ความลับแห่งจินเหลียน 318 พวงกุญแจหยกสีเลือด

Now you are reading ความลับแห่งจินเหลียน Chapter 318 พวงกุญแจหยกสีเลือด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หูชีเยี่ยนเห็นซีเหมินจินเหลียนยิ้มอย่างนั้นก็อิ่มเอมใจ กระซิบพูด “พวกเราหาที่นั่งคุยกันดีไหม?”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนผงกศีรษะ อย่างไรเสียเธอก็ไม่รู้จักใคร แม้ว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเหมาะสมแก่การเจรจาธุรกิจ แต่เธอก็ไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ สื่อสารภาษากันไม่รู้เรื่อง ไหนจะเธอยังไม่ได้เตรียมตัวอะไร ทั้งเนื้อทั้งตัวก็มีแค่เครื่องประดับติดตัวมาไม่กี่ชิ้น จะให้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องอัญมณีได้อย่างไร ทำได้แค่มองดูอยู่อย่างนั้น

 

 

แต่แค่ได้ดูเปิดโลกกว้างก็ไม่เลว การทำธุรกิจยังมีโอกาสอีกในอนาคต ขอแค่หยกสามารถตีตลาดโลกได้สำเร็จก็ไม่ต้องกลัวว่าบริษัทจินเหลียน จิวเวอรี่จะไม่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก?

 

 

เพียงแต่หูชีเยี่ยนห้ามเธอไม่ให้ไปพม่า ความจริงนี่ก็เป็นปัญหาที่เธอกลุ้มใจไม่คลาย ถ้าไม่ไปพม่าแล้วในอนาคตเธอจะซื้อหินหยกดิบได้อย่างไร?

 

 

ทั้งคู่หามุมที่ไม่สะดุดตาใครนั่งลงได้ไม่นาน หูชีเยี่ยนเตรียมเครื่องดื่มให้เธอ แต่ไม่รู้เป็นเพราะรสนิยมมีปัญหาหรือเปล่า ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกว่าเครื่องดื่มของคนต่างชาติไม่อร่อยเท่ากับคนจีน หูชีเยี่ยนหัวเราะเย้ยเธอ…ผ่านไปอีกหลายวัน เธอคงพูดว่าพระจันทร์ของคนต่างชาติไม่ได้กลมเหมือนของจีน

 

 

ไม่นานซีเหมินจินเหลียนก็กลอกตาขาวใส่เขา และพูดพรวดเป็นกระบวน พระจันทร์ของคนต่างชาติไม่ได้กลมเหมือนคนจีน เพราะพระจันทร์ของคนจีนข้างในมีกว่างหานกงกับเทพธิดาฉางเอ๋อร์

 

 

หูชีเชี่ยนไร้คำจะต่อกร ได้แค่ยิ้มขื่นๆ นี่มันทฤษฎีอะไร?

 

 

“ฮัลโหล จงกั๋วหู” ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดจาเรื่อยเปื่อยไม่สนใจรอบข้างอยู่นั้น จู่ๆ มีชายเคราเฟิ้มอ้าสองแขนเผยรอยยิ้มพร้อมเดินมาทางหูชีเยี่ยน

 

 

หูชีเยี่ยนกอดเขาอย่างเป็นมิตรและยิ้มตอบ “ท่านเอิร์ล คืนนี้ต้องรบกวนให้ท่านชี้แนะแล้วครับ”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนแปลกใจเล็กน้อย คนที่ทำให้หูชีเยี่ยนพูดประโยคนี้ได้เกรงว่าคงไม่ง่ายเลย

 

 

 

 

“เกรงใจไปแล้ว” ท่านเอิร์ลเคราเฟิ้มคนนั้นพูดภาษาจีนอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นตะโกนเรียก “อลิซ อลิซ…จงกั๋วหูของลูกมาแล้ว”

 

 

ถัดมาท่านเอิร์ลเคราเฟิ้มที่ตอบสนองล่าช้า เหมือนจะพึ่งเห็นซีเหมินจินเหลียนจึงยิ้มถามทันที “จงกั๋วหู หญิงงามท่านนี้คือ…”

 

 

“โอ้” หูชีเยี่ยนรีบแนะนำซีเหมินจินเหลียน “นี่คือจินเหลียน ลูกสาวผมครับ”

 

 

หูชีเยี่ยนกำลังจะแนะนำซีเหมินจินเหลียนให้ท่านเอิร์ลรู้จัก แต่ไม่นานก็มีเด็กสาวอายุราวๆ ยี่สิบปีเรือนร่างสวมใส่ชุดสีแดงเปลวไฟยกชายกระโปรงย่างก้าวเข้ามา

 

 

“จงกั๋วหู ฉันรอคุณตั้งนาน” ต่อมาเธอก็คล้องคอหูชีเยี่ยนและประทับรอยจูบอันงดงามฝากฝังไปบนใบหน้าของเขา

 

 

ซีเหมินจินเหลียนเห็นแววตาของหูชีเยี่ยนแข็งทื่อราวกับศพและพยายามดิ้นรนอดทน จึงไม่ได้หัวเราะออกมา ฮ่า…เขาก็มีวันนี้เหมือนกัน?

 

 

แต่ผิดคาดจากที่เธอคิดไว้ หูชีเยี่ยนหยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นมาอย่างสุภาพและเช็ดไปที่คราบรอยจูบบนใบหน้า จากนั้นก็หันไปพูดกับอลิซอย่างนุ่มนวลว่า “คุณอลิซ นี่คือจินเหลียน ลูกสาวผมครับ”

 

 

อลิซเหลือบชายตามองซีเหมินจินเหลียนแวบหนึ่ง สายตาลอกแล่กไม่เป็นธรรมชาติ แม้ว่าต่างประเทศจะมีแนวคิดนวัตกรรมแบบเปิด เกรงว่าอลิซก็คงไม่มีทางรับได้ คนที่ตัวเองรักมีลูกสาวที่ยังรุ่นราวคราวเดียวกับเธอนี่นะ?

 

 

“คุณหู คุณเลี้ยงเด็กหรือ?” ท่านเอิร์ลรีบถาม หรือคนจีนจะนิยมรับเลี้ยงเด็กสาว?

 

 

“ไม่ใช่ครับ ลูกสาวแท้ๆ ของผม” หูชีเยี่ยนโคลงศีรษะพูด “ผมเคยบอกแล้วว่าผมมีภรรยา”

 

 

“คุณหู คุณอายุเท่าไหร่เนี่ย?” ท่านเอิร์ลมองไปที่ลูกสาวที่รักของตัวเอง

 

 

“ขอเรียนถามท่านเอิร์ลที่เคารพ ท่านอายุเท่าไหร่แล้วครับ?” หูชีเยี่ยนขมวดคิ้วพูด

 

 

ผิดคาดจากที่ซีเหมินจินเหลียนคิด สำหรับคำถามธรรมดาทั่วไป ท่านเอิร์ลกลับขมวดคิ้วไม่ตอบ โชคดีเวลานี้เสียงเพลงหยุดเล่นกะทันหันทั้งหมด ไม่นานแสงไฟพลันสว่างจ้า

 

 

เสียงไพเราะน่าฟังของชายคนหนึ่ง ใช้ไมโครโฟนเพิ่มระดับเสียงตัวเองไปหลายเดซิเบลส่งเสียงกระจายไปทั่วทุกมุมของห้องโถง “ขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ ทุกท่านน่าจะรู้ไฮไลท์ในงานเลี้ยงคืนนี้ก็เพื่อให้ทุกคนชื่นชมไปกับของล้ำค่าหายากบนโลกใบนี้ที่มาจากตะวันออกดินแดนลึกลับ…หยกนั่นเอง”

 

 

และสิ่งที่ตามมาติดๆ หลังจากที่เขาพูด ตู้กระจกใสแถวหนึ่งของตรงกลางห้องโถงสว่างขึ้นทันที ของตกแต่งและเครื่องประดับหยกน้ำงามใสแต่ละชิ้นวางเรียงรายอยู่ตรงหน้า ภายใต้แสงไฟที่สว่างไสวยิ่งระยิบระยับชัดขึ้น

 

 

“เขาเป็นใครคะ?” ซีเหมินจินเหลียนกระซิบถามหูชีเยี่ยนที่อยู่ข้างๆ ตรงกลางของห้องโถงมีชายวัยกลางคนอายุราวๆ สี่สิบปีถือไมโครโฟนสวมใส่ชุดสูท สัดส่วนหุ่นปานกลางรูปร่างหน้าตาธรรมดา แต่ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ แต่ในทางเดียวกันก็ไม่เรียกว่าหน้าตาหล่อเหลา

 

 

“เขาก็คือสมิธคนนั้น” หูชีเยี่ยนกระซิบเสียงพูด “งานเลี้ยงคืนนี้ ความจริงก็เพื่อเตรียมตัวไว้ในงานพนันของชิงซื่อในวันมะรืนนี้ ลูกลองดูหยกพวกนั้นสิ?”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วถาม “หินหยกดิบในงานพนันของชิงซื่อครั้งนี้ นอกจากสินค้าเก่าพวกนั้น ยังมีใครดูแลอีกคะ?”

 

 

“ถ้าพ่อรู้ พ่อก็ไม่มาลาสเวกัสแล้วล่ะ” หูชีเยี่ยนกระซิบพูด

 

 

“พ่อยังไม่รู้ แล้วใครจะรู้ล่ะคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถามแปลกใจ

 

 

“นั่นเป็นเรื่องเมื่อในอดีตทั้งนั้น ตอนนั้นพ่อยัง…” หูชีเยี่ยนพูดเท่านี้ก็ยั้งปากเงียบไป

 

 

ซีเหมินจินเหลียนถาม “ยังอะไรคะ?”

 

 

“ลูกโชคร้ายคนนี้นี่” หูชีเยี่ยนด่า “อย่างไรเสียก็คือไม่รู้ สิ่งที่พ่อทุกข์ใจก็คือหลายปีมานี้ทำไมสมิธถึงได้ขนย้ายหินหยกดิบมาจากพม่าตั้งมากมายขนาดนั้น?”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนแปลกใจ “เท่าไหร่คะ?”

 

 

“มากเหลือเกิน” หูชีเยี่ยนพูด “น่าจะสักสองหมื่นก้อนได้”

 

 

“นับก้อนเลยเหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนไม่เข้าใจ

 

 

“แล้วลูกหวังจะให้นับอย่างไรล่ะ? กิโลหรือตัน? หรือว่ากรัมกัน?” หูชีเยี่ยนถาม

 

 

“เอ่อ…ถือว่าหนูไม่ได้ถามแล้วกันค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนบ่นพึมพำในใจ สองหมื่นก้อนไม่ถือว่าเยอะไหม ในนั้นยังมีหินไร้ค่าไปอีกไม่รู้เท่าไหร่

 

 

หูชีเยี่ยนรู้ว่าเธอคิดอะไรในใจจึงยิ้มและพูด “และไม่ใช่หินหยกเกรดต่ำไร้ค่า จินเหลียน ครั้งนี้ต้องพึ่งลูกแล้ว ลูกมีความสามารถในการพนันสินค้าดีๆ นี่นา”

 

 

“พ่อไม่พนันเหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถามด้วยความสงสัย

 

 

“ไม่พนัน” หูชีเยี่ยนโคลงศีรษะพูด “พ่อไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้น หินหยกดิบในพม่าพ่ออยากจะดูก็ดูผิวเผินแล้วก็ผ่าเล่นสนุกๆ เท่านั้น พ่อจำเป็นที่จะต้องมาพนันที่นี่ด้วยเหรอ?”

 

 

“ถ้าอย่างนั้นพ่อจะมาที่นี่ทำไมล่ะคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม ในระหว่างที่พูดก็เหลือบไปมองอลิซที่อยู่ไม่ไกล

 

 

พูดความจริงอลิซเป็นคนที่สวยมาก เป็นผู้หญิงสวยตามแบบฉบับตะวันตก ใบหน้าเล็กสง่าผิวสีขาวหิมะ ดวงตากลมโต จมูกโด่งริมฝีปากสีดอกกุหลาบอ่อนๆ ถ้าหูชีเยี่ยนชอบ เธอก็ไม่คัดค้านอะไร

 

 

“พ่อคะ ความจริงหนูก็ไม่ได้คัดค้านนะคะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด

 

 

“เฮ้อ…จินเหลียน ลูกพูดอะไร?” หูชีเยี่ยนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เมื่อได้ยินจึงถามอย่างสงสัย

 

 

“หนูบอกว่า หนูไม่คัดค้านเรื่องพ่อกับสาวตะวันตกคนนั้น” ซีเหมินจินเหลียนพูดจริงจัง

 

 

“เหลวไหล” หูชีเยี่ยนสบถด่า “พ่อจะบอกกับลูกให้ เป้าหมายที่พ่อมาลาสเวกัสครั้งนี้ก็เพื่ออยากจะรู้ชัดแจ่มแจ้งถึงแหล่งที่มาหินหยกดิบพวกนี้ของสมิธ แล้วก็หนุ่มหล่อที่ลูกเลี้ยงไว้…”

 

 

“เสี่ยวป๋าย?” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้ว ถ้าเธอเดาไม่ผิด จ่านป๋ายน่าจะมาร่วมงานเลี้ยงคืนนี้ด้วย แต่เธอกวาดสายตาไปทั่วแล้วก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของจ่านป๋ายปรากฏตัว

 

 

“อืม” หูชีเยี่ยนพยักหน้าพูด “เขากับคุณสมิธร่วมมือกันมาหลายปีแล้ว พ่อหาได้แค่บันทึกบางส่วน สมิธมีช่องทางมากมาย สามารถช่วยเขาขายของที่ขายไม่ได้ง่ายๆ ได้”

 

 

“หมายความว่ายังไงคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม

 

 

“เขาเป็นหัวขโมย โดยปกติจะใช้ชีวิตอยู่ตามประเทศโซนยุโรปอเมริกา…ตามอเมริกา ฝรั่งเศส อังกฤษต่างมีชื่อจดทะเบียนอยู่ตามบริษัทต่างๆ ก็เหมือนกับประมูลจินติ่งที่จีนก็เหมือนกัน เขาขายของที่ขโมยมาทั้งนั้น และของบางอย่างก็ยากที่จะขายออก ก็มีสมิธคนนี้นี่แหละคอยช่วยขายให้” หูชีเยี่ยนอธิบาย

 

 

“เรื่องนี้เขาเคยพูดกับหนูเหมือนกันค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า เรื่องนี้จ่านป๋ายไม่ได้ปิดบังเธอ “พ่อว่าแสงอาทิตย์สีเขียวก็จะวางแสดงที่นี่หรือเปล่าคะ?”

 

 

เพราะว่าอยู่ไกลจากตรงกลาง ซีเหมินจินเหลียนจึงถาม

 

 

หูชีเยี่ยนส่ายหน้าพูด “อันนั้นน่าจะไม่จัดแสดง”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกลำบากใจ ถ้าจัดแสดงเธอจะใช้โอกาสนี้เจรจาราคา แต่ถ้าไม่จัดแสดงจะให้ทำอย่างไร? หรือเธอต้องวิ่งไปบอกกับเขาว่า หยกของคุณไม่เห็นจะดีอะไร มีที่ดีกว่านี้ไหม เอาออกมาให้ฉันดูหน่อย?

 

 

“คนคนนั้นเจ้าชู้แพรวพราว ลุ่มหลงผู้หญิงตะวันออกมากเป็นพิเศษ อีกเดี๋ยวพ่อแนะนำให้ลูกรู้จัก ลูกก็หาวิธีคุยกับเขา ขอแค่เขายอมตกลงเจรจาราคาก็ง่ายแล้ว” หูชีเยี่ยนพูด

 

 

“ถ้าเขาไม่ยอมเจรจาล่ะคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม

 

 

“ปีศาจงูจะมาถึงวันมะรืนนี้” ใบหน้าของหูชีเยี่ยนอึมครึมและพูดเย็นเฉียบ

 

 

“หนูไปดูหยกก่อนนะคะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดพลางเดินไปที่ตรงกลาง เวลานี้สมิธแนะนำเสร็จสิ้นเรียบร้อย แขกผู้มีเกียรติทั้งหลายที่มาร่วมงานก็ต่างทยอยเดินไปข้างหน้าตู้กระจกแสดงโชว์ที่อยู่ตรงกลาง เพื่อมองหยกที่ระยิบระยับอยู่ใต้แสงไฟพวกนั้น

 

 

เพราะเพชรตะวันตกถูกนำมาใช้ในการตกแต่งเครื่องประดับ ดังนั้นหยกที่คุณสมิธนำมาแสดงต่างเป็นเครื่องประดับ มีแค่ของตกแต่งสามชิ้น ที่เหลือก็เป็นเครื่องประดับหลากสีหลากหลายสไตล์ ซีเหมินจินเหลียนเดินไปข้างหน้าตู้กระจกแสดงโชว์และไล่มองสินค้าทีละชิ้น

 

 

จู่ๆสายตาของเธอพลันให้ความสนใจไปอยู่ที่จี้หยกสีเลือดในตู้กระจก

 

 

แม้จะกั้นผ่านระหว่างตู้กระจก แต่เธอมองแค่แวบเดียวก็รู้แจ้งว่าจี้หยกสีเลือดนี้เป็นสิ่งที่เธอทำกับมือ นี่เป็นพวงกุญแจหยก ตอนนั้นมีคนจับจองไว้แต่เป็นเพราะว่าเงินหมุนเวียนไม่พอเลยปฏิเสธไป เธอเลยมอบให้จ่านป๋ายแทน

 

 

พวงกุญแจหยกสีเลือดก้อนนี้เขาใส่ติดตัวไว้ตลอด ทำไมถึงได้มาจัดแสดงในงานแบบนี้ล่ะ? หรือจ่านป๋ายจะขายพวงกุญแจหยกนี้ไปแล้ว? หรือว่าเขาให้คุณสมิธยืมไปจัดแสดง?

 

 

หวังว่าคุณสมิธจะแค่ยืมไปจัดแสดงเท่านั้น ซีเหมินจินเหลียนพึมพำอยู่ในใจและพยายามครุ่นคิด นอกจากพวงกุญแจหยกชิ้นนั้นแล้ว เหมือนว่าเธอจะให้หยกอะไรกับเขาอีก ไม่รู้ว่าเขาให้คนอื่นยืมไปจัดแสดงหรือเปล่านะ?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด