนตื่นเช้ามาก็มีแสงแดดลอดเข้ามาจากทางหน้าต่าง จางจื่ออันจึงคิดว่าวันนี้อากาศดีท้องฟ้าแจ่มใสแต่มีเมฆมาก จึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก แถมยังเอาแต่ยุ่งกับการทำงาน  

 

 

ตอนนี้เขาเงยหน้าดูบ้าง มองผ่านช่องใบไม้เห็นว่าเส้นขอบฟ้าทางตะวันตกเฉียงเหนือมีเมฆสีดำกำลังก่อตัวขึ้น  

 

 

นี่ไม่ใช่การรวมตัวของเมฆฝนที่เคลื่อนที่เร็วอย่างพายุฝน เมฆแบบนี้ถูกลมพัดผ่านมา ดูท่าทางน่ากลัว แต่มาไว ไปไว และบริเวณที่ได้รับผลกระทบก็แคบ เป็นปรากฏเหตุการณ์ที่พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันออก และฝนตกทางตะวันตก เอกลักษณ์คือเมฆเป็นชั้นๆ ลอยต่ำมาก รู้สึกคล้ายกับจะตกลงมาใส่หัว  

 

 

เมฆเป็นชั้นๆ บนท้องฟ้าในตอนนี้น่าจะเกิดจากแนวปะทะอากาศเย็นที่เคลื่อนตัวอย่างเชื่องช้า ก่อให้เกิดชั้นเมฆสูงเป็นวงกว้าง เมฆแบบนี้ไม่ได้พาลมพายุฝนรุนแรงมาด้วย แต่จะพาอากาศย่ำแย่เป็นเวลานานมาแทน  

 

 

อากาศดีต่อเนื่องกันมาหลายวัน ในที่สุดก็ต้องจบลงแล้ว  

 

 

จางจื่ออันเองก็เสียดายมาก ท้องฟ้ามืดครึ้มและฝนตกจะก่อให้เกิดปัญหาขึ้นจำนวนหนึ่ง แม้แต่การจุดไฟก็จะกลายเป็นเรื่องยากลำบากมาก แต่เขายังมองโลกในแง่ดี อย่างน้อยก็ไม่ให้เรื่องนี้มากระจิตใจมากเกินไป  

 

 

“ฟ้าหลังฝนมักจะสดใสเสมอแหละ” เขาพูดปลอบใจ  

 

 

ฟราเทอร์กลับมองท้องฟ้าต่ออย่างกังวล “ไม่ เจ้าไม่เข้าใจ”  

 

 

จางจื่ออันมองตามสายตาของมันไป ก่อนจะประหลาดใจที่ยังเห็นก้อนเมฆรูปคนสองก้อนเมื่อวานยังลอยอยู่บนท้องฟ้า ก้อนหนึ่งในนั้นอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เมฆดำหนาเหมือนจะลอยมาจากทางเขา…ไม่ใช่สิ เหมือนจะพัดมาจากข้างหลังของมัน ราวกับจะกลืนกินก้อนเมฆรูปคนที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้  

 

 

ในเวลาหนึ่งวัน หนึ่งคืน ก้อนเมฆสองก้อนนี้ไม่ได้ถูกพัดกระจายไปเลย แถมยังเปลี่ยนรูปร่างตลอดเวลา พูดได้อย่างเดียวว่าน่าประหลาด  

 

 

เขาแอบสงสัยอยู่ในใจ เนื่องจากการบดบังของใบไม้ รวมถึงเหนื่อยล้าจากการเดินทาง น่าเสียดายที่เขาไม่มีเวลาและไม่มีเงื่อนไขที่จะใช้เวลาทั้งวันไปกับการถ่ายรูปการเปลี่ยนแปลงของก้อนเมฆทั้งสองก้อน อย่างน้อยหากอัพโหลดขึ้นไปบนอินเทอร์เน็ตจะต้องดึงดูดความประหลาดใจของคนได้มากมาย เขาอาจจะกลายเป็นเน็ตไอดอลได้ด้วย  

 

 

“พวกเรากำลังแพ้สงครามแห่งศรัทธาครั้งนี้” ฟราเทอร์พูดอย่างเศร้าโศก “ไม่ว่าปริมาณหรือคุณภาพของความศรัทธา พลังของอีกฝ่ายอยู่เหนือกว่าพวกเราทั้งหมด”  

 

 

จางจื่ออันไม่เข้าใจว่ามันกำลังพูดเรื่องอะไร แต่ฟังจากน้ำเสียงมันก็รู้ว่าเป็นสถานการณ์เคร่งเครียด เขานึกขึ้นได้ว่าวงกลมแสงตัวแทนมันในอินเตอร์เฟซจับของเกมอ่อนลงเรื่อยๆ อาจจะอธิบายว่าพลังของมันกำลังอ่อนลง…หรือถูกปิดกั้น  

 

 

“นายหมายถึงอะไร?” เขาถามอย่างสงสัย  

 

 

ฟราเทอร์ถอนหายใจ “ยังจำที่เจ้าเคยพูดไว้ได้ไหม? สัตว์บุกรุกจากภายนอก ไม่ว่าจะเป็นแมวหรือบีเวอร์ ต่างก็เป็นสัตว์จากนอกของป่าแห่งนี้ บางครั้ง…ความศรัทธาก็เป็นเช่นนั้น ศรัทธาที่เดิมทีไม่เป็นของแผ่นดินผืนนี้ กำลังรุกล้ำเข้ามาในแผ่นดินผืนนี้ ปิศาจที่เกิดใหม่ก็กำลังกัดกร่อนพวกเราจากภายใน”  

 

 

มันอธิบายก็เหมือนไม่ได้อธิบาย เขาฟังแล้วก็ยิ่งสับสน  

 

 

“นี่อาจจะเป็นโชคชะตา พวกเราเองก็เป็นผู้บุกรุกในบางความหมาย พวกเรามาแทนทีคนอินเดียแดงแล้ว ตอนนี้ก็มีคนอื่นต้องการมาแทนที่พวกเราอีก”  

 

 

คำพูดของฟราเทอร์เหมือนกำลังเผยแพร่ศาสนา แล้วก็เหมือนแสดงออกถึงบางอย่างอย่างคลุมเครือ  

 

 

จางจื่ออันฟังไม่รู้เรื่อง แต่ไม่พูดอะไรเลยก็ไม่ใช่เรื่องดี เขาจึงฝืนใจแนะนำว่า “ที่จริงฉันก็รู้สึกนะ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับมนุษย์ และความศรัทธาก็เป็นสิ่งที่พัฒนาขึ้นตามกาลเวลา เหมือนอย่างป่าแห่งนี้ ประเด็นไม่ได้อยู่ที่สัตว์ที่มาจากข้างนอก แต่สัตว์จากข้างนอกจะสร้างอันตรายให้กับระบบนิเวศของป่านี้หรือเปล่า…”  

 

 

เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไร เหมือนกับกำลังพูดเรื่องไร้สาระที่ไม่มีความหมายเลยสักนิด จึงปลอบใจได้ไม่ถึงครึ่ง  

 

 

ขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้น ก็รู้สึกแปลกประหลาดขึ้นมา เหมือนกับกำลังถูกใครแอบมอง เขาเหมือนจะเคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน เป็นความรู้สึกตอนที่ถูกวลาดิเมียร์แอบมองจากมุมมืดในปักกิ่ง  

 

 

เขาจึงมองไปในป่าข้างๆ แต่ในนั้นเงียบมาก เงาต้นไม้กำลังร่ายรำ แสงสว่างและความมืดผสมผสานกันจนเห็นความต่างอย่างชัดเจน เหมาะให้สัตว์ซ่อนตัวอย่างมาก เขามองอยู่หลายครั้ง แต่กลับไม่พบเงาคนหรือสัตว์เลย  

 

 

ขณะที่เขามองเข้าไป ความรู้สึกถูกแอบมองก็หายไปด้วย  

 

 

เขานับจำนวนฝูงหมาป่ารอบหนึ่ง หมาป่าอยู่ตรงนี้กันหมด พวกมันเล่นสนุกกันไปมา ไม่ได้ขาดไปสักตัว จึงไม่ใช่หมาป่าแน่นอน  

 

 

พวกภูตสัตว์เลี้ยงก็เตรียมออกเดินทางอยู่แถวนี้  

 

 

ไม่ว่าฝูงหมาป่าหรือภูตสัตว์เลี้ยงก็ไม่มีท่าทางแปลกๆ แสดงว่าพวกมันไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ  

 

 

กวาง? แบดเจอร์? หมาป่าไคโยตี? หมีดำ? หรือสัตว์ชนิดอื่นที่ซ่อนตัวอยู่ในป่า?  

 

 

หรือประสาทไวเกินไปนะ?  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด