ความลับแห่งจินเหลียน 295 แผนที่ชำรุด

Now you are reading ความลับแห่งจินเหลียน Chapter 295 แผนที่ชำรุด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ซีเหมินจินเหลียนเอียงศีรษะพูด “อยู่นี่ค่ะ เมื่อกี้พ่อบอกว่ามันเป็นไข่หงส์เหรอคะ?”

 

 

หูชีเยี่ยนหลุดหัวเราะออกมา เผยมือไปทางซีเหมินจินเหลียน ซีเหมินจินเหลียนจึงควานหาไข่หยกห้าสีจากกระเป๋าเสื้อยื่นส่งไปให้เขาพลางยิ้ม “พ่อยอมรับว่ามันคือไข่หงส์แล้วเหรอคะ?”

 

 

“ลูกว่ามันเป็นไข่อะไร ก็ไข่นั้นนั่นล่ะ” หูชีเยี่ยนยิ้ม “อย่างไรเสียพ่อก็ไม่ชนะลูกอยู่ดี”

 

 

“พ่อคะ หนูออกไปข้างนอกก่อน พ่อห้ามทุบทำลายมันจริงๆ นะคะ หนูจะเอามันไปทำเครื่องประดับ” ซีเหมินจินเหลียนพูด

 

 

“รีบกลับมาเร็วๆ หน่อยล่ะ ระวังตัวด้วยนะลูก” หูชีเยี่ยนไม่ลืมที่จะเตือนด้วยความห่วงใย เป็นพ่อที่จิตใจดีตามแบบฉบับ

 

 

“ทราบแล้วครับ!” แต่คนที่ตอบประโยคนี้กลับเป็นจ่านป๋าย

 

 

รอให้ซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายดูหนังกลับมาเสร็จก็เป็นเวลาสามทุ่มครึ่งแล้ว เรื่องที่น่าสนใจก็คือในขณะที่จ่านป๋ายพาซีเหมินจินเหลียนไปกินปิ้งย่างที่ถนนคนเดิน ดันบังเอิญเจอกับรองประธานบริษัทเครื่องสำอางชื่ออะไรสักอย่างเข้า เมื่อเขาเห็นซีเหมินจินเหลียนที่ผิวชุ่มฉ่ำกระจ่างใส เลยอยากจะเชื้อเชิญเธอไปเป็นพรีเซนเตอร์ของผลิตภัณฑ์

 

 

จ่านป๋ายไม่รู้ว่าซีเหมินจินเหลียนคุยอะไรกับรองประธานคนนั้น อย่างไรเสียสุดท้ายรองประธานคนนั้นก็เดินจากไปด้วยใบหน้าแห้งเ**่ยว

 

 

เมื่อจ่านป๋ายถามซีเหมินจินเหลียนถึงสองครั้ง เธอก็ไม่ยอมพูดอะไร เขาเลยจนปัญญา

 

 

“จินเหลียน เหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติ” จ่านป๋ายจอดรถที่โรงรถ ในระหว่างที่ทั้งคู่เดินไปถึงหน้าประตูก็ได้แต่มุ่นคิ้วพูด “ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมถึงไม่เปิดไฟ?”

 

 

“พ่อฉันจะนอนเร็วหรือเปล่า?” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้ว ไม่อย่างนั้นหูชีเยี่ยนก็คงอาจจะออกไปไหนเหมือนกันแล้วยังไม่ได้กลับมา

 

 

แต่หูชีเยี่ยนที่ออกไปข้างนอกเวลานี้ เกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่ ดังนั้นซีเหมินจินเหลียนใจกระตุกวาบขึ้นมา

 

 

“ไปดูก่อนแล้วกันครับ” จ่านป๋ายพูดเสียงเบา “ผมรู้สึกว่าในห้องมีคนอยู่…”

 

 

“อืม…” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า คิดถึงครั้งแรกที่เจอหูชีเยี่ยน เขาเหมือนกับกลัวแสงสว่างมาก จริงสิ ความจริงหูชีเยี่ยนก็กลัวแสงมาโดยตลอด เพียงแต่เวลาที่เขาอยู่กับพวกเธอถึงได้พยายามเริ่มใช้ชีวิตภายใต้แสงไฟ

 

 

ประตูถูกผลักออก ในห้องรับแขกที่มืดสลัว มีแค่โคมไฟติดผนังห้องส่องแสงรำไรอยู่รางๆ มองผ่านแสงไฟที่น้อยนิด เห็นชุดฉางเผ่ายาวสีดำของหูชีเยี่ยนมีเงาสะท้อนไปยังผนังฝั่งตรงข้ามขยายออกไปใหญ่

 

 

หูชีเยี่ยนอยู่บ้าน ซีเหมินจินเหลียนผ่อนลมหายใจออกมาในที่สุด เธอถามด้วยความร้อนใจขึ้นว่า “พ่อคะ ทำไมพ่อถึงไม่เปิดไฟล่ะคะ?”

 

 

“มีคนชอบความมืด!” น้ำเสียงของหูชีเยี่ยนมีความเย็นยะเยือกแทรกผ่าน

 

 

“จินเหลียน อย่าเพิ่งขยับ!” จ่านป๋ายสวมกอดเธอกะทันหันพร้อมกระซิบพูด “ในห้องยังมีอีกคน” พูดจบเขาก็พยายามใช้จมูกดมกลิ่น ไม่ผิด มีกลิ่นเหม็นคาวอ่อนๆ มาจากสักมุมใดมุมหนึ่งของห้อง

 

 

“จินเหลียนกลับมาแล้ว ไอ้สือโทว พวกเราพอจะนั่งคุยกันดีๆ หรือเปล่า?” ภายในความมืดมีเสียงของคนคนหนึ่งส่งผ่านมาจากมุมห้อง

 

 

“ลุงงู…” ซีเหมินจินเหลียนเรียกออกมาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว

 

 

แต่เมื่อลุงงูเอ่ยปากพูด หูชีเยี่ยนก็รีบโถมเข้าไปโจมตีอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นซีเหมินจินเหลียนก็ได้ยินเสียงตุบตับดังขึ้นอย่างสับสน ลุงงูพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน “ไอ้สือโทว แกปล่อยฉันก่อนสิ!”

 

 

ภายในความมืด ซีเหมินจินเหลียนเห็นแค่เงามืดสองเงาตะลุมบอนกันอย่างชุลมุน ดูไม่ชัดว่าใครเป็นฝ่ายรับฝ่ายรุก

 

 

“ถ้าแกยังไม่หยุด ฉันจะไม่เกรงใจแล้ว!” น้ำเสียงของลุงงูมีความเดือดพล่าน “ถึงตอนนั้นฉันจะรู้สึกผิดกับแก แต่แกก็ตีฉันแล้วด่าฉันแล้ว แกจะเอายังไงกับฉันอีก?”

 

 

หูชีเยี่ยนไม่เปล่งเสียงพูดจา และดูเหมือนไม่มีความคิดที่จะหยุดยั้ง ในความมืดเงาทั้งสองกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันไม่หยุด ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเสียงกระทบสั่นสะเทือนดังเพล้ง น่าจะมีของบางอย่างแตกกระจาย

 

 

จ่านป๋ายเดินเข้าไปในห้องรับแขก เอื้อมมือไปเปิดสวิตซ์ไฟ ในขณะนั้นไฟก็พลันสว่างไสว

 

 

ภายใต้แสงไฟ หูชีเยี่ยนเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด ส่วนลุงงูกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก เสื้อผ้าเต็มไปด้วยคราบเลือด จมูกช้ำเขียวใบหน้าบวมเป่ง แม้แต่แว่นกันแดดที่ใส่อยู่ตลอดบนใบหน้ายังไม่เห็นแม้แต่วี่แวว

 

 

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ หูชีเยี่ยนเปลี่ยนเสื้อเป็นชุดฉางเผ่ายาวตัวโปรดตัวนั้น ขอบของชุดถูกปักด้วยลวดลายเปลวไฟสีทอง…

 

 

“พ่อคะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” ซีเหมินจินเหลียนร้อนใจถาม

 

 

หูชีเยี่ยนยังคงไม่พูดอะไรออกมา จ้องเขม็งไปทางลุงงู ซีเหมินจินเหลียนจึงจนใจเปลี่ยนไปถามลุงงูแทน “ลุงงูคะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ?”

 

 

“เขาบ้าไปแล้ว!” ไฟโกรธทั่วท้องของลุงงูลุกโชน เมื่อเจอคำถามเลยตอบกลับไป “ลุงมาหาหนู!”

 

 

“แกมาหาเรื่องถูกตีต่างหาก!” ในที่สุดหูชีเยี่ยนก็เอ่ยปากพูด แต่เสียงแหบแห้งนั่นดูมีความไม่พอใจอยู่

 

 

“ฉันขี้เกียจพูดกับแกแล้ว!” ลุงงูโกรธ “แกเป็นโรคประสาทเหรอไง ฉันมาหาจินเหลียน แต่พอแกเจอหน้าก็ใช้กำลัง ไม่ผิดหรอก เรื่องในตอนนั้นฉันทำผิดต่อแก แกอยากจะตีหรือด่า ฉันก็ยอมรับทั้งนั้น แต่แกอย่าทำให้มันเกินงาม ถ้าฉันลงมือ แกอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้กับฉันก็ได้”

 

 

“เอาของในตอนนั้นมาให้ฉัน แล้วเรื่องของพวกเราทั้งสองถือว่าจบกันไป!” หูชีเยี่ยนพูด

 

 

“ฉันไม่มี!” ลุงงูพูด “ฉันไม่เคยเอาของนั้นมาตั้งแต่แรก แกจะให้ฉันเอาอะไรให้แกล่ะ?”

 

 

“แกยังไม่ยอมรับอีกเหรอ?” หูชีเยี่ยนได้ยินแล้วโกรธจัด อยากจะลงมืออีกครั้ง

 

 

“อย่านะคะ!” ซีเหมินจินเหลียนพรวดพราดเข้ามาขวางอยู่ข้างหน้าลุงงู เห็นได้ชัดว่าเมื่อสักครู่ลุงงูเป็นฝ่ายถูกตีตลอด ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้มีสภาพอนาถดูไม่ได้ขนาดนี้ อีกอย่างเธอก็ไม่รู้ว่าหูชีเยี่ยนต้องการอะไร…

 

 

“ทุกคนเชิญนั่งพูดคุยกันก่อนเถอะครับ ผมจะไปชงชามาให้ คิดดูแล้วเรื่องระหว่างท่านทั้งสองคงมีเรื่องบางอย่างที่เข้าใจผิดกัน!” จ่านป๋ายพูด

 

 

“พ่อคะ…” ซีเหมินจินเหลียนมองหูชีเยี่ยนด้วยใบหน้าขอความกรุณา “ขอร้องเถอะนะคะ…”

 

 

หูชีเยี่ยนถึงได้ถอนหายใจแผ่วเบา “ได้ ปีศาจจู ครั้งนี้ฉันเห็นแก่จินเหลียนก็แล้วกัน”

 

 

“ถ้าไม่เห็นแก่จินเหลียน แกคิดว่าฉันกลัวแกยังงั้นเรอะ?” ลุงงูก็พยายามสะกดกลั้นไฟโกรธนั้น ได้แค่ถลึงตาใส่หูชีเยี่ยนอย่างเ**้ยมเกรียม เรียกซีเหมินจินเหลียน “เด็กดี ช่วยลุงหาแว่นตาลุงหน่อยได้ไหม”

 

 

“ลุงงูคะ พรุ่งนี้หนูจะซื้อให้ลุงใหม่นะคะ!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มฝืดเฝื่อน เมื่อสักครู่เธอเห็นว่าแว่นตาของลุงงูแตกละเอียดไปแล้ว

 

 

จ่านป๋ายชงชาดอกเก๊กฮวยมาให้ อากาศแบบนี้ ความจริงไม่เหมาะกับการดื่มดอกเก๊กฮวย แต่ทั้งสองท่านมีมรสุมไฟที่อัดแน่นอยู่ในทรวงอก ต้องชะล้างเพลิงไฟนี่ก่อน

 

 

หูชีเยี่ยนวางท่วงท่างดงามอยู่หน้าโซฟา จากนั้นนั่งลงอย่างไม่ยำเกรง ลุงงูเดินไปนั่งตรงข้ามเขาพลางจูงมือซีเหมินจินเหลียนมาด้วย หูชีเยี่ยนเห็นแล้วขัดหูขัดตารีบพูด “จินเหลียน ลูกมานั่งข้างพ่อ”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนยิ้มมีเลศนัย ทันใดนั้นก็ไปนั่งข้างหูชีเยี่ยน จ่านป๋ายมองทั้งคู่ ตอนนี้ยังดี ตาใหญ่มองตาเล็ก ไม่มีใครพูดจา

 

 

“ทั้งสองท่าน…” จ่านป๋ายกระแอมในลำคอ รู้สึกว่าต้องเกริ่นนำให้สักหน่อย ไม่อย่างนั้นทั้งสองคนคงเอะอะก็ใช้กำลัง “ทั้งสองคนนั่งดื่มชากันก่อนสักถ้วยเถอะนะครับ มีเรื่องอะไรก็ค่อยๆ คุยกัน”

 

 

แต่หูชีเยี่ยนกับลุงงูไม่มีใครยอมเอ่ยปาก ซีเหมินจินเหลียนมองไปยังลุงงูและถามขึ้นว่า “ลุงงูคะ ลุงมีธุระกับหนูหรือคะ”

 

 

ลุงงูพยักหน้าหงึกหงัก เหล่มองไปยังหูชีเยี่ยนถึงพูด “ลุงอยากจะถามหนู คนคนนี้…ใช่พ่อของหนูแน่เหรอ?”

 

 

 ซีเหมินจินเหลียนนิ่งอึ้งไป ที่ลุงงูพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร? แม้เธอจะเลอะเลือนไปบ้าง แต่ก็คงไม่ถึงขนาดจำพ่อของตัวเองไม่ได้?

 

 

“ปีศาจงู แกหมายความว่ายังไง?” หูชีเยี่ยนมีน้ำโห “แกจะไม่เลิกยุแยงให้จินเหลียนไม่รู้จักฉันอย่างนั้นเหรอ”

 

 

“พ่อคะ!” ซีเหมินจินเหลียนรีบกุมมือเขาไว้อย่างร้อนใจ “ไม่มีทางค่ะ ลุงงูต้องเข้าใจผิดแน่ๆ” พูดจบก็รีบหันไปพูดต่อกับลุงงู “ลุงงูคะ หนูไม่มีทางจำคนผิดหรอกค่ะ”

 

 

“ลุงว่าลุงก็ไม่น่าจะถึงขั้นแก่จนสายตาฟ้าฟางที่จะจำเพื่อนเล่นในวัยเด็กไม่ได้!” ลุงงูถอนหายใจและหันไปพูดกับหูชีเยี่ยน “ฉันน่าจะดีใจกับแกอย่างนั้นสินะที่พ้นเคราะห์รอดมาได้”

 

 

“หุบปาก!” หูชีเยี่ยนสบถด่า

 

 

“อย่างนั้นก็ได้ พวกเรามาคุยกันจริงจัง ไม่พูดเรื่องไร้สาระพวกนั้น” ลุงงูพยักหน้าพูด “ของที่แกต้องการจากฉัน มันไม่ได้อยู่ที่ฉันจริงๆ”

 

 

“เป็นไปไม่ได้” หูชีเยี่ยนส่ายหน้า

 

 

“ฉันพูดเรื่องจริง แผนที่แผ่นนั้นตอนนั้นฉันคิดว่าแกตายไปแล้ว เลยส่งคืนให้คนคนนั้นไป” ลุงงูยิ้มฝืด “แกจะด่าว่าฉันโง่เง่าก็ได้ หรือถ้าแกไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร แต่แผนที่แผ่นนั้นฉันให้คนคนนั้นไปแล้วจริงๆ…คนคนนั้นน่าจะมีความข้องเกี่ยวกับแกใช่ไหม?” พูดถึงเท่านี้ ลุงงูก็ยิ้มมีความสุขบนทุกข์ของคนอื่น “ฉันล่ะสงสัย แกเป็นลูกนอกสมรสของคนคนนั้นหรือเปล่า เพราะพวกนายแซ่หูด้วยกันทั้งนั้น…”

 

 

“แก…หุบปาก!” หูชีเยี่ยนพูดลนลาน

 

 

ซีเหมินจินเหลียนมองทางจ่านป๋าย พอดีกับที่จ่านป๋ายแอบมองเธอเหมือนกัน ในใจของทั้งสองมีความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างที่บอกไม่ถูก หรือว่า…ตอนนั้นระหว่างหูชีเยี่ยนกับหูหวังจะเกิดเรื่องยุ่งเหยิงไม่ดีเข้า?

 

 

“พ่อ เรื่องอะไรคะ?” ซีเหมินจินเหลียนใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยเหมือนเด็กน้อย อิงแอบแนบไปบนตัวของหูชีเยี่ยน

 

 

“เรื่องง่ายมาก ตอนนั้นพวกเราเจอแผนที่ชำรุดสองแผ่นบนตัวของผู้เฒ่าคนหนึ่ง เป็นบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับหินปิดฟ้า ดังนั้นลุงกับไอ้สือโทวนี่เลยคิดปองร้ายตีผู้เฒ่าแก่นั้นอย่างโหดเ**้ยม เพื่อแย่งแผนที่มา” ลุงงูอธิบาย

 

 

ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกคุ้นกับเรื่องนี้อย่างประหลาด ถามไปว่า “พ่อคะ ผู้เฒ่าท่านนั้นไม่น่าจะเป็นหูหวังใช่ไหมคะ?”

 

 

“นอกจากเขาแล้วยังจะมีใครอีก?” หูชีเยี่ยนแค่นเสียงใส่ด้วยใบหน้าเก้อกัง

 

 

“จินเหลียน หูหวังคงไม่ได้มีความสัมพันธ์กับตระกูลพวกหนูใช่ไหม” ลุงงูถามแคลงใจ

 

 

“ลุงงูคะ ทำไมคุณถึงไม่รู้อะไรเลยล่ะคะ?” ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกแปลก ตามหลักการแล้วเรื่องพวกนี้ลุงงูน่าจะรู้ดีนี่นา? “จากการนับรุ่นในเครือญาติ หนูควรเรียกเขาว่าปู่ คุณว่าตระกูลเรากับเขามีความสัมพันธ์กันยังไงล่ะคะ?”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนปากก็พูดไปแบบนั้น แต่ในใจก็เข้าใจขึ้นมาได้ ไม่น่าเหล่าเวลาหูหวังเห็นหูชีเยี่ยนถึงได้กระหน่ำตีจนตาย ใครใช้ให้กำเนิดลูกอกตัญญูกันล่ะ เกรงว่าเป็นใครก็คงขุ่นเคืองกันทั้งนั้น แต่ปัญหาก็คือตอนที่หูชีเยี่ยนกับลุงงูแย่งแผนที่กัน เกรงว่าแม้แต่ฝันคงคิดไม่ถึงว่าผู้เฒ่าคนนั้นเป็นพ่อของหูชีเยี่ยน

 

 

ต่อมาหลังจากนั้นหูชีเยี่ยนก็แอบลอบไปหาหูหวังด้วยความสำนึกผิด และกลัวปัญหาเรื่องเสียศักดิ์ศรีเขาเลยปิดบังลุงงูมาเสมอ ดังนั้นลุงงูจึงไม่รู้มาโดยตลอด

 

 

“ตอนนั้นฉันได้ข่าวจึงรีบไปที่พม่า เหมืองหยกทั้งหมดพังทลายลงมาหมดแล้ว ฉันนึกว่าแกตายไปแล้ว…” ลุงงูถอนหายใจอย่างจนใจ “ต่อมาบังเอิญเจอผู้เฒ่าคนนั้น ฉันเก็บแผนที่ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร เลยให้แผนที่คืนเขาไป”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด