ความลับแห่งจินเหลียน 147 ดอกกุหลาบและปีศาจ

Now you are reading ความลับแห่งจินเหลียน Chapter 147 ดอกกุหลาบและปีศาจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ซีเหมินจินเหลียนคิดไปคิดมาก็เห็นว่า ถ้าหากขับรถไปเองก็น่าจะสะดวกไม่น้อย อย่างน้อยออกไปไหนมาไหนก็ไม่ต้องเรียกรถ แต่ปัญหาก็คือทักษะในการขับรถของเธอไม่ได้ดีนัก อีกทั้งยังไม่รู้จักถนนหนทางอีก

 

“ฉันไม่รู้จักทางหรอก” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น “อีกอย่างฉันก็ขับรถไม่แข็งด้วย”

 

“จินเหลียน คุณจะไปทำอะไรที่หยางโจวหรือครับ” หลินเสวียนหลานถามหยั่งเชิงขึ้น

 

“ไปเที่ยวค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนไม่อยากบอกเขาว่าเธอไม่หยางโจวทำไม เพราะว่าคุณปู่ของเขากับคุณเฉาที่เมืองหยางโจวมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด

 

“อ้อ…” หลินเสวียนหลานไม่พูดอะไรอีก ก่อนจะถามกลับ “คุณยังไม่ได้กินข้าวเช้าใช่ไหม?”

 

ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าอย่างกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ส่วนมากจ่านป๋ายจะเป็นคนจัดเตรียมอาหารเช้าให้กับเธอ หลายวันมานี้ที่เขาไม่อยู่บ้าน เธอตื่นนอนแล้วยังขี้เกียจลุกขึ้นออกไปไหน แน่นอนว่าทำให้ไม่ได้กินข้าวเช้าไปโดยปริยาย ส่วนตอนกลางวันก็หุงข้าวกินเอง ทำเมนูซุปไข่ง่ายๆ เมนูหนึ่ง พอถึงตอนกลางคืนถ้าหากไม่ออกไปไหน เธอก็กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปค่อนข้างมาก

 

“คุณซีเหมิน ถ้าตอเช้าคุณไม่กินอาหารเช้าจะปวดท้องเอาได้นะครับ นี่ก็ไม่ใช่วิธีดูแลตัวเองที่ดีเลย นอกจากนี้การที่ไม่กินข้าวเช้า อาจจะทำให้คุณกินข้าวเที่ยงมากขึ้น หากได้รับพลังงานมากเกินไปและไม่ได้รับการเผาผลาญที่ดีก็จะทำให้คุณอ้วน และมันจะเป็นอุปสรรคของความสวยของคุณ!” สวี่อี้หรานพูดขึ้นอย่างจริงจัง “คุณน่าจะเชิญเชฟมาทำกับข้าวให้นะ”

 

หลินเสวียนหลานไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแต่รีบเดินตรงเข้าไปในครัว

 

“คุณซีเหมิน พวกเราก็กินข้าวเช้ากันก่อนแล้วค่อยไปเมืองหยางโจวกัน ผมก็เตรียมตัวพร้อมแล้ว!” สวี่อี้หรานเข้าใกล้เธอพร้อมยิ้มทักทาย

 

“ถ้าหากจะขับรถไปก็ไปตอนบ่ายแล้วกัน” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ถึงจะขับช้า แต่ตอนพลบค่ำก็น่าจะถึง พอดีกับหาที่พักค้างแรม ว่าแต่คุณขับรถเป็นเหรอ?”

 

 “ขับเป็นสิ ขนาดรถแทรกเตอร์ผมยังขับเป็นเลย” สวี่อี้หรานพูดขึ้น

 

“คุณรู้ทางเหรอ” ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้นอีกครั้ง

 

“ซื้อเครื่องติดตั้งจีพีเอสก็ได้แล้ว!” หลินเสวียนหลานออกมาจากในครัวพร้อมกับน้ำเต้าหู้ที่เพิ่งทำร้อนๆ ก่อนส่งมาให้ซีเหมินจินเหลียน “ถ้าคุณจะไป ผมไปส่งคุณก็ได้ เพราะยังไงช่วงนี้ที่บริษัทก็ไม่มีปัญหาใหญ่อะไร”

 

“ผมรู้ทาง!” สวี่อี้หรานพูดด้วยท่าทีเคร่งขรึม

 

 พอได้ยินสวี่อี้หรานพูดอย่างนั้น หลินเสวียนหลานก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เขาหันกลับเข้าไปทอดไข่ในครัว ในใจสงสัยไม่หยุด ซีเหมินจินเหลียนไปทำอะไรที่หยางโจว หรือว่าเป็นเรื่องที่คุณปู่พูด? เขาควรจะแจ้งให้คุณปู่ทราบสักหน่อยดีหรือเปล่า?

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีค่ะ ตอนบ่ายเราออกเดินทางกัน” ซีเหมินจินเหลียนพูด

 

สวี่อี้หรานพยักหน้าแล้วพูดว่า “ตอนบ่ายผมจะมารับคุณนะ”

 

“นั่นดอกกุหลาบอะไรคะ” ซีเหมินจินเหลียนมองไปที่แจกันดอกไม้ที่ข้างในปักด้วยดอกกุหลาบ เมื่อมองดูก็คล้ายสีม่วง แต่ความจริงก็ไม่คล้าย สีดูออกไปทางสีดำ แต่อ่อนกว่าดำหน่อย แต่ไม่ใช่สีม่วงอย่างแน่นอน

 

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” สวี่อี้หรานปัดมือพูด “วันนี้ตอนเช้าเห็นมันบานออกสวยดีเลยตัดเอามาให้คุณ นี่เป็นดอกไม้ที่ได้มาจากการทาบกิ่งในช่วงนี้ เป็นไง คุณชอบไหม”

 

ซีเหมินจินเหลียนยิ้มออกมา เธอไม่สนว่าเขาจะทำการทาบกิ่งอย่างไร เธอมีอะไรมาเสียบแจกันดอกไม้ก็ถือว่าดีแล้ว ที่เหลือไม่สำคัญ เดิมทีเธอเพียงแค่สงสัยว่าดอกกุหลาบสีแบบนี้ เธอก็ไม่เคยเห็นร้านดอกไม้ที่ไหนขายมาก่อน ที่แท้ก็เป็นสมบัติส่วนตัวของตระกูล

 

“ดอกไม้บ้านคุณขายหรือเปล่า” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างสงสัย ถ้าหากคนคนนี้ขายดอกไม้สมุนไพรเกรงว่าคงต้องเจริญรุ่งเรืองขึ้นแน่ๆ

 

“ไม่ขายหรอก ถ้าผมเอาดอกไม้ไปขาย พ่อผมคงเอาเรื่องผมแน่!” สวี่อี้หรานคิดเล็กน้อยถึงได้พูดขึ้น

 

ซีเหมินจินเหลียนยิ้มและไม่ได้ถามอะไรอีก เมื่อเห็นหลินเสวียนหลานถือจานไข่ดาวเข้ามาจึงพูดขึ้นว่า “คุณอย่าเดินไปเดินมาเลยค่ะ มากินข้าวด้วยกันเถอะ”

 

“ผมกินข้าวเช้ามาแล้วครับ พอคุณกินเสร็จผมช่วยคุณล้างจานเอง” หลินเสวียนหลานพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน

 

“ไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวฉันทำเอง!” ซีเหมินจินเหลียนรีบพูด แม้ว่าที่บ้านของเธอจะไม่เหมาะในการจ้างแม่บ้านมา แต่เธอก็ไม่สามารถให้หลินเสวียนหลานมาทำได้ เขาเป็นถึงคุณชายมาจากตระกูลใหญ่ ให้เขาทำอะไรแบบนี้ เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี

 

“คุณมาหาฉันมีธุระอะไรหรือคะ” ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้น ถ้าหากไม่มีเรื่องอะไร หลินเสวียนหลานก็จะไม่ค่อยเข้ามาหาเธอก่อน

 

“ช่วงนี้ผมออกแบบหยกมาหลายสไตล์เลย ก็เลยเอามาให้คุณดูน่ะ!” หลินเสวียนหลานพูดจบก็หยิบแฟลชไดรท์ส่งมาให้ซีเหมินจินเลียน

 

“อ้อ?” ซีเหมินจินเหลียนยังไม่ทันได้พูดอะไร สวี่อี้หรานก็แย่งมันมาพร้อมพูดขึ้น “ผมขอดูหน่อย” พอพูดจบก็ถามซีเหมินจินเหลียนว่าคอมพิวเตอร์อยู่ไหน

 

ซีเหมินจินเหลียนมองหลินเสวียนหลานที่ส่งแฟลชไดรท์มาให้ ในใจก็เต้นแรงน้อยๆ ถ้าหากเป็นแค่แผ่นกระดาษ เขาส่งอีเมล์มาให้เธอก็พอแล้ว ไม่มีความจำเป็นอะไรที่เขาจะต้องมาหาเธอถึงที่ ไหนจะซื้อดอกไม้มาอีก?

 

“คอมพิวเตอร์อยู่ที่ห้องทำงาน เดี๋ยวค่อยดูแล้วกันค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้น แต่ก่อนตอนที่จ่านป๋ายอยู่ เขาก็ใช้โน้ตบุ๊ค ส่วนเธอก็ชอบใช้คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ดังนั้นห้องรับแขกชั้นล่างจึงไม่ได้ติดตั้งคอมพิวเตอร์ไว้

 

“จินเหลียน ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อนแล้วกันครับ ไม่รบกวนพวกคุณแล้ว” หลินเสวียนหลานลุกขึ้นบอกลาและถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา

 

“โอเคค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนส่งเขาที่หน้าประตู ส่วนหลินเสวียนหลานก็เหมือนอยากจะพูดอะไรอีก แต่กล้ำกลืนอยู่ในปาก ท้ายที่สุดก็ถามขึ้นมาว่า “คุณจะไปหยางโจวกี่วันครับ อยากให้ผมไปเป็นเพื่อนไหม?” ไม่ง่ายเลยที่เขาจะพูดประโยคนี้ออกมา ในใจของเขารู้สึกเต้นแรง เพราะไม่รู้ว่าเธอจะปฏิเสธเขาไหม

 

ซีเหมินจินเหลียนคิดทบทวนแล้ว และเธอเลือกที่จะปฏิเสธออกไปดีกว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันแค่ไปเที่ยวเฉยๆ ไม่กี่วันก็กลับมาแล้ว” ถ้าหากแค่เที่ยวเล่นก็ไม่เป็นไรหรอก แต่เป้าหมายของเธอคือราชาหยก และอาจจะต้องไปเผชิญหน้ากับคุณเฉาด้วย แต่ตระกูลหลินมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคุณเฉามาโดยตลอด เธอกลัวว่าคนกลางอย่างเขาจะทำตัวลำบาก

 

หลินเสวียนหลานพยักหน้าและลอบถอนหายใจออกมา พร้อมหันหลังขับรถจากไป ทำไมเธอถึงยอมไปหยางโจวกับคนแปลกหน้า แต่ไม่เลือกที่จะไว้ใจเขานะ?

 

ซีเหมินจินเหลียนเดินไปที่ห้องรับแขก สวี่อี้หรานก็ทำหน้านิ่วแล้วถามว่า “หลินเสวียนหลานเหรอ?”

 

“คุณรู้จักเขาด้วยเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม

 

“แน่นอนว่าไม่รู้จัก” สวี่อี้หรานยิ้มแย้ม

 

“ถ้าอย่างนั้นคุณรู้ได้อย่างไร คุณคงไม่ได้สืบหาประวัติแม้กระทั่งบรรพบุรุษเจ็ดชั่วโคตรของฉันหรอกนะ?” ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้น สำหรับการกระทำของเขานั้น เธอพอจะเข้าใจได้และคุ้นชินไปแล้ว

 

สวี่อี้หรานยิ้ม “ตาแก่ที่บ้านผมก็ว่างเกินไป คุณอย่าใส่ใจเลย”

 

“หมอที่อาวุโสแบบพ่อของคุณยังมีงานอดิเรกแบบนี้ด้วยเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนถามไร้อารมณ์

 

สวี่อี้หรานได้แค่ยิ้ม เรื่องนี้อธิบายให้เข้าใจได้ยาก “งูในหินของคุณยังอยู่ดีไหม”

 

ซีเหมินจินเหลียนตกตะลึงเล็กน้อย ไม่นานก็เรียกสติกลับคืนมา เขาถามถึงหยกราชางู “ทำไมถึงจะอยู่ไม่ดีล่ะ มันก็มีชีวิตอยู่มาตั้งนานขนาดนั้น!”

 

“ก็ถูกของคุณ อยู่มาตั้งนานขนาดนั้น จริงๆ แล้วก็เป็นเรื่องน่าเศร้าอยู่บ้างนะ โดยเฉพาะการมีชีวิตอยู่แบบมัน” สวี่อี้หรานพูด “ส่วนมนุษย์เราก็ได้แต่ตามหายาชะลอความแก่อยู่นั่น”

 

“ถ้าหากคุณไม่มีเรื่องอะไรก็กลับไปให้ฉันได้นั่งพักผ่อนสักหน่อยเถอะ ตอนบ่ายค่อยเดินทาง ฉันไปเก็บกระเป๋าก่อน” ซีเหมินจินเหลียนพูดพลางยิ้มน้อยๆ

 

สวี่อี้หรานตกปากรับคำ ตอนที่เขาจะเดินออกไปนั้น ซีเหมินจินเหลียนก็ได้ยินเขาบ่นพึมพำอย่างเต็มสองหูว่า “ผู้หญิงออกนอกบ้านแต่ละทียุ่งยากชะมัด!”

 

ซีเหมินจินเหลียนกลับไปที่ห้องของตัวเองเพื่อจัดกระเป๋า ไปแล้วน่าจะพักอยู่หลายวัน แต่ไม่ต้องเอาของไปเยอะ แค่เสื้อผ้าที่ชอบติดตัวไปสักสองสามตัว ส่วนของอื่นๆ ถึงเวลานั้นค่อยซื้อแล้วกัน!

 

กระเป๋าของเธอยังจัดไม่เสร็จ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน เธอหยิบขึ้นมาก็เห็นว่าเป็นชื่อของจ่านมู่ฮวา คนคนนี้เขาก็ว่างนักหรือไง?

 

“ฮัลโหล…” ซีเหมินจินเหลียนรับสาย

 

“ผมอยู่ข้างล่างบ้านคุณ ถ้าคุณไม่ลงมาผมจะพังประตูเข้าไป!” จ่านมู่ฮวาพูดพรวดพราดออกมาทีเดียว

 

“ถ้าคุณอยากจะพังนักก็พังไปตามสบาย” ซีเหมินจินเหลียนหมดอารมณ์จะพูดแล้ว “เสี่ยวป๋ายบอกว่า ะบบล็อคกุญแจหากถูกทำลายมันจะระเบิดออกมา!”

 

“เรื่องจริงเหรอ?” จ่านมู่ฮวากระวนกระวายถาม

 

“ไม่ตายหรอก อย่างมากสุดก็แค่ไฟลุก!” ซีเหมินจินเหลียนหัวเราะร่า ในที่สุดก็เพิ่งรู้ว่าระบบติดตั้งความปลอดภัยของประตูที่ซับซ้อนของจ่านป๋ายก็มีประโยชน์มาก! แต่ปัญหาถัดมาก็คือ เขาคงไมได้จะพังกลอนประตูจริงๆ หรอกใช่ไหม?

 

“จินเหลียน ผมยืนอยู่หน้าประตูบ้านคุณด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ! ผมจะรอคุณ…” จ่านมู่ฮวาพูดขึ้นอย่างน่าสงสาร

 

“รอให้ฉันจัดของเสร็จก่อน ฉันค่อยลงไปเปิดให้คุณแล้วกัน!” ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้น

 

“ก็ได้!” จ่านมู่ฮวาพยักหน้าลงอย่างเชื่อฟัง เรื่องพังกลอนประตู เขาก็ไม่กล้าทำแล้ว แต่สิ่งที่เกินความคาดหมายของเขาก็คือซีเหมินจินเหลียนไม่ได้ล้อเขาเล่นจริงๆ ให้เขารออยู่ที่หน้าประตูถึงสิบนาทีเธอจึงลงมาเปิดประตูให้ เมื่อประตูเปิดออก ดอกกุหลาบสดใหม่ก็ยื่นมาที่ข้างหน้าของเธอ

 

วันนี้มันวันอะไรกันเนี่ย?  ซีเหมินจินเหลียนพึมพำในใจ ทำไมใครๆ ถึงให้ดอกกุหลาบเธอ?

 

“ขอบคุณ” ซีเหมินจินเหลียนรับช่อดอกกุหลาบสีชมพูช่อใหญ่มาพร้อมยิ้มส่ายศีรษะ

 

“หืม มีคนให้ดอกไม้คุณด้วยเหรอ?” จ่านมู่ฮวาเตรียมตัวจะช่วยเธอเอาดอกไม้ปักใส่แจกัน แต่เห็นว่าบนโต๊ะมีดอกกุหลาบคล้ายสีดำวางไว้อยู่จึงถามขึ้น

 

“นั่นเป็นดอกกุหลาบสีดำ เป็นของสวี่อี้หรานหมอมองโกลให้ ส่วนดอกกุหลาบสีเหลือง หึ ทำไมฉันต้องบอกคุณด้วย?” ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้นในทันที

 

จ่านมู่ฮวายิ้ม “คนที่สามารถมอบดอกกุหลาบสีเหลืองให้ผู้หญิงได้ ก็มีแค่หลินเสวียนหลานเท่านั้นล่ะ!”

 

“ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้น?” ซีเหมินจินเหลียนถามแปลกใจ

 

“ถ้าหากทายไม่ผิด เขาน่าจะเจอกับสวี่อี้หรานเข้าใช่ไหม?” จ่านมู่ฮวาขมวดคิ้วถาม

 

“อืม” ซีเหมินจินเหลียนยิ่งสนใจมากขึ้นกว่าเก่า ก่อนถามขึ้นว่า “คุณไม่ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดที่บ้านฉันหรอกใช่ไหม?”

 

“บ้านคุณแปลกขนาดนี้ ถึงผมจะอยากติดตั้งกล้องแต่ก็คงทำไม่ได้หรอก” จ่านมู่ฮวาไม่ลีลาอีก เขาพูดเข้าประเด็นว่า “เขาก็คือปีศาจคนหนึ่ง ตอนที่ผมมาที่ย่านหลานกุ้ย ผมก็ได้บังเอิญเจอกับเขา คิดว่าเขาคงมาหาคุณ คุณรู้หรือยังว่าใครเป็นคนฆ่าหวังหมิงเหยา?”

 

“หลินเจิ้ง?” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วถาม

 

“อืม เป็นเขานั่นล่ะ!” จ่านมู่ฮวายิ้ม “ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ลงมือเอง แต่ถ้าหากไม่ได้ความช่วยเหลือจากหลินเสวียนหลาน หลินเจิ้งอยากจะฆ่าคนในสถานที่ของผม มันก็ง่ายดายขนาดนั้นเลยหรือไง? หลายวันมานี้เขาก็ไม่กล้ามาเจอคุณ ถึงเวลานี้ไม่ง่ายเลยที่จะปลุกความกล้ามาเจอคุณได้ ฮ่า…แล้วยังจะมาเจอคนอื่นอีก…เท่าที่ผมรู้จักเขามา หลังจากนี้เขาคงไม่กล้าเคลื่อนไหวอะไรแน่”

 

“คุณยังหวังให้เขาทำอะไรอีกเหรอไง?” ซีเหมินจินเหลียนด่าออกมาอย่างไม่สบอารมณ์

 

 “มีคนอยากจะจีบคุณไม่ใช่ความผิดของใคร แต่…” พูดถึงเท่านี้ จ่านมู่ฮวาก็ส่ายหน้ายั้งปากไม่พูดต่อ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด