จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) 287 สาดน้ำเสีย

Now you are reading จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) Chapter 287 สาดน้ำเสีย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 287 สาดน้ำเสีย

เฉิงเฉวียนตื่นกลัว ชายชุดดำที่ทำร้ายเขาแข็งแกร่งเกินไป เขารับมือไม่ได้เลยแม้แต่กระบวนท่าเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่นเลย พวกเขาทุกคนได้แต่รอรับความตายอย่างไร้ทางต่อต้าน ได้แต่โดนสังหารไปทีละคน ๆ

“ประตูวิญญาณสลาย พวกแกหักหลังกันแบบนี้ต่อให้พวกเราต้องตายสวรรค์ก็ต้องลงโทษพวกแกแน่” เฉินเฉวียนตะโกนออกมาด้วยความโมโหและความเสียใจ

“เฮอะ ต่อให้มีสวรรค์จริง ๆ แกก็ไม่ได้เห็นมันหรอก” ชายชุดดำหัวเราะอย่างเย็นชาและฆ่าเฉิงเฉวียนในหมัดเดียว ก่อนที่จะแย่งเอาแหวนมิติมา

ชายชุดดำเดินไปจิ้มนิ้วบนตัวอูหมิงที่พึ่งตายไป

ผ่านไปสักพัก ร่างกายของอูหมิงก็ขยับ ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา

อูหมิงรู้สึกเวียนหัว ผ่านไปครู่ใหญ่เขาถึงนึกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อหันไปมองก็พบว่าเพื่อนร่วมทางของตัวเองตายหมดแล้ว

“นายฟื้นแล้วเหรอ” เสียงแหบแห้งดังขึ้น

อูหมิงสะดุ้งเขาเห็นชายชุดดำทั้ง 2 ยังอยู่ เขาแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว ตัวเองจะลืมตาขึ้นมาทำไมเนี้ย แกล้งตายดีกว่าตั้งเยอะ

แต่จะแกล้งตายตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว เขาคลานขึ้นมาอย่างลุกลี้ลุกลน พูดทั้ง ๆ ที่ปากสั่นฟันแน่น “อย่า…อย่าฆ่าผม ผมเพิ่งจะเข้าร่วมปราสาทเทียนหลงได้ไม่นานเอง”

“ขอเหตุผลสักข้อที่ฉันจะไม่ฆ่านายหน่อย” ชายชุดดำพูดขึ้น

“ผม…ผมเป็นคนตาบอด ผมไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ผมรับรองว่าจะไม่พูดเรื่องในวันนี้ออกไป ผมสาบาน…” อูหมิงกลัวมากจริง ๆ

“เหตุผลเข้าท่า งั้นนายก็มีชีวิตอยู่ต่อไปได้” ชายชุดดำพูดขึ้นอย่างใจเย็น

“หา !” อูหมิงชะงักไป “ง่ายแค่เนี้ย?” เขาเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างบื้อ ๆ

ในขณะนั้นเอง ชายชุดดำก็ดึงผ้าปิดหน้าออก อูหมิงดวงตาเบิดกว้างเท่าไข่ห่าน

“นายท่าน…” อูหมิงเข่าอ่อนร่วงลงไปกองกับพื้นพลางเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก และหัวเราะออกมาด้วยท่าทางโง่งม “นายท่าน คุณทำผมตกใจแทบตาย”

ชายชุดดำทั้ง 2 ไม่ใช่ใครอื่น ฉู่ชวิ๋นและจักรพรรดิยานั่นเอง จิ่วโยวตัวเล็กเกินไป เสี่ยงที่จะโดนจับได้ ฉู่ชวิ๋นจึงให้เธอไปซ่อนตัวก่อน

อูหมิงทั้งตกใจทั้งดีใจ เขาลูบหัวที่โนอยู่ แม้จะเจ็บจนหน้าดูไม่ได้แต่ก็ยิ้มอย่างมีความสุขที่รอดตาย

“นายท่าน ครั้งนี้ถือว่าผมได้ความดีความชอบใช่มั้ย”

ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า “ทำได้ไม่เลว พยายามต่อไป”

“พยายามต่อไป?” อูหมิงทบทวนคำนี้ไปมาก่อนจะเบ้ปาก “นายท่าน คุณจะให้ผมแฝงตัวต่อเหรอ”

ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า

“แต่พวกเขาตายหมดแล้ว ถ้าผมกลับไปแบบนี้จะต้องโดนสงสัยแน่”

อูหมิงส่ายหน้ารัว ๆ และพูดจาออดอ้อน “นายท่าน คุณให้ผมคอยรับใช้อยู่ข้างกายคุณเถอะ”

“เฉินเฉวียนยังไม่ตาย ติงเฉวียนก็ยังไม่ตาย” ฉู่ชวิ๋นเอ่ยขึ้น

อูหมิงตกใจ หันไปมองทั้ง 2 คนก็เห็นว่าไม่มีการขยับตัว จึงถอนหายใจออกมา

“ถ้านายช่วยพวกเขาไว้ ก็จะไม่มีคนสงสัยนายอีก พวกเราต้องรู้ให้ได้ว่าปราสาทเทียนหลงโยกย้ายไปที่ไหน วันที่ปราสาทเทียนหลงถูกล้างบางจะเป็นวันที่นายได้กลับมา” ฉู่ชวิ๋นพูด

อูหมิงรู้ว่าไม่มีทางเลือก เขาได้แต่โศกเศร้าและไม่เต็มใจ

ฉู่ชวิ๋นหยิบยาทลายพลังออกมาและเอ่ยขึ้น “กินยานี่เข้าไป”

อูหมิงตกใจมากจนคุกเข่าลงพรึ่บ ร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล “นายท่าน ผมผิดไปแล้ว จากนี้ไปถ้าคุณให้ผมไปซ้ายผมจะไม่ไปขวาเด็ดขาด ผมรับประกันว่าจะทำตามคำสั่งของคุณ”

ฉู่ชวิ๋นอดขำไม่ได้ “ยานี้จะทำให้นายบรรลุเป็นจักรพรรดิขั้น 2”

“ผม…หา…?” เสียงร้องไห้ของอูหมิงหยุดชะงักงัน พอรู้สึกตัวเขาก็ร่าเริงขึ้นมาที่แท้นี่ไม่ใช่ยาพิษ แต่เป็นของรางวัลสำหรับเขา

“ขอบคุณนายท่าน ๆ…” อารมณ์ของอูหมิงเรียกได้ว่าไม่มีใครเกิน เมื่อกี้ยังร้องไห้โวยวาย พริบตาเดียวก็ออดอ้อนเอาอกเอาใจ

จักรพรรดิยามองอย่างอึ้งทึ่ง คนอย่างเจ้าหมอนี่ไม่ไปเล่นละครถือว่าเสียของจริง ๆ

หลายชั่วโมงต่อมา อูหมิงบรรลุจักรพรรดิมนุษย์ขั้น 2 ได้สำเร็จพร้อมสร้างรากฐานที่มั่นคงด้วยความช่วยเหลือของฉู่ชวิ๋น

“ขอบคุณนายท่าน” เขาดีใจจนหน้าแดงก่ำ ความรู้สึกของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 2 นี่สุดยอดจริง ๆ

ขณะเดียวกันเขาก็ยิ่งนับถือฉู่ชวิ๋นมากขึ้นเรื่อย ๆ สุดยอดจริง ๆ แค่ยาเม็ดเดียวก็ทำให้เขาบรรลุไปอีกขึ้นแล้ว ถ้าต่อไปนี้ขยันทำความดีความชอบ การจะเป็นจักรพรรดิขั้นสูงก็ไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป บางทีอาจได้ไปเยือนดินแดนสวรรค์ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ปากเขาก็แทบจะฉีกไปถึงหู

“เอาล่ะ เรื่องต่อจากนี้ฝากนายด้วย” พูดจบ ฉู่ชวิ๋นก็พาจักรพรรดิยาหายตัวไป

“คารวะนายท่าน” อูหมิงกล่าวอย่างนอบน้อม

จากนั้นสีหน้านอบน้อมของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นลุกลี้ลุกลนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะวิ่งไปเอาเลือดจากตัวคนตายมาป้ายตัวเอง ดูแล้วน่าอนาถเป็นอย่างมาก

เขาวิ่งไปดูติงเฉวียน หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะฟื้นขึ้นมา เขามองไปรอบ ๆ อย่างมีลับลมคมในก่อนจะยืนขึ้นแล้วถอดเข็มขัดออก

“ฉี่ ๆ ๆ ๆ ๆ”

มีน้ำไหลลงมารดใบหน้าของติงเฉวียน

“ไอ้เวรเอ้ย…กล้ารังแกฉันงั้นเหรอ”

ไม่นานสายน้ำก็หยุดลง อูหมิงสบายจนตัวสั่นระริก เป็นครั้งแรกที่แค่ฉี่ยังรู้สึกดีขนาดนี้

จากนั้นเขาก็วิ่งไปดูเฉินเฉวียน ก็พบว่าเฉินเฉวียนยังไม่ตายจริงๆ

“ถุย…จักรพรรดิระดับ 5 แล้วไง เก่งนักเหรอ สุดท้ายก็โดนนายท่านอัดอย่างกับหมาตายซาก แล้วยังต้องให้ฉันมาช่วยอีก กระจอกจริง ๆ”

จากนั้นเขาก็ถ่ายทอดพลังลมปราณเข้าไปในตัวเฉินเฉวียน ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บ

เนิ่นนาน ร่างกายของเฉินเฉวียนขยับเบา ๆ และค่อย ๆ ลืมตาขึ้น

“ผู้อาวุโสเฉิน คุณตื่นแล้ว ดีจริง ๆ ” อูหมิงตื้นตันจนน้ำตาคลอเขาแสดงละครเก่งมากจริง ๆ

เฉินเฉวียนหันไปหันมาแล้วขยับปากด้วยความยากลำบาก “อูหมิง เหรอ”

“ผมเอง ผู้อาวุโสเฉิน คุณรู้สึกยังไงบ้าง”

“นายช่วยฉันไว้เหรอ” เฉินเฉวียนสายตาแปลกไป เขาเห็นอูหมิงโดนหมัดเข้าที่หัวจนตายกับตา ทำไมถึงยังมีชีวิตอยู่

ไม่ทันที่เขาจะถาม อูหมิงก็พูดขึ้นมาก่อน “ผู้อาวุโสเฉิน คุณไม่รู้หรอกว่าเมื่อกี้น่าหวาดกลัวขนาดไหน ผมนึกว่าผมจะตายด้วยหมัดนั้นซะแล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่าผมจะบรรลุระดับ 2 ได้ในตอนนั้นพอดี ทำให้สลบไปเท่านั้น สุดท้ายก็รอดชีวิตมาได้”

เฉินเฉวียนชะงักไปนิดหน่อย เขาสัมผัสได้ถึงลมปราณอันแข็งกร้าวของ

อูหมิงและแอบคิดในใจว่า อูหมิงโชคดีเหมือนขี้นกตกใส่หัวจริง ๆ เขารู้ดีว่าหลังจากที่จอมยุทธ์ทะลวงระดับพลังแล้ว บาดแผลต่าง ๆ จะหายไป เพราะแบบนี้เขาจึงเชื่อคำพูดของอูหมิง

“มีแค่เรา 2 คนที่รอดเหรอ” เฉินเฉวียนพูดอย่างอ่อนแรง

“ผมก็เพิ่งฟื้นเหมือนกัน พอตื่นผมก็รีบมาช่วยผู้อาวุโสเฉิน” อูหมิงพูดขึ้น “คุณพักก่อน เดี๋ยวผมไปดูคนอื่นเอง”

เฉินเฉวียนมองอูหมิงด้วยสายตาปลื้มปริ่ม อูหมิงนี่ซื่อสัตย์จริง ๆ รู้ว่าต้องช่วยเขาก่อนเป็นอันดับแรก

อูหมิงวิ่งไปตรวจดูรอบหนึ่ง จนสุดท้ายไปดูติงเฉวียนก่อนจะร้องตะโกนด้วยความตกใจ “ผู้อาวุโสเฉิน ติงเฉวียนยังไม่ตาย”

พูดจบเขาก็ตบหน้าติงเฉวียน 2-3 ที ติงเฉวียนกระโจนพรึ่บขึ้นมาทำเอา

อูหมิงตกอกตกใจหมด

อูหมิงแอบหวั่นใจ หรือติงเฉวียนจะรู้เรื่องที่เขาฉี่รดหน้ามันแล้ว !

“อูหมิง?” ติงเฉวียนส่ายหัวไปมาด้วยความมึนหัว

“นายฟื้นแล้วเหรอ” อูหมิงทำสีหน้าเป็นห่วง เพราะเขากังวลว่าอีกฝ่ายจะรู้เรื่องที่เขาฉี่ใส่หน้า

“ทำไมแกยังมีชีวิตอยู่” ติงเฉวียนถามอย่างจริงจัง

อูหมิงเบาใจลง ดูเหมือนติงเฉวียนจะไม่รู้เรื่องที่เขาฉี่ใส่หน้า จึงตีหน้าเข้มและตอบอย่างเกรี้ยวกราด “นายหมายความว่ายังไง อยากให้พวกเราตายกันหมดหรือไง ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมนายไม่มีบาดแผลอะไรเลย”

อูหมิงสาดน้ำเสีย* ใส่เขาทันที (ใส่ร้ายป้ายสี)

และก็ตามนั้น สายตาของเฉินเฉวียนที่มองติงเฉวียนกลายเป็นความสงสัย

“พวกนาย 2 คนเลิกทะเลาะกันได้แล้ว นี่ไม่ใช่เวลามาทะเลาะกัน ไปจากที่นี่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน” เฉิงเฉวียนพูดอย่างอิดโรย เขาบาดเจ็บหนักมากอวัยวะภายในเคลื่อนที่ไปหมด

“ผู้อาวุโสเฉิน” ติงเฉวียนตกใจมาก เขาเพิ่งเห็นว่าเฉินเฉวียนยังมีชีวิตอยู่ ก่อนหน้านี้เขาเพ่งความสนใจไปที่อูหมิง ไม่ทันได้สังเกตเฉินเฉวียน

เฉินเฉวียนมองติงเฉวียนอย่างเย็นชา “ฉันยังไม่ตาย”

ติงเฉวียนไม่ได้สังเกตว่าน้ำเสียงของเฉิงเฉวียนแปลกไป เขาก้าวออกมา

“ผู้อาวุโสเฉิน เดี๋ยวผมแบกคุณเอง”

“ไม่ต้องหรอก ให้อูหมิงทำ นายคอยเฝ้าระวังดีกว่า”

ติงเฉวียนไม่คิดมากอะไร ในความคิดของเขา วิทยายุทธของเขาสูงกว่า

อูหมิง ให้อูหมิงเป็นแรงงานก็สมควรแล้ว

แต่เขาไม่รู้ว่าคำพูดของอูหมิงทำให้เฉินเฉวียนสงสัยในตัวเขา เฉินเฉวียนเลยกลัวว่าติงเฉวียนจะแอบลงมือทำอะไรระหว่างทาง

อูหมิงเห็นแบบนี้ก็แอบดีใจ สาดน้ำเสีย* สำเร็จ ! เขาแบกเฉินเฉวียนขึ้นหลัง แล้วทั้ง 3 คนก็มุ่งหน้าไปทางเมืองตงหลิง

….

….

ณ ภูเขาลูกหนึ่ง ฉู่ชวิ๋นหยิบแหวนมิติที่ตัวเองชิงได้มาดูและสอดส่องของด้านใน

พอมองไปแล้วแม้แต่เขายังต้องอึ้งก่อนจะเจ็บใจกับตัวเอง เพราะเยอะขนาดนี้ยังแค่ 1 ใน 4 เท่านั้น !

ปราสาทเทียนหลงสืบทอดกันมาหลายพันปี สมบัติมากจนน่าตกใจ แค่ในแหวนมิติวงนี้มีสมุนไพรยาวิเศษมากกว่า 500 ต้น ผลไม้วิเศษอีกหลายร้อยลูก และยังมีแก้วแหวนเงินทองอีกนับไม่ถ้วน แถมยังมีของวิเศษลึกลับอีก 3 อย่าง

ฉู่ชวิ๋นแอบตั้งมั่นว่าจะต้องเอาอีก 3 ส่วนที่เหลือมาให้ได้

มีของพวกนี้ คนรอบข้างเขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นแน่ ๆ

จิ่วโยวขยับตัวเข้ามาและยื่นมือขาวนุ่มนิ่มออกมาอย่างไม่เกรงใจ

ฉู่ชวิ๋นเองก็ไม่ขี้งก เขายื่นผลไม้วิเศษเปล่งประกายระยิบระยับหลายลูกให้เธอ แล้วก็ให้จักรพรรดิยาไปอีกหลายลูก ทั้ง 3 คนกินผลไม้วิเศษด้วยความสิ้นเปลืองอย่างกับว่ามันเป็นผลไม้ธรรมดา ๆ

ทั้ง 3 คนไม่รีบที่จะเดินทาง ฉู่ชวิ๋นตั้งค่ายกลและทั้ง 3 นั่งฝึกฝนเสียตรงนั้นเลย

จนกระทั่งแสงแดดของเช้าวันที่ 2 สาดส่องลงมาทั้ง 3 ถึงพากันตื่นขึ้นพลังลมปราณในร่างเองก็แข็งแกร่งขึ้นมาก

“ท่านเจ้าวัง หลังจากนี้พวกเราจะไปไหน” จักรพรรดิยาถามอย่างสงสัย

“กลับภูเขาเฉียนหลง” เขาไม่ได้พบหน้าพ่อแม่นานแล้ว เขาอยากต้องกลับไปสักหน่อย

“ท่านเจ้าวัง งั้นผมขอกลับวังมังกรเพลิงก่อนนะ” จักรพรรดิยาขออนุญาต

ฉู่ชวิ๋นมองอีกฝ่ายอย่างขำขัน ไม่พูดไม่แปลว่าเขาไม่รู้อะไร จักรพรรดิยาจะไปหาแม่หม้าย ช่วงนี้ทั้งสองสนิทชิดเชื้อกันมาก

ตอนที่เขาร่วมมือกับเยวี่ยฟ๋านเตี๋ยวางแผนล่อลวงประตูวิญญาณสลายเขาก็ให้ทั้ง 3 คนกลับวังมังกรเพลิงแต่จักรพรรดิยากับจิ่วโยวยังไงก็ไม่ยอมกลับ สุดท้ายก็มีแค่แม่หม้ายที่ต้องกลับไปคนเดียว

“ระวังเหลยเป้าด้วยละ” ฉู่ชวิ๋นเตือนจักรพรรดิยา ความรู้สึกที่เหลยเป้ามีต่อแม่หม้ายทุกคนรู้ดี

จักรพรรดิยาที่โผล่มากลางคันหากคิดจะสุขสมหวังกับแม่หม้าย เห็นทีจะต้องผ่านด่านเหลยเป้าไปก่อน

จักรพรรดิยาอดกระอักกระอ่วนไม่ได้ เขาเกาหัวและขอร้องออกมา

“ท่านเจ้าวัง ท่านช่วยไปคุยกับพี่เหลยเป้าให้หน่อยจะได้หรือเปล่า”

ฉู่ชวิ๋นส่ายหัวและหัวเราะออกมา “เรื่องนี้ฉันพูดไม่ได้ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกนาย ไปจัดการเอาเองเถอะ”

ก่อนที่จักรพรรดิยาจะจากไป ฉู่ชวิ๋นมอบกระบี่วิเศษลึกลับให้กับเขา กระบี่ยาวนี้นับเป็นของวิเศษระดับกลาง ชิงมาจากเป๋าผิงแห่งประตูวิญญาณสลายที่โบราณสถาน ซึ่งเขามีของแบบนี้เหลืออีกเยอะเลย

ทั้ง 3 คนไม่ได้ไปทางเดียวกันจึงแยกกันตั้งแต่ตรงนี้

กว่าฉู่ชวิ๋นและจิ่วโยวจะกลับถึงเมืองกู่เจียงก็บ่ายแล้ว เมื่อเขากลับมาก็เห็นสัตว์ร้ายมากมายเดินอยู่ตามถนน ทำให้เขาโกรธมาก

ไม่นานมานี้ เขาโมโหจนฆ่าสัตว์ร้ายไปหลายร้อยตัวพร้อมบอกอย่างชัดเจนว่าห้ามให้สัตว์ร้ายเข้ามาในเขตเมือง ดูเหมือนว่าการล้างบางตระกูลโหยวไปตระกูลเดียวจะยังไม่เพียงพอ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) 287 สาดน้ำเสีย

Now you are reading จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) Chapter 287 สาดน้ำเสีย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 287 สาดน้ำเสีย

เฉิงเฉวียนตื่นกลัว ชายชุดดำที่ทำร้ายเขาแข็งแกร่งเกินไป เขารับมือไม่ได้เลยแม้แต่กระบวนท่าเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่นเลย พวกเขาทุกคนได้แต่รอรับความตายอย่างไร้ทางต่อต้าน ได้แต่โดนสังหารไปทีละคน ๆ

“ประตูวิญญาณสลาย พวกแกหักหลังกันแบบนี้ต่อให้พวกเราต้องตายสวรรค์ก็ต้องลงโทษพวกแกแน่” เฉินเฉวียนตะโกนออกมาด้วยความโมโหและความเสียใจ

“เฮอะ ต่อให้มีสวรรค์จริง ๆ แกก็ไม่ได้เห็นมันหรอก” ชายชุดดำหัวเราะอย่างเย็นชาและฆ่าเฉิงเฉวียนในหมัดเดียว ก่อนที่จะแย่งเอาแหวนมิติมา

ชายชุดดำเดินไปจิ้มนิ้วบนตัวอูหมิงที่พึ่งตายไป

ผ่านไปสักพัก ร่างกายของอูหมิงก็ขยับ ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา

อูหมิงรู้สึกเวียนหัว ผ่านไปครู่ใหญ่เขาถึงนึกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อหันไปมองก็พบว่าเพื่อนร่วมทางของตัวเองตายหมดแล้ว

“นายฟื้นแล้วเหรอ” เสียงแหบแห้งดังขึ้น

อูหมิงสะดุ้งเขาเห็นชายชุดดำทั้ง 2 ยังอยู่ เขาแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว ตัวเองจะลืมตาขึ้นมาทำไมเนี้ย แกล้งตายดีกว่าตั้งเยอะ

แต่จะแกล้งตายตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว เขาคลานขึ้นมาอย่างลุกลี้ลุกลน พูดทั้ง ๆ ที่ปากสั่นฟันแน่น “อย่า…อย่าฆ่าผม ผมเพิ่งจะเข้าร่วมปราสาทเทียนหลงได้ไม่นานเอง”

“ขอเหตุผลสักข้อที่ฉันจะไม่ฆ่านายหน่อย” ชายชุดดำพูดขึ้น

“ผม…ผมเป็นคนตาบอด ผมไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ผมรับรองว่าจะไม่พูดเรื่องในวันนี้ออกไป ผมสาบาน…” อูหมิงกลัวมากจริง ๆ

“เหตุผลเข้าท่า งั้นนายก็มีชีวิตอยู่ต่อไปได้” ชายชุดดำพูดขึ้นอย่างใจเย็น

“หา !” อูหมิงชะงักไป “ง่ายแค่เนี้ย?” เขาเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างบื้อ ๆ

ในขณะนั้นเอง ชายชุดดำก็ดึงผ้าปิดหน้าออก อูหมิงดวงตาเบิดกว้างเท่าไข่ห่าน

“นายท่าน…” อูหมิงเข่าอ่อนร่วงลงไปกองกับพื้นพลางเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก และหัวเราะออกมาด้วยท่าทางโง่งม “นายท่าน คุณทำผมตกใจแทบตาย”

ชายชุดดำทั้ง 2 ไม่ใช่ใครอื่น ฉู่ชวิ๋นและจักรพรรดิยานั่นเอง จิ่วโยวตัวเล็กเกินไป เสี่ยงที่จะโดนจับได้ ฉู่ชวิ๋นจึงให้เธอไปซ่อนตัวก่อน

อูหมิงทั้งตกใจทั้งดีใจ เขาลูบหัวที่โนอยู่ แม้จะเจ็บจนหน้าดูไม่ได้แต่ก็ยิ้มอย่างมีความสุขที่รอดตาย

“นายท่าน ครั้งนี้ถือว่าผมได้ความดีความชอบใช่มั้ย”

ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า “ทำได้ไม่เลว พยายามต่อไป”

“พยายามต่อไป?” อูหมิงทบทวนคำนี้ไปมาก่อนจะเบ้ปาก “นายท่าน คุณจะให้ผมแฝงตัวต่อเหรอ”

ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า

“แต่พวกเขาตายหมดแล้ว ถ้าผมกลับไปแบบนี้จะต้องโดนสงสัยแน่”

อูหมิงส่ายหน้ารัว ๆ และพูดจาออดอ้อน “นายท่าน คุณให้ผมคอยรับใช้อยู่ข้างกายคุณเถอะ”

“เฉินเฉวียนยังไม่ตาย ติงเฉวียนก็ยังไม่ตาย” ฉู่ชวิ๋นเอ่ยขึ้น

อูหมิงตกใจ หันไปมองทั้ง 2 คนก็เห็นว่าไม่มีการขยับตัว จึงถอนหายใจออกมา

“ถ้านายช่วยพวกเขาไว้ ก็จะไม่มีคนสงสัยนายอีก พวกเราต้องรู้ให้ได้ว่าปราสาทเทียนหลงโยกย้ายไปที่ไหน วันที่ปราสาทเทียนหลงถูกล้างบางจะเป็นวันที่นายได้กลับมา” ฉู่ชวิ๋นพูด

อูหมิงรู้ว่าไม่มีทางเลือก เขาได้แต่โศกเศร้าและไม่เต็มใจ

ฉู่ชวิ๋นหยิบยาทลายพลังออกมาและเอ่ยขึ้น “กินยานี่เข้าไป”

อูหมิงตกใจมากจนคุกเข่าลงพรึ่บ ร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล “นายท่าน ผมผิดไปแล้ว จากนี้ไปถ้าคุณให้ผมไปซ้ายผมจะไม่ไปขวาเด็ดขาด ผมรับประกันว่าจะทำตามคำสั่งของคุณ”

ฉู่ชวิ๋นอดขำไม่ได้ “ยานี้จะทำให้นายบรรลุเป็นจักรพรรดิขั้น 2”

“ผม…หา…?” เสียงร้องไห้ของอูหมิงหยุดชะงักงัน พอรู้สึกตัวเขาก็ร่าเริงขึ้นมาที่แท้นี่ไม่ใช่ยาพิษ แต่เป็นของรางวัลสำหรับเขา

“ขอบคุณนายท่าน ๆ…” อารมณ์ของอูหมิงเรียกได้ว่าไม่มีใครเกิน เมื่อกี้ยังร้องไห้โวยวาย พริบตาเดียวก็ออดอ้อนเอาอกเอาใจ

จักรพรรดิยามองอย่างอึ้งทึ่ง คนอย่างเจ้าหมอนี่ไม่ไปเล่นละครถือว่าเสียของจริง ๆ

หลายชั่วโมงต่อมา อูหมิงบรรลุจักรพรรดิมนุษย์ขั้น 2 ได้สำเร็จพร้อมสร้างรากฐานที่มั่นคงด้วยความช่วยเหลือของฉู่ชวิ๋น

“ขอบคุณนายท่าน” เขาดีใจจนหน้าแดงก่ำ ความรู้สึกของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 2 นี่สุดยอดจริง ๆ

ขณะเดียวกันเขาก็ยิ่งนับถือฉู่ชวิ๋นมากขึ้นเรื่อย ๆ สุดยอดจริง ๆ แค่ยาเม็ดเดียวก็ทำให้เขาบรรลุไปอีกขึ้นแล้ว ถ้าต่อไปนี้ขยันทำความดีความชอบ การจะเป็นจักรพรรดิขั้นสูงก็ไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป บางทีอาจได้ไปเยือนดินแดนสวรรค์ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ปากเขาก็แทบจะฉีกไปถึงหู

“เอาล่ะ เรื่องต่อจากนี้ฝากนายด้วย” พูดจบ ฉู่ชวิ๋นก็พาจักรพรรดิยาหายตัวไป

“คารวะนายท่าน” อูหมิงกล่าวอย่างนอบน้อม

จากนั้นสีหน้านอบน้อมของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นลุกลี้ลุกลนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะวิ่งไปเอาเลือดจากตัวคนตายมาป้ายตัวเอง ดูแล้วน่าอนาถเป็นอย่างมาก

เขาวิ่งไปดูติงเฉวียน หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะฟื้นขึ้นมา เขามองไปรอบ ๆ อย่างมีลับลมคมในก่อนจะยืนขึ้นแล้วถอดเข็มขัดออก

“ฉี่ ๆ ๆ ๆ ๆ”

มีน้ำไหลลงมารดใบหน้าของติงเฉวียน

“ไอ้เวรเอ้ย…กล้ารังแกฉันงั้นเหรอ”

ไม่นานสายน้ำก็หยุดลง อูหมิงสบายจนตัวสั่นระริก เป็นครั้งแรกที่แค่ฉี่ยังรู้สึกดีขนาดนี้

จากนั้นเขาก็วิ่งไปดูเฉินเฉวียน ก็พบว่าเฉินเฉวียนยังไม่ตายจริงๆ

“ถุย…จักรพรรดิระดับ 5 แล้วไง เก่งนักเหรอ สุดท้ายก็โดนนายท่านอัดอย่างกับหมาตายซาก แล้วยังต้องให้ฉันมาช่วยอีก กระจอกจริง ๆ”

จากนั้นเขาก็ถ่ายทอดพลังลมปราณเข้าไปในตัวเฉินเฉวียน ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บ

เนิ่นนาน ร่างกายของเฉินเฉวียนขยับเบา ๆ และค่อย ๆ ลืมตาขึ้น

“ผู้อาวุโสเฉิน คุณตื่นแล้ว ดีจริง ๆ ” อูหมิงตื้นตันจนน้ำตาคลอเขาแสดงละครเก่งมากจริง ๆ

เฉินเฉวียนหันไปหันมาแล้วขยับปากด้วยความยากลำบาก “อูหมิง เหรอ”

“ผมเอง ผู้อาวุโสเฉิน คุณรู้สึกยังไงบ้าง”

“นายช่วยฉันไว้เหรอ” เฉินเฉวียนสายตาแปลกไป เขาเห็นอูหมิงโดนหมัดเข้าที่หัวจนตายกับตา ทำไมถึงยังมีชีวิตอยู่

ไม่ทันที่เขาจะถาม อูหมิงก็พูดขึ้นมาก่อน “ผู้อาวุโสเฉิน คุณไม่รู้หรอกว่าเมื่อกี้น่าหวาดกลัวขนาดไหน ผมนึกว่าผมจะตายด้วยหมัดนั้นซะแล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่าผมจะบรรลุระดับ 2 ได้ในตอนนั้นพอดี ทำให้สลบไปเท่านั้น สุดท้ายก็รอดชีวิตมาได้”

เฉินเฉวียนชะงักไปนิดหน่อย เขาสัมผัสได้ถึงลมปราณอันแข็งกร้าวของ

อูหมิงและแอบคิดในใจว่า อูหมิงโชคดีเหมือนขี้นกตกใส่หัวจริง ๆ เขารู้ดีว่าหลังจากที่จอมยุทธ์ทะลวงระดับพลังแล้ว บาดแผลต่าง ๆ จะหายไป เพราะแบบนี้เขาจึงเชื่อคำพูดของอูหมิง

“มีแค่เรา 2 คนที่รอดเหรอ” เฉินเฉวียนพูดอย่างอ่อนแรง

“ผมก็เพิ่งฟื้นเหมือนกัน พอตื่นผมก็รีบมาช่วยผู้อาวุโสเฉิน” อูหมิงพูดขึ้น “คุณพักก่อน เดี๋ยวผมไปดูคนอื่นเอง”

เฉินเฉวียนมองอูหมิงด้วยสายตาปลื้มปริ่ม อูหมิงนี่ซื่อสัตย์จริง ๆ รู้ว่าต้องช่วยเขาก่อนเป็นอันดับแรก

อูหมิงวิ่งไปตรวจดูรอบหนึ่ง จนสุดท้ายไปดูติงเฉวียนก่อนจะร้องตะโกนด้วยความตกใจ “ผู้อาวุโสเฉิน ติงเฉวียนยังไม่ตาย”

พูดจบเขาก็ตบหน้าติงเฉวียน 2-3 ที ติงเฉวียนกระโจนพรึ่บขึ้นมาทำเอา

อูหมิงตกอกตกใจหมด

อูหมิงแอบหวั่นใจ หรือติงเฉวียนจะรู้เรื่องที่เขาฉี่รดหน้ามันแล้ว !

“อูหมิง?” ติงเฉวียนส่ายหัวไปมาด้วยความมึนหัว

“นายฟื้นแล้วเหรอ” อูหมิงทำสีหน้าเป็นห่วง เพราะเขากังวลว่าอีกฝ่ายจะรู้เรื่องที่เขาฉี่ใส่หน้า

“ทำไมแกยังมีชีวิตอยู่” ติงเฉวียนถามอย่างจริงจัง

อูหมิงเบาใจลง ดูเหมือนติงเฉวียนจะไม่รู้เรื่องที่เขาฉี่ใส่หน้า จึงตีหน้าเข้มและตอบอย่างเกรี้ยวกราด “นายหมายความว่ายังไง อยากให้พวกเราตายกันหมดหรือไง ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมนายไม่มีบาดแผลอะไรเลย”

อูหมิงสาดน้ำเสีย* ใส่เขาทันที (ใส่ร้ายป้ายสี)

และก็ตามนั้น สายตาของเฉินเฉวียนที่มองติงเฉวียนกลายเป็นความสงสัย

“พวกนาย 2 คนเลิกทะเลาะกันได้แล้ว นี่ไม่ใช่เวลามาทะเลาะกัน ไปจากที่นี่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน” เฉิงเฉวียนพูดอย่างอิดโรย เขาบาดเจ็บหนักมากอวัยวะภายในเคลื่อนที่ไปหมด

“ผู้อาวุโสเฉิน” ติงเฉวียนตกใจมาก เขาเพิ่งเห็นว่าเฉินเฉวียนยังมีชีวิตอยู่ ก่อนหน้านี้เขาเพ่งความสนใจไปที่อูหมิง ไม่ทันได้สังเกตเฉินเฉวียน

เฉินเฉวียนมองติงเฉวียนอย่างเย็นชา “ฉันยังไม่ตาย”

ติงเฉวียนไม่ได้สังเกตว่าน้ำเสียงของเฉิงเฉวียนแปลกไป เขาก้าวออกมา

“ผู้อาวุโสเฉิน เดี๋ยวผมแบกคุณเอง”

“ไม่ต้องหรอก ให้อูหมิงทำ นายคอยเฝ้าระวังดีกว่า”

ติงเฉวียนไม่คิดมากอะไร ในความคิดของเขา วิทยายุทธของเขาสูงกว่า

อูหมิง ให้อูหมิงเป็นแรงงานก็สมควรแล้ว

แต่เขาไม่รู้ว่าคำพูดของอูหมิงทำให้เฉินเฉวียนสงสัยในตัวเขา เฉินเฉวียนเลยกลัวว่าติงเฉวียนจะแอบลงมือทำอะไรระหว่างทาง

อูหมิงเห็นแบบนี้ก็แอบดีใจ สาดน้ำเสีย* สำเร็จ ! เขาแบกเฉินเฉวียนขึ้นหลัง แล้วทั้ง 3 คนก็มุ่งหน้าไปทางเมืองตงหลิง

….

….

ณ ภูเขาลูกหนึ่ง ฉู่ชวิ๋นหยิบแหวนมิติที่ตัวเองชิงได้มาดูและสอดส่องของด้านใน

พอมองไปแล้วแม้แต่เขายังต้องอึ้งก่อนจะเจ็บใจกับตัวเอง เพราะเยอะขนาดนี้ยังแค่ 1 ใน 4 เท่านั้น !

ปราสาทเทียนหลงสืบทอดกันมาหลายพันปี สมบัติมากจนน่าตกใจ แค่ในแหวนมิติวงนี้มีสมุนไพรยาวิเศษมากกว่า 500 ต้น ผลไม้วิเศษอีกหลายร้อยลูก และยังมีแก้วแหวนเงินทองอีกนับไม่ถ้วน แถมยังมีของวิเศษลึกลับอีก 3 อย่าง

ฉู่ชวิ๋นแอบตั้งมั่นว่าจะต้องเอาอีก 3 ส่วนที่เหลือมาให้ได้

มีของพวกนี้ คนรอบข้างเขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นแน่ ๆ

จิ่วโยวขยับตัวเข้ามาและยื่นมือขาวนุ่มนิ่มออกมาอย่างไม่เกรงใจ

ฉู่ชวิ๋นเองก็ไม่ขี้งก เขายื่นผลไม้วิเศษเปล่งประกายระยิบระยับหลายลูกให้เธอ แล้วก็ให้จักรพรรดิยาไปอีกหลายลูก ทั้ง 3 คนกินผลไม้วิเศษด้วยความสิ้นเปลืองอย่างกับว่ามันเป็นผลไม้ธรรมดา ๆ

ทั้ง 3 คนไม่รีบที่จะเดินทาง ฉู่ชวิ๋นตั้งค่ายกลและทั้ง 3 นั่งฝึกฝนเสียตรงนั้นเลย

จนกระทั่งแสงแดดของเช้าวันที่ 2 สาดส่องลงมาทั้ง 3 ถึงพากันตื่นขึ้นพลังลมปราณในร่างเองก็แข็งแกร่งขึ้นมาก

“ท่านเจ้าวัง หลังจากนี้พวกเราจะไปไหน” จักรพรรดิยาถามอย่างสงสัย

“กลับภูเขาเฉียนหลง” เขาไม่ได้พบหน้าพ่อแม่นานแล้ว เขาอยากต้องกลับไปสักหน่อย

“ท่านเจ้าวัง งั้นผมขอกลับวังมังกรเพลิงก่อนนะ” จักรพรรดิยาขออนุญาต

ฉู่ชวิ๋นมองอีกฝ่ายอย่างขำขัน ไม่พูดไม่แปลว่าเขาไม่รู้อะไร จักรพรรดิยาจะไปหาแม่หม้าย ช่วงนี้ทั้งสองสนิทชิดเชื้อกันมาก

ตอนที่เขาร่วมมือกับเยวี่ยฟ๋านเตี๋ยวางแผนล่อลวงประตูวิญญาณสลายเขาก็ให้ทั้ง 3 คนกลับวังมังกรเพลิงแต่จักรพรรดิยากับจิ่วโยวยังไงก็ไม่ยอมกลับ สุดท้ายก็มีแค่แม่หม้ายที่ต้องกลับไปคนเดียว

“ระวังเหลยเป้าด้วยละ” ฉู่ชวิ๋นเตือนจักรพรรดิยา ความรู้สึกที่เหลยเป้ามีต่อแม่หม้ายทุกคนรู้ดี

จักรพรรดิยาที่โผล่มากลางคันหากคิดจะสุขสมหวังกับแม่หม้าย เห็นทีจะต้องผ่านด่านเหลยเป้าไปก่อน

จักรพรรดิยาอดกระอักกระอ่วนไม่ได้ เขาเกาหัวและขอร้องออกมา

“ท่านเจ้าวัง ท่านช่วยไปคุยกับพี่เหลยเป้าให้หน่อยจะได้หรือเปล่า”

ฉู่ชวิ๋นส่ายหัวและหัวเราะออกมา “เรื่องนี้ฉันพูดไม่ได้ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกนาย ไปจัดการเอาเองเถอะ”

ก่อนที่จักรพรรดิยาจะจากไป ฉู่ชวิ๋นมอบกระบี่วิเศษลึกลับให้กับเขา กระบี่ยาวนี้นับเป็นของวิเศษระดับกลาง ชิงมาจากเป๋าผิงแห่งประตูวิญญาณสลายที่โบราณสถาน ซึ่งเขามีของแบบนี้เหลืออีกเยอะเลย

ทั้ง 3 คนไม่ได้ไปทางเดียวกันจึงแยกกันตั้งแต่ตรงนี้

กว่าฉู่ชวิ๋นและจิ่วโยวจะกลับถึงเมืองกู่เจียงก็บ่ายแล้ว เมื่อเขากลับมาก็เห็นสัตว์ร้ายมากมายเดินอยู่ตามถนน ทำให้เขาโกรธมาก

ไม่นานมานี้ เขาโมโหจนฆ่าสัตว์ร้ายไปหลายร้อยตัวพร้อมบอกอย่างชัดเจนว่าห้ามให้สัตว์ร้ายเข้ามาในเขตเมือง ดูเหมือนว่าการล้างบางตระกูลโหยวไปตระกูลเดียวจะยังไม่เพียงพอ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) 287 สาดน้ำเสีย

Now you are reading จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) Chapter 287 สาดน้ำเสีย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 287 สาดน้ำเสีย

เฉิงเฉวียนตื่นกลัว ชายชุดดำที่ทำร้ายเขาแข็งแกร่งเกินไป เขารับมือไม่ได้เลยแม้แต่กระบวนท่าเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่นเลย พวกเขาทุกคนได้แต่รอรับความตายอย่างไร้ทางต่อต้าน ได้แต่โดนสังหารไปทีละคน ๆ

“ประตูวิญญาณสลาย พวกแกหักหลังกันแบบนี้ต่อให้พวกเราต้องตายสวรรค์ก็ต้องลงโทษพวกแกแน่” เฉินเฉวียนตะโกนออกมาด้วยความโมโหและความเสียใจ

“เฮอะ ต่อให้มีสวรรค์จริง ๆ แกก็ไม่ได้เห็นมันหรอก” ชายชุดดำหัวเราะอย่างเย็นชาและฆ่าเฉิงเฉวียนในหมัดเดียว ก่อนที่จะแย่งเอาแหวนมิติมา

ชายชุดดำเดินไปจิ้มนิ้วบนตัวอูหมิงที่พึ่งตายไป

ผ่านไปสักพัก ร่างกายของอูหมิงก็ขยับ ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา

อูหมิงรู้สึกเวียนหัว ผ่านไปครู่ใหญ่เขาถึงนึกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อหันไปมองก็พบว่าเพื่อนร่วมทางของตัวเองตายหมดแล้ว

“นายฟื้นแล้วเหรอ” เสียงแหบแห้งดังขึ้น

อูหมิงสะดุ้งเขาเห็นชายชุดดำทั้ง 2 ยังอยู่ เขาแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว ตัวเองจะลืมตาขึ้นมาทำไมเนี้ย แกล้งตายดีกว่าตั้งเยอะ

แต่จะแกล้งตายตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว เขาคลานขึ้นมาอย่างลุกลี้ลุกลน พูดทั้ง ๆ ที่ปากสั่นฟันแน่น “อย่า…อย่าฆ่าผม ผมเพิ่งจะเข้าร่วมปราสาทเทียนหลงได้ไม่นานเอง”

“ขอเหตุผลสักข้อที่ฉันจะไม่ฆ่านายหน่อย” ชายชุดดำพูดขึ้น

“ผม…ผมเป็นคนตาบอด ผมไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ผมรับรองว่าจะไม่พูดเรื่องในวันนี้ออกไป ผมสาบาน…” อูหมิงกลัวมากจริง ๆ

“เหตุผลเข้าท่า งั้นนายก็มีชีวิตอยู่ต่อไปได้” ชายชุดดำพูดขึ้นอย่างใจเย็น

“หา !” อูหมิงชะงักไป “ง่ายแค่เนี้ย?” เขาเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างบื้อ ๆ

ในขณะนั้นเอง ชายชุดดำก็ดึงผ้าปิดหน้าออก อูหมิงดวงตาเบิดกว้างเท่าไข่ห่าน

“นายท่าน…” อูหมิงเข่าอ่อนร่วงลงไปกองกับพื้นพลางเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก และหัวเราะออกมาด้วยท่าทางโง่งม “นายท่าน คุณทำผมตกใจแทบตาย”

ชายชุดดำทั้ง 2 ไม่ใช่ใครอื่น ฉู่ชวิ๋นและจักรพรรดิยานั่นเอง จิ่วโยวตัวเล็กเกินไป เสี่ยงที่จะโดนจับได้ ฉู่ชวิ๋นจึงให้เธอไปซ่อนตัวก่อน

อูหมิงทั้งตกใจทั้งดีใจ เขาลูบหัวที่โนอยู่ แม้จะเจ็บจนหน้าดูไม่ได้แต่ก็ยิ้มอย่างมีความสุขที่รอดตาย

“นายท่าน ครั้งนี้ถือว่าผมได้ความดีความชอบใช่มั้ย”

ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า “ทำได้ไม่เลว พยายามต่อไป”

“พยายามต่อไป?” อูหมิงทบทวนคำนี้ไปมาก่อนจะเบ้ปาก “นายท่าน คุณจะให้ผมแฝงตัวต่อเหรอ”

ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า

“แต่พวกเขาตายหมดแล้ว ถ้าผมกลับไปแบบนี้จะต้องโดนสงสัยแน่”

อูหมิงส่ายหน้ารัว ๆ และพูดจาออดอ้อน “นายท่าน คุณให้ผมคอยรับใช้อยู่ข้างกายคุณเถอะ”

“เฉินเฉวียนยังไม่ตาย ติงเฉวียนก็ยังไม่ตาย” ฉู่ชวิ๋นเอ่ยขึ้น

อูหมิงตกใจ หันไปมองทั้ง 2 คนก็เห็นว่าไม่มีการขยับตัว จึงถอนหายใจออกมา

“ถ้านายช่วยพวกเขาไว้ ก็จะไม่มีคนสงสัยนายอีก พวกเราต้องรู้ให้ได้ว่าปราสาทเทียนหลงโยกย้ายไปที่ไหน วันที่ปราสาทเทียนหลงถูกล้างบางจะเป็นวันที่นายได้กลับมา” ฉู่ชวิ๋นพูด

อูหมิงรู้ว่าไม่มีทางเลือก เขาได้แต่โศกเศร้าและไม่เต็มใจ

ฉู่ชวิ๋นหยิบยาทลายพลังออกมาและเอ่ยขึ้น “กินยานี่เข้าไป”

อูหมิงตกใจมากจนคุกเข่าลงพรึ่บ ร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล “นายท่าน ผมผิดไปแล้ว จากนี้ไปถ้าคุณให้ผมไปซ้ายผมจะไม่ไปขวาเด็ดขาด ผมรับประกันว่าจะทำตามคำสั่งของคุณ”

ฉู่ชวิ๋นอดขำไม่ได้ “ยานี้จะทำให้นายบรรลุเป็นจักรพรรดิขั้น 2”

“ผม…หา…?” เสียงร้องไห้ของอูหมิงหยุดชะงักงัน พอรู้สึกตัวเขาก็ร่าเริงขึ้นมาที่แท้นี่ไม่ใช่ยาพิษ แต่เป็นของรางวัลสำหรับเขา

“ขอบคุณนายท่าน ๆ…” อารมณ์ของอูหมิงเรียกได้ว่าไม่มีใครเกิน เมื่อกี้ยังร้องไห้โวยวาย พริบตาเดียวก็ออดอ้อนเอาอกเอาใจ

จักรพรรดิยามองอย่างอึ้งทึ่ง คนอย่างเจ้าหมอนี่ไม่ไปเล่นละครถือว่าเสียของจริง ๆ

หลายชั่วโมงต่อมา อูหมิงบรรลุจักรพรรดิมนุษย์ขั้น 2 ได้สำเร็จพร้อมสร้างรากฐานที่มั่นคงด้วยความช่วยเหลือของฉู่ชวิ๋น

“ขอบคุณนายท่าน” เขาดีใจจนหน้าแดงก่ำ ความรู้สึกของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 2 นี่สุดยอดจริง ๆ

ขณะเดียวกันเขาก็ยิ่งนับถือฉู่ชวิ๋นมากขึ้นเรื่อย ๆ สุดยอดจริง ๆ แค่ยาเม็ดเดียวก็ทำให้เขาบรรลุไปอีกขึ้นแล้ว ถ้าต่อไปนี้ขยันทำความดีความชอบ การจะเป็นจักรพรรดิขั้นสูงก็ไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป บางทีอาจได้ไปเยือนดินแดนสวรรค์ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ปากเขาก็แทบจะฉีกไปถึงหู

“เอาล่ะ เรื่องต่อจากนี้ฝากนายด้วย” พูดจบ ฉู่ชวิ๋นก็พาจักรพรรดิยาหายตัวไป

“คารวะนายท่าน” อูหมิงกล่าวอย่างนอบน้อม

จากนั้นสีหน้านอบน้อมของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นลุกลี้ลุกลนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะวิ่งไปเอาเลือดจากตัวคนตายมาป้ายตัวเอง ดูแล้วน่าอนาถเป็นอย่างมาก

เขาวิ่งไปดูติงเฉวียน หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะฟื้นขึ้นมา เขามองไปรอบ ๆ อย่างมีลับลมคมในก่อนจะยืนขึ้นแล้วถอดเข็มขัดออก

“ฉี่ ๆ ๆ ๆ ๆ”

มีน้ำไหลลงมารดใบหน้าของติงเฉวียน

“ไอ้เวรเอ้ย…กล้ารังแกฉันงั้นเหรอ”

ไม่นานสายน้ำก็หยุดลง อูหมิงสบายจนตัวสั่นระริก เป็นครั้งแรกที่แค่ฉี่ยังรู้สึกดีขนาดนี้

จากนั้นเขาก็วิ่งไปดูเฉินเฉวียน ก็พบว่าเฉินเฉวียนยังไม่ตายจริงๆ

“ถุย…จักรพรรดิระดับ 5 แล้วไง เก่งนักเหรอ สุดท้ายก็โดนนายท่านอัดอย่างกับหมาตายซาก แล้วยังต้องให้ฉันมาช่วยอีก กระจอกจริง ๆ”

จากนั้นเขาก็ถ่ายทอดพลังลมปราณเข้าไปในตัวเฉินเฉวียน ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บ

เนิ่นนาน ร่างกายของเฉินเฉวียนขยับเบา ๆ และค่อย ๆ ลืมตาขึ้น

“ผู้อาวุโสเฉิน คุณตื่นแล้ว ดีจริง ๆ ” อูหมิงตื้นตันจนน้ำตาคลอเขาแสดงละครเก่งมากจริง ๆ

เฉินเฉวียนหันไปหันมาแล้วขยับปากด้วยความยากลำบาก “อูหมิง เหรอ”

“ผมเอง ผู้อาวุโสเฉิน คุณรู้สึกยังไงบ้าง”

“นายช่วยฉันไว้เหรอ” เฉินเฉวียนสายตาแปลกไป เขาเห็นอูหมิงโดนหมัดเข้าที่หัวจนตายกับตา ทำไมถึงยังมีชีวิตอยู่

ไม่ทันที่เขาจะถาม อูหมิงก็พูดขึ้นมาก่อน “ผู้อาวุโสเฉิน คุณไม่รู้หรอกว่าเมื่อกี้น่าหวาดกลัวขนาดไหน ผมนึกว่าผมจะตายด้วยหมัดนั้นซะแล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่าผมจะบรรลุระดับ 2 ได้ในตอนนั้นพอดี ทำให้สลบไปเท่านั้น สุดท้ายก็รอดชีวิตมาได้”

เฉินเฉวียนชะงักไปนิดหน่อย เขาสัมผัสได้ถึงลมปราณอันแข็งกร้าวของ

อูหมิงและแอบคิดในใจว่า อูหมิงโชคดีเหมือนขี้นกตกใส่หัวจริง ๆ เขารู้ดีว่าหลังจากที่จอมยุทธ์ทะลวงระดับพลังแล้ว บาดแผลต่าง ๆ จะหายไป เพราะแบบนี้เขาจึงเชื่อคำพูดของอูหมิง

“มีแค่เรา 2 คนที่รอดเหรอ” เฉินเฉวียนพูดอย่างอ่อนแรง

“ผมก็เพิ่งฟื้นเหมือนกัน พอตื่นผมก็รีบมาช่วยผู้อาวุโสเฉิน” อูหมิงพูดขึ้น “คุณพักก่อน เดี๋ยวผมไปดูคนอื่นเอง”

เฉินเฉวียนมองอูหมิงด้วยสายตาปลื้มปริ่ม อูหมิงนี่ซื่อสัตย์จริง ๆ รู้ว่าต้องช่วยเขาก่อนเป็นอันดับแรก

อูหมิงวิ่งไปตรวจดูรอบหนึ่ง จนสุดท้ายไปดูติงเฉวียนก่อนจะร้องตะโกนด้วยความตกใจ “ผู้อาวุโสเฉิน ติงเฉวียนยังไม่ตาย”

พูดจบเขาก็ตบหน้าติงเฉวียน 2-3 ที ติงเฉวียนกระโจนพรึ่บขึ้นมาทำเอา

อูหมิงตกอกตกใจหมด

อูหมิงแอบหวั่นใจ หรือติงเฉวียนจะรู้เรื่องที่เขาฉี่รดหน้ามันแล้ว !

“อูหมิง?” ติงเฉวียนส่ายหัวไปมาด้วยความมึนหัว

“นายฟื้นแล้วเหรอ” อูหมิงทำสีหน้าเป็นห่วง เพราะเขากังวลว่าอีกฝ่ายจะรู้เรื่องที่เขาฉี่ใส่หน้า

“ทำไมแกยังมีชีวิตอยู่” ติงเฉวียนถามอย่างจริงจัง

อูหมิงเบาใจลง ดูเหมือนติงเฉวียนจะไม่รู้เรื่องที่เขาฉี่ใส่หน้า จึงตีหน้าเข้มและตอบอย่างเกรี้ยวกราด “นายหมายความว่ายังไง อยากให้พวกเราตายกันหมดหรือไง ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมนายไม่มีบาดแผลอะไรเลย”

อูหมิงสาดน้ำเสีย* ใส่เขาทันที (ใส่ร้ายป้ายสี)

และก็ตามนั้น สายตาของเฉินเฉวียนที่มองติงเฉวียนกลายเป็นความสงสัย

“พวกนาย 2 คนเลิกทะเลาะกันได้แล้ว นี่ไม่ใช่เวลามาทะเลาะกัน ไปจากที่นี่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน” เฉิงเฉวียนพูดอย่างอิดโรย เขาบาดเจ็บหนักมากอวัยวะภายในเคลื่อนที่ไปหมด

“ผู้อาวุโสเฉิน” ติงเฉวียนตกใจมาก เขาเพิ่งเห็นว่าเฉินเฉวียนยังมีชีวิตอยู่ ก่อนหน้านี้เขาเพ่งความสนใจไปที่อูหมิง ไม่ทันได้สังเกตเฉินเฉวียน

เฉินเฉวียนมองติงเฉวียนอย่างเย็นชา “ฉันยังไม่ตาย”

ติงเฉวียนไม่ได้สังเกตว่าน้ำเสียงของเฉิงเฉวียนแปลกไป เขาก้าวออกมา

“ผู้อาวุโสเฉิน เดี๋ยวผมแบกคุณเอง”

“ไม่ต้องหรอก ให้อูหมิงทำ นายคอยเฝ้าระวังดีกว่า”

ติงเฉวียนไม่คิดมากอะไร ในความคิดของเขา วิทยายุทธของเขาสูงกว่า

อูหมิง ให้อูหมิงเป็นแรงงานก็สมควรแล้ว

แต่เขาไม่รู้ว่าคำพูดของอูหมิงทำให้เฉินเฉวียนสงสัยในตัวเขา เฉินเฉวียนเลยกลัวว่าติงเฉวียนจะแอบลงมือทำอะไรระหว่างทาง

อูหมิงเห็นแบบนี้ก็แอบดีใจ สาดน้ำเสีย* สำเร็จ ! เขาแบกเฉินเฉวียนขึ้นหลัง แล้วทั้ง 3 คนก็มุ่งหน้าไปทางเมืองตงหลิง

….

….

ณ ภูเขาลูกหนึ่ง ฉู่ชวิ๋นหยิบแหวนมิติที่ตัวเองชิงได้มาดูและสอดส่องของด้านใน

พอมองไปแล้วแม้แต่เขายังต้องอึ้งก่อนจะเจ็บใจกับตัวเอง เพราะเยอะขนาดนี้ยังแค่ 1 ใน 4 เท่านั้น !

ปราสาทเทียนหลงสืบทอดกันมาหลายพันปี สมบัติมากจนน่าตกใจ แค่ในแหวนมิติวงนี้มีสมุนไพรยาวิเศษมากกว่า 500 ต้น ผลไม้วิเศษอีกหลายร้อยลูก และยังมีแก้วแหวนเงินทองอีกนับไม่ถ้วน แถมยังมีของวิเศษลึกลับอีก 3 อย่าง

ฉู่ชวิ๋นแอบตั้งมั่นว่าจะต้องเอาอีก 3 ส่วนที่เหลือมาให้ได้

มีของพวกนี้ คนรอบข้างเขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นแน่ ๆ

จิ่วโยวขยับตัวเข้ามาและยื่นมือขาวนุ่มนิ่มออกมาอย่างไม่เกรงใจ

ฉู่ชวิ๋นเองก็ไม่ขี้งก เขายื่นผลไม้วิเศษเปล่งประกายระยิบระยับหลายลูกให้เธอ แล้วก็ให้จักรพรรดิยาไปอีกหลายลูก ทั้ง 3 คนกินผลไม้วิเศษด้วยความสิ้นเปลืองอย่างกับว่ามันเป็นผลไม้ธรรมดา ๆ

ทั้ง 3 คนไม่รีบที่จะเดินทาง ฉู่ชวิ๋นตั้งค่ายกลและทั้ง 3 นั่งฝึกฝนเสียตรงนั้นเลย

จนกระทั่งแสงแดดของเช้าวันที่ 2 สาดส่องลงมาทั้ง 3 ถึงพากันตื่นขึ้นพลังลมปราณในร่างเองก็แข็งแกร่งขึ้นมาก

“ท่านเจ้าวัง หลังจากนี้พวกเราจะไปไหน” จักรพรรดิยาถามอย่างสงสัย

“กลับภูเขาเฉียนหลง” เขาไม่ได้พบหน้าพ่อแม่นานแล้ว เขาอยากต้องกลับไปสักหน่อย

“ท่านเจ้าวัง งั้นผมขอกลับวังมังกรเพลิงก่อนนะ” จักรพรรดิยาขออนุญาต

ฉู่ชวิ๋นมองอีกฝ่ายอย่างขำขัน ไม่พูดไม่แปลว่าเขาไม่รู้อะไร จักรพรรดิยาจะไปหาแม่หม้าย ช่วงนี้ทั้งสองสนิทชิดเชื้อกันมาก

ตอนที่เขาร่วมมือกับเยวี่ยฟ๋านเตี๋ยวางแผนล่อลวงประตูวิญญาณสลายเขาก็ให้ทั้ง 3 คนกลับวังมังกรเพลิงแต่จักรพรรดิยากับจิ่วโยวยังไงก็ไม่ยอมกลับ สุดท้ายก็มีแค่แม่หม้ายที่ต้องกลับไปคนเดียว

“ระวังเหลยเป้าด้วยละ” ฉู่ชวิ๋นเตือนจักรพรรดิยา ความรู้สึกที่เหลยเป้ามีต่อแม่หม้ายทุกคนรู้ดี

จักรพรรดิยาที่โผล่มากลางคันหากคิดจะสุขสมหวังกับแม่หม้าย เห็นทีจะต้องผ่านด่านเหลยเป้าไปก่อน

จักรพรรดิยาอดกระอักกระอ่วนไม่ได้ เขาเกาหัวและขอร้องออกมา

“ท่านเจ้าวัง ท่านช่วยไปคุยกับพี่เหลยเป้าให้หน่อยจะได้หรือเปล่า”

ฉู่ชวิ๋นส่ายหัวและหัวเราะออกมา “เรื่องนี้ฉันพูดไม่ได้ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกนาย ไปจัดการเอาเองเถอะ”

ก่อนที่จักรพรรดิยาจะจากไป ฉู่ชวิ๋นมอบกระบี่วิเศษลึกลับให้กับเขา กระบี่ยาวนี้นับเป็นของวิเศษระดับกลาง ชิงมาจากเป๋าผิงแห่งประตูวิญญาณสลายที่โบราณสถาน ซึ่งเขามีของแบบนี้เหลืออีกเยอะเลย

ทั้ง 3 คนไม่ได้ไปทางเดียวกันจึงแยกกันตั้งแต่ตรงนี้

กว่าฉู่ชวิ๋นและจิ่วโยวจะกลับถึงเมืองกู่เจียงก็บ่ายแล้ว เมื่อเขากลับมาก็เห็นสัตว์ร้ายมากมายเดินอยู่ตามถนน ทำให้เขาโกรธมาก

ไม่นานมานี้ เขาโมโหจนฆ่าสัตว์ร้ายไปหลายร้อยตัวพร้อมบอกอย่างชัดเจนว่าห้ามให้สัตว์ร้ายเข้ามาในเขตเมือง ดูเหมือนว่าการล้างบางตระกูลโหยวไปตระกูลเดียวจะยังไม่เพียงพอ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) 287 สาดน้ำเสีย

Now you are reading จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) Chapter 287 สาดน้ำเสีย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 287 สาดน้ำเสีย

เฉิงเฉวียนตื่นกลัว ชายชุดดำที่ทำร้ายเขาแข็งแกร่งเกินไป เขารับมือไม่ได้เลยแม้แต่กระบวนท่าเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่นเลย พวกเขาทุกคนได้แต่รอรับความตายอย่างไร้ทางต่อต้าน ได้แต่โดนสังหารไปทีละคน ๆ

“ประตูวิญญาณสลาย พวกแกหักหลังกันแบบนี้ต่อให้พวกเราต้องตายสวรรค์ก็ต้องลงโทษพวกแกแน่” เฉินเฉวียนตะโกนออกมาด้วยความโมโหและความเสียใจ

“เฮอะ ต่อให้มีสวรรค์จริง ๆ แกก็ไม่ได้เห็นมันหรอก” ชายชุดดำหัวเราะอย่างเย็นชาและฆ่าเฉิงเฉวียนในหมัดเดียว ก่อนที่จะแย่งเอาแหวนมิติมา

ชายชุดดำเดินไปจิ้มนิ้วบนตัวอูหมิงที่พึ่งตายไป

ผ่านไปสักพัก ร่างกายของอูหมิงก็ขยับ ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา

อูหมิงรู้สึกเวียนหัว ผ่านไปครู่ใหญ่เขาถึงนึกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อหันไปมองก็พบว่าเพื่อนร่วมทางของตัวเองตายหมดแล้ว

“นายฟื้นแล้วเหรอ” เสียงแหบแห้งดังขึ้น

อูหมิงสะดุ้งเขาเห็นชายชุดดำทั้ง 2 ยังอยู่ เขาแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว ตัวเองจะลืมตาขึ้นมาทำไมเนี้ย แกล้งตายดีกว่าตั้งเยอะ

แต่จะแกล้งตายตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว เขาคลานขึ้นมาอย่างลุกลี้ลุกลน พูดทั้ง ๆ ที่ปากสั่นฟันแน่น “อย่า…อย่าฆ่าผม ผมเพิ่งจะเข้าร่วมปราสาทเทียนหลงได้ไม่นานเอง”

“ขอเหตุผลสักข้อที่ฉันจะไม่ฆ่านายหน่อย” ชายชุดดำพูดขึ้น

“ผม…ผมเป็นคนตาบอด ผมไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ผมรับรองว่าจะไม่พูดเรื่องในวันนี้ออกไป ผมสาบาน…” อูหมิงกลัวมากจริง ๆ

“เหตุผลเข้าท่า งั้นนายก็มีชีวิตอยู่ต่อไปได้” ชายชุดดำพูดขึ้นอย่างใจเย็น

“หา !” อูหมิงชะงักไป “ง่ายแค่เนี้ย?” เขาเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างบื้อ ๆ

ในขณะนั้นเอง ชายชุดดำก็ดึงผ้าปิดหน้าออก อูหมิงดวงตาเบิดกว้างเท่าไข่ห่าน

“นายท่าน…” อูหมิงเข่าอ่อนร่วงลงไปกองกับพื้นพลางเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก และหัวเราะออกมาด้วยท่าทางโง่งม “นายท่าน คุณทำผมตกใจแทบตาย”

ชายชุดดำทั้ง 2 ไม่ใช่ใครอื่น ฉู่ชวิ๋นและจักรพรรดิยานั่นเอง จิ่วโยวตัวเล็กเกินไป เสี่ยงที่จะโดนจับได้ ฉู่ชวิ๋นจึงให้เธอไปซ่อนตัวก่อน

อูหมิงทั้งตกใจทั้งดีใจ เขาลูบหัวที่โนอยู่ แม้จะเจ็บจนหน้าดูไม่ได้แต่ก็ยิ้มอย่างมีความสุขที่รอดตาย

“นายท่าน ครั้งนี้ถือว่าผมได้ความดีความชอบใช่มั้ย”

ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า “ทำได้ไม่เลว พยายามต่อไป”

“พยายามต่อไป?” อูหมิงทบทวนคำนี้ไปมาก่อนจะเบ้ปาก “นายท่าน คุณจะให้ผมแฝงตัวต่อเหรอ”

ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า

“แต่พวกเขาตายหมดแล้ว ถ้าผมกลับไปแบบนี้จะต้องโดนสงสัยแน่”

อูหมิงส่ายหน้ารัว ๆ และพูดจาออดอ้อน “นายท่าน คุณให้ผมคอยรับใช้อยู่ข้างกายคุณเถอะ”

“เฉินเฉวียนยังไม่ตาย ติงเฉวียนก็ยังไม่ตาย” ฉู่ชวิ๋นเอ่ยขึ้น

อูหมิงตกใจ หันไปมองทั้ง 2 คนก็เห็นว่าไม่มีการขยับตัว จึงถอนหายใจออกมา

“ถ้านายช่วยพวกเขาไว้ ก็จะไม่มีคนสงสัยนายอีก พวกเราต้องรู้ให้ได้ว่าปราสาทเทียนหลงโยกย้ายไปที่ไหน วันที่ปราสาทเทียนหลงถูกล้างบางจะเป็นวันที่นายได้กลับมา” ฉู่ชวิ๋นพูด

อูหมิงรู้ว่าไม่มีทางเลือก เขาได้แต่โศกเศร้าและไม่เต็มใจ

ฉู่ชวิ๋นหยิบยาทลายพลังออกมาและเอ่ยขึ้น “กินยานี่เข้าไป”

อูหมิงตกใจมากจนคุกเข่าลงพรึ่บ ร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล “นายท่าน ผมผิดไปแล้ว จากนี้ไปถ้าคุณให้ผมไปซ้ายผมจะไม่ไปขวาเด็ดขาด ผมรับประกันว่าจะทำตามคำสั่งของคุณ”

ฉู่ชวิ๋นอดขำไม่ได้ “ยานี้จะทำให้นายบรรลุเป็นจักรพรรดิขั้น 2”

“ผม…หา…?” เสียงร้องไห้ของอูหมิงหยุดชะงักงัน พอรู้สึกตัวเขาก็ร่าเริงขึ้นมาที่แท้นี่ไม่ใช่ยาพิษ แต่เป็นของรางวัลสำหรับเขา

“ขอบคุณนายท่าน ๆ…” อารมณ์ของอูหมิงเรียกได้ว่าไม่มีใครเกิน เมื่อกี้ยังร้องไห้โวยวาย พริบตาเดียวก็ออดอ้อนเอาอกเอาใจ

จักรพรรดิยามองอย่างอึ้งทึ่ง คนอย่างเจ้าหมอนี่ไม่ไปเล่นละครถือว่าเสียของจริง ๆ

หลายชั่วโมงต่อมา อูหมิงบรรลุจักรพรรดิมนุษย์ขั้น 2 ได้สำเร็จพร้อมสร้างรากฐานที่มั่นคงด้วยความช่วยเหลือของฉู่ชวิ๋น

“ขอบคุณนายท่าน” เขาดีใจจนหน้าแดงก่ำ ความรู้สึกของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 2 นี่สุดยอดจริง ๆ

ขณะเดียวกันเขาก็ยิ่งนับถือฉู่ชวิ๋นมากขึ้นเรื่อย ๆ สุดยอดจริง ๆ แค่ยาเม็ดเดียวก็ทำให้เขาบรรลุไปอีกขึ้นแล้ว ถ้าต่อไปนี้ขยันทำความดีความชอบ การจะเป็นจักรพรรดิขั้นสูงก็ไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป บางทีอาจได้ไปเยือนดินแดนสวรรค์ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ปากเขาก็แทบจะฉีกไปถึงหู

“เอาล่ะ เรื่องต่อจากนี้ฝากนายด้วย” พูดจบ ฉู่ชวิ๋นก็พาจักรพรรดิยาหายตัวไป

“คารวะนายท่าน” อูหมิงกล่าวอย่างนอบน้อม

จากนั้นสีหน้านอบน้อมของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นลุกลี้ลุกลนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะวิ่งไปเอาเลือดจากตัวคนตายมาป้ายตัวเอง ดูแล้วน่าอนาถเป็นอย่างมาก

เขาวิ่งไปดูติงเฉวียน หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะฟื้นขึ้นมา เขามองไปรอบ ๆ อย่างมีลับลมคมในก่อนจะยืนขึ้นแล้วถอดเข็มขัดออก

“ฉี่ ๆ ๆ ๆ ๆ”

มีน้ำไหลลงมารดใบหน้าของติงเฉวียน

“ไอ้เวรเอ้ย…กล้ารังแกฉันงั้นเหรอ”

ไม่นานสายน้ำก็หยุดลง อูหมิงสบายจนตัวสั่นระริก เป็นครั้งแรกที่แค่ฉี่ยังรู้สึกดีขนาดนี้

จากนั้นเขาก็วิ่งไปดูเฉินเฉวียน ก็พบว่าเฉินเฉวียนยังไม่ตายจริงๆ

“ถุย…จักรพรรดิระดับ 5 แล้วไง เก่งนักเหรอ สุดท้ายก็โดนนายท่านอัดอย่างกับหมาตายซาก แล้วยังต้องให้ฉันมาช่วยอีก กระจอกจริง ๆ”

จากนั้นเขาก็ถ่ายทอดพลังลมปราณเข้าไปในตัวเฉินเฉวียน ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บ

เนิ่นนาน ร่างกายของเฉินเฉวียนขยับเบา ๆ และค่อย ๆ ลืมตาขึ้น

“ผู้อาวุโสเฉิน คุณตื่นแล้ว ดีจริง ๆ ” อูหมิงตื้นตันจนน้ำตาคลอเขาแสดงละครเก่งมากจริง ๆ

เฉินเฉวียนหันไปหันมาแล้วขยับปากด้วยความยากลำบาก “อูหมิง เหรอ”

“ผมเอง ผู้อาวุโสเฉิน คุณรู้สึกยังไงบ้าง”

“นายช่วยฉันไว้เหรอ” เฉินเฉวียนสายตาแปลกไป เขาเห็นอูหมิงโดนหมัดเข้าที่หัวจนตายกับตา ทำไมถึงยังมีชีวิตอยู่

ไม่ทันที่เขาจะถาม อูหมิงก็พูดขึ้นมาก่อน “ผู้อาวุโสเฉิน คุณไม่รู้หรอกว่าเมื่อกี้น่าหวาดกลัวขนาดไหน ผมนึกว่าผมจะตายด้วยหมัดนั้นซะแล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่าผมจะบรรลุระดับ 2 ได้ในตอนนั้นพอดี ทำให้สลบไปเท่านั้น สุดท้ายก็รอดชีวิตมาได้”

เฉินเฉวียนชะงักไปนิดหน่อย เขาสัมผัสได้ถึงลมปราณอันแข็งกร้าวของ

อูหมิงและแอบคิดในใจว่า อูหมิงโชคดีเหมือนขี้นกตกใส่หัวจริง ๆ เขารู้ดีว่าหลังจากที่จอมยุทธ์ทะลวงระดับพลังแล้ว บาดแผลต่าง ๆ จะหายไป เพราะแบบนี้เขาจึงเชื่อคำพูดของอูหมิง

“มีแค่เรา 2 คนที่รอดเหรอ” เฉินเฉวียนพูดอย่างอ่อนแรง

“ผมก็เพิ่งฟื้นเหมือนกัน พอตื่นผมก็รีบมาช่วยผู้อาวุโสเฉิน” อูหมิงพูดขึ้น “คุณพักก่อน เดี๋ยวผมไปดูคนอื่นเอง”

เฉินเฉวียนมองอูหมิงด้วยสายตาปลื้มปริ่ม อูหมิงนี่ซื่อสัตย์จริง ๆ รู้ว่าต้องช่วยเขาก่อนเป็นอันดับแรก

อูหมิงวิ่งไปตรวจดูรอบหนึ่ง จนสุดท้ายไปดูติงเฉวียนก่อนจะร้องตะโกนด้วยความตกใจ “ผู้อาวุโสเฉิน ติงเฉวียนยังไม่ตาย”

พูดจบเขาก็ตบหน้าติงเฉวียน 2-3 ที ติงเฉวียนกระโจนพรึ่บขึ้นมาทำเอา

อูหมิงตกอกตกใจหมด

อูหมิงแอบหวั่นใจ หรือติงเฉวียนจะรู้เรื่องที่เขาฉี่รดหน้ามันแล้ว !

“อูหมิง?” ติงเฉวียนส่ายหัวไปมาด้วยความมึนหัว

“นายฟื้นแล้วเหรอ” อูหมิงทำสีหน้าเป็นห่วง เพราะเขากังวลว่าอีกฝ่ายจะรู้เรื่องที่เขาฉี่ใส่หน้า

“ทำไมแกยังมีชีวิตอยู่” ติงเฉวียนถามอย่างจริงจัง

อูหมิงเบาใจลง ดูเหมือนติงเฉวียนจะไม่รู้เรื่องที่เขาฉี่ใส่หน้า จึงตีหน้าเข้มและตอบอย่างเกรี้ยวกราด “นายหมายความว่ายังไง อยากให้พวกเราตายกันหมดหรือไง ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมนายไม่มีบาดแผลอะไรเลย”

อูหมิงสาดน้ำเสีย* ใส่เขาทันที (ใส่ร้ายป้ายสี)

และก็ตามนั้น สายตาของเฉินเฉวียนที่มองติงเฉวียนกลายเป็นความสงสัย

“พวกนาย 2 คนเลิกทะเลาะกันได้แล้ว นี่ไม่ใช่เวลามาทะเลาะกัน ไปจากที่นี่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน” เฉิงเฉวียนพูดอย่างอิดโรย เขาบาดเจ็บหนักมากอวัยวะภายในเคลื่อนที่ไปหมด

“ผู้อาวุโสเฉิน” ติงเฉวียนตกใจมาก เขาเพิ่งเห็นว่าเฉินเฉวียนยังมีชีวิตอยู่ ก่อนหน้านี้เขาเพ่งความสนใจไปที่อูหมิง ไม่ทันได้สังเกตเฉินเฉวียน

เฉินเฉวียนมองติงเฉวียนอย่างเย็นชา “ฉันยังไม่ตาย”

ติงเฉวียนไม่ได้สังเกตว่าน้ำเสียงของเฉิงเฉวียนแปลกไป เขาก้าวออกมา

“ผู้อาวุโสเฉิน เดี๋ยวผมแบกคุณเอง”

“ไม่ต้องหรอก ให้อูหมิงทำ นายคอยเฝ้าระวังดีกว่า”

ติงเฉวียนไม่คิดมากอะไร ในความคิดของเขา วิทยายุทธของเขาสูงกว่า

อูหมิง ให้อูหมิงเป็นแรงงานก็สมควรแล้ว

แต่เขาไม่รู้ว่าคำพูดของอูหมิงทำให้เฉินเฉวียนสงสัยในตัวเขา เฉินเฉวียนเลยกลัวว่าติงเฉวียนจะแอบลงมือทำอะไรระหว่างทาง

อูหมิงเห็นแบบนี้ก็แอบดีใจ สาดน้ำเสีย* สำเร็จ ! เขาแบกเฉินเฉวียนขึ้นหลัง แล้วทั้ง 3 คนก็มุ่งหน้าไปทางเมืองตงหลิง

….

….

ณ ภูเขาลูกหนึ่ง ฉู่ชวิ๋นหยิบแหวนมิติที่ตัวเองชิงได้มาดูและสอดส่องของด้านใน

พอมองไปแล้วแม้แต่เขายังต้องอึ้งก่อนจะเจ็บใจกับตัวเอง เพราะเยอะขนาดนี้ยังแค่ 1 ใน 4 เท่านั้น !

ปราสาทเทียนหลงสืบทอดกันมาหลายพันปี สมบัติมากจนน่าตกใจ แค่ในแหวนมิติวงนี้มีสมุนไพรยาวิเศษมากกว่า 500 ต้น ผลไม้วิเศษอีกหลายร้อยลูก และยังมีแก้วแหวนเงินทองอีกนับไม่ถ้วน แถมยังมีของวิเศษลึกลับอีก 3 อย่าง

ฉู่ชวิ๋นแอบตั้งมั่นว่าจะต้องเอาอีก 3 ส่วนที่เหลือมาให้ได้

มีของพวกนี้ คนรอบข้างเขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นแน่ ๆ

จิ่วโยวขยับตัวเข้ามาและยื่นมือขาวนุ่มนิ่มออกมาอย่างไม่เกรงใจ

ฉู่ชวิ๋นเองก็ไม่ขี้งก เขายื่นผลไม้วิเศษเปล่งประกายระยิบระยับหลายลูกให้เธอ แล้วก็ให้จักรพรรดิยาไปอีกหลายลูก ทั้ง 3 คนกินผลไม้วิเศษด้วยความสิ้นเปลืองอย่างกับว่ามันเป็นผลไม้ธรรมดา ๆ

ทั้ง 3 คนไม่รีบที่จะเดินทาง ฉู่ชวิ๋นตั้งค่ายกลและทั้ง 3 นั่งฝึกฝนเสียตรงนั้นเลย

จนกระทั่งแสงแดดของเช้าวันที่ 2 สาดส่องลงมาทั้ง 3 ถึงพากันตื่นขึ้นพลังลมปราณในร่างเองก็แข็งแกร่งขึ้นมาก

“ท่านเจ้าวัง หลังจากนี้พวกเราจะไปไหน” จักรพรรดิยาถามอย่างสงสัย

“กลับภูเขาเฉียนหลง” เขาไม่ได้พบหน้าพ่อแม่นานแล้ว เขาอยากต้องกลับไปสักหน่อย

“ท่านเจ้าวัง งั้นผมขอกลับวังมังกรเพลิงก่อนนะ” จักรพรรดิยาขออนุญาต

ฉู่ชวิ๋นมองอีกฝ่ายอย่างขำขัน ไม่พูดไม่แปลว่าเขาไม่รู้อะไร จักรพรรดิยาจะไปหาแม่หม้าย ช่วงนี้ทั้งสองสนิทชิดเชื้อกันมาก

ตอนที่เขาร่วมมือกับเยวี่ยฟ๋านเตี๋ยวางแผนล่อลวงประตูวิญญาณสลายเขาก็ให้ทั้ง 3 คนกลับวังมังกรเพลิงแต่จักรพรรดิยากับจิ่วโยวยังไงก็ไม่ยอมกลับ สุดท้ายก็มีแค่แม่หม้ายที่ต้องกลับไปคนเดียว

“ระวังเหลยเป้าด้วยละ” ฉู่ชวิ๋นเตือนจักรพรรดิยา ความรู้สึกที่เหลยเป้ามีต่อแม่หม้ายทุกคนรู้ดี

จักรพรรดิยาที่โผล่มากลางคันหากคิดจะสุขสมหวังกับแม่หม้าย เห็นทีจะต้องผ่านด่านเหลยเป้าไปก่อน

จักรพรรดิยาอดกระอักกระอ่วนไม่ได้ เขาเกาหัวและขอร้องออกมา

“ท่านเจ้าวัง ท่านช่วยไปคุยกับพี่เหลยเป้าให้หน่อยจะได้หรือเปล่า”

ฉู่ชวิ๋นส่ายหัวและหัวเราะออกมา “เรื่องนี้ฉันพูดไม่ได้ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกนาย ไปจัดการเอาเองเถอะ”

ก่อนที่จักรพรรดิยาจะจากไป ฉู่ชวิ๋นมอบกระบี่วิเศษลึกลับให้กับเขา กระบี่ยาวนี้นับเป็นของวิเศษระดับกลาง ชิงมาจากเป๋าผิงแห่งประตูวิญญาณสลายที่โบราณสถาน ซึ่งเขามีของแบบนี้เหลืออีกเยอะเลย

ทั้ง 3 คนไม่ได้ไปทางเดียวกันจึงแยกกันตั้งแต่ตรงนี้

กว่าฉู่ชวิ๋นและจิ่วโยวจะกลับถึงเมืองกู่เจียงก็บ่ายแล้ว เมื่อเขากลับมาก็เห็นสัตว์ร้ายมากมายเดินอยู่ตามถนน ทำให้เขาโกรธมาก

ไม่นานมานี้ เขาโมโหจนฆ่าสัตว์ร้ายไปหลายร้อยตัวพร้อมบอกอย่างชัดเจนว่าห้ามให้สัตว์ร้ายเข้ามาในเขตเมือง ดูเหมือนว่าการล้างบางตระกูลโหยวไปตระกูลเดียวจะยังไม่เพียงพอ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+