ความลับแห่งจินเหลียน 166 การแก่งแย่งระหว่างมนุษย์

Now you are reading ความลับแห่งจินเหลียน Chapter 166 การแก่งแย่งระหว่างมนุษย์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ดังนั้นคุณเลยอยากเปิดเจียระไนมันออกมา?” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม เห็นมาเยอะ เธอเลยไม่ได้รู้สึกทึ่งอะไรมากมาย หยกราชางูเป็นของสะสมส่วนตัวของเธอ ถึงจะเจอแปลกกว่านี้อย่างไร เธอก็ไม่ได้ตกตะลึงอีกแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเธอรู้มาก่อนหน้านี้ว่าราชาหยกกับหยกราชางูมีแหล่งกำเนิดที่มาเดียวกัน ถ้าอย่างนั้นพวกมันก็น่าจะมีลักษณะพิเศษเหมือนกัน

 

ผู้อาวุโสเฉาคนแปลกแผ่มือออกด้วยใบหน้าจำใจ ซีเหมินจินเหลียนยิ้มและหันไปมองอวิ๋นอวิ้น

 

อวิ๋นอวิ้นส่ายหน้าพูดขึ้น “หยกก้อนอื่น คุณจะเจียระไนอย่างไรก็ช่าง แต่หยกก้อนนี้ห้ามยุ่งเด็ดขาด!”

 

ซีเหมินจินเหลียนยิ้มพร้อมถาม “ฉันใช้มือสัมผัสได้ไหมคะ?”

 

อวิ๋นอวิ้นพยักหน้าพูด “คงไม่อาจให้เธอดูอย่างเดียวได้หรอก ถ้าไม่ให้เธอสัมผัส เธอก็คงไม่วางใจ นี่เป็นการเดิมพันที่ยุติธรรม!”

 

“ฉันจะให้คนนำหยกราชางูมา ถึงเวลานั้นคุณก็สัมผัสได้ตามสบาย ความจริงนักเดิมพันหินอย่างพวกเรา ถ้าหากไม่สัมผัสกับมือตัวเองแล้วจะวางใจได้อย่างไร จริงไหม?” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มแผ่วเบา

 

อวิ๋นอวิ้นบอกเป็นนัยให้คุณเฉานำราชาหยกออกมา คุณเฉามองไปที่ซีเหมินจินเหลียนกับสวี่อี้หรานด้วยความรู้สึกแปลกใจ พูดตามตรงอวิ๋นอวิ้นไม่ค่อยพาคนมาที่นี่ เพราะที่นี่คือสถานที่ทดลองวิจัยและหัวข้อที่วิจัยก็ช่างห่างไกลจากความเป็นจริง หนำซ้ำยังเป็นเลือดเนื้อทั้งหมดในชีวิตของอวิ๋นอวิ้น ถึงจะเป็นเพื่อนร่วมงานกันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยพามาดู แต่สิ่งที่พิเศษก็คือไม่มีใครที่จะสามารถทำให้อวิ๋นอวิ้นนำราชาหยกออกมาจากตู้กระจกใสเพื่อที่จะสัมผัสได้เลยสักคน

 

แต่คุณเฉาก็ไม่ได้ถามอะไรทั้งนั้น หยิบพวงกุญแจมาไขตู้กระจกและเอื้อมมือไปคว้าราชาหยกออกมาวางไว้บนโต๊ะทำงาน

 

ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าและเดินเข้าไปเอื้อมมือแตะที่ราชาหยก หยกมีความใสวาวลื่นละเอียด ผ่านนิ้วมือที่ส่งทอดเข้าไปในใจสั่นไหวอยู่เงียบงัน เธอไม่จำเป็นต้องดูอะไรอีกแล้ว ราชาหยกกับหยกราชางูมีแหล่งกำเนิดมาจากที่เดียวกันอย่างที่คิดไว้ คุณสมบัติเหมือนกัน ความอิ่มน้ำเหมือนกันและแปลกประหลาดเหมือนกัน

 

เมื่อความร้อนทะลุผ่านฝ่ามือแทรกซึมไปยังหยกข้างในทีละนิด ความรู้สึกช่างเหมือนกับหยกราชางู เมื่อความร้อนปะทะไปยังตรงกลางของไข่ ความร้อนทั้งหมดราวกับสายน้ำไหลเจอกับหิน แยกออกจากกันโดยทันที ไม่มีทางใช้พลังทะลุผ่านเข้าไป ทำให้ไม่มีโอกาสได้เห็นว่าข้างในไข่มีอะไร

 

ซีเหมินจินเหลียนรีบเรียกความสามารถกลับคืน เธอมองไปที่สวี่อี้หราน สวี่อี้หรานเข้าใจความหมายของเธอ จึงเผยยิ้มและพูดกับอวิ๋นอวิ้นว่า “คุณนายอวิ๋น ผมขอสัมผัสบ้างได้ไหมครับ?”

 

“แน่นอน ฉันดูเหมือนเป็นคนขี้งกหรืออย่างไร!” อวิ๋นอวิ้นยิ้ม แม้ว่าจะมีอายุแล้ว แต่สวี่อี้หรานมีภาพลวงตาบางอย่าง รอยยิ้มของคนคนนี้ช่างดูผิดปกติเหมือนกับซีเหมินจินเหลียน มีความรู้หลอกให้ลุ่มหลงอย่างบอกไม่ถูก…ราวกับคนที่ทำยาพิษล่อลวงให้ติดกับอย่างร้ายแรง

 

สวี่อี้หรานเรียกสติกลับมา ลากเก้าอี้ตัวหนึ่งไปนั่งที่โต๊ะทำงานอย่างกระฉับกระเฉง จากนั้นก็เอื้อมมือไปสัมผัสพร้อมหลับตาลง…

 

ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้พูดจาอะไร จากประสบการณ์ที่เขาเคยดูหยกราชางูครั้งนั้นแล้ว เธอก็พอจะเข้าใจเขาได้ คนคนนี้…เป็นคนเพี้ยน

 

สิบนาทีผ่านไป สีหน้าของสวี่อี้หรานพลันซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด เหงื่อบนศีรษะไหลลงดั่งกระแสน้ำที่พรั่งพรู เสื้อผ้าบนตัวเขาเต็มไปด้วยเหงื่อเปียกชุ่ม ราวกับเขื่อนน้ำแตกทะลักก็ไม่ปาน อวิ๋นอวิ้นนวดหว่างคิ้วหันไปมองทางซีเหมินจินเหลียนด้วยความฉงนใจ ซีเหมินจินเหลียนได้แต่ส่ายหน้าไม่พูดจา

 

ในเวลานี้สวี่อี้หรานก็ลืมตากว้างขึ้น ชักมือกลับมานั่งพิงไปที่เก้าอี้พร้อมสูดลมหายใจเข้าออกเฮือกใหญ่ด้วยความอลหม่าน

 

“คุณสวี่ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” อวิ๋นอวิ้นพูดขึ้น “คุณจะมาตายในที่ของตระกูลอวิ๋นไม่ได้นะ ไม่อย่างนั้นคุณพ่อคุณคงได้มาโวยวายที่บ้านฉันแน่…”

 

“ผมยังไม่ได้ตายสักหน่อย!” สวี่อี้หรานปรับสีหน้า แล้วพูดอย่างจริงจังกลับไป

 

ซีเหมินจินเหลียนเห็นสถานการณ์ตรงหน้าแล้วก็ได้แต่หัวเราะคิกคัก สวี่อี้หรานยืนขึ้นมาถามซีเหมินจินเหลียนว่า “ผมยังไม่ได้ตายใช่ไหม?”

 

ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า เธอแค่อยากจะดูราชาหยกและพิสูจน์ว่าราชาหยกคุ้มค่าในการเดิมพันกับหยกราชางูหรือไม่ ส่วนเรื่องที่อวิ๋นอวิ้นจะวิจัยอะไรนั้น มันไม่เกี่ยวข้องกับเธอ

 

“ฉันจะไปส่งพวกคุณ” อวิ๋นอวิ้นพูด

 

 

เมื่อออกจากโรงพยาบาลอวิ่นสือแล้ว สวี่อี้หรานก็ขับรถจากไปอย่างเชื่องช้า แต่ขับไปได้ไม่นานนัก เขาก็หาที่เงียบสงบห่างไกลผู้คนจอดรถและเอนหลังพิงเบาะพร้อมมองไปที่ซีเหมินจินเหลียน “คุณดูหยกนั่น…”

 

ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้พูดอะไร เพราะมันก็แค่หยกก้อนหนึ่งเท่านั้น!

 

“สิ่งที่อยู่ในนั้นต้องเป็นสิ่งมีชีวิตแน่!” สวี่อี้หรานสูดลมหายใจลึกพร้อมหลุบเสียงต่ำ “แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ หินหยกราชางูของคุณก็เป็นสิ่งมีชีวิต ปัญหาก็คือมันคืออะไร?”

 

“ไข่งู” จู่ๆ ซีเหมินจินเหลียนก็พูดขึ้น

 

สวี่อี้หรานส่ายศีรษะพูด “ดูจากลักษณะภายนอกแล้วก็เหมือนไข่งูจริงๆ ขนาดก็เหมือนจะใช่ แต่…แต่ว่า…นั่นไม่ใช่ไข่งูแน่นอน…”

 

“ทำไมคุณถึงมั่นใจขนาดนั้นล่ะ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม

 

“เค้าลางของมันส่อให้เห็นว่าคล้ายกับมนุษย์…” สวี่อี้หรานพูด “เหมือนกับหยกราชางูของคุณ ที่เหมือนกับมนุษย์มาก แต่ในนั้นก็ยังมีสิ่งเล็กน้อยที่แตกต่าง ผมว่า…ถ้าหากสามารถหาความแตกต่างพวกนี้ได้ บางทีอาจจะรู้ว่าข้างในนั้นมีอะไรอยู่กันแน่”

 

“คุณคงไม่ได้คิดจะเจียระไนมันออกมาดูใช่ไหม…” ซีเหมินจินเหลียนพูด

 

สวี่อี้หรานส่ายหน้าท่าทีเข้มขรึมพูด “ถ้าเจียระไนมันออกมา ก็อันตรายมาก!”

 

“ทำไมล่ะ” ซีเหมินจินเหลียนถาม

 

“สำหรับสิ่งมีชีวิตโบราณ พวกเราคงไม่เข้าใจอยู่แล้วถูกไหม?” สวี่อี้หรานถาม

 

ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า แม้ว่าเทคโนโลยีสมัยนี้จะรุดหน้าก้าวไกลไปมาก สามารถดูได้จากซากฟอสซิล การฟื้นฟูภาพทางชีวภาพโบราณและสัญญาณพื้นผิวจากการก่อตัวของหินบางชนิดข้างนอกทายได้ว่าตอนนั้นบนโลกคงมีการเอาตัวรอดของสิ่งมีชีวิตอยู่ แต่สิ่งที่ทายไว้อาจจะไม่ถูกก็ได้ ถ้าหากทายผิด และสิ่งมีชีวิตโบราณกาลไม่ใช่จำพวกมนุษย์ตามที่คิดไว้จะทำอย่างไร

 

สวี่อี้หรานลูบคลำใบหน้าพลันถอนหายใจ “มนุษย์เรามักคิดว่าตัวเองดีเด่นกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆ คิดไปเองว่าพวกเราสามารถควบคุมสิ่งมีชีวิตที่เหลือได้ทั้งหมด แต่ไม่รู้เลยว่าความจริงแล้วความสามารถของพวกเรามันช่างอ่อนปวกเปียกไม่มีที่สิ้นสุด สิ่งมีชีวิตโบราณกาลนั่นดูยิ่งใหญ่และแข็งแรงมาก ใหญ่จนเราไม่สามารถพินิจได้เลย…”

 

ซีเหมินจินเหลียนใจสั่นแต่ไม่พูด รอให้สวี่อี้หรานพูดต่อไป

 

“ผมเรียนหมอมา ผมเข้าใจดีและสามารถพูดยืนยันกับคุณได้เลยว่า ถ้าเป็นจำพวกเดียวกับมนุษย์คงไม่มีทางมีชีวิตได้ยืนยาวขนาดนี้แน่ๆ ไม่ว่าจะใช้วิธีอะไรรักษาไว้…” สวี่อี้หรานพูดได้เท่านี้ก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ “แต่คุณลองคิดดูสิ สิ่งมีชีวิตโบราณกาลพวกนั้นอยู่ข้างในหินและอดทนมาหลายปี ต้องใช้พลังเพื่ออยู่รอดสักเท่าไหร่? แต่ทว่าสิ่งมีชีวิตที่ผมรู้จักทั้งหมดคงไม่มีทางที่จะมีชีวิตอยู่ได้นานขนาดนี้…หากปล่อยมันออกมา ก็มีความเป็นไปได้สองอย่าง…”

 

“อะไรเหรอ” ซีเหมินจินเหลียนถาม

 

“อย่างแรกมันคงปรับตัวกับสภาพอุณหภูมิอากาศของยุคสมัยนี้ไม่ได้ อาจจะตายได้ในทันที! อย่างที่สองมันอาจจะวิวัฒนาการอยู่ตลอด…จากนั้นคงแผลงความยิ่งใหญ่ ถ้าหากมันมีสติปัญญาสูง ความยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งของมันอาจจะสามารถควบคุมหรือแทนที่มนุษย์บนโลกได้เลย” พูดเพียงเท่านี้ จู่ๆ สวี่อี้หรานก็ยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น “แม้ว่ามนุษย์จะพยายามทำลายกฎของธรรมชาติ แต่มนุษย์ก็ยังถูกกฎธรรมชาติควบคุมไว้อยู่เสมอ…”

 

“มนุษย์จะสามารถทำลายกฎธรรมชาติได้อย่างไร?” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าพูด “มนุษย์ปกป้องธรรมชาติมาโดยตลอด”

 

 “นั่นก็แค่คำพูดโกหกของพวกมนุษย์!” พูดถึงเท่านี้สวี่อี้หรานก็ราวกับเปลี่ยนไปเป็นอีกคน พูดอย่างเยือกเย็นขึ้นว่า “คุณลองจินตนาการดูนะ ถ้าหากมนุษย์เราตายบนโลกใบนี้ สิ่งมีชีวิตอื่นๆ จะประสบกับความสุขหรือหายนะ?”

 

ซีเหมินจินเหลียนคิดตามอย่างละเอียด แม้ว่าจะอยากละทิ้งคำพูดไม่ดีพวกนี้ แต่ก็ยังพยักหน้าพูด “การดำรงชีวิตของมนุษย์จะเป็นอย่างไร มันก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตอื่นมากอยู่แล้ว…”

 

“แต่มนุษย์ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงกฎธรรมชาติได้เช่นกัน นี่เป็นกฎแห่งกรรมที่ไม่มีใครหลีกหนีได้พ้น!” สวี่อี้หรานสูดลมหายใจลึก “สิ่งมีชีวิตทั้งหมดเป็นเช่นนี้ด้วยกันทั้งนั้น! ความจริงการที่มนุษย์ตามหายาอายุวัฒนะ ผมคิดมาตลอดว่ามันไม่ใช่การกระทำที่ไร้สาระอะไร”

 

“ทำไม?” ซีเหมินจินเหลียนถาม

 

“สิ่งมีชีวิตต่างๆ มีวิวัฒนาการไปด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นแมลง หนอน มด หรือว่าสิงโต ช้างหากไม่สอดคล้องกับกฎการดำรงชีวิตอยู่ของธรรมชาติ พวกมันก็จะถูกกำจัด ส่วนมนุษย์ก็กำลังวิวัฒนาการอยู่เหมือนกัน…” สวี่อี้หรานพูดถึงเท่านี้ก็พลันขมวดคิ้วอยู่สักพักและพูดต่อว่า “เสียดายที่ทิศทางวิวัฒนาการของมนุษย์เหมือนจะผิดทาง แน่นอนลำพังผมคนเดียวก็ไม่มีสิทธิ์ในการวิพากษ์วิจารณ์วิวัฒนาการของมนุษย์ทั้งหมด…”

 

พูดถึงเท่านี้จู่ๆ เขาก็หัวเราะขึ้นมาคนเดียว

 

ซีเหมินจินเหลียนยิ่งอยากรู้มากขึ้น พูดตามตรงเธอก็ชอบหยกราชางูกับราชาหยก เพราะสิ่งที่สำคัญคือพวกมันทั้งสองแปลกมาก เป็นไปตามจิตวิทยาการตามล่าของมนุษย์ ส่วนเรื่องอื่นอย่างหินปิดฟ้า…เธอก็แค่เคลือบแคลงใจเท่านั้น ไม่ได้คิดถึงเรื่องการเป็นอมตะ และไม่ได้จินตนาการไปถึงสิ่งของที่เหมือนจะไม่มีจริง

 

เธอสามารถยอมรับว่าการดำรงอยู่ของหยกราชางูกับราชาหยกมีสิ่งผิดแปลกไปจากปกติ กำเนิดโลกมาตั้งหลายพันปีแล้วจะไม่มีสิ่งมหัศจรรย์กำเนิดขึ้นได้อย่างไร!

 

แต่เหมือนกับทฤษฎีของสวี่อี้หรานที่วิเคราะห์ห่างไกลจากความจริง เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยิน

 

“ประวัติวิวัฒนาการของมนุษย์ต่างยืมใช้กำลังภายนอกมาโดยตลอด แบบนี้ไม่มีอะไรที่ไม่ดี แต่การยึดมันในกำลังภายนอกมากจนเกินไปเพื่อที่ผลักดันการพัฒนา อาจจะส่งผลให้มนุษย์เราค่อยๆ เปราะบางลง” สวี่อี้หรานถอนหายใจพูด “นี่เป็นเรื่องที่ไม่ดีแน่”

 

ซีเหมินจินเหลียนกุมคางและวิเคราะห์ความหมายแฝงในคำพูดของเขาอยู่นาน “บางที อาจจะเป็นอย่างที่คุณพูด แต่เรื่องพวกนี้พวกเราไม่มีความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงมัน”

 

“ดังนั้นผมจึงสนับสนุนให้คุณไปตามหาหินปิดฟ้า…” สวี่อี้หรานพูดขึ้นฉับพลัน

 

 ซีเหมินจินเหลียนไม่พูดต่อ ทำให้สวี่อี้หรานนิ่งอยู่นานถึงเอ่ยขึ้น “คุณลองคิดดูนะ ทำไมในหยกถึงมีสิ่งมีชีวิตที่ไม่ตายมาตั้งหลายปี บางทียุคสมัยนั้นอาจจะมีอารยธรรมที่รุดหน้ามากก็ได้ แต่ไม่รู้ด้วยสาเหตุอะไรถึงต้องถูกปิดซ่อนและตัดรอยเชื่อมระหว่างประวัติศาสตร์ เมื่อหาหินปิดฟ้าเจอ บางทีอาจจะสามารถรู้เรื่องราวในยุคสมัยนั้นมากขึ้นก็ได้…”

 

ซีเหมินจินเหลียนพูด “คุณอย่ามาโน้มน้าวฉันเลย ความจริงถึงคุณไม่พูดฉันก็ต้องไปตามหาอยู่ดี ฉันไม่ต้องการทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เพื่อพัฒนาประวัติศาสตร์ของมนุษย์หรอก แต่ฉันแค่สงสัยในเทพธิดา! ฉันเรียนอักษรจีน สำหรับตำนานเทพพวกนั้นฉันสนใจมาอยู่ตลอด”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด