จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) 306 วาจาช่างศักดิ์สิทธิ์

Now you are reading จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) Chapter 306 วาจาช่างศักดิ์สิทธิ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 306 วาจาช่างศักดิ์สิทธิ์

คนรอบ ๆ อึ้งไปเลย คน ๆ นี้บ้าไปแล้วเหรอ เพิ่งจะท้าทายจังเฟิงหลิงไป นี่ยังไปหาเรื่องคนของหอคอยอาภรณ์ม่วงอีก เบื่อชีวิตขนาดนั้นเลยเหรอ หรือว่าชีวิตมันไม่ท้าทายพอ

หยานหวูซวงปวดหัว นี่ฉู่ชวิ๋นคิดจะทำอะไรกันแน่

“พี่หลิว นายจะทำอะไร”

ฉู่ชวิ๋นเอ่ย “ไม่มีอะไรนี่ ก็แค่ไม่มีอะไรให้ทำ”

“….” หยานหวูซวงหมดคำจะพูด แบบนี้มันเหมือนคำที่เขาว่า ว่างจนต้องแกว่งเท้าหาเสี้ยน

สายตาที่คนของหอคอยอาภรณ์ม่วงมองฉู่ชวิ๋นแทบจะลุกเป็นไฟ

ฉู่ชวิ๋นเบื่อจะแย่อยู่แล้ว เขาไม่ได้มีแผนอะไรหรอก ก็แค่ไม่ชอบขี้หน้าพวกหอคอยอาภรณ์ม่วงเท่านั้นเอง

บางครั้งการไม่ชอบใครสักคนก็ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลอะไร

ตู้ม

จู่ ๆ พื้นดินก็สั่นสะเทือน

ทุกคนตั้งสมาธิ ขณะเดียวกันก็มองไปที่หินผารูปพัดกลางลาน

“ซากโบราณสถานจะปรากฏแล้วเหรอ” ฉู่ชวิ๋นมองหยานหวูซวง

หยานหวูซวงพยักหน้าอย่างจริงจัง

ณ กลางลาน หินผามหึมารูปพัดเริ่มเปล่งประกายสีขาวเงิน ราวกับหินประกอบฉากบนลาน

ประกายเจิดจ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ

และหินผารูปพัดนั่นเริ่มสูงขึ้น แม้จะเชื่องช้าแต่ก็สูงขึ้นจริง ๆ

เมื่อหินผาสูงขึ้น พื้นน้ำแข็งหนาปึกก็เริ่มแตกออกทีละนิด รอยแยกเส้นใหญ่คืบคลานออกมา

จู่ ๆ บนหินผารูปพัดก็เริ่มเกิดฟ้าร้องฟ้าแลบ แถมยังหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ ดุดันขึ้นเรื่อย ๆ

ฉู่ชวิ๋นตั้งสมาธิ ปล่อยจิตวิญญาณออกไปเพื่อตรวจดู แต่ก็เหมือนเมื่อกี้ที่เขาลองตรวจดูแล้วไม่มีอะไรทั้งนั้น

หินผารูปพัดยังคงสูงขึ้นไม่หยุดหย่อน สายฟ้าก็เริ่มคืบคลานออกมา รัศมี 10 เมตรรอบ ๆ กลายเป็นเขตปักษา 20 เมตร… 30 เมตร…. 100 เมตร….

จิตวิญญาณของฉู่ชวิ๋นคืบคลานออกไปครอบคลุมทั้งหินผาและลึกต่อลงไปภายใน

จนกระทั่งจิตวิญญาณลงลึกไปหลายร้อยเมตร จู่ ๆ วัตถุทรงกลมลูกบอลมหึมามีแสงสีเงินจรัสก็ทำลายจิตวิญญาณของฉู่ชวิ๋นที่แทรงลงไป

ฉู่ชวิ๋นตกใจ นั่นมันอะไรน่ะ ถึงกับทำลายจิตวิญญาณของเขาได้ เขาไม่กล้าเสี่ยงลองอีกครั้ง โดนทำลายจิตวิญญาณอาจทำให้พลังย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองได้

เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง

สายฟ้าดุดันถล่มลงมาและขยายออกเรื่อย ๆ พริบตาเดียวรัศมีรอบ ๆ หลายร้อยเมตรก็แปรเปลี่ยนเป็นเขตปักษา

แสนยานุภาพนี้ทำให้ทุกคนหวาดผวา แต่ละคนมีสีหน้าเคร่งขรึม

ตู้ม

เสียงระเบิดดังมาจากศูนย์กลางของเขตปักษา ราวกับมีอะไรทะลุนำ้แข็งออกมา

ครู่เดียวเขตปักษาก็ครอบคลุมออกไปหลายพันเมตรจนกลายเป็นเขตปักษาทั้งหมด

จอมยุทธ์รอบ ๆ ถอยแล้วถอยอีก

สายฟ้าดุดันเกินไป ไม่มีใครอยากโดนสายฟ้าผ่าใส่แน่ ๆ

มีคนโยนกระบี่ยาวเล่มหนึ่งเข้าไปในเขตปักษา ยังไม่ทันจะร่วงเข้าไปก็โดนสายฟ้าฟาดจนหักเป็นสองท่อน

ทุกคนตะลึง ยิ่งถอยหลังไปเร็วกว่าเดิมอีก

เขตปักษายังคงขยายออกไปราวกับจะครอบคลุมที่นี่ให้หมด

ทันใดนั้นหิมะก็หยุดตก พายุหยุดกระหน่ำ ประหนึ่งว่าสรรพสิ่งสงบนิ่งไป

ทุกคนใจเต้นตึกตัก ตื่นเต้นกันอย่างมาก

พันเฉิงเฟิงเตะหินขนาดเท่าแท่นบดแล้วปาเข้าไป ผลคือโดนสายฟ้าฟาดใส่จนหินแตกสลาย

เมื่อเห็นภาพนี้ทุกคนก็หนาวในใจ แบบนี้ใครจะกล้าเข้าไป รับรองได้โดนสายฟ้าฉีกออกเป็นชิ้น ๆ แน่

“น้องหยาน นายบอกว่าเคยเข้าไปตรวจสอบดูแล้วไม่ใช่เหรอ” ฉู่ชวิ๋นถาม อานุภาพสายฟ้ารุนแรงขนาดนี้ หยานหวูซวงเข้าไปได้ยังไง

“ตอนมันการขยายตัวของเขตปักษาหยุดลง อานุภาพของสายฟ้าจะเบาบางลงไป” หยานหวูซวงบอกอย่างใจเย็น

ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง ฉู่ชวิ๋นเข้าใจกระจ่างแล้ว

ผ่านไปเนิ่นนาน การขยายตัวของเขตปักษาก็หยุดลง แต่ก็บีบจนทุกคนต้องไปอยู่ที่ขอบผา

และก็จริง เขตปักษาพอเริ่มสงบลง มันก็ไม่ดุดันเท่าตอนแรกแล้ว

จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 6 คนหนึ่งลองเข้าไป ปรากฏว่าไม่เป็นอะไร

จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 5 คนหนึ่งเห็นดังนั้นลองเข้าไปดู ปรากฏว่าไม่เป็นอะไร

แต่มีจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 4 คนหนึ่งลองเข้าไป…พอเข้าไปก็โดนสายฟ้าทำลายลมปราณคุ้มกาย เกือบจะตายอยู่ในนั้น

ทุกคนเข้าใจกระจ่าง จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 5 ขึ้นไปเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้

กลุ่มคนที่มาที่นี่ต่างก็เป็นยอดฝีมือ ส่วนใหญ่เป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 5 ขึ้นไป ย่อมไม่มีปัญหาอะไร

“ไป”

จังเฟิงหลิงมองฉู่ชวิ๋นด้วยสายตาเหี้ยมโหด มีจิตสังหารปรากฏในแววตา ก่อนที่เขาจะพาคนพุ่งนำเข้าไปในเขตปักษาก่อนใคร

พันเฉิงเฟิงก็มองฉู่ชวิ๋นอย่างเหี้ยมโหด ก่อนจะพาคนพุ่งเข้าไปเหมือนกัน

“มองอะไร เจ็บใจก็เข้ามาสิ เดี๋ยวจะสอนวิธีการเป็นคนให้” ฉู่ชวิ๋นท้าทายตรง ๆ

พันเฉิงเฟิงแทบจะอดความโกรธไม่ไหวแต่สุดท้ายก็ต้องอดทนเอาไว้ ตอนนี้ซากโบราณสถานสำคัญที่สุด

กลุ่มอื่น ๆ กลับค่อนข้างเป็นมิตรกับฉู่ชวิ๋น ตอนที่เข้าไปพยักหน้าพลางยิ้มให้เป็นการทักทาย

ประเด็นคือพ่อหนุ่มไม่กลัวฟ้ากลัวดินคนนี้ไม่ชอบหน้าใครก็แขวะคนนั้น รักษามิตรภาพไว้ก่อนจะดีกว่า

“พวกเราเองก็เข้าไปกันเถอะ”

ฉู่ชวิ๋นนำคนเข้าไปโดยไม่ใช้ลมปราณคุ้มกายด้วยซ้ำ เขาปล่อยให้สายฟ้าฟาดใส่ตัวเอง แม้แต่คิ้วก็ไม่ขมวด

“ความแข็งแกร่งของร่างกายพี่หลิวนี่น่านับถือจริง ๆ ”

หยานหวูซวงอิจฉาสุด ๆ แม้แต่เขาเองก็ต้องใช้ลมปราณสร้างเป็นเกราะถึง 7 ชั้น

ทุกคนค่อย ๆ เข้าใกล้ศูนย์กลางเขตปักษาเรื่อย ๆ

ด้านในฟ้าแลบแปลบปลาบ ตาลายไปหมด ไม่เห็นเงาของพวกจังเฟิงหลิงเลยสักนิด

“ทุกคนตามกันมาให้ติด ๆ อย่าหลงกันนะ” ฉู่ชวิ๋นเตือน เดินหลงกันในนี้คงไม่สนุกแน่

ยิ่งเดินเข้าไปด้านในสายฟ้าก็ยิ่งดุดัน

คนที่สบายที่สุดเห็นจะเป็นฉู่ชวิ๋น สายฟ้าทำอะไรเขาไม่ได้เลยสักนิด เขาสบายราวกับเดินเล่นในสวน พวกหยานหวูซวงต่างมองด้วยความอิจฉา เพราะว่าลมปราณคุ้มกายสิ้นเปลืองลมปราณมากๆ การโดนสายฟ้าฟาดใส่ตลอดเวลาแบบนี้ถ้าลมปราณไม่แข็งแกร่งจริง ๆ คงเละไปนานแล้ว

จู่ ๆ ฉู่ชวิ๋นก็คิดอะไรขึ้นมาได้ เขาหยิบค้อนสายฟ้าที่แย่งมาจากเป๋าผิงออกมาจากแหวนเก็บของ

เปรี้ยง

ทันใดนั้นสายฟ้าก็แปรเปลี่ยนพวกมันดุดันเกินจะเปรียบก่อนพุ่งเข้ามาใส่ค้อนสายฟ้าในมือของฉู่ชวิ๋น

เปรี้ยง

ค้อนสายฟ้ากระพริบก่อนจะส่องแสงสีเงิน ได้ผลจริง ๆ ด้วย ฉู่ชวิ๋นดีใจมาก เพราะว่าที่นี่สามารถหลอมค้อนสายฟ้าได้

พวกหยานหวูซวงตะลึง เพราะจู่ ๆ พวกเขาก็รู้สึกสบายตัวขึ้น สายฟ้าโดนค้อนสายฟ้าในมือของฉู่ชวิ๋นดูดไปหมด

เขาเป็นนายน้อยตระกูลหยาน ย่อมไม่ขาดแคลนของวิเศษ แต่ของวิเศษธาตุสายฟ้ายังถือว่าหาได้ยากยิ่ง ไม่คิดว่าพีหลิวของเขาจะมีมันติดตัว

“เทพปักษาจุติ คุ้มครองผู้ตกทุกข์ได้ยาก” ฉู่ชวิ๋นยกค้อนสายฟ้าขึ้นตะโกนลั่น

ประโยคนี้ทำให้พวกหยานหวูซวงสีหน้าไม่สู้ดี พวกเขากลายเป็นผู้ตกทุกข์ได้ยากไปซะแล้ว

“เลิกเล่นตลกแล้วเดินไป เร็ว” ผู้หญิงผมม่วงเอ่ยปาก

มีการคุ้มกันจากค้อนสายฟ้า ทุกคนก็สบายตัวขึ้น ฝีเท้าก็เร็วขึ้น

ไม่นานนัก ด้านหน้าก็มีคนพวกหนึ่งปรากฏตัว

“สวัสดี” ฉู่ชวิ๋นทักทายพวกเขา

คนกลุ่มนี้ได้ยินเสียงจึงหันกลับมามองและตาค้างกันไปหมด แบบนี้ก็ได้เหรอ ทุกคนมีสีหน้าอิจฉาและมีความโลภอยากได้มาครอบครอง

สายฟ้าแถบนี้ดุดันมาก ๆ พวกเขาเดินทางกันอย่างยากลำบากแต่ไอ้บ้านี้กลับมีของวิเศษทำให้เดินในนี้ได้อย่างสบายๆ

“แล้วเจอกันนะทุกคน”

คนกลุ่มฉู่ชวิ๋นเดินเอ้อระเหยลอยชายผ่านพวกเขาไป

ถ้าไม่ใช่เพราะเคยเห็นความแข็งแกร่งของฉู่ชวิ๋นมาก่อนพวกเขาคงจะเข้าไปปล้นค้อนด้ามนั้นมาแล้วจริง ๆ

“พี่หลิว มีคำพูดหนึ่งฉันไม่รู้ว่าจะพูดดีมั้ย” หยานหวูซวงลังเล

“คำพูดอะไร น้องหยานพูดมาได้เลย” ฉู่ชวิ๋นพูดอย่างไม่สนใจเท่าไร

“พี่นี่นิสัยไม่ดีจริง ๆ น่าแค้นใจสุด ๆ ” หยานหวูซวงลังเลอยู่นานแต่สุดท้ายก็พูดออกมา

ฉู่ชวิ๋นยิ้มให้หยานหวูซวง ยิ้มจนหยานหวูซวงหวาดระแวงในใจ

พรึ่บ

จู่ ๆ ฉู่ชวิ๋นเก็บค้อนสายฟ้า ทันใดนั้น สายฟ้าก็ฟาดลงมาอย่างต่อเนื่อง

เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง

พวกหยานหวูซวงไม่ทันตั้งตัว พอไม่มีค้อนสายฟ้า สายฟ้าก็จู่โจมลงมา พวกเขารีบโคจรลมปราณสร้างเป็นลมปราณกาย

แต่ก็ยังสายไป 1 ก้าว ทุกคนโดนสายฟ้าฟาดเข้าให้คนละที 2 ที ร้องครวญครางออกมา

โดยเฉพาะหยานหวูซวง เขาโชคร้ายมาก โดยสายฟ้าฟาดใส่ผมของเขา ทันใดนั้นก็กลายเป็นหัวก็เป็นทรงแอฟโฟร่ แถมยังพ่นควันขาวออกมาอีกต่างหาก สภาพน่าตลกสุด ๆ

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า….” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะจนท้องแข็ง

หยานหวูซวงหงุดหงิดจนแทบกระอักเลือด เขายังไม่รู้ตัวเลยว่าผมตัวเองเป็นทรงแอฟโฟร่ไปแล้ว

“พี่หลิว!!!”

ปรากฏว่าพอเขาอ้าปากก็มีควันดำพ่นออกจากปาก ฉู่ชวิ๋นยิ่งหัวเราะหนักเข้าไปใหญ่จนหยุดไม่ได้

จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิตระกูลหยานแต่ละคนยังถือว่าโชคดี ผมโดนสายฟ้าฟาดใส่ แต่ก็โดนส่วนอื่นในร่างกาย แต่ละคนอย่างกับเป็นโรคลมชัก ทั้งตัวสั่นทั้งชักกระตุก

มีเพียงผู้หญิงผมม่วงที่ไม่เป็นอะไร ฉู่ชวิ๋นเพราะแอบส่งกระแสจิตบอกเธอก่อน

“พี่หลิว พี่นี้มัน…” หยานหวูซวงเซ็งสุด ๆ

“แค่ล้อเล่นเท่านั้น” ฉู่ชวิ๋นพูดจบก็เปลี่ยนไปเป็นท่าทีจริงจัง หยานหวูซวงมองเขาด้วยท่าทีเอ๋ออา และก็ได้ยินฉู่ชวิ๋นพูด “น้องหยาน จงจำเอาไว้ว่าปลาหมอตายเพราะปาก ฮ่า ๆ ๆ …”

หยานหวูซวงไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาถลึงตาใส่ฉู่ชวิ๋น ไม่ว่าคำพูดนี้จะออกมาจากปากใครก็ดูน่าเชื่อถือกว่าออกมาจากปากของฉู่ชวิ๋น

“นายน้อย ท่าน….” 1 ในจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิตระกูลหยานอยากจะเตือนหยานหวูซวง เขาจ้องหัวทรงแอฟโฟร่นั่น

แต่โดนฉู่ชวิ๋นขัดขึ้นซะก่อน “ท่านอะไรหะ รีบเดินเร็วๆๆ”

พูดจบฉู่ชวิ๋นก็หยิบค้อนสายฟ้าออกมาใหม่เพื่อคุ้มครองทุกคน และมุ่งหน้าสู่ด้านใน

จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิคนนั้นอ้าปากแต่ไม่มีคำพูดอะไรเล็ดรอดออกมา สุดท้ายก็ยอมสยบให้กับอำนาจของฉู่ชวิ๋น เขากลัวว่าจู่ ๆ ชายคนนี้จะเก็บค้อนสายฟ้าอีก

ฉู่ชวิ๋นเดินไปหัวเราะไปทั้งทาง หัวเราะจนตัวโยกเยกไปมา ตอนนี้คุณชายสุดสง่างามอย่างหยานหวูซวง ผู้หล่อเหลาเอาการ หัวทรงแอฟโฟร่ไปแล้ว

“น้องหยาน ฉันเดาว่าตอนแก่นายต้องดูดีกว่าสี่หยางหยางแน่” ฉู่ชวิ๋น

พูดขณะกลั้วหัวเราะ

“สี่หยางหยางคืออะไร” หยานหวูซวงไม่เข้าใจ

“ตัวการ์ตูนในการ์ตูนเรื่องหนึ่ง เด็ก ๆ ชอบมาก” ฉู่ชวิ๋นอธิบายยิ้ม ๆ

“งั้นเหรอ” หยานหวูซวงรู้สึกแปลก ๆ เด็ก ๆ ชอบมันก็ดีอยู่หรอก แต่ทำไมฉู่ชวิ๋นถึงยิ้มมีเลศนัยแบบนั้นล่ะ

“อืม ๆ…”ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าด้วยความจริงจังอย่างถึงที่สุด

มีการคุ้มครองจากค้อนสายฟ้า คนทั้งกลุ่มก็เดินทางกันไวมาก พวกเขาแซงคนไปหลายกลุ่มในเวลาสั้น ๆ

ไม่นานนัก พวกเขาก็เห็นคนของหอคอยอาภรณ์ม่วง

“สวัสดี ทุกคน” ฉู่ชวิ๋นทักทายตามปกติ

พันเฉิงเฟิงเห็นคนกลุ่มฉู่ชวิ๋นยกค้อนใหญ่ด้ามหนึ่ง เดินด้วยท่าทีสบาย ๆ ราวกับกำลังเดินเล่นทอดน่องแล้วพวกเขาก็ไม่พอใจสุด ๆ

“ที่แท้ก็คุณชายหยานนี่เอง” เขาทักทายหยานหวูซวงโดยเมินฉู่ชวิ๋น แต่สายตาของเขาแปลก ๆ ทรงผมของหยานหวูซวงนี่แปลก ๆ แฮะ

หยานหวูซวงพยักหน้า “ทุกท่านเจออะไรรึเปล่า”

พันเฉิงเฟิงส่ายหัว

“งั้นพวกนายต้องระวังหน่อยนะ แถวนี้มีสัตว์ประหลาดอยู่” ฉู่ชวิ๋นเตือน

“สัตว์ประหลาด?” พันเฉิงเฟิงตกใจ แต่ก็หัวเราะอย่างเย็นชาออกมา สัตว์ประหลาดอะไรกัน ไอ้หนุ่มปากไม่ดีนี่ดีแต่สร้างเรื่องขึ้นมาเท่านั้นแหละ เชื่อถือไม่ได้

“พวกเราไปก่อนนะ แล้วเจอกัน” ฉู่ชวิ๋นโบกมือให้อย่างสนิทสนม ก่อนจะเดินเอ้อระเหยลอยชายผ่านพวกเขาไป

ปรากฏว่าเพิ่งเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงโหยหวนดังมาจากด้านหลัง หันกลับไปมองก็เห็น 1 ในหอคอยอาภรณ์ม่วงแขนขาดไปครึ่งท่อน เลือดสาดกระจาย

พันเฉิงเฟิงรีบห้ามเลือดรักษาให้เขาพลางถาม “ใครทำร้ายนาย”

“ทะ…ที่นี่มีตัวอะไรอยู่จริง ๆ ” คน ๆ นั้นบอกเสียงสั่นเครือ

พันเฉิงเฟิงตกใจและสั่งลงไป “ทุกคนเตรียมตั้งรับ”

หยานหวูซวงมองฉู่ชวิ๋น รู้สึกว่าไอ้บ้านี้วาจาช่างศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ พูดอย่างไรได้อย่างนั้น

ฉู่ชวิ๋นเองก็ตกตะลึงพลางมองหยานหวูซวง ที่หยานหวูซวงเคยบอกว่าในนี้มีสิ่งมีชีวิตอยู่ ท่าทางจะจริง เมื่อกี้เขาแค่หลอกอีกฝ่ายเล่นไม่คิดว่าจะโผล่ มาจริงๆ

“พวกเราเองก็ระวังตัวกันด้วยละ” ฉู่ชวิ๋นพูดอย่างจริงจัง

เพิ่งจะสิ้นเสียงลง สีหน้าฉู่ชวิ๋นก็เปลี่ยนไป เขาหมุนตัวพลางชกหมัดออกไปอย่างรวดเร็ว!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) 306 วาจาช่างศักดิ์สิทธิ์

Now you are reading จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) Chapter 306 วาจาช่างศักดิ์สิทธิ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 306 วาจาช่างศักดิ์สิทธิ์

คนรอบ ๆ อึ้งไปเลย คน ๆ นี้บ้าไปแล้วเหรอ เพิ่งจะท้าทายจังเฟิงหลิงไป นี่ยังไปหาเรื่องคนของหอคอยอาภรณ์ม่วงอีก เบื่อชีวิตขนาดนั้นเลยเหรอ หรือว่าชีวิตมันไม่ท้าทายพอ

หยานหวูซวงปวดหัว นี่ฉู่ชวิ๋นคิดจะทำอะไรกันแน่

“พี่หลิว นายจะทำอะไร”

ฉู่ชวิ๋นเอ่ย “ไม่มีอะไรนี่ ก็แค่ไม่มีอะไรให้ทำ”

“….” หยานหวูซวงหมดคำจะพูด แบบนี้มันเหมือนคำที่เขาว่า ว่างจนต้องแกว่งเท้าหาเสี้ยน

สายตาที่คนของหอคอยอาภรณ์ม่วงมองฉู่ชวิ๋นแทบจะลุกเป็นไฟ

ฉู่ชวิ๋นเบื่อจะแย่อยู่แล้ว เขาไม่ได้มีแผนอะไรหรอก ก็แค่ไม่ชอบขี้หน้าพวกหอคอยอาภรณ์ม่วงเท่านั้นเอง

บางครั้งการไม่ชอบใครสักคนก็ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลอะไร

ตู้ม

จู่ ๆ พื้นดินก็สั่นสะเทือน

ทุกคนตั้งสมาธิ ขณะเดียวกันก็มองไปที่หินผารูปพัดกลางลาน

“ซากโบราณสถานจะปรากฏแล้วเหรอ” ฉู่ชวิ๋นมองหยานหวูซวง

หยานหวูซวงพยักหน้าอย่างจริงจัง

ณ กลางลาน หินผามหึมารูปพัดเริ่มเปล่งประกายสีขาวเงิน ราวกับหินประกอบฉากบนลาน

ประกายเจิดจ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ

และหินผารูปพัดนั่นเริ่มสูงขึ้น แม้จะเชื่องช้าแต่ก็สูงขึ้นจริง ๆ

เมื่อหินผาสูงขึ้น พื้นน้ำแข็งหนาปึกก็เริ่มแตกออกทีละนิด รอยแยกเส้นใหญ่คืบคลานออกมา

จู่ ๆ บนหินผารูปพัดก็เริ่มเกิดฟ้าร้องฟ้าแลบ แถมยังหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ ดุดันขึ้นเรื่อย ๆ

ฉู่ชวิ๋นตั้งสมาธิ ปล่อยจิตวิญญาณออกไปเพื่อตรวจดู แต่ก็เหมือนเมื่อกี้ที่เขาลองตรวจดูแล้วไม่มีอะไรทั้งนั้น

หินผารูปพัดยังคงสูงขึ้นไม่หยุดหย่อน สายฟ้าก็เริ่มคืบคลานออกมา รัศมี 10 เมตรรอบ ๆ กลายเป็นเขตปักษา 20 เมตร… 30 เมตร…. 100 เมตร….

จิตวิญญาณของฉู่ชวิ๋นคืบคลานออกไปครอบคลุมทั้งหินผาและลึกต่อลงไปภายใน

จนกระทั่งจิตวิญญาณลงลึกไปหลายร้อยเมตร จู่ ๆ วัตถุทรงกลมลูกบอลมหึมามีแสงสีเงินจรัสก็ทำลายจิตวิญญาณของฉู่ชวิ๋นที่แทรงลงไป

ฉู่ชวิ๋นตกใจ นั่นมันอะไรน่ะ ถึงกับทำลายจิตวิญญาณของเขาได้ เขาไม่กล้าเสี่ยงลองอีกครั้ง โดนทำลายจิตวิญญาณอาจทำให้พลังย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองได้

เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง

สายฟ้าดุดันถล่มลงมาและขยายออกเรื่อย ๆ พริบตาเดียวรัศมีรอบ ๆ หลายร้อยเมตรก็แปรเปลี่ยนเป็นเขตปักษา

แสนยานุภาพนี้ทำให้ทุกคนหวาดผวา แต่ละคนมีสีหน้าเคร่งขรึม

ตู้ม

เสียงระเบิดดังมาจากศูนย์กลางของเขตปักษา ราวกับมีอะไรทะลุนำ้แข็งออกมา

ครู่เดียวเขตปักษาก็ครอบคลุมออกไปหลายพันเมตรจนกลายเป็นเขตปักษาทั้งหมด

จอมยุทธ์รอบ ๆ ถอยแล้วถอยอีก

สายฟ้าดุดันเกินไป ไม่มีใครอยากโดนสายฟ้าผ่าใส่แน่ ๆ

มีคนโยนกระบี่ยาวเล่มหนึ่งเข้าไปในเขตปักษา ยังไม่ทันจะร่วงเข้าไปก็โดนสายฟ้าฟาดจนหักเป็นสองท่อน

ทุกคนตะลึง ยิ่งถอยหลังไปเร็วกว่าเดิมอีก

เขตปักษายังคงขยายออกไปราวกับจะครอบคลุมที่นี่ให้หมด

ทันใดนั้นหิมะก็หยุดตก พายุหยุดกระหน่ำ ประหนึ่งว่าสรรพสิ่งสงบนิ่งไป

ทุกคนใจเต้นตึกตัก ตื่นเต้นกันอย่างมาก

พันเฉิงเฟิงเตะหินขนาดเท่าแท่นบดแล้วปาเข้าไป ผลคือโดนสายฟ้าฟาดใส่จนหินแตกสลาย

เมื่อเห็นภาพนี้ทุกคนก็หนาวในใจ แบบนี้ใครจะกล้าเข้าไป รับรองได้โดนสายฟ้าฉีกออกเป็นชิ้น ๆ แน่

“น้องหยาน นายบอกว่าเคยเข้าไปตรวจสอบดูแล้วไม่ใช่เหรอ” ฉู่ชวิ๋นถาม อานุภาพสายฟ้ารุนแรงขนาดนี้ หยานหวูซวงเข้าไปได้ยังไง

“ตอนมันการขยายตัวของเขตปักษาหยุดลง อานุภาพของสายฟ้าจะเบาบางลงไป” หยานหวูซวงบอกอย่างใจเย็น

ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง ฉู่ชวิ๋นเข้าใจกระจ่างแล้ว

ผ่านไปเนิ่นนาน การขยายตัวของเขตปักษาก็หยุดลง แต่ก็บีบจนทุกคนต้องไปอยู่ที่ขอบผา

และก็จริง เขตปักษาพอเริ่มสงบลง มันก็ไม่ดุดันเท่าตอนแรกแล้ว

จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 6 คนหนึ่งลองเข้าไป ปรากฏว่าไม่เป็นอะไร

จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 5 คนหนึ่งเห็นดังนั้นลองเข้าไปดู ปรากฏว่าไม่เป็นอะไร

แต่มีจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 4 คนหนึ่งลองเข้าไป…พอเข้าไปก็โดนสายฟ้าทำลายลมปราณคุ้มกาย เกือบจะตายอยู่ในนั้น

ทุกคนเข้าใจกระจ่าง จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 5 ขึ้นไปเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้

กลุ่มคนที่มาที่นี่ต่างก็เป็นยอดฝีมือ ส่วนใหญ่เป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 5 ขึ้นไป ย่อมไม่มีปัญหาอะไร

“ไป”

จังเฟิงหลิงมองฉู่ชวิ๋นด้วยสายตาเหี้ยมโหด มีจิตสังหารปรากฏในแววตา ก่อนที่เขาจะพาคนพุ่งนำเข้าไปในเขตปักษาก่อนใคร

พันเฉิงเฟิงก็มองฉู่ชวิ๋นอย่างเหี้ยมโหด ก่อนจะพาคนพุ่งเข้าไปเหมือนกัน

“มองอะไร เจ็บใจก็เข้ามาสิ เดี๋ยวจะสอนวิธีการเป็นคนให้” ฉู่ชวิ๋นท้าทายตรง ๆ

พันเฉิงเฟิงแทบจะอดความโกรธไม่ไหวแต่สุดท้ายก็ต้องอดทนเอาไว้ ตอนนี้ซากโบราณสถานสำคัญที่สุด

กลุ่มอื่น ๆ กลับค่อนข้างเป็นมิตรกับฉู่ชวิ๋น ตอนที่เข้าไปพยักหน้าพลางยิ้มให้เป็นการทักทาย

ประเด็นคือพ่อหนุ่มไม่กลัวฟ้ากลัวดินคนนี้ไม่ชอบหน้าใครก็แขวะคนนั้น รักษามิตรภาพไว้ก่อนจะดีกว่า

“พวกเราเองก็เข้าไปกันเถอะ”

ฉู่ชวิ๋นนำคนเข้าไปโดยไม่ใช้ลมปราณคุ้มกายด้วยซ้ำ เขาปล่อยให้สายฟ้าฟาดใส่ตัวเอง แม้แต่คิ้วก็ไม่ขมวด

“ความแข็งแกร่งของร่างกายพี่หลิวนี่น่านับถือจริง ๆ ”

หยานหวูซวงอิจฉาสุด ๆ แม้แต่เขาเองก็ต้องใช้ลมปราณสร้างเป็นเกราะถึง 7 ชั้น

ทุกคนค่อย ๆ เข้าใกล้ศูนย์กลางเขตปักษาเรื่อย ๆ

ด้านในฟ้าแลบแปลบปลาบ ตาลายไปหมด ไม่เห็นเงาของพวกจังเฟิงหลิงเลยสักนิด

“ทุกคนตามกันมาให้ติด ๆ อย่าหลงกันนะ” ฉู่ชวิ๋นเตือน เดินหลงกันในนี้คงไม่สนุกแน่

ยิ่งเดินเข้าไปด้านในสายฟ้าก็ยิ่งดุดัน

คนที่สบายที่สุดเห็นจะเป็นฉู่ชวิ๋น สายฟ้าทำอะไรเขาไม่ได้เลยสักนิด เขาสบายราวกับเดินเล่นในสวน พวกหยานหวูซวงต่างมองด้วยความอิจฉา เพราะว่าลมปราณคุ้มกายสิ้นเปลืองลมปราณมากๆ การโดนสายฟ้าฟาดใส่ตลอดเวลาแบบนี้ถ้าลมปราณไม่แข็งแกร่งจริง ๆ คงเละไปนานแล้ว

จู่ ๆ ฉู่ชวิ๋นก็คิดอะไรขึ้นมาได้ เขาหยิบค้อนสายฟ้าที่แย่งมาจากเป๋าผิงออกมาจากแหวนเก็บของ

เปรี้ยง

ทันใดนั้นสายฟ้าก็แปรเปลี่ยนพวกมันดุดันเกินจะเปรียบก่อนพุ่งเข้ามาใส่ค้อนสายฟ้าในมือของฉู่ชวิ๋น

เปรี้ยง

ค้อนสายฟ้ากระพริบก่อนจะส่องแสงสีเงิน ได้ผลจริง ๆ ด้วย ฉู่ชวิ๋นดีใจมาก เพราะว่าที่นี่สามารถหลอมค้อนสายฟ้าได้

พวกหยานหวูซวงตะลึง เพราะจู่ ๆ พวกเขาก็รู้สึกสบายตัวขึ้น สายฟ้าโดนค้อนสายฟ้าในมือของฉู่ชวิ๋นดูดไปหมด

เขาเป็นนายน้อยตระกูลหยาน ย่อมไม่ขาดแคลนของวิเศษ แต่ของวิเศษธาตุสายฟ้ายังถือว่าหาได้ยากยิ่ง ไม่คิดว่าพีหลิวของเขาจะมีมันติดตัว

“เทพปักษาจุติ คุ้มครองผู้ตกทุกข์ได้ยาก” ฉู่ชวิ๋นยกค้อนสายฟ้าขึ้นตะโกนลั่น

ประโยคนี้ทำให้พวกหยานหวูซวงสีหน้าไม่สู้ดี พวกเขากลายเป็นผู้ตกทุกข์ได้ยากไปซะแล้ว

“เลิกเล่นตลกแล้วเดินไป เร็ว” ผู้หญิงผมม่วงเอ่ยปาก

มีการคุ้มกันจากค้อนสายฟ้า ทุกคนก็สบายตัวขึ้น ฝีเท้าก็เร็วขึ้น

ไม่นานนัก ด้านหน้าก็มีคนพวกหนึ่งปรากฏตัว

“สวัสดี” ฉู่ชวิ๋นทักทายพวกเขา

คนกลุ่มนี้ได้ยินเสียงจึงหันกลับมามองและตาค้างกันไปหมด แบบนี้ก็ได้เหรอ ทุกคนมีสีหน้าอิจฉาและมีความโลภอยากได้มาครอบครอง

สายฟ้าแถบนี้ดุดันมาก ๆ พวกเขาเดินทางกันอย่างยากลำบากแต่ไอ้บ้านี้กลับมีของวิเศษทำให้เดินในนี้ได้อย่างสบายๆ

“แล้วเจอกันนะทุกคน”

คนกลุ่มฉู่ชวิ๋นเดินเอ้อระเหยลอยชายผ่านพวกเขาไป

ถ้าไม่ใช่เพราะเคยเห็นความแข็งแกร่งของฉู่ชวิ๋นมาก่อนพวกเขาคงจะเข้าไปปล้นค้อนด้ามนั้นมาแล้วจริง ๆ

“พี่หลิว มีคำพูดหนึ่งฉันไม่รู้ว่าจะพูดดีมั้ย” หยานหวูซวงลังเล

“คำพูดอะไร น้องหยานพูดมาได้เลย” ฉู่ชวิ๋นพูดอย่างไม่สนใจเท่าไร

“พี่นี่นิสัยไม่ดีจริง ๆ น่าแค้นใจสุด ๆ ” หยานหวูซวงลังเลอยู่นานแต่สุดท้ายก็พูดออกมา

ฉู่ชวิ๋นยิ้มให้หยานหวูซวง ยิ้มจนหยานหวูซวงหวาดระแวงในใจ

พรึ่บ

จู่ ๆ ฉู่ชวิ๋นเก็บค้อนสายฟ้า ทันใดนั้น สายฟ้าก็ฟาดลงมาอย่างต่อเนื่อง

เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง

พวกหยานหวูซวงไม่ทันตั้งตัว พอไม่มีค้อนสายฟ้า สายฟ้าก็จู่โจมลงมา พวกเขารีบโคจรลมปราณสร้างเป็นลมปราณกาย

แต่ก็ยังสายไป 1 ก้าว ทุกคนโดนสายฟ้าฟาดเข้าให้คนละที 2 ที ร้องครวญครางออกมา

โดยเฉพาะหยานหวูซวง เขาโชคร้ายมาก โดยสายฟ้าฟาดใส่ผมของเขา ทันใดนั้นก็กลายเป็นหัวก็เป็นทรงแอฟโฟร่ แถมยังพ่นควันขาวออกมาอีกต่างหาก สภาพน่าตลกสุด ๆ

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า….” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะจนท้องแข็ง

หยานหวูซวงหงุดหงิดจนแทบกระอักเลือด เขายังไม่รู้ตัวเลยว่าผมตัวเองเป็นทรงแอฟโฟร่ไปแล้ว

“พี่หลิว!!!”

ปรากฏว่าพอเขาอ้าปากก็มีควันดำพ่นออกจากปาก ฉู่ชวิ๋นยิ่งหัวเราะหนักเข้าไปใหญ่จนหยุดไม่ได้

จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิตระกูลหยานแต่ละคนยังถือว่าโชคดี ผมโดนสายฟ้าฟาดใส่ แต่ก็โดนส่วนอื่นในร่างกาย แต่ละคนอย่างกับเป็นโรคลมชัก ทั้งตัวสั่นทั้งชักกระตุก

มีเพียงผู้หญิงผมม่วงที่ไม่เป็นอะไร ฉู่ชวิ๋นเพราะแอบส่งกระแสจิตบอกเธอก่อน

“พี่หลิว พี่นี้มัน…” หยานหวูซวงเซ็งสุด ๆ

“แค่ล้อเล่นเท่านั้น” ฉู่ชวิ๋นพูดจบก็เปลี่ยนไปเป็นท่าทีจริงจัง หยานหวูซวงมองเขาด้วยท่าทีเอ๋ออา และก็ได้ยินฉู่ชวิ๋นพูด “น้องหยาน จงจำเอาไว้ว่าปลาหมอตายเพราะปาก ฮ่า ๆ ๆ …”

หยานหวูซวงไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาถลึงตาใส่ฉู่ชวิ๋น ไม่ว่าคำพูดนี้จะออกมาจากปากใครก็ดูน่าเชื่อถือกว่าออกมาจากปากของฉู่ชวิ๋น

“นายน้อย ท่าน….” 1 ในจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิตระกูลหยานอยากจะเตือนหยานหวูซวง เขาจ้องหัวทรงแอฟโฟร่นั่น

แต่โดนฉู่ชวิ๋นขัดขึ้นซะก่อน “ท่านอะไรหะ รีบเดินเร็วๆๆ”

พูดจบฉู่ชวิ๋นก็หยิบค้อนสายฟ้าออกมาใหม่เพื่อคุ้มครองทุกคน และมุ่งหน้าสู่ด้านใน

จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิคนนั้นอ้าปากแต่ไม่มีคำพูดอะไรเล็ดรอดออกมา สุดท้ายก็ยอมสยบให้กับอำนาจของฉู่ชวิ๋น เขากลัวว่าจู่ ๆ ชายคนนี้จะเก็บค้อนสายฟ้าอีก

ฉู่ชวิ๋นเดินไปหัวเราะไปทั้งทาง หัวเราะจนตัวโยกเยกไปมา ตอนนี้คุณชายสุดสง่างามอย่างหยานหวูซวง ผู้หล่อเหลาเอาการ หัวทรงแอฟโฟร่ไปแล้ว

“น้องหยาน ฉันเดาว่าตอนแก่นายต้องดูดีกว่าสี่หยางหยางแน่” ฉู่ชวิ๋น

พูดขณะกลั้วหัวเราะ

“สี่หยางหยางคืออะไร” หยานหวูซวงไม่เข้าใจ

“ตัวการ์ตูนในการ์ตูนเรื่องหนึ่ง เด็ก ๆ ชอบมาก” ฉู่ชวิ๋นอธิบายยิ้ม ๆ

“งั้นเหรอ” หยานหวูซวงรู้สึกแปลก ๆ เด็ก ๆ ชอบมันก็ดีอยู่หรอก แต่ทำไมฉู่ชวิ๋นถึงยิ้มมีเลศนัยแบบนั้นล่ะ

“อืม ๆ…”ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าด้วยความจริงจังอย่างถึงที่สุด

มีการคุ้มครองจากค้อนสายฟ้า คนทั้งกลุ่มก็เดินทางกันไวมาก พวกเขาแซงคนไปหลายกลุ่มในเวลาสั้น ๆ

ไม่นานนัก พวกเขาก็เห็นคนของหอคอยอาภรณ์ม่วง

“สวัสดี ทุกคน” ฉู่ชวิ๋นทักทายตามปกติ

พันเฉิงเฟิงเห็นคนกลุ่มฉู่ชวิ๋นยกค้อนใหญ่ด้ามหนึ่ง เดินด้วยท่าทีสบาย ๆ ราวกับกำลังเดินเล่นทอดน่องแล้วพวกเขาก็ไม่พอใจสุด ๆ

“ที่แท้ก็คุณชายหยานนี่เอง” เขาทักทายหยานหวูซวงโดยเมินฉู่ชวิ๋น แต่สายตาของเขาแปลก ๆ ทรงผมของหยานหวูซวงนี่แปลก ๆ แฮะ

หยานหวูซวงพยักหน้า “ทุกท่านเจออะไรรึเปล่า”

พันเฉิงเฟิงส่ายหัว

“งั้นพวกนายต้องระวังหน่อยนะ แถวนี้มีสัตว์ประหลาดอยู่” ฉู่ชวิ๋นเตือน

“สัตว์ประหลาด?” พันเฉิงเฟิงตกใจ แต่ก็หัวเราะอย่างเย็นชาออกมา สัตว์ประหลาดอะไรกัน ไอ้หนุ่มปากไม่ดีนี่ดีแต่สร้างเรื่องขึ้นมาเท่านั้นแหละ เชื่อถือไม่ได้

“พวกเราไปก่อนนะ แล้วเจอกัน” ฉู่ชวิ๋นโบกมือให้อย่างสนิทสนม ก่อนจะเดินเอ้อระเหยลอยชายผ่านพวกเขาไป

ปรากฏว่าเพิ่งเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงโหยหวนดังมาจากด้านหลัง หันกลับไปมองก็เห็น 1 ในหอคอยอาภรณ์ม่วงแขนขาดไปครึ่งท่อน เลือดสาดกระจาย

พันเฉิงเฟิงรีบห้ามเลือดรักษาให้เขาพลางถาม “ใครทำร้ายนาย”

“ทะ…ที่นี่มีตัวอะไรอยู่จริง ๆ ” คน ๆ นั้นบอกเสียงสั่นเครือ

พันเฉิงเฟิงตกใจและสั่งลงไป “ทุกคนเตรียมตั้งรับ”

หยานหวูซวงมองฉู่ชวิ๋น รู้สึกว่าไอ้บ้านี้วาจาช่างศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ พูดอย่างไรได้อย่างนั้น

ฉู่ชวิ๋นเองก็ตกตะลึงพลางมองหยานหวูซวง ที่หยานหวูซวงเคยบอกว่าในนี้มีสิ่งมีชีวิตอยู่ ท่าทางจะจริง เมื่อกี้เขาแค่หลอกอีกฝ่ายเล่นไม่คิดว่าจะโผล่ มาจริงๆ

“พวกเราเองก็ระวังตัวกันด้วยละ” ฉู่ชวิ๋นพูดอย่างจริงจัง

เพิ่งจะสิ้นเสียงลง สีหน้าฉู่ชวิ๋นก็เปลี่ยนไป เขาหมุนตัวพลางชกหมัดออกไปอย่างรวดเร็ว!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+