Pet King นักล่าสัตว์เลี้ยง 1675 วัยเด็ก

Now you are reading Pet King นักล่าสัตว์เลี้ยง Chapter 1675 วัยเด็ก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ดาดฟ้าของอาคารเครือข่ายฝานซิง

 

 

เพื่อป้องกันไม่ให้มีคนเลือกกระโดดตึกตรงฮวงจุ้ยที่ดีเลิศนี้ พวกเขาจึงปิดชั้นดาดฟ้าเอาไว้ ถึงเป็นพนักงานซ่อมบำรุงก็ต้องทำตามระเบียบและถือบัตรแม่เหล็กถึงจะขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้าได้

 

 

ดาดฟ้าสูงขนาดนี้มีลมพัดแรงมาก ถึงบนพื้นบริเวณนี้ในตอนนี้จะอบอ้าวจนไม่มีลมพัดเลยก็ตาม

 

 

บนดาดฟ้าที่ไม่ควรมีคนแห่งนี้ กลับมีเด็กผู้หญิงหน้าตาเหมือนเด็กมัธยมต้นยืนอยู่คนหนึ่ง เธอใส่ชุดกะลาสีที่ไม่รู้ว่าทำจากอะไร และมันกำลังถูกลมพัดพลิ้วดังพึ่บพั่บ

 

 

เธอยืนอยู่บนขอบดาดฟ้า มองตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ที่เจริญรุ่งเรืองจากด้านบน รถที่ขวักไขว่อยู่บนถนน เดี๋ยวจอด เดี๋ยวหยุด แม้ร่างกายจะถูกลมพัดจนเซ แต่เธอก็ไม่กลัวว่าตัวเองจะตกลงจากความสูงร้อยเมตรนี้เลยสักนิด

 

 

อยู่ๆ ข้างหลังของเธอก็มีลูกแมวสีขาวดำตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้น และเธอก็หันไปในเวลาเดียวกันพอดี

 

 

“เมี๊ยว”

 

 

“ว้าว! ซิงไห่! ยกสูงๆ!”

 

 

เธอก้มลงไปอุ้มซิงไห่ขึ้นมา แล้วยกขึ้นเหนือหัวอย่างมีความสุข แต่ซิงไห่ที่กลัวคนมาโดยตลอดกลับไม่ต่างอะไรกับสัตว์เลี้ยงทั่วไป มันเล่นกับเธอด้วยท่าทางสนิทสนม ถึงอย่างไรมันก็อยู่กับเธอมาตั้งแต่เล็กจนโต

 

 

“ทุกคนสบายดีไหม? พ่อขี้เหนียวทำอะไรอยู่? ไม่ต้องพูดหรอก เขาต้องตามหาเธอจนวุ่นวายแน่นอน!” เธอกอดซิงไห่ไว้ในอก ก่อนจะนั่งอยู่บนดาดฟ้า แล้วยิ้มพร้อมกับจินตนาการ “อยากไปดูร้านขายสัตว์เลี้ยงยุคนี้จังเลย!”

 

 

“ฟีน่าจะต้องโกรธฉันอยู่แน่ๆ แต่มันชอบฉันที่สุด!”

 

 

“เสวี่ยซือจื่ออ่อนโยนกับฉันที่สุด แต่ฉันก็สงสัยว่ามันอยากจะลากฉันไปทางไหนสักทาง…”

 

 

“ไม่ว่าฉันจะดื้อยังไง คุณปู่ฉาก็จะแอบช่วยฉันปกปิดเสมอ”

 

 

“ริชาร์ดนำความสุขมากมายมาให้วัยเด็กของฉัน…”

 

 

“เฟยหม่าซือเป็นตัวปัญหา ชอบแหย่คนอื่นทั้งวัน”

 

 

“ไม่รู้ว่าไลฟ์สดเที่ยวทั่วโลกของพี่เซฮวาทำให้คนหัวเราะขนาดไหน…”

 

 

“ตอนเล่นโคลน ปีนต้นไม้กับพาย พ่อน่ารังเกียจบอกว่าฉันเหมือนลิงเปื้อนโคลนด้วยแหละ!”

 

 

“ฟราเทอร์จริงใจที่สุด มันให้ฉันขี่เป็นม้าตลอดเลย ฮี่ๆ!”

 

 

“วลาดิเมียร์กับเสี่ยวไป๋ก็เดี๋ยวรักเดี๋ยวเกลียดกันอยู่ตลอด…”

 

 

“อาจารย์เสี่ยวเตี๋ย…ฉันยังกลัวเธออยู่นิดหน่อยจริงๆ ชอบให้การบ้านกองใหญ่ที่ทำยังไงก็ไม่เสร็จอยู่เรื่อย…”

 

 

“อ๊า! ยังมีอีก! ตอนนี้พ่อน่าจะไม่รู้ว่าพี่เฟยเฟยเป็นสาวแกร่งทำงานเก่งด้วย กำลังทำงานหนักที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเลยเชียวแหละ ลุงเฉียนกับลุงคุน…เหมือนจะไม่คิดหาแฟนแต่งงานเลย ฮือ อยากได้ลายเซ็นของพี่อี๋อวิ๋นก่อนจะเป็นนักวาดรูปการ์ตูนประกอบเต็มตัวจัง…”

 

 

ถึงเป็นคนอย่างเธอ แต่วัยเด็กก็มีแค่ครั้งเดียว เธอหวนคิดถึงวัยเด็กได้นับครั้งไม่ถ้วน แต่กลับสัมผัสได้ด้วยตัวเองแค่ครั้งเดียว

 

 

“เมี๊ยว” มันกะพริบตาสีเทาเงินมองเธอ

 

 

“ฉันรู้ ยังไม่ถึงเวลา” เธอพยักหน้าอย่างเสียดาย

 

 

หากเธอคิดจะทำ ย่อมเห็นได้ทุกเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น กำลังเกิดขึ้น และกำลังจะเกิดขึ้นในร้านขายสัตว์เลี้ยงได้ แต่ ‘มองเห็น’ กับ ‘สัมผัสด้วยตัวเอง’ ไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง

 

 

มนุษย์มองมดที่เดินอยู่บนกระดาษ อาจจะรู้สึกว่ามดน่าสงสารมาก ใช้กำลังกายและจิตใจสำรวจโลกที่ไม่รู้จัก คนมองปราดเดียวก็รู้แล้ว แต่ก็เป็นเพราะรู้ผลลัพธ์แล้วเท่านั้น จะสืบเสาะความสนุกสนานระหว่างทางได้หรือเปล่า?

 

 

ถึงเวลาเลิกงานแล้ว ในอาคารสำนักงานมีหนุ่มสาวแต่งตัวเนี้ยบกรูออกมา สีหน้าของพวกเขามีทั้งสบายใจและเหนื่อยล้า ในใจกำลังครุ่นคิดเรื่องเลื่อนขั้นขึ้นเงินเดือนหรือคบกันแต่งงาน ทั้งชีวิตของพวกเขาอาจจะไม่ได้ราบเรียบ แต่อย่างน้อยก็เต็มที่กับทุกสิ่ง พวกเขาส่วนใหญ่อาจจะไม่เป็นที่รู้จักเลยทั้งชีวิต แต่ไม่เป็นที่รู้จักก็ไม่ได้หมายความว่าทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง พวกเขาเคยลอง เคยแสวงหา เท่านี้ก็พอแล้ว นี่ก็คือชีวิต

 

 

“ถ้าหายไปนาน เดี๋ยวพ่อจะสงสัยเอา รีบกลับไปดีกว่านะ ช่วยฉันทักทายทุกคนจากในใจด้วยล่ะ” เธอวางซิงไห่ลง แล้วยืนขึ้น

 

 

ซิงไห่ยกอุ้งเท้าหน้าข้างหนึ่งขึ้นมา ก่อนจะพูดด้วยความอาลัยอาวรณ์ “เมี๊ยว บ๊ายบาย”

 

 

“บ๊ายบาย” เธอก็โบกมือลงเช่นกัน

 

 

ซิงไห่หายไปจากตรงนั้นแล้ว

 

 

เธอรู้ว่าซิงไห่ใช้โอกาสตอนเล่นซ่อนแอบเข้ามา พ่อหาอยู่ในบ้านหลายรอบแล้วก็หาไม่เจอ จึงขอยอมแพ้แล้ว บอกให้มันเลิกเล่นซ่อนหา แล้วรีบออกมา

 

 

“เอาละ ฉันก็ควรจะไปได้แล้ว” เธอพึมพำพูดกับตัวเอง

 

 

วินาทีต่อไปเธอก็หายตัวไป

 

 

แล้วเธอก็ปรากฏตัวอีกครั้ง แทบจะพร้อมกันเลย

 

 

ความจริงแล้วบอกว่า ‘วินาทีต่อมา’ ก็ไม่ค่อยถูกต้อง เพราะการหายตัวและปรากฏตัวของเธอเหมือนจะไม่มีช่องว่างของเวลาเลยสักนิด แต่สำหรับเธอแล้ว เวลาไม่ใช่สมการชั้นเดียว คำว่า ‘วินาทีต่อไป’ ไม่มีความหมายที่แท้จริงเลยด้วยซ้ำ

 

 

มีเพียงมดถึงจะปีนจากปลายกระดาษด้านหนึ่งไปยังปลายกระดาษอีกด้านหนึ่งตามขั้นตอน มนุษย์แค่ต้องพับกระดาษ ก็จะส่งมันไปถึงปลายทางได้แล้ว

 

 

ด้านหนึ่งเชื่อมต่อกับอดีต อีกด้านหนึ่งเชื่อมต่อกับอนาคต

 

 

สถานที่ที่เธอปรากฏตัวคือป่าอันมืดทึบ รอบด้านรกร้างว่างเปล่า นกและแมลงส่งเสียงอยู่เนืองๆ

 

 

พุ่มไม้สั่นไหว สัตว์ขนาดเล็กและนกที่หากินในตอนกลางคืนตกใจกับการมาอย่างกะทันหันของเธอ จนพวกมันหนีเข้าไปในป่าลึกแล้ว

 

 

พระจันทร์เต็มดวงเหมือนจานสีเงินลอยสูงอยู่กลางท้องฟ้ายามค่ำคืน เส้นทางขรุขระที่เกิดจากคนและสัตว์เลี้ยงทอดยาวไปในความมืด

 

 

เธอแบมือออก จากนั้นบนฝ่ามือก็มีกระดาษแผ่นเล็กๆ เพิ่มขึ้นมาหนึ่งแผ่น แต่ไม่เหมือนกับกระดาษทั่วๆ ไป กระดาษแผ่นนี้มีแค่ความกว้างและความยาว ไม่มีความหนา มีแต่ความบางที่ไม่จำกัด

 

 

พอถูกลมในตอนกลางคืนพัดเข้า อยู่ๆ กระดาษก็เริ่มพอง พูดให้ถูกต้องก็คือขยายนั่นแหละ

 

 

เหมือนการ์ดสามมิติ ตอนพับขึ้นมามีแค่ด้านเรียบของแกนเอ็กซ์กับแกนวาย หลังจากเปิดออกก็มีแกนแซดเพิ่มขึ้นมา กลายเป็นสิ่งของสามมิติชิ้นหนึ่ง

 

 

กระดาษกลายเป็นโทรศัพท์มือถือแล้ว อย่างน้อยก็เป็นของบางอย่างที่เหมือนกับโทรศัพท์มือถือในยุคปัจจุบัน

 

 

เธอกดบนหน้าจอสองครั้ง

 

 

งูจงอางสีขาวตัวหนึ่งก็มาปรากฏตรงหน้าเธอโดยไม่มีสัญญาณ  เป็นงูจงอางในห้องประชุมตัวนั้น

 

 

งูจงอางขาวขดตัว ก่อนจะแลบลิ้นอย่างอึดอัด พลางสังเกตสภาพแวดล้อมรอบๆ ที่ไม่คุ้นเคย อากาศที่นี่ทำให้มันรู้สึกหนาวมาก ร่างกายจึงแข็งทื่อขึ้นมา

 

 

“ไม่ต้องกลัว” เธอปลอบ “โชคชะตากำหนดให้เป็นจริง”

 

 

แต่งูจงอางขาวยังคงหวาดกลัว ครึ่งหนึ่งกลัวเธอ อีกครึ่งหนึ่งเป็นความกลัวของคนและสัตว์ที่มีต่อความตายโดยสัญชาตญาณ มีเพียงคนและภูตสัตว์เลี้ยงที่จิตใจแน่วแน่ดั่งเหล็กกล้าถึงจะควบคุมสัญชาตญาณนี้ได้

 

 

เธอลูบเกล็ดเย็นเฉียบของมันเบาๆ “ไม่เป็นไร มี ‘เหตุ’ ก็ต้องมี ‘ผล’ มี ‘เกิด’ ก็ต้องมี ‘ตาย’ ถ้าเธอไม่ถูกเขียนลงในบันทึกประวัติศาสตร์ที่นี่ ก็จะไม่ได้กลายเป็นภูตสัตว์เลี้ยง ถ้าเธอไม่ได้กลายเป็นภูตสัตว์เลี้ยง ก็จะเป็นแค่งูจงอางเผือกที่หายากมากตัวหนึ่งเท่านั้น แล้วก็จะไม่มีวันเวลาที่มีชีวิตอยู่เพื่อกันและกัน และแบ่งปันทุกข์สุขร่วมกับคุณลุงหลีเซินไท่นะ”

 

 

พอพูดถึงชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดวงตาเย็นชาของงูจงอางขาวก็เหมือนจะมีความอบอุ่นเพิ่มขึ้นมาบ้าง และไม่ได้หวาดกลัวมากอีก

 

 

มันรู้โชคชะตาทั้งชีวิตของตัวเองแล้ว มันจะตายอยู่ที่นี่ มีเพียงแบบนี้มันถึงจะกลายเป็นภูตสัตว์เลี้ยงได้ และถูกหลีเซินไท่จับกลับไป

 

 

มันกับหลีเซินไท่อาจจะเป็นผู้ก่อกรรมทำชั่วของคนทั่วโลก แต่มันกับเขาร่วมกันต่อสู้ในสงครามนองเลือด มีวันเวลาที่เข่นฆ่ากลืนกินผู้เล่นและภูตสัตว์เลี้ยงตัวอื่นด้วยกัน  เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากจริงๆ!

 

 

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง มันก็พยักหน้า ยอมรับโชคชะตาของตัวเอง

 

 

มันยอมใช้ความตายมาทำให้โชคชะตาเป็นจริง แลกกับช่วงเวลาสมบูรณ์แบบร่วมกับหลีเซินไท่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด