Pet King นักล่าสัตว์เลี้ยง 1640 เริ่มจากศูนย์

Now you are reading Pet King นักล่าสัตว์เลี้ยง Chapter 1640 เริ่มจากศูนย์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตัวอย่างพฤติกรรมฝังใจอันโดดเด่นก็คือ นกสัตว์เลี้ยงต้องเลี้ยงให้สนิทกับคน และต้องเลี้ยงตั้งแต่เล็ก แถมขังอยู่ในกรงตลอดไม่ได้ด้วย เจ้าของต้องเริ่มให้นมพวกมันแทนที่แม่ของพวกมันตั้งแต่ยังเป็นลูกนก กอบมันเล่นอยู่ในมือ ให้ลูกนกเสริมสร้างความประทับใจในตัวเจ้าของจากการสัมผัสมือเท้าและร่างกาย รวมถึงการสื่อสารทางภาษา เลี้ยงนกด้วยมือแบบนี้จนโตจะสนิทกับนกที่ถูกขังอยู่ในกรงมากกว่า ถึงขนาดเลี้ยงแบบปล่อยในบ้านได้เหมือนแมวเลยทีเดียว 

 

 

เลี้ยงนกด้วยมือไม่ใช่งานง่ายๆ ลูกสัตว์หรือลูกนกชนิดไหนก็ต้องกินในปริมาณน้อยแต่กินหลายๆ มื้อทั้งนั้น หมายความว่าอย่างน้อยตอนกลางวันเจ้าของร้านต้องให้นมลูกนกสี่ถึงห้าครั้ง ตอนที่ยังเล็กเกินไปยังต้องใช้เข็มใส่ท่ออ่อนใส่เข้าไปในปากนก จนกว่ามันจะดื่มนมจากช้อนได้เอง พอโตขึ้นอีกหน่อยก็เข้าสู่ช่วงเกลียดนมแล้วก็จะดื่มยาก 

 

 

ถ้าอยากเลี้ยงลูกแมวตัวหนึ่งตั้งแต่ยังเล็ก โดยเฉพาะลูกแมวที่ยังอายุไม่ถึงหนึ่งเดือนและยังไม่หย่านม ลำบากยิ่งกว่าเลี้ยงลูกนกเสียอีก เพราะอย่างไรนกก็ต้องหยุดพักตอนกลางคืน แต่ตอนกลางคืนลูกแมวกลับยิ่งมีชีวิตชีวา บางครั้งต้องให้นมยี่สิบครั้งในหนึ่งวัน 

 

 

ที่สำคัญที่สุดคือ ไม่มีหลักฐานแน่ชัดบ่งบอกว่าแมวมีพฤติกรรมฝังใจ และไม่มีหลักฐานบอกลูกแมวที่เลี้ยงตั้งแต่เล็กจะสนิทกับคนมากกว่าลูกแมวที่อายุสามสี่เดือน ไม่ว่าอย่างไรเวลามันอยากเมินเฉยก็ต้องเมินเฉย… 

 

 

เสี่ยวหวางกับเถียนเถียนฟังแล้วก็อดท้อใจไม่ได้ นี่ไม่เหมือนกับที่พวกเขาจินตนาการไว้โดยสิ้นเชิง ทีแรกตั้งความหวังไว้สูงมาก แต่ความจริงกลับตบหน้าพวกเขาจนหูอื้อ 

 

 

“หรือว่า…เลี้ยงหมาดีกว่า?” เสี่ยวหวางเสนอ 

 

 

เถียนเถียนกลับใช้ความรู้สึกของหญิงสาว ถามด้วยความกระวนกระวายว่า “เจ้าของร้านจางคะ คุณบอกว่าไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด หมายความว่ายังไม่แน่นอนใช่ไหมคะ” 

 

 

มุมมองนี้เจ้าเล่ห์มาก จางจื่ออันก็ทำได้แค่ยอมรับ “ยังไม่แน่นอนก็จริง เพราะผู้คนไม่รู้ว่าในหัวของแมวกำลังคิดอะไร ไม่ว่าเลี้ยงตั้งแต่เล็กจนโต หรือรับเลี้ยงกลางคัน แมวเมินคุณก็เป็นเรื่องปกติ และถึงแม้ชอบคุณก็อาจจะไม่แสดงออกมา ดังนั้นถึงเป็นนักวิทยาศาสตร์ก็ยังจนใจ” 

 

 

“แต่ตอนแมวยังเด็กติดคนจริงๆ ส่วนโตแล้วก็ไม่แน่” เขาเสริม 

 

 

จ้าวฉีพูดแทรก “หลานหลานของฉันยังชอบฉันมากเหมือนเดิม ฉันรู้สึกได้” 

 

 

เสี่ยวหวางกับเถียนเถียนพึมพำปรึกษากันด้วยความลำบากใจพักหนึ่ง ตอนนี้ยังไม่มีความเห็นที่เป็นเอกฉันท์ 

 

 

ตอนนี้เอง หลู่อี๋อวิ๋นก็นำนมแพะที่อุณหภูมิเหมาะสมกลับมาแล้ว เธอไม่แน่ใจว่าลูกแมวดูดนมได้เองไหม นอกจากขวดนมแล้ว เธอยังนำหลอดเข็มฉีดยามาด้วย 

 

 

เสี่ยวหวางกับเถียนเถียนเพิ่งจะพบ ว่ากล่องรองเท้าบนเคาน์เตอร์เก็บเงินกล่องนั้นไม่ได้ทิ้งไว้เรื่อยเปื่อย คิดไม่ถึงว่าข้างในยังมีลูกแมวที่สงบเสงี่ยมอยู่ตัวหนึ่ง 

 

 

ไม่ว่าโตแล้วหน้าตาน่าเกลียดแค่ไหน ลูกสัตว์ตอนเด็กส่วนใหญ่ก็น่ารักมากทั้งนั้น โทษไม่ได้หรอกที่หลายๆ คนอยากเลี้ยงสัตว์เลี้ยงตั้งแต่มันยังเล็ก เพื่อเก็บช่วงเวลาวัยเด็กที่ผ่านไปแล้วไม่ย้อนคืนกลับมาเอาไว้ ถึงรู้ดีว่าเลี้ยงตั้งแต่เล็กแล้วต้องเหนื่อยมาก แต่กลับยังแย่งกันตามหา 

 

 

จ้าวฉีที่มีแมวแล้วตาเป็นประกายทั้งสองข้าง เธอก็เพิ่งเคยเห็นลูกแมวที่เด็กขนาดนี้เป็นครั้งแรก ทั้งยังน่ารักน่าทะนุถนอมขนาดนี้ กระตุ้นความเป็นแม่และความต้องการอยากปกป้องของเธอขึ้นมาอย่างไม่มีขีดจำกัด 

 

 

“เหมือนขนมปังคัสตาร์ดไหม” 

 

 

คำพูดเดียวของเถียนเถียนบ่งบอกนิสัยกินเก่งของเธอแล้ว แต่ก็คล้ายอยู่หลายส่วนจริงๆ สีสันของลูกแมวส้มตัวนี้จางมาก ใกล้เคียงกับสีน้ำตาลอ่อน สงบเสงี่ยมมาก ตอนที่ทุกคนคุยกันก็ไม่กล้าส่งเสียงดังสักแอะ จนกระทั่งได้กลิ่นนมแพะในขวดนมถึงจะร้องเมี๊ยวๆ เสียงเบาขึ้นมาสองเสียง 

 

 

“น่ารักจริงๆ!” 

 

 

จ้าวฉีถือโอกาสตอนให้มันดื่มนม เอื้อมมือไปลูบมัน จากนั้นก็ถามอย่างประหลาดใจว่า “เอ๋? ในร้านของคุณมีแมวส้มแบบนี้ได้ยังไง แม่ของมันล่ะ?” 

 

 

“มันเป็นแมวที่ผมเก็บกลับมาตอนเพิ่งเปิดร้านเมื่อเช้า มีคนมาทิ้งมันไว้ที่หน้าร้าน” จางจื่ออันอธิบายง่ายๆ 

 

 

“อืม…งั้นคุณคิดจะทำยังไง” จ้าวฉีถามอีก “ดูแลแมวที่เด็กขนาดนี้ยุ่งยากมากไม่ใช่เหรอ” 

 

 

“ใช่ ตอนนี้ก็ต้องเลี้ยงไปก่อนแหละ ไม่มีทางอื่น ยุ่งยากก็แค่เดือนแรกนั่นแหละ หลังจากนั้นดื่มนมและกินอาหารได้เองแล้ว ถึงตอนนั้นดูว่าใครอยากเลี้ยงก็ให้คนนั้นไป…ไม่มีใครเอาก็ค่อยว่ากัน” เขาตอบตามความจริง 

 

 

จ้าวฉีคว้าโอกาสไว้ แล้วยุเสี่ยวหวางกับเถียนเถียนว่า “เป็นยังไง? หรือพวกคุณจะเลี้ยง? ลูกแมวตัวนี้น่ารักมาก เลี้ยงไปแล้วอาจจะคุ้นเคยกันก็ได้ ทีแรกก็คงลำบากหน่อย…แต่ไม่เป็นไร ถือว่าฝึกฝนเพื่อดูแลลูกน้อยในอนาคตไง” 

 

 

คู่รักหน้าแดงระเรื่อ แม้พวกเขาจะอยู่บ้านเดียวกันแล้ว แต่ไม่ได้คิดไปไกลถึงขั้นนั้น อีกอย่างความจริงพวกเขาใจอ่อนแล้ว พวกเขาอยากเลี้ยงลูกแมวตัวหนึ่ง แต่เห็นว่าลูกแมวในร้านขายสัตว์เลี้ยงพวกนี้โตเกินไป อยากหาลูกแมวที่พวกเขาคาดหวังไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น ลูกแมวส้มตัวนี้เหมือนจะเหมาะสมทีเดียว แถมมันก็น่ารัก ไม่ต้องเสียเงิน รู้สึกว่าพลาดโอกาสครั้งนี้ไปแล้วคงจะไม่ได้เจออีก 

 

 

พวกเขาสบตากันครั้งหนึ่ง หลังจากแลกเปลี่ยนสายตากันแล้ว สุดท้ายเถียนเถียนก็ยื่นข้อเสนอให้จางจื่ออันว่า “งั้น…พวกเราอยากเลี้ยงแมวตัวนี้ ได้ไหมคะ” 

 

 

จางจื่ออันเป็นห่วงมือใหม่ด้านการเลี้ยงแมวอย่างพวกเขาสองคน ให้คนที่ไม่เคยเลี้ยงแมวมาเลี้ยงแมวเด็กขนาดนี้ทันที จะเลี้ยงรอดไหมนะ 

 

 

จ้าวฉีรับประกันแทนพวกเขาราวกับจะดูแลทุกอย่างเอง “พวกเขาถนัดเรื่องเรียนรู้ไวนะคะ แถมมีความรับผิดชอบด้วย ฉันจะเจียดเวลาสอนพวกเขาว่าเลี้ยงแมวยังไง คุณไม่ต้องกังวลนั่นนี่หรอก” 

 

 

เถียนเถียนก็พูดเสริมอย่างกระตือรือร้น “ฉันทำหน้าที่ขนส่งจัดการโกดัง ปกติค่อนข้างว่าง มีห้องทำงานเป็นของตัวเอง แอบพามันไปทำงานได้ค่ะ ไม่ค่อยมีใครสนใจ ถ้ามันไม่หิว มันก็ไม่ร้องเท่าไร คนอื่นไม่มีทางรู้หรอกค่ะ” 

 

 

จางจื่ออันดูออกว่าคู่รักคู่นี้ค่อนข้างมั่นคง ไม่ใช่คนที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าใจร้อน ดูจากการแต่งตัวแล้วไม่ใช่พวกชอบใช้เงินเดือนหมดก่อนที่เงินเดือนครั้งต่อไปจะออกเหมือนจ้าวฉี นี่บ่งบอกว่าพวกเขาวางแผนการใช้ชีวิตได้อย่างดี อดกลั้นการใช้เงินสนองความต้องการของตัวเองได้ แน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดคำพูดนี้กับจ้าวฉี ไม่อย่างนั้นเธอต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่ แล้วบอกว่าฉันหาเงินมาได้เองก็อยากใช้ ไปเกี่ยวกับใครที่ไหน? 

 

 

เขาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วพนักหน้า “งั้นก็ได้ แต่อย่างน้อยต้องมีคนหนึ่งอยู่ที่นี่ในวันนี้ เพื่อเรียนรู้การดูแลลูกแมว” 

 

 

“พวกเราจะอยู่ทั้งสองคนเลยค่ะ ถึงยังไงวันนี้ก็ไม่มีธุระอะไร” เถียนเถียนดีอกดีใจ ตอบตกลงทันที “เรียกมันว่าไหน่หวงเปา (ขนมปังคัสตาร์ด) แล้วกัน!” 

 

 

เสี่ยวหวางเหมือนอยากพูดแต่ก็ต้องหยุด ถึงอย่างไรผู้ชายก็อยากขลุกอยู่ในบ้านเล่นเกมและดูฟุตบอลในช่วงสุดสัปดาห์ แต่นึกขึ้นได้ว่าตัวเองทำให้แฟนสาวโกรธ จึงกลั้นใจไม่พูดออกไปดีกว่า จะได้ไม่หาเรื่องใส่ตัวแล้วยังต้องง้อแฟนสาวอีก อย่างนั้นเวลาว่างของวันหยุดสุดสัปดาห์ครั้งหน้าก็ต้องหมดสิ้นแล้ว… 

 

 

จางจื่ออันแค่ทำเป็นไม่เห็นสีหน้าว้าวุ่นของเขา ระหว่างดูแลลูกแมวกับดูแลผู้บริโภคสองคนที่ไม่ได้ซื้อของที่ร้าน เขาทำได้แค่เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง 

 

 

เขาขยิบตาให้หลู่อี๋อวิ๋นครั้งหนึ่ง ความหมายคือให้เธอส่งขวดนมในมือให้พวกเขา แล้วเริ่มสอนพวกเขาจากศูนย์ 

 

 

ตามหลักการแล้ว ตอนนี้จ้าวฉีไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อแล้ว ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เธอที่ต้องเรียนรู้ว่าจะดูแลลูกแมวอย่างไร แต่เธอยังไม่ไป ทว่าสังเกตพวกลูกแมวที่กำลังกินข้าวกลางวัน เหมือนยังมีธุระอื่นอีก 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด