Pet King นักล่าสัตว์เลี้ยง 1641 เบื่ออาหารในฤดูร้อน

Now you are reading Pet King นักล่าสัตว์เลี้ยง Chapter 1641 เบื่ออาหารในฤดูร้อน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

 

ร้านขายสัตว์เลี้ยงไม่ได้มีพื้นที่กว้างมาก ที่ว่างส่วนใหญ่ถูกใช้สอยอย่างเป็นประโยชน์ทั้งหมด จัดวางตู้โชว์และเหลือที่ว่างให้พวกลูกแมวได้เดินเล่นมากพอ ตอนนี้ในร้านมีผู้ใหญ่ที่ไม่ใช่ผู้บริโภคเพิ่มขึ้นมาสามคน เป็นผู้ใหญ่ที่ปล่อยปริมาณความร้อนออกมาไม่หยุดทั้งสามคนเสียด้วย พอนึกถึงมิเตอร์ไฟฟ้าที่หมุนอย่างรวดเร็ว ก็ทำให้จางจื่ออันร้อนใจมาก 

 

 

“คุณยังมีธุระอะไรอีกไหม” 

 

 

เขาจึงถามจ้าวฉีเสียเอง ความหมายโดยนัยคือ ‘ถ้าไม่มีธุระแล้ว ก็ไปจัดการเรื่องของคุณเถอะ อย่าแผ่ไอความร้อนอยู่ที่นี่เลย’ 

 

 

จ้าวฉีถลึงตาใส่เขาครั้งหนึ่ง “คุณชักจะเอาใหญ่แล้วนะ ยังไม่มีลูกค้าเข้าไม่ใช่เหรอ? จะส่งแขกแบบนี้เลย?” 

 

 

“ใช่ที่ไหนล่ะ? ผมมองลูกค้าเท่าเทียมกันหมดนั่นแหละ” จางจื่ออันพูดอย่างเข้มงวด 

 

 

“แต่พวกฉันไม่ได้บริโภคก็เลยไม่นับว่าเป็นลูกค้าสินะ?” เธอมองบนครั้งหนึ่ง “ช่างเถอะ ยังไงฉันก็เกลียดอากาศร้อน ไม่อยากอยู่นานอยู่แล้ว แต่ฉันอยากถามหน่อย ช่วงนี้หลานหลานมีอาการผิดปกตินิดหน่อย คุณช่วยคิดหน่อยสิว่าต้องพาไปหาหมอไหม นี่นับเป็นบริการหลังการขายใช่ไหม?” 

 

 

“เอ๋? ผิดปกติยังไง” เขาถาม “คุณพูดให้ชัดเจนก่อนสิ ผมถึงจะเสนอความเห็นได้” 

 

 

ตามที่จ้าวฉีพูด หลานหลานกินอาหารจนอ้วนท้วนเล็กน้อย และเดิมทีบริติช ช็อตแฮร์ก็มีหน้ากลม พอตอนที่เธอสังเกตอีกที น้ำหนักของหลานหลานก็เกินมาตรฐานไปมากแล้ว เธอรู้จากจางจื่ออันว่าแมวอ้วนเกินไปไม่ใช่เรื่องดี เหมือนกับคนที่อ้วนเกินไปนั่นแหละ แต่แมวอ้วนกลับลดน้ำหนักยุ่งยากกว่าคนอ้วน อาศัยแค่การออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักไม่น่าจะเป็นไปได้ โดยเฉพาะแมวพันธุ์บริติช ช็อตแฮร์ที่ไม่ชอบเคลื่อนไหว ดังนั้นจึงทำได้แค่กินให้น้อยลง 

 

 

ลดปริมาณอาหารลงในทันทียิ่งทำให้แมวมีการตอบสนองที่รุนแรง เกิดไขมันพอกตับ ดังนั้นเธอจึงว้าวุ่นใจทีเดียวว่าต้องค่อยๆ ลดน้ำหนักหลานหลานอย่างไรดี 

 

 

แต่จากการตรวจสอบ เธอพบว่าช่วงนี้ปริมาณอาหารของหลานหลานลดลงแล้ว อาหารแมวที่กินปกติพวกนั้นเหลืออยู่จำนวนหนึ่งอยู่เสมอ หรือว่ามันก็รู้ว่าตัวเองควรจะลดน้ำหนักเหมือนกัน? 

 

 

น้ำหนักตัวของหลานหลานเริ่มลดลงจริงๆ แถมยังลดน้ำหนักด้วยความเร็วคงที จ้าวฉีเห็นแบบนี้ก็ดีใจทีเดียว มันเองลดการกินอาหารได้แล้ว บ่งบอกว่ามันกินอิ่มแล้ว นี่ไม่เหมือนกับการถูกบังคับลดปริมาณอาหาร ไม่น่าทำให้เกิดการตอบสนองรุนแรง 

 

 

ในเมื่อไม่ต้องกังวลเรื่องปริมาณอาหารแล้ว นี่นับเป็นเรื่องดี แต่เธอก็พบว่าปริมาณการดื่มน้ำของหลานหลานก็ลดลงไปด้วย นี่ไม่ใช่เรื่องดีนัก เธอเคยถามจางจื่ออันผ่านทางวีแชทแล้ว แต่เขาอยู่ในป่าเรดวูดตลอดช่วงนั้น จึงไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ พอมีสัญญาณก็ได้รับข้อความ วีแชท และอีเมลนับร้อยนับพันทันที เขาทำได้แค่เลือกตอบอันที่สำคัญ และมองข้ามคำถามเรื่องสัตว์เลี้ยงของเธอและลูกค้าคนอื่นไป 

 

 

“ก่อนหน้านี้หลานหลานดื่มน้ำได้ประมาณสามร้อยถึงสี่ร้อยมิลลิลิตร ตอนนี้น่าจะดื่มแค่สองร้อยถึงสามร้อยมิลลิลิตร แบบนี้ปกติไหม” เธอถาม 

 

 

“ไม่ปกติ ยิ่งอากาศร้อน ก็ยิ่งต้องดื่มน้ำเยอะสิถึงจะปกติ ทุกวันต้องดื่มน้ำปริมาณห้าสิบมิลลิตรต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัมเป็นมาตรฐาน คุณคำนวณดูเองได้ว่าถึงมาตรฐานหรือเปล่า ผมว่าหลานหลานของคุณเหมือนจะเบื่ออาหารในช่วงฤดูร้อนแล้วล่ะ อารมณ์ไม่ค่อยดีด้วยใช่ไหม อุณหภูมิที่บ้านคุณเท่าไร” เขาถาม 

 

 

“เอ่อ…น่าจะประมาณยี่สิบแปดองศา” จ้าวฉีไม่ค่อยแน่ใจ “แต่บ้านฉันไม่ใช่แอร์ส่วนกลางนะ ยังไงก็ต้องมีบางห้องร้อนบ้างนิดหน่อย บางห้องเย็นนิดหน่อย ฉันขี้หนาวซะด้วยสิ เลยไม่ได้ปรับแอร์ให้ต่ำเกินไป แล้วตอนที่ฉันออกไปทำงานและไม่อยู่บ้านตอนกลางวัน ก็ไม่ได้เปิดแอร์ทั้งยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่เปิดหน้าต่างให้ลมโกรก ไม่งั้นค่าไฟ…” 

 

 

“น่าจะเป็นเพราะว่าร้อน ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแมวในฤดูร้อนคือยี่สิบห้าองศา ต่ำกว่าคน เพราะพวกมันมีขน ลูกแมวเคลื่อนไหวเยอะมาก แอร์ที่นี่อุณหภูมิยี่สิบสี่องศาหมดทุกเครื่อง” เขาชี้หน้าจอแอลอีดีบนหน้าปัดเครื่องปรับอากาศ 

 

 

“มิน่าล่ะฉันถึงรู้สึกเย็น…” จ้าวฉีใส่เสื้อผ้าเยอะแยะเพื่อป้องกันแดด ทีแรกจึงไม่รู้สึกว่าอุณหภูมิที่นี่กับที่บ้านเธอแตกต่างกันมาก 

 

 

 “งั้นบ้านฉันก็ต้องปรับเป็นยี่สิบห้าองศาใช่ไหมคะ” เถียนเถียนตั้งใจเงี่ยหูฟังบทสนทนาของพวกเขาตลอด จึงรีบถือโอกาสถาม 

 

 

“อย่าเลย อุณหภูมิบ้านคุณห้ามต่ำกว่าสามสิบองศา เพราะลูกแมวยังปรับอุณหภูมิในร่างกายไม่ค่อยได้ แถมขนยังสั้นมากด้วย ปล่อยให้มันถูกความเย็นไม่ได้” จางจื่ออันห้ามทันควัน 

 

 

“สามสิบองศา…” เสี่ยวหวางทำหน้าตาหมดหวัง ผู้ชายค่อนข้างขี้ร้อน อุณหภูมิสามสิบองศาในฤดูร้อนยังเปิดเครื่องปรับอากาศไม่ได้อีก เล่นเกมแล้วคงทรมานน่าดู 

 

 

จางจื่ออันสอบถามอย่างละเอียดอีกสองสามคำ และได้รู้รายละเอียดเรื่องหนึ่ง ตอนจ้าวฉีอยู่ที่บ้าน ถ้าหลานหลานกินอาหารแมวไม่หมด เธอจะจัดการอาหารแมวที่เหลืออย่างรวดเร็ว ป้องกันไม่ให้เรียกแมลงในฤดูร้อน ถึงแม้ไม่เรียกแมลง อาหารแมวสัมผัสอากาศโดยตรงได้รับความชื้นแล้วก็จะเปลี่ยนรูปทรงได้ง่าย 

 

 

แต่ความจริงแล้วนี่เป็นวิธีที่ผิด แมวเป็นสัตว์หากินตอนกลางคืน กินอาหารในตอนกลางคืนอันมืดมิด แต่เนื่องจากอยู่ร่วมกันกับมนุษย์ จึงต้องฝืนปรับตัวให้เข้ากับเวลาทำงานและพักผ่อนของมนุษย์ แมวไม่รู้เวลาที่แม่นยำ อาศัยความมืดของแสงแดดมาตัดสินเวลา ฤดูร้อนที่ตอนแดดส่องยาวนานขึ้นและร้อนมาก นาฬิกาชีวิตของพวกมันก็คลาดเคลื่อนตาม กินอาหารแมวไม่หมดไม่ใช่เพราะพวกมันกินอิ่มแล้ว แต่เพราะคิดว่ายังไม่ถึงเวลากินข้าวต่างหาก หรือเลยเวลากินข้าวไปแล้ว ดังนั้นต้องปรับเวลาให้อาหารในช่วงฤดูร้อน หรือเพิ่มการบังแสงในบ้าน ตอนกลางวันที่คนไม่อยู่บ้าน ถึงแม้ไม่เปิดเครื่องปรับอากาศ อย่างน้อยก็ต้องเปิดหน้าต่างและเปิดพัดลม และแตรียมกระจกหรือแผ่นกระเบื้องที่ไม่มีขอบแหลมและมุมแหลม ให้แมวนอนคลายร้อนตอนที่ร้อนเกินไป 

 

 

ส่วนดื่มน้ำ แมวไม่ชอบดื่มน้ำก็เป็นเรื่องที่แก้ยากมาเนิ่นนาน ตอนนี้ทำได้แค่ใช้มินต์แมวแล้ว ฉีกมินต์แมวเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่เข้าไปในน้ำ วิธีที่ดีกว่านั้นคือทำนมเปรี้ยวมินต์แมว ชีสจะละลายน้ำตาลแลคโตสในนม ถึงแม้เป็นแมวที่รับน้ำตาลแลคโตสไม่ได้ก็ไม่มีปัญหา ทั้งมีประโยชน์ ทั้งมีรสชาติ ถึงคนดื่มไปก็ไม่มีปัญหา แต่อาจจะรับระดับความเปรี้ยวไม่ได้ 

 

 

“เดี๋ยวก่อน หลานหลานของฉันเหมือนจะไม่ชอบมินต์แมว” จ้าวฉีขมวดคิ้ว “ฉันเคยลองใช้มินต์แมวแหย่มัน แต่มันไม่ตอบสนองอะไรเลย ไม่ชอบกลิ่นของมินต์แมวหรือเปล่า” 

 

 

“มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้เหมือนกัน แมวบางตัวไม่ชอบมินต์แมวมาตั้งแต่เกิด แต่ไม่เป็นไร ลองหญ้าแมวอย่างอื่นก็ได้ หญ้าแมวไม่ได้มีแค่มินต์แมว ยังมีต้นอ่อนข้าวสาลี ต้นข้าวสาลี อัลฟัลฟา และอื่นๆ ลองดูหลายๆ อย่าง ต้องมีสักอันที่แมวชอบ อย่าเอาต้นอ่อนข้าวสาลีกับต้นข้าวสาลีปนกันก็พอแล้ว” 

 

 

เสี่ยวหวางกับเถียนเถียนพยายามวิเคราะห์บทสนทนาของจางจื่ออันกับจ้าวฉี ในนั้นมีหลายอย่างที่แปลกใหม่มากสำหรับมือใหม่หัดเลี้ยงแมวอย่างพวกเขาสองคน 

 

 

ตอนจางจื่ออันกำลังพูดก็เป็นห่วงความรู้สึกของพวกเขา พยายามพูดให้ชัดเจนเข้าใจง่ายมากที่สุด พวกเขาเลี้ยงลูกแมวต้องเจอกับความยากลำบากที่ยากจะจินตนาการได้ เนื่องจากไม่มีการชี้นำของแม่แมว พอลูกแมวโตขึ้นหน่อยก็จะเจอสภาพยากลำบากเพราะไม่มีการคบค้าสมาคม ไม่รู้จักการเก็บกรงเล็บ ไม่ถนัดอยู่ร่วมอยู่กับแมวตัวอื่น อารมณ์ขึ้นลงรุนแรง และอื่นๆ บางทีอาจจะไม่ยอมเข้าห้องน้ำด้วยตัวเอง…เรื่องพวกนี้ต้องสอนมันอย่างอดทน และถึงแม้อดทนสอนไปตั้งมาก แต่ผลลัพธ์ก็ยังได้แค่น้อยนิด ถึงอย่างไรคนก็ไม่ใช่แมว แทนที่แม่ของมันไม่ได้ ทำได้แค่หวังว่าคู่รักคู่นี้จะยืนหยัดสู้ไปได้ 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด