จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) 360 อานุภาพของกลองป๋องแป๋งจักรพรรดิ

Now you are reading จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) Chapter 360 อานุภาพของกลองป๋องแป๋งจักรพรรดิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 360 อานุภาพของกลองป๋องแป๋งจักรพรรดิ

จักรพรรดิอ๋าวฮวงพยักหน้า “ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น”

ฉู่ชวิ๋นอดเป็นห่วงจิ่วโยวขึ้นมาไม่ได้

จักรพรรดิอ๋าวฮวงพูดอย่างจริงจัง “ผลไม้ทองคำพวกนี้ให้ข้าเก็บไว้ก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวข้าจะดูให้ว่าพอมีวิธีแก้บ้างไหม”

ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า

“ผมต้องเดินทางไปแดนพายัพ ที่นั่นผีดิบกำลังอาละวาด” ฉู่ชวิ๋นพูด

จักรพรรดิอ๋าวฮวงถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย “ตอนนี้มีแต่ผีดิบเต็มไปหมด ดูเหมือนความเปลี่ยนแปลงของโลกจะทำให้พวกมันตื่นขึ้นมาจำนวนมาก”

“แต่ก่อนอื่น คุณช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของผมก่อนได้ไหม” ฉู่ชวิ๋นพูดแล้วยังโกรธแค้นไม่หายเรื่องก้นของตัวเอง

จักรพรรดิอ๋าวฮวงยิ้มอย่างแปลกประหลาด ก่อนจะดีดนิวแล้วลำแสงสีขาวก็ปรากฏ ฉู่ชวิ๋นรู้สึกเย็นวาบที่ก้นของตนเอง แต่ความเจ็บปวดทั้งมวลก็หายไปทันที

“ผมไม่เสียเวลากับคุณแล้ว ขอตัวไปอำลาจิงหงก่อนละ” ฉู่ชวิ๋นขยับเดินออกมาพร้อมกับเหลียวหน้ามองกลับไปที่จักรพรรดิอ๋าวฮวง

จักรพรรดิอ๋าวฮวงสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อยขณะที่พยักหน้ารับคำ

“เจ้าจะเดินทางไปแดนพายัพเมื่อไหร่?” ชายชราถาม

“ผมต้องรอให้จิ่วโยวกลับมาก่อน คงอีกประมาณซัก 2-3 วัน” ฉู่ชวิ๋นตอบ

จักรพรรดิอ๋าวฮวงครุ่นคิดอะไรบางอย่าง “คราวนี้ให้จิงหงไปด้วยก็แล้วกัน ช่วงหลังเธอพัฒนาฝีมือขึ้นมาก น่าแข็งแกร่งจะเพียงพอแล้ว”

ฉู่ชวิ๋นไม่ปฏิเสธ จิงหงมีระดับพลังอ่อนด้อยกว่าเขานิดเดียวเท่านั้น เธอคงช่วยเหลือเขาได้ไม่น้อย

ฉู่ชวิ๋นกลับมาถึงวังมังกรเพลิง เหยียนชง เหลยเป้า และคนอื่น ๆ ยังไม่กลับมา ดูเหมือนว่าพวกเขาคงยังหาตัวติงผิงไม่พบ

การขโมยป้ายประจำตัวไปจากเหลยเป้าได้อย่างไร้ร่องรอย ย่อมบ่งบอกว่าติงผิงคงหาตัวได้ไม่ง่าย

“เป็นยังไงบ้าง?” ฉู่ชวิ๋นถามหยานหวูซวง ที่ใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย

“รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย” หยานหวูซวงที่อาการดีขึ้นตอบ

“ดีแล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับนาย ฉันจะเอาหน้าที่ไหนไปเจอพ่อนายอีกครั้ง” ฉู่ชวิ๋นพูดเสียงเบา

“แหม!” หยานหวูซวงกวาดตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า “เลิกแกล้งทำเป็นห่วงใยฉันได้แล้ว ที่ฉันต้องโดนแบบนี้ก็เป็นเพราะพี่คนเดียวนั่นแหละ”

ฉู่ชวิ๋นหัวเราะออกมา จักรพรรดิยาบอกว่ายาพิษเลือดอีกาไม่สามารถทำอะไรจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิได้ แต่ครั้งนี้เขาสะกัดจุดลมปราณของหยานหวูซวงเอาไว้ ถึงแม้หยานหวูซวงจะมีร่างกายที่แข็งแรงกว่าคนทั่วไปมาก แต่ก็ยังไม่อาจทนทานต่อพิษเลือดอีกาได้อยู่ดี

“เอาไว้เจอตัวติงผิงเมื่อไหร่ ฉันจะเป็นคนไปจัดการมันเอง” หยานหวูซวงพูดด้วยน้ำเสียงเจ็บแค้นใจ ครั้งนี้ถือว่าอันตรายเหลือเกิน เขาเกือบจะตายไปแล้ว

“วางใจเถอะ ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องหาตัวมันให้เจอให้ได้” ฉู่ชวิ๋นตอนนี้เปี่ยมไปด้วยความอาฆาตแค้นเช่นกัน

หลังจากคิดอะไรอยู่สักครู่หนึ่ง ฉู่ชวิ๋นก็โทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือจากหัวหน้าหมายเลข 1

ถึงแม้ลูกศิษย์ของวังมังกรเพลิงจำนวนหลายร้อยคนจะออกค้นหาตัวคนวางยาพิษอยู่ทั่วเมืองหลวง แต่มันก็ไม่ต่างจากการงมเข็มในมหาสมุทร

เมื่อได้รับทราบเรื่องราวทั้งหมด หัวหน้าหมายเลข 1 ก็โกรธแค้นมาก รีบออกคำสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาช่วยเหลือชายหนุ่มค้นหาตัวคนร้ายทันที

ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นสื่อมวลชนหรือในโลกอินเทอร์เน็ต ต่างก็มีข้อมูลการตามหาตัวติงผิงเต็มไปหมด

นอกจากนี้ ฉู่ชวิ๋นยังตั้งเงินรางวัลนำจับ ใครก็ตามที่สามารถให้ข้อมูลซึ่งนำพาไปสู่การจับกุมตัวติงผิงได้ จะได้รับสมุนไพรจิตวิญญาณสิบกำมือ และถ้าใครสามารถจับตัวติงผิงมาให้เขาได้เป็น ๆ ก็รับไปเลย 100 กำมือ

รางวัลนำจับมูลค่ามหาศาลถึงเพียงนี้ ย่อมดึงดูดยอดฝีมือให้สนใจแน่นอน

จอมยุทธ์ฝีมือดีกระจายกำลังกันไปทั่วเมือง

ที่เมืองหลวง ข้างหน้าต่างในร้านอาหารขนาดเล็ก ชายร่างผอมกำลังนั่งหันหน้าชนกับชายชราร่างสูงผู้หนึ่ง

“ผู้อาวุโสชุย ผมควรทำยังไงดี?” ชายร่างผอมก้มหน้าก้มตากระซิบกระซาบ เขาก็คือติงผิงที่วังมังกรเพลิงกำลังตามหาตัวอยู่นั่นเอง

“ใจเย็นก่อน เจ้ากับข้าทำตามคำสั่งนายน้อย นายน้อยย่อมไม่ทอดทิ้งพวกเราอยู่แล้ว” ชายชราร่างสูงพูด

“ผมอยากรู้จริงว่าหยานหวูซวงตายแล้วหรือยัง?” ติงผิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

“ครั้งนี้เจ้าเลือกเวลาลงมือได้เหมาะสมยิ่งนัก ยากที่หยานหวูซวงจะรอดพ้นชะตากรรมไปได้”

“ผู้อาวุโสชุย ว่าแต่เราจะหนีออกไปยังไง? ถนนทุกสายมีแต่คนของวังมังกรเพลิงเต็มไปหมด” ติงผิงพูดสีหน้าเป็นกังวล

“พวกเราต้องรอ” ผู้อาวุโสชุยตอบ “เราต้องรู้ให้ได้ก่อนว่าหยานหวูซวงตายแล้วหรือยัง?”

ติงผิงยิ้มกว้าง พูดว่า “แผนการของนายน้อยช่างล้ำลึก ถ้าหยานหวูซวงตาย ตระกูลหยานกับจอมมารฉู่ชวิ๋นก็จะต้องบาดหมางกันแน่นอน”

“หลิวเทียนเหอคนนั้น ฉันไม่คิดเลยว่าที่แท้มันก็คือจอมมารฉู่ชวิ๋น” ผู้อาวุโสชุยยิ้มกริ่ม “ถ้าไม่ใช่เพราะว่าหยานหวูซวงขยันไลฟ์สดที่ชายแดน พวกเราก็คงไม่รู้เลยว่าหลิวเทียนเหอคือจอมมารฉู่ชวิ๋น”

“แล้วถ้าเกิดหยานหวูซวงมันยังไม่ตายล่ะ?” ติงผิงถามด้วยความสงสัย

ผู้อาวุโสชุยหรี่ตาลงเล็กน้อย ตอบว่า “ถ้าอย่างนั้น ต่อให้พวกเราต้องตาย พวกเราก็ห้ามตายในปักกิ่ง!”

“แต่ตอนนี้คนของจอมมารฉู่ชวิ๋นกำลังออกตามหาผมอยู่ทุกหนทุกแห่ง คงหลบหนีออกไปได้ไม่ง่าย” ติงผิงรู้สึกอับจนหนทาง

ผู้อาวุโสชุยตอบว่า “ข้าเพิ่งติดต่อกับนายน้อยไปได้ไม่นาน นายน้อยว่าจะส่งคนมาเจอเราที่นอกเมืองหลวง ตอนนี้พวกเราต้องหาทางออกไปจากเมืองให้ได้ก่อน”

“มีแต่คนของพวกมันอยู่ข้างนอกเต็มไปหมด พวกเราคงออกไปได้ไม่ง่าย…” ติงผิงพูดแล้วก็หยุดชะงักอยู่เช่นนั้น สายตาของเขาพลันจับจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง

ผู้อาวุโสชุยมองตามสายตาของชายหนุ่มไป ก็พบว่าติงผิงกำลังจ้องมองผู้ชาย 2 คนกับผู้หญิงอีก 1 คนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของถนน ”รู้จักพวกมันหรือไง?”

“นี่คือมังกรเขียว นักรบเสือ ส่วนวัยรุ่นผู้หญิงคนนั้นชื่อกระต่ายหยก เป็นคนจากกลุ่มวิหคเพลิงของวังมังกรเพลิง” ติงผิงอธิบาย

“หรือว่าเจ้าอยากให้ข้าจับตัวพวกมัน ใช้เป็นข้อต่อรองในการหลบหนี?”

ติงผิงพยักหน้า

“เจ้าต้องเข้าใจก่อนว่าสำหรับจอมมารฉู่ชวิ๋นแล้ว ชีวิตคนทั่วไปไม่มีค่าในสายตาเขาเลย แล้วการจับตัวเจ้าสามคนนี้จะทำให้เขายอมปล่อยตัวเราไปได้ยังไง?” ผู้อาวุโสชุยไต่ถาม

“เอาเท่าที่ผมรู้นะ สามคนนี้รู้จักกับจอมมารฉู่ชวิ๋นมานานมากแล้ว รู้จักก่อนพวกเหยียนชงและเหลยเป้าเสียอีก โดยเฉพาะผู้หญิงคนนี้ ดูฉู่ชวิ๋นจะดีกับเธอเป็นพิเศษ”

ดวงตาของผู้อาวุโสชุยเป็นประกายระยิบระยับ “หรือว่าเธอจะเป็นผู้หญิงของฉู่ชวิ๋น?”

“ไม่ใช่ แต่ก็ทำให้ฉู่ชวิ๋นต้องหนักใจอยู่ไม่น้อย อาจเป็นเมียเก็บของฉู่ชวิ๋น”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย” ผู้อาวุโสชุยหัวเราะด้วยความชอบใจ

ทั้งสองคนพยักหน้าให้กัน ก่อนที่จะลุกขึ้นและเดินออกจากร้านอาหาร

“พวกแกกำลังตามหาตัวฉันอยู่ใช่ไหม?”

มังกรเขียว นักรบเสือ และกระต่ายหยกสีหน้าเคร่งเครียด ทั้งสามคนจ้องมองคนที่เดินมายืนขวางหน้า

“แกคือติงผิง?” มังกรเขียวถาม

“ใช่” ติงผิงตอบ

ดวงตาของนักรบเสือเป็นประกายวาวโรจน์ “กล้ามากที่มาปรากฏตัวเช่นนี้ แกไม่หวาดกลัวพวกเราเลยใช่ไหม?”

“น้ำหน้าอย่างพวกแกเนี่ยนะจะจับตัวฉัน?” ติงผิงหัวเราะเยาะด้วยความดูถูกก่อนจะโคจรพลังไปทั่วร่างกาย ทำให้สีหน้าของพวกมังกรเขียวเปลี่ยนไปทันที

“แกไม่คิดมอบตัวใช่ไหม” นักรบเสือพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

ติงผิงระเบิดเสียงหัวเราะ “ยังอยากจับตัวฉันอยู่หรือเปล่าล่ะ?”

มือของมังกรเขียวล้วงเข้าไปในกระเป๋าเพื่อจะหยิบโทรศัพท์มือถือมากดส่งข้อความแจ้งเตือนให้ทุกคนรับทราบ

“ข้าขอแนะนำว่าอย่าขยับตัวจะดีกว่านะ”

พวกของมังกรเขียวหันหน้ากลับไปและพบว่าที่ด้านหลังของพวกเขา มีชายชราร่างสูงคนหนึ่งยืนขวางทางหนีเอาไว้

“ฉันขอแนะนำให้พวกแกร่วมมือกับพวกเรา ช่วยอำนวยความสะดวกให้พวกเราหลบหนีออกนอกเมือง” ติงผิงกล่าว

“อย่าคิดเพ้อฝัน พวกแกไม่มีทางหนีออกไปจากเมืองหลวงได้แน่” นักรบเสือพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“พลังต่ำต้อย แต่วาจาสามหาวเหลือเกินนะ” ผู้อาวุโสชุยหัวเราะเยาะ ก่อนจะระเบิดพลังลมปราณออกมาจากร่างกาย

ตู้ม! ตู้ม!

มังกรเขียว นักรบเสือ ต่างก็ถูกพลังลมปราณกระแทกลอยกระเด็นออกไป

ผู้อาวุโสชุยแม้จะโหดเหี้ยมก็จริง แต่เขาก็ไม่ได้ลงมือทำร้ายกระต่ายหยก เนื่องจากในสายตาของชายชรา กระต่ายหยกมีพลังเพียงระดับปรมจารย์แถมยังดูอ่อนแอและน่าสงสารเกินไป

ดังนั้น เขาจึงเล่นงานแต่เพียงมังกรเขียวกับนักรบเสือที่มีพลังขั้นจักรพรรดิเท่านั้น

“ฉันขอแนะนำว่าอย่าได้คิดขัดขืน ยอมร่วมมือกับพวกเราแต่โดยดีและพาพวกเราหลบหนีออกนอกเมืองเสียดีกว่า ถ้าพวกเราสามารถหนีออกไปได้อย่างปลอดภัย พวกเราก็จะปล่อยตัวพวกแกไป” ติงผิงพูดอย่างใจเย็น

มังกรเขียวกับนักรบเสือหันมองหน้ากัน หลังจากนั้น พวกเขาก็พร้อมใจกันต่อยหมัดใส่ติงผิง มังกรเขียวคำราม “กระต่ายหยก รีบหนีไปแจ้งเตือนคนอื่นเร็วเข้า”

“น่าหัวเราะ” ติงผิงพูดอย่างเหยียดหยาม เพียงยกมือโบกสะบัดเล็กน้อย ร่างของจอมยุทธ์หนุ่มทั้งสองคนก็ปลิวกระเด็น

“แล้วพวกเจ้าจะต้องเสียใจที่ไม่ยอมร่วมมือตั้งแต่แรก” ผู้อาวุโสชุยแผดเสียงด้วยความเดือดดาล ก่อนยกมือขึ้นซัดพลังใส่จอมยุทธ์หนุ่มทั้งสองคน

ป๊อก ป๊อก!

ทันใดนั้น มีคลื่นเสียงพุ่งเข้ามากระแทกติงผิง

ผลั่ก!

ติงผิง กระเด็นออกไปทันที

“อ๊าก…” เขายกมือกุมหัวกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ผู้อาวุโสชุยถึงกับตกตะลึง

มังกรเขียวและนักรบเสือเองก็ตกตะลึงเช่นกัน

ทุกคนพบว่ากระต่ายหยกกำลังถือกลองป๋องแป๋งอยู่ในมือ พลังคลื่นเสียงที่แผ่ออกมา ทำให้ผู้อาวุโสชุยถึงกับตัวสั่นเล็กน้อย

นี่คือกลองป๋องแป๋งจักรพรรดิ เป็นสุดยอดอาวุธลึกลับที่ฉู่ชวิ๋นเคยมอบเป็นของขวัญให้แก่กระต่ายหยก

คลื่นเสียงเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่แรงกระแทกเป็นสิ่งที่สัมผัสได้

ผลั่ก!

ผู้อาวุโสชุยคำรามในลำคอ เซถอยหลังไปหลายก้าว แล้วยืนโงนเงน

จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 6 ถูกคลื่นเสียงกระแทกใส่ไม่อาจทำอะไรได้นอกจากคำรามในลำคอด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว รู้สึกเหมือนวิญญาณกำลังจะแหลกสลาย

“มังกรเขียว นักรบเสือ รีบมาตรงนี้เร็วเข้า” กระต่ายหยกตะโกน ใบหน้าที่สวยงามของเธอซีดขาว เธอใช้งานกลองป๋องแป๋งจักรพรรดิถึงสองครั้งซ้อน ซึ่งปกติไม่เคยใช้งานติดกันขนาดนี้มาก่อน

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้อาวุโสชุยมีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 6 หลังจากตั้งหลักได้แล้ว ความแข็งแกร่งของเขาก็ค่อย ๆ กลับมา ชายชราจ้องมองกลองป๋องแป๋งในมือของกระต่ายหยกด้วยดวงตาเป็นประกาย

มังกรเขียวอาศัยจังหวะนี้แจ้งเตือนไปยังฉู่ชวิ๋น

“นายท่าน กำลังมาที่นี่แล้ว” มังกรเขียวพูด

“ติงผิง นายท่านรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ต่อให้พวกแกมีปีกก็หนีไม่รอด”

ผู้อาวุโสชุยดวงตาเป็นประกาย หันหลังทำท่าเหมือนจะหลบหนี แต่แล้วชายชรากลับเพิ่มความเร็วขึ้นเมื่อตีลังกาหมุนตัวกลับมาซัดพลังใส่พวกของมังกรเขียวด้วยความรุนแรง

กระต่ายหยกไม่ใช่ตัวโง่งม เธอรีบโถมตัวออกไปยืนกำบังพวกเขา

ป๊อก ป๊อก!

คลื่นเสียงที่น่ากลัวแผ่ออกไปจากตัวกลองป๋องแป๋งจักรพรรดิ

เปรี้ยง!

คลื่นเสียงปะทะเข้ากับพลังลมปราณ เกิดเป็นแรงระเบิดแผ่กระจายบริเวณกว้าง ก้อนอิฐที่ปูเป็นพื้นถนนบางส่วนถึงกับแตกร้าวกลายเป็นผุยผง

ใบหน้าของกระต่ายหยกขาวซีดมากยิ่งกว่าเดิม ดวงตาของเธอไร้ประกาย อย่างอ่อนล้าแล้วร่างของเธอก็ค่อย ๆ ล้มพับลงไปกับพื้น

หญิงสาวใช้งานกลองป๋องแป๋งจักรพรรดิติดกันถึงสามครั้ง ทำให้ลมปราณในร่างกายถูกดูดกลืนไปเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ กระต่ายหยกแทบไม่เหลือแรกอีกแล้ว

เมื่อเห็นดังนี้ ผู้อาวุโสชุยรู้สึกลิงโลดใจเป็นอย่างยิ่ง ระเบิดพลังออกมาอีกครั้ง

มังกรเขียวรีบเข้าไปช่วยพยุงกระต่ายหยก ในขณะเดียวกันก็โยนกลองป๋องแป๋งไปให้นักรบเสือ

นักรบเสือเป็นขั้นจักรพรรดิเช่นเดียวกับมังกรเขียว เขารีบโคจรพลังลมปราณอัดฉีดเข้าไปในกลองป๋องแป๋งทันที

ป๊อก ป๊อก!

มวลอากาศสั่นสะเทือนด้วยคลื่นเสียงมัจจุราช

นักรบเสือสามารถใช้กลองป๋องแป๋งได้มีอานุภาพกว่ากระต่ายหยกมาก

เมื่อเห็นเช่นนั้น ผู้อาวุโสชุยก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา ชายชรากระโดดถอยหนีไปไกลหลายร้อยเมตร ไม่กล้าผลีผลามเข้ามาโจมตี

เปรี้ยง!

คลื่นเสียงถูกยิงไม่โดนผู้อาวุโสชุย มันลอยเข้าไปกระแทกผนังของตึกที่ตั้งอยู่ด้านข้าง ในวินาทีนั้น ตึกทั้งหลังก็สั่นสะเทือน บนผนังปรากฏรูโหว่ขนาดใหญ่ โครงเหล็กที่อยู่ด้านในผนังถึงกับชำรุดเสียหาย

นักรบเสือใบหน้าซีดขาวด้วยความตื่นตระหนก ไม่สงสัยแล้วว่าทำไมกระต่ายหยกถึงเป็นลม พลังของกลองป๋องแป๋งจักรพรรดิรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง จอมยุทธ์ทั่วไปไม่สามารถใช้งานมันได้เลย เนื่องจากอาวุธวิเศษชิ้นนี้อาศัยพลังลมปราณจำนวนมากในการแผ่คลื่นเสียงออกไป

ผู้อาวุโสชุยดวงตาเป็นประกาย เขามองออกแล้วว่าอาวุธสวรรค์ดูดกลืนพลังลมปราณมากเกินไป

“มาดูกันเถอะว่า แกจะใช้มันได้สักกี่ครั้ง” ผู้อาวุโสชุยหัวเราะเยาะ

วูบ!

ชายชราลอยตัวเข้ามาหาเหมือนสายฟ้าฟาดพร้อมกับยกมือซัดลมปราณใส่นักรบเสือ

นักรบเสือร้องคำรามด้วยความโกรธแค้น เขาสะบัดกลองป๋องแป๋งจักรพรรดิในมือ แล้วคลื่นเสียงก็แผ่สวนกลับออกไป

ใครจะคิดว่าในจังหวะนั้น ผู้อาวุโสชุยจะโบกมือและตีลังกาลอยตัวกลับ ปล่อยให้คลื่นเสียงที่นักรบเสือส่งออกมานั้นลอยเข้าไปกระแทกใส่ผนังตึกหลังเดิมอีกครั้ง

รอยแตกร้าวบนผนังตึกกินบริเวณกว้างมากขึ้น ประเมินได้ว่าอาจทำให้ตัวอาคารถล่มลงมาได้ไม่ยาก นี่คือตึกที่เป็นสำนักงานขนาดใหญ่บริษทหลายแห่ง บรรดาคนที่อยู่ด้านในต่างร่ำร้องด้วยความตื่นกลัวกันหมด

นักรบเสือยืนหอบหายใจด้วยใบหน้าซีดเซียว

“นักรบเสือ ส่งมันมาให้ฉัน” มังกรเขียวรับกลองป๋องแป๋งจักรพรรดิมาถือไว้และจ้องมองไปที่ผู้อาวุโสชุย

ผู้อาวุโสชุยรู้สึกร้อนรน เพราะฉู่ชวิ๋นกำลังจะมาถึงที่นี่ในอีกไม่ช้า เขาต้องรีบหนีไปให้ได้ก่อนที่ฉู่ชวิ๋นจะมาถึง ไม่เช่นนั้น ชีวิตของเขาคงต้องจบสิ้นลงที่นี่!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด