จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) 255 บอกชื่อมา

Now you are reading จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) Chapter 255 บอกชื่อมา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 255 บอกชื่อมา

ร่างเล็กๆ ของจิ่วโยววางปืนลงและมองอย่างเย็นชา

เธอเป็นสัตว์ปีศาจและเธอก็เป็นนักสู้ แม้ความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายจะแตกต่างกันมากแต่เธอก็ไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย

ตอนนี้เธอจับจ้องไปที่จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิที่กล่าวว่าจะเอาเธอกลับไปศึกษา เธอจะฆ่ามันทิ้งซะ!

ชายชราหัวเราะเบาๆ และเดินออกมาจากฝูงคนอย่างช้าๆ เพื่อจะต่อสู้กับเด็กสาวตัวน้อย

ฟึบ!

จิ่วโยวขยับร่างพร้อมกับยกปืนเงินคู่กายขึ้นมา ยิงกระสุนที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าเข้าใส่ชายชรา

ชายชราไม่แยแส ทันใดนั้นฝ่ามือของเขาก็สั่นปรากฏเป็นดาบสีดำ ซึ่งมีความยาวเพียง 50 เซนติเมตรเท่านั้น

แต่มันแข็งแกร่งมาก อากาศรอบๆ บิดเบี้ยวทันทีที่ดาบปรากฏออกมา ทำให้รู้สึกเยือกเย็นชาจนขนลุก

มันคือหนึ่งในสมบัติที่ทรงพลังอย่างแน่นอน

ชายชราใช้ดาบฟันกระสุนอย่างไม่แย่แส

แกร็ง!

ประกายไฟเกิดขึ้นจากการปะทะกันของโลหตามด้วยแสงสว่างที่เหมือนกับระลอกคลื่นของการระเบิด!

ตู้ม! ตู้ม!

ภายในพริบตาเดียวก็เกิดการระเบิดขึ้นในจุดที่พวกเขาทั้งสองยืนอยู่ก่อนหน้านี้ พื้นดินทรุดตัวลงและลมปราณที่มองไม่เห็นก็กระจายตัวออกไปเห็นได้เลยว่าทั้งสองต่างก็ต้องรับมือกับพลังที่มากมายมหาศาล

มีความตกใจปรากฏภายในดวงตาของชายชรา

ดวงตาของจิ่วโยวเบิกกว้างพร้อมสั่นไหวและเสียงที่ไร้เดียงสาก็ดังขึ้น

“แกเป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 2 สินะ”

“แม่หนูน้อยช่างรอบรู้ยิ่งนัก” ชายชราหัวเราะเสียงดังๆ ลมปราณทั่วร่างกายของเขาปรากฏออกมา แรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวกระจายไปทั่วจนอากาศที่ว่างเปล่าระเบิด

สีหน้าของเหลยเป้าและคนอื่นๆ เปลี่ยนไป ชายชราคนนี้ต้องเป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 2 อย่างแน่นอน พวกเขาจนเป็นอดห่วงจิ่วโยวที่กำลังสู้อยู่ไม่ได้

ดวงตาของจิ่วโยวเยือกเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ “ขั้นจักรพรรดิระดับ2 แล้วไง”

ปืนเงินของจิ่วโยวเปร่งประกาย ปลายของกระบอกปืนสั่นไหวอย่างแรง กระสุนนัดสุดท้ายเตรียมที่จะยิงออกไป

ชายชราเหลือบตามองอีกฝ่าย พลังของจิ่วโยวเกินกว่าที่เขาคิดไว้มาก เขาไม่กล้าที่จะประมาณเลยแม้แต่น้อย เลยเอาดาบสั้นออกมาตั้งแต่เริ่มต้น

เพลงดาบหมื่นติดตาม!

ตู้ม!

รัศมีดาบและปืนปะทะกัน เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ที่น่ากลัวดังก้องไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน อากาศบิดเบี้ยวจนน่าตกใจพื้นดินสั่นสะเทือน ท้องฟ้าฉีกขาด

ทั้งสองต่างพุ่งเข้าใส่กัน

“ตายไปซะ!”

จิ่วโยวไม่พลาดโอกาสนี้ฟาดปลายปืนเข้าใส่ชายชราอย่างแรง

พื้นที่อยู่ข้างใต้เท้าของชายชราแตกและยุบตัวลงทันที ชายชราโบกมือเบาๆ เงาดาบมากมายก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า

แก็ง!

ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด ทั้งเงาดาบและปืนปะทะกันอย่างไม่หยุดหย่อน

ดาบใหญ่ในมือของคิงคองชี้ไปที่เหลยเป้า คิงคองตะโกนออกมา

“เข้ามา รับความตายได้แล้ว!”

“ไอ้คิงคอง ถ้าแกอยากตายมากนักฉันก็จะสนองให้เอง” เหลยเป้าเนื้อเต้นเขาอยากต่อสู้ตั้งแต่เห็นจิ่วโยวสู้กับชายชราแล้ว

ฟิ้ว!

เหลยเป้ากำกระบองไว้แน่น เขากระโดดขึ้นสูงและฟาดเข้าใส่ดาบใหญ่ในมือของคิงคองที่ตั้งรับอยู่บนพื้น

แก็ง!

เสียงโลหะหนักปะทะกันจนเกิดเสียงดังที่ทำให้ผู้คนหูหนวก พื้นดินที่อยู่ใต้คิงคองสั่นสะเทือน

เหลยเป้าและคิงคองต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่อาวุธของเหลยเป้านั้นเป็นสมบัติลึกลับ ทำให้คิงคองต้องถอยร่นไปหลายครั้ง

แม้ว่าดาบในมือของคิงคองจะไม่ดีเท่าสมบัติลึกลับ แต่ก็ไม่ใช่ดาบธรรมดา มันเป็นดาบที่ตัดเหล็กหนาๆ ได้ราวกับเต๋าหูไม่งั้นคิงคองคงถูกเหลยเป้าฟาดใส่จังๆ ไปนานแล้ว

ตู้ม!

ดาบใหญ่ของคิงคองรับแรงกระแทกไปเต็มๆ จนคิงคองกระอักเลือดออกมา

เหลยเป้าคำรามออกมาอีกครั้งก่อนที่จะพุ่งเข้าไปเตรียมปิดฉาก

แก็ง!

คิงคองไม่อาจรับกระบองของเหลยเป้าได้เลย พื้นที่อยู่ใต้เท้าของเขาแตกกระจายเป็นวงกว้าง

เหลยเป้าผสานทักษะสายฟ้าเข้ากับกระบองอย่างสุดกำลัง จนทำให้อากาศรอบข้างบิดเบี้ยวฉีกขาด

แต่ถึงอย่างนั้นคิงคองเองก็ไม่สู้ไม่ถอย เขาพุ่งเข้าใส่เหลยเป้าอีกครั้ง !

แก็ง! แก็ง!

มีการปะทะกันหลายครั้งระหว่างดาบใหญ่กับกระบอง แรงปะทะรุนแรงจนถึงกลับทำให้ผู้คนหวาดสั่น

“ตายไปซะ ไอ้คิงคองยักษ์!” เหลยเป้าตะโกนออกมาและกะบองในมือของเขาก็สั่นไหวอย่างรุนแรง

มันเป็นการปะทะกันที่ดุเดือดมาก ดาบใหญ่ของคิงคองส่งเสียงราวกับจะแตกสลายออกมา เขาได้แต่ถอยหลังอย่างเดียว

คิงคองโกรธมาก เขากวาดดาบใหญ่ไปรอบตัวรัศมีดาบอันน่าสะพรึงกลัวก็ถูกปล่อยออกมา

เหลยเป้าดวงตาเบิกกว้าง รัศมีดาบพุ่งทางข้างหลังของเขาจนระเบิดออก

กระบองในมือของเหลยเป้าขยายใหญ่ขึ้น เขาเชื่อมั่นในอาวุธนี่มาก กระบองปะทะเข้ากับรัศมีดาบ จนระเบิดอย่างรุนแรงทำให้คิงคองตัวสั่นราวคนบ้าคลั่งและคำรามอกมา

แก็ง!

กระบอกเหล็กของเขาปะทะกับการโจมตีของดาบใหญ่เต็มแรง

พริบตานี้เอง เหลยเป้าก็ซัดบอลสายฟ้าด้วยมือซ้ายเข้าที่หน้าอกคิงคองเต็มๆ

ชายร่างยักษ์ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ร่างของเขากระเด็นไปไกล หน้าอก ไหม้เกรียมเป็นสีดำ กระอักเลือดออกมาไม่หยุด เขากระเด็นเข้าไปในห้องหนึ่งๆ ของสำนักภูพาทมิฬทันที

เหลยเป้ารีบตายหมายจะใช้จังหวะนี้ในการปริชีพอีกฝ่าย

แต่ทันใดนั้นเองก็มีบางอย่างปรากฏอย่างฉับพลัน ปัดกระบองเหล็กพร้อมพลังลมปราณที่น่ากลัว

“จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 2” เหลยเป้าอุทานออกมา

จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 2 คนนี้คือชายยืนพูดกับชายชราที่กำลังต่อสู้กับจิ่วโยว

ในกลุ่มของพวกมันมีจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิถึง 15 คน มีจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 2 จำนวน 2 คนอยู่ในกลุ่ม

เมื่อเห็นแบบนั้น หัวใจของหยานอี้และคนอื่นๆ ก็ตกลงไปอยู่ในตาตุ่มทันที

หยานอี้และหวู่ปู้ซือมองหน้ากันอย่างเงียบๆ มีความขมขื่นปรากฏอยู่ในใจของพวกเขาการเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อาจทำอะไรได้เลย

“ดูเหมือนว่าจอมมารฉู่จะให้ของดีกับแกไว้สินะ ไม่เลวๆ” จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 2 เหยียดมือออกไปดูดกระบองเข้ามาไว้ในมือและจ้องมองเหลยเป้าด้วยความรังเกียจ “ยังไงซะ สมบัติดีๆ แบบนี้อยู่ในมือของแกไปก็ไร้ค่า”

“เอาคืนมา!” เหลยเป้าคำรามออกมา กระบองยักษ์นี้เขาถูกใจมันมากเขาไม่ยอมปล่อยให้ถูกแย่งไปแบบนี้แน่

“ไม่ยอมงั้นก็มาเอาไปเองสิ” จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 2 ยิ้มเยาะภายในพริบตาเดียว เขาก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเหลยเป้าและฟาดกระบองยักษ์ใส่เหลยเป้าอย่างแรง

แกร็ก!

เสียงกระดูกหักดังก้อง เลือดไหลออกมาจากแขนขวาที่ถูกทุบ แต่เหลยเป้าไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อยเขาอดกลั้นความเจ็บปวดไว้อย่างเต็มที่

“เฮ้ๆ…” จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 2 ส่ายหัวและยิ้มอย่างชั่วร้าย

“ฉันบอกให้แกให้เอาไปไง แต่น่าเสียดายที่แกรับมันไว้ไม่ได้ เพราะงั้นก็ไม่ต้องแปลกใจเลยที่มันจะเป็นของฉัน”

เมื่อพูดจบ แววตาของเขาก็เย็นชา เขาแย่งกระบองไปจากเหลยเป้าอย่างง่ายดายแลตอนนี้เขาหมายจะจบชีวิตของเหลยเป้าซะตรงนี้เลย!

หยานอี้กัดฟันแน่น ได้แต่วิ่งเข้าใส่ชายชรา

ชายชราไม่สนใจเพียงแค่สะบัดมือลมปราณก็ซัดเข้าที่หน้าอกของหลานอี้อย่างจัง หน้าอกของเขายุบตัวร่างกายเกือบระเบิด

ชายชราแสยะยิ้มและหันไปหาเหลยเป้าต่อ

“ตาแก่ เแกกล้าดียังไง!” จิ่วโยวกระแทกปืนลงสู่พื้น ทำให้หินก้อนใหญ่พุ่งเข้าใส่ชายชรา ปิดกั้นการมองเห็นของเขา

จากนั้นปืนก็แทงไปที่พื้นอีกครั้ง ตัวปืนถูกดึงให้โค้งเหมือนคันธนู และมีจิ่วโยวเป็นดั่งลูกศร จากนั้นปืนที่กลายเป็นคันธนูก็ส่งจิ่วโยวออกไปเธอคว้าปืนมาด้วยและพุ่งเข้าใส่ชายชราที่เตรียมจะฆ่าเหลยเป้า ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายในเวลาแค่ 3 วินาทีเท่านั้น!

จิ่วโยวที่เข้ามาช่วยยิงกระสุนออกมาจากปืนสีเงินทันที

ชายชราผู้กำลังจะฆ่าเหลยเป้าก็หยุดและหมุนตัว พร้อมเหวี่ยงกระบองออกไป

ในเวลานี้ จิ่วโยวราวกับนักฆ่าเมื่อกระสุนปืนถูกยิงออกไป ก็เกิดระลอกคลื่นสีเงินขนาดใหญ่ทั่วร่างชายชรา

เปรี้ยง!

หลังจากปะทะกันอย่างดุเดือด จิ่วโยวและชายชราลอยกลับมาจุดที่ตัวเองยืนอยู่เมื่อครู่

จิ่วโยวใช่ปืนแทงไปที่พื้นเพื่อค้ำยันตัวเองไม่ให้ถอยไปไกลมากกว่านี้ จากนั้นเธอก็วิ่งเข้าไปต่อสู้อีกครั้ง ความว่องไวของการแทงปืนยาวแทนหอกของเธอทั้งโหดเหี้ยมและเยือกเย็น

ในเวลานี้เอง จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิที่สู้กับจิ่วโยวก่อนหน้านี้ ก็สบโอกาสใช้ดาบสั้นแทงไปที่จิ่วโยว

ปืนสีเงินในมือของจิ่วโยวสั่นไหว หันมาปัดป้องการโจมตีของอีกฝ่าย

จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 2 ทั้งสองคนโจมตีใส่จิ่วโยวอย่างเมามันโดยไม่รู้สึกเลยว่ากำลังกลั่นแกล้งเด็กสาวตัวเล็กๆ อยู่

ดวงตาที่นิ่งสงบของจิ่วโยวเย็นชา เส้นผมสีม่วงพริ้วไหว ทั้งร่างเปล่งประกาย ปืนสีเงินสั่นไหวและเปร่งประกายอย่างงดงาม เมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีของขั้นจักรพรรดิระดับ 2 ถึง 2 คน จิ่วโยวกลับถอยหลังแค่ 1 ก้าวเท่านั้น เพราะเหลยเป้าอยู่ข้างหลังเธอ เธอถอยมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว!

“อย่ามัวแต่นิ่ง ฆ่ามันซะ!” ชายชราที่ถือดาบสั้นตะโกนออกมา

เส้นประสาทของหวู่ปู้ซือตึงด้วยความเครียดทันที แววตาของเขาวูบวาบด้วยความรุนแรง ตอนนี้มีเพียงแค่เขาแล้วสามารถต่อสู้ได้

จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิคนหนึ่งพุ่งเข้าใส่หวู่ปู้ซือ และยกมือขึ้นเพื่อฆ่าเขา พร้อมคนอื่นๆ ที่ตามหลังมา

แต่ทันใดนั้น ก็ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นรวบตัวหวู่ปู้ซือ พร้อมกับผงสีขาวที่กระจายไปทั่วท้องฟ้าปิดบังสายตาของทุกคน

จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิที่รีบเร่งเข้ามาต่างก็ตกใจกลัวและรีบกลั้นหายใจ

แต่คนที่รีบพุ่งเข้าไปก่อนหน้านี้ได้ถูกกลุ่มผงสีขาวปกคลุมเข้าไปแล้ว

แต่หลังจากที่มีบางคนสูดผงสีขาวเข้าไป พวกเขาก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะและเดินโซเซมาจนเกือบจะทรุดลง

แท่งคริสตัลปรากฏ ส่องประกายแสงสุกใสกระแทกศีรษะพวกมันอย่างรุนแรง

ตู้ม!

ระเบิดเป็นหมอกเลือด หัวของอีกฝ่ายระเบิดเพราะแท่งคริสตัล

ฉากนี้เกิดขึ้นอย่างฉับพลันจนทุกคนอดไม่ได้ที่จะต้องตกใจ

จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิมากกว่า 10 คนจ้องมองไปในทิศทางเดียวกัน พวกมันมองผ่านผงสีขาวที่ตกลงมาก็เห็นชายวัยกลางคนที่มีสีหน้าเคร่งขรึม

“จักรพรรดิยา ฆ่าได้ดี ๆ !” เหลยเป้าหัวเราะก่อนที่จะกระอักเลือดออกมา

“หุบปากไปเลย!” จักรพรรดิยาตอบกลับไปและคิดในใจ ‘จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิพวกนี้ใช้ไม่ได้เรื่องเลย เขาอยู่มาเป็นร้อยปีเพิ่งเคยฆ่าจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิไปคนเดียวเอง’

“จักรพรรดิยา แกเองก็แก่มากแล้วนะ คงคิดว่าชีวิตของแกมันยาวนานพอแล้วสินะ?” จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิคนหนึ่งโกรธจัด ยกมือขึ้นสร้างเป็นพายุกวาดแยกผงสีขาวออกไป

“แกกำลังพูดอะไร? ฉันอยู่ที่นี่แล้ว ถ้าแกมีความสามารถมากพอก็เข้ามา” จักรพรรดิยาดูถูกเหยียดหยามอีกฝ่าย จริงๆแล้วเขาแสร้งทำเป็นว่าตัวเองเก่งไปงั้นแหละ เขาได้แต่รู้สึกผิดที่ทำแบบนี้ที่นี่มีจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิมากมายเกินไป เขาไม่ใช่ฉู่ชวิ๋น หากอีกฝ่ายบุกเข้ามาพร้อมกัน เขาคงได้แต่ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ภายในเวลาไม่กี่วินาที

“เจ้าบ้านฉู่ ถ้า…ถ้าท่านยังไม่มา ที่นี่จะไม่เหลืออะไรแล้วนะ” จักรพรรดิยาใช้ความคิดอย่างมีสติ

จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิมากกว่าโหลจากประตูวิญญาณสลายไม่ได้ก้าวเข้ามา เพราะเขากำลังเจอกับยวีเฉิงซึ่งรู้จักกันในนามจักรพรรดิยา เขาไม่เพียงแต่ช่วยเหลือผู้คน แต่ยังฆ่าคนด้วยผงสีขาวที่เห็นอยู่ในตอนนี้ด้วย

นี่คือสิ่งที่ผู้คนคิด ถ้าพวกเขาอยู่ตัวคนเดียวพวกเขาอาจหลีกทางให้อีกฝ่ายแม้จะมีหลายคนไม่กลัวจักรพรรดิยา แต่ทุกคนก็ล้วนกลัวความตายและไม่มีใครอยากเป็นรายแรกที่จะเข้าไปเสี่ยง

“จักรพรรดิยา ยาของท่านไม่มีใครเทียบได้ในแดนดิน มาร่วมกับพวกฉันสิ เป็นพวกพ้องประตูวิญญาณสลาย มันดีกว่าออกมาตายนะ เจ้านายของเราเพียงแค่ต้องการบางอย่างจากที่นี่เท่านั้น หากท่านเต็มใจยอมแพ้ พวกเรารับประกันว่าจะแบ่งของให้” ชายชราตะโกน

“จริงเหรอ?” จักรพรรดิยาทำท่าสนใจ

เมื่อเห็นทาทีของจักรพรรดิยา ชายชราจึงพูดต่อ “ฉันขอรับรองด้วยชีวิต ตราบใดที่ท่านยอมแพ้ ทรัพยากรของประตูวิญญาณสลายจะอยู่ในความดูแลของท่าน”

จักรพรรดิยาครุ่นคิดและพึมพำ “ฟังดูดีนะ”

“จะเอาด้วยไหมละ?” ชายชราชื่นชมยินดี คำพูดของเขาไม่ผิดทั้งหมด การรับจักรพรรดิยาเข้ามาจะเป็นประโยชน์อย่างมากในอนาคต

ดวงตาของจักรพรรดิยาวูบาบและพูดว่า “ตกลง”

จากนั้นเขาก็มองไปที่คนของสำนักภูผาทมิฬและพูดออกมาว่า “ขอโทษด้วยนะแต่ฉันยังอยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป”

“ฮ่าฮ่าฮ่า จักรพรรดิยานี่ช่างเข้าใจสถานการณ์ดีจริงๆ” ชายชราหัวเราะ

“ถ้างั้นจักรพรรดิยาช่วยทำอะไรบางอย่างเพื่อเป็นการยืนยันหน่อยสิ”

“ไม่มีปัญหา” เมื่อจักรพรรดิยาพูดจบ ผงสีขาวก็หายไป

ตู้ม!

หวู่ปู้ซือถูกจักรพรรดิยาซัดกระเด็น จนกระอักเลือดออกมา จักรพรรดิยาติดตามเขาเหมือนเงา บิดคอหวู่ปู้ซือแล้วขว้างศพไปไว้ตรงหน้าของเหล่าจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิกว่า 10 คน

จักรพรรดิยามองดูชายชราแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “พอใจกับหรือเปล่าล่ะ?

ถ้าไม่ ฉันจะสามารถช่วยฆ่ายัยเด็กน้อยนั้นให้ก็คน!”

“ฮ่าฮ่า…นังเด็กนี้ยังมีประโยชน์อีกมาก มันต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป ท่านไม่ต้องใส่ใจหรอก จักรพรรดิยา ท่านแค่ถอยกลับไปรอที่ฐานของประตูวิญญาณสลายให้เรื่องนี้จบก่อน” ชายชรามีความสุขมากที่ได้รับจักรพรรดิยามาเป็นพวก ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!

“เข้าใจแล้ว!” จักรพรรดิยายกกำปั้นขึ้น มองอีกฝ่ายด้วยความเคารพ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) 255 บอกชื่อมา

Now you are reading จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) Chapter 255 บอกชื่อมา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 255 บอกชื่อมา

ร่างเล็กๆ ของจิ่วโยววางปืนลงและมองอย่างเย็นชา

เธอเป็นสัตว์ปีศาจและเธอก็เป็นนักสู้ แม้ความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายจะแตกต่างกันมากแต่เธอก็ไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย

ตอนนี้เธอจับจ้องไปที่จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิที่กล่าวว่าจะเอาเธอกลับไปศึกษา เธอจะฆ่ามันทิ้งซะ!

ชายชราหัวเราะเบาๆ และเดินออกมาจากฝูงคนอย่างช้าๆ เพื่อจะต่อสู้กับเด็กสาวตัวน้อย

ฟึบ!

จิ่วโยวขยับร่างพร้อมกับยกปืนเงินคู่กายขึ้นมา ยิงกระสุนที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าเข้าใส่ชายชรา

ชายชราไม่แยแส ทันใดนั้นฝ่ามือของเขาก็สั่นปรากฏเป็นดาบสีดำ ซึ่งมีความยาวเพียง 50 เซนติเมตรเท่านั้น

แต่มันแข็งแกร่งมาก อากาศรอบๆ บิดเบี้ยวทันทีที่ดาบปรากฏออกมา ทำให้รู้สึกเยือกเย็นชาจนขนลุก

มันคือหนึ่งในสมบัติที่ทรงพลังอย่างแน่นอน

ชายชราใช้ดาบฟันกระสุนอย่างไม่แย่แส

แกร็ง!

ประกายไฟเกิดขึ้นจากการปะทะกันของโลหตามด้วยแสงสว่างที่เหมือนกับระลอกคลื่นของการระเบิด!

ตู้ม! ตู้ม!

ภายในพริบตาเดียวก็เกิดการระเบิดขึ้นในจุดที่พวกเขาทั้งสองยืนอยู่ก่อนหน้านี้ พื้นดินทรุดตัวลงและลมปราณที่มองไม่เห็นก็กระจายตัวออกไปเห็นได้เลยว่าทั้งสองต่างก็ต้องรับมือกับพลังที่มากมายมหาศาล

มีความตกใจปรากฏภายในดวงตาของชายชรา

ดวงตาของจิ่วโยวเบิกกว้างพร้อมสั่นไหวและเสียงที่ไร้เดียงสาก็ดังขึ้น

“แกเป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 2 สินะ”

“แม่หนูน้อยช่างรอบรู้ยิ่งนัก” ชายชราหัวเราะเสียงดังๆ ลมปราณทั่วร่างกายของเขาปรากฏออกมา แรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวกระจายไปทั่วจนอากาศที่ว่างเปล่าระเบิด

สีหน้าของเหลยเป้าและคนอื่นๆ เปลี่ยนไป ชายชราคนนี้ต้องเป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 2 อย่างแน่นอน พวกเขาจนเป็นอดห่วงจิ่วโยวที่กำลังสู้อยู่ไม่ได้

ดวงตาของจิ่วโยวเยือกเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ “ขั้นจักรพรรดิระดับ2 แล้วไง”

ปืนเงินของจิ่วโยวเปร่งประกาย ปลายของกระบอกปืนสั่นไหวอย่างแรง กระสุนนัดสุดท้ายเตรียมที่จะยิงออกไป

ชายชราเหลือบตามองอีกฝ่าย พลังของจิ่วโยวเกินกว่าที่เขาคิดไว้มาก เขาไม่กล้าที่จะประมาณเลยแม้แต่น้อย เลยเอาดาบสั้นออกมาตั้งแต่เริ่มต้น

เพลงดาบหมื่นติดตาม!

ตู้ม!

รัศมีดาบและปืนปะทะกัน เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ที่น่ากลัวดังก้องไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน อากาศบิดเบี้ยวจนน่าตกใจพื้นดินสั่นสะเทือน ท้องฟ้าฉีกขาด

ทั้งสองต่างพุ่งเข้าใส่กัน

“ตายไปซะ!”

จิ่วโยวไม่พลาดโอกาสนี้ฟาดปลายปืนเข้าใส่ชายชราอย่างแรง

พื้นที่อยู่ข้างใต้เท้าของชายชราแตกและยุบตัวลงทันที ชายชราโบกมือเบาๆ เงาดาบมากมายก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า

แก็ง!

ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด ทั้งเงาดาบและปืนปะทะกันอย่างไม่หยุดหย่อน

ดาบใหญ่ในมือของคิงคองชี้ไปที่เหลยเป้า คิงคองตะโกนออกมา

“เข้ามา รับความตายได้แล้ว!”

“ไอ้คิงคอง ถ้าแกอยากตายมากนักฉันก็จะสนองให้เอง” เหลยเป้าเนื้อเต้นเขาอยากต่อสู้ตั้งแต่เห็นจิ่วโยวสู้กับชายชราแล้ว

ฟิ้ว!

เหลยเป้ากำกระบองไว้แน่น เขากระโดดขึ้นสูงและฟาดเข้าใส่ดาบใหญ่ในมือของคิงคองที่ตั้งรับอยู่บนพื้น

แก็ง!

เสียงโลหะหนักปะทะกันจนเกิดเสียงดังที่ทำให้ผู้คนหูหนวก พื้นดินที่อยู่ใต้คิงคองสั่นสะเทือน

เหลยเป้าและคิงคองต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่อาวุธของเหลยเป้านั้นเป็นสมบัติลึกลับ ทำให้คิงคองต้องถอยร่นไปหลายครั้ง

แม้ว่าดาบในมือของคิงคองจะไม่ดีเท่าสมบัติลึกลับ แต่ก็ไม่ใช่ดาบธรรมดา มันเป็นดาบที่ตัดเหล็กหนาๆ ได้ราวกับเต๋าหูไม่งั้นคิงคองคงถูกเหลยเป้าฟาดใส่จังๆ ไปนานแล้ว

ตู้ม!

ดาบใหญ่ของคิงคองรับแรงกระแทกไปเต็มๆ จนคิงคองกระอักเลือดออกมา

เหลยเป้าคำรามออกมาอีกครั้งก่อนที่จะพุ่งเข้าไปเตรียมปิดฉาก

แก็ง!

คิงคองไม่อาจรับกระบองของเหลยเป้าได้เลย พื้นที่อยู่ใต้เท้าของเขาแตกกระจายเป็นวงกว้าง

เหลยเป้าผสานทักษะสายฟ้าเข้ากับกระบองอย่างสุดกำลัง จนทำให้อากาศรอบข้างบิดเบี้ยวฉีกขาด

แต่ถึงอย่างนั้นคิงคองเองก็ไม่สู้ไม่ถอย เขาพุ่งเข้าใส่เหลยเป้าอีกครั้ง !

แก็ง! แก็ง!

มีการปะทะกันหลายครั้งระหว่างดาบใหญ่กับกระบอง แรงปะทะรุนแรงจนถึงกลับทำให้ผู้คนหวาดสั่น

“ตายไปซะ ไอ้คิงคองยักษ์!” เหลยเป้าตะโกนออกมาและกะบองในมือของเขาก็สั่นไหวอย่างรุนแรง

มันเป็นการปะทะกันที่ดุเดือดมาก ดาบใหญ่ของคิงคองส่งเสียงราวกับจะแตกสลายออกมา เขาได้แต่ถอยหลังอย่างเดียว

คิงคองโกรธมาก เขากวาดดาบใหญ่ไปรอบตัวรัศมีดาบอันน่าสะพรึงกลัวก็ถูกปล่อยออกมา

เหลยเป้าดวงตาเบิกกว้าง รัศมีดาบพุ่งทางข้างหลังของเขาจนระเบิดออก

กระบองในมือของเหลยเป้าขยายใหญ่ขึ้น เขาเชื่อมั่นในอาวุธนี่มาก กระบองปะทะเข้ากับรัศมีดาบ จนระเบิดอย่างรุนแรงทำให้คิงคองตัวสั่นราวคนบ้าคลั่งและคำรามอกมา

แก็ง!

กระบอกเหล็กของเขาปะทะกับการโจมตีของดาบใหญ่เต็มแรง

พริบตานี้เอง เหลยเป้าก็ซัดบอลสายฟ้าด้วยมือซ้ายเข้าที่หน้าอกคิงคองเต็มๆ

ชายร่างยักษ์ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ร่างของเขากระเด็นไปไกล หน้าอก ไหม้เกรียมเป็นสีดำ กระอักเลือดออกมาไม่หยุด เขากระเด็นเข้าไปในห้องหนึ่งๆ ของสำนักภูพาทมิฬทันที

เหลยเป้ารีบตายหมายจะใช้จังหวะนี้ในการปริชีพอีกฝ่าย

แต่ทันใดนั้นเองก็มีบางอย่างปรากฏอย่างฉับพลัน ปัดกระบองเหล็กพร้อมพลังลมปราณที่น่ากลัว

“จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 2” เหลยเป้าอุทานออกมา

จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 2 คนนี้คือชายยืนพูดกับชายชราที่กำลังต่อสู้กับจิ่วโยว

ในกลุ่มของพวกมันมีจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิถึง 15 คน มีจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 2 จำนวน 2 คนอยู่ในกลุ่ม

เมื่อเห็นแบบนั้น หัวใจของหยานอี้และคนอื่นๆ ก็ตกลงไปอยู่ในตาตุ่มทันที

หยานอี้และหวู่ปู้ซือมองหน้ากันอย่างเงียบๆ มีความขมขื่นปรากฏอยู่ในใจของพวกเขาการเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อาจทำอะไรได้เลย

“ดูเหมือนว่าจอมมารฉู่จะให้ของดีกับแกไว้สินะ ไม่เลวๆ” จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 2 เหยียดมือออกไปดูดกระบองเข้ามาไว้ในมือและจ้องมองเหลยเป้าด้วยความรังเกียจ “ยังไงซะ สมบัติดีๆ แบบนี้อยู่ในมือของแกไปก็ไร้ค่า”

“เอาคืนมา!” เหลยเป้าคำรามออกมา กระบองยักษ์นี้เขาถูกใจมันมากเขาไม่ยอมปล่อยให้ถูกแย่งไปแบบนี้แน่

“ไม่ยอมงั้นก็มาเอาไปเองสิ” จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 2 ยิ้มเยาะภายในพริบตาเดียว เขาก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเหลยเป้าและฟาดกระบองยักษ์ใส่เหลยเป้าอย่างแรง

แกร็ก!

เสียงกระดูกหักดังก้อง เลือดไหลออกมาจากแขนขวาที่ถูกทุบ แต่เหลยเป้าไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อยเขาอดกลั้นความเจ็บปวดไว้อย่างเต็มที่

“เฮ้ๆ…” จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 2 ส่ายหัวและยิ้มอย่างชั่วร้าย

“ฉันบอกให้แกให้เอาไปไง แต่น่าเสียดายที่แกรับมันไว้ไม่ได้ เพราะงั้นก็ไม่ต้องแปลกใจเลยที่มันจะเป็นของฉัน”

เมื่อพูดจบ แววตาของเขาก็เย็นชา เขาแย่งกระบองไปจากเหลยเป้าอย่างง่ายดายแลตอนนี้เขาหมายจะจบชีวิตของเหลยเป้าซะตรงนี้เลย!

หยานอี้กัดฟันแน่น ได้แต่วิ่งเข้าใส่ชายชรา

ชายชราไม่สนใจเพียงแค่สะบัดมือลมปราณก็ซัดเข้าที่หน้าอกของหลานอี้อย่างจัง หน้าอกของเขายุบตัวร่างกายเกือบระเบิด

ชายชราแสยะยิ้มและหันไปหาเหลยเป้าต่อ

“ตาแก่ เแกกล้าดียังไง!” จิ่วโยวกระแทกปืนลงสู่พื้น ทำให้หินก้อนใหญ่พุ่งเข้าใส่ชายชรา ปิดกั้นการมองเห็นของเขา

จากนั้นปืนก็แทงไปที่พื้นอีกครั้ง ตัวปืนถูกดึงให้โค้งเหมือนคันธนู และมีจิ่วโยวเป็นดั่งลูกศร จากนั้นปืนที่กลายเป็นคันธนูก็ส่งจิ่วโยวออกไปเธอคว้าปืนมาด้วยและพุ่งเข้าใส่ชายชราที่เตรียมจะฆ่าเหลยเป้า ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายในเวลาแค่ 3 วินาทีเท่านั้น!

จิ่วโยวที่เข้ามาช่วยยิงกระสุนออกมาจากปืนสีเงินทันที

ชายชราผู้กำลังจะฆ่าเหลยเป้าก็หยุดและหมุนตัว พร้อมเหวี่ยงกระบองออกไป

ในเวลานี้ จิ่วโยวราวกับนักฆ่าเมื่อกระสุนปืนถูกยิงออกไป ก็เกิดระลอกคลื่นสีเงินขนาดใหญ่ทั่วร่างชายชรา

เปรี้ยง!

หลังจากปะทะกันอย่างดุเดือด จิ่วโยวและชายชราลอยกลับมาจุดที่ตัวเองยืนอยู่เมื่อครู่

จิ่วโยวใช่ปืนแทงไปที่พื้นเพื่อค้ำยันตัวเองไม่ให้ถอยไปไกลมากกว่านี้ จากนั้นเธอก็วิ่งเข้าไปต่อสู้อีกครั้ง ความว่องไวของการแทงปืนยาวแทนหอกของเธอทั้งโหดเหี้ยมและเยือกเย็น

ในเวลานี้เอง จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิที่สู้กับจิ่วโยวก่อนหน้านี้ ก็สบโอกาสใช้ดาบสั้นแทงไปที่จิ่วโยว

ปืนสีเงินในมือของจิ่วโยวสั่นไหว หันมาปัดป้องการโจมตีของอีกฝ่าย

จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 2 ทั้งสองคนโจมตีใส่จิ่วโยวอย่างเมามันโดยไม่รู้สึกเลยว่ากำลังกลั่นแกล้งเด็กสาวตัวเล็กๆ อยู่

ดวงตาที่นิ่งสงบของจิ่วโยวเย็นชา เส้นผมสีม่วงพริ้วไหว ทั้งร่างเปล่งประกาย ปืนสีเงินสั่นไหวและเปร่งประกายอย่างงดงาม เมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีของขั้นจักรพรรดิระดับ 2 ถึง 2 คน จิ่วโยวกลับถอยหลังแค่ 1 ก้าวเท่านั้น เพราะเหลยเป้าอยู่ข้างหลังเธอ เธอถอยมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว!

“อย่ามัวแต่นิ่ง ฆ่ามันซะ!” ชายชราที่ถือดาบสั้นตะโกนออกมา

เส้นประสาทของหวู่ปู้ซือตึงด้วยความเครียดทันที แววตาของเขาวูบวาบด้วยความรุนแรง ตอนนี้มีเพียงแค่เขาแล้วสามารถต่อสู้ได้

จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิคนหนึ่งพุ่งเข้าใส่หวู่ปู้ซือ และยกมือขึ้นเพื่อฆ่าเขา พร้อมคนอื่นๆ ที่ตามหลังมา

แต่ทันใดนั้น ก็ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นรวบตัวหวู่ปู้ซือ พร้อมกับผงสีขาวที่กระจายไปทั่วท้องฟ้าปิดบังสายตาของทุกคน

จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิที่รีบเร่งเข้ามาต่างก็ตกใจกลัวและรีบกลั้นหายใจ

แต่คนที่รีบพุ่งเข้าไปก่อนหน้านี้ได้ถูกกลุ่มผงสีขาวปกคลุมเข้าไปแล้ว

แต่หลังจากที่มีบางคนสูดผงสีขาวเข้าไป พวกเขาก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะและเดินโซเซมาจนเกือบจะทรุดลง

แท่งคริสตัลปรากฏ ส่องประกายแสงสุกใสกระแทกศีรษะพวกมันอย่างรุนแรง

ตู้ม!

ระเบิดเป็นหมอกเลือด หัวของอีกฝ่ายระเบิดเพราะแท่งคริสตัล

ฉากนี้เกิดขึ้นอย่างฉับพลันจนทุกคนอดไม่ได้ที่จะต้องตกใจ

จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิมากกว่า 10 คนจ้องมองไปในทิศทางเดียวกัน พวกมันมองผ่านผงสีขาวที่ตกลงมาก็เห็นชายวัยกลางคนที่มีสีหน้าเคร่งขรึม

“จักรพรรดิยา ฆ่าได้ดี ๆ !” เหลยเป้าหัวเราะก่อนที่จะกระอักเลือดออกมา

“หุบปากไปเลย!” จักรพรรดิยาตอบกลับไปและคิดในใจ ‘จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิพวกนี้ใช้ไม่ได้เรื่องเลย เขาอยู่มาเป็นร้อยปีเพิ่งเคยฆ่าจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิไปคนเดียวเอง’

“จักรพรรดิยา แกเองก็แก่มากแล้วนะ คงคิดว่าชีวิตของแกมันยาวนานพอแล้วสินะ?” จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิคนหนึ่งโกรธจัด ยกมือขึ้นสร้างเป็นพายุกวาดแยกผงสีขาวออกไป

“แกกำลังพูดอะไร? ฉันอยู่ที่นี่แล้ว ถ้าแกมีความสามารถมากพอก็เข้ามา” จักรพรรดิยาดูถูกเหยียดหยามอีกฝ่าย จริงๆแล้วเขาแสร้งทำเป็นว่าตัวเองเก่งไปงั้นแหละ เขาได้แต่รู้สึกผิดที่ทำแบบนี้ที่นี่มีจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิมากมายเกินไป เขาไม่ใช่ฉู่ชวิ๋น หากอีกฝ่ายบุกเข้ามาพร้อมกัน เขาคงได้แต่ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ภายในเวลาไม่กี่วินาที

“เจ้าบ้านฉู่ ถ้า…ถ้าท่านยังไม่มา ที่นี่จะไม่เหลืออะไรแล้วนะ” จักรพรรดิยาใช้ความคิดอย่างมีสติ

จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิมากกว่าโหลจากประตูวิญญาณสลายไม่ได้ก้าวเข้ามา เพราะเขากำลังเจอกับยวีเฉิงซึ่งรู้จักกันในนามจักรพรรดิยา เขาไม่เพียงแต่ช่วยเหลือผู้คน แต่ยังฆ่าคนด้วยผงสีขาวที่เห็นอยู่ในตอนนี้ด้วย

นี่คือสิ่งที่ผู้คนคิด ถ้าพวกเขาอยู่ตัวคนเดียวพวกเขาอาจหลีกทางให้อีกฝ่ายแม้จะมีหลายคนไม่กลัวจักรพรรดิยา แต่ทุกคนก็ล้วนกลัวความตายและไม่มีใครอยากเป็นรายแรกที่จะเข้าไปเสี่ยง

“จักรพรรดิยา ยาของท่านไม่มีใครเทียบได้ในแดนดิน มาร่วมกับพวกฉันสิ เป็นพวกพ้องประตูวิญญาณสลาย มันดีกว่าออกมาตายนะ เจ้านายของเราเพียงแค่ต้องการบางอย่างจากที่นี่เท่านั้น หากท่านเต็มใจยอมแพ้ พวกเรารับประกันว่าจะแบ่งของให้” ชายชราตะโกน

“จริงเหรอ?” จักรพรรดิยาทำท่าสนใจ

เมื่อเห็นทาทีของจักรพรรดิยา ชายชราจึงพูดต่อ “ฉันขอรับรองด้วยชีวิต ตราบใดที่ท่านยอมแพ้ ทรัพยากรของประตูวิญญาณสลายจะอยู่ในความดูแลของท่าน”

จักรพรรดิยาครุ่นคิดและพึมพำ “ฟังดูดีนะ”

“จะเอาด้วยไหมละ?” ชายชราชื่นชมยินดี คำพูดของเขาไม่ผิดทั้งหมด การรับจักรพรรดิยาเข้ามาจะเป็นประโยชน์อย่างมากในอนาคต

ดวงตาของจักรพรรดิยาวูบาบและพูดว่า “ตกลง”

จากนั้นเขาก็มองไปที่คนของสำนักภูผาทมิฬและพูดออกมาว่า “ขอโทษด้วยนะแต่ฉันยังอยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป”

“ฮ่าฮ่าฮ่า จักรพรรดิยานี่ช่างเข้าใจสถานการณ์ดีจริงๆ” ชายชราหัวเราะ

“ถ้างั้นจักรพรรดิยาช่วยทำอะไรบางอย่างเพื่อเป็นการยืนยันหน่อยสิ”

“ไม่มีปัญหา” เมื่อจักรพรรดิยาพูดจบ ผงสีขาวก็หายไป

ตู้ม!

หวู่ปู้ซือถูกจักรพรรดิยาซัดกระเด็น จนกระอักเลือดออกมา จักรพรรดิยาติดตามเขาเหมือนเงา บิดคอหวู่ปู้ซือแล้วขว้างศพไปไว้ตรงหน้าของเหล่าจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิกว่า 10 คน

จักรพรรดิยามองดูชายชราแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “พอใจกับหรือเปล่าล่ะ?

ถ้าไม่ ฉันจะสามารถช่วยฆ่ายัยเด็กน้อยนั้นให้ก็คน!”

“ฮ่าฮ่า…นังเด็กนี้ยังมีประโยชน์อีกมาก มันต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป ท่านไม่ต้องใส่ใจหรอก จักรพรรดิยา ท่านแค่ถอยกลับไปรอที่ฐานของประตูวิญญาณสลายให้เรื่องนี้จบก่อน” ชายชรามีความสุขมากที่ได้รับจักรพรรดิยามาเป็นพวก ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!

“เข้าใจแล้ว!” จักรพรรดิยายกกำปั้นขึ้น มองอีกฝ่ายด้วยความเคารพ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+