Pet King นักล่าสัตว์เลี้ยง 1637 ไม่ให้ลูบหรอก

Now you are reading Pet King นักล่าสัตว์เลี้ยง Chapter 1637 ไม่ให้ลูบหรอก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เป็นอย่างที่จางจื่ออันคาดเดา จ้าวฉีทำงานในตำแหน่งเดียวกับเสี่ยวหวางและเถียนเถียน แต่ความสัมพันธ์ของเธอกับคู่รักนับว่าแค่เจอหน้าก็พนักหน้าทักทายกันเท่านั้น ไม่สนใจว่าพวกเขารู้จักกันอย่างไร จีบกันอย่างไร ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้สนิทอะไรกัน

 

 

เนื่อจากจ้าวฉีมักจะชอบอวดแมวอยู่ในกลุ่มเพื่อน แถมยังโม้เรื่องวิธีการเลี้ยงแมวด้วย คล้ายกับผู้ชำนาญการเลี้ยงแมวในบรรดาเพื่อนร่วมงานและกลุ่มเพื่อนสนิท ดังนั้นพวกเพื่อนร่วมงานที่มีสัตว์เลี้ยงหรืออยากเลี้ยงสัตว์เลี้ยงจึงมาขอคำแนะนำจากเธออยู่บ่อยครั้ง ความรู้พวกนี้เธอครูพักลักจำมาจากจางจื่ออัน ถึงแม้เป็นแค่ความรู้มือสอง แต่เนื่องจากความรู้เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงของจางจื่ออันใหม่เอี่ยมที่สุด ไม่ใช่ความรู้เก่าแก่ส่งทอดมาหลายสิบปีจะเทียบได้ พวกเพื่อนร่วมงานเห็นแล้วต่างก็ตกตะลึง ทำให้เธอแอบรู้สึกมีความสุขทุกครั้ง

 

 

เสี่ยวหวางกับเถียนเถียนก็มาหาเธอด้วยเพราะชื่อเสียงโด่งดัง อยากขอให้เธอช่วยแนะนำสัตว์เลี้ยง ทีแรกค่อนไปทางอยากเลี้ยงสุนัข แต่เธอที่เป็นทาสแมว จึงแนะนำแมวสุดฤทธิ์สุดเดช เพราะความรู้เรื่องสุนัขของเธอตื้นเขินเกินไป พูดมากก็มีแต่จะโชว์โง่

 

 

คู่รักคู่นี้ค่อนข้างหูเบา เป็นพวกที่ชอบตามกระแสส่วนใหญ่ ก็เห็นด้วยกับข้อดีข้อเสียที่เธออธิบายอย่างน่าเชื่อถือ จึงเริ่มเปลี่ยนมาอยากเลี้ยงแมวแล้ว แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจแน่วแน่

 

 

เมื่อวานเป็นวันเสาร์ ข้างนอกอากาศร้อนจัด ทำให้จ้าวฉีไม่อยากออกจากบ้าน ตัวเองอยู่ในบ้านรู้สึกเบื่ออย่างน่าประหลาด จึงเชิญพวกเขามาลูบแมวที่บ้านเสียเลย ประเด็นคือต้องการอวดหลานหลาน

 

 

เนื่องจากบอกล่วงหน้าก่อนจะมาถึงแล้ว พอกริ่งประตูดังขึ้น จ้าวฉีที่กำลังทำความสะอาดขนแมวก็รู้ว่าพวกเขามาถึงแล้ว จึงรีบไปเปิดประตูทันที

 

 

หลานหลานก็ตามหลังเธอมาด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็น

 

 

คิดถึงตอนแรกที่จ้าวฉีรับหลานหลานกลับมาที่บ้านครั้งแรก และมีพนักงานส่งด่วนมาที่หน้าบ้าน หลานหลานก็เกือบจะวิ่งลอดออกจากซอกประตูไปอยู่บ่อยครั้ง ตั้งแต่นั้นเธอก็ต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษเวลาพนักงานส่งด่วนมาที่บ้าน

 

 

นอกจากซือซือแล้ว แขกประจำที่บ้านของจ้าวฉีมีแค่หลิวเหวินอิงและลูกสาวของเธอ เยว่เยว่ที่อยู่ชั้นบน ต่างก็คุ้นเคยกับหลานหลานมาก มันน่าจะคิดว่าที่มาครั้งนี้ก็คือพวกเธอ

 

 

จ้าวฉีมองแขกผ่านตาแมว จากนั้นก็เปิดประตู เรียกพวกเขาสองคนเข้ามาในบ้านอย่างกระตือรือร้น

 

 

เสี่ยวหวางกับเถียนเถียนทักทายสองสามคำ พวกเขาก็ก้มหน้ามองหลานหลาน เจ้าตัวเล็กที่ดูแล้วเกรี้ยวกราดแต่น่ารักสร้างความประทับใจครั้งแรกให้พวกเขาได้อย่างดี

 

 

แต่หลานหลานที่ปกติกระตือรือร้นกับซือซือและคู่แม่ลูกหลิวเหวินอิงมาก พอเห็นเสี่ยวหวางและเถียนเถียนแล้ว กลับหันหน้ากลับเข้าไปในบ้านด้วยท่าทางรังเกียจ แต่ปกติมันสนอกสนใจทางเดินในตึกมาก ต้องให้จ้าวฉีหรือคนอื่นอุ้มมันกลับไปตลอด

 

 

จ้าวฉีรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้คิดมาก เพราะกำลังยุ่งอยู่กับการรับแขก เสี่ยวหวางกับเถียนเถียนไม่รู้จักนิสัยของแมว คิดว่าแมวเป็นแบบนี้ จึงไม่ได้ใส่ใจนัก

 

 

พอเข้าบ้านและแขกกับเจ้าของบ้านนั่งลงแล้ว เสี่ยวหวางกับเถียนเถียนก็กล่าวชมการตกแต่งและจัดบ้านตามมารยาทก่อน จากนั้นทั้งสามคนก็นั่งกินเค้กและไอศกรีมด้วยกัน แลกเปลี่ยนเรื่องราวซุบซิบในหน่วยงานสักพัก เป็นคนแปลกหน้าในวินาทีแรก แต่กลายเป็นเพื่อนในวินาทีต่อมา ทุกคนล้วนเป็นวัยรุ่น บรรยากาศจึงผ่อนคลายขึ้นเรื่อยๆ

 

 

จากนั้นหัวข้อเรื่องก็เปลี่ยนไปเป็นแมวอย่างเป็นธรรมชาติ

 

 

ก่อนจะพูดคุยกัน ทั้งสามคนนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น จ้าวฉีแอบบอกให้หลานหลานกระโดดขึ้นมาบนโซฟาหรือนั่งบนตักเธออยู่หลายครั้ง แต่มันเอาแต่ลังเลอะไรสักอย่าง วนเวียนอยู่ตรงที่ห่างออกไปสองสามเมตร และไม่ยอมเข้ามาใกล้

 

 

สายตาของเถียนเถียนเหลือบมองหลานหลานอยู่ตลอด เพื่อให้พวกเขาเห็นอย่างชัดเจน จ้าวฉีจึงถือโอกาสอวดว่าหลานหลานเชื่อฟังมาก ก่อนเดินไปอุ้มหลานหลานขึ้นมา แล้ววางไว้บนโต๊ะน้ำชาตรงหน้าเถียนเถียนและเสี่ยวหวาง แถมยังชวนให้พวกเขาลองลูบมันสักครั้ง

 

 

เถียนเถียนสองลูบดูสองสามครั้ง และหลงใหลสัมผัสที่นุ่มลื่นตรงฝ่ามือทันที จึงให้แฟนหนุ่มลองลูบดูด้วย

 

 

แต่ทว่าเสี่ยวหวางเพิ่งยื่นมือออกไป หลานหลานก็กระโดดลงจากโต๊ะน้ำชาอย่างรังเกียจทันที ก่อนจะหมุนตัวกลับไปที่ห้องนอน

 

 

คราวนี้จ้าวฉีกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเล็กน้อย ปกติหลานหลานไม่เป็นแบบนี้นี่นา แม้แต่เยว่เยว่ก็ยังได้ลูบอย่างมีความสุข

 

 

เสี่ยวหวางก็อึดอัดทีเดียว จึงพูดเชิงหัวเราะเยาะตัวเองว่าเป็นคนประเภทที่ถูกแมวเกลียดตลอด

 

 

ตอนเขาเรียนมหาวิทยาลัย ในสวนมีแมวจรจัดตัวหนึ่ง ไม่เพียงเข้ากันได้ดีกับพวกเพื่อนๆ ยังวิ่งไปนั่งเรียบร้อยในห้องเรียนอยู่บ่อยครั้ง ตั้งอกตั้งใจฟังด้วยท่าทางสง่างาม ทุกคนบอกว่ามันเป็นแมวที่ชอบเรียนหนังสือตัวหนึ่ง ทั้งอาจารย์และนักศึกษาต่างก็ดูแลเอาใจใส่มัน มันเหมือนจะรู้ว่าพวกนักศึกษาไม่ทำร้ายมัน อยากลูบสักหน่อยก็ไม่มีปัญหา และมีท่าทางเพลิดเพลินมากเสียด้วย

 

 

มีอยู่ครั้งหนึ่ง แมวจรจัดตัวนี้นอนอาบแดดอยู่บนเก้าอี้ตัวยาวในสวนขนาดเล็ก เขากับเพื่อนหลายคนเดินผ่านไป เพื่อนผู้หญิงในนั้นเข้าไปลูบมันอย่างเริงร่า เขาเห็นคนอื่นลูบแมวสนุกสนาน พอเพื่อนยุอยู่หลายครั้ง ตัวเขาเองก็เริ่มอยากลองลูบดูบ้าง ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเลี้ยงแมวและไม่เคยลูบแมวมาก่อน พอเพิ่งเข้าใกล้มัน ยังไม่ทันได้นั่งยองๆ และยื่นมือออกไป มันก็เหมือนจะยืนขึ้น คิดจะวิ่งหนีไปอย่างไม่พอใจแล้ว

 

 

พวกเพื่อนๆ หัวเราะกันยกใหญ่ บอกว่าเขาไม่เคยให้อาหารมันแต่อยากลูบมัน เข้าข่ายเที่ยวผู้หญิงฟรีๆ เดิมทีนี่เป็นแค่การล้อเล่น แต่เพราะในจำนวนนั้นมีเพื่อนผู้หญิงหัวเราะตามไปด้วย เขาก็แอบรู้สึกขายหน้า ต่อมาเขาตั้งใจซื้ออาหารแมวกระป๋องมา ตอนเจอมันก็โยนให้มันกิน มันกินอย่างสบายใจเฉิบ แต่ตอนเขาลองไปลูบมัน มันก็หมุนตัวอย่างไม่พอใจ ราวกับว่าไม่ยอมให้เขาลูบ เขาหัวเราะเยาะหลายครั้ง ตั้งแต่นั้นก็ล้มเลิกความคิดที่จะลูบมันไปเลย

 

 

นี่เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย แต่บางครั้งเรื่องเล็กน้อยก็ทำให้คนเก็บเอามาคิดมาก โดยเฉพาะตอนที่เขาเจอแมวจรจัดตัวนี้อีกในภายหลัง ก็มักจะทำให้เขานึกถึงความอับอายในครั้งนั้น

 

 

หลังจากเรียนจบและออกจากมหาวิทยาลัย เขาก็มาทำงานที่เมืองปินไห่ ได้รู้จักกับเถียนเถียน ด้วยยุ่งอยู่กับงานและความรักทำให้เขาค่อยๆ ลืมเรื่องนี้ไป บางครั้งถึงนึกขึ้นมาได้ ก็รู้สึกว่าแมวตัวนั้นอาจจะเป็นข้อยกเว้น ไม่ได้หมายความว่าแมวตัวอื่นจะรังเกียจเขา

 

 

แต่วันนี้หลานหลานของจ้าวฉีทำให้เขานึกถึงเรื่องนั้นอีกครั้ง แมวคนละตัวกันก็ยังทำเย็นชาใส่เขา นี่อธิบายแล้วว่าแมวตัวนั้นไม่ใช่ข้อยกเว้น

 

 

จากคนที่ไม่มีความเป็นผู้ใหญ่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ตอนนี้เขาเติบโตขึ้นมากแล้ว บวกกับงานและความรักที่มั่นคงมาก ถึงถูกแมวเมินก็ไม่ได้อึดอัดใจเหมือนตอนนี้ แต่ก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจอยู่ดี

 

 

เขาพูดกับจ้าวฉีเชิงหัวเราะเยาะตัวเอง “เมื่อก่อนพวกพี่ๆ ที่บ้านบอกว่า ผู้ชายไม่เลี้ยวแมว ผู้หญิงไม่เลี้ยงหมา ผมอาจจะไม่เหมาะเลี้ยงแมวละมั่ง แมวก็ไม่ชอบผมด้วย เลี้ยงหมาดีกว่าไหมนะ”

 

 

คำพูดนี้ไม่น่าฟังเลยสำหรับจ้าวฉีที่เป็นทาสแมว เธอไม่พอใจ เพื่อพิสูจน์ว่าเขาคิดผิด เธอจึงให้พวกเขานั่งตามสบายอยู่สักพัก ส่วนตัวเองวิ่งขึ้นไปข้างบน เพื่อยืมลูกแมวสีขาวตัวนั้นของบ้านหลิวเหวินอิง

 

 

ลูกแมวสีขาวที่เสียแม่ไปเพราะเรื่องทารุณแมวโตขึ้นจากเดิมครึ่งหนึ่งแล้ว มันมีนิสัยร่าเริงมาก มันพอจะทดแทนเหมาเหมาที่ตายจากไป ให้ในใจของหลิวเหวินอิงและเยว่เยว่ลูกสาวของเธอชื้นใจขึ้นมาบ้าง

 

 

แต่ลูกแมวสีขาวที่ขี้ขลาดน้อยกว่าหลานหลานกลับเหมือนจะไม่ชอบเสี่ยวหวาง แม้จะไม่ได้ขัดขืนขนาดหลานหลาน แต่ภาษากายก็อธิบายทุกอย่างแล้ว

 

 

ความรู้เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงอันน้อยนิดและตื้นเขินของจ้าวฉีไม่พอใช้แล้ว ดังนั้นหนึ่งในเหตุผลที่พาพวกเขามายังร้านขายสัตว์เลี้ยงก็เผื่อว่าจางจื่ออันจะรู้ข้อเท็จจริงนี้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด