Pet King นักล่าสัตว์เลี้ยง 1676 งูยักษ์

Now you are reading Pet King นักล่าสัตว์เลี้ยง Chapter 1676 งูยักษ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทุกคนในห้องประชุมของตึกระฟ้าฝานซิง พวกเขาเคยต่อต้านความคิดหรือการกระทำทั้งนั้น แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับโชคชะตาของตัวเอง เหมือนงูจงอางขาวตัวนี้

 

 

“ไปเถอะ จะมีคนมาแล้ว” เธอพูด “ฉันก็ต้องเตรียมตัวเหมือนกัน”

 

 

มีบ้านไม้ขนาดเล็กถูกทิ้งร้างอยู่ไม่ไกลหลังหนึ่ง หลังคาทำมาจากพืชหญ้า แต่ตอนนี้ไม่มีหลังคาแล้ว เหลือเพียงผนังสามด้านเท่านั้น อาจจะพังเพราะไฟสงคราม อาจจะพังเพราะสัตว์ดุร้าย ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นยุคแห่งความป่าเถื่อน ร่างกายของสัตว์ดุร้ายหลายๆ ชนิดใหญ่โตกว่าอีกสองพันปีให้หลัง

 

 

เธอเดินตรงเข้าไปในด้านที่หายไป

 

 

ใช้คำว่าไม่มีอะไรหลงเหลือนอกจากผนังเปลือยเปล่ามาบรรยายบ้านไม้ได้เลยทีเดียว ในมุมผนังมีเตียงไม้ผุพังอยู่หลังหนึ่ง สิ่งของที่ถูกเรียกได้ว่าเฟอร์นิเจอร์เพียงอย่างเดียวก็คือตู้ไม้ ถึงอย่างไรคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ก็ไม่มีของมีค่าอะไรให้ซ่อน

 

 

ตรงประตูบ้านมีเตาที่ก่อขึ้นจากหิน หม้อทองแดงที่มุมบิ่นอยู่หลายมุมวางอยู่บนเตา ก้นหม้อถูกรมควันจนกลายเป็นสีดำ ในเตาเต็มไปด้วยขี้เถ้าเย็นๆ และถ่านที่ถูกเผาไหม้แล้ว

 

 

เธอเดินตรงไปหาตู้ไม้ ก่อนจะเปิดประตูตู้ ในที่สุดก็มองเห็นสิ่งของที่เธอต้องการแล้ว เป็นเสื้อผ้าขาดๆ ตัวหนึ่ง แต่ซักได้สะอาดทีเดียว อาจจะเป็นเสื้อผ้าที่สมเกียรติเพียงชุดเดียวของคนที่อยู่ที่นี่

 

 

ถ้าเป็นเด็กสาวมัธยมต้นทั่วไป จะต้องรังเกียจเสื้อผ้าขาดวิ่นแบบนี้ แทบไม่อยากจะแตะต้องเลยด้วยซ้ำ แต่เธอกลับหยิบออกมาจากตู้โดยที่ไม่ใส่ใจเลยสักนิด แล้วพาดมันไว้บนตัว

 

 

จากนั้นเธอก็ขุดขี้เถ้าจากใต้เตา แล้วป้ายไว้บนส่วนที่ไม่ได้ปิด อย่างเช่น บนผม ใบหน้า และร่างกาย แถมยังทำผมเผ้าให้ยุ่งเหยิงด้วย

 

 

เด็กสาวที่สะสวยเหมือนดอกไม้และขาวเหมือนหยกคนหนึ่ง ตอนนี้กลายเป็นขอทายตัวน้อยหน้าตามอมแมมในพริบตา

 

 

“อืม แบบนี้พอใช้ได้แล้ว”

 

 

เธอพอใจกับการแต่งตัวของตัวเองมาก ถึงอย่างไรก็มืดจนมองอะไรไม่เห็นอยู่แล้ว แบบนี้ก็ใช้ได้แล้วแหละ

 

 

ขณะที่เธอเข้าไปในบ้าน งูจงอางขาวก็เดินถึงทางเดินแล้ว จากนั้นร่างกายก็ขยายใหญ่ขึ้นมา มันชูคอจ้องมองด้วยความโกรธเคือง แลบลิ้นสีแดงคล้ำออกมาไม่หยุด

 

 

นี่คือจุดจบของมัน และเป็นจุดเริ่มต้นของมันเช่นกัน

 

 

มันอยากตายด้วยสภาพที่ดีที่สุด และอยากเกิดใหม่ด้วยสภาพที่ดีที่สุดเช่นกัน

 

 

แสงจันทร์ส่องบนเกล็ดขนาดใหญ่เหมือนเสื้อเกราะที่ร้อยจากเหล็ก ทำให้มันดูลึกลับและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน

 

 

มันไม่ได้รอนานเกินไป

 

 

ผู้ชายแต่งตัวมอซอเหมือนเป็นชาวนาคนหนึ่งวิ่งมาจากทางเดินอย่างรีบร้อน เพื่อกันไม่ให้ก้าวพลาด เขาจึงก้มหน้ามองพื้นพร้อมกับวิ่งเร็วๆ ไม่ได้สังเกตว่าบนทางเดินมีงูจงอางสีขาวขวางทางอยู่ จนกระทั่งได้ยินเสียงเกล็ดเสียดสีจากการขดตัว เขาถึงจะรู้ตัวโดยฉับพลัน

 

 

“แม่เอ๊ย! งูตัวใหญ่มาก!”

 

 

เขาเงยหน้ามอง ตกใจจนแทบจะเข่าทรุด เป้ากางเกงเปียกฉี่ไปหมดแล้ว หัวใจก็แทบจะหยุดเต้นเช่นกัน

 

 

พวกเขาเคยเห็นว่าแถวนี้มีงู บางครั้งก็หิวจนฆ่างูมากินอย่างโหดเ**้ยม ไม่เคยคิดว่าจะมีงูตัวใหญ่ขนาดนี้ด้วย แถมยังเป็นงูสีขาวท่าทางดุร้ายตัวหนึ่ง ราวกับเป็นราชางูโดยแท้ หรือจะบอกว่า…เหมือนมังกรขาวตัวหนึ่งก็ได้

 

 

“ท่านปู่เทพงู ข้ามีพ่อแม่และลูกต้องดูแล ขอท่านอย่ากินข้าเลย! ขอร้องล่ะ!” เขาโขกหัวลงกับพื้น ร่ำร้องพร้อมน้ำมูกและน้ำตา

 

 

งูตัวใหญ่เลื้อยขึ้นมาอย่างว่องไว สองข้างทางล้วนเป็นหลุมเลน ไม่ว่าทางไหนก็วิ่งหนีไม่ได้ เขาคิดว่าตัวเองต้องตายอยู่ตรงนี้แล้ว เมื่อรู้อย่างนั้น สู้ไปซ่อมหลุมศพราชาที่ภูเขาหลีซานอย่างว่าง่ายจะดีเสียกว่า แม้จะต้องตายแบบนั้น แต่อย่างน้อยก็มีชีวิตอยู่ได้อีกหลายวัน ดีกว่าถูกงูตัวใหญ่กินทั้งเป็น แล้วกลายเป็นอึงู

 

 

รออยู่สักพักหนึ่ง ฉี่ที่เป้ากางเกงของเขาก็เริ่มเย็น แต่งูตัวใหญ่กลับไม่ได้เขมือบเขา

 

 

เขารวบรวมความกล้าเลื่อสายตาขึ้นไปมอง อยู่ๆ ก็พบว่าดวงตาของงูใหญ่ตัวนี้เหมือนจะว่างเปล่าไร้วิญญาณ ราวกับว่าไม่ได้มองมาทางเขา

 

 

หรือว่า…งูตัวใหญ่นี้กำลังนอนหลับอยู่?

 

 

เขาลองตะเกียกตะกายขึ้นมาเงียบๆ งูตัวใหญ่ยังคงไม่ขยับ

 

 

ดังนั้น เขาจึงย่องถอยหลังไปช้าๆ เหงื่อออกเต็มหน้าเต็มตัวไปหมด กลัวว่าจะปลุกให้มันตื่น

 

 

งูตัวใหญ่เหมือนกำลังหลับอยู่จริงๆ มันไม่ขยับตัวเลยสักนิด

 

 

จนกระทั่งเขาถอยไปถึงระยะห่างที่มากพอแล้ว ถึงจะวิ่งอย่างบ้าคลั่งกลับไปทางเดิม พลางต่อว่าพ่อแม่ว่าทำไมให้ขาเขามาน้อยเหลือเกิน

 

 

เขาวิ่งอย่างสุดชีวิต วิ่งจนน้ำลายฟูมปากแล้วก็ไม่กล้าหยุด จนกระทั่งเกือบจะชนหน้าอกของคนที่เดินมา

 

 

คนคนนั้นก็อายุไม่น้อยแล้ว เหน็บดาบทองแดงไว้ที่เอว ผมกับหนวดเป็นสีดอกเลาหมดแล้ว ลมหายใจคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้า ดื่มจนเมาปลิ้น แต่ยังมีมาดน่าเกรงขามยามย่างเยื้อง

 

 

“หยุด! ใครมาวิ่งยามวิกาล!” คนคนนั้นตะโกน ในมือกำด้ามดาบเอาไว้แน่น พยายามเบิกตาที่เมาเหล้าของตัวเองเพื่อมองเขา

 

 

ชาวนาจำชายนักดาบได้ เขาเหมือนเห็นผู้ช่วยชีวิต ก่อนจะพูดพร้อมอาการหายใจไม่ทัน “ทหาร…ทหารเฝ้าป้อม…ข้างหน้ามีงูตัวใหญ่ขวางทางอยู่…ได้โปรดกลับทางเดิม!”

 

 

เขารับผิดชอบสำรวจเส้นทาง ในป่านี้มีเพียงเส้นทางเดินเพียงเส้นเดียว สถานที่อื่นเหมือนจะมีใบไม้ร่วงอยู่แน่นหนา ความจริงเหยียบไปแล้วก็เหมือนโคลนเลนสูงมิดหัว ไม่มีทางให้เดินโดยสิ้นเชิง

 

 

ในเมื่องูตัวใหญ่กินพื้นที่ทางเดินเพียงทางเดียว พวกเขาย่อมเดินต่อไปไม่ได้ ทำได้แค่ถอยกลับไปเท่านั้น

 

 

“ฮ่าๆๆๆ!”

 

 

ชายนักดาบกำลังเมาได้ที่ จึงพูดจาห้าวหาญ

 

 

แม้แถวนี้จะมีงู แต่ก็ไม่เคยเห็นงูตัวใหญ่ขนาดนี้ เขาหัวเราะที่ชาวนาคนนี้มีความรู้ตื้นเขิน เกรงว่าเขาคงเห็นงูตัวหนาเท่าแขนผู้ชายแล้วคิดว่าเป็นงูยักษ์

 

 

“วีรบุรุษไม่เกรงกลัวสิ่งใด!”

 

 

เขาอาศัยความเมาดึงดาบทองแดงออกมาอย่างรวดเร็วเสียงดังชิ้ง กลับเป็นชาวนาที่สะดุ้งเฮือก

 

 

“ไม่ได้นะทหารเฝ้าป้อม! งูนี้ตัวใหญ่มาก!”

 

 

ชาวนาอยากขวางชายนักดาบเอาไว้ เพราะงูตัวใหญ่ตัวนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนจะใช้แรงเข่นฆ่าได้ ถ้าปลุกมันตื่นแล้ว ก็ไม่ต่างอะไรกับส่งเนื้อเข้าปากเสือ

 

 

ชายนักดาบเมามากแล้ว เขาดึงชาวนาออกอย่างรำคาญ ก่อนจะจ้ำอ้าวเดินไปข้างหน้า

 

 

ชาวนาตีอกชกหัว เขากับพวกเพื่อนๆ นับถือคุณธรรมสูงส่งของชายนักดาบ สาบานว่าจะติดตามชายนักดาบ ทนเห็นชายนักดาบไปตายแบบนี้ไม่ได้ แต่งูยักษ์ทำเอาขวัญหนีดีฝ่อจริงๆ ไม่กล้าไปกับชายนักดาบเพียงลำพัง

 

 

พอคิดถึงคนอื่น เขาก็รีบวิ่งไปข้างหลัง

 

 

หลังจากวิ่งไปได้พักหนึ่ง ข้างหน้าก็ปรากฏแสงไฟ

 

 

ชาวนาสวมเสื้อผ้ามอซอเช่นกันอีกหลายคนกำลังล้อมกองไฟย่างหนูนา พอเห็นเขากลับมา พวกเขาก็ชวนเขากินหนูนาย่างด้วยกัน

 

 

เขาสนใจเรื่องกินที่ไหนกัน จึงเล่าเรื่องเคร่งเครียดที่เกิดขึ้นให้พวกเขาฟัง ทุกคนต่างก็ตกใจกันยกใหญ่ พวกเขาสาบานว่าจะติดตามชายนักดาบไม่ว่าเป็นหรือตาย ก่อนจะดับกองไฟ แล้วพากับหยิบอาวุธป้องกันตัวขึ้นมา สั่งให้เขานำทางมุ่งหน้าไปสนับสนุนชายนักดาบคนนั้น ถึงแม้ตายก็ต้องตายด้วยกัน เช่นนี้ถึงจะคุ้มกับคุณธรรมที่ชายนักดาบอุทิศให้ทุกคน

 

 

อย่างน้อยชายนักดาบยังมีดาบทองแดงเล่มหนึ่ง แต่อาวุธในมือของชาวนาพวกนี้มีเพียงจอบที่ใช้กระบองไม้มัดกับก้อนหิน ทำร้ายเกล็ดแข็งแรงเหมือนเสื้อเกราะที่ร้อยมาจากห่วงเหล็กของงูยักษ์ไม่ได้อยู่แล้ว ถึงไปก็เท่ากับถวายอาหารสำรองในฤดูหนาวให้งูยักษ์

 

 

ชาวนานำทางร้องโอดโอยในใจ แต่ทุกคนอยากไปช่วยชายนักดาบ ถ้าเขาไม่ไป จะไม่บ่งบอกว่าเขากลัวตายหรอกเหรอ? แม้เขาจะเป็นชาวนา แต่ก็รู้ว่าบุญคุณต้องทดแทน ยอมตายแต่ไม่ยอมให้คนอื่นดูถูก

 

 

ช่างมัน!

 

 

เขากัดฟันตัดสินใจ อย่างมากก็มอบชีวิตคืนให้ชายนักดาบ

 

 

เขาจึงรีบนำชาวนาคนอื่นๆ ไปหาชายนักดาบที่อยู่ไกลออกไปทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด