ความลับแห่งจินเหลียนตอนพิเศษ 7 ผ้าไหมสี่เหลี่ยมครึ่งผืน

Now you are reading ความลับแห่งจินเหลียน Chapter ตอนพิเศษ 7 ผ้าไหมสี่เหลี่ยมครึ่งผืน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พอซีเหมินเวิ่นเสว่ตื่นขึ้นมาอีกที ภายในห้องพักหรูหราของโรงแรม หน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดานทางด้านทิศตะวันตกกลายเป็นสีทองอร่าม บอกเวลาว่าเย็นมากแล้ว

 

 

ดูเวลาก็ประมาณห้าโมงเย็นแล้ว ไอ้หูชีเยี่ยน…ซีเหมินเวิ่นเสว่คิดอย่างแค้นเคืองในใจ รอจับเขาได้ก่อน จะถลกหนังมันออก ลูบศีรษะที่ยังมีอาการมึนเวียนเล็กน้อย เขาพลันเดินเข้าไปในห้องน้ำ อาบน้ำด้วยน้ำเย็น จึงรู้สึกดีขึ้น หลังจากนั้นก็ออกจากห้อง ไม่ต้องคิดเขาก็รู้ว่า ที่หูชีเยี่ยนวางยาสลบเขา ก็เพื่อไปพนันหิน

 

 

ตามคาด ซีเหมินเวิ่นเสว่ไปสืบที่ถนนเฟ่ยชุ่ยแล้วโกรธจนสีหน้าเปลี่ยนไป จากที่คนอื่นอธิบาย วันนี้ที่เจียหยางมีเด็กหนุ่มที่แซ่สือ แทบจะเรียกได้ว่ากวาดล้างตลาดพนันหินในถนนเฟ่ยชุ่ย ทั้งยังมือขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ค่าตัวของเขาสูงถึงร้อยล้านภายในวันเดียว

 

 

“สมควรตาย สมควรตายจริงๆ” ซีเหมินเวิ่นเสว่ก่นด่าอย่างเดือดดาล

 

 

ตอนนี้หูชีเยี่ยนกลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในถนนเฟ่ยชุ่ยแห่งเจียหยางไปแล้ว ซีเหมินเวิ่นเสว่หาเขาเจอโดยแทบจะไม่ต้องเปลืองแรง เขาลากหูชีเยี่ยนกลับโรงแรมโดยไม่สนใจสายตาที่มองอย่างแปลกประหลาดของทุกคน ปิดประตูแล้วทุ่มตัวเขาลงโซฟาอย่างแรง พลันถามว่า “นายควรให้เหตุผลที่ฟังขึ้นจะดีที่สุด”

 

 

“ฉันคิดว่านายจะตื่นตอนกลางคืน เลยยังไม่ได้แต่งคำโกหก” หูชีเยี่ยนเพียงยิ้ม หลังจากนั้นเขากลับยังพูดอย่างไร้ยางอายที่สุด “นายรอให้ฉันแต่งคำโกหกให้เสร็จก่อนค่อยถามได้มั้ย?”

 

 

“ไอ้สารเลว” ซีเหมินเวิ่นเสว่พูดอย่างเดือดดาล “ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ให้นายแตะต้องหิน นายกลับไม่ฟัง”

 

 

“นายตอบตกลงแล้วไม่ใช่เหรอ?” หูชีเยี่ยนเพียงยิ้ม

 

 

“ฉันตอบตกลงให้นายไปพนันแค่ครั้งเดียว เมื่อวานนายได้กำไรมาแปดสิบล้านแล้วไม่ใช่เหรอ เงินพวกนี้พอให้เราใช้ไปทั้งชีวิตแล้ว นายยังไม่รู้จักพอ ยังจะไปอีกเหรอ?” ซีเหมินเวิ่นเสว่ก่นด่า “นายไม่ห่วงชีวิตตัวเองเหรอ?”

 

 

“พนันหนึ่งครั้งหรือพนันสิบครั้งก็คือพนัน” หูชีเยี่ยนส่ายหน้าพูดพร้อมรอยยิ้ม “ก็มีครั้งแรกไปแล้ว จะเป็นไรไป? อีกอย่างคนเราสักวันก็ต้องตาย ตายช้าตายเร็วก็เหมือนกันนั่นแหละ”

 

 

“ซี้ซั้ว” ซีเหมินเวิ่นเสว่รู้ว่าเขาพูดไม่คิด แต่เขาเถียงไม่เคยชนะ เพราะแม้จะปฏิเสธ แต่ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร “ฉันไปซื้อตั๋วรถ ไปกันคืนนี้เลย”

 

 

“คืนนี้ฉันจะไปดูสินค้า” หูชีเยี่ยนเงยหน้าขึ้นพูด “ในเมื่อนายตื่นแล้ว ก็ไปด้วยกันเลย”

 

 

“หูชีเยี่ยน นายฟังฉันหน่อยไม่ได้เหรอ?” ซีเหมินเวิ่นเสว่พูดอย่างขัดเคืองใจ พลันกำหมัดแน่น เขาถึงขั้นเริ่มคิดว่าจะเอาเชือกหมัดเขาแล้วลากตัวไปเสียเลยหรือไม่?

 

 

“ฉันเองก็เรียนรู้แล้วว่าโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน” หูชีเยี่ยนยืนขึ้นพูดอย่างจริงจัง “ถ้าในชีวิตมีเคราะห์กรรมที่หนีไม่พ้น วิธีเดียวที่ทำได้ก็คือพลิกผันชะตาฟ้าดิน ฉันอยากลอง เพราะฉะนั้นฉันต้องการเงิน ต้องการหินสวยๆ พวกนั้น…”

 

 

 

 

ซีเหมินเวิ่นเสว่ถอนหายใจ เขารู้ว่าถ้าเป็นเรื่องที่หูชีเยี่ยนตัดสินใจไปแล้ว ไม่ว่าใครก็อย่าคิดเปลี่ยนใจเขา นิสัยของเขาก็เหมือนชีวิตของเขา…สือโท่ว และยังเป็นหินในห้องน้ำที่ทั้งเหม็นทั้งแข็ง

 

 

ตอนเด็กๆ ถ้าทำอะไรผิด ยอมโดนตีให้ตายก็ไม่ยอมก้มหัวยอมรับผิด…น้าอวิ๋นยังไม่สามารถคุมเขาได้ แล้วนับประสาอะไรกับตน?

 

 

ช่างเถอะๆ ติดตามเขาไป ถ้าเขาเจออันตรายอะไร ตนก็ยังสามารถขวางกั้นให้เขาได้

 

 

“นายไปเอายาเบื่อมาจากไหน?” จู่ๆ ซีเหมินเวิ่นเสว่ก็ถามขึ้น

 

 

“ขโมยมาจากคุณท่าน” พูดถึงเรื่องนี้ หูชีเยี่ยนเข้าใจแล้วว่า ซีเหมินเวิ่นเสว่ไม่ห้ามแล้ว รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาทันที พลันพูดพร้อมรอยยิ้ม

 

 

“นายพูดมั่วซั่วอีกแล้ว คุณท่านจะทำยาแบบนี้มาทำไม?” ซีเหมินเวิ่นเสว่พูด

 

 

“ใครจะไปรู้ นายควรจะกลับไปถามเขา ไม่ใช่ฉัน” หูชีเยี่ยนสะบัดมืออย่างอันธพาลยิ่ง

 

 

ช่วงเวลาหลังจากนั้น หูชีเยี่ยนงานยุ่งจนผิดปกติ เริ่มพนันหินที่เจียหยาง หยางเหม่ย เถิงชง ผิงโจวและอื่นๆ เนื่องจากเขามือขึ้นเรื่อยๆ ชื่อเสียงพลันโด่งดังขึ้นในวงการนี้

 

 

แต่เขาดูทีเล่นทีจริง พูดความเท็จบ้างลวงบ้าง ไม่มีใครรู้เบื้องหลังของเขา เขาสามารถพนันได้หลายก้อนติด และสามารถผ่าสิบกว่าก้อนพร้อมกัน แล้วแพ้ทั้งหมด

 

 

หลังจากระดมเงินได้ก้อนโต ในการประมูลหยกที่พม่า เขายังซื้อหยกดิบจำนวนมากเอาไว้ ในตลาดสาธารณะหยกพม่าทำให้ทุกคนเห็นว่าเรื่องใหญ่ที่แท้จริงคืออะไร ทำให้ทุกคนได้เห็นคำว่าใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยอย่างแท้จริง

 

 

หลังจากการประมูลหยกจบลง เขาก็ไม่ได้กลับประเทศในทันที รู้ว่าที่เมืองมัณฑะเลย์ประเทศพม่าเป็นตลาดพนันหินที่ใหญ่ที่สุด ก็ปรึกษากับซีเหมินเวิ่นเสว่ว่าทั้งสองจะไปเมืองมัณฑะเลย์ประเทศพม่าด้วยกัน

 

 

เมืองมัณฑะเลย์ประเทศพม่าเหมือนเจียหยางและหยางเหม่ย แต่หยกดิบนั้นมากกว่า บ้านที่เตี้ยและทรุดโทรมเต็มไปด้วยหยกดิบหลากสี ทอดสายตามองไปแวบแรก ก็เห็นเป็นก้อนหินรูปร่างต่างๆ หยกดิบเหล่านี้ เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและคุณภาพก็แตกต่างกันออกไป

 

 

วนเวียนอยู่ในพม่าสองวัน จ้างชายชาวพม่าในพื้นที่เป็นล่าม ก็ถือว่าได้ผลเก็บเกี่ยวไม่น้อย หูชีเยี่ยนจึงให้ค่าจ้างที่สูงมาก

 

 

ชายชาวพม่าคนนี้ก็กระตือรือร้นมาก และเขาก็อยู่ในวงการนี้มานานมากแล้ว บ่ายวันนั้น เขาช่วยหูชีเยี่ยนติดต่อร้านหนึ่ง บอกว่ามีของเก่าแก่หลายชิ้นเปี่ยมคุณภาพ ให้เขาไปดู

 

 

เทศกาลไหว้พระจันทร์ อากาศเริ่มหนาวแล้ว หูชีเยี่ยนสวมเสื้อไหมสีฟ้า คลุมด้วยสูทสีเทาเงินแบบสบายๆ บวกกับกางเกงสไตล์เดียวกัน

 

 

ซีเหมินเวิ่นเสว่เห็นแล้วยิ้มพูด “ไม่เลว นายสูงส่งขึ้นเลยนะ”

 

 

“มีเงินแล้ว แน่นอนว่าฉันก็กินของดี ใส่ของดี ไม่อย่างนั้นฉันจะลำบากหางานไปทำไม?” หูชีเยี่ยนหัวเราะลั่น “ชีวิตคนเรามันสั้น เงินทองเป็นของนอกกาย ตายไปก็เอาไปไม่ได้ ใครจะรู้ว่าฉันจะตายตอนไหน เงินที่ฉันหามา ฉันใช้เองให้หมดดีกว่า” และเขาได้ทำงานตามหลักการนี้อย่างแท้จริง ซื้อเสื้อผ้าจากแบรนด์ดังระดับโลกและเลือกซื้อสินค้าที่ดีที่สุดทั้งนั้น

 

 

ในด้านอาหารการกิน ซีเหมินเวิ่นเสว่ได้แต่ยิ้มเศร้า เขาเลือกทานมาก เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะในหมู่บ้านก็ไม่มีอะไรให้ทาน

 

 

พอมาอยู่ข้างนอก ในวันธรรมดาวิ่งวุ่นไปทั่ว ได้เปิดวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล และในมือก็มีเงิน แน่นอนว่ายิ่งเลือกมาก ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่ซีเหมินเวิ่นเสว่คิดไม่ถึงคือ ไอ้หมอนี่ไม่ทานเผ็ด เขาแปลกใจตั้งแต่ตอนอยู่กว่างโจวแล้ว ลูกผู้ชายอกสามศอก วันๆ ทานแต่แตงโม ผอมจนเหลือแค่กระดูกแล้ว

 

 

สุดท้ายเขาถามแล้วจึงรู้ว่า ไอหมอนี่เกี่ยงว่าอาหารในร้านอาหารพวกนั้นเผ็ดเกินไป เขาไม่ชอบทาน แต่ก็จนปัญญาเพราะอาหารแถบกว่างโจวยูนนานค่อนไปทางเผ็ด สุดท้ายซีเหมินเวิ่นเสว่จนปัญญา ทำได้เพียงซื้อผักกลับมาทำอาหารให้เขาทานอย่างหลากหลาย…มิฉะนั้นไอ้หมอนี่ขี้เกียจมาก ยอมอดตายก็ไม่มีทางลงมือทำเอง

 

 

“ซี้ซั้ว” ซีเหมินเวิ่นเสว่ได้ยินแล้วรู้สึกเสียดหู พลันก่นด่าว่า “เมื่อไหร่นายจะพูดอะไรดีๆ อย่างจริงจังสักที?”

 

 

หูชีเยี่ยนยิ้ม ที่เขาพูดเป็นความจริง เปลี่ยนเรื่องพูดขึ้นว่า “คืนนี้กินอะไร?”

 

 

“คืนนี้กลับมาเคี้ยวซุปไก่ให้นาย” ซีเหมินเวิ่นเสว่ยิ้มพูด

 

 

“อื้ม” หูชีเยี่ยนพยักหน้าแล้วเดินออกไป พร้อมยิ้มพูด “ฝีมือของนายพัฒนาขึ้นแล้วนะ ในอนาคตถ้าฉันตายไป นายไม่ได้ทำงานกับฉันแล้ว ไปเป็นพ่อครัวในร้านอาหารสักร้าน ก็คงไม่อดตายหรอก”

 

 

“นายพูดอะไรที่มันน่าฟังหน่อยไม่ได้เหรอ?” ซีเหมินเวิ่นเสว่พูดอย่างขัดเคืองใจ

 

 

“นายเอาแต่เป็นห่วงว่าฉันจะตายก่อนเวลาอันควร ฉันเองก็ช่วยไม่ได้” หูชีเยี่ยนหัวเราะลั่น “ไปกันเถอะ ฉันจะไปดูสินค้า นายอย่าหน้าบูดหน้าบึ้งได้มั้ย?”

 

 

การดูสินค้าในช่วงบ่ายราบรื่นเป็นอย่างดี ชายพม่าคนนั้นไม่ได้หลอกพวกเขา เจ้าของสินค้านั่นไม่ใช่คนพม่า แต่เป็นคนจีน หลังจากได้ต่อรองราคากับเจ้าของสินค้า หูชีเยี่ยนก็ซื้อหยกดิบสามก้อนในราคาที่ต่ำกว่า ด้วยความช่วยเหลือของเจ้าของสินค้าและชายพม่า ซีเหมินเวิ่นเสว่ขนหยกดิบทั้งสามก้อนขึ้นรถตู้ที่ผ่านการแต่ง

 

 

หูชีเยี่ยนโทรไปให้ธนาคารทำการโอนเงิน ตอนที่รอทางธนาคารโอน กลับเห็นรถอีกคันขับเข้ามา คนชราในชุดคลุมสีน้ำเงินทะเลสาบเดินลงจากรถ เจ้าของสินค้ารีบทักอย่างเป็นกันเอง

 

 

เห็นได้ชัดว่า คนชราคนนั้นก็มาดูสินค้าและซื้อหยกดิบ เพราะชุดคลุมสีน้ำเงินทะเลสาบของเขา ทำให้หูชีเยี่ยนอดมองเขาไม่ได้ ในขณะเดียวกัน คนชราคนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะมองเขาอย่างพินิจแวบหนึ่ง

 

 

เพียงแต่หูชีเยี่ยนเพียงมองคนชราคนนั้นอย่างมีมารยาทปราดหนึ่ง ก็ผละสายตาออก แต่หลังจากคนชราคนนั้นมองเขาแวบหนึ่ง ก็จ้องเขาเขม็ง ถึงขั้นที่เจ้าของสินค้าทักทายเขา เขายังไม่ตอบ

 

 

หูชีเยี่ยนแปลกใจ หรือเมื่อครู่นี้ตอนที่ดูสินค้า หน้าเปื้อนอะไรเข้า พลันอดเอามือลูบหน้าไม่ได้ พอเห็นว่าคนชราคนนั้นยังคงมองเขา ก็อดยิ้มเยาะไม่ได้ “ตาแก่ นายมองฉันทำไม ฉันไม่ได้หลอกพาภรรยานายหนีนะ”

 

 

ทีแรกเขาไม่ได้จงใจท้าทาย ไม่คิดว่าคนชรานั่นจะเผยสีหน้าขึ้งโกรธ ง้างมือขึ้นฟาดหน้าเขาอย่างแรง

 

 

หูชีเยี่ยนไม่คิดไม่ฝันเลยว่า คนชราคนนี้จะลงมือตบหน้าโดยไม่พูดอะไร ระยะทั้งประชิด ทั้งกะทันหัน เขาจึงรับฝ่ามือนั่นไปเต็มๆ

 

 

ทันใดนั้น เสี้ยวหน้าของเขาแดงเป่งขึ้นมา รู้สึกในปากทั้งคาวและหวาน ยื่นมือไปจับ มุมปากก็แตกตามคาด คราบเลือดสีแดงเปื้อนมือ

 

 

คราวนี้ทั้งเจ้าของสินค้า ชายชาวพม่า รวมทั้งซีเหมินเวิ่นเสว่ต่างอึ้งงันอย่างไม่ต้องสงสัย

 

 

หลังจากตบหน้าหูชีเยี่ยนไปทีหนึ่ง คนชรานั่นก็เหมือนยังไม่คลายความชิงชัง ง้างมือขึ้นฟาดเข้าที่หน้าอีกข้างของเขา

 

 

ซีเหมินเวิ่นเสว่เห็นเช่นนี้ก็พุ่งปราดเข้าไปคว้าข้อมือของคนชราเอาไว้ หลังจากนั้นก็สะบัดอย่างแรง คนชราคนนั้นสู้เขาไม่ได้ จึงล้มลงพื้นไปทันที

 

 

หูชีเยี่ยนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เดินเข้าไปกระชากคอเสื้อคนชรา แล้วตบหน้าทั้งสองข้างของเขาไปสี่ห้าที อยากจะตบอีก แต่กลับรู้สึกเหมือนเท้าเหยียบใส่อะไรบางอย่าง

 

 

พลันก้มหน้าลงไปดู กลับเห็นเป็นผ้าไหมปักลายที่ฝั่งหนึ่งเริ่มเหลืองแล้ว รูปแบบดูคุ้นตาจนผิดปกติ

 

 

หูชีเยี่ยนแปลกใจ วางคนชราลงและก้มลงเก็บ ตอนที่คลี่ผ้าไหมผืนนั้นออก จึงเห็นว่าผ้าไหมผืนนั้นมีเพียงครึ่งผืน ถูกฉีกจากตรงกลาง ด้านบนปักลายรากบัวและปักลายเป็ดยวนยางเล่นน้ำ ห่อหนังแกะเก่าๆ ขาดๆ มวนหนึ่ง…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ความลับแห่งจินเหลียนตอนพิเศษ 7 ผ้าไหมสี่เหลี่ยมครึ่งผืน

Now you are reading ความลับแห่งจินเหลียน Chapter ตอนพิเศษ 7 ผ้าไหมสี่เหลี่ยมครึ่งผืน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พอซีเหมินเวิ่นเสว่ตื่นขึ้นมาอีกที ภายในห้องพักหรูหราของโรงแรม หน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดานทางด้านทิศตะวันตกกลายเป็นสีทองอร่าม บอกเวลาว่าเย็นมากแล้ว

 

 

ดูเวลาก็ประมาณห้าโมงเย็นแล้ว ไอ้หูชีเยี่ยน…ซีเหมินเวิ่นเสว่คิดอย่างแค้นเคืองในใจ รอจับเขาได้ก่อน จะถลกหนังมันออก ลูบศีรษะที่ยังมีอาการมึนเวียนเล็กน้อย เขาพลันเดินเข้าไปในห้องน้ำ อาบน้ำด้วยน้ำเย็น จึงรู้สึกดีขึ้น หลังจากนั้นก็ออกจากห้อง ไม่ต้องคิดเขาก็รู้ว่า ที่หูชีเยี่ยนวางยาสลบเขา ก็เพื่อไปพนันหิน

 

 

ตามคาด ซีเหมินเวิ่นเสว่ไปสืบที่ถนนเฟ่ยชุ่ยแล้วโกรธจนสีหน้าเปลี่ยนไป จากที่คนอื่นอธิบาย วันนี้ที่เจียหยางมีเด็กหนุ่มที่แซ่สือ แทบจะเรียกได้ว่ากวาดล้างตลาดพนันหินในถนนเฟ่ยชุ่ย ทั้งยังมือขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ค่าตัวของเขาสูงถึงร้อยล้านภายในวันเดียว

 

 

“สมควรตาย สมควรตายจริงๆ” ซีเหมินเวิ่นเสว่ก่นด่าอย่างเดือดดาล

 

 

ตอนนี้หูชีเยี่ยนกลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในถนนเฟ่ยชุ่ยแห่งเจียหยางไปแล้ว ซีเหมินเวิ่นเสว่หาเขาเจอโดยแทบจะไม่ต้องเปลืองแรง เขาลากหูชีเยี่ยนกลับโรงแรมโดยไม่สนใจสายตาที่มองอย่างแปลกประหลาดของทุกคน ปิดประตูแล้วทุ่มตัวเขาลงโซฟาอย่างแรง พลันถามว่า “นายควรให้เหตุผลที่ฟังขึ้นจะดีที่สุด”

 

 

“ฉันคิดว่านายจะตื่นตอนกลางคืน เลยยังไม่ได้แต่งคำโกหก” หูชีเยี่ยนเพียงยิ้ม หลังจากนั้นเขากลับยังพูดอย่างไร้ยางอายที่สุด “นายรอให้ฉันแต่งคำโกหกให้เสร็จก่อนค่อยถามได้มั้ย?”

 

 

“ไอ้สารเลว” ซีเหมินเวิ่นเสว่พูดอย่างเดือดดาล “ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ให้นายแตะต้องหิน นายกลับไม่ฟัง”

 

 

“นายตอบตกลงแล้วไม่ใช่เหรอ?” หูชีเยี่ยนเพียงยิ้ม

 

 

“ฉันตอบตกลงให้นายไปพนันแค่ครั้งเดียว เมื่อวานนายได้กำไรมาแปดสิบล้านแล้วไม่ใช่เหรอ เงินพวกนี้พอให้เราใช้ไปทั้งชีวิตแล้ว นายยังไม่รู้จักพอ ยังจะไปอีกเหรอ?” ซีเหมินเวิ่นเสว่ก่นด่า “นายไม่ห่วงชีวิตตัวเองเหรอ?”

 

 

“พนันหนึ่งครั้งหรือพนันสิบครั้งก็คือพนัน” หูชีเยี่ยนส่ายหน้าพูดพร้อมรอยยิ้ม “ก็มีครั้งแรกไปแล้ว จะเป็นไรไป? อีกอย่างคนเราสักวันก็ต้องตาย ตายช้าตายเร็วก็เหมือนกันนั่นแหละ”

 

 

“ซี้ซั้ว” ซีเหมินเวิ่นเสว่รู้ว่าเขาพูดไม่คิด แต่เขาเถียงไม่เคยชนะ เพราะแม้จะปฏิเสธ แต่ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร “ฉันไปซื้อตั๋วรถ ไปกันคืนนี้เลย”

 

 

“คืนนี้ฉันจะไปดูสินค้า” หูชีเยี่ยนเงยหน้าขึ้นพูด “ในเมื่อนายตื่นแล้ว ก็ไปด้วยกันเลย”

 

 

“หูชีเยี่ยน นายฟังฉันหน่อยไม่ได้เหรอ?” ซีเหมินเวิ่นเสว่พูดอย่างขัดเคืองใจ พลันกำหมัดแน่น เขาถึงขั้นเริ่มคิดว่าจะเอาเชือกหมัดเขาแล้วลากตัวไปเสียเลยหรือไม่?

 

 

“ฉันเองก็เรียนรู้แล้วว่าโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน” หูชีเยี่ยนยืนขึ้นพูดอย่างจริงจัง “ถ้าในชีวิตมีเคราะห์กรรมที่หนีไม่พ้น วิธีเดียวที่ทำได้ก็คือพลิกผันชะตาฟ้าดิน ฉันอยากลอง เพราะฉะนั้นฉันต้องการเงิน ต้องการหินสวยๆ พวกนั้น…”

 

 

 

 

ซีเหมินเวิ่นเสว่ถอนหายใจ เขารู้ว่าถ้าเป็นเรื่องที่หูชีเยี่ยนตัดสินใจไปแล้ว ไม่ว่าใครก็อย่าคิดเปลี่ยนใจเขา นิสัยของเขาก็เหมือนชีวิตของเขา…สือโท่ว และยังเป็นหินในห้องน้ำที่ทั้งเหม็นทั้งแข็ง

 

 

ตอนเด็กๆ ถ้าทำอะไรผิด ยอมโดนตีให้ตายก็ไม่ยอมก้มหัวยอมรับผิด…น้าอวิ๋นยังไม่สามารถคุมเขาได้ แล้วนับประสาอะไรกับตน?

 

 

ช่างเถอะๆ ติดตามเขาไป ถ้าเขาเจออันตรายอะไร ตนก็ยังสามารถขวางกั้นให้เขาได้

 

 

“นายไปเอายาเบื่อมาจากไหน?” จู่ๆ ซีเหมินเวิ่นเสว่ก็ถามขึ้น

 

 

“ขโมยมาจากคุณท่าน” พูดถึงเรื่องนี้ หูชีเยี่ยนเข้าใจแล้วว่า ซีเหมินเวิ่นเสว่ไม่ห้ามแล้ว รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาทันที พลันพูดพร้อมรอยยิ้ม

 

 

“นายพูดมั่วซั่วอีกแล้ว คุณท่านจะทำยาแบบนี้มาทำไม?” ซีเหมินเวิ่นเสว่พูด

 

 

“ใครจะไปรู้ นายควรจะกลับไปถามเขา ไม่ใช่ฉัน” หูชีเยี่ยนสะบัดมืออย่างอันธพาลยิ่ง

 

 

ช่วงเวลาหลังจากนั้น หูชีเยี่ยนงานยุ่งจนผิดปกติ เริ่มพนันหินที่เจียหยาง หยางเหม่ย เถิงชง ผิงโจวและอื่นๆ เนื่องจากเขามือขึ้นเรื่อยๆ ชื่อเสียงพลันโด่งดังขึ้นในวงการนี้

 

 

แต่เขาดูทีเล่นทีจริง พูดความเท็จบ้างลวงบ้าง ไม่มีใครรู้เบื้องหลังของเขา เขาสามารถพนันได้หลายก้อนติด และสามารถผ่าสิบกว่าก้อนพร้อมกัน แล้วแพ้ทั้งหมด

 

 

หลังจากระดมเงินได้ก้อนโต ในการประมูลหยกที่พม่า เขายังซื้อหยกดิบจำนวนมากเอาไว้ ในตลาดสาธารณะหยกพม่าทำให้ทุกคนเห็นว่าเรื่องใหญ่ที่แท้จริงคืออะไร ทำให้ทุกคนได้เห็นคำว่าใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยอย่างแท้จริง

 

 

หลังจากการประมูลหยกจบลง เขาก็ไม่ได้กลับประเทศในทันที รู้ว่าที่เมืองมัณฑะเลย์ประเทศพม่าเป็นตลาดพนันหินที่ใหญ่ที่สุด ก็ปรึกษากับซีเหมินเวิ่นเสว่ว่าทั้งสองจะไปเมืองมัณฑะเลย์ประเทศพม่าด้วยกัน

 

 

เมืองมัณฑะเลย์ประเทศพม่าเหมือนเจียหยางและหยางเหม่ย แต่หยกดิบนั้นมากกว่า บ้านที่เตี้ยและทรุดโทรมเต็มไปด้วยหยกดิบหลากสี ทอดสายตามองไปแวบแรก ก็เห็นเป็นก้อนหินรูปร่างต่างๆ หยกดิบเหล่านี้ เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและคุณภาพก็แตกต่างกันออกไป

 

 

วนเวียนอยู่ในพม่าสองวัน จ้างชายชาวพม่าในพื้นที่เป็นล่าม ก็ถือว่าได้ผลเก็บเกี่ยวไม่น้อย หูชีเยี่ยนจึงให้ค่าจ้างที่สูงมาก

 

 

ชายชาวพม่าคนนี้ก็กระตือรือร้นมาก และเขาก็อยู่ในวงการนี้มานานมากแล้ว บ่ายวันนั้น เขาช่วยหูชีเยี่ยนติดต่อร้านหนึ่ง บอกว่ามีของเก่าแก่หลายชิ้นเปี่ยมคุณภาพ ให้เขาไปดู

 

 

เทศกาลไหว้พระจันทร์ อากาศเริ่มหนาวแล้ว หูชีเยี่ยนสวมเสื้อไหมสีฟ้า คลุมด้วยสูทสีเทาเงินแบบสบายๆ บวกกับกางเกงสไตล์เดียวกัน

 

 

ซีเหมินเวิ่นเสว่เห็นแล้วยิ้มพูด “ไม่เลว นายสูงส่งขึ้นเลยนะ”

 

 

“มีเงินแล้ว แน่นอนว่าฉันก็กินของดี ใส่ของดี ไม่อย่างนั้นฉันจะลำบากหางานไปทำไม?” หูชีเยี่ยนหัวเราะลั่น “ชีวิตคนเรามันสั้น เงินทองเป็นของนอกกาย ตายไปก็เอาไปไม่ได้ ใครจะรู้ว่าฉันจะตายตอนไหน เงินที่ฉันหามา ฉันใช้เองให้หมดดีกว่า” และเขาได้ทำงานตามหลักการนี้อย่างแท้จริง ซื้อเสื้อผ้าจากแบรนด์ดังระดับโลกและเลือกซื้อสินค้าที่ดีที่สุดทั้งนั้น

 

 

ในด้านอาหารการกิน ซีเหมินเวิ่นเสว่ได้แต่ยิ้มเศร้า เขาเลือกทานมาก เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะในหมู่บ้านก็ไม่มีอะไรให้ทาน

 

 

พอมาอยู่ข้างนอก ในวันธรรมดาวิ่งวุ่นไปทั่ว ได้เปิดวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล และในมือก็มีเงิน แน่นอนว่ายิ่งเลือกมาก ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่ซีเหมินเวิ่นเสว่คิดไม่ถึงคือ ไอ้หมอนี่ไม่ทานเผ็ด เขาแปลกใจตั้งแต่ตอนอยู่กว่างโจวแล้ว ลูกผู้ชายอกสามศอก วันๆ ทานแต่แตงโม ผอมจนเหลือแค่กระดูกแล้ว

 

 

สุดท้ายเขาถามแล้วจึงรู้ว่า ไอหมอนี่เกี่ยงว่าอาหารในร้านอาหารพวกนั้นเผ็ดเกินไป เขาไม่ชอบทาน แต่ก็จนปัญญาเพราะอาหารแถบกว่างโจวยูนนานค่อนไปทางเผ็ด สุดท้ายซีเหมินเวิ่นเสว่จนปัญญา ทำได้เพียงซื้อผักกลับมาทำอาหารให้เขาทานอย่างหลากหลาย…มิฉะนั้นไอ้หมอนี่ขี้เกียจมาก ยอมอดตายก็ไม่มีทางลงมือทำเอง

 

 

“ซี้ซั้ว” ซีเหมินเวิ่นเสว่ได้ยินแล้วรู้สึกเสียดหู พลันก่นด่าว่า “เมื่อไหร่นายจะพูดอะไรดีๆ อย่างจริงจังสักที?”

 

 

หูชีเยี่ยนยิ้ม ที่เขาพูดเป็นความจริง เปลี่ยนเรื่องพูดขึ้นว่า “คืนนี้กินอะไร?”

 

 

“คืนนี้กลับมาเคี้ยวซุปไก่ให้นาย” ซีเหมินเวิ่นเสว่ยิ้มพูด

 

 

“อื้ม” หูชีเยี่ยนพยักหน้าแล้วเดินออกไป พร้อมยิ้มพูด “ฝีมือของนายพัฒนาขึ้นแล้วนะ ในอนาคตถ้าฉันตายไป นายไม่ได้ทำงานกับฉันแล้ว ไปเป็นพ่อครัวในร้านอาหารสักร้าน ก็คงไม่อดตายหรอก”

 

 

“นายพูดอะไรที่มันน่าฟังหน่อยไม่ได้เหรอ?” ซีเหมินเวิ่นเสว่พูดอย่างขัดเคืองใจ

 

 

“นายเอาแต่เป็นห่วงว่าฉันจะตายก่อนเวลาอันควร ฉันเองก็ช่วยไม่ได้” หูชีเยี่ยนหัวเราะลั่น “ไปกันเถอะ ฉันจะไปดูสินค้า นายอย่าหน้าบูดหน้าบึ้งได้มั้ย?”

 

 

การดูสินค้าในช่วงบ่ายราบรื่นเป็นอย่างดี ชายพม่าคนนั้นไม่ได้หลอกพวกเขา เจ้าของสินค้านั่นไม่ใช่คนพม่า แต่เป็นคนจีน หลังจากได้ต่อรองราคากับเจ้าของสินค้า หูชีเยี่ยนก็ซื้อหยกดิบสามก้อนในราคาที่ต่ำกว่า ด้วยความช่วยเหลือของเจ้าของสินค้าและชายพม่า ซีเหมินเวิ่นเสว่ขนหยกดิบทั้งสามก้อนขึ้นรถตู้ที่ผ่านการแต่ง

 

 

หูชีเยี่ยนโทรไปให้ธนาคารทำการโอนเงิน ตอนที่รอทางธนาคารโอน กลับเห็นรถอีกคันขับเข้ามา คนชราในชุดคลุมสีน้ำเงินทะเลสาบเดินลงจากรถ เจ้าของสินค้ารีบทักอย่างเป็นกันเอง

 

 

เห็นได้ชัดว่า คนชราคนนั้นก็มาดูสินค้าและซื้อหยกดิบ เพราะชุดคลุมสีน้ำเงินทะเลสาบของเขา ทำให้หูชีเยี่ยนอดมองเขาไม่ได้ ในขณะเดียวกัน คนชราคนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะมองเขาอย่างพินิจแวบหนึ่ง

 

 

เพียงแต่หูชีเยี่ยนเพียงมองคนชราคนนั้นอย่างมีมารยาทปราดหนึ่ง ก็ผละสายตาออก แต่หลังจากคนชราคนนั้นมองเขาแวบหนึ่ง ก็จ้องเขาเขม็ง ถึงขั้นที่เจ้าของสินค้าทักทายเขา เขายังไม่ตอบ

 

 

หูชีเยี่ยนแปลกใจ หรือเมื่อครู่นี้ตอนที่ดูสินค้า หน้าเปื้อนอะไรเข้า พลันอดเอามือลูบหน้าไม่ได้ พอเห็นว่าคนชราคนนั้นยังคงมองเขา ก็อดยิ้มเยาะไม่ได้ “ตาแก่ นายมองฉันทำไม ฉันไม่ได้หลอกพาภรรยานายหนีนะ”

 

 

ทีแรกเขาไม่ได้จงใจท้าทาย ไม่คิดว่าคนชรานั่นจะเผยสีหน้าขึ้งโกรธ ง้างมือขึ้นฟาดหน้าเขาอย่างแรง

 

 

หูชีเยี่ยนไม่คิดไม่ฝันเลยว่า คนชราคนนี้จะลงมือตบหน้าโดยไม่พูดอะไร ระยะทั้งประชิด ทั้งกะทันหัน เขาจึงรับฝ่ามือนั่นไปเต็มๆ

 

 

ทันใดนั้น เสี้ยวหน้าของเขาแดงเป่งขึ้นมา รู้สึกในปากทั้งคาวและหวาน ยื่นมือไปจับ มุมปากก็แตกตามคาด คราบเลือดสีแดงเปื้อนมือ

 

 

คราวนี้ทั้งเจ้าของสินค้า ชายชาวพม่า รวมทั้งซีเหมินเวิ่นเสว่ต่างอึ้งงันอย่างไม่ต้องสงสัย

 

 

หลังจากตบหน้าหูชีเยี่ยนไปทีหนึ่ง คนชรานั่นก็เหมือนยังไม่คลายความชิงชัง ง้างมือขึ้นฟาดเข้าที่หน้าอีกข้างของเขา

 

 

ซีเหมินเวิ่นเสว่เห็นเช่นนี้ก็พุ่งปราดเข้าไปคว้าข้อมือของคนชราเอาไว้ หลังจากนั้นก็สะบัดอย่างแรง คนชราคนนั้นสู้เขาไม่ได้ จึงล้มลงพื้นไปทันที

 

 

หูชีเยี่ยนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เดินเข้าไปกระชากคอเสื้อคนชรา แล้วตบหน้าทั้งสองข้างของเขาไปสี่ห้าที อยากจะตบอีก แต่กลับรู้สึกเหมือนเท้าเหยียบใส่อะไรบางอย่าง

 

 

พลันก้มหน้าลงไปดู กลับเห็นเป็นผ้าไหมปักลายที่ฝั่งหนึ่งเริ่มเหลืองแล้ว รูปแบบดูคุ้นตาจนผิดปกติ

 

 

หูชีเยี่ยนแปลกใจ วางคนชราลงและก้มลงเก็บ ตอนที่คลี่ผ้าไหมผืนนั้นออก จึงเห็นว่าผ้าไหมผืนนั้นมีเพียงครึ่งผืน ถูกฉีกจากตรงกลาง ด้านบนปักลายรากบัวและปักลายเป็ดยวนยางเล่นน้ำ ห่อหนังแกะเก่าๆ ขาดๆ มวนหนึ่ง…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+