ความลับแห่งจินเหลียน 345 เสียงถอนใจที่เย็นยะเยือก

Now you are reading ความลับแห่งจินเหลียน Chapter 345 เสียงถอนใจที่เย็นยะเยือก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จ่านป๋ายชะงักงัน ซีเหมินจินเหลียนมีหยกแสงอาทิตย์ห้าก้อน ทำไมเขาถึงไม่รู้เรื่องเลยล่ะ?

 

 

“หยกแสงอาทิตย์สีเขียวอยู่ในมือฉัน ส่วนอีกก้อน เอาไว้ค่อยว่ากันทีหลัง” ซีเหมินน่งเยวี่ยยิ้มเย็น “แต่คุณควรจะทำอะไรให้มันเร็วๆ หน่อยนะ ดึกๆ ผมอยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำแล้วมันคันไม้คันมือ ถ้าคุณไม่อยากจะให้คุณพ่อของคุณต้องทรมานมากไปกว่านี้ ก็ควรจะรีบมาเร็วๆ นะ”

 

 

“ฉันต้องผ่าหยกแสงอาทิตย์ก่อน ฉันขอเวลาหนึ่งวัน ฉันไปพม่ามะรืนนี้แน่นอน” ซีเหมินจินเหลียนกัดฟันกรอด

 

 

“ผมไม่รีบ ตราบใดที่คุณพ่อคุณยังทนไหว” ซีเหมินน่งเยวี่ยยิ้มเย็น

 

 

ซีเหมินจินเหลียนฟังแล้วทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอหน้ามืด กระอักเลือดออกมา เธอเข้าใจดี ที่ซีเหมินน่งเยวี่ยพูดเช่นนั้น เขาหมายความว่า ถ้าเธอไปพม่ามะรืนนี้ คืนพรุ่งนี้ หูชีเยี่ยนยังจะต้องถูกทรมานอีกคืน

 

 

“จินเหลียน…จินเหลียน…” จ่านป๋ายรีบถลาเข้าไปประคองซีเหมินจินเหลียน ร้องเรียกด้วยความเป็นห่วง

 

 

สวี่อี้หรานยื่นมือจับชีพจรซีเหมินจินเหลียนชั่วครู่จึงเอ่ย “ไม่เป็นไร แค่ธาตุไฟเข้าแทรก กระอักเลือดออกมาก็หายแล้ว ไม่อย่างนั้น ถ้าลิ่มเลือดอุดตันในปอดจะเป็นอันตรายมากกว่า”

 

 

พวกเขาสองลืมเสียสนิทว่าตอนนี้พวกเขายังสวมหูฟังอยู่ ทันทีที่พูดออกไป คนที่อยู่อีกฝั่งย่อมได้ยินอย่างชัดเจน เสียงร้อนรนใจและเหนื่อยอ่อนของหูชีเยี่ยนฟังลอดออกมา “จินเหลียน… จินเหลียน… ลูกไม่เป็นไรใช่ไหม…”

 

 

“พ่อ หนูไม่เป็นอะไร” ซีเหมินจินเหลียนยกมือขึ้นเช็ดคราบเลือดตรงมุมปากออก เอ่ยอย่างใจเย็น “พ่อ หนูไม่เป็นไร พ่อรอหนูนะคะ”

 

 

“จินเหลียน… ฟังพ่อ… นะ… อย่ามาพม่า พ่อ… ขอร้อง… ฮึก…” หูชีเยี่ยนยังไม่ทันพูดจบ ซีเหมินน่งเยวี่ยก็ปล่อยหมัดชกศีรษะเขาอย่างแรง

 

 

“คุณจินเหลียน มะรืนนี้ผมจะรอคุณ ส่วนคุณพ่อของคุณ ขอแค่คุณยอมร่วมมือกับผมดีๆ ผมก็จะไม่เอาชีวิตเขา แต่ถ้าคุณเล่นตุกติก ก็อย่าหาว่าผมไม่เกรงใจหงส์เฒ่าตัวนี้ก็แล้วกัน” ซีเหมินน่งเยวี่ยยิ้มเย็น

 

 

“แกนะสิหงส์เฒ่า…” หูชีเยี่ยนสบถด่า

 

 

“ฉันขอพูดอะไรกับพ่อหน่อย” ซีเหมินจินเหลียนเอ่ย

 

 

“ไม่เป็นไร เชิญคุณพูดตามสบาย ผมไม่ห้ามคุณหรอก แต่ถ้ามีอะไรที่ไม่น่าฟัง หึ… หรือถ้าผมฟังแล้วรู้สึกไม่รื่นหู ผมก็ไม่รับประกันเหมือนกันว่าจะควบคุมอารมณ์ได้หรือเปล่า ผมยอมรับนะว่านิสัยผมไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่” ซีเหมินน่งเยวี่ยยิ้มเย็น

 

 

“พ่อ” ซีเหมินจินเหลียนขยับหูฟังพลางเอ่ยเสียงดัง “พ่อไม่ต้องเป็นห่วง มะรืนนี้หนูก็ไปพม่าแล้ว”

 

 

“จินเหลียน อย่ามา” หูชีเยี่ยนร้อนใจมาก เขาดิ้นอย่างแรงจนโซ่เหล็กดังเคร้ง ตะโกนด่าเสียงดังลั่น “ลูกเป็นบ้าไปแล้วหรือไง ลูกจะมาพม่าทำไม ที่ที่กันดารจนนกไม่ทำรัง เต่าไม่ขึ้นฝั่งแบบนี้ ลูกจะมาทำไม…”

 

 

“พ่อไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ถึงยังไงวันมะรืนหนูก็ต้องไปที่นั่น ไม่ว่าตำนานบ้าบออะไรนั่นจะเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า หนูขอแค่ให้พ่อปลอดภัย ถึงที่นั่นจะกันดารจนนกไม่ทำรัง เต่าไม่ขึ้นฝั่ง แต่ที่นั่นมีชางอู๋” ซีเหมินจินเหลียนเอ่ย

 

 

หูชีเยี่ยนจะอ้าปากพูด จู่ๆ ซีเหมินน่งเยวี่ยก็หัวเราะเยาะ “หูชีเยี่ยน คราวนี้ลูกสาวแกเป็นคนพูดเองนะว่าแกเป็นหงส์เฒ่า ฉันไม่ได้เป็นคนพูดนะ ฮา… คุณจินเหลียน ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้ ผมจะรอคุณ”

 

 

“จินเหลียน… ลูกอย่ามา… พ่อขอร้อง… จินเหลียน…” หูชีเยี่ยนกระวนกระวาย ร้องเสียงดังลั่น

 

 

ซีเหมินน่งเยวี่ยตัดภาพทิ้งจังหวะนั้นพอดี ซีเหมินจินเหลียนจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ตะลึงงัน น้ำตาไหลพรากราวกับทำนบแตก

 

 

“จินเหลียน ไม่เป็นไร จะต้องไม่เป็นอะไร” จ่านป๋ายจับมือเธอแน่น แต่กลับพบว่ามือเธอเย็นเฉียบ สีหน้าแย่ถึงขีดสุด

 

 

“เดี๋ยวผมจองตั๋วเครื่องบินให้พวกคุณเอง” สวีอี้หรานลุกขึ้น ถอนใจเบาๆ

 

 

ซีเหมินจินเหลียนมองตามจนเขาเดินไปถึงหน้าประตูห้อง จู่ๆ เธอก็เอ่ยขึ้น “ขอบคุณ”

 

 

“แค่คุณไม่เกลียดผม ผมก็ขอบคุณฟ้าดินแล้ว คุณจะมาขอบคุณผมทำไม?” สวีอี้หรานเอ่ย “ผมเองก็ไม่อยากจะแตกคอกับเขา ถึงพ่อผมกับเขาจะไม่ถูกกัน แต่… อย่างน้อยเขาก็เป็นคนเลี้ยงผมมากับมือ… ถึงผมจะถูกเขาวางยาพิษที่ไม่มียาถอน แต่ผมก็ไม่เคยเกลียดเขา”

 

 

“ผมไปจองตั๋วเครื่องบินก่อน นอกจากคุณสองคนแล้ว ยังมีคนอื่นอีกหรือเปล่า?” สวีอี้หรานเอ่ยถาม

 

 

“จองสำหรับเราสองคนก่อนก็พอ” จ่านป๋ายประคองซีเหมินจินเหลียนพลางเอ่ยเสียงหนักแน่นมั่นคง เขารู้ดีว่าเวลาเช่นนี้เขาจะลนลานไม่ได้ และยิ่งใจร้อนไม่ได้ มิเช่นนั้น ซีเหมินจินเหลียนจะยิ่งตื่นตระหนก “อีกอย่าง รบกวนคุณช่วยปิดเรื่องนี้ไม่ให้ผู้เฒ่าหูรู้ เขาอายุมากแล้ว ผมกลัวว่าเขาจะรับเรื่องแบบนี้ไม่ไหว”

 

 

“ไม่ต้องห่วง ผมจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น” สวีอี้หรานพยักหน้าพลางเอ่ย

 

 

หลังจากสวีอี้หรานออกไปแล้ว ซีเหมินจินเหลียนจึงทิ้งตัวลงนอนคว่ำบนโซฟา ลืมตาโพลงใจลอยไปไกล จ่านป๋ายเดินไปหยุดยืนข้างเธอ ยื่นมือตบหลังเธอเบาๆ พลางเอ่ยปลอบเสียงอ่อนโยน “จินเหลียน อยากจะร้องไห้ก็ร้องออกมาเถอะ”

 

 

“ฉันไม่ร้องไห้หรอก” ซีเหมินจินเหลียนส่ายศีรษะพลางเอ่ย “อาจารย์ของฉัน ซึ่งก็คือพ่อของซีเหมินน่งเยวี่ย เขาสอนฉันตั้งแต่เด็กว่าน้ำตาคือสิ่งที่ไร้ประโยชน์ มีเพียงความสามารถเท่านั้นที่เป็นตัวกำหนดทุกอย่าง แต่ย่าของฉันกลับสอนว่าความธรรมดาต่างหากคือสิ่งที่ประเสริฐที่สุด ฉันเชื่อย่ามาตลอดว่าความธรรมดาคือสิ่งที่ประเสริฐที่สุด ดังนั้น ถึงแม้อาจารย์จะสอนอะไรฉันตั้งมากมาย แต่หลังจากอาจารย์เสีย ฉันก็ตั้งใจลืมสิ่งที่อาจารย์สอน เพื่อที่จะเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น…”

 

 

“คนบางคนไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น จ่านป๋ายยิ้มฝืดเฝื่อน “นั่นคุณจะไปไหนน่ะ?” เห็นเธอลุกขึ้น จ่านป๋ายจึงรีบเอ่ยถาม

 

 

“ไปห้องใต้ดิน คุณเตรียมตัวให้พร้อม คืนนี้ยังต้องรบกวนคุณช่วยผ่าหินหยกอีก” ซีเหมินจินเหลียนเอ่ย

 

 

“อืม” จ่านป๋ายพยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไรอีก

 

 

ในห้องใต้ดิน จ่านป๋ายมองซีเหมินจินเหลียนท่าทางอึ้งๆ เขาเอ่ยถาม “คุณแน่ใจนะว่าหินหยกห้าก้อนนี้เป็นหยกแสงอาทิตย์ทั้งหมด?”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า หยิบปากกาเคมีขึ้นมาวาดเส้นลงบนเปลือกหินหยกแล้วบอกกับจ่านป๋ายว่าไม่ต้องค่อยๆ เจียเปลือกหยกออกเหมือนปกติ แต่ให้ผ่าตามเส้นที่เธอวาดในมีดเดียว

 

 

จ่านป๋ายเข้าใจดี หากเจียเปลือกหยกทั้งห้าก้อนทีละนิด อย่างเร็วที่สุดก็ต้องใช้เวลาสองถึงสามวัน ซึ่งพวกเขาไม่มีเวลามากขนาดนั้น

 

 

เห็นซีเหมินจินเหลียนวาดเส้นจนครบทั้งห้าก้อนแล้ว จ่านป๋ายจึงรีบเอ่ย “จินเหลียน ดึกมากแล้ว คุณรีบเข้านอนเถอะ”

 

 

“ฉันไปนอนแน่” ซีเหมินจินเหลียนเอ่ย “นับแต่นี้ ฉันจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อรับมือไอ้เฮงซวยซีเหมินน่งเยวี่ย คุณเองก็รีบเตรียมตัวให้พร้อม แล้วก็รีบเข้านอนด้วย” ตอนนี้เขากำลังออมแรงเอาไว้เพื่อรอรับมือทหารข้าศึกที่อ่อนกำลัง และเราจะเป็นทหารอ่อนกำลังไม่ได้เด็ดขาด”

 

 

“ผมเข้าใจแล้ว คุณไปนอนเถอะ เรื่องอื่นคุณไม่ต้องกังวล ผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเอง คุณวางใจเถอะ เป้าหมายของซีเหมินน่งเยวี่ยคือหินซ่อมฟ้า ตราบใดที่เขายังไม่ได้หินซ่อมฟ้าอยู่ในมือ เขาไม่ทำอะไรคุณหูหรอก” จ่านป๋ายรีบเอ่ยปลอบ

 

 

ซีเหมินจินเหลียนส่ายศีรษะเบาๆ ซีเหมินน่งเยวี่ยเป็นคนบ้าระห่ำ สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเขาสามารถทำเรื่องบ้าๆ อะไรได้บ้าง

 

 

แค่คิดว่าหูชีเยี่ยนตกอยู่ในกำมือซีเหมินน่งเยวี่ย เธอก็รู้สึกเหมือนมีเล็บแมวแหลมคมนับไม่ถ้วนกำลังข่วนหัวใจเธอ…

 

 

จ่านป๋ายมองตามซีเหมินจินเหลียนจนเธอเดินออกจากห้องใต้ดิน จากนั้นหันไปมองหินหยกห้าก้อนที่เธอเลือกออกมา ไม่สิ ความจริงมีแค่สี่ก้อนเท่านั้น เพราะอีกหนึ่งก้อนเป็นหยกเนื้อแก้วสีน้ำผึ้งที่ผ่าแล้ว กระนั้น เขากลับดูไม่ออกสักนิด หินหยกก้อนนี้มีหยกแสงอาทิตย์ซ่อนอยู่จริงหรือ?

 

 

แต่ซีเหมินจินเหลียนยืนยันกับเขาอย่างหนักแน่นว่าในหินหยกก้อนนี้มีหยกแสงอาทิตย์ซ่อนอยู่จริง

 

 

จ่านป๋ายคิดๆ แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กดเบอร์โทรศัพท์เบอหนึ่ง เสียงรอสายดังอยู่นานกว่าจะมีคนรับสาย

 

 

“ผมเอง” จ่านป๋ายเอ่ยเสียงเบา

 

 

“ผมรู้ว่าเป็นคุณ” เสียงทึมๆ ไร้ชีวิตชีวาดังขึ้นจากอีกฟากสาย “คุณจินเหลียนคนสวยไม่ได้อยู่กับคุณเหรอ?”

 

 

“อืม” จ่านป๋ายพยักหน้า “ทำไมคุณต้องทำแบบนี้?”

 

 

“คุณก็รู้ดีนี่ว่าผมกับเขาเป็นศัตรูกัน แล้วทำไมถึงยังถามคำถามที่มันไร้ประโยชน์แบบนี้อีก?” ซีเหมินน่งเยวี่ยยิ้มเย็น

 

 

“ผมไม่สนหรอกว่าคุณจะทำยังไงกับหูชีเยี่ยน นั่นมันเรื่องของพวกคุณ แต่ทำไมคุณต้องลากจินเหลียนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย?” จ่านป๋ายกำมือจับเครื่องตัดหินหยกแน่น เอ่ยอย่างโมโห “คุณรับปากผมแล้ว คุณลืมไปแล้วหรือไง?”

 

 

“คุณจ่าน…” เสียงซีเหมินน่งเยวี่ยยังคงเย็นยะเยือกไม่เปลี่ยน “ตอนนั้นถ้าไม่ได้แม่ของคุณช่วยผมเอาไว้ ผมก็คงตายไปนานแล้ว ผมเป็นหนี้ชีวิตตระกูลป๋ายของพวกคุณ ขอแค่มีโอกาส ผมจะต้องตอบแทนบุญคุณของพวกคุณเป็นทวีคูณ ถ้าเป็นเรื่องอื่น ขอแค่คุณพูดมาแค่คำเดียว ผมก็จะทำตามสิ่งที่คุณต้องการทันทีโดยไม่มีบิดพลิ้ว แต่เรื่องระหว่างผมกับหูชีเยี่ยน… ต่อให้ผมปล่อยเขาไป เขาก็ไม่มีทางปล่อยผมไปหรอก อีกอย่าง ผมอยากได้เคล็ดลับที่ทำให้เป็นอมตะจากเขา… คุณน่าจะรู้นะว่าตอนนั้นผมเป็นคนทุบนิ้วมือเขาหัก ควักลูกตาทั้งสองข้างของเขาออกมาแล้วฝังเขาเอาไว้ใต้เหมืองหยกเองกับมือ แต่ยี่สิบปีให้หลัง เขากลับฟื้นคืนชีพจากความตาย คุณไม่รู้สึกประหลาดใจบ้างเลยหรือไง?”

 

 

“ผมยอมรับว่าผมประหลาดใจมาก อยากรู้จะตายอยู่แล้ว” จ่านป๋ายเอ่ยเสียงเบา “ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับคนอื่น ผมก็คงทำทุกวิถีทางเพื่อสืบหาความจริงเหมือนกับที่คุณทำ แต่… เขาเป็นพ่อของจินเหลียน”

 

 

“ผู้หญิงคนนั้นสามารถแตะหินเป็นทองในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน เธอเองก็คงมีปัญหาเหมือนกันล่ะมั้ง?” ซีเหมินน่งเยวี่ยยิ้มเย็น

 

 

จ่านป๋ายลังเลชั่วครู่จึงเอ่ยเสียงเบา “คุณซีเหมิน นี่เราเจรจากันไม่ได้จริงๆ ใช่ไหม?”

 

 

“ผมบอกแล้วไง ถ้าเป็นเรื่องอื่น ขอแค่คุณพูดมาคำเดียว ผมยอมรับปากคุณแน่นอน แต่เขา… ผมปล่อยเขาไปไม่ได้เด็ดขาด” ซีเหมินน่งเยวี่ยเอ่ยเสียงเย็นยะเยือก “อีกอย่าง ผมไม่อยากให้คุณมาพม่า นี่เป็นเรื่องระหว่างผมกับหูชีเยี่ยน ส่วนผู้หญิงคนนั้น เธอบังอาจใช้นามสกุลซีเหมิน…”

 

 

“ผมคิดว่าผมรักเธอเข้าให้แล้ว ไม่มีเธอ ผมขอตายดีกว่า” จ่านป๋ายถอนใจเบาๆ “เพราะฉะนั้น เธอไปไหน ผมไปด้วย ถึงตาย ผมก็จะไปยมโลกกับเธอ คุณซีเหมิน แล้วเจอกันที่พม่า ผมกับคุณ เราไม่ใช่เพื่อนกันอีก”

 

 

เสียงซีเหมินน่งเยวี่ยถอนใจเย็นยะเยือกดังลอดมาจากอีกฟากสาย จากนั้นกดตัดสายไป จ่านป๋ายกวาดสายตามองกองหินหยกที่วางเกลื่อนอยู่เต็มพื้นห้องแล้วเริ่มใจลอย หินสวยงามพวกนี้ทำให้คนเป็นบ้าได้ ขณะที่มันนำความมั่งคั่งมาให้ มันยังทำให้คนจมลงสู่ความสับสนอีกด้วย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ความลับแห่งจินเหลียน 345 เสียงถอนใจที่เย็นยะเยือก

Now you are reading ความลับแห่งจินเหลียน Chapter 345 เสียงถอนใจที่เย็นยะเยือก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จ่านป๋ายชะงักงัน ซีเหมินจินเหลียนมีหยกแสงอาทิตย์ห้าก้อน ทำไมเขาถึงไม่รู้เรื่องเลยล่ะ?

 

 

“หยกแสงอาทิตย์สีเขียวอยู่ในมือฉัน ส่วนอีกก้อน เอาไว้ค่อยว่ากันทีหลัง” ซีเหมินน่งเยวี่ยยิ้มเย็น “แต่คุณควรจะทำอะไรให้มันเร็วๆ หน่อยนะ ดึกๆ ผมอยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำแล้วมันคันไม้คันมือ ถ้าคุณไม่อยากจะให้คุณพ่อของคุณต้องทรมานมากไปกว่านี้ ก็ควรจะรีบมาเร็วๆ นะ”

 

 

“ฉันต้องผ่าหยกแสงอาทิตย์ก่อน ฉันขอเวลาหนึ่งวัน ฉันไปพม่ามะรืนนี้แน่นอน” ซีเหมินจินเหลียนกัดฟันกรอด

 

 

“ผมไม่รีบ ตราบใดที่คุณพ่อคุณยังทนไหว” ซีเหมินน่งเยวี่ยยิ้มเย็น

 

 

ซีเหมินจินเหลียนฟังแล้วทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอหน้ามืด กระอักเลือดออกมา เธอเข้าใจดี ที่ซีเหมินน่งเยวี่ยพูดเช่นนั้น เขาหมายความว่า ถ้าเธอไปพม่ามะรืนนี้ คืนพรุ่งนี้ หูชีเยี่ยนยังจะต้องถูกทรมานอีกคืน

 

 

“จินเหลียน…จินเหลียน…” จ่านป๋ายรีบถลาเข้าไปประคองซีเหมินจินเหลียน ร้องเรียกด้วยความเป็นห่วง

 

 

สวี่อี้หรานยื่นมือจับชีพจรซีเหมินจินเหลียนชั่วครู่จึงเอ่ย “ไม่เป็นไร แค่ธาตุไฟเข้าแทรก กระอักเลือดออกมาก็หายแล้ว ไม่อย่างนั้น ถ้าลิ่มเลือดอุดตันในปอดจะเป็นอันตรายมากกว่า”

 

 

พวกเขาสองลืมเสียสนิทว่าตอนนี้พวกเขายังสวมหูฟังอยู่ ทันทีที่พูดออกไป คนที่อยู่อีกฝั่งย่อมได้ยินอย่างชัดเจน เสียงร้อนรนใจและเหนื่อยอ่อนของหูชีเยี่ยนฟังลอดออกมา “จินเหลียน… จินเหลียน… ลูกไม่เป็นไรใช่ไหม…”

 

 

“พ่อ หนูไม่เป็นอะไร” ซีเหมินจินเหลียนยกมือขึ้นเช็ดคราบเลือดตรงมุมปากออก เอ่ยอย่างใจเย็น “พ่อ หนูไม่เป็นไร พ่อรอหนูนะคะ”

 

 

“จินเหลียน… ฟังพ่อ… นะ… อย่ามาพม่า พ่อ… ขอร้อง… ฮึก…” หูชีเยี่ยนยังไม่ทันพูดจบ ซีเหมินน่งเยวี่ยก็ปล่อยหมัดชกศีรษะเขาอย่างแรง

 

 

“คุณจินเหลียน มะรืนนี้ผมจะรอคุณ ส่วนคุณพ่อของคุณ ขอแค่คุณยอมร่วมมือกับผมดีๆ ผมก็จะไม่เอาชีวิตเขา แต่ถ้าคุณเล่นตุกติก ก็อย่าหาว่าผมไม่เกรงใจหงส์เฒ่าตัวนี้ก็แล้วกัน” ซีเหมินน่งเยวี่ยยิ้มเย็น

 

 

“แกนะสิหงส์เฒ่า…” หูชีเยี่ยนสบถด่า

 

 

“ฉันขอพูดอะไรกับพ่อหน่อย” ซีเหมินจินเหลียนเอ่ย

 

 

“ไม่เป็นไร เชิญคุณพูดตามสบาย ผมไม่ห้ามคุณหรอก แต่ถ้ามีอะไรที่ไม่น่าฟัง หึ… หรือถ้าผมฟังแล้วรู้สึกไม่รื่นหู ผมก็ไม่รับประกันเหมือนกันว่าจะควบคุมอารมณ์ได้หรือเปล่า ผมยอมรับนะว่านิสัยผมไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่” ซีเหมินน่งเยวี่ยยิ้มเย็น

 

 

“พ่อ” ซีเหมินจินเหลียนขยับหูฟังพลางเอ่ยเสียงดัง “พ่อไม่ต้องเป็นห่วง มะรืนนี้หนูก็ไปพม่าแล้ว”

 

 

“จินเหลียน อย่ามา” หูชีเยี่ยนร้อนใจมาก เขาดิ้นอย่างแรงจนโซ่เหล็กดังเคร้ง ตะโกนด่าเสียงดังลั่น “ลูกเป็นบ้าไปแล้วหรือไง ลูกจะมาพม่าทำไม ที่ที่กันดารจนนกไม่ทำรัง เต่าไม่ขึ้นฝั่งแบบนี้ ลูกจะมาทำไม…”

 

 

“พ่อไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ถึงยังไงวันมะรืนหนูก็ต้องไปที่นั่น ไม่ว่าตำนานบ้าบออะไรนั่นจะเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า หนูขอแค่ให้พ่อปลอดภัย ถึงที่นั่นจะกันดารจนนกไม่ทำรัง เต่าไม่ขึ้นฝั่ง แต่ที่นั่นมีชางอู๋” ซีเหมินจินเหลียนเอ่ย

 

 

หูชีเยี่ยนจะอ้าปากพูด จู่ๆ ซีเหมินน่งเยวี่ยก็หัวเราะเยาะ “หูชีเยี่ยน คราวนี้ลูกสาวแกเป็นคนพูดเองนะว่าแกเป็นหงส์เฒ่า ฉันไม่ได้เป็นคนพูดนะ ฮา… คุณจินเหลียน ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้ ผมจะรอคุณ”

 

 

“จินเหลียน… ลูกอย่ามา… พ่อขอร้อง… จินเหลียน…” หูชีเยี่ยนกระวนกระวาย ร้องเสียงดังลั่น

 

 

ซีเหมินน่งเยวี่ยตัดภาพทิ้งจังหวะนั้นพอดี ซีเหมินจินเหลียนจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ตะลึงงัน น้ำตาไหลพรากราวกับทำนบแตก

 

 

“จินเหลียน ไม่เป็นไร จะต้องไม่เป็นอะไร” จ่านป๋ายจับมือเธอแน่น แต่กลับพบว่ามือเธอเย็นเฉียบ สีหน้าแย่ถึงขีดสุด

 

 

“เดี๋ยวผมจองตั๋วเครื่องบินให้พวกคุณเอง” สวีอี้หรานลุกขึ้น ถอนใจเบาๆ

 

 

ซีเหมินจินเหลียนมองตามจนเขาเดินไปถึงหน้าประตูห้อง จู่ๆ เธอก็เอ่ยขึ้น “ขอบคุณ”

 

 

“แค่คุณไม่เกลียดผม ผมก็ขอบคุณฟ้าดินแล้ว คุณจะมาขอบคุณผมทำไม?” สวีอี้หรานเอ่ย “ผมเองก็ไม่อยากจะแตกคอกับเขา ถึงพ่อผมกับเขาจะไม่ถูกกัน แต่… อย่างน้อยเขาก็เป็นคนเลี้ยงผมมากับมือ… ถึงผมจะถูกเขาวางยาพิษที่ไม่มียาถอน แต่ผมก็ไม่เคยเกลียดเขา”

 

 

“ผมไปจองตั๋วเครื่องบินก่อน นอกจากคุณสองคนแล้ว ยังมีคนอื่นอีกหรือเปล่า?” สวีอี้หรานเอ่ยถาม

 

 

“จองสำหรับเราสองคนก่อนก็พอ” จ่านป๋ายประคองซีเหมินจินเหลียนพลางเอ่ยเสียงหนักแน่นมั่นคง เขารู้ดีว่าเวลาเช่นนี้เขาจะลนลานไม่ได้ และยิ่งใจร้อนไม่ได้ มิเช่นนั้น ซีเหมินจินเหลียนจะยิ่งตื่นตระหนก “อีกอย่าง รบกวนคุณช่วยปิดเรื่องนี้ไม่ให้ผู้เฒ่าหูรู้ เขาอายุมากแล้ว ผมกลัวว่าเขาจะรับเรื่องแบบนี้ไม่ไหว”

 

 

“ไม่ต้องห่วง ผมจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น” สวีอี้หรานพยักหน้าพลางเอ่ย

 

 

หลังจากสวีอี้หรานออกไปแล้ว ซีเหมินจินเหลียนจึงทิ้งตัวลงนอนคว่ำบนโซฟา ลืมตาโพลงใจลอยไปไกล จ่านป๋ายเดินไปหยุดยืนข้างเธอ ยื่นมือตบหลังเธอเบาๆ พลางเอ่ยปลอบเสียงอ่อนโยน “จินเหลียน อยากจะร้องไห้ก็ร้องออกมาเถอะ”

 

 

“ฉันไม่ร้องไห้หรอก” ซีเหมินจินเหลียนส่ายศีรษะพลางเอ่ย “อาจารย์ของฉัน ซึ่งก็คือพ่อของซีเหมินน่งเยวี่ย เขาสอนฉันตั้งแต่เด็กว่าน้ำตาคือสิ่งที่ไร้ประโยชน์ มีเพียงความสามารถเท่านั้นที่เป็นตัวกำหนดทุกอย่าง แต่ย่าของฉันกลับสอนว่าความธรรมดาต่างหากคือสิ่งที่ประเสริฐที่สุด ฉันเชื่อย่ามาตลอดว่าความธรรมดาคือสิ่งที่ประเสริฐที่สุด ดังนั้น ถึงแม้อาจารย์จะสอนอะไรฉันตั้งมากมาย แต่หลังจากอาจารย์เสีย ฉันก็ตั้งใจลืมสิ่งที่อาจารย์สอน เพื่อที่จะเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น…”

 

 

“คนบางคนไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น จ่านป๋ายยิ้มฝืดเฝื่อน “นั่นคุณจะไปไหนน่ะ?” เห็นเธอลุกขึ้น จ่านป๋ายจึงรีบเอ่ยถาม

 

 

“ไปห้องใต้ดิน คุณเตรียมตัวให้พร้อม คืนนี้ยังต้องรบกวนคุณช่วยผ่าหินหยกอีก” ซีเหมินจินเหลียนเอ่ย

 

 

“อืม” จ่านป๋ายพยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไรอีก

 

 

ในห้องใต้ดิน จ่านป๋ายมองซีเหมินจินเหลียนท่าทางอึ้งๆ เขาเอ่ยถาม “คุณแน่ใจนะว่าหินหยกห้าก้อนนี้เป็นหยกแสงอาทิตย์ทั้งหมด?”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า หยิบปากกาเคมีขึ้นมาวาดเส้นลงบนเปลือกหินหยกแล้วบอกกับจ่านป๋ายว่าไม่ต้องค่อยๆ เจียเปลือกหยกออกเหมือนปกติ แต่ให้ผ่าตามเส้นที่เธอวาดในมีดเดียว

 

 

จ่านป๋ายเข้าใจดี หากเจียเปลือกหยกทั้งห้าก้อนทีละนิด อย่างเร็วที่สุดก็ต้องใช้เวลาสองถึงสามวัน ซึ่งพวกเขาไม่มีเวลามากขนาดนั้น

 

 

เห็นซีเหมินจินเหลียนวาดเส้นจนครบทั้งห้าก้อนแล้ว จ่านป๋ายจึงรีบเอ่ย “จินเหลียน ดึกมากแล้ว คุณรีบเข้านอนเถอะ”

 

 

“ฉันไปนอนแน่” ซีเหมินจินเหลียนเอ่ย “นับแต่นี้ ฉันจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อรับมือไอ้เฮงซวยซีเหมินน่งเยวี่ย คุณเองก็รีบเตรียมตัวให้พร้อม แล้วก็รีบเข้านอนด้วย” ตอนนี้เขากำลังออมแรงเอาไว้เพื่อรอรับมือทหารข้าศึกที่อ่อนกำลัง และเราจะเป็นทหารอ่อนกำลังไม่ได้เด็ดขาด”

 

 

“ผมเข้าใจแล้ว คุณไปนอนเถอะ เรื่องอื่นคุณไม่ต้องกังวล ผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเอง คุณวางใจเถอะ เป้าหมายของซีเหมินน่งเยวี่ยคือหินซ่อมฟ้า ตราบใดที่เขายังไม่ได้หินซ่อมฟ้าอยู่ในมือ เขาไม่ทำอะไรคุณหูหรอก” จ่านป๋ายรีบเอ่ยปลอบ

 

 

ซีเหมินจินเหลียนส่ายศีรษะเบาๆ ซีเหมินน่งเยวี่ยเป็นคนบ้าระห่ำ สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเขาสามารถทำเรื่องบ้าๆ อะไรได้บ้าง

 

 

แค่คิดว่าหูชีเยี่ยนตกอยู่ในกำมือซีเหมินน่งเยวี่ย เธอก็รู้สึกเหมือนมีเล็บแมวแหลมคมนับไม่ถ้วนกำลังข่วนหัวใจเธอ…

 

 

จ่านป๋ายมองตามซีเหมินจินเหลียนจนเธอเดินออกจากห้องใต้ดิน จากนั้นหันไปมองหินหยกห้าก้อนที่เธอเลือกออกมา ไม่สิ ความจริงมีแค่สี่ก้อนเท่านั้น เพราะอีกหนึ่งก้อนเป็นหยกเนื้อแก้วสีน้ำผึ้งที่ผ่าแล้ว กระนั้น เขากลับดูไม่ออกสักนิด หินหยกก้อนนี้มีหยกแสงอาทิตย์ซ่อนอยู่จริงหรือ?

 

 

แต่ซีเหมินจินเหลียนยืนยันกับเขาอย่างหนักแน่นว่าในหินหยกก้อนนี้มีหยกแสงอาทิตย์ซ่อนอยู่จริง

 

 

จ่านป๋ายคิดๆ แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กดเบอร์โทรศัพท์เบอหนึ่ง เสียงรอสายดังอยู่นานกว่าจะมีคนรับสาย

 

 

“ผมเอง” จ่านป๋ายเอ่ยเสียงเบา

 

 

“ผมรู้ว่าเป็นคุณ” เสียงทึมๆ ไร้ชีวิตชีวาดังขึ้นจากอีกฟากสาย “คุณจินเหลียนคนสวยไม่ได้อยู่กับคุณเหรอ?”

 

 

“อืม” จ่านป๋ายพยักหน้า “ทำไมคุณต้องทำแบบนี้?”

 

 

“คุณก็รู้ดีนี่ว่าผมกับเขาเป็นศัตรูกัน แล้วทำไมถึงยังถามคำถามที่มันไร้ประโยชน์แบบนี้อีก?” ซีเหมินน่งเยวี่ยยิ้มเย็น

 

 

“ผมไม่สนหรอกว่าคุณจะทำยังไงกับหูชีเยี่ยน นั่นมันเรื่องของพวกคุณ แต่ทำไมคุณต้องลากจินเหลียนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย?” จ่านป๋ายกำมือจับเครื่องตัดหินหยกแน่น เอ่ยอย่างโมโห “คุณรับปากผมแล้ว คุณลืมไปแล้วหรือไง?”

 

 

“คุณจ่าน…” เสียงซีเหมินน่งเยวี่ยยังคงเย็นยะเยือกไม่เปลี่ยน “ตอนนั้นถ้าไม่ได้แม่ของคุณช่วยผมเอาไว้ ผมก็คงตายไปนานแล้ว ผมเป็นหนี้ชีวิตตระกูลป๋ายของพวกคุณ ขอแค่มีโอกาส ผมจะต้องตอบแทนบุญคุณของพวกคุณเป็นทวีคูณ ถ้าเป็นเรื่องอื่น ขอแค่คุณพูดมาแค่คำเดียว ผมก็จะทำตามสิ่งที่คุณต้องการทันทีโดยไม่มีบิดพลิ้ว แต่เรื่องระหว่างผมกับหูชีเยี่ยน… ต่อให้ผมปล่อยเขาไป เขาก็ไม่มีทางปล่อยผมไปหรอก อีกอย่าง ผมอยากได้เคล็ดลับที่ทำให้เป็นอมตะจากเขา… คุณน่าจะรู้นะว่าตอนนั้นผมเป็นคนทุบนิ้วมือเขาหัก ควักลูกตาทั้งสองข้างของเขาออกมาแล้วฝังเขาเอาไว้ใต้เหมืองหยกเองกับมือ แต่ยี่สิบปีให้หลัง เขากลับฟื้นคืนชีพจากความตาย คุณไม่รู้สึกประหลาดใจบ้างเลยหรือไง?”

 

 

“ผมยอมรับว่าผมประหลาดใจมาก อยากรู้จะตายอยู่แล้ว” จ่านป๋ายเอ่ยเสียงเบา “ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับคนอื่น ผมก็คงทำทุกวิถีทางเพื่อสืบหาความจริงเหมือนกับที่คุณทำ แต่… เขาเป็นพ่อของจินเหลียน”

 

 

“ผู้หญิงคนนั้นสามารถแตะหินเป็นทองในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน เธอเองก็คงมีปัญหาเหมือนกันล่ะมั้ง?” ซีเหมินน่งเยวี่ยยิ้มเย็น

 

 

จ่านป๋ายลังเลชั่วครู่จึงเอ่ยเสียงเบา “คุณซีเหมิน นี่เราเจรจากันไม่ได้จริงๆ ใช่ไหม?”

 

 

“ผมบอกแล้วไง ถ้าเป็นเรื่องอื่น ขอแค่คุณพูดมาคำเดียว ผมยอมรับปากคุณแน่นอน แต่เขา… ผมปล่อยเขาไปไม่ได้เด็ดขาด” ซีเหมินน่งเยวี่ยเอ่ยเสียงเย็นยะเยือก “อีกอย่าง ผมไม่อยากให้คุณมาพม่า นี่เป็นเรื่องระหว่างผมกับหูชีเยี่ยน ส่วนผู้หญิงคนนั้น เธอบังอาจใช้นามสกุลซีเหมิน…”

 

 

“ผมคิดว่าผมรักเธอเข้าให้แล้ว ไม่มีเธอ ผมขอตายดีกว่า” จ่านป๋ายถอนใจเบาๆ “เพราะฉะนั้น เธอไปไหน ผมไปด้วย ถึงตาย ผมก็จะไปยมโลกกับเธอ คุณซีเหมิน แล้วเจอกันที่พม่า ผมกับคุณ เราไม่ใช่เพื่อนกันอีก”

 

 

เสียงซีเหมินน่งเยวี่ยถอนใจเย็นยะเยือกดังลอดมาจากอีกฟากสาย จากนั้นกดตัดสายไป จ่านป๋ายกวาดสายตามองกองหินหยกที่วางเกลื่อนอยู่เต็มพื้นห้องแล้วเริ่มใจลอย หินสวยงามพวกนี้ทำให้คนเป็นบ้าได้ ขณะที่มันนำความมั่งคั่งมาให้ มันยังทำให้คนจมลงสู่ความสับสนอีกด้วย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+