จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) 336 ท้าดวล

Now you are reading จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) Chapter 336 ท้าดวล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 336 ท้าดวล

อี้เสี่ยวซูมองหน้าพวกของฉู่ชวิ๋นทั้งสามคน

รอบตัวของอี้เสี่ยวซูมีบริวารอยู่สิบกว่าคน ทุกคนต่างก็เป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 3 ถึงระดับ 4 ทั้งสิ้น

“ก่อนอื่น ขอต้อนรับสู่สมาคมนักล่ามังกรของพวกเรา แต่ฉันคงต้องเสียมารยาทถามสักหน่อย ในเมื่อมังกรมีความแข็งแกร่งขนาดนี้ พวกเราจึงจำเป็นต้องรับสมาชิกที่มีพลังระดับจักรพรรดิขึ้นไปเท่านั้น” อี้เสี่ยวซูพูดอย่างตรงไปตรงมา

ที่ถามออกไปเช่นนั้นก็เพราะเขาสัมผัสไม่ได้ถึงพลังจากตัวของฉู่ชวิ๋นกับถางโร้วเลย มีแต่หยานหวูซวงเท่านั้นที่ลมปราณแข็งแกร่งจนน่ากลัว

“ฉันคงต้องรบกวนให้พวกคุณแนะนำตัวเองกันสักหน่อย พวกเราจะได้รู้จักกันและกันเอาไว้” อี้เสี่ยวซูพูด

“เดี๋ยวฉันทดสอบให้เอง” จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 4 คนหนึ่งก้าวออกมาข้างหน้า เขามีร่างกายใหญ่ยักษ์สูงกว่า 2 เมตร ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่า อวดมัดกล้ามเนื้อบนลำตัวที่เป็นประกายมันปลาบ

หยานหวูซวงขมวดคิ้วด้วยความดูถูก ขยับออกไปข้างหน้าสองก้าวและพูดด้วยความหยิ่งทะนง “ครึ่งกระบวนท่าก็พอแล้ว”

ไม่มีใครเข้าใจว่าครึ่งกระบวนท่าหมายความว่าอะไร?

ชายหนุ่มร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามเริ่มโคจรพลังลมปราณ แล้วซัดออกมา

ตู้ม!

พลังลมปราณสายหนึ่งพุ่งออกมาจากฝ่ามือของหยานหวูซวง ซัดใส่ร่างของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 4 คนนั้นลอยกระเด็นออกไปไกล

ทุกคนตกตะลึง แม้แต่สายตาของอี้เสี่ยวซูที่จ้องมองหยานหวูซวงก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง

“บอกความจริงให้ก็ได้ครับ ผมอยู่ขั้นจักรพรรดิระดับ 7 เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่ต้องปิดบังอะไร” หยานหวูซวงพูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ

“แล้วสองคนนี้ล่ะ?” อี้เสี่ยวซูหันไปมองฉู่ชวิ๋นกับถางโร้ว

“เขาอยู่ระดับ 4” หยานหวูซวงยกมือชี้ไปทางฉู่ชวิ๋น ข้อมูลเหล่านี้พวกเขานัดแนะกันมาก่อนแล้ว หลังจากนั้น เขาก็ชี้มือไปทางถางโร้ว “ส่วนเธออยู่ระดับ 2”

“ขอต้อนรับสู่สมาคมนักล่ามังกรอย่างเป็นทางการ” อี้เสี่ยวซูพูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ ไม่คาดฝันเลยว่าจะได้จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 7 มาร่วมทีม

เนื่องจากเปรียบเทียบกับทีมอื่น สมาคมนักล่ามังกรของเขามีฝีมืออ่อนด้อยมากที่สุด แต่ในตอนนี้เมื่อมีหยานหวูซวงเข้ามาร่วมด้วยก็สามารถแข่งขันกับทีมอื่นได้สบายแล้ว

“ขอแนะนำตัว ฉันหัวหน้าทีมชื่ออี้เสี่ยวซู”

หยานหวูซวงแนะนำตัวเองว่า “ผมหยานหวูซวง”

“ฉันหลิวเทียนเหอ” ฉู่ชวิ๋นตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย

“ฉันถางโร้วคะ” เธอคาดผ้าคลุมใบหน้า แต่น้ำเสียงที่อ่อนหวานไพเราะ ทำให้ใครหลายคนอยากจะเห็นหน้าเธอยิ่งนัก

“จากนี้ไปพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว” อี้เสี่ยวซูพูดพร้อมยิ้มกว้าง ในขณะเดียวกันเขาก็หยิบหญ้าจิตวิญญาณออกมา 15 กำมือแล้วบอกว่า “นี่คือรางวัลสำหรับพวกคุณ”

หยานหวูซวงไม่ได้รับมา เขาตอบกลับไปว่า “ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อหญ้าจิตวิญญาณ เอาไปให้คนอื่นเถอะครับ”

อี้เสี่ยวซูตะลึงงัน เหมือนเพิ่งเคยพบเจอคนแรกนี่แหละที่ไม่ต้องการหญ้าจิตวิญญาณ

หยานหวูซวงกล่าวต่อ “ของพวกนี้ผมมีเหลือกินเหลือใช้ ผมมาที่นี่เพื่อฆ่ามังกรและมันคงจะดีกว่านั้นถ้าพวกเราได้ฆ่าไอ้พวกฝรั่งตาน้ำข้าวด้วยกัน!”

ตอนแรก อี้เสี่ยวซูคิดว่าหยานหวูซวงอาจจะมีเจตนาแอบแฝง แต่เมื่อได้ยินเหตุผลข้อนี้ เขาก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

การที่จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 7 จะไม่สนใจหญ้าจิตวิญญาณ ถือว่าไม่ใช่เรื่องผิดปกติเท่าไร

“นับแต่นี้ไป คุณหยานจะเป็นรองหัวหน้าทีมของพวกเรา” อี้เสี่ยวซูประกาศกร้าว

หยานหวูซวงแสดงให้เห็นแล้วว่ามีฝีมือแข็งแกร่งขนาดไหน การมีจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 7 เป็นรองหัวหน้าทีม ทำให้ทุกคนรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง

ทุกคนเดินเข้ามาทักทายกันและกัน

ชื่อของสมาชิกในทีมมีมากมายจนหยานหวูซวงจำไม่ได้เลยสักคน

“คุณทั้งสามคนคงเหนื่อยแล้ว ยังคงมีห้องว่างสามห้องอยู่ทางด้านหลัง เชิญเข้าไปพักผ่อนได้ตามอัธยาศัย” อี้เสี่ยวซูพูดอย่างรู้สึกอับอายเล็กน้อย

ที่นี่เป็นทุ่งหญ้าขนาดไม่ใหญ่ กระท่อมน้อยหนึ่งหลังจะสามารถเข้าพักได้แค่เพียง 2 ถึง 3 คน พอให้ใช้หลบแดดหลบฝนได้เท่านั้น

ในทุ่งหญ้าแห่งนี้เต็มไปด้วยกระท่อมไม้หลังน้อย นับดูแล้วไม่เกิน 20 หลัง ถือว่าเป็นที่พักอันสุดแสนจะน่าอนาถใจมากสำหรับจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 7

“จะคิดมากทำไมครับ? จอมยุทธ์อย่างพวกเราหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินมันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ให้นอนกลางดินกินกลางทรายก็ไม่เห็นเป็นอะไรสักหน่อยนี่?” หยานหวูซวงพูดอย่างไม่ค่อยสนใจอะไร

ฉู่ชวิ๋นหันไปส่งสัญญาณให้กับหยานหวูซวง

หยานหวูซวงรับลูกต่อทันทีว่า “พี่อี้ ผมมีอะไรจะถามหน่อย คุณช่วยตอบผมได้ไหม”

“ถามมาเลย” อี้เสี่ยวซูตอบ

“เมื่อกี้ตอนที่ผมเดินหาที่ตั้งสมาคมของพวกเรา ผมเผลอเดินหลงเข้าไปในเขตของทีมอื่น แต่พวกเขาไม่ต้อนรับเราเลย ในเมื่อพวกเรามาที่นี่ก็เพื่อฆ่ามังกรตัวนั้น ไม่เห็นต้องแบ่งพรรคแบ่งพวกกันก็ได้ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะครับ?”

เมื่อได้ยินดังนี้ อี้เสี่ยวซูก็ยิ้มออกมาด้วยความขมขื่น ตอบว่า “คุณชายหยานไม่รู้อะไรเสียแล้ว ทีมล่ามังกรพวกนั้นมีกลุ่มสำนักจอมยุทธ์หนุนหลังอยู่ทั้งสิ้น”

“หมายความว่าพวกเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อฆ่ามังกร แต่มาที่นี่เพื่อตักตวงผลประโยชน์งั้นหรือ?”

อี้เสี่ยวซูพยักหน้า

หยานหวูซวงหันไปมองหน้าอี้เสี่ยวซู และพูดว่า “แล้วพี่อี้ล่ะครับ? มีสำนักไหนหนุนหลังหรือเปล่า?”

อี้เสี่ยวซูมีสีหน้าเศร้าหมองเล็กน้อย ก่อนที่จะกลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง “ฉันไม่มีสำนักไหนหนุนหลังทั้งนั้น พวกเราต่างมาเพื่อจุดหมายเดียวกัน ฉันทนเห็นทหารหลายพันคนถูกฆ่าตาย แล้วให้พวกต่างชาติมาเยาะเย้ยพวกเราแบบนี้ไม่ได้!”

หยานหวูซวงไม่อยากเชื่อ โลกนี้จะมีคนดีเช่นนี้อยู่ด้วยเหรอ?

อี้เสี่ยวซูเข้าใจว่าหยานหวูซวงกำลังคิดอะไรอยู่ จึงขยายความต่อว่า “คุณชายหยาน คุณอาจไม่เชื่อฉัน แต่ทุกคนที่อยู่ในทีมของฉันต่างก็มีจิตใจบริสุทธิ์และเป็นคนดี พวกเขาก็ไม่เอาค่าจ้างเช่นกัน คุณชายหยานเห็นไหมล่ะว่าไม่มีใครพกหญ้าจิตวิญญาณติดตัวเลย คุณเองก็ไม่ต้องการมัน พวกเขาก็ไม่ต้องการเช่นกัน ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นเล่า?”

หยานหวูซวงหันไปมองรอบกายด้วยความประหลาดใจ

ขณะนี้ ชายหนุ่มร่างใหญ่ที่ถูกหยานหวูซวงซัดพลังใส่จนลอยกระเด็นไป เดินยิ้มเข้ามาหาแล้วพูดว่า “ถึงฝีมือของผมจะยังต่ำต้อย แต่ผมก็รู้ตัวว่าผมคือคนจีน ถ้ามังกรฆ่าเพื่อนร่วมชาติของผม ต่อให้ต้องตายผมก็ต้องล้างแค้นหนี้เลือดครั้งนี้ให้ได้”

“รองหัวหน้าหยาน อย่าคิดว่าจอมยุทธ์ทุกคนต้องหน้าเงินหมดสิครับ ผมเองก็อยากได้หญ้าจิตวิญญาณใจจะขาด แต่ผมก็ยังรู้ผิดชอบชั่วดีเหมือนกัน” จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 3 คนหนึ่งพูดออกมา

“ผมไม่ต้องการอะไรเลย ผมมาทำงานนี้ฟรี ๆ เพราะผมทนไม่ได้ที่ไอ้ฝรั่งขี้นกพวกนั้นมันหัวเราะเยาะพวกเรา แต่ถ้าผมเข้าร่วมกับทีมอื่น สุดท้ายผมก็ต้องกลายเป็นสุนัขรับใช้พวกคิดจะหวังประโยชน์อยู่ดี แล้วแบบนี้จะนับว่ามาเพื่อชาติได้ยังไง”

ฉู่ชวิ๋นแอบพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ดูเหมือนว่าคนกลุ่มนี้จะเป็นคนดีที่จิตใจบริสุทธิ์ที่สุดในโลกจริง ๆ

หยานหวูซวงเองก็ตกตะลึงไม่น้อย หลังจากได้ยินที่ทุกคนพูด เขาก็สูดหายใจลึก ชูกำปั้นพูดปลุกใจทุกคนว่า “ทุกคนครับ นับจากวันนี้ไป ผมคือสหายของพวกคุณ พวกเรามาร่วมมือกัน และทำให้พวกมันได้รู้กันเถอะว่าอย่ามาดูถูกคนจีนเด็ดขาด!”

“ดีมาก!” อี้เสี่ยวซูเป็นผู้นำทีมส่งเสียงร้องตะโกนด้วยความสะใจ

ทุกคนพร้อมใจกันประสานเสียงด้วยความคึกคัก พวกฉู่ชวิ๋นจึงสามารถสนิทสนมกับเพื่อนร่วมทีมได้อย่างรวดเร็ว

“พี่อี้ ถ้าอย่างนั้นพวกเรามัวรออะไรอยู่? ออกไปฆ่ามังกรกันตอนนี้เลยดีกว่า” หยานหวูซวงพูดด้วยความคันไม้คันมือ

อี้เสี่ยวซูยิ้มก่อนตอบ “ไม่ต้องห่วงหรอกครับคุณชายหยาน มังกรดำมันเจ้าเล่ห์ ตอนนี้หนีไปซ่อนตัวอยู่ในภูเขาฝั่งเวียดนาม นาน ๆ ทีถึงจะมีคนเจอตัวสักครั้งเท่านั้น”

“เวียดนาม?” หยานหวูซวงไม่เคยสนใจประเทศเวียดนามมาก่อน เลยพูดออกมา “ช่างมันสิ พวกเราก็บุกเข้าไปหาตัวมังกรแล้วก็ฆ่ามันซะ!”

อี้เสี่ยวซูระเบิดเสียงหัวเราะ จ้องมองหยานหวูซวงด้วยความสนใจ ก่อนที่จะอธิบายว่า “เป็นไปไม่ได้หรอกครับ มีพวกจอมยุทธ์อยู่ในเวียดนามมากเกินไป แถมส่วนใหญ่มาจากทางฝั่งยุโรปทั้งนั้น ตอนนี้พวกมันไปซ่อนตัวอยู่ในเวียดนามกันหมด พวกเราไม่ชำนาญพื้นที่ในเวียดนาม เข้าไปก็มีแต่อันตรายเปล่า ๆ”

“ไม่ว่าจะเป็นจอมยุทธ์ของเวียดนาม หรือจอมเวทจากยุโรป รอให้เจอผมก่อนเถอะเดี๋ยวได้รู้ดีกันแน่” หยานหวูซวงพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม

“ไม่ใช่แค่นั้นนะครับคุณชาย แต่พวกมันยังมีอาวุธหนักเอาไว้สำหรับเล่นงานพวกเราโดยเฉพาะอีกด้วย” อี้เสี่ยวซูว่า

หยานหวูซวงยังคงไม่เห็นถึงความสำคัญ “ประเทศเล็ก ๆ อย่างเวียดนามจะมีปัญญาหาอาวุธหนักมาได้ยังไง?”

“ไม่ใช่ของพวกเขา แต่เป็นของพวกชาวยุโรปต่างหาก”

หยานหวูซวงยิ่งโกรธแค้นหนักกว่าเก่า คำรามออกมา “ไอ้พวกสุนัขรับใช้”

“ผมล่ะอยากให้จอมมารฉู่ชวิ๋นมาที่นี่จริง ๆ เลยครับ เขาจะได้นำทางพาพวกเราเข้าไปในเวียดนาม” ชายร่างใหญ่เป็นคนพูดขึ้นมา

หยานหวูซวงหันไปมองทางฉู่ชวิ๋นโดยไม่รู้ตัว

“มีเรื่องเล่ากันว่าสมัยก่อนมีกลุ่มกองพันหมาป่าทองคำ ปล้นเครื่องบินลำหนึ่งของสายการบินจีนหลบซ่อนตัวอยู่ในเวียดนาม แต่ก็ได้จอมมารฉู่ชวิ๋นนี่แหละครับเข้ามาช่วยเหลือทุกคน เขาตัวคนเดียวฆ่าพวกมันทิ้งไม่เหลือซาก จอมมารฉู่ชวิ๋นนี่แหละเป็นคนจริงที่สุดแล้ว” ชายร่างใหญ่อธิบาย

“ผมไม่รู้นะว่าจอมมารฉู่ชวิ๋นจะมาที่นี่ด้วยหรือเปล่า แต่ถ้าเขามามันก็จะยอดเยี่ยมไปเลย ไม่ว่าจะเป็นพวกยุโรปหรือว่าพวกเวียดนาม ต่อให้แข็งแกร่งขนาดไหน ก็เทียบไม่ได้กับฝีมือของนายท่านฉู่ชวิ๋นอย่างแน่นอน พวกมันทุกคนต้องตายกันหมดแน่ ฮ่าๆ…”

“จอมมารฉู่ชวิ๋นชอบทำอะไรลึกลับเสมอ บางทีเขาอาจจะมาแล้วก็ได้นะ”

การที่เห็นทุกคนสรรเสริญฉู่ชวิ๋น ทำให้หยานหวูซวงโมโหขึ้นมา “จอมมารฉู่ชวิ๋นมันเป็นคนอันตราย หยาบคาย สันดานเสีย ชอบทิ้งคนอื่นไว้กลางทาง แถมขโมยของคนอื่นเป็นว่าเล่น มีดีอะไรให้ทุกคนชื่นชมกันแบบนี้!” เขาตะโกนออกมาอย่างจริงจัง

ฉู่ชวิ๋นปากกระตุก เกือบเผลอตัวกระโดดถีบหยานหวูซวงเข้าให้แล้ว ไอ้หมอนี่มันตั้งใจด่าเขาชัด ๆ

อี้เสี่ยวซูเห็นว่าหยานหวูซวงมีอาการไม่ชอบหน้าฉู่ชวิ๋น จึงได้ไต่ถามด้วยความสงสัย “คุณชายหยานกับนายท่านฉู่ชวิ๋นไม่ถูกกันเหรอครับ?”

หยานหวูซวงพยักหน้าตอบ “เจ้าหมอนั่นมันเคยขโมยดอกบัวจิตวิญญาณของผมไปขโมยซะหมดบ่อเลยด้วยนะ เท่านั้นยังไม่พอ มันยังมาขโมยไม้ไผ่จิตวิญญาณของผมไปด้วย”

ห๊ะ!

ทุกคนได้แต่ตกตะลึงไม่อยากเชื่อ

“คุยกันไปก่อนนะครับ ผมขอตัวไปพักผ่อนก่อนดีกว่า” ฉู่ชวิ๋นอำลาทุกคนและเดินออกมาจากกระท่อม ไม่เปิดโอกาสให้หยานหวูซวงได้หลอกด่าเขาอีก ถางโร้วก็อำลาทุกคนและติดตามชายหนุ่มไป

หยานหวูซวงกระแอมไอ พูดเสียงดังขึ้นเหมือนกลัวฉู่ชวิ๋นจะไม่ได้ยิน

“จอมมารฉู่ชวิ๋นมันก็เป็นแค่ไอ้หัวขโมยคนนึงเท่านั้น เชื่อผมเถอะทุกคน!”

ทุกคนไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงดี? ถ้าสิ่งที่หยานหวูซวงพูดมาเป็นความจริงก็ไม่แปลกใจเลยที่คุณชายหนุ่มจะเกลียดชังจอมมารฉู่ชวิ๋นมากขนาดนี้

จังหวะนั้น ฉู่ชวิ๋นก็เปิดประตูและยื่นหน้ากลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับพูดว่า “น้องหยาน นายอย่าพูดอะไรอีกเลยดีกว่านะ ประเดี๋ยวจอมมารฉู่ชวิ๋นมาได้ยินเข้า ระวังของในห้องเก็บสมบัติบ้านนายจะหายเกลี้ยง”

“…” หยานหวูซวงพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว เขารู้ดีว่าคนอย่างฉู่ชวิ๋นสามารถทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น

หยานหวูซวงเงียบไปในพริบตา เพราะกลัวว่าฉู่ชวิ๋นจะไปขโมยของในห้องเก็บสมบัติที่บ้านของเขาตามที่พูดจริง ๆ

พักผ่อนกันอยู่สองวันเต็ม มังกรดำก็ยังไม่ปรากฏตัว

หยานหวูซวงเริ่มรู้สึกอยู่ไม่เป็นสุข

ข่าวมังกรดำยังไม่มี แต่มีข่าวของพวกจอมยุทธ์จากยุโรปปรากฏตัวขึ้นบริเวณชายแดนระหว่างจีนกับเวียดนามแล้วพวกมันก็ยังส่งคำท้าดวลมาให้กลุ่มจอมยุทธ์จีนอีกด้วย

“พวกเราออกไปดูกันเถอะ” อี้เสี่ยวซูอดทนไม่ไหว

หลังจากพูดคุยกันเสร็จแล้ว ทุกคนก็รีบตรงไปที่เขตชายแดน

จากที่ไกลตา พวกเขาพบกลุ่มจอมยุทธ์รวมตัวกันอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ ทั้งหมดล้วนเป็นกลุ่มคนจีน

แต่ทางฝั่งเขตแดนของเวียดนาม เต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นชาวยุโรป คนพวกนั้นมองข้ามมาทางพวกเขาด้วยสายตาดูถูกดูแคลน

“พวกจอมยุทธ์จีนหน้าตาเหมือนลิงเลยว่ะ ฮ่า ๆ…” ผู้ใช้วิชาจากยุโรปคนหนึ่งซึ่งมีร่างกายสูงใหญ่ผิดปกติ สะพายดาบทองคำเล่มใหญ่ ระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความสะใจ

จากบทสนทนาของคนที่อยู่รอบตัวชายผู้นั้น ฉู่ชวิ๋นได้รู้ว่าชายผู้นั้นมีนามว่า ฮอฟมัน เป็นทายาทของเจ้าวิหารดวงตะวันจากยุโรป มีความสามารถพิเศษคือสามารถใช้พลังจากแสงอาทิตย์ได้

กลุ่มจอมยุทธ์ชาวจีนได้แต่หันมองหน้ากันด้วยความโกรธแค้น

“ฮ่า ๆ ใครเก่งจริงก็ออกมาสู้กับฉัน” ฮอฟมัน ประกาศคำท้าดวลในขณะที่เดินมาหยุดยืนอยู่ตรงเขตชายแดน

แต่กลับไม่มีจอมยุทธ์จีนคนไหนตอบรับออกไปเลย

ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่า พวกเขาเข้าใจว่าเดียวก็มีคนอื่นจะอาสาออกไป ที่สำคัญก็คือ ทีมล่ามังกรส่วนใหญ่มาที่นี่เพื่อตักตวงผลประโยชน์ และพยายามจะสร้างผลงานให้เตะตาบรรดาสำนักที่คอยหนุนหลังอยู่ ไม่มีใครอยากจะเสี่ยงชีวิตโดยไม่จำเป็น

ฮอฟมัน เห็นแบบนี้ก็ยิ่งได้ใจมากกว่าเก่า หัวเราะเยาะออกมา “มีแต่พวกขี้ขลาดตาขาวทั้งนั้น ที่แท้ก็เก่งกันแต่หลังคีย์บอร์ดนี่หว่า”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) 336 ท้าดวล

Now you are reading จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) Chapter 336 ท้าดวล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 336 ท้าดวล

อี้เสี่ยวซูมองหน้าพวกของฉู่ชวิ๋นทั้งสามคน

รอบตัวของอี้เสี่ยวซูมีบริวารอยู่สิบกว่าคน ทุกคนต่างก็เป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 3 ถึงระดับ 4 ทั้งสิ้น

“ก่อนอื่น ขอต้อนรับสู่สมาคมนักล่ามังกรของพวกเรา แต่ฉันคงต้องเสียมารยาทถามสักหน่อย ในเมื่อมังกรมีความแข็งแกร่งขนาดนี้ พวกเราจึงจำเป็นต้องรับสมาชิกที่มีพลังระดับจักรพรรดิขึ้นไปเท่านั้น” อี้เสี่ยวซูพูดอย่างตรงไปตรงมา

ที่ถามออกไปเช่นนั้นก็เพราะเขาสัมผัสไม่ได้ถึงพลังจากตัวของฉู่ชวิ๋นกับถางโร้วเลย มีแต่หยานหวูซวงเท่านั้นที่ลมปราณแข็งแกร่งจนน่ากลัว

“ฉันคงต้องรบกวนให้พวกคุณแนะนำตัวเองกันสักหน่อย พวกเราจะได้รู้จักกันและกันเอาไว้” อี้เสี่ยวซูพูด

“เดี๋ยวฉันทดสอบให้เอง” จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 4 คนหนึ่งก้าวออกมาข้างหน้า เขามีร่างกายใหญ่ยักษ์สูงกว่า 2 เมตร ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่า อวดมัดกล้ามเนื้อบนลำตัวที่เป็นประกายมันปลาบ

หยานหวูซวงขมวดคิ้วด้วยความดูถูก ขยับออกไปข้างหน้าสองก้าวและพูดด้วยความหยิ่งทะนง “ครึ่งกระบวนท่าก็พอแล้ว”

ไม่มีใครเข้าใจว่าครึ่งกระบวนท่าหมายความว่าอะไร?

ชายหนุ่มร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามเริ่มโคจรพลังลมปราณ แล้วซัดออกมา

ตู้ม!

พลังลมปราณสายหนึ่งพุ่งออกมาจากฝ่ามือของหยานหวูซวง ซัดใส่ร่างของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 4 คนนั้นลอยกระเด็นออกไปไกล

ทุกคนตกตะลึง แม้แต่สายตาของอี้เสี่ยวซูที่จ้องมองหยานหวูซวงก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง

“บอกความจริงให้ก็ได้ครับ ผมอยู่ขั้นจักรพรรดิระดับ 7 เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่ต้องปิดบังอะไร” หยานหวูซวงพูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ

“แล้วสองคนนี้ล่ะ?” อี้เสี่ยวซูหันไปมองฉู่ชวิ๋นกับถางโร้ว

“เขาอยู่ระดับ 4” หยานหวูซวงยกมือชี้ไปทางฉู่ชวิ๋น ข้อมูลเหล่านี้พวกเขานัดแนะกันมาก่อนแล้ว หลังจากนั้น เขาก็ชี้มือไปทางถางโร้ว “ส่วนเธออยู่ระดับ 2”

“ขอต้อนรับสู่สมาคมนักล่ามังกรอย่างเป็นทางการ” อี้เสี่ยวซูพูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ ไม่คาดฝันเลยว่าจะได้จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 7 มาร่วมทีม

เนื่องจากเปรียบเทียบกับทีมอื่น สมาคมนักล่ามังกรของเขามีฝีมืออ่อนด้อยมากที่สุด แต่ในตอนนี้เมื่อมีหยานหวูซวงเข้ามาร่วมด้วยก็สามารถแข่งขันกับทีมอื่นได้สบายแล้ว

“ขอแนะนำตัว ฉันหัวหน้าทีมชื่ออี้เสี่ยวซู”

หยานหวูซวงแนะนำตัวเองว่า “ผมหยานหวูซวง”

“ฉันหลิวเทียนเหอ” ฉู่ชวิ๋นตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย

“ฉันถางโร้วคะ” เธอคาดผ้าคลุมใบหน้า แต่น้ำเสียงที่อ่อนหวานไพเราะ ทำให้ใครหลายคนอยากจะเห็นหน้าเธอยิ่งนัก

“จากนี้ไปพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว” อี้เสี่ยวซูพูดพร้อมยิ้มกว้าง ในขณะเดียวกันเขาก็หยิบหญ้าจิตวิญญาณออกมา 15 กำมือแล้วบอกว่า “นี่คือรางวัลสำหรับพวกคุณ”

หยานหวูซวงไม่ได้รับมา เขาตอบกลับไปว่า “ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อหญ้าจิตวิญญาณ เอาไปให้คนอื่นเถอะครับ”

อี้เสี่ยวซูตะลึงงัน เหมือนเพิ่งเคยพบเจอคนแรกนี่แหละที่ไม่ต้องการหญ้าจิตวิญญาณ

หยานหวูซวงกล่าวต่อ “ของพวกนี้ผมมีเหลือกินเหลือใช้ ผมมาที่นี่เพื่อฆ่ามังกรและมันคงจะดีกว่านั้นถ้าพวกเราได้ฆ่าไอ้พวกฝรั่งตาน้ำข้าวด้วยกัน!”

ตอนแรก อี้เสี่ยวซูคิดว่าหยานหวูซวงอาจจะมีเจตนาแอบแฝง แต่เมื่อได้ยินเหตุผลข้อนี้ เขาก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

การที่จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 7 จะไม่สนใจหญ้าจิตวิญญาณ ถือว่าไม่ใช่เรื่องผิดปกติเท่าไร

“นับแต่นี้ไป คุณหยานจะเป็นรองหัวหน้าทีมของพวกเรา” อี้เสี่ยวซูประกาศกร้าว

หยานหวูซวงแสดงให้เห็นแล้วว่ามีฝีมือแข็งแกร่งขนาดไหน การมีจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 7 เป็นรองหัวหน้าทีม ทำให้ทุกคนรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง

ทุกคนเดินเข้ามาทักทายกันและกัน

ชื่อของสมาชิกในทีมมีมากมายจนหยานหวูซวงจำไม่ได้เลยสักคน

“คุณทั้งสามคนคงเหนื่อยแล้ว ยังคงมีห้องว่างสามห้องอยู่ทางด้านหลัง เชิญเข้าไปพักผ่อนได้ตามอัธยาศัย” อี้เสี่ยวซูพูดอย่างรู้สึกอับอายเล็กน้อย

ที่นี่เป็นทุ่งหญ้าขนาดไม่ใหญ่ กระท่อมน้อยหนึ่งหลังจะสามารถเข้าพักได้แค่เพียง 2 ถึง 3 คน พอให้ใช้หลบแดดหลบฝนได้เท่านั้น

ในทุ่งหญ้าแห่งนี้เต็มไปด้วยกระท่อมไม้หลังน้อย นับดูแล้วไม่เกิน 20 หลัง ถือว่าเป็นที่พักอันสุดแสนจะน่าอนาถใจมากสำหรับจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 7

“จะคิดมากทำไมครับ? จอมยุทธ์อย่างพวกเราหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินมันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ให้นอนกลางดินกินกลางทรายก็ไม่เห็นเป็นอะไรสักหน่อยนี่?” หยานหวูซวงพูดอย่างไม่ค่อยสนใจอะไร

ฉู่ชวิ๋นหันไปส่งสัญญาณให้กับหยานหวูซวง

หยานหวูซวงรับลูกต่อทันทีว่า “พี่อี้ ผมมีอะไรจะถามหน่อย คุณช่วยตอบผมได้ไหม”

“ถามมาเลย” อี้เสี่ยวซูตอบ

“เมื่อกี้ตอนที่ผมเดินหาที่ตั้งสมาคมของพวกเรา ผมเผลอเดินหลงเข้าไปในเขตของทีมอื่น แต่พวกเขาไม่ต้อนรับเราเลย ในเมื่อพวกเรามาที่นี่ก็เพื่อฆ่ามังกรตัวนั้น ไม่เห็นต้องแบ่งพรรคแบ่งพวกกันก็ได้ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะครับ?”

เมื่อได้ยินดังนี้ อี้เสี่ยวซูก็ยิ้มออกมาด้วยความขมขื่น ตอบว่า “คุณชายหยานไม่รู้อะไรเสียแล้ว ทีมล่ามังกรพวกนั้นมีกลุ่มสำนักจอมยุทธ์หนุนหลังอยู่ทั้งสิ้น”

“หมายความว่าพวกเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อฆ่ามังกร แต่มาที่นี่เพื่อตักตวงผลประโยชน์งั้นหรือ?”

อี้เสี่ยวซูพยักหน้า

หยานหวูซวงหันไปมองหน้าอี้เสี่ยวซู และพูดว่า “แล้วพี่อี้ล่ะครับ? มีสำนักไหนหนุนหลังหรือเปล่า?”

อี้เสี่ยวซูมีสีหน้าเศร้าหมองเล็กน้อย ก่อนที่จะกลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง “ฉันไม่มีสำนักไหนหนุนหลังทั้งนั้น พวกเราต่างมาเพื่อจุดหมายเดียวกัน ฉันทนเห็นทหารหลายพันคนถูกฆ่าตาย แล้วให้พวกต่างชาติมาเยาะเย้ยพวกเราแบบนี้ไม่ได้!”

หยานหวูซวงไม่อยากเชื่อ โลกนี้จะมีคนดีเช่นนี้อยู่ด้วยเหรอ?

อี้เสี่ยวซูเข้าใจว่าหยานหวูซวงกำลังคิดอะไรอยู่ จึงขยายความต่อว่า “คุณชายหยาน คุณอาจไม่เชื่อฉัน แต่ทุกคนที่อยู่ในทีมของฉันต่างก็มีจิตใจบริสุทธิ์และเป็นคนดี พวกเขาก็ไม่เอาค่าจ้างเช่นกัน คุณชายหยานเห็นไหมล่ะว่าไม่มีใครพกหญ้าจิตวิญญาณติดตัวเลย คุณเองก็ไม่ต้องการมัน พวกเขาก็ไม่ต้องการเช่นกัน ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นเล่า?”

หยานหวูซวงหันไปมองรอบกายด้วยความประหลาดใจ

ขณะนี้ ชายหนุ่มร่างใหญ่ที่ถูกหยานหวูซวงซัดพลังใส่จนลอยกระเด็นไป เดินยิ้มเข้ามาหาแล้วพูดว่า “ถึงฝีมือของผมจะยังต่ำต้อย แต่ผมก็รู้ตัวว่าผมคือคนจีน ถ้ามังกรฆ่าเพื่อนร่วมชาติของผม ต่อให้ต้องตายผมก็ต้องล้างแค้นหนี้เลือดครั้งนี้ให้ได้”

“รองหัวหน้าหยาน อย่าคิดว่าจอมยุทธ์ทุกคนต้องหน้าเงินหมดสิครับ ผมเองก็อยากได้หญ้าจิตวิญญาณใจจะขาด แต่ผมก็ยังรู้ผิดชอบชั่วดีเหมือนกัน” จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 3 คนหนึ่งพูดออกมา

“ผมไม่ต้องการอะไรเลย ผมมาทำงานนี้ฟรี ๆ เพราะผมทนไม่ได้ที่ไอ้ฝรั่งขี้นกพวกนั้นมันหัวเราะเยาะพวกเรา แต่ถ้าผมเข้าร่วมกับทีมอื่น สุดท้ายผมก็ต้องกลายเป็นสุนัขรับใช้พวกคิดจะหวังประโยชน์อยู่ดี แล้วแบบนี้จะนับว่ามาเพื่อชาติได้ยังไง”

ฉู่ชวิ๋นแอบพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ดูเหมือนว่าคนกลุ่มนี้จะเป็นคนดีที่จิตใจบริสุทธิ์ที่สุดในโลกจริง ๆ

หยานหวูซวงเองก็ตกตะลึงไม่น้อย หลังจากได้ยินที่ทุกคนพูด เขาก็สูดหายใจลึก ชูกำปั้นพูดปลุกใจทุกคนว่า “ทุกคนครับ นับจากวันนี้ไป ผมคือสหายของพวกคุณ พวกเรามาร่วมมือกัน และทำให้พวกมันได้รู้กันเถอะว่าอย่ามาดูถูกคนจีนเด็ดขาด!”

“ดีมาก!” อี้เสี่ยวซูเป็นผู้นำทีมส่งเสียงร้องตะโกนด้วยความสะใจ

ทุกคนพร้อมใจกันประสานเสียงด้วยความคึกคัก พวกฉู่ชวิ๋นจึงสามารถสนิทสนมกับเพื่อนร่วมทีมได้อย่างรวดเร็ว

“พี่อี้ ถ้าอย่างนั้นพวกเรามัวรออะไรอยู่? ออกไปฆ่ามังกรกันตอนนี้เลยดีกว่า” หยานหวูซวงพูดด้วยความคันไม้คันมือ

อี้เสี่ยวซูยิ้มก่อนตอบ “ไม่ต้องห่วงหรอกครับคุณชายหยาน มังกรดำมันเจ้าเล่ห์ ตอนนี้หนีไปซ่อนตัวอยู่ในภูเขาฝั่งเวียดนาม นาน ๆ ทีถึงจะมีคนเจอตัวสักครั้งเท่านั้น”

“เวียดนาม?” หยานหวูซวงไม่เคยสนใจประเทศเวียดนามมาก่อน เลยพูดออกมา “ช่างมันสิ พวกเราก็บุกเข้าไปหาตัวมังกรแล้วก็ฆ่ามันซะ!”

อี้เสี่ยวซูระเบิดเสียงหัวเราะ จ้องมองหยานหวูซวงด้วยความสนใจ ก่อนที่จะอธิบายว่า “เป็นไปไม่ได้หรอกครับ มีพวกจอมยุทธ์อยู่ในเวียดนามมากเกินไป แถมส่วนใหญ่มาจากทางฝั่งยุโรปทั้งนั้น ตอนนี้พวกมันไปซ่อนตัวอยู่ในเวียดนามกันหมด พวกเราไม่ชำนาญพื้นที่ในเวียดนาม เข้าไปก็มีแต่อันตรายเปล่า ๆ”

“ไม่ว่าจะเป็นจอมยุทธ์ของเวียดนาม หรือจอมเวทจากยุโรป รอให้เจอผมก่อนเถอะเดี๋ยวได้รู้ดีกันแน่” หยานหวูซวงพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม

“ไม่ใช่แค่นั้นนะครับคุณชาย แต่พวกมันยังมีอาวุธหนักเอาไว้สำหรับเล่นงานพวกเราโดยเฉพาะอีกด้วย” อี้เสี่ยวซูว่า

หยานหวูซวงยังคงไม่เห็นถึงความสำคัญ “ประเทศเล็ก ๆ อย่างเวียดนามจะมีปัญญาหาอาวุธหนักมาได้ยังไง?”

“ไม่ใช่ของพวกเขา แต่เป็นของพวกชาวยุโรปต่างหาก”

หยานหวูซวงยิ่งโกรธแค้นหนักกว่าเก่า คำรามออกมา “ไอ้พวกสุนัขรับใช้”

“ผมล่ะอยากให้จอมมารฉู่ชวิ๋นมาที่นี่จริง ๆ เลยครับ เขาจะได้นำทางพาพวกเราเข้าไปในเวียดนาม” ชายร่างใหญ่เป็นคนพูดขึ้นมา

หยานหวูซวงหันไปมองทางฉู่ชวิ๋นโดยไม่รู้ตัว

“มีเรื่องเล่ากันว่าสมัยก่อนมีกลุ่มกองพันหมาป่าทองคำ ปล้นเครื่องบินลำหนึ่งของสายการบินจีนหลบซ่อนตัวอยู่ในเวียดนาม แต่ก็ได้จอมมารฉู่ชวิ๋นนี่แหละครับเข้ามาช่วยเหลือทุกคน เขาตัวคนเดียวฆ่าพวกมันทิ้งไม่เหลือซาก จอมมารฉู่ชวิ๋นนี่แหละเป็นคนจริงที่สุดแล้ว” ชายร่างใหญ่อธิบาย

“ผมไม่รู้นะว่าจอมมารฉู่ชวิ๋นจะมาที่นี่ด้วยหรือเปล่า แต่ถ้าเขามามันก็จะยอดเยี่ยมไปเลย ไม่ว่าจะเป็นพวกยุโรปหรือว่าพวกเวียดนาม ต่อให้แข็งแกร่งขนาดไหน ก็เทียบไม่ได้กับฝีมือของนายท่านฉู่ชวิ๋นอย่างแน่นอน พวกมันทุกคนต้องตายกันหมดแน่ ฮ่าๆ…”

“จอมมารฉู่ชวิ๋นชอบทำอะไรลึกลับเสมอ บางทีเขาอาจจะมาแล้วก็ได้นะ”

การที่เห็นทุกคนสรรเสริญฉู่ชวิ๋น ทำให้หยานหวูซวงโมโหขึ้นมา “จอมมารฉู่ชวิ๋นมันเป็นคนอันตราย หยาบคาย สันดานเสีย ชอบทิ้งคนอื่นไว้กลางทาง แถมขโมยของคนอื่นเป็นว่าเล่น มีดีอะไรให้ทุกคนชื่นชมกันแบบนี้!” เขาตะโกนออกมาอย่างจริงจัง

ฉู่ชวิ๋นปากกระตุก เกือบเผลอตัวกระโดดถีบหยานหวูซวงเข้าให้แล้ว ไอ้หมอนี่มันตั้งใจด่าเขาชัด ๆ

อี้เสี่ยวซูเห็นว่าหยานหวูซวงมีอาการไม่ชอบหน้าฉู่ชวิ๋น จึงได้ไต่ถามด้วยความสงสัย “คุณชายหยานกับนายท่านฉู่ชวิ๋นไม่ถูกกันเหรอครับ?”

หยานหวูซวงพยักหน้าตอบ “เจ้าหมอนั่นมันเคยขโมยดอกบัวจิตวิญญาณของผมไปขโมยซะหมดบ่อเลยด้วยนะ เท่านั้นยังไม่พอ มันยังมาขโมยไม้ไผ่จิตวิญญาณของผมไปด้วย”

ห๊ะ!

ทุกคนได้แต่ตกตะลึงไม่อยากเชื่อ

“คุยกันไปก่อนนะครับ ผมขอตัวไปพักผ่อนก่อนดีกว่า” ฉู่ชวิ๋นอำลาทุกคนและเดินออกมาจากกระท่อม ไม่เปิดโอกาสให้หยานหวูซวงได้หลอกด่าเขาอีก ถางโร้วก็อำลาทุกคนและติดตามชายหนุ่มไป

หยานหวูซวงกระแอมไอ พูดเสียงดังขึ้นเหมือนกลัวฉู่ชวิ๋นจะไม่ได้ยิน

“จอมมารฉู่ชวิ๋นมันก็เป็นแค่ไอ้หัวขโมยคนนึงเท่านั้น เชื่อผมเถอะทุกคน!”

ทุกคนไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงดี? ถ้าสิ่งที่หยานหวูซวงพูดมาเป็นความจริงก็ไม่แปลกใจเลยที่คุณชายหนุ่มจะเกลียดชังจอมมารฉู่ชวิ๋นมากขนาดนี้

จังหวะนั้น ฉู่ชวิ๋นก็เปิดประตูและยื่นหน้ากลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับพูดว่า “น้องหยาน นายอย่าพูดอะไรอีกเลยดีกว่านะ ประเดี๋ยวจอมมารฉู่ชวิ๋นมาได้ยินเข้า ระวังของในห้องเก็บสมบัติบ้านนายจะหายเกลี้ยง”

“…” หยานหวูซวงพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว เขารู้ดีว่าคนอย่างฉู่ชวิ๋นสามารถทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น

หยานหวูซวงเงียบไปในพริบตา เพราะกลัวว่าฉู่ชวิ๋นจะไปขโมยของในห้องเก็บสมบัติที่บ้านของเขาตามที่พูดจริง ๆ

พักผ่อนกันอยู่สองวันเต็ม มังกรดำก็ยังไม่ปรากฏตัว

หยานหวูซวงเริ่มรู้สึกอยู่ไม่เป็นสุข

ข่าวมังกรดำยังไม่มี แต่มีข่าวของพวกจอมยุทธ์จากยุโรปปรากฏตัวขึ้นบริเวณชายแดนระหว่างจีนกับเวียดนามแล้วพวกมันก็ยังส่งคำท้าดวลมาให้กลุ่มจอมยุทธ์จีนอีกด้วย

“พวกเราออกไปดูกันเถอะ” อี้เสี่ยวซูอดทนไม่ไหว

หลังจากพูดคุยกันเสร็จแล้ว ทุกคนก็รีบตรงไปที่เขตชายแดน

จากที่ไกลตา พวกเขาพบกลุ่มจอมยุทธ์รวมตัวกันอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ ทั้งหมดล้วนเป็นกลุ่มคนจีน

แต่ทางฝั่งเขตแดนของเวียดนาม เต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นชาวยุโรป คนพวกนั้นมองข้ามมาทางพวกเขาด้วยสายตาดูถูกดูแคลน

“พวกจอมยุทธ์จีนหน้าตาเหมือนลิงเลยว่ะ ฮ่า ๆ…” ผู้ใช้วิชาจากยุโรปคนหนึ่งซึ่งมีร่างกายสูงใหญ่ผิดปกติ สะพายดาบทองคำเล่มใหญ่ ระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความสะใจ

จากบทสนทนาของคนที่อยู่รอบตัวชายผู้นั้น ฉู่ชวิ๋นได้รู้ว่าชายผู้นั้นมีนามว่า ฮอฟมัน เป็นทายาทของเจ้าวิหารดวงตะวันจากยุโรป มีความสามารถพิเศษคือสามารถใช้พลังจากแสงอาทิตย์ได้

กลุ่มจอมยุทธ์ชาวจีนได้แต่หันมองหน้ากันด้วยความโกรธแค้น

“ฮ่า ๆ ใครเก่งจริงก็ออกมาสู้กับฉัน” ฮอฟมัน ประกาศคำท้าดวลในขณะที่เดินมาหยุดยืนอยู่ตรงเขตชายแดน

แต่กลับไม่มีจอมยุทธ์จีนคนไหนตอบรับออกไปเลย

ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่า พวกเขาเข้าใจว่าเดียวก็มีคนอื่นจะอาสาออกไป ที่สำคัญก็คือ ทีมล่ามังกรส่วนใหญ่มาที่นี่เพื่อตักตวงผลประโยชน์ และพยายามจะสร้างผลงานให้เตะตาบรรดาสำนักที่คอยหนุนหลังอยู่ ไม่มีใครอยากจะเสี่ยงชีวิตโดยไม่จำเป็น

ฮอฟมัน เห็นแบบนี้ก็ยิ่งได้ใจมากกว่าเก่า หัวเราะเยาะออกมา “มีแต่พวกขี้ขลาดตาขาวทั้งนั้น ที่แท้ก็เก่งกันแต่หลังคีย์บอร์ดนี่หว่า”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+