ความลับแห่งจินเหลียน 93 เดิมพันสี

Now you are reading ความลับแห่งจินเหลียน Chapter 93 เดิมพันสี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อซีเหมินจินเหลียนเดินเข้าไปก็รู้สึกตาแวววาวไปหมด นี่เหมือนกับงานนิทรรศการแสดงสินค้าเมื่อตอนกลางวันเลย แบ่งแยกเป็นแต่ละบริษัท แต่จะแตกต่างกันตรงที่ภายใต้แสงไฟ แทนที่จะเป็นเครื่องประดับอัญมณีระยิบระยับ กลับเป็นหินหยกต่างๆ นานา 

 

ของธรรมดาเหล่านี้เมื่อมองดูแล้วก็แทบจะไม่ต่างจากหินก่อสร้างธรรมดาทั่วไป ภายใต้แสงไฟวางกองตั้งตระหง่านอย่างไม่ปกปิดสายตา     

 

ด้านหน้าของแต่ละบริษัทล้วนมีโต๊ะยาวๆ วางหินหยกหลากหลายสีสันและชนิดของหยก แต่ละชิ้นต่างมีหมายเลขและราวถึงราคาบ่งบอกอยู่ 

 

“นี่มันก็ช่างเป็นการเดิมพันที่หรูหราจริงๆ” ซีเหมินจินเหลียนเหลือบไปมองที่อัตราต่อรองแล้วพูดพล่ามไม่หยุด 

 

“คุณจะวางเดิมพันไหม” จ่านมู่ฮวายิ้ม 

 

“ฉันว่าจะดูก่อน” ซีเหมินจินเหลียนพูด “คุณจะใจร้อนไปทำไมกัน?” 

 

“ผมเตรียมจะดูทิศทางลมน่ะ” จ่านมู่ฮวาว่าพลางยิ้มขึ้น 

 

ซีเหมินจินเหลียนสงสัย ทิศทางลม? อะไรของเขากัน? จ่านมู่ฮวาอยู่ด้านหลังเธอแล้วกระซิบพูดขึ้นว่า “ผมเชื่อสายตาในการเดิมพันหยกของคุณ เพราะอย่างนั้นผมจะวางเดิมพันตามคุณ ให้ผู้จัดงานวันนี้ แม้แต่กางเกงในก็ต้องชดใช้ให้ผม” 

 

“คุณ…” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินอย่างนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาน้อยๆ “คุณเตรียมเงินมาเล่นเท่าไหร่” 

 

“ไม่เยอะหรอก เท่านี้!” จ่านมู่ฮวาชูนิ้วมือขึ้นมาหนึ่งนิ้ว 

 

“สิบล้าน?” ซีเหมินจินเหลียนลองถามหยั่งเชิงขึ้น ถ้าหากไม่ใช่ อย่างนั้นจ่านมู่ฮวาก็คงจะบ้าไปแล้วจริงๆ 

 

“ไม่ใช่” จ่านมู่ฮวาส่ายหน้า 

 

“ร้อยล้าน?” ซีเหมินจินเหลียนเลิกคิ้วขึ้น 

 

จ่านมู่ฮวาพยักหน้าพูดขึ้นว่า “ถ้าไม่พอ ผมก็สามารถเพิ่มได้อีกสักสิบยี่สิบล้าน” 

 

“คุณก็ไม่คิดเลยเหรอว่าถ้าหากแพ้เดิมพันแล้วจะเป็นอย่างไร?” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม ในใจมีความคิดชั่วร้ายขึ้นมา ถ้าหากเธอตั้งใจให้จ่านมู่ฮวาเดิมพันแพ้ แล้วทำให้หนึ่งร้อยล้านหายไป ดูสิว่าหลังจากนี้เขายังจะกล้าอวดดีแบบนี้อีกหรือเปล่า? 

 

“ถ้าหากแพ้ ช่วงนี้ผมก็แค่มีเงินทองไม่คล่องมือเท่านั้น” จ่านมู่ฮวาพูดราวกับไม่สะทกสะท้าน 

 

ในใจของซีเหมินจินเหลียนได้แต่แค่นเสียงเย็น ผู้ชายคนนี้ก็ไม่ใช่แค่มีเงินธรรมดาๆ เขาคิดว่าเงินหนึ่งร้อยล้านก็เอาออกมาเล่นได้เฉยๆ ไม่ได้มีค่าอะไร 

 

“จินเหลียน ผมขอตกลงอะไรกับคุณหน่อยได้ไหม” จ่านมู่ฮวายิ้ม “คุณอย่าวางกับดักผม เงินทุนผมเป็นคนออกเอง แล้วถ้าหากชนะพวกเราจะแบ่งกันอย่างยุติธรรม เป็นอย่างไร?” 

 

ซีเหมินจินเหลียนก่นด่าเขาอยู่ในใจ เขานี่มันปลิ้นปล้อนเหมือนปีศาจ! แต่เธอกลับพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น ถ้าหากเขาใช้บัญชีของเขา ถ้าหากอยากจะได้เงินสักเล็กน้อยจากการเดิมพันหินใหญ่ ก็ไม่อาจจะกระทำการที่เอิกเกริกเกินหน้าเกินตาได้ ไม่เช่นนั้นคงต้องตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่นแน่อีกอย่างถ้าหากเป็นจุดสนใจแล้ว ในอนาคตบริษัทจิวเวอรี่ของเธอคงต้องได้รับแรงบีบคั้นจากบริษัทอื่นๆ แน่ เช่นนั้นก็จะไม่สะดวกในการพัฒนาในบริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่ของเธอ สู้ใช้บัญชีของจ่านมู่ฮวาในการเล่น มีเงินแต่ไม่เล่นนั่นก็โง่แล้ว เธอไม่เคยลืมว่าตอนแรกคนอื่นๆ ต่างก็รังเกียจที่เธอจน  

 

“ว่าอย่างไรครับ?” จ่านมู่ฮวาถาม 

 

“ตกลงค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ใช้บัญชีของคุณและเงินของคุณในการวางเดิมพัน จากนั้นก็แบ่งเปอร์เซ็นต์สี่ต่อหกก็โอเคแล้ว” 

 

“สี่ต่อหกเหรอ?” จ่านมู่ฮวาฝืนยิ้มถามขึ้น 

 

“ฉันสี่ คุณหก!” ซีเหมินจินเหลียนรู้ว่าเขาเข้าใจผิดเลยอธิบายออกไป 

 

“ไม่ต้องหรอก แบ่งเป็นห้าต่อห้านั่นล่ะครับ” จ่านมู่ฮวาพูด “ผมเอาเปรียบคุณไม่ได้หรอก” 

 

“คุณกับผู้จัดงานที่นี่มีความแค้นต่อกันหรือยังไง?” จู่ๆ ซีเหมินจินเหลียนก็ถามขึ้นมา เมื่อสักครู่ที่เธอกวาดสายตามองหินหยกมากมาย ถ้าหากเดิมพันสี ถึงจะเปิดเป็นสิบต่อหนึ่งของอัตราต่อรอง ถ้าหากวางเดิมพันถูกก็วางเดิมพันหนึ่งร้อยล้านเข้าไป ผู้จัดงานต้องชดใช้ให้หนึ่งพันล้าน นี่ไม่ใช่ตัวเลขที่น้อยเลย 

 

สำหรับคนธรรมดาแล้ว แม้แต่เทพเจ้ายังยากที่จะวิเคราะห์ลักษณะข้างในเนื้อหยกได้ แต่เธอกลับทำมันได้ออกมาอย่างไม่มีข้อผิดพลาด 

 

“ก็ไม่ใช่ว่ามีความแค้นอะไรหรอก” จ่านมู่ฮวาพูด “เพียงแค่สามปีก่อน ผมแพ้อย่างราบคาบ ก็แค่หวังว่าครั้งนี้จะกู้หน้ากลับคืนมาได้ก็เท่านั้น” 

 

“ผู้จัดงานครั้งนี้คือใครกัน” ซีเหมินจินเหลียนถาม 

 

“ครั้งนี้เป็นงานนิทรรศการสินค้าอัญมณี เป็นบริษัทซูที่ร่วมมือกับทางบริษัทอัญมณีจากทางฮ่องกงหลายแห่งเป็นคนจัดขึ้นมา และติดต่อกับบริษัทอัญมณีในประเทศหลากหลายร้อยบริษัท ทำให้ขอบเขตกว้างมาก แต่การเดิมพันหินเป็นสิ่งหลักที่เขาทุ่มเงินลงไป” จ่านมู่ฮวาถอนหายใจเข้าไปลึกๆ “สามปีก่อนภรรยาม่ายของตระกูลซูก็กวาดเงินจากงานนิทรรศการอัญมณีไปได้เท่านี้” พูดพลางเขาก็ทำมือขึ้น 

 

“แปดร้อยล้าน?” ซีเหมินจินเหลียนลอบสูดหายใจ “ฉันก็ยังเป็นคนจนอยู่เหมือนเดิม” 

 

“ภรรยาม่ายคนนั้นบ้าไปแล้วต่างหาก!” จ่านมู่ฮวาพูดถึงภรรยาม่ายแห่งบริษัทตระกูลซูคนนั้นแล้วกัดฟันไม่หยุด 

 

ซีเหมินจินเหลียนเห็นท่าทีเช่นนั้นแล้วก็ไม่เพียงแต่หัวเราะออกมา เมื่อเห็นท่าทางของเขาแบบนี้ก็ทำให้เธอชักจะสงสัยแล้วว่าภรรยาแห่งตระกูลซูคนนั้นจะเคยทอดสะพานให้เขามาก่อนหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เกลียดจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันขนาดนี้? 

 

“ภรรยาตระกูลซูคนนั้นสวยมากไหม” ซีเหมินจินเหลียนลองถามขึ้น 

 

“สวยมากๆ” จ่านมู่ฮวาพูด “ตามหลักแล้วการชมผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าคุณว่าสวย มันเป็นเรื่องที่เสียมารยาท อีกอย่างตอนนี้ผมก็ยังตามจีบคุณอยู่ แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ว่าจะยืนอยู่ที่ไหน ก็เหมือนมีออร่าพุ่งกระจายไปทั่วเหมือนกับกำไลประกายดาวของคุณนั่น จะปกปิดความเจิดจ้าอย่างไรก็ปกปิดไม่ได้ คุณก็ว่าจางต่งเอ๋อร์สวยแล้วใช่ไหมล่ะ แต่นั่นเป็นเพราะว่าคุณยังไม่เคยเห็นเธอมาก่อน”     

 

ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งสนใจภรรยาแห่งตระกูลซูคนนั้นเข้าไปอีก จ่านมู่ฮวาก็หน้าตาดูดีมากแล้ว อาจจะดีเกินไปด้วยซ้ำ เขาเป็นราวกับผู้ชายหล่อในตำนาน… 

 

การที่ทำให้คนเทิดทูนความงดงามของผู้หญิงคนหนึ่งได้ขนาดนี้ เธอจะต้องสวยเพริศพริ้งขนาดไหนกันนะ? 

 

“ภรรยาตระกูลซูคนนี้สวยจริงๆ เพียงแต่ว่าอำมหิตไปหน่อย” จ่านมู่ฮวากระซิบพูด “ได้ยินมาว่า สามีของเธอก็ตายเพราะถูกเธอวางยา” 

 

“ฉันว่าคุณเนี่ย ยังไม่ได้เธอใช่ไหม ถึงได้พูดใส่ร้ายแบบนี้!” ซีเหมินจินเหลียนพูด 

 

“จินเหลียน คุณก็ดูถูกผมเกินไปแล้วนะ” จ่านมู่ฮวายิ้ม นอกจากซีเหมินจินเหลียนแล้ว ผู้หญิงคนอื่นก็พร้อมจะเข้ามาในอ้อมกอดของเขาทั้งนั้น ผู้หญิงสวยบางครั้งก็เหมือนผู้ชาย ผู้หญิงส่วนมากถึงกับยินดีที่จะทำทุกอย่าง ขอแค่ได้อยู่ระดับเดียวกันกับเขา 

 

“แม้แต่แม่ม่ายคุณยังไม่ปล่อยเลย” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจจ้องไปที่เขา 

 

จ่านมู่ฮวาได้ยินเช่นนั้นก็รู้ว่าติดกับเธอเข้าแล้ว ชั่วขณะนั้นสีหน้าก็เคร่งขรึมลง “ผมไม่ได้ทำ โอเคไหม?” 

 

ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม ไม่ได้พูดคุยเรื่องไร้สาระกับเขาต่อ เริ่มกวาดสายตาเพื่อตรวจสอบหินหยกของแต่ละบริษัทอย่างจริงจัง เพราะเงื่อนไขเป็นการเดิมพันทั้งตัว นี่เป็นสิ่งที่ต้องใช้สายตาอย่างพิถีพิถันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ในเมื่อเป็นการเดิมพันสีเดิมพันชนิด แน่นอนว่าหินหยกทั้งหมดย่อมมีมากมายให้เลือกคณามือ 

 

เริ่มแรกเธอมองไปที่หินหยกก้อนที่เขียนสัญลักษณ์ไว้ว่ามาจากบริษัทอัญมณีจากฮ่องกงก้อนนั้น ขนาดของหินหยกไม่ใหญ่มาก น่าจะสักสามสี่สิบกิโลกรัมได้ ลักษณะของผิวดีเลยทีเดียว จุดหยกปาไปเกือบครึ่งก้อน มีเส้นลายหยกอยู่หนึ่งเส้นคาดรอบไว้ที่หินหยกก้อนนั้น แม้ว่าจะเป็นการเดิมพันทั้งหมด แต่ยังมีการเปิดเผยเนื้อเปลือยหยกเล็กน้อยออกมาให้เห็น คิดไม่ถึงว่าจะเป็นหยกสีเขียวสดเนื้อแก้ว เปลือกผิวสีเหลืองน้ำตาล นี่น่าจะเป็นชนิดผิวเปลือกบาง 

 

ข้างๆ กันนั้นมีหินหยกสีสันต่างๆ พร้อมราคาต่อรองของแต่ละชนิด ซีเหมินจินเหลียนมองดูแล้วเดินไปเพื่อตรวจสอบลวดลายของหยกอย่างประณีต ช่วงนี้เธอแกะหินและเดิมพันหินมามาก ก็พอเข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะหยกที่กำเนิดแสงได้ในตัวเอง เธอดูได้อย่างแม่นยำ 

 

เพียงแต่หินหยกที่สามารถกำเนิดแสงได้ในตัวเองมักจะเป็นของชั้นดี มีน้อยเกินไป เพราะฉะนั้นตอนที่เธอเจียระไนผ่าหยก จึงค่อยๆ เริ่มค้นพบว่าลวดลายของผิวเปลือกบางทีก็มีความสัมพันธ์กับเนื้อของหยกข้างในเป็นอย่างมาก จากนอกสู้ใน ย่อมเป็นเรื่องที่ยาก แต่จากในไปสู่นอกเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ยิ่งนานวันเข้าเธอเริ่มหาช่องทางเจอ    

 

 ข้างๆ แม้ว่าจะมีผู้รับผิดชอบของบริษัทอัญมณีนี้คอยดูแลอยู่ แต่ในสถานการณ์แบบนี้ ก็ย่อมอยากจะให้ผู้เดิมพันสีต่างมาดูหินหยก 

 

 ซีเหมินจินเหลียนเฝ้าดูเส้นทางลวดลายของเปลือกผิวที่ปรากฏ มองจดจ้องไปประมาณสามถึงสี่นาทีในใจก็เต้นแรง หินหยกก้อนนี้มีบางอย่างผิดปกติ ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ ลักษณะข้างในของมันน่าจะต่างจากเปลือกผิวที่ดูโดดเด่น     

 

ในใจเธอคิดอย่างนั้น จากนั้นมือขวาสัมผัสลงไป เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ผิวเปลือกสีเหลืองแกมน้ำตาลค่อยๆ หายไป คิดไม่ถึงว่าจะมีหยกสีเขียวติดเปลือกอยู่นิดหน่อย ข้างในไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตร ไม่มีร่องรอยของสีเขียวอยู่เลย แต่กลายเป็นหินสีขาวเท่านั้น 

 

ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกแปลกใจ ถ้าหากหินหยกที่มีลักษณะดี แต่กลับเป็นหินไร้ค่า หรือว่าในนี้จะมีอะไรไม่ชอบมาพากลๆ? 

 

แต่เธอก็ลองใช้ความสามารถในการทะลุผ่านไปแล้ว กลับไม่เห็นพิรุธอะไรสักนิด ในใจก็สงสัยไม่หาย ถ้าหากคนอื่นที่เดิมพันสีมาเห็นหินหยกก้อนนี้ คงจะต้องเดิมพันว่าเป็นสีเขียวมรกตแน่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้หากไม่แพ้เดิมพันก็แปลกแล้ว    

 

เธอได้ยินจ่านมู่ฮวาพูดว่า ผู้จัดงานได้รับกำไรสามสิบเปอร์เซ็น ส่วนบริษัทอัญมณีที่ส่งของมาเดิมพันมานั้นจะได้ไปเจ็ดสิบเปอร์เซ็น นั่นก็คือไม่ว่าจะเดิมพันชนะหรือว่าแพ้ ผู้จัดงานต่างมีความเสี่ยงสามสิบเปอร์เซ็น แต่บริษัทที่ส่งของเดิมพันมาเสียไปเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ 

 

ซีเหมินจินเหลียนดูแค่แวบหนึ่ง สีต่างๆ เป็นสีเขียวมรกตทั้งนั้น สีจากเข้มไปบางเบา แต่อัตราต่อรองสูงขึ้นเรื่อยๆ หินสีขาวก้อนนั้นเปิดด้วยอัตราหนึ่งต่อสิบห้า ดูแบบนี้แล้วบริษัทอัญมณีนี้ คงจะมั่นใจกับหินหยกก้อนนี้เป็นอย่างมาก 

 

“วางสีขาว สิบล้าน!” ซีเหมินจินเหลียนกระซิบกับจ่านมู่ฮวา 

 

“จินเหลียน เป็นไปไม่ได้?” แม้ว่าจ่านมู่ฮวาจะไม่เข้าใจในการเดิมพันหิน แต่เมื่อมีเนื้อหยกออกมาข้างนอก แถมยังเป็นหยกสีเขียวมรกตเนื้อนุ่มลื่น ดึงดูดคนขนาดนั้น แต่ทำไมซีเหมินจินเหลียนให้เขาวางเดิมพันเป็นสีขาวล่ะ? 

 

“คุณจะเชื่อฉัน หรือจะเชื่อตัวเอง?” ซีเหมินจินเหลียนถอยหลังไปสองก้าวแล้วกระซิบถาม 

 

“แน่นอนว่าต้องเชื่อคุณสิ” จ่านมู่ฮวาลูบจมูกแล้วพูด “ถ้าหากมั่นใจ พวกเราสามารถลงเพิ่มไปอีกได้ อัตราการต่อรองหนึ่งต่อสิบห้าเชียวนะ” 

 

ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า ถ้ามากกว่านี้บริษัทอัญมณีนี้คงไม่มีเงินมาชดใช้แน่ และมันจะชัดเจนเกินไป เพราะฉะนั้นแบ่งเงินไปวางเดิมพันน่าจะไม่ได้ทำให้สะดุดตาใครมาก 

 

“ที่นี่ยังมีหินหยกอีกมากจากหลายบริษัทที่เรายังไม่ได้ดู คุณจะรีบไปทำไมกัน?” ซีเหมินจินเหลียนกระซิบพูด “ไข่ไก่ไม่สามารถใส่ในตะกร้าหนึ่งใบได้” 

 

 “ผมคิดว่าคุณจะลงทุนแค่บริษัทเดียวนี่นา” จ่านมู่ฮวาพูดพลางเดินออกไปหยิบบัตรธนาคารเริ่มจัดการกระบวนการวางเดิมพันลงไป นี่เป็นการทำธุรกรรมเงินสดทั้งหมด ไม่มีการติดหนี้ ถ้าหากลงเดิมพันไปแล้วก็ต้องรับผิดชอบกับผลแพ้ชนะที่จะตามมา 

 

ส่วนซีเหมินจินเหลียนก็เดินไปที่อีกบริษัทหนึ่ง เริ่มตรวจสอบหินหยก และยังคงเป็นเดิมพันสี เธอไม่ได้ชอบในการเดิมพันชนิดของหยก แต่ถ้าหินหยกชนิดไหนที่มีลักษณะดี เธอแทบจะไม่ต้องใช้ความสามารถในการมองทะลุผ่านก็สามารถเข้าใจชนิดของมันได้ เพราะฉะนั้นมันไม่ได้มีความน่าท้าทายอะไรเท่าไหร่ 

 

แม้ว่าเธอเองยังไม่เข้าใจ ทำไมนิ้วมือของเธอถึงอ่อนไหวได้ขนาดนี้ กั้นระหว่างผิวเปลือกของหินหยกก็สามารถสัมผัสได้ถึงความมันวาวและลื่นนุ่มของเนื้อหยกได้แล้ว 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด