ความลับแห่งจินเหลียน 56 ชดใช้ด้วยชีวิตจนถึงที่สุด

Now you are reading ความลับแห่งจินเหลียน Chapter 56 ชดใช้ด้วยชีวิตจนถึงที่สุด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

 หลินเสวียนหลานถอนหายใจแล้วพูดขึ้นว่า “จินเหลียน คุณอย่าโกรธไปเลยนะ อาสะใภ้รองก็เป็นอย่างนี้ พื้นเพที่บ้านของเธอไม่ดี เลยยังติดพฤติกรรมย่ำแย่มา พอเข้ามาอยู่ในตระกูลก็ประจบคนที่รวยกว่าเธอ แต่ก็เหยียบย่ำผู้หญิงที่มีพื้นเพไม่ดีอย่างที่เธอเคยเป็นมาก่อน คิดแต่ว่าคนอื่นก็เหมือนกับเธอ ที่อยากจะเล่นเกมเพ้อฝันเป็นเจ้าชายกับเจ้าหญิงซินเดอเรลล่า”

 

 

“ฉันไม่ได้โกรธหรอกค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด เธอไมได้โกรธจริงๆ มีอะไรที่คู่ควรที่จะโกรธกัน เรื่องที่ไร้สาระกว่านี้เธอก็เคยเจอมาแล้ว

 

 

ห้องของคุณปู่หลินอยู่ทางทิศตะวันออก ตอนที่ซีเหมินจินเหลียนเข้าไปในห้อง เธอก็เห็นชายชรากำลังเอนกายอยู่บนเตียงด้วยท่าทางเหม่อลอย

 

 

หลินเสวียนหลานเดินเข้าไปแล้วเรียกขึ้น “คุณปู่ครับ”

 

 

ชายชราหลินถึงเงยหน้าขึ้นมามองเขา พร้อมพยักหน้าแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร หลินเสวียนหลานโค้งตัวลงมาแล้วกระซิบบอกเขาว่า “จินเหลียนมาแล้วครับ”

 

 

“อืม…” ชายชราหลินตอบรับพร้อมหันหน้ามามองซีเหมินจินเหลียน ถึงพูดกับหลินเสวียนหลานว่า “หลานออกไปก่อนเถอะ ปู่มีเรื่องที่ต้องคุยกับคุณซีเหมินตามลำพังสักหน่อย”

 

 

หลินเสวียนหลานไม่เข้าใจ แต่ก็พยักหน้าลงตอบรับแต่โดยดี “ครับ” เขาพูดพลางอดไม่ได้ที่จะหันไปมองซีเหมินจินเหลียน

 

 

ซีเหมินจินเหลียนเห็นเขาอย่างนั้นก็ได้แต่ยิ้ม หลินเสวียนหลานเพิ่งเดินออกไปพร้อมเดินปิดประตูลง ชายชราหลินเห็นหลินเสวียนหลานออกไปแล้วถึงเริ่มพูดขึ้นว่า “คุณซีเหมิน เชิญนั่งก่อนสิ”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับเตียงของชายชราหลิน พร้อมพูดทักทายว่า “สวัสดีค่ะคุณปู่หลิน” ไม่ได้เจอตั้งหลายเดือน ชายชราหลินก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ร่างกายซูบผอมเหมือนหนังหุ้มกระดูก เดิมทีที่หน้าตาผ่องใสมีสีเลือดฝาด ตอนนี้กลับเหลือแต่ใบหน้าเฒ่าชราซีดเซียว

 

 

แต่ว่าเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ซีเหมินจินเหลียนยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง ชายชราหลินยังคงมีสติครบถ้วนดีอยู่ ยังไม่ถึงขนาดหมดหนทางในการรักษาขั้นนั้นนี่นา ทำไมโรงพยาบาลให้เขากลับมาโดยไม่รักษาอะไรเลย

 

 

“คุณซีเหมิน อันนี้คืนให้คุณ” ชายชราหลินควานมือสั่นระริกหยิบหาหยกสีเขียวสดที่อยู่ใต้หมอนขึ้นมา พลางพูดออกมา “เก็บมันไว้ก็มีแต่ปัญหา มิสู้คืนคุณเสียดีกว่า”

 

 

“ทำไมคุณปู่หลินพูดแบบนั้นล่ะคะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “ไม่มีใครที่ให้ของขวัญแล้วยังรับคืนกลับมาแบบนี้หรอกนะคะ อีกอย่างจะว่าไปแล้วคุณปู่หลินก็มอบของขวัญให้ฉันเหมือนกันไม่ใช่เหรอคะ”

 

 

“อันนั้นเรียกว่าของขวัญยามพบหน้า” คุณปู่หลินรีบอธิบาย “คนอายุมากพบเจอคนอายุน้อย มักจะต้องให้ของขวัญเมื่อเจอกันเป็นธรรมดาไม่ใช่หรือ”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนยิ้มอย่างทำตัวไม่ถูก เอาเถอะ หยกนี่เดี๋ยวค่อยให้หลินเสวียนหลานก็แล้วกัน ของที่ให้ไปแล้วจะรับกลับมาไม่ได้ แต่สาเหตุที่คุณปู่หลินอยากจะเจอเธอคงจะไม่ใช่แค่อยากคืนหยกง่ายๆ แค่นั้นหรอกนะ

 

 

“อายุห่างกันหนึ่งรอบ เธอก็อายุน้อยกว่าฉันมาก” อยู่ๆ ชายชราหลินก็พูดขึ้นมา

 

 

“หืม?” ซีเหมินจินเหลียนไม่เข้าใจ รอบอายุนี่คิดยังไงกันนะ

 

 

“เธออยากจะฟังเรื่องราวประวัติความเป็นมาก่อนจะมาเป็นตระกูลหลินของชายชราแก่ๆ อย่างฉันไหม?” ชายชราหลินเจตนามองไปที่ซีเหมินจินเหลียนครู่หนึ่งแล้วถาม

 

 

“อยากฟังสิคะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า

 

 

“ฉันก็ไม่ใช่คนเซี่ยงไฮ้หรอก” สายตาของชายชราหลินมองไปที่แสงแดดภายนอกหน้าต่าง แล้วหันไปมองซีเหมินจินเหลียนถึงเริ่มพูดออกมา “พื้นเพฉันเป็นคนเจียหยาง คุณก็รู้ว่าเมืองเจียหยางเป็นเมืองเฟื่องฟูของนักเดิมพันหินหยก เพราะว่ามีการเดิมพันหินหยก การพนันหลากหลายเลยผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว คุณเป็นผู้หญิงคงไม่เคยไปยุ่งกับเรื่องแบบนี้สินะ?”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า เธอเคยไปเจียหยาง แต่ไม่เคยร่วมเล่นการพนันอื่นๆ นอกเสียจากเดิมพันหินหยก แม้ว่าเธอจะเคยได้ยินเรื่องนี้ผ่านหูมาบ้าง

 

 

“พ่อของฉันก็จากไปไว เพราะอย่างนั้นตั้งแต่เด็กๆ ก็ไม่มีใครมาคอยตามดูแลฉัน ฉันเลยใช้ชีวิตอยู่ที่ถนนหยกโบราณที่เมืองเจียหยาง ใช้การเดิมพันหินหยกมาเป็นหลักชีวิต แต่ก็มักจะแพ้เดิมพันจนไม่เหลืออะไร” ชายชราหลินหัวเราะขึ้นมา ตอนนั้นเขายังหนุ่มแน่น มีพละกำลังในการหาเงิน จะให้ทำอะไรก็ทำหมดทั้งนั้น

 

 

“วีรบุรุษไม่กลัวพื้นเพที่ไม่ดี คุณปู่หลินประสบความสำเร็จจนมีวันนี้ได้ก็เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายแล้วค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้น แม้ว่าหลินเจิ้งกับหลินเหวินจะไม่ได้ช่วยอะไร แต่ชายชราหลินก็ใช้มือเปล่าทั้งสองสร้างบ้านขึ้นมา มีธุรกิจใหญ่โตมหาศาลได้ มันเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย

 

 

“วีรบุรุษหรือ?” ชายชราหลินส่ายหน้า เขาจะคู่ควรกับคำนี้ได้อย่างไรกัน   

 

 

“ทรัพย์สมบัติของทางบ้านที่เหลือไว้เป็นมรดกครอบครัวก็ถูกฉันชะล้างไปจนหมด เป็นเพราะฉันแพ้เดิมพัน ชื่อเสียงเสื่อมเสียก็กระจายไปทั่วทั้งถนนหยกโบราณ จนไม่มีใครยินยอมจะคบหาหรือสนใจ แม้กระทั่งเพื่อนเก่าแก่ของคุณพ่อฉันก็ดูถูกฉันได้ หน้าหนาวปีนั้นฉันรู้จักกับคนคนหนึ่ง…ผู้ชายคนที่ดูเหมือนจะอายุเยอะกว่าฉันไม่มาก…” ชายชราหลินพูดต่อไป

 

 

ซีเหมินจินเหลียนคิดอยู่ในใจ ไม่ค่อยเข้าใจเขาสักเท่าไหร่นัก คนคนนี้สินะถึงเป็นกุญแจสำคัญที่ชายชราหลินอยากจะเจอ

 

 

“เขาเลยรับฉันมาไว้ให้ติดตามข้างตัว นอกจากฉันแล้วก็ยังมีอีกคน…คนที่โดยปกติจะสอนหลักในการเล่นเดิมพันหยกให้กับพวกเรา ใช้ให้พวกเราวิ่งออกไปจัดการเรื่องให้ ส่วนตัวเขาเองก็ไปเดิมพันหินที่เมืองเจียหยาง แน่นอนว่าต้องเล่นการพนันอื่นๆ ไปด้วย สายตาของเขาเฉียบคมราวกับเหยี่ยว สามารถได้เดิมพันหยกชั้นดีมาตลอด ถึงแม้ว่าเขาจะสอนความรู้เรื่องการเดิมพันหินให้กับพวกเรามาบ้าง แต่ก็ไม่เคยยอมรับให้พวกเราเป็นผู้สืบทอด” ชายชราหลินพูดเท่านี้สายตาก็เหม่อลอยมองไปที่นอกหน้าต่าง

 

 

ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้รีบร้อนเขาให้พูดต่อ ทำเพียงแค่รอฟัง

 

 

เป็นอย่างที่คิด เมื่อทิ้งช่วงไปครู่หนึ่ง ชายชราหลินก็พูดต่อว่า “เขาได้เก็บรวบรวมของชั้นดีไว้ วันนั้นแกะหินออกมาเป็นหยกฮกลกซิ่ว แต่ยังไม่ได้เอาไปขาย เอากลับมา ส่วนฉันเห็นของดีอยู่ตรงหน้าก็ใจเต้นแรง คืนวันนั้นใช้โอกาสที่เขาเข้านอนแอบย่องเข้าห้องเขาแล้วขโมยหินก้อนนั้นมา…”

 

 

“นั่นเป็นหยกแก้วชนิดโบราณกับหยกสามสีสีแดงเขียวม่วง สีใสสะอาด ความโปร่งแสงสูง น้ำงามสว่างไสว เป็นหยกชั้นดีเท่าที่เคยเห็นมา หยกก้อนนั้นน่าจะหนักประมาณสามสิบกิโลกรัมได้ ด้วยหยกก้อนนั้น ฉันเลยพูดโน้มน้าวให้เพื่อนสนิทของพ่อบางคน ขายกิจการที่เมืองเจียหยางทิ้ง แล้วย้ายมาอยู่ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ด้วยกัน พวกเราร่วมมือกันเปิดบริษัทหลินซื่อ” ชายชราหลินพูด

 

 

“หา!” ซีเหมินจินเหลียนพูดได้แค่นี้ หยกฮกลกซิ่วชนิดแก้วหนักสามสิบกิโล เกรงว่าสำหรับคนนั้นแล้วไม่น่าจะเป็นอะไร? ถ้าหากคนนั้นเป็นตัวละครหลักในเรื่องนี้

 

 

ชายชราหลินยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “เขามีลูกศิษย์เรียกว่าเจียหยวนฮว่า ฉายาของเขาคือราชาแห่งการเดิมพันหิน ได้ยินมาว่าเขาเรียนวิชามาแค่เล็กน้อยเท่านั้น…”

 

 

“คุณปู่หลินคะ คนที่คุณพูดถึงใช่คนที่แซ่หูหรือเปล่าคะ” ซีเหมินจินเหลียนอมยิ้ม ผู้อาวุโสหูแปลกประหลาดคนนั้นดูมีอะไรจริงๆ ด้วย

 

 

“เขามาเมืองเซี่ยงไฮ้ ก็เพื่อมาหาหยกก้อนนั้น” หลินเสวียนหลานพยักหน้า “หยกก้อนนั้นถูกพวกเราตัดมาทำเป็นเครื่องประดับหลากหลายชนิด ก่อนจะขายไปตั้งนานแล้ว ของฉันเองก็เก็บสะสมเป็นกำไลหนึ่งคู่ ฉันไม่มีปัญญาเลยได้แต่รวบรวมของที่เก็บสะสมตลอดปีนี้รวมถึงหยกสีเขียวสดที่คุณให้มาออกมารวมกันไว้ ถึงแม้ว่าราคาของของพวกนี้จะประเมินราคาสู้หยกก้อนนั้นไม่ได้ แต่ก็หวังว่าเขาจะปล่อยพวกเราไป…”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้พูดอะไร เรื่องแบบนี้เธอไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี แต่ไม่รู้ว่าทำไมดูเหมือนชายชราหลินจะกลัวผู้อาวุโสหูเป็นอย่างมาก สิ่งที่เธอไม่เข้าใจก็คือชายชราหลินในตอนนี้ที่มีเงินมีอำนาจ มีบ้านมีธุรกิจ นอกจากนี้ฟังที่จ่านป๋ายบอกเล่าถึงประวัติชายชราหลินตอนวัยรุ่นดูเหมือนไม่ได้ทำเรื่องสุจริตมาก ตามหลักการแล้วเขาไม่ควรจะเกรงกลัวผู้อาวุโสหูถึงจะถูก

 

 

ผู้อาวุโสหูกล้ามาขอหยกจากเขา ภายใต้ความโกรธในตัวของชายชราหลินทำให้เขามาอยู่ในเมืองเซี่ยงไฮ้

 

 

ชายชราหลินไม่รู้ว่าในใจของซีเหมินจินเหลียนคิดอะไรอยู่ ความจริงถ้าเป็นไปได้ เขาก็ยังคิดจะทำแบบนี้ อุตส่าห์มือเปล่าไต่เต้าปีนขึ้นมาถึงจุดนี้แล้ว คนที่มีคุณธรรมก็มีไม่เยอะ แต่เขารู้สัญชาตญาณของผู้อาวุโสหู แถมยังรู้ว่าเขามีผลต่อวงการนี้ ถ้าหากตัวเองกล้าทำอะไรบ้าบอไป เกรงว่าอนาคตจะสร้างความเดือดร้อนไปยังรุ่นลูกรุ่นหลานต่อไป

 

 

ผู้อาวุโสหูจัดการเรื่องอะไร มักจะรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ ขอแค่เขาตายไปเขาก็ไม่น่าจะไปหาเรื่องคนอื่น

 

 

คนที่พึ่งกลับมาจากโรงพยาบาลอย่างชายชราหลิน กลับปฏิเสธการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล แถมยอมรับอาการป่วยที่ตัวเองเป็น แต่ปัญหาในบ้านนี้เลยเถิดกว่าที่เขาคิดไปมาก คิดไม่ถึงว่าลูกสะใภ้และหลานสาวจะทะเลาะกันเองในบ้าน เมื่ออารมณ์ขึ้น อาการป่วยก็ทรุดหนักลง เสริมกับอายุอานาปูนนี้แล้ว เรื่องธุรกิจเขารู้ว่าน่าจะใกล้พังทลายหมดแล้ว

 

 

 ครั้งนี้ที่หลินเจิ้งซื้อหยกกลับมา พื้นผิวของหยกดูดีแต่เมื่อตัดออกมากลับเป็นหินสีขาว ถึงจะมีแค่หยกสีเขียวเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าเอาออกมา

 

 

เขาดูคนผิดเอง ไม่น่าเชื่อเขาตั้งแต่แรก

 

 

มักจะคิดเสมอว่าลูกคนนี้มีความแกร่งกร้าว ไม่เหมือนกับหลินเสวียนหลานและหลินเหวินที่เป็นคนนุ่มนวลอ่อนไหว ทำเรื่องอะไรก็ไม่กล้าตัดสินใจ แต่พอมาวันนี้แล้ว นอกจากเรื่องวุ่นวายไม่เป็นเรื่อง หลินเจิ้งก็ทำเรื่องอะไรไม่ได้เลย

 

 

“ครูผู้มีพระคุณเคยบอกว่า หยกนี้เป็นของคุณ ตอนนั้นผมก็แปลกใจมาก ไม่รู้ว่าเขารู้ได้อย่างไร” ชายชราหลินจัดการความคิดที่ยุ่งเหยิงทั้งหมดแล้วพูดออกมาอีกครั้ง “ตามที่เขาอธิบาย ฝีมือการแกะสลักนี่ มีแค่ผู้สืบทอดทางสายเลือดของเขาถึงทำได้”

 

 

“คุณปู่พูดเรื่องอะไรกันคะ” ซีเหมินจินเหลียนหัวเราะออกมาพูดไปว่า “คุณปู่หลิน ฉัน ไม่ใช่พูดถึงคุณ แต่พูดถึงท่านผู้อาวุโสหูคนนั้น ตอนที่ฉันไปเจียหยางครั้งนี้ได้มีโอกาสเจอเขาแค่สองครั้งเท่านั้น ที่เหลือก็ไม่เคยเจอเขามาก่อน ส่วนฝีมือในเรื่องการแกะสลักหยก นั่นเป็นเพราะครูของฉันสอนให้ ไม่มีความข้องเกี่ยวกับเขาเลยแม้แต่น้อย”

 

 

ชายชราหลินหัวเราะพร้อมส่ายหน้า “ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่รู้แล้ว ครูผู้มีพระคุณดูรู้เรื่องเยอะ อาจจะมีเหตุบังเอิญอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะพูดยังไง ฉันก็ติดหนี้ครูมากเหลือเกิน เขาสอนให้ฉันเล่นเดิมพันหยก แต่ฉันไม่เคยตอบแทนบุญคุณของเขาเลย แถมยังไปขโมยหยกของเขาอีก คุณซีเหมิน ในเมื่อคุณเป็นผู้สืบทอด ฉันขอร้องให้คุณช่วยฉันขอร้องต่อหน้าผู้อาวุโสให้หน่อย ฉันติดหนี้เขา ฉันจะชดใช้ด้วยชีวิตตัวเองจนถึงที่สุด เพียงแค่อยากจะให้เขาอย่าทำอะไรคนในตระกูลหลินคนอื่นๆ เลย ลูกหลานพวกนี้เขาไม่รู้เรื่องอะไร”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกสับสน นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ เธอกับผู้อาวุโสหูไม่ได้สนิทกัน แล้วจะให้เธอไปพูดเรื่องนี้เพื่ออะไร? จะว่าไปนี่เป็นเรื่องศิษย์กับอาจารย์ มันเกี่ยวอะไรกับเธอ ถึงผู้อาวุโสหูจะดูแปลกประหลาด แต่นิสัยก็ไม่ได้แย่ การที่มาขอหยกนั้นคืนก็พอเข้าใจได้ แต่จะมาเอาชีวิตก็ไม่รู้จะพูดยังไงดี

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด