ความลับแห่งจินเหลียน 174 น่าสังเวชเกินจะดู

Now you are reading ความลับแห่งจินเหลียน Chapter 174 น่าสังเวชเกินจะดู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สวี่เซวียนหยวนมองไปที่สวี่อี้หรานด้วยใบหน้ากระสับกระส่าย ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “อี้หราน!”  

 

“ครับ” สวี่อี้หรานรีบยืนตัวตรง     

 

“แกเป็นทายาทของเจ้าของเกาะหลิวลี่คนถัดไป” สวี่เซวียนหยวนถอนหายใจ “แกไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร ถ้าแกชอบเธอ ก็ไปตามจีบเธอซะ”   

 

“ผมเป็นแค่คนที่ใกล้ตาย แล้วจะมีคุณสมบัติอะไรไปจีบเธอได้ล่ะ?” สวี่อี้หรานนิ่งงันอยู่นานถึงพูด “อีกอย่างผมก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมชอบเธอจริงหรือเปล่า…แต่ช่วงนี้ที่อยู่ด้วยกันกับเธอตลอดผมมีความสุขมาก ความสุขที่ชั่วชีวิตนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อยากจะอยู่กับเธอตลอดไป”   

 

“ลูกชายที่ซื่อบื้อของฉันมีความรักเสียแล้ว” สวี่เซวียนหยวนถอนหายใจ “ถ้าแกไม่จีบ รอบตัวเธอมีแต่ผู้ชายเพอร์เฟ็คทั้งนั้น ถึงเวลาแกจะเสียใจ! แกน่าจะรู้ว่าผู้หญิงสวยตามท้องถนนสมัยนี้มีถมเถไป แต่ผู้หญิงที่เพียบพร้อมขนาดนี้หายากที่จะได้พบเจอ แกโชคดีที่เจอเธอ ถ้าหากพลาดโอกาสนี้ไป ชั่วชีวิตนี้แกก็อย่าคิดที่จะได้เจอคนที่มีเสน่ห์ขนาดนี้เลย เสน่ห์เฉพาะตัวเป็นสิ่งที่โกหกใครไม่ได้ และไม่ใช่เป็นเรื่องที่จะบ่มเพาะได้ง่ายเพียงแค่วันสองวัน มันเป็นเรื่องของการเลี้ยงดู…แม้ว่าจะตกอับแสนเข็ญขนาดไหนก็ปิดบังความสง่างามที่อยู่ในตัวไม่ได้หรอก”   

 

“ผมรู้ พ่อเคยบอกว่าผมเป็นคนแบบนั้น” สวี่อี้หรานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาไม่เข้าใจ เขามีเสน่ห์เฉพาะตัวอะไร ในเวลาเดียวกันเขาก็ไม่เข้าใจ ความจริงรูปร่างลักษณะหน้าตาของซีเหมินจินเหลียนไม่ใช่คนที่ติดในอันดับตัวเลือกต้นๆ ด้วยซ้ำ แต่ทำไมเธอถึงมีอะไรบางอย่างที่ทำให้คนลุ่มหลงได้ขนาดนี้  

 

แต่เขาก็ใจเต้นแรงเข้าแล้ว!  

 

พ่อของเขาเคยบอกว่า เขาเป็นผู้สืบทอดของเกาะคนต่อไป ทรัพย์สมบัติหลักร้อยล้าน ถ้าอยากจะหาผู้หญิงสวยสักคนจำเป็นต้องกลัดกลุ้มด้วยหรือ? แต่นอกจากผู้หญิงที่ตายไปด้วยน้ำมือของเขาคนนั้นแล้ว ก็มีแค่ซีเหมินจินเหลียนเท่านั้นที่ทำให้ใจของเขาเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ควบคุมอะไรไม่ได้  

 

“ถ้าชอบเธอ ก็ไปจีบเธอซะ!” สวี่เซวียนหยวนนั่งพิงเก้าอี้ลอบถอนหายใจพูด “แกก็อายุไม่น้อยแล้ว ถึงเวลาหาคู่ได้แล้ว”   

 

“ผมขอคิดดูก่อน” สวี่อี้หรานส่ายศีรษะพูด “พ่อ ไม่ต้องมาเดือดเนื้อร้อนใจเรื่องของผมหรอก”  

 

“ถ้าฉันไม่ห่วง แกก็ได้ไปขวางผู้หญิงอยู่หน้าประตูไม่เข้าท่าอยู่นั่น!” สวี่เซวียนหยวนแค่นเสียงเหอะ  

 

“ต่อจากนี้ไม่มีแล้ว!” สวี่อี้หรานยิ้มเจ้าเล่ห์  

 

“ไม่มีก็ดี” สวี่เซวียนหยวนโล่งใจ “หน้าตาของวงตระกูลสวี่ของเราถูกแกทำให้ขายขี้หน้ามากพอแล้ว ถ้าหากข่าวแพร่งพรายไป คนอื่นเขาจะคิดว่าพวกเราตระกูลสวี่ใช้อำนาจรังแกคนอื่น!”  

 

สวี่อี้หรานเบ้ปาก ไม่ปริปากพูดอะไรต่อ ศึกนัดเดิมพันของซีเหมินจินเหลียนกับอวิ๋นอวิ้นนัดไว้ที่ซุ่ยเย่ว์สวี่หยวน เพื่อจะแสดงถึงความยุติธรรม อวิ๋นอวิ้นก็ได้นัดนักประเมินราคาหยกของสมาคมมาอยู่หลายท่าน รวมไปถึงสวี่เซวียนหยวนก็ได้เป็นพยานในการนัดเดิมพันครั้งนี้  

 

 ไม่สนว่าซีเหมินจินเหลียนจะคิดอะไรอยู่ แต่ศึกการเดิมพันครั้งนี้ เธอเลือกเป็นเวลากลางคืน ในห้องรับแขกข้างในของซุ่ยเย่ว์สวี่หยวน ไฟส่องแสงสว่างจ้า สวี่เซวียนหยวนกับประธานสมาคมอัญมณีของหยางโจว รวมถึงผู้เชี่ยวชาญในการประเมินหยกอีกสองท่านเดินเข้ามาพร้อมกัน   

 

ในบ้านพักหรูหราสไตล์หยวนหลินของตระกูลสวี่ เกิดเหตุทำให้ผู้คนพากันตกตะลึงตามๆ กัน  

 

วันนี้อวิ๋นอวิ้นสวมใส่ชุดกี่เพ้า แม้ว่าจะผ่านช่วงเวลาสาวแรกแย้มไปแล้ว แต่เธอก็ยังคงดูแลรักษาหุ่นเป็นอย่างดี ขนาดริ้วรอยตามกาลเวลาก็ไม่ได้มีอยู่ตามตัวเธอให้เห็นมากเท่าไหร่   

 

ราชาหยกก้อนนั้นก็ได้ถูกลำเลียงมายังสถานที่แห่งนี้ นี่เป็นรางวัลเดิมพันของการเดิมพันในวันนี้ แน่นอนว่าจะไม่เอามาไม่ได้  

 

หยกราชางูกับราชาหยกถูกวางไว้อยู่ด้วยกัน หยกทั้งสองก้อนแม้ว่าจะวางไว้ในตู้กระจกใสกันกระสุนข้างใน แต่ภายใต้แสงไฟกลับส่องแสงวิบวับอยู่ตลอด หยกมีความละเอียดลื่นไหล เสริมกับความอิ่มน้ำโปร่งใส ทำให้ผู้เชี่ยวชาญประเมินหยกคลาดสายตาไปจากมันไม่ได้เลย  

 

หยกทั้งสองก้อนต่างมีลักษณะไม่ธรรมดา จนทำให้นักประเมินค่าหยกที่เคยพบเห็นหยกมาตั้งมากมายทั้งสองคนนี้เกือบจะสติหลุดไปในงานแล้ว     

 

วันนี้อวิ๋นอวิ้นนำหินหยกก้อนไม่ใหญ่มากเข้ามาร่วมแข่งขันเดิมพันหิน น่าจะหนักสักราวๆ สามสิบสี่สิบกิโลกรัม วางไว้ตรงกลางโต๊ะเป็นที่เรียบร้อย พร้อมเครื่องเจียระไนใหม่เอี่ยมอยู่สองเครื่องตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกล “ทำไมคุณซีเหมินยังไม่มา?” ประธานเซี่ย ประธานสมาคมอัญมณีของหยางโจวคนปัจจุบันถามขึ้น  

 

“น่าจะใกล้แล้วล่ะครับ!” สวี่เซวียนหยวนพูด สำหรับการเดิมพันในคืนนี้เขาสนอกสนใจเป็นอย่างมาก อยากจะดูว่าผู้หญิงที่มีฉายาว่าเจ้าหญิงหยกจะสามารถแสดงอะไรที่ไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไป?  

 

“มาแล้ว!” ได้ยินปากประตูมีเสียงเดินของรองเท้าส้นสูง ทำให้ผู้คนรวบรวมสายตาหันไปทางเดียวกัน มีแค่อวิ๋นอวิ้นที่นั่งติดเก้าอี้ไม่ขยับเคลื่อนที่ไปไหน  

 

พูดตกลงกันไว้ว่าสามทุ่มอย่างดิบดี เธอก็มาตรงเวลา สายตาเหลือบไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ข้างฝาผนัง เวลานี้เข็มชี้ไปที่เลขเก้าพอดิบพอดีไม่ขาดสักนาที!  

 

เหอะ! อวิ๋นอวิ้นแค่นเสียงในใจ อยากจะกดดันเธอ หรือเธอไม่คิดว่าลูกไม้ตื้นๆ แบบนี้มันเหมือนเด็กอ่อนประสบการณ์? วิธีแบบนี้เธอเคยใช้มาตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว ศึกในเมืองเช่นนี้ วิธีที่ดีที่สุดก็คือเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับสู้ศึก ดังนั้นเธอจึงมาที่นี่ตั้งแต่สองทุ่มสี่สิบเก้านาที และนั่งรออย่างไม่รีบร้อนใ        

 

ถึงวันนี้เธอจะไม่มา ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับเธอสักนิด เธอไม่เห็นจะสนใจตรงไหน   

 

ซีเหมินจินเหลียนสวมใส่กระโปรงยาวผ้าไหมสีขาว ชายกระโปรงมีลวดลายของดอกบัว สอดคล้องกับท่วงท่าการขยับตัวของเจ้าของอย่างสง่างาม  

 

จ่านมู่ฮวานั่งพิงอยู่บนเก้าอี้ เมื่อเห็นคนข้างกายของจ่านป๋ายคือซีเหมินจินเหลียนจึงอดไม่ได้ที่จะเหอะเสียงใส่ สายตาส่อแววระแคะระคาย  

 

ในมือของจ่านป๋ายโอบกระดาษหนังสือพิมพ์เก่าแก่ที่ห่อสิ่งของอยู่ด้านใน ไม่ต้องเปิดออกทุกคนก็รู้ดีว่าในมือของเขาคือหินหยกที่ซีเหมินจินเหลียนนำมาร่วมการแข่งขันในคืนวันนี้         

 

ทั้งสองฝ่ายผลัดกันดูหินของฝ่ายตรงข้าม จากนั้นเดิมพันสีและชนิด แต่ผู้ชนะที่ถูกตัดสินครั้งสุดท้ายก็ต้องดูลักษณะหินหยกที่เจียระไนออกมาของแต่ละคนด้วย ใครแกร่งกล้าอยู่ต่อไป ใครอ่อนแอก็ถูกกำจัด!     

 

การเดิมพันหินมีกฎตายตัวที่ไม่เคยแปรเปลี่ยน! จ่านป๋ายนำหินหยกในมือไปวางไว้บนโต๊ะ แต่ไม่ได้เปิดกระดาษหนังสือพิมพ์ออก ซีเหมินจินเหลียนนั่งลงบนเก้าอี้เป็นที่เรียบร้อย เขาถอยหลังไปสองก้าวและนั่งลงข้างเธอ   

 

“คุณซีเหมิน ถ้าคุณเตรียมตัวพร้อมแล้วเราเริ่มกันเลยไหมครับ?” ประธานสมาคมเซี่ยถาม  

 

 “แน่นอนค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า “ถ้าหากคนมาครบกันหมดแล้วก็เริ่มกันเถอะค่ะ ประธานเซี่ยใช่ไหมคะ?”  

 

“ใช่ครับ!” ประธานเซี่ยยิ้ม “คุณซีเหมินรู้จักผมด้วย”  

 

ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม เธอจะไปรู้จักเขาได้อย่างไร? ก็แค่เรื่องบังเอิญต่างหาก จ่านมู่ฮวาเป็นคนแนะนำให้เธอรู้จัก จากนั้นจึงพูดขึ้น “รบกวนให้ท่านช่วยประกาศกติกาของการเดิมพันและของเดิมพันอีกครั้งได้ไหมคะ จากนั้นพวกเราก็เริ่มกันเถอะ!”  

 

“คิดอยู่เหมือนกัน ฉันเองก็อยากจะกอดหยกราชางูนอนแล้วล่ะค่ะ” อวิ๋นอวิ้นพูด  

 

ซีเหมินจินเหลียนก่นด่าในใจ กอดหยกราชางูนอน? ขอให้ตกดึกงูตัวนั้นหนีออกมาทำร้ายเธอเสียให้เข็ด! แต่อวิ๋นอวิ้นก็อายุปูนนี้แล้ว หยกราชางูยังจะสนใจในเธออีกเหรอ? ไม่ถูกสิ! ซีเหมินจินเหลียนยิ่งคิดยิ่งเสียเปรียบ หมอมองโกลคนนั้นบอกว่าชีพจรของหยกราชางูคล้ายกับของเธอมาก ถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริงเธอก็ต้องมีความสัมพันธ์กับงูตัวนั้น ถ้าให้หยกราชางูไปจัดการเธอก็เสียเปรียบเกินไป  

 

“ผมเองก็อยากจะผ่าไข่ที่มีหยกอยู่ข้างในมาต้มให้จินเหลียนกินยามดึกเหมือนกันครับ” ฝีปากของจ่านป๋ายไม่เคยปราณีใคร  

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องดูแล้วล่ะว่าคุณซีเหมินของคุณ จะมีความสามารถครอบครองราชาหยกได้หรือเปล่า!” อวิ๋นอวิ้นยิ้ม  

 

“เอาเถอะ ประชันฝีปากกันไปมาก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอกค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนลุกขึ้นเดินไปตรงกลาง  

 

“จริงครับ” สวี่เซวียนหยวนไม่ได้พูดอะไรมานาน เวลานี้ถึงเอ่ยปากขึ้น “ผมเห็นหยกมาก็ไม่น้อย แต่ไม่เคยเห็นการเดิมพันหยกมาก่อน ทั้งสองท่านก็เปิดโลกทัศน์ให้กับผมเป็นอย่างมาก…หินหยกที่ล่อตาล่อใจพวกนั้นคิดไม่ถึงว่าจะเจียระไนมาจากหินหยกอัปลักษณ์พวกนี้”  

 

“ก็เหมือนกับคนเราที่ไม่สามารถดูได้จากภายนอกหรอกครับ” จู่ๆ สวี่อี้หรานแทรกขึ้นมา พูดจบก็ตั้งใจมองไปทางจ่านมู่ฮวา  

 

จ่านมู่ฮวาไม่เข้าใจ นี่เขาตั้งใจจะหาเรื่องใครกันแน่? หรือหมอมองโกลคนนี้สนใจในตัวซีเหมินจินเหลียน? ไม่อย่างนั้นเขาจะมาหาเรื่องตนทำไม เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า? คนที่เขาต้องเล่นงานคือจ่านมู่หรงสิ เขาไม่ได้พักร่วมกับซีเหมินจินเหลียนสักหน่อย หึ ไอ้หมอนั่นยังมาพักที่ของคนอื่นอีก  

 

ยิ่งคิด ภายในใจของจ่านมู่ฮวาก็มีแต่ความไม่สบายใจ จีบผู้หญิงคนหนึ่ง เขาเคยพ่ายแพ้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?  

 

“คนกับหยกไม่เหมือนกันหรอกครับ” จ่านมู่ฮวาตอบโต้กลับ “หากเป็นหยกที่ยังไม่ได้แกะสลัก ถูกแกะสลักเพียงไม่นานก็กลายเป็นเครื่องหยกแล้ว แต่คนเราไม่ใช่หยก แกะสลักอย่างไรก็ยังเป็นหินเท่านั้น”  

 

“ตระกูลสวี่ของเราไม่มีหินนะครับ” จู่ๆ สวี่เซวียนหยวนเอ่ยปากพูด  

 

จ่านมู่ฮวาอยากจะด่าคนอีกครั้ง แม้ว่าสวี่อี้หรานอยากจะจีบผู้หญิง แต่พ่ออย่างเขาจะยื่นมือเข้ามาสอดทำไม? ไม่ได้ เป็นแบบนี้ไม่ได้แล้ว ไม่สามารถให้ซีเหมินจินเหลียนพักที่สวี่หยวนได้อีกต่อไป ยิ่งอยู่ใกล้ชิดยิ่งอันตราย! อันตรายมาก  

 

แววตาของซีเหมินจินเหลียนตกไปอยู่ที่หินหยกก้อนนั้นที่อวิ๋นอวิ้นเป็นคนนำมา หินหยกธรรมดา ผิวสีน้ำตาล ไม่มีจุดหยก และยิ่งไม่ต้องพูดถึงเส้นลายหยก แน่นอนว่าไม่มีเนื้อหยกโผล่ออกมาให้เห็นแม้แต่น้อย เมื่อยื่นมือออกไปสัมผัสแล้ว ผิวลื่นละเอียด หากเผยสีเขียว เนื้อคงไม่เลวเลย  

 

ห้องรับแขกข้างในของบ้านตระกูลสวี่เปิดไฟสว่างจ้าทั่วทั้งห้อง หากอยากจะให้มันส่องแสงเปล่งประกายเพื่อดูแหล่งกำเนิดแสงคงไม่มีทางเป็นไปได้ แม้ดูหมอกก็ยังห่างไกลจากความจริงเลย  

 

เพราะภายใต้การจับตามองของสายตาหลายคู่ ซีเหมินจินเหลียนจึงต้องแกล้งทำท่าทำทางหยิบแว่นขยายกับไฟฉายขึ้นมาส่องอยู่นานสองนาน แต่ดูอะไรไม่ออกทั้งนั้น  

 

มือขวาสัมผัสลงไป ผิวสีน้ำตาลค่อยๆ เลือนหาย เผยให้เห็นสีสันที่สดใสข้างใน ซีเหมินจินเหลียนสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ อวิ๋นอวิ้นนะอวิ๋นอวิ้น คิดไม่ถึงว่าเธอจะมีของดีอยู่ในมือแบบนี้?  

 

สีสันที่สวยสดใส รออีกเดี๋ยวเมื่อถึงเวลาเจียระไนออกมาแล้ว เกรงว่าคงต้องสะพรึงไปทั้งงาน เพราะพื้นผิวช่างนุ่มลื่น โปร่งใสหาสิ่งใดเทียบเทียม  

 

ถ้าหากดูแค่ความชุ่มชื้นในตัวหยกอย่างเดียว เธอก็ยังไม่เคยเจอหยกที่ไหนที่มีความชุ่มชื้นได้มากขนาดนี้ ราวกับตัวของหยกเองมีความอิ่มน้ำเป็นอย่างมาก ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำคำหนึ่ง…เหมือนต้นหญ้าเขียวขจีอุดมไปด้วยความชุ่มชื้น!  

 

 อวิ๋นอวิ้นก็เอื้อมมือไปเปิดกระดาษหนังสือพิมพ์เก่าครึที่ห่อหินหยกของซีเหมินจินเหลียนเอาไว้ หินหยกที่ถูกตัดจนดูไม่ได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอ  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด