ความลับแห่งจินเหลียน 308 ปมที่ยากจะคลี่คลาย

Now you are reading ความลับแห่งจินเหลียน Chapter 308 ปมที่ยากจะคลี่คลาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตามหลักการแล้วจ่านป๋ายน่าจะช่วยซีเหมินจินเหลียน ช่วยหูชีเยี่ยน แม้จะไม่ช่วยใครเหมือนครั้งที่แล้วและเมินเฉยไม่สนใจ แต่นับจากครั้งที่แล้วจ่านอิ๋นเรียกให้เขากลับไปกินข้าวที่บ้าน ถึงเขาจะปฏิเสธ แต่ในใจก็ยังรู้สึกดีเหมือนกัน

 

 

คนคนนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ยังเป็นพ่อบังเกิดเกล้าของเขา เหมือนเช่นหูชีเยี่ยนหาเรื่องก่อกวนกับหูหวัง แต่สำหรับลูกสาวของตัวเองเขายังรักและเอ็นดูมาก แย่งมรดกหรือแย่งสิ่งอื่นใดๆ นั่นเป็นเรื่องระหว่างเขากับจ่านมู่ฮวา มันต้องวัดตามความสามารถของพวกเขา อีกอย่างเพราะว่าเป็นเรื่องครอบครัวของตัวเอง ใครจะอยู่หรือตายก็ไม่สนทั้งนั้น แต่ตอนนี้หูชีเยี่ยนยื่นมือเข้ามาแทรก เขายิ่งรู้สึกไม่ดีแปลกๆ

 

 

ถ้าไม่ใช่เพราะหูชีเยี่ยนเป็นพ่อของซีเหมินจินเหลียน เขาคงทนไม่ได้อยากจะช่วยจ่านอิ๋นไปนานแล้ว

 

 

ดังนั้นจ่านป๋ายจึงทุกข์ใจเป็นอย่างมาก ซีเหมินจินเหลียนคงต้องยืนฝั่งหูชีเยี่ยนอย่างไม่ต้องสงสัย แล้วเขาล่ะจะทำอย่างไรดี?

 

 

 “เสี่ยวป๋าย วันนี้คุณเป็นอะไรไป?” เมื่อเห็นจ่านป๋ายรีบจูงมือเธอเดินเข้าไปตึกเย่ว์ฮวา ซีเหมินจินเหลียนก็ถามขึ้น เขาไม่เคยเป็นคนหยาบคายขนาดนี้มาก่อน

 

 

“ไม่มีอะไร ผมก็แค่ร้อนใจเท่านั้น!” จ่านป๋ายถอนหายใจพูด

 

 

รอจนขึ้นไปบนตึกเย่ว์ฮวาแล้ว จ่านป๋ายถึงได้รู้ว่าที่แท้ตนเองคิดผิดไป…จ่านอิ๋นนั่งบนโซฟาหนังแท้สีขาวและยกถ้วยชาจิบรสชาติของชาหลงจิ่งคุณภาพดี

 

 

 ส่วนจ่านมู่ฮวานั่งตามสบายอยู่บนโซฟาอีกตัว ฝั่งตรงข้ามของจ่านมู่ฮวามีชายวัยกลางคนท่าทางอึมครึมนั่งอยู่ แต่หูชีเยี่ยนไม่ได้อยู่ในนั้น

 

 

ซีเหมินจินเหลียนไม่เห็นหูชีเยี่ยน ในใจเลยพลันกระตุก เหลือบไปมองชายวัยกลางคนที่ดูเยือกเย็นอำมหิตอยู่นาน “คุณชายจ่าน พ่อของฉันล่ะคะ”

 

 

จ่านมู่ฮวามองซีเหมินจินเหลียนอย่างใจฝ่อ ไม่นานก็เหลือบมองชายวัยกลางคนท่าทางอึมครึมคนนั้น “จินเหลียน ผมขอโทษ!”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนมึนงง ไม่นานก็เข้าใจขึ้นมาได้ ที่แท้มันเป็นหลุมพรางนี่เอง ขุดหลุมเสร็จแล้วก็รอให้เธอมาตกหลุม และคนที่ขุดหลุมพวกนั้นน่าจะเป็นชายวัยกลางคนเคร่งขรึมคนนี้

 

 

เธอเป็นห่วงตนเอง แต่ก็เป็นห่วงหูชีเยี่ยนเหมือนกัน…ในเมื่อเขาไม่อยู่ที่คลับหยกแล้วเขาไปไหนกันแน่?

 

 

ชายวัยกลางที่ดูน่ากลัวคนนั้นใช้สายตาเหยียดหยามมองไปบนเรือนร่างของซีเหมินจินเหลียน ไม่นานก็หันไปพูดกับจ่านมู่ฮวา “มู่ฮวา เด็กสาวคนนี้คือคนที่นายไม่เคยลืมคนนั้นน่ะหรือ? ไม่เลวนี่ ฉันขอถอนคำพูดในครั้งนั้น รูปภาพพวกนั้นไม่ได้ถ่ายความสวยของเธอออกมาเลย ไม่เลวนี่!”

 

 

“ซีเหมินน่งเย่ว์?” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้ว ในใจของเธอคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เข้าใจว่าชายวัยกลางคนท่าทางอึมครึมคนนี้เป็นใครกันแน่

 

 

“ไม่เสียแรงที่เป็นคนที่ชายชรานั่นสอนมา!” ซีเหมินน่งเย่ว์พูดพร้อมปรบมือ “ฉันไม่เคยเจอหูชีเยี่ยน ฉันเลยให้มู่ฮวานัดเธอมาที่นี่!”

 

 

“จุดประสงค์!” ซีเหมินจินเหลียนเดินไปหน้าโซฟาตัวหนึ่งและจัดแจงรวบเสื้อผ้าลงจากนั้นนั่งลงไป ไม่นานก็พูดทักทาย “ชา…ปี้หลัวชุน!” ในเมื่อมาเเล้วก็จงอยู่อย่างมีความสุข เวลานี้กระวนกระวายไปก็ไร้ประโยชน์

 

 

พนักงานบริกรคนหนึ่งที่ยืนดูแลอยู่ตึกเย่ว์ฮวารีบถอยหลังโค้งคำนับ จ่านป๋ายถลึงตาด้วยความโกรธใส่จ่านมู่ฮวาและเดินไปนั่งข้างเขา

 

 

ไม่นานชาก็ยกเข้ามาเสิร์ฟ เป็นชาปี้หลัวชุนเกรดดี ของดีมาจากเขตกูซู ซีเหมินจินเหลียนยกถ้วยชาขึ้นมาจิบเบาๆ แล้ววางลงพร้อมเอ่ยถาม “คุณซีเหมินนัดฉันมาที่นี่ คงไม่ใช่แค่เพื่อลองชิมชาหรอกนะคะ?”

 

 

“แน่นอนว่าไม่ใช่” ซีเหมินน่งเย่ว์ส่ายศีรษะพูด “เธอน่าจะรู้ว่าจุดประสงค์ของฉันคืออะไร!”

 

 

“ใช้ฉันมาข่มขู่พ่อน่ะเหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนเงยหน้าถาม “คุณซีเหมิน คุณน่าจะสมองเบาไปหน่อยนะคะ…คนที่วันๆ คบหาอยู่กับศพ สมองเองก็คงหยุดชะงักแข็งตายไปแล้ว?”

 

 

เป็นครั้งแรกที่จ่านป๋ายเห็นว่าซีเหมินจินเหลียนเยือกเย็นกว่าที่เขาคิดไว้มาก

 

 

“โอ้?” ซีเหมินน่งเย่ว์ขมวดคิ้วพูด “รู้ได้อย่างไรเหรอ?”

 

 

“คุณซีเหมินยังจำคำพูดที่ฉันเคยพูดตอนเด็กได้อยู่เหรอคะ” ซีเหมินจินเหลียนถาม

 

 

ซีเหมินน่งเย่ว์อึ้งไปนานถึงปริปากพูด “จำได้สิ! เธอดีมาก! ความจริงฉันก็อยากจะถามเธอเรื่องหนึ่ง แล้วใช้เธอมาเป็นตัวข่มขู่หูชีเยี่ยน แต่มันดูไม่ใช่เรื่องที่คนมีสติปัญญาเขาทำกัน สมองฉันยังไม่ได้แข็งตาย ไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นหรอก”

 

 

“เชิญพูดค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มอ่อนๆ รอยยิ้มที่แน่นิ่งมีความเรียบง่ายชัดเจนอยู่ในนั้น ราวกับหยกชนิดเนื้อแก้วน้ำงามมาจากเหล่าพะกัน มีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก

 

 

ซีเหมินน่งเย่ว์มองอย่างเหม่อลอยอยู่นานถึงพูดขึ้น “ตอนที่เธอยังเด็ก ฉันเคยเล่นตุกติกกับเธอ ตามหลักแล้วถ้าเธอไม่กลายเป็นคนสติไม่สมประกอบ สติปัญญาก็คงถดถอย เรื่องบางอย่างอาจไม่มีทางคิดออก ใครกันที่เป็นคนรักษาเธอจนหายดี?”

 

 

คนที่สามารถช่วยรักษาอาการของซีเหมินจินเหลียนได้ ไม่ใช่ธรรมดาๆ เลย ไม่แน่คนคนนี้อาจจะเป็นคนที่รักษาหูชีเยี่ยนให้หายดีก็ได้ ดังนั้นซีเหมินน่งเย่ว์จึงอยากถามให้รู้เรื่องรู้ความ

 

 

ที่แท้เขาก็มาเพราะเรื่องนี้? ซีเหมินจินเหลียนแสยะยิ้มในใจ เขาถูกกำหนดให้ชั่วชีวิตไม่ต้องรับรู้อะไร เพราะตอนนั้นเธอถึงไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร โชคดีที่รอดพ้นเคราะห์ร้ายครั้งนั้นมาได้ บางทีน่าจะเป็นอาจารย์ท่านนั้นแหละ คนคนนั้น…กลับเป็นพ่อของซีเหมินน่งเย่ว์ และเป็นผู้ริเริ่มโศกนาฏกรรมครั้งนี้

 

 

ความจริงเธอก็ลืมเรื่องทุกอย่างหมดแล้ว แต่ช่วงที่หลินเสวียนหลานขับรถชนเธอครั้งนั้น ความทรงจำทั้งหมดก็ค่อยๆ กลับคืนเข้ามาทีละน้อย

 

 

บางทีแจกันดอกบัวทองที่เธอใส่ไว้ตลอดอาจจะช่วยคุ้มครองให้เธอปลอดภัยไม่เป็นอันตราย เพราะมันเป็นมรดกตกทอดของตระกูล

 

 

“เรื่องไร้ศีลธรรมแบบนี้ ผมนับถือคุณจริงๆ ที่ยังมีหน้าพูดได้!” จ่านป๋ายอดไม่ได้ที่จะพูดเสียดสี

 

 

“ยุคนี้มนุษย์ไม่วางแผนให้ตัวเอง จำต้องถูกฟ้าดินประหัตประหาร!” ซีเหมินน่งเย่ว์ยิ้มเย็น “กล้าถามคุณจ่านมู่หรงไหมล่ะ ที่นายอยู่ใกล้เธอก็ไม่เสียดายที่เป็นแค่ทาสไร้ค่าต่ำต้อยเหรอ หรือว่านายไม่มีจุดประสงค์อะไรจริงๆ?”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้ปล่อยโอกาสให้จ่านป๋ายพูด เงยหน้ามองและยิ้ม “แม้เขาจะมีจุดประสงค์อะไร แต่ก็คงไม่มีทางต่ำช้าไร้ยางอายเหมือนคุณ!”

 

 

“ไม่เลวนี่!” ซีเหมินน่งเย่ว์ยกมุมปากยิ้มผยองอย่างสนุก “เธอไม่ได้ละอายใจกับแซ่ของเธออย่างนั้นเหรอ สมองยอดหัวกะทิของผู้เฒ่าตระกูลฉัน ถือว่าเธอก็เรียนรู้ถึงแก่นสารแล้วนี่ เรื่องนี้เกรงว่าหูชีเยี่ยนก็คงไม่เก่งเท่าเธอ”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนรู้ เขาคงกำลังอุปลักษณ์ที่ตนมีแซ่ซีเหมินเหมือนกัน น่าจะเป็นเรื่องที่น่าอายเช่นกัน ตอนนั้นจึงยิ้มเย็นพูดเสียดแทงกลับไปว่า “ถ้าเทียบกับคุณก็คงคนละชั้นกันเลยนะคะ ดังนั้นฉันเลยกำลังพยายามอยู่น่ะค่ะ!”

 

 

ยุคนี้คนหน้าไม่อายอยู่ยงคงกระพันจริงๆ!

 

 

“ฮ่าๆ…” ซีเหมินน่งเย่ว์หัวเราะเสียงดังออกมา “น่าสนใจดีนี่! คุณจินเหลียนสนใจทำข้อแลกเปลี่ยนกันหน่อยไหม!”

 

 

“ข้อแลกเปลี่ยนอะไรคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม

 

 

“ขอแค่บอกฉันมาว่าใครรักษาเธอ ต่อจากนี้ฉันรับรองว่าจะไม่ไปหาเรื่องหูชีเยี่ยนอีก เป็นอย่างไรล่ะ?” ซีเหมินน่งเย่ว์ยิ้ม

 

 

ซีเหมินจินเหลียนวางถ้วยชาลงบนโต๊ะน้ำชา เธอไม่รู้ว่าซีเหมินน่งเย่ว์มีอำนาจอิทธิพลขนาดไหน การมีตัวตนของเขาพอที่จะคุกคามไปถึงหูชีเยี่ยนได้หรือเปล่า?

 

 

“ที่นี่ไม่ใช่พม่า!” ซีเหมินน่งเย่ว์ยิ้มเย็น “ถ้าหูชีเยี่ยนย่ำก้าวอยู่ที่เดิมตลอดไม่ไปไหน ยี่สิบปีก่อนฉันก็คงฆ่าเขาได้แล้ว ยี่สิบปีต่อมาเขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันเหมือนกัน”

 

 

“ยี่สิบปีก่อนถ้าคุณไม่ได้ทำตัวหน้าด้านไร้ยางอาย คุณก็ไม่ใช่คู่แข่งของเขาหรอก ยี่สิบปีให้หลังคุณก็ยิ่งไม่ใช่คู่แข่งของเขา!” จ่านป๋ายยิ้มเย็น “คุณซีเหมินประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้วล่ะครับ”

 

 

“คุณซีเหมิน ฉันไม่ได้มีเวลามาพูดจาไร้สาระกับคุณ เพราะฉะนั้นคุณเชิญบอกมาเถอะคุณจะทำอะไร! แต่ฉันขอเตือนคุณไว้ก่อนนะคะ บ้านเมืองมีขื่อมีแป ฉันเชื่อว่าคุณเองก็ไม่กล้าจะทำอะไรยุ่งยากหรอกค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนพูดจบก็ลุกขึ้นยืนเตรียมออกไปข้างนอก

 

 

“คุณจินเหลียน พ่อของเธอมีบัตรประชาชนไหมล่ะ?” จู่ๆ ซีเหมินน่งเย่ว์ถามขึ้น

 

 

ซีเหมินจินเหลียนไม่เข้าใจ แน่นอนหูชีเยี่ยนเมื่อยี่สิบปีก่อนต้องมีบัตรประชาชนที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่หูชีเยี่ยนยี่สิบปีให้หลังนี้ เขาเป็นคนที่ตายจากไปตั้งแต่เมื่อยี่สิบปีก่อน อยากจะได้บัตรประชนตัวจริงสักใบคงมีปัญหาเหมือนกัน แม้ยุคนี้มีเงินสามารถเสกผีมาได้ แต่ก็ยังไม่มีใครคอยเป็นก้างขวางคอได้

 

 

“เธอก็พูดถูก นี่คือสังคมที่มีกฎหมาย เขาประสบความสำเร็จอยู่ที่พม่าได้ แต่ที่นี่…” ซีเหมินน่งเย่ว์โคลงศีรษะพูด “ถ้าเธอไม่ใช่คนที่ลืมง่ายๆ น่าจะยังจำเลี่ยวก่วงได้สินะ?”

 

 

“ผู้บังคับบัญชาการเลี่ยวก่วง?” ซีเหมินจินเหลียนคิดถึงตำรวจอาชญากรรมที่เคยถูกนางพญางูขาวพันรัดที่คอ หรือว่าคนคนนี้จะเป็นคนของซีเหมินน่งเย่ว์? ใช้อำนาจของคนเบื้องสูง จากนั้นก็มากลั่นแกล้งหูชีเยี่ยน?

 

 

ซีเหมินจินเหลียนพูดจริงจัง “คุณซีเหมิน ถ้าฉันกับคุณทำข้อแลกเปลี่ยนกันมันก็เท่ากับว่ากำลังขอถลกหนังเสือน่ะสิคะ ดังนั้นฉันไม่มีทางบอกอะไรคุณหรอก ขอตัว!” พูดจบเธอก็หันตัวเตรียมลงไปข้างล่าง

 

 

ซีเหมินน่งเย่ว์มองจ่านมู่ฮวา จ่านมู่ฮวาถึงได้ถอนหายใจพูด “จินเหลียน ผมขอโทษ!”

 

 

“ไม่มีอะไรต้องขอโทษ ก็แค่ผลประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น!” ซีเหมินจินเหลียนใบหน้าเย็นยะเยือก

 

 

“เด็กๆ…” จ่านมู่ฮวาหันหน้าไปไม่กล้าสบตามองซีเหมินจินเหลียน แต่ส่งเสียงเคร่งขรึม “ช่วยทำให้คุณซีเหมินมาเป็นแขกที่คลับหยกหน่อย”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนเห็นชั้นล่างมีพวกชายรูปร่างน่าเกรงขามใส่ชุดสีดำเนื้อตัวกำยำ พวกเขาไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน รอให้จ่านมู่ฮวาบัญชาคำสั่งต่อไปอย่างเงียบๆ

 

 

“จ่านมู่ฮวา นายคิดจะทำอะไร?” จ่านป๋ายเดือดจัด

 

 

“ฉันก็อยากจะให้คุณซีเหมินอยู่เล่นที่คลับหยกสักสองวันก็เท่านั้น!” จ่านมู่ฮวาพูดพลางส่งสายตาเป็นสัญญาณให้จ่านป๋าย พร้อมพูดขึ้นอย่างเยือกเย็น “ทางที่ดีแกก็อย่ามาเสล่อเรื่องให้มาก รีบไสหัวไปให้พ้นจากฉันไกลๆ ตั้งแต่ตอนนี้เลย ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันเลือดเย็นแล้วกัน”

 

 

จ่านป๋ายตกตะลึง แต่ไม่นานก็ตั้งสติกลับมาได้ จ่านมู่ฮวาก็น่าจะถูกข่มขู่เหมือนกัน ความรู้สึกที่เขามีให้ซีเหมินจินเหลียนมีความจริงอยู่ในนั้นไม่น้อย บางทีอาจจะเป็นเพราะซีเหมินน่งเย่ว์ใช้จ่านอิ๋นมาข่มขู่เขา เพราะครั้งที่แล้วหูชีเยี่ยนก็ใช่รูปแบบเช่นนี้เหมือนกัน ตอนนี้ที่เขาไล่ตนไปก็เพื่อให้เขารีบไปตามหาหูชีเยี่ยน

 

 

ระหว่างหูชีเยี่ยนกับซีเหมินน่งเย่ว์ มันเหมือนปมที่ยากจะคลี่คลาย…ไม่มีใครตายก็ไม่มีวันหยุดพัก

 

 

“คุณซีเหมินไม่อยากจะให้ฉันมีชีวิตอยู่ ก็ไม่เห็นจะต้องเป็นศึกสงครามใหญ่ขนาดนี้เลยนี่คะ!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มน้อยๆ และหันไปขยิบตากับจ่านป๋าย บอกให้เขารีบออกไปจากที่นี่

 

 

จ่านป๋ายจ้องเขม็งไปทางซีเหมินน่งเย่ว์อย่างเ**้ยมโหด จ่านมู่ฮวาจึงพูดเสียงแหบแห้งอีกครั้ง “รีบไปสิ!”

 

 

จ่านป๋ายหันตัวรีบเดินลงไปข้างล่าง เมื่ออยู่หน้าประตูลิฟต์ไม่นาน ซีเหมินน่งเย่ว์กลับแสยะยิ้มเย็น “หยุดเดี๋ยวนี้…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด