จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) 292 เหมือนพูดกับคนบ้า!

Now you are reading จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) Chapter 292 เหมือนพูดกับคนบ้า! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 292 เหมือนพูดกับคนบ้า!

ฉู่ชวิ๋นไม่เหมือนหยานหวูซวง เย็นชา เด็ดขาด แข็งกร้าว ไม่เคยเกรงใจใครมาแต่ไหนแต่ไร เขาย่อมไม่กลัวการมีเรื่องอยู่แล้ว

เขาไม่สนหรอกว่าจะหอคอยโลหิตจันทราหรือหอบ้าบออะไร ถ้ากล้ามาหาเรื่องเขาจะฆ่าให้หมด

4 คนนี้กล้าขอให้เขาคุกเข่าขอร้อง ชีวิตนี้นอกจากพ่อแม่แล้วเขาไม่เคยคุกเข่าให้ใคร!

“หอคอยโลหิตจันทรา พวกแกนี่รนหาที่ตายจริงๆ” น้ำเสียงของฉู่ชวิ๋นไม่ปิดบังความอยากฆ่าเลยสักนิด

เขาจะฆ่ามันให้หมดทั้ง 4 คนเลย !

ในเมื่อมีความแค้นต่อกัน จะเกรงใจไปทำไม ต่อให้ตอนนี้เขาพูดดีแค่ไหนหอคอยโลหิตจันทราก็ไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่ๆ

ทุกคนตกตะลึง ฉู่ชวิ๋นแข็งกร้าวมาก ทุบตีอีกฝ่ายจนอ่วมยังไม่พอ นี่เขาจะปลิดชีพอีกฝ่ายด้วยงั้นเหรอ

วิถีการของเขาคล้ายจอมมารฉู่อยู่ไม่น้อยจริงๆ

“ไอ้หนู พวกเราเป็นคนของหอคอยโลหิตจันทรา แกกล้า…”

“กร๊อบ”

เสียงกระดูกหักดังขึ้น คอของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 4 ที่ข่มขู่ฉู่ชวิ๋นหักทันที

“โง่สุด ๆ เลยนะ เวลาแบบนี้แกยังกล้ามาขู่ฉันอีกเหรอ ใครให้ความกล้าพวกนายมาหะ” ฉู่ชวิ๋นดูหมิ่นเหยียดหยามพวกเขาสุดๆ ถ้าพูดไร้สาระให้น้อยลงหน่อยฉู่ชวิ๋นอาจจะเหลือชีวิตง่อยๆ ไว้ให้แล้วแท้ๆ

จอมยุทธ์ ณ ที่นั้นเงียบกริบ สายตาที่มองฉู่ชวิ๋นเต็มไปด้วยความตื่นกลัวและตกตะลึง พ่อหนุ่มคนนี้โผล่มาจากไหนกัน พวกเขาเป็นคนของหอคอยโลหิตจันทราเลยนะ นึกจะฆ่าก็ฆ่าเลยเหรอ

อีก 3 คนที่เหลือกลัวจนหนังหัวชา แววตาหวาดกลัว

“ที่นี่ตระกูลหยาน แกห้าม…”

“กร๊อบ”

คอของคนที่พูดโดนเหยียบจนหัก ตามลงในทันที

“ห้ามอะไร ห้ามฆ่าพวกแกเหรอแล้วจะรอให้พวกแกมาฆ่าฉันหรือไง”

ฉู่ชวิ๋นรู้สึกตลกคนพวกนี้มาก บนโลกใบนี้มักจะมีพวกโง่ที่ไม่เจียมเนื้อเจียมตัวอยู่ พวกมันคิดว่าชีวิตของคนอื่นไม่สำคัญหรือไง สมควรตายจริง ๆ

ตอนที่คนพวกนี้ฆ่าข่มขืนผู้หญิงธรรมดา ๆ พวกมันยังคิดว่าสมควรแล้ว บ้าที่สุด ผู้หญิงคนที่ต้องตายไปอย่างอนาถพวกนั้นไม่มีพ่อมีแม่หรือไง

ฉู่ชวิ๋นนึกไปถึงตอนที่โดนส่งเข้าคุกโดยไร้สาเหตุ จนสุดท้ายต้องตายอย่างน่าอดสูในนั้น เขาในตอนนั้นก็เหมือนกับผู้หญิงธรรมดาพวกนี้ ต้องโดนคนอื่นรังแกข่มเหงโดยทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะทะลุมิติไปที่ดินแดนเซียนเพราะโชคช่วย ตัวเขาเองก็คงเป็นได้แค่ผีร้ายที่ตายอย่างไร้ความเป็นธรรม ใครจะมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้ตัวเขา

“คุณชายหยาน ช่วยด้วย…”

2 คนที่เหลือกลัวจนวิญญาณกระเจิง ปกติแค่เอ่ยนามหอคอยโลหิตจันทรา ผู้คนก็แทบจะตัวสั่นเดินหนีไป

แต่ไอ้หนุ่มนี้ไม่สนเลยสักนิด พวกเขานึกเสียใจที่ไปหาเรื่องอีกฝ่ายในตอนแรก

“กร๊อบ”

เสียงกระดูกแตกอันแสบหูดังขึ้น เขาเหยียบอีกฝ่ายจนคอหักอีกแล้ว

“คุณชายสกปรก (จัง พ้องเสียงกับคำว่า สกปรก) คนนี้พูดถูก คนที่ไม่เจียมเนื้อเจียมตัวน่ะมีมากเกินไป คุณชายหยานจะเอาเวลาที่ไหนไปคอยเช็ดคอยล้างให้พวกนาย” ฉู่ชวิ๋นแกล้งออกเสียงจากจังที่เป็นแซ่ของเขา เป็นจังที่แปลว่าสกปรก ปฏิกิริยาของจังเฟิงหลิงเมื่อกี้ทำให้เขาไม่พอใจมาก มันบังอาจปล่อยให้เขาต้องอับอาย ถ้าเป็นคนอื่นจะทำยังไง

ทัศนคติของฉู่ชวิ๋นก็คือ คนที่ทำให้เขาไม่พอใจจะอยู่อย่างสุดสบายไม่ได้ !พวกแกทำให้ฉันไม่มีความสุขแล้วพวกแกจะไปมีความสุขได้ยังไง แบบนี้ยิ่งทำให้เขาไม่พอใจไปใหญ่ เพราะฉะนั้น ตอนที่ฉันไม่มีความสุข พวกแกก็อย่าหวัง

เสียงแตกต่างระหว่างจังที่เป็นแซ่กับจังที่แปลว่าสกปรกชัดเจนมาก ทุกคนฟังออกหมด และแอบคิดในใจว่าฉู่ชวิ๋นนี่ช่างเป็นไอ้โง่จริงๆ กับจังเฟิงหลิงยังกล้าพูดจาเสียดสี

ควรรู้ไว้ว่าคนเหล่านี้โอหังเพราะชื่อเสียงเรียงนามของหอคอยโลหิตจันทรา แต่จังเฟิงหลิงน่ะอยู่ได้ด้วยกำลังของตัวเองล้วนๆ ทั้ง 2 แตกต่างกันมาก

ทุกคนเงียบงัน จังเฟิงหลิงสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เหมือนไม่รู้ว่าฉู่ชวิ๋นเสียดสีเขาอยู่

แน่นอนว่าทุกคนรู้ว่าแค่เหมือนเท่านั้น ไม่ใช่ว่าจังเฟิงหลิงไม่รู้จริงๆหรอก ความนิ่งแบบนี้ต่างหากที่น่ากลัว

สีหน้าของหยานหวูซวงก็นิ่งเฉยเหมือนกัน เขาไม่มีทีท่าว่าจะห้ามฉู่ชวิ๋น

สายตาคู่สวยของเหยาไป๋เยวี่ยกรอกไปมาขณะที่มองฉู่ชวิ๋นอย่างพิจารณา เหมือนกำลังสำรวจว่าฉู่ชวิ๋นเอาอะไรมาแข็งกร้าวขนาดนี้

ตอนนี้ใน 4 คนจากหอคอยโลหิตจันทราเหลือแค่จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 5 ที่ก่อกวนโวยวายในตอนแรก เขาหน้าบิดปากเบี้ยว สายตาหวาดกลัวถึงขีดสุด

“ไว้ชีวิตด้วย….”

“กร๊อบ”

ฉู่ชวิ๋นย่ำลงไปเหมือนเหยียบมดตายตัวหนึ่ง อีกฝ่ายไม่อาจต่อต้านได้เลยแม้แต่น้อย

“ไว้ชีวิตบ้าบออะไรกัน คนอื่นตายกันหมดแล้ว ถ้าแกยังมีชีวิตจะไม่ยุติธรรมไปหน่อยเหรอ พวกแก 4 คนลงไปนรกแล้วจะได้ครบวงไพ่นกกระจอกพอดีไง” ฉู่ชวิ๋นเอ่ยขึ้นอย่างสบายใจ

จอมยุทธ์ทุกคนรู้สึกหวาดกลัว พ่อหนุ่มคนนี้เด็ดขาดจริงๆ เรียกได้ว่าไร้ความกังขาดใดๆ อยากฆ่าก็ฆ่า

ทั้งหมดเงียบงันขนาดที่แค่เสียงเข็มตกก็คงได้ยิน

ฉู่ชวิ๋นมอง 4 คนที่นั่งร่วมโต๊ะกับเขาแล้วกล่าวขึ้น “สหายทั้งหลาย

ดูเหมือนฉันจะเข้าร่วมสำนักพวกนายไม่ได้แล้วล่ะ ความหวังดีของพวกนายฉันรับไว้ด้วยใจ”

ความหมายของคำพูดฉู่ชวิ๋นชัดเจนมาก แบบนี้เท่ากับเขาอีก 4 คนแค่รู้จักผ่าน ๆ เท่านั้น

4 คนนี้ก็ไม่ใช่คนโง่ พวกเขามองฉู่ชวิ๋นอย่างขอบคุณ 1 ในนั้นประสานมือ “พวกเรามีตาแต่หามีแววไม่ นึกว่าพ่อหนุ่ม…ผู้อาวุโสเป็นเพียงจอมยุทธ์ไร้สังกัดธรรมดา ๆ เท่านั้น หวังว่าท่านจะให้อภัยกับความหยาบคายของพวกเราด้วย”

ทุกคนฟังจนเข้าใจแล้วว่า 4 คนนี้หวังจะชักชวนไอ้หนุ่่มคนนี้เข้าสำนักด้วย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าความสามารถของพ่อหนุ่มคนนี้ไปเป็นเจ้าสำนักให้พวกเขาได้สบายๆ

“สหายฝีมือดีนี่” จังเฟิงหลิงเอ่ยขึ้น

ทุกคนใจกระตุกวูบ จังเฟิงหลิงจะหาเรื่องแล้วหรือ

ฉู่ชวิ๋นมองไปที่เขา “นิดหน่อย ๆ”

ทุกคนหมดคำพูด นี่มันคำตอบประเภทไหนกัน ไร้มารยาทสุด ๆ

ไม่ว่าจังเฟิงหลิงไปที่ไหนก็ล้วนแล้วแต่เป็นแขกผู้มีเกียรติ ใครจะกล้าเสียมารยาทด้วย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกเมินเฉยใส่ เขาชะงักไปในทันที

“ขอถามสหายหน่อยว่ามาจากสำนักไหน” น้ำเสียงของจังเฟิงหลิงไร้อารมณ์ มันง่ายมากที่จะเก็บซ่อนสิ่งที่คิดไว้ในใจสำหรับคนแบบเขา

“ไม่มีสำนัก ก็แค่จอมยุทธ์พเนจรธรรมดา” ฉู่ชวิ๋นบอกอย่างไม่คิดอะไร

เอ่อ….มุมปากจังเฟิงหลิงกระตุกนิดหน่อย แอบบ่นในใจว่าไอ้นี่คุยกับคนอื่นไม่เป็นจริงๆ เขาไม่รู้จะพูดยังไงดีแล้ว

หยานหวูซวงสั่งให้คนมาเอาศพทั้ง 4 ของหอคอยโลหิตจันทราออกไป ก่อนจะมองไปที่ฉู่ชวิ๋นและประสานมือ “ฉันหยานหวูซวง”

“ชื่อดีๆ” ฉู่ชวิ๋นชม

โฉมงามนั้นงามเพียงใด ชายหนุ่มคนนีก็งามเพียงนั้น ชื่อหยานหวูซวงนี่ไม่เลวจริงๆ

เอิ่ม

หยานหวูซวงก็ชะงักไปเช่นกัน ตามปกติแล้วฉู่ชวิ๋นควรจะบอกชื่อแซ่ตัวเอง จึงจะถือได้ว่ามีถามมีตอบ นับเป็นการพูดคุยกันทั้ง 2 ฝ่าย ใครให้นายมาชมชื่อฉัน

จังเฟิงหลิงรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ ที่แท้ไอ้บ้านี่เป็นคนไร้ศิลปะการพูดคุยจริงๆ ไม่ใช่แค่กับเขาเท่านั้น

“สหาย เชิญมานั่งทางนี้” จังเฟิงหลิงเอ่ยปากให้ฉู่ชวิ๋นไปนั่งโต๊ะเดียวกับเขา จะได้สืบเสาะที่มาที่ไปของฉู่ชวิ๋นด้วย

“ไม่ไป” ฉู่ชวิ๋นปฏิเสธทันที

“ทำไม” จังเฟิงหลิงเริ่มจะคลุ้มคลั่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเชื้อเชิญใครแล้วโดนปฏิเสธ ความรู้สึกแบบนี้มันอัดอั้นจนปวดหัวใจจริงๆ

“ฉันกลัวว่าถ้าไปแล้วนายจะลอบทำร้ายฉัน” ฉู่ชวิ๋นบอก

“ทำไมกัน” จังเฟิงหลิงดวงตาเบิกกว้าง เขาสาบานว่าไม่ได้คิดแบบนั้นเลย

“ฉันฆ่าคนของหอคอยโลหิตจันทราไป นายไม่แก้แค้นให้พวกเขาเหรอ”

ฉู่ชวิ๋นเอ่ย

“ฉัน…” จังเฟิงหลิงจะคลั่งแล้วจริงๆ เขาสาบานว่าชาตินี้ยังไม่เคยเจอคนที่ไร้ศิลปะการพูดคุยเท่านี้มาก่อน

เขาไม่ใช่คนโง่ ก่อนที่จะรู้ที่มาที่ไปของฉู่ชวิ๋นเขาจะไม่ทะเล่อทะล่าลงมือเด็ดขาด เขาอดกลั้นความวู่วามที่อยากจะทุบตีอีกฝ่ายให้ตายไว้ ก่อนจะกล่าวยิ้มๆ “สหายเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่รู้จักกับพวกเขา อีกอย่าง ต่อให้ฉันจะลอบทำร้ายด้วยวรยุทธของสหายร้ายกาจขนาดนี้ ฉันลงมือก็ไม่มีโอกาสทำสำเร็จหรอก”

“พูดแบบนี้ก็ถูกนะ” ฉู่ชวิ๋นพูดไปพลางเดินเข้าไป

“ฉัน…[email protected]#¥%” จังเฟิงหลิงคลั่งแล้วจริงๆ เขาแค่พูดเป็นธรรมเนียมเท่านั้น พูดเป็นธรรมเนียมเข้าใจมั้ย

ทุกคนกลั้นหายใจจนเหนื่อย พ่อหนุ่มคนนี้ไม่มีความเกรงใจเลยจริงๆ

จังเฟิงหลิงแค่บอกเป็นธรรมเนียมนายดันจริงจังซะงั้น

ฉู่ชวิ๋นเดินเข้าไปและนั่งลง แถมยังนั่งลงข้างจังเฟิงหลิงอย่างไม่คิดอะไรอีกด้วย ในสายตาคนอื่นดูเหมือนว่าเขาจะไม่กลัวจังเฟิงหลิงลงมือเลยจริงๆ

มุมปากจังเฟิงหลิงกระตุกแล้วกระตุกอีก กระตุกแล้วกระตุกอีก อย่างกับเต้นระบำ เห็นได้ว่าเขาจะคลุ้มคลั่งแล้วจริงๆ

“สวัสดีเทพธิดาเยวี่ย” ฉู่ชวิ๋นทักทายเหยาไป๋เยวี่ย

เหยาไป๋เยวี่ยชะงักไป ก่อนจะตอบรับอย่างนุ่มนวล “สวัสดี สหาย”

ทุกคนตื่นเต้นขึ้นมาทันที นอกจากก่อกวนจังเฟิงหลิงแล้ว จังหวะนี้ราวกับ ว่า ฉู่ชวิ๋นจะจีบเหยาไป๋เยวี่ยเลยนะเนี่ย

คนในนี้มีใครไม่รู้บ้างว่าหยานหวูซวงมีใจให้เหยาไป๋เยวี่ย ฉู่ชวิ๋นจีบเหยาไป๋เยวี่ย นี่เขาอยากให้หยานหวูซวงไม่พอใจไปด้วยใช่มั้ย

“เทพธิดาเยวี่ย เธออย่าเข้าใจผิดนะ ฉันแค่ทักทายเฉยๆ ไม่ได้จะมาแย่งเธอไปจากคุณชายเยวี่ย เธอก็อย่าชอบฉันง่าย ๆ ละ” ฉู่ชวิ๋นพูดอย่างจริงจัง

“แค่กๆ…” คำพูดบ้าบอนี้ทำให้จังเฟิงหลิงสำลักเหล้าในปาก กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

เอิ่ม

ปกติแล้วเหยาไป๋เยวี่ยเป็นคนนุ่มนวลอ่อนโยนมาตลอด แต่เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ของฉู่ชวิ๋นก็รู้สึกใจร้อนวู่วามอยากจะตบฉู่ชวิ๋นสักฉาด

ไอ้หมอนี่ไร้ศิลปะการพูดคุยจริง ๆ ด้วย นี่คือสิ่งที่เหยาไป่เยวี่ยคิด

คนอื่นในที่นี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง พ่อหนุ่มคนนี้นี่ถ้าไม่ทำให้คนอื่นตกใจตายเพราะคำพูดตัวเองคงไม่เลิกราง่าย ๆ จริง ๆ พวกเขามองหยานหวูซวง ไม่รู้ว่าเขาจะชักกระบี่ออกมาฟาดฟันตอนนี้เลยหรือเปล่า

หยานหวูซวงทำทีว่าไม่สะทกสะท้าน แต่ดวงตาที่กระตุกอยู่ทำให้ทุกคนรู้ว่าเขาเองก็กำลังอดทนอยู่

เหยาไป๋เยวี่ยแกล้งหันไปมองหยานหวูซวงอย่างไม่ตั้งใจ เมื่อเธอจับความร้อนใจของเขาได้ ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำ

ทั้งฉู่ชวิ๋นและจังเฟิงหลิ้งล้วนคิดได้ทันที เหยาไป๋เยวี่ยมีใจให้หยานหวูซวง แล้ว

“คุณชายหยาน ฉันสาบาน ฉันไม่ได้จะแย่งเทพธิดาเยวี่ยกับนายจริง ๆ”

ฉู่ชวิ๋นมองหยานหวูซวงและพูดขึ้นเพราะอยากแกล้งทั้ง 2

คำพูดนี้ทำให้หยานหวูซวงที่เพิ่งใจเย็นลงได้ตากระตุกอีกครั้ง มือกำกระบี่แน่น ท่าทางเขาอยากจะชักกระบี่ออกมาฟาดฟันแล้วจริงๆ

ส่วนคนอื่น ๆ แทบคลั่งกันหมด พวกเขางงงวยราวกับโดนสายฟ้าฟาดซะ ไหม้เกรียม แย่ง? พ่อหนุ่มคนนี้พูดแต่คำว่าแย่งนี่หยามเทพธิดาเกินไปหรือเปล่า นายคิดว่าจะฉุดเธอไปทำเมียหรือไง

เมื่อเห็นหยานหวูซวงไม่พูดอะไร ฉู่ชวิ๋นก็พูดขึ้นอีกครั้ง “คุณชายหยาน นายไม่เชื่อที่ฉันพูดเหรอ”

“….” หยานหวูซวงจะเป็นบ้าอยู่แล้ว จะให้เขาตอบว่าอะไร บอกว่าขอบคุณที่ไม่แย่งเหยาไป๋เยวี่ยกับฉันงั้นเหรอ

แต่ฉู่ชวิ๋นมองเขาอยู่และคนอื่นก็มองเขาอยู่ด้วย ถ้าไม่ตอบไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะถามไร้สาระอะไรออกมาอีก ได้แต่แข็งใจตอบไป “เข้าใจแล้ว”

พรืด

ในที่สุดจังเฟิงหลิงก็พ่นเหล้าที่ติดอยู่ในคอออกมา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกสบายขึ้นเยอะ เขาสาบานว่าเขาไม่เคยได้ยินคำพูดบื้อ ๆ ของหยานหวูซวงแบบนี้จริง ๆ

“ถ้างั้นพี่หยานก็ต้องขอบคุณฉันใช่มั้ย” ฉู่ชวิ๋นถาม

“ขอบคุณยังไง” หยานหวูซวงถามไปด้วยสัญชาตญาณ

เมื่อคำพูดนี้หลุดออกไปแม้แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องแล้ว เขาอยากจะชักกระบี่ออกมาฟันไอ้หนุ่มตรงหน้าเป็นพัน ๆ ชิิ้นแล้วจริงๆ คำพูดนี้อย่างกับว่าอีกฝ่ายเป็นคนยกเหยาไป๋เยวี่ยให้ตนเอง ไอ้เวรเอ๊ย อย่างฉันนี่ต้องให้แกมายกเธอให้งั้นเหรอ แกเก่งมาจากไหนกันว่ะ!

ไม่รอให้ทุกคนคลุ้มคลั่งขึ้นมาอีกครั้ง ฉู่ชวิ๋นก็เอ่ยปาก “คุณชายหยาน

ไม่ต้องเกรงใจไป ได้ข่าวว่าดอกบัวจิตวิญญาณของตระกูลหยานสามารถรักษาอาการบาดเจ็บที่วิญญาณได้อย่างน่าอัศจรรย์ งั้นให้ฉันสัก 8 ต้น 10 ต้นก็พอ อย่าให้มากกว่านี้นะ ถ้าให้เยอะฉันจะเขินเอา”

เหยาไป๋เยวี่ยดวงตาเบิกกว้าง

จังเฟิงหลิงเองก็ไอแค่ก ๆ

“…..” หยานหวูซวงหมดคำพูดแล้วจริงๆ 8 ต้น 10 ต้นเหรอ นายคิดว่าดอกบัวจิตวิญญาณเหมือนผักกาดขาวหรืออย่างไร ทั้งตระกูลหยานก็มีแค่ต้นเดียวเท่านั้น!

ส่วนคนอื่น ๆ อ้าปากค้างด้วยความตะลึงกันหมด พวกเขาสบถเป็นร้อยเป็นพันคำในใจ

ที่แท้ที่พ่อหนุ่มคนนี้อ้อมโลกมาตั้งนาน ก็เพื่อดอกบัวจิตวิญญาณงั้นเหรอ!!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) 292 เหมือนพูดกับคนบ้า!

Now you are reading จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) Chapter 292 เหมือนพูดกับคนบ้า! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 292 เหมือนพูดกับคนบ้า!

ฉู่ชวิ๋นไม่เหมือนหยานหวูซวง เย็นชา เด็ดขาด แข็งกร้าว ไม่เคยเกรงใจใครมาแต่ไหนแต่ไร เขาย่อมไม่กลัวการมีเรื่องอยู่แล้ว

เขาไม่สนหรอกว่าจะหอคอยโลหิตจันทราหรือหอบ้าบออะไร ถ้ากล้ามาหาเรื่องเขาจะฆ่าให้หมด

4 คนนี้กล้าขอให้เขาคุกเข่าขอร้อง ชีวิตนี้นอกจากพ่อแม่แล้วเขาไม่เคยคุกเข่าให้ใคร!

“หอคอยโลหิตจันทรา พวกแกนี่รนหาที่ตายจริงๆ” น้ำเสียงของฉู่ชวิ๋นไม่ปิดบังความอยากฆ่าเลยสักนิด

เขาจะฆ่ามันให้หมดทั้ง 4 คนเลย !

ในเมื่อมีความแค้นต่อกัน จะเกรงใจไปทำไม ต่อให้ตอนนี้เขาพูดดีแค่ไหนหอคอยโลหิตจันทราก็ไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่ๆ

ทุกคนตกตะลึง ฉู่ชวิ๋นแข็งกร้าวมาก ทุบตีอีกฝ่ายจนอ่วมยังไม่พอ นี่เขาจะปลิดชีพอีกฝ่ายด้วยงั้นเหรอ

วิถีการของเขาคล้ายจอมมารฉู่อยู่ไม่น้อยจริงๆ

“ไอ้หนู พวกเราเป็นคนของหอคอยโลหิตจันทรา แกกล้า…”

“กร๊อบ”

เสียงกระดูกหักดังขึ้น คอของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 4 ที่ข่มขู่ฉู่ชวิ๋นหักทันที

“โง่สุด ๆ เลยนะ เวลาแบบนี้แกยังกล้ามาขู่ฉันอีกเหรอ ใครให้ความกล้าพวกนายมาหะ” ฉู่ชวิ๋นดูหมิ่นเหยียดหยามพวกเขาสุดๆ ถ้าพูดไร้สาระให้น้อยลงหน่อยฉู่ชวิ๋นอาจจะเหลือชีวิตง่อยๆ ไว้ให้แล้วแท้ๆ

จอมยุทธ์ ณ ที่นั้นเงียบกริบ สายตาที่มองฉู่ชวิ๋นเต็มไปด้วยความตื่นกลัวและตกตะลึง พ่อหนุ่มคนนี้โผล่มาจากไหนกัน พวกเขาเป็นคนของหอคอยโลหิตจันทราเลยนะ นึกจะฆ่าก็ฆ่าเลยเหรอ

อีก 3 คนที่เหลือกลัวจนหนังหัวชา แววตาหวาดกลัว

“ที่นี่ตระกูลหยาน แกห้าม…”

“กร๊อบ”

คอของคนที่พูดโดนเหยียบจนหัก ตามลงในทันที

“ห้ามอะไร ห้ามฆ่าพวกแกเหรอแล้วจะรอให้พวกแกมาฆ่าฉันหรือไง”

ฉู่ชวิ๋นรู้สึกตลกคนพวกนี้มาก บนโลกใบนี้มักจะมีพวกโง่ที่ไม่เจียมเนื้อเจียมตัวอยู่ พวกมันคิดว่าชีวิตของคนอื่นไม่สำคัญหรือไง สมควรตายจริง ๆ

ตอนที่คนพวกนี้ฆ่าข่มขืนผู้หญิงธรรมดา ๆ พวกมันยังคิดว่าสมควรแล้ว บ้าที่สุด ผู้หญิงคนที่ต้องตายไปอย่างอนาถพวกนั้นไม่มีพ่อมีแม่หรือไง

ฉู่ชวิ๋นนึกไปถึงตอนที่โดนส่งเข้าคุกโดยไร้สาเหตุ จนสุดท้ายต้องตายอย่างน่าอดสูในนั้น เขาในตอนนั้นก็เหมือนกับผู้หญิงธรรมดาพวกนี้ ต้องโดนคนอื่นรังแกข่มเหงโดยทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะทะลุมิติไปที่ดินแดนเซียนเพราะโชคช่วย ตัวเขาเองก็คงเป็นได้แค่ผีร้ายที่ตายอย่างไร้ความเป็นธรรม ใครจะมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้ตัวเขา

“คุณชายหยาน ช่วยด้วย…”

2 คนที่เหลือกลัวจนวิญญาณกระเจิง ปกติแค่เอ่ยนามหอคอยโลหิตจันทรา ผู้คนก็แทบจะตัวสั่นเดินหนีไป

แต่ไอ้หนุ่มนี้ไม่สนเลยสักนิด พวกเขานึกเสียใจที่ไปหาเรื่องอีกฝ่ายในตอนแรก

“กร๊อบ”

เสียงกระดูกแตกอันแสบหูดังขึ้น เขาเหยียบอีกฝ่ายจนคอหักอีกแล้ว

“คุณชายสกปรก (จัง พ้องเสียงกับคำว่า สกปรก) คนนี้พูดถูก คนที่ไม่เจียมเนื้อเจียมตัวน่ะมีมากเกินไป คุณชายหยานจะเอาเวลาที่ไหนไปคอยเช็ดคอยล้างให้พวกนาย” ฉู่ชวิ๋นแกล้งออกเสียงจากจังที่เป็นแซ่ของเขา เป็นจังที่แปลว่าสกปรก ปฏิกิริยาของจังเฟิงหลิงเมื่อกี้ทำให้เขาไม่พอใจมาก มันบังอาจปล่อยให้เขาต้องอับอาย ถ้าเป็นคนอื่นจะทำยังไง

ทัศนคติของฉู่ชวิ๋นก็คือ คนที่ทำให้เขาไม่พอใจจะอยู่อย่างสุดสบายไม่ได้ !พวกแกทำให้ฉันไม่มีความสุขแล้วพวกแกจะไปมีความสุขได้ยังไง แบบนี้ยิ่งทำให้เขาไม่พอใจไปใหญ่ เพราะฉะนั้น ตอนที่ฉันไม่มีความสุข พวกแกก็อย่าหวัง

เสียงแตกต่างระหว่างจังที่เป็นแซ่กับจังที่แปลว่าสกปรกชัดเจนมาก ทุกคนฟังออกหมด และแอบคิดในใจว่าฉู่ชวิ๋นนี่ช่างเป็นไอ้โง่จริงๆ กับจังเฟิงหลิงยังกล้าพูดจาเสียดสี

ควรรู้ไว้ว่าคนเหล่านี้โอหังเพราะชื่อเสียงเรียงนามของหอคอยโลหิตจันทรา แต่จังเฟิงหลิงน่ะอยู่ได้ด้วยกำลังของตัวเองล้วนๆ ทั้ง 2 แตกต่างกันมาก

ทุกคนเงียบงัน จังเฟิงหลิงสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เหมือนไม่รู้ว่าฉู่ชวิ๋นเสียดสีเขาอยู่

แน่นอนว่าทุกคนรู้ว่าแค่เหมือนเท่านั้น ไม่ใช่ว่าจังเฟิงหลิงไม่รู้จริงๆหรอก ความนิ่งแบบนี้ต่างหากที่น่ากลัว

สีหน้าของหยานหวูซวงก็นิ่งเฉยเหมือนกัน เขาไม่มีทีท่าว่าจะห้ามฉู่ชวิ๋น

สายตาคู่สวยของเหยาไป๋เยวี่ยกรอกไปมาขณะที่มองฉู่ชวิ๋นอย่างพิจารณา เหมือนกำลังสำรวจว่าฉู่ชวิ๋นเอาอะไรมาแข็งกร้าวขนาดนี้

ตอนนี้ใน 4 คนจากหอคอยโลหิตจันทราเหลือแค่จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 5 ที่ก่อกวนโวยวายในตอนแรก เขาหน้าบิดปากเบี้ยว สายตาหวาดกลัวถึงขีดสุด

“ไว้ชีวิตด้วย….”

“กร๊อบ”

ฉู่ชวิ๋นย่ำลงไปเหมือนเหยียบมดตายตัวหนึ่ง อีกฝ่ายไม่อาจต่อต้านได้เลยแม้แต่น้อย

“ไว้ชีวิตบ้าบออะไรกัน คนอื่นตายกันหมดแล้ว ถ้าแกยังมีชีวิตจะไม่ยุติธรรมไปหน่อยเหรอ พวกแก 4 คนลงไปนรกแล้วจะได้ครบวงไพ่นกกระจอกพอดีไง” ฉู่ชวิ๋นเอ่ยขึ้นอย่างสบายใจ

จอมยุทธ์ทุกคนรู้สึกหวาดกลัว พ่อหนุ่มคนนี้เด็ดขาดจริงๆ เรียกได้ว่าไร้ความกังขาดใดๆ อยากฆ่าก็ฆ่า

ทั้งหมดเงียบงันขนาดที่แค่เสียงเข็มตกก็คงได้ยิน

ฉู่ชวิ๋นมอง 4 คนที่นั่งร่วมโต๊ะกับเขาแล้วกล่าวขึ้น “สหายทั้งหลาย

ดูเหมือนฉันจะเข้าร่วมสำนักพวกนายไม่ได้แล้วล่ะ ความหวังดีของพวกนายฉันรับไว้ด้วยใจ”

ความหมายของคำพูดฉู่ชวิ๋นชัดเจนมาก แบบนี้เท่ากับเขาอีก 4 คนแค่รู้จักผ่าน ๆ เท่านั้น

4 คนนี้ก็ไม่ใช่คนโง่ พวกเขามองฉู่ชวิ๋นอย่างขอบคุณ 1 ในนั้นประสานมือ “พวกเรามีตาแต่หามีแววไม่ นึกว่าพ่อหนุ่ม…ผู้อาวุโสเป็นเพียงจอมยุทธ์ไร้สังกัดธรรมดา ๆ เท่านั้น หวังว่าท่านจะให้อภัยกับความหยาบคายของพวกเราด้วย”

ทุกคนฟังจนเข้าใจแล้วว่า 4 คนนี้หวังจะชักชวนไอ้หนุ่่มคนนี้เข้าสำนักด้วย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าความสามารถของพ่อหนุ่มคนนี้ไปเป็นเจ้าสำนักให้พวกเขาได้สบายๆ

“สหายฝีมือดีนี่” จังเฟิงหลิงเอ่ยขึ้น

ทุกคนใจกระตุกวูบ จังเฟิงหลิงจะหาเรื่องแล้วหรือ

ฉู่ชวิ๋นมองไปที่เขา “นิดหน่อย ๆ”

ทุกคนหมดคำพูด นี่มันคำตอบประเภทไหนกัน ไร้มารยาทสุด ๆ

ไม่ว่าจังเฟิงหลิงไปที่ไหนก็ล้วนแล้วแต่เป็นแขกผู้มีเกียรติ ใครจะกล้าเสียมารยาทด้วย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกเมินเฉยใส่ เขาชะงักไปในทันที

“ขอถามสหายหน่อยว่ามาจากสำนักไหน” น้ำเสียงของจังเฟิงหลิงไร้อารมณ์ มันง่ายมากที่จะเก็บซ่อนสิ่งที่คิดไว้ในใจสำหรับคนแบบเขา

“ไม่มีสำนัก ก็แค่จอมยุทธ์พเนจรธรรมดา” ฉู่ชวิ๋นบอกอย่างไม่คิดอะไร

เอ่อ….มุมปากจังเฟิงหลิงกระตุกนิดหน่อย แอบบ่นในใจว่าไอ้นี่คุยกับคนอื่นไม่เป็นจริงๆ เขาไม่รู้จะพูดยังไงดีแล้ว

หยานหวูซวงสั่งให้คนมาเอาศพทั้ง 4 ของหอคอยโลหิตจันทราออกไป ก่อนจะมองไปที่ฉู่ชวิ๋นและประสานมือ “ฉันหยานหวูซวง”

“ชื่อดีๆ” ฉู่ชวิ๋นชม

โฉมงามนั้นงามเพียงใด ชายหนุ่มคนนีก็งามเพียงนั้น ชื่อหยานหวูซวงนี่ไม่เลวจริงๆ

เอิ่ม

หยานหวูซวงก็ชะงักไปเช่นกัน ตามปกติแล้วฉู่ชวิ๋นควรจะบอกชื่อแซ่ตัวเอง จึงจะถือได้ว่ามีถามมีตอบ นับเป็นการพูดคุยกันทั้ง 2 ฝ่าย ใครให้นายมาชมชื่อฉัน

จังเฟิงหลิงรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ ที่แท้ไอ้บ้านี่เป็นคนไร้ศิลปะการพูดคุยจริงๆ ไม่ใช่แค่กับเขาเท่านั้น

“สหาย เชิญมานั่งทางนี้” จังเฟิงหลิงเอ่ยปากให้ฉู่ชวิ๋นไปนั่งโต๊ะเดียวกับเขา จะได้สืบเสาะที่มาที่ไปของฉู่ชวิ๋นด้วย

“ไม่ไป” ฉู่ชวิ๋นปฏิเสธทันที

“ทำไม” จังเฟิงหลิงเริ่มจะคลุ้มคลั่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเชื้อเชิญใครแล้วโดนปฏิเสธ ความรู้สึกแบบนี้มันอัดอั้นจนปวดหัวใจจริงๆ

“ฉันกลัวว่าถ้าไปแล้วนายจะลอบทำร้ายฉัน” ฉู่ชวิ๋นบอก

“ทำไมกัน” จังเฟิงหลิงดวงตาเบิกกว้าง เขาสาบานว่าไม่ได้คิดแบบนั้นเลย

“ฉันฆ่าคนของหอคอยโลหิตจันทราไป นายไม่แก้แค้นให้พวกเขาเหรอ”

ฉู่ชวิ๋นเอ่ย

“ฉัน…” จังเฟิงหลิงจะคลั่งแล้วจริงๆ เขาสาบานว่าชาตินี้ยังไม่เคยเจอคนที่ไร้ศิลปะการพูดคุยเท่านี้มาก่อน

เขาไม่ใช่คนโง่ ก่อนที่จะรู้ที่มาที่ไปของฉู่ชวิ๋นเขาจะไม่ทะเล่อทะล่าลงมือเด็ดขาด เขาอดกลั้นความวู่วามที่อยากจะทุบตีอีกฝ่ายให้ตายไว้ ก่อนจะกล่าวยิ้มๆ “สหายเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่รู้จักกับพวกเขา อีกอย่าง ต่อให้ฉันจะลอบทำร้ายด้วยวรยุทธของสหายร้ายกาจขนาดนี้ ฉันลงมือก็ไม่มีโอกาสทำสำเร็จหรอก”

“พูดแบบนี้ก็ถูกนะ” ฉู่ชวิ๋นพูดไปพลางเดินเข้าไป

“ฉัน…[email protected]#¥%” จังเฟิงหลิงคลั่งแล้วจริงๆ เขาแค่พูดเป็นธรรมเนียมเท่านั้น พูดเป็นธรรมเนียมเข้าใจมั้ย

ทุกคนกลั้นหายใจจนเหนื่อย พ่อหนุ่มคนนี้ไม่มีความเกรงใจเลยจริงๆ

จังเฟิงหลิงแค่บอกเป็นธรรมเนียมนายดันจริงจังซะงั้น

ฉู่ชวิ๋นเดินเข้าไปและนั่งลง แถมยังนั่งลงข้างจังเฟิงหลิงอย่างไม่คิดอะไรอีกด้วย ในสายตาคนอื่นดูเหมือนว่าเขาจะไม่กลัวจังเฟิงหลิงลงมือเลยจริงๆ

มุมปากจังเฟิงหลิงกระตุกแล้วกระตุกอีก กระตุกแล้วกระตุกอีก อย่างกับเต้นระบำ เห็นได้ว่าเขาจะคลุ้มคลั่งแล้วจริงๆ

“สวัสดีเทพธิดาเยวี่ย” ฉู่ชวิ๋นทักทายเหยาไป๋เยวี่ย

เหยาไป๋เยวี่ยชะงักไป ก่อนจะตอบรับอย่างนุ่มนวล “สวัสดี สหาย”

ทุกคนตื่นเต้นขึ้นมาทันที นอกจากก่อกวนจังเฟิงหลิงแล้ว จังหวะนี้ราวกับ ว่า ฉู่ชวิ๋นจะจีบเหยาไป๋เยวี่ยเลยนะเนี่ย

คนในนี้มีใครไม่รู้บ้างว่าหยานหวูซวงมีใจให้เหยาไป๋เยวี่ย ฉู่ชวิ๋นจีบเหยาไป๋เยวี่ย นี่เขาอยากให้หยานหวูซวงไม่พอใจไปด้วยใช่มั้ย

“เทพธิดาเยวี่ย เธออย่าเข้าใจผิดนะ ฉันแค่ทักทายเฉยๆ ไม่ได้จะมาแย่งเธอไปจากคุณชายเยวี่ย เธอก็อย่าชอบฉันง่าย ๆ ละ” ฉู่ชวิ๋นพูดอย่างจริงจัง

“แค่กๆ…” คำพูดบ้าบอนี้ทำให้จังเฟิงหลิงสำลักเหล้าในปาก กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

เอิ่ม

ปกติแล้วเหยาไป๋เยวี่ยเป็นคนนุ่มนวลอ่อนโยนมาตลอด แต่เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ของฉู่ชวิ๋นก็รู้สึกใจร้อนวู่วามอยากจะตบฉู่ชวิ๋นสักฉาด

ไอ้หมอนี่ไร้ศิลปะการพูดคุยจริง ๆ ด้วย นี่คือสิ่งที่เหยาไป่เยวี่ยคิด

คนอื่นในที่นี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง พ่อหนุ่มคนนี้นี่ถ้าไม่ทำให้คนอื่นตกใจตายเพราะคำพูดตัวเองคงไม่เลิกราง่าย ๆ จริง ๆ พวกเขามองหยานหวูซวง ไม่รู้ว่าเขาจะชักกระบี่ออกมาฟาดฟันตอนนี้เลยหรือเปล่า

หยานหวูซวงทำทีว่าไม่สะทกสะท้าน แต่ดวงตาที่กระตุกอยู่ทำให้ทุกคนรู้ว่าเขาเองก็กำลังอดทนอยู่

เหยาไป๋เยวี่ยแกล้งหันไปมองหยานหวูซวงอย่างไม่ตั้งใจ เมื่อเธอจับความร้อนใจของเขาได้ ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำ

ทั้งฉู่ชวิ๋นและจังเฟิงหลิ้งล้วนคิดได้ทันที เหยาไป๋เยวี่ยมีใจให้หยานหวูซวง แล้ว

“คุณชายหยาน ฉันสาบาน ฉันไม่ได้จะแย่งเทพธิดาเยวี่ยกับนายจริง ๆ”

ฉู่ชวิ๋นมองหยานหวูซวงและพูดขึ้นเพราะอยากแกล้งทั้ง 2

คำพูดนี้ทำให้หยานหวูซวงที่เพิ่งใจเย็นลงได้ตากระตุกอีกครั้ง มือกำกระบี่แน่น ท่าทางเขาอยากจะชักกระบี่ออกมาฟาดฟันแล้วจริงๆ

ส่วนคนอื่น ๆ แทบคลั่งกันหมด พวกเขางงงวยราวกับโดนสายฟ้าฟาดซะ ไหม้เกรียม แย่ง? พ่อหนุ่มคนนี้พูดแต่คำว่าแย่งนี่หยามเทพธิดาเกินไปหรือเปล่า นายคิดว่าจะฉุดเธอไปทำเมียหรือไง

เมื่อเห็นหยานหวูซวงไม่พูดอะไร ฉู่ชวิ๋นก็พูดขึ้นอีกครั้ง “คุณชายหยาน นายไม่เชื่อที่ฉันพูดเหรอ”

“….” หยานหวูซวงจะเป็นบ้าอยู่แล้ว จะให้เขาตอบว่าอะไร บอกว่าขอบคุณที่ไม่แย่งเหยาไป๋เยวี่ยกับฉันงั้นเหรอ

แต่ฉู่ชวิ๋นมองเขาอยู่และคนอื่นก็มองเขาอยู่ด้วย ถ้าไม่ตอบไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะถามไร้สาระอะไรออกมาอีก ได้แต่แข็งใจตอบไป “เข้าใจแล้ว”

พรืด

ในที่สุดจังเฟิงหลิงก็พ่นเหล้าที่ติดอยู่ในคอออกมา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกสบายขึ้นเยอะ เขาสาบานว่าเขาไม่เคยได้ยินคำพูดบื้อ ๆ ของหยานหวูซวงแบบนี้จริง ๆ

“ถ้างั้นพี่หยานก็ต้องขอบคุณฉันใช่มั้ย” ฉู่ชวิ๋นถาม

“ขอบคุณยังไง” หยานหวูซวงถามไปด้วยสัญชาตญาณ

เมื่อคำพูดนี้หลุดออกไปแม้แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องแล้ว เขาอยากจะชักกระบี่ออกมาฟันไอ้หนุ่มตรงหน้าเป็นพัน ๆ ชิิ้นแล้วจริงๆ คำพูดนี้อย่างกับว่าอีกฝ่ายเป็นคนยกเหยาไป๋เยวี่ยให้ตนเอง ไอ้เวรเอ๊ย อย่างฉันนี่ต้องให้แกมายกเธอให้งั้นเหรอ แกเก่งมาจากไหนกันว่ะ!

ไม่รอให้ทุกคนคลุ้มคลั่งขึ้นมาอีกครั้ง ฉู่ชวิ๋นก็เอ่ยปาก “คุณชายหยาน

ไม่ต้องเกรงใจไป ได้ข่าวว่าดอกบัวจิตวิญญาณของตระกูลหยานสามารถรักษาอาการบาดเจ็บที่วิญญาณได้อย่างน่าอัศจรรย์ งั้นให้ฉันสัก 8 ต้น 10 ต้นก็พอ อย่าให้มากกว่านี้นะ ถ้าให้เยอะฉันจะเขินเอา”

เหยาไป๋เยวี่ยดวงตาเบิกกว้าง

จังเฟิงหลิงเองก็ไอแค่ก ๆ

“…..” หยานหวูซวงหมดคำพูดแล้วจริงๆ 8 ต้น 10 ต้นเหรอ นายคิดว่าดอกบัวจิตวิญญาณเหมือนผักกาดขาวหรืออย่างไร ทั้งตระกูลหยานก็มีแค่ต้นเดียวเท่านั้น!

ส่วนคนอื่น ๆ อ้าปากค้างด้วยความตะลึงกันหมด พวกเขาสบถเป็นร้อยเป็นพันคำในใจ

ที่แท้ที่พ่อหนุ่มคนนี้อ้อมโลกมาตั้งนาน ก็เพื่อดอกบัวจิตวิญญาณงั้นเหรอ!!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) 292 เหมือนพูดกับคนบ้า!

Now you are reading จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) Chapter 292 เหมือนพูดกับคนบ้า! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 292 เหมือนพูดกับคนบ้า!

ฉู่ชวิ๋นไม่เหมือนหยานหวูซวง เย็นชา เด็ดขาด แข็งกร้าว ไม่เคยเกรงใจใครมาแต่ไหนแต่ไร เขาย่อมไม่กลัวการมีเรื่องอยู่แล้ว

เขาไม่สนหรอกว่าจะหอคอยโลหิตจันทราหรือหอบ้าบออะไร ถ้ากล้ามาหาเรื่องเขาจะฆ่าให้หมด

4 คนนี้กล้าขอให้เขาคุกเข่าขอร้อง ชีวิตนี้นอกจากพ่อแม่แล้วเขาไม่เคยคุกเข่าให้ใคร!

“หอคอยโลหิตจันทรา พวกแกนี่รนหาที่ตายจริงๆ” น้ำเสียงของฉู่ชวิ๋นไม่ปิดบังความอยากฆ่าเลยสักนิด

เขาจะฆ่ามันให้หมดทั้ง 4 คนเลย !

ในเมื่อมีความแค้นต่อกัน จะเกรงใจไปทำไม ต่อให้ตอนนี้เขาพูดดีแค่ไหนหอคอยโลหิตจันทราก็ไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่ๆ

ทุกคนตกตะลึง ฉู่ชวิ๋นแข็งกร้าวมาก ทุบตีอีกฝ่ายจนอ่วมยังไม่พอ นี่เขาจะปลิดชีพอีกฝ่ายด้วยงั้นเหรอ

วิถีการของเขาคล้ายจอมมารฉู่อยู่ไม่น้อยจริงๆ

“ไอ้หนู พวกเราเป็นคนของหอคอยโลหิตจันทรา แกกล้า…”

“กร๊อบ”

เสียงกระดูกหักดังขึ้น คอของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 4 ที่ข่มขู่ฉู่ชวิ๋นหักทันที

“โง่สุด ๆ เลยนะ เวลาแบบนี้แกยังกล้ามาขู่ฉันอีกเหรอ ใครให้ความกล้าพวกนายมาหะ” ฉู่ชวิ๋นดูหมิ่นเหยียดหยามพวกเขาสุดๆ ถ้าพูดไร้สาระให้น้อยลงหน่อยฉู่ชวิ๋นอาจจะเหลือชีวิตง่อยๆ ไว้ให้แล้วแท้ๆ

จอมยุทธ์ ณ ที่นั้นเงียบกริบ สายตาที่มองฉู่ชวิ๋นเต็มไปด้วยความตื่นกลัวและตกตะลึง พ่อหนุ่มคนนี้โผล่มาจากไหนกัน พวกเขาเป็นคนของหอคอยโลหิตจันทราเลยนะ นึกจะฆ่าก็ฆ่าเลยเหรอ

อีก 3 คนที่เหลือกลัวจนหนังหัวชา แววตาหวาดกลัว

“ที่นี่ตระกูลหยาน แกห้าม…”

“กร๊อบ”

คอของคนที่พูดโดนเหยียบจนหัก ตามลงในทันที

“ห้ามอะไร ห้ามฆ่าพวกแกเหรอแล้วจะรอให้พวกแกมาฆ่าฉันหรือไง”

ฉู่ชวิ๋นรู้สึกตลกคนพวกนี้มาก บนโลกใบนี้มักจะมีพวกโง่ที่ไม่เจียมเนื้อเจียมตัวอยู่ พวกมันคิดว่าชีวิตของคนอื่นไม่สำคัญหรือไง สมควรตายจริง ๆ

ตอนที่คนพวกนี้ฆ่าข่มขืนผู้หญิงธรรมดา ๆ พวกมันยังคิดว่าสมควรแล้ว บ้าที่สุด ผู้หญิงคนที่ต้องตายไปอย่างอนาถพวกนั้นไม่มีพ่อมีแม่หรือไง

ฉู่ชวิ๋นนึกไปถึงตอนที่โดนส่งเข้าคุกโดยไร้สาเหตุ จนสุดท้ายต้องตายอย่างน่าอดสูในนั้น เขาในตอนนั้นก็เหมือนกับผู้หญิงธรรมดาพวกนี้ ต้องโดนคนอื่นรังแกข่มเหงโดยทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะทะลุมิติไปที่ดินแดนเซียนเพราะโชคช่วย ตัวเขาเองก็คงเป็นได้แค่ผีร้ายที่ตายอย่างไร้ความเป็นธรรม ใครจะมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้ตัวเขา

“คุณชายหยาน ช่วยด้วย…”

2 คนที่เหลือกลัวจนวิญญาณกระเจิง ปกติแค่เอ่ยนามหอคอยโลหิตจันทรา ผู้คนก็แทบจะตัวสั่นเดินหนีไป

แต่ไอ้หนุ่มนี้ไม่สนเลยสักนิด พวกเขานึกเสียใจที่ไปหาเรื่องอีกฝ่ายในตอนแรก

“กร๊อบ”

เสียงกระดูกแตกอันแสบหูดังขึ้น เขาเหยียบอีกฝ่ายจนคอหักอีกแล้ว

“คุณชายสกปรก (จัง พ้องเสียงกับคำว่า สกปรก) คนนี้พูดถูก คนที่ไม่เจียมเนื้อเจียมตัวน่ะมีมากเกินไป คุณชายหยานจะเอาเวลาที่ไหนไปคอยเช็ดคอยล้างให้พวกนาย” ฉู่ชวิ๋นแกล้งออกเสียงจากจังที่เป็นแซ่ของเขา เป็นจังที่แปลว่าสกปรก ปฏิกิริยาของจังเฟิงหลิงเมื่อกี้ทำให้เขาไม่พอใจมาก มันบังอาจปล่อยให้เขาต้องอับอาย ถ้าเป็นคนอื่นจะทำยังไง

ทัศนคติของฉู่ชวิ๋นก็คือ คนที่ทำให้เขาไม่พอใจจะอยู่อย่างสุดสบายไม่ได้ !พวกแกทำให้ฉันไม่มีความสุขแล้วพวกแกจะไปมีความสุขได้ยังไง แบบนี้ยิ่งทำให้เขาไม่พอใจไปใหญ่ เพราะฉะนั้น ตอนที่ฉันไม่มีความสุข พวกแกก็อย่าหวัง

เสียงแตกต่างระหว่างจังที่เป็นแซ่กับจังที่แปลว่าสกปรกชัดเจนมาก ทุกคนฟังออกหมด และแอบคิดในใจว่าฉู่ชวิ๋นนี่ช่างเป็นไอ้โง่จริงๆ กับจังเฟิงหลิงยังกล้าพูดจาเสียดสี

ควรรู้ไว้ว่าคนเหล่านี้โอหังเพราะชื่อเสียงเรียงนามของหอคอยโลหิตจันทรา แต่จังเฟิงหลิงน่ะอยู่ได้ด้วยกำลังของตัวเองล้วนๆ ทั้ง 2 แตกต่างกันมาก

ทุกคนเงียบงัน จังเฟิงหลิงสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เหมือนไม่รู้ว่าฉู่ชวิ๋นเสียดสีเขาอยู่

แน่นอนว่าทุกคนรู้ว่าแค่เหมือนเท่านั้น ไม่ใช่ว่าจังเฟิงหลิงไม่รู้จริงๆหรอก ความนิ่งแบบนี้ต่างหากที่น่ากลัว

สีหน้าของหยานหวูซวงก็นิ่งเฉยเหมือนกัน เขาไม่มีทีท่าว่าจะห้ามฉู่ชวิ๋น

สายตาคู่สวยของเหยาไป๋เยวี่ยกรอกไปมาขณะที่มองฉู่ชวิ๋นอย่างพิจารณา เหมือนกำลังสำรวจว่าฉู่ชวิ๋นเอาอะไรมาแข็งกร้าวขนาดนี้

ตอนนี้ใน 4 คนจากหอคอยโลหิตจันทราเหลือแค่จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 5 ที่ก่อกวนโวยวายในตอนแรก เขาหน้าบิดปากเบี้ยว สายตาหวาดกลัวถึงขีดสุด

“ไว้ชีวิตด้วย….”

“กร๊อบ”

ฉู่ชวิ๋นย่ำลงไปเหมือนเหยียบมดตายตัวหนึ่ง อีกฝ่ายไม่อาจต่อต้านได้เลยแม้แต่น้อย

“ไว้ชีวิตบ้าบออะไรกัน คนอื่นตายกันหมดแล้ว ถ้าแกยังมีชีวิตจะไม่ยุติธรรมไปหน่อยเหรอ พวกแก 4 คนลงไปนรกแล้วจะได้ครบวงไพ่นกกระจอกพอดีไง” ฉู่ชวิ๋นเอ่ยขึ้นอย่างสบายใจ

จอมยุทธ์ทุกคนรู้สึกหวาดกลัว พ่อหนุ่มคนนี้เด็ดขาดจริงๆ เรียกได้ว่าไร้ความกังขาดใดๆ อยากฆ่าก็ฆ่า

ทั้งหมดเงียบงันขนาดที่แค่เสียงเข็มตกก็คงได้ยิน

ฉู่ชวิ๋นมอง 4 คนที่นั่งร่วมโต๊ะกับเขาแล้วกล่าวขึ้น “สหายทั้งหลาย

ดูเหมือนฉันจะเข้าร่วมสำนักพวกนายไม่ได้แล้วล่ะ ความหวังดีของพวกนายฉันรับไว้ด้วยใจ”

ความหมายของคำพูดฉู่ชวิ๋นชัดเจนมาก แบบนี้เท่ากับเขาอีก 4 คนแค่รู้จักผ่าน ๆ เท่านั้น

4 คนนี้ก็ไม่ใช่คนโง่ พวกเขามองฉู่ชวิ๋นอย่างขอบคุณ 1 ในนั้นประสานมือ “พวกเรามีตาแต่หามีแววไม่ นึกว่าพ่อหนุ่ม…ผู้อาวุโสเป็นเพียงจอมยุทธ์ไร้สังกัดธรรมดา ๆ เท่านั้น หวังว่าท่านจะให้อภัยกับความหยาบคายของพวกเราด้วย”

ทุกคนฟังจนเข้าใจแล้วว่า 4 คนนี้หวังจะชักชวนไอ้หนุ่่มคนนี้เข้าสำนักด้วย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าความสามารถของพ่อหนุ่มคนนี้ไปเป็นเจ้าสำนักให้พวกเขาได้สบายๆ

“สหายฝีมือดีนี่” จังเฟิงหลิงเอ่ยขึ้น

ทุกคนใจกระตุกวูบ จังเฟิงหลิงจะหาเรื่องแล้วหรือ

ฉู่ชวิ๋นมองไปที่เขา “นิดหน่อย ๆ”

ทุกคนหมดคำพูด นี่มันคำตอบประเภทไหนกัน ไร้มารยาทสุด ๆ

ไม่ว่าจังเฟิงหลิงไปที่ไหนก็ล้วนแล้วแต่เป็นแขกผู้มีเกียรติ ใครจะกล้าเสียมารยาทด้วย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกเมินเฉยใส่ เขาชะงักไปในทันที

“ขอถามสหายหน่อยว่ามาจากสำนักไหน” น้ำเสียงของจังเฟิงหลิงไร้อารมณ์ มันง่ายมากที่จะเก็บซ่อนสิ่งที่คิดไว้ในใจสำหรับคนแบบเขา

“ไม่มีสำนัก ก็แค่จอมยุทธ์พเนจรธรรมดา” ฉู่ชวิ๋นบอกอย่างไม่คิดอะไร

เอ่อ….มุมปากจังเฟิงหลิงกระตุกนิดหน่อย แอบบ่นในใจว่าไอ้นี่คุยกับคนอื่นไม่เป็นจริงๆ เขาไม่รู้จะพูดยังไงดีแล้ว

หยานหวูซวงสั่งให้คนมาเอาศพทั้ง 4 ของหอคอยโลหิตจันทราออกไป ก่อนจะมองไปที่ฉู่ชวิ๋นและประสานมือ “ฉันหยานหวูซวง”

“ชื่อดีๆ” ฉู่ชวิ๋นชม

โฉมงามนั้นงามเพียงใด ชายหนุ่มคนนีก็งามเพียงนั้น ชื่อหยานหวูซวงนี่ไม่เลวจริงๆ

เอิ่ม

หยานหวูซวงก็ชะงักไปเช่นกัน ตามปกติแล้วฉู่ชวิ๋นควรจะบอกชื่อแซ่ตัวเอง จึงจะถือได้ว่ามีถามมีตอบ นับเป็นการพูดคุยกันทั้ง 2 ฝ่าย ใครให้นายมาชมชื่อฉัน

จังเฟิงหลิงรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ ที่แท้ไอ้บ้านี่เป็นคนไร้ศิลปะการพูดคุยจริงๆ ไม่ใช่แค่กับเขาเท่านั้น

“สหาย เชิญมานั่งทางนี้” จังเฟิงหลิงเอ่ยปากให้ฉู่ชวิ๋นไปนั่งโต๊ะเดียวกับเขา จะได้สืบเสาะที่มาที่ไปของฉู่ชวิ๋นด้วย

“ไม่ไป” ฉู่ชวิ๋นปฏิเสธทันที

“ทำไม” จังเฟิงหลิงเริ่มจะคลุ้มคลั่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเชื้อเชิญใครแล้วโดนปฏิเสธ ความรู้สึกแบบนี้มันอัดอั้นจนปวดหัวใจจริงๆ

“ฉันกลัวว่าถ้าไปแล้วนายจะลอบทำร้ายฉัน” ฉู่ชวิ๋นบอก

“ทำไมกัน” จังเฟิงหลิงดวงตาเบิกกว้าง เขาสาบานว่าไม่ได้คิดแบบนั้นเลย

“ฉันฆ่าคนของหอคอยโลหิตจันทราไป นายไม่แก้แค้นให้พวกเขาเหรอ”

ฉู่ชวิ๋นเอ่ย

“ฉัน…” จังเฟิงหลิงจะคลั่งแล้วจริงๆ เขาสาบานว่าชาตินี้ยังไม่เคยเจอคนที่ไร้ศิลปะการพูดคุยเท่านี้มาก่อน

เขาไม่ใช่คนโง่ ก่อนที่จะรู้ที่มาที่ไปของฉู่ชวิ๋นเขาจะไม่ทะเล่อทะล่าลงมือเด็ดขาด เขาอดกลั้นความวู่วามที่อยากจะทุบตีอีกฝ่ายให้ตายไว้ ก่อนจะกล่าวยิ้มๆ “สหายเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่รู้จักกับพวกเขา อีกอย่าง ต่อให้ฉันจะลอบทำร้ายด้วยวรยุทธของสหายร้ายกาจขนาดนี้ ฉันลงมือก็ไม่มีโอกาสทำสำเร็จหรอก”

“พูดแบบนี้ก็ถูกนะ” ฉู่ชวิ๋นพูดไปพลางเดินเข้าไป

“ฉัน…[email protected]#¥%” จังเฟิงหลิงคลั่งแล้วจริงๆ เขาแค่พูดเป็นธรรมเนียมเท่านั้น พูดเป็นธรรมเนียมเข้าใจมั้ย

ทุกคนกลั้นหายใจจนเหนื่อย พ่อหนุ่มคนนี้ไม่มีความเกรงใจเลยจริงๆ

จังเฟิงหลิงแค่บอกเป็นธรรมเนียมนายดันจริงจังซะงั้น

ฉู่ชวิ๋นเดินเข้าไปและนั่งลง แถมยังนั่งลงข้างจังเฟิงหลิงอย่างไม่คิดอะไรอีกด้วย ในสายตาคนอื่นดูเหมือนว่าเขาจะไม่กลัวจังเฟิงหลิงลงมือเลยจริงๆ

มุมปากจังเฟิงหลิงกระตุกแล้วกระตุกอีก กระตุกแล้วกระตุกอีก อย่างกับเต้นระบำ เห็นได้ว่าเขาจะคลุ้มคลั่งแล้วจริงๆ

“สวัสดีเทพธิดาเยวี่ย” ฉู่ชวิ๋นทักทายเหยาไป๋เยวี่ย

เหยาไป๋เยวี่ยชะงักไป ก่อนจะตอบรับอย่างนุ่มนวล “สวัสดี สหาย”

ทุกคนตื่นเต้นขึ้นมาทันที นอกจากก่อกวนจังเฟิงหลิงแล้ว จังหวะนี้ราวกับ ว่า ฉู่ชวิ๋นจะจีบเหยาไป๋เยวี่ยเลยนะเนี่ย

คนในนี้มีใครไม่รู้บ้างว่าหยานหวูซวงมีใจให้เหยาไป๋เยวี่ย ฉู่ชวิ๋นจีบเหยาไป๋เยวี่ย นี่เขาอยากให้หยานหวูซวงไม่พอใจไปด้วยใช่มั้ย

“เทพธิดาเยวี่ย เธออย่าเข้าใจผิดนะ ฉันแค่ทักทายเฉยๆ ไม่ได้จะมาแย่งเธอไปจากคุณชายเยวี่ย เธอก็อย่าชอบฉันง่าย ๆ ละ” ฉู่ชวิ๋นพูดอย่างจริงจัง

“แค่กๆ…” คำพูดบ้าบอนี้ทำให้จังเฟิงหลิงสำลักเหล้าในปาก กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

เอิ่ม

ปกติแล้วเหยาไป๋เยวี่ยเป็นคนนุ่มนวลอ่อนโยนมาตลอด แต่เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ของฉู่ชวิ๋นก็รู้สึกใจร้อนวู่วามอยากจะตบฉู่ชวิ๋นสักฉาด

ไอ้หมอนี่ไร้ศิลปะการพูดคุยจริง ๆ ด้วย นี่คือสิ่งที่เหยาไป่เยวี่ยคิด

คนอื่นในที่นี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง พ่อหนุ่มคนนี้นี่ถ้าไม่ทำให้คนอื่นตกใจตายเพราะคำพูดตัวเองคงไม่เลิกราง่าย ๆ จริง ๆ พวกเขามองหยานหวูซวง ไม่รู้ว่าเขาจะชักกระบี่ออกมาฟาดฟันตอนนี้เลยหรือเปล่า

หยานหวูซวงทำทีว่าไม่สะทกสะท้าน แต่ดวงตาที่กระตุกอยู่ทำให้ทุกคนรู้ว่าเขาเองก็กำลังอดทนอยู่

เหยาไป๋เยวี่ยแกล้งหันไปมองหยานหวูซวงอย่างไม่ตั้งใจ เมื่อเธอจับความร้อนใจของเขาได้ ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำ

ทั้งฉู่ชวิ๋นและจังเฟิงหลิ้งล้วนคิดได้ทันที เหยาไป๋เยวี่ยมีใจให้หยานหวูซวง แล้ว

“คุณชายหยาน ฉันสาบาน ฉันไม่ได้จะแย่งเทพธิดาเยวี่ยกับนายจริง ๆ”

ฉู่ชวิ๋นมองหยานหวูซวงและพูดขึ้นเพราะอยากแกล้งทั้ง 2

คำพูดนี้ทำให้หยานหวูซวงที่เพิ่งใจเย็นลงได้ตากระตุกอีกครั้ง มือกำกระบี่แน่น ท่าทางเขาอยากจะชักกระบี่ออกมาฟาดฟันแล้วจริงๆ

ส่วนคนอื่น ๆ แทบคลั่งกันหมด พวกเขางงงวยราวกับโดนสายฟ้าฟาดซะ ไหม้เกรียม แย่ง? พ่อหนุ่มคนนี้พูดแต่คำว่าแย่งนี่หยามเทพธิดาเกินไปหรือเปล่า นายคิดว่าจะฉุดเธอไปทำเมียหรือไง

เมื่อเห็นหยานหวูซวงไม่พูดอะไร ฉู่ชวิ๋นก็พูดขึ้นอีกครั้ง “คุณชายหยาน นายไม่เชื่อที่ฉันพูดเหรอ”

“….” หยานหวูซวงจะเป็นบ้าอยู่แล้ว จะให้เขาตอบว่าอะไร บอกว่าขอบคุณที่ไม่แย่งเหยาไป๋เยวี่ยกับฉันงั้นเหรอ

แต่ฉู่ชวิ๋นมองเขาอยู่และคนอื่นก็มองเขาอยู่ด้วย ถ้าไม่ตอบไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะถามไร้สาระอะไรออกมาอีก ได้แต่แข็งใจตอบไป “เข้าใจแล้ว”

พรืด

ในที่สุดจังเฟิงหลิงก็พ่นเหล้าที่ติดอยู่ในคอออกมา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกสบายขึ้นเยอะ เขาสาบานว่าเขาไม่เคยได้ยินคำพูดบื้อ ๆ ของหยานหวูซวงแบบนี้จริง ๆ

“ถ้างั้นพี่หยานก็ต้องขอบคุณฉันใช่มั้ย” ฉู่ชวิ๋นถาม

“ขอบคุณยังไง” หยานหวูซวงถามไปด้วยสัญชาตญาณ

เมื่อคำพูดนี้หลุดออกไปแม้แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องแล้ว เขาอยากจะชักกระบี่ออกมาฟันไอ้หนุ่มตรงหน้าเป็นพัน ๆ ชิิ้นแล้วจริงๆ คำพูดนี้อย่างกับว่าอีกฝ่ายเป็นคนยกเหยาไป๋เยวี่ยให้ตนเอง ไอ้เวรเอ๊ย อย่างฉันนี่ต้องให้แกมายกเธอให้งั้นเหรอ แกเก่งมาจากไหนกันว่ะ!

ไม่รอให้ทุกคนคลุ้มคลั่งขึ้นมาอีกครั้ง ฉู่ชวิ๋นก็เอ่ยปาก “คุณชายหยาน

ไม่ต้องเกรงใจไป ได้ข่าวว่าดอกบัวจิตวิญญาณของตระกูลหยานสามารถรักษาอาการบาดเจ็บที่วิญญาณได้อย่างน่าอัศจรรย์ งั้นให้ฉันสัก 8 ต้น 10 ต้นก็พอ อย่าให้มากกว่านี้นะ ถ้าให้เยอะฉันจะเขินเอา”

เหยาไป๋เยวี่ยดวงตาเบิกกว้าง

จังเฟิงหลิงเองก็ไอแค่ก ๆ

“…..” หยานหวูซวงหมดคำพูดแล้วจริงๆ 8 ต้น 10 ต้นเหรอ นายคิดว่าดอกบัวจิตวิญญาณเหมือนผักกาดขาวหรืออย่างไร ทั้งตระกูลหยานก็มีแค่ต้นเดียวเท่านั้น!

ส่วนคนอื่น ๆ อ้าปากค้างด้วยความตะลึงกันหมด พวกเขาสบถเป็นร้อยเป็นพันคำในใจ

ที่แท้ที่พ่อหนุ่มคนนี้อ้อมโลกมาตั้งนาน ก็เพื่อดอกบัวจิตวิญญาณงั้นเหรอ!!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+