จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) 400 เบาะแส

Now you are reading จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) Chapter 400 เบาะแส at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บท​ที่​ 400 เบาะแส​

สำนัก​เทียน​หวู่​ถูก​ทำลาย​ หวู่ปู้ซือ​หายตัว​ไป​ ฉู่ชวิ๋น​ไม่มีเบาะแส​ แต่​เขา​ได้ยิน​บทสนทนา​จาก​โต๊ะ​ข้าง ๆ​ โดยบังเอิญ​ ชายหนุ่ม​จึงอด​ครุ่น​คิดถึง​เรื่อง​นี้​ไม่ได้​ บางคน​ก็​จำเป็นต้อง​ใช้ยา​แรง​ ถึงจะยอม​บอก​อะไร​ออกมา​

“หลง​อี้​ ไป​ชวน​เพื่อน​ของ​เรา​มานั่ง​ที่​โต๊ะ​นี้​หน่อย​สิ” ฉู่ชวิ๋น​ออกคำสั่ง​

หลง​อี้​ลุกขึ้น​แล้ว​เดิน​ไป​ปฏิบัติ​ตามคำสั่ง​ แต่​วิธี​เชิญชวน​ของ​มัน​นั้น​ค่อนข้าง​สุภาพ​แหวกแนว​ ซึ่งก็​คือ​การกระชาก​คอเสื้อ​ของ​อีก​ฝ่าย​หนึ่ง​แล้ว​ชัก​มีด​ออกมา​จ่อ​ที่​ลำคอ​ ก่อน​จะลากตัว​มาหน้าตาเฉย​

“แก​จะทำ​อะไร​?” จอม​ยุทธ์​ที่​เหลือ​อีก​สามคน​ของ​โต๊ะ​นั้น​ลุกขึ้น​ยืน​ด้วย​ความ​เดือดดาล​

ผลลัพธ์​ที่​ได้​ก็​คือ​ หลง​อี้​ระเบิด​พลัง​ลมปราณ​ออกจาก​ร่างกาย​ บรรดา​จอม​ยุทธ์​ฝ่ายตรงข้าม​ต้อง​เซถอยหลัง​ไป​ทันที​

จอม​ยุทธ์​ทั้ง​สามคน​รู้​แล้ว​ว่า​หลง​อี้​มีพลัง​ขั้น​จักรพรรดิ​ระดับ​ 9 และ​พวก​มัน​ไม่ใช่คน​ที่จะ​ต่อสู้​ด้วย​ได้​เลย​ จอม​ยุทธ์​กลุ่ม​นี้​มองหน้า​กัน​ด้วย​ความสงสัย​ว่า​พวก​ของ​ตนเอง​ไป​ทำให้​ผู้​มาก​ฝีมือ​คน​นี้​ผิดใจ​ตั้งแต่​เมื่อไหร่​นะ​?

“พี่ชาย​ เรา​ไม่เคย​รู้จัก​กัน​ ไม่เคย​มีเรื่อง​บาดหมาง​กัน​มาก่อน​เลย​นะ​” หนึ่ง​ใน​จอม​ยุทธ์​รวบรวม​ความกล้า​พูด​ออกมา​

“หลง​อี้​ ปล่อย​คน​” ฉู่ชวิ๋นอด​ยิ้ม​ออกมา​ไม่ได้​ เขา​ลุกขึ้น​ยืน​และ​เดิน​เข้า​ไปหา​ด้วย​ความพอใจ​ หลง​อี้​คน​นี้​เชื่อฟัง​เขา​เป็น​อย่าง​ดี​

หลง​อี้​ปล่อยตัว​คน​แซ่โจว​ และ​เดิน​กลับมา​ยืน​อยู่​ด้านหลัง​ฉู่ชวิ๋น​

จอม​ยุทธ์​ฝ่ายตรงข้าม​ตกตะลึง​ไป​แล้ว​ ผู้​มีพลัง​ขั้น​จักรพรรดิ​ระดับ​ 9 ยัง​ต้อง​เป็น​ลูกน้อง​คนอื่น​อีก​หรือ​? แล้ว​ชายหนุ่ม​ผู้​นี้​ต้อง​มีความ​แข็งแกร่ง​ระดับ​ไหน​กัน​?

พวก​มัน​พา​กัน​คาดเดา​ตัวตน​ของ​ฉู่ชวิ๋น​ด้วย​ความหวาดหวั่น​ แต่​ถึงอย่างนั้น​ จอม​ยุทธ์​ทั้ง​สี่คน​นี้​ก็​ยัง​จำไม่ได้​อยู่ดี​ว่า​ไป​มีเรื่อง​กับ​กลุ่ม​ของ​ฉู่ชวิ๋น​ตั้งแต่​เมื่อไหร่​?

“ฉัน​ต้อง​ขออภัย​ทุกท่าน​เป็น​อย่าง​สูง ลูกน้อง​ของ​ฉัน​เข้าใจผิด​ไป​หน่อย​” ฉู่ชวิ๋น​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​สุภาพ​ “ไม่ต้อง​ห่วง​ ฉัน​แค่​มีเรื่อง​อยาก​ถามพวก​พี่ชาย​เล็กน้อย​เท่านั้น​”

จอม​ยุทธ์​ทั้ง​สี่คน​หัน​มองหน้า​กัน​และ​ถอนหายใจ​ออกมา​พร้อมกัน​ด้วย​ความ​โล่งอก​

“น้องชาย​อยาก​รู้เรื่อง​อะไร​ล่ะ​” ถึงแม้ว่า​ฉู่ชวิ๋น​จะพูด​ด้วย​ความอ่อนน้อม​ถ่อมตน​ แต่​พวก​มัน​ก็​ไม่กล้า​ทำตัว​แข็งกระด้าง​เข้าใส่​ เนื่องจาก​ยังมี​บรรดา​คน​ที่​แต่งตัว​เหมือน​ชายหนุ่ม​ผู้​มีพลัง​ขั้น​จักรพรรดิ​ระดับ​ 9 ยืน​อยู่​ที่​โต๊ะอาหาร​ซึ่งห่าง​ออก​ไป​ไม่ไกล​ กำลัง​ใช้สายตา​จับจ้อง​มาที่​พวก​มัน​เขม็ง​

“เชิญพี่ชาย​ทั้ง​สี่มาคุย​กันที่​โต๊ะ​ของ​ฉัน​ดีกว่า​” ฉู่ชวิ๋น​เชิญฝ่ายตรงข้าม​มาที่​โต๊ะ​ของ​ตนเอง​

จอม​ยุทธ์​สี่คน​นั้น​ไม่กล้า​พูด​อะไร​ออกมา​ ได้​แต่​เดินตาม​ฉู่ชวิ๋น​ไป​อย่าง​ว่าง่าย​

“เชิญนั่งลง​ก่อน​”

จอม​ยุทธ์​ทั้ง​สี่คน​นั่งลง​อย่าง​สุภาพ​เรียบร้อย​ ไม่มีใคร​กล้า​ขัดคำสั่ง​

ฉู่ชวิ๋น​มอง​จอม​ยุทธ์​แซ่โจว​และ​พูดว่า​ “เมื่อ​สักครู่​นี้​ฉัน​ได้ยิน​พี่ชาย​พูดถึง​เหตุการณ์​บน​ภูเขา​หวู​จิน​ ฉัน​อยาก​จะรู้​ว่า​คืน​นั้น​มัน​เกิด​อะไร​ขึ้น​กัน​แน่​?”

จอม​ยุทธ์​ทั้ง​สี่คน​หัน​มองหน้า​กัน​โดยไม่รู้ตัว​ แล้ว​สิ่งที่​พวก​มัน​หวาดกลัว​ก็​เกิดขึ้น​ งาน​นี้​ถ้าพูดจา​ไม่ดี​ ปลา​หมอ​อาจจะ​ต้อง​ตาย​เพราะ​ปาก​ก็​เป็นไปได้​

คน​แซ่โจว​ทราบ​ดี​ถึงสถานการณ์​นี้​ ดังนั้น​ มัน​ไม่ควร​พูด​อะไร​โดยไม่จำเป็น​

“คืน​นั้น​ฉัน​เข้า​ป่า​ไป​ล่า​เสือ​แถว​ภูเขา​หวู​จิน​ ก็​บังเอิญ​ได้​พบเห็น​กลุ่มคน​แต่งตัว​ชุด​ดำ​ขึ้น​เขา​ไป​ฆ่าคน​อย่าง​อำมหิต​ยิ่งนัก​”

“พี่ชาย​ทราบ​ไหม​ว่า​พวก​มัน​มาจาก​สำนัก​ใด​?” ฉู่ชวิ๋น​ถาม

คน​แซ่โจว​ส่าย​ศีรษะ​ “พวก​มัน​ใส่เสื้อคลุม​สีดำ​ปิดบัง​หน้าตา​ ไม่สามารถ​ระบุ​ตัวตน​ได้​เลย​”

“พี่ชาย​พบเห็น​เจ้าสำนัก​เทียน​หวู่​บ้าง​หรือไม่​? หวู่ปู้ซือ​หายตัว​ไป​ไหน​?”

“เจ้าสำนัก​เทียน​หวู่​บาดเจ็บสาหัส​และ​ถูก​คน​ชุด​ดำ​กลุ่ม​นั้น​พา​ตัว​กลับ​ไป​ด้วย​” คน​แซ่โจว​ตอบ​

“พี่ชาย​แน่ใจ​นะ​?” ฉู่ชวิ๋นอด​รู้สึก​โล่งอก​ขึ้น​มาไม่ได้​ อย่าง​น้อย​ชาย​ชรา​ก็​ยังคง​มีชีวิต​อยู่​

“ฉัน​เห็น​มากับ​ตา​ แล้ว​ฉัน​ก็​รู้จัก​ท่าน​เจ้าสำนัก​หวู่​ รับรอง​ว่า​ไม่ผิดคน​แน่​”

“มีลูกศิษย์​คน​ไหน​ของ​สำนัก​เทียน​หวู่​รอดชีวิต​บ้าง​ไหม​?”

“ทุกคน​ถูก​ฆ่าตาย​หมด​ ไม่เหลือ​รอด​เลย​สัก​คนเดียว​”

“แล้ว​นอกจาก​เรื่อง​พวก​นี้​ พี่ชาย​รู้​อะไร​อีก​บ้าง​?”

คน​แซ่โจว​ก้มหน้า​ลง​นิ่ง​คิด​อยู่​ชั่ว​ครู่ใหญ่​ จากนั้น​ก็​เงยหน้า​ขึ้น​มากล่าวว่า​ “ฉัน​ได้ยิน​มากับ​หู​ว่าที่​พวก​มัน​ทำ​แบบนี้​ ก็​เพื่อ​จับตัว​เจ้าสำนัก​หวู่​ไว้​เป็น​ข้อต่อรอง​กับ​…จอม​มาร​ฉู่ชวิ๋น”​

ดวงตา​ของ​ฉู่ชวิ๋น​เป็นประกาย​เย็นชา​ รังสี​ฆ่าฟัน​แผ่​ออกมา​โดยไม่รู้ตัว​

“ขอบคุณ​มาก​ครับ​!” ฉู่ชวิ๋​นรี​บ​พูด​กลบเกลื่อน​อาการ​ของ​ตัวเอง​ “เดี๋ยว​วันนี้​ฉัน​ขอ​เลี้ยง​อาหารค่ำ​พวก​พี่ชาย​หน่อย​ก็แล้วกัน​”

จอม​ยุทธ์​ทั้ง​สี่คน​ทำได้​แต่เพียง​หัวเราะ​และ​ขอบคุณ​ ก็​จะให้​พวก​มัน​พูด​อะไร​ได้​อีก​ล่ะ​? เพียงแค่​ฝ่ายตรงข้าม​โคจร​พลัง​ลมปราณ​เฉย ๆ​ พวก​มัน​ก็​แทบ​ตก​เก้าอี้​แล้ว​

คน​แซ่โจว​มองหน้า​ฉู่ชวิ๋น​ แววตา​เต็มไปด้วย​ความสงสัย​ใคร่รู้​ ก่อนที่​มัน​จะเอ่ย​ถามอย่าง​ระมัดระวัง​ว่า​ “แล้ว​น้องชาย​เป็น​อะไร​กับ​สำนัก​เทียน​หวู่​หรือ​?”

“พี่ชาย​จะอยากรู้​ไป​ทำไม​?” ฉู่ชวิ๋น​หัน​กลับมา​มองหน้า​

คน​แซ่โจว​กระซิบ​เบา​ ๆ “ถ้าน้องชาย​มีความสัมพันธ์​ที่​ดี​กับ​สำนัก​เทียน​หวู่​ ฉัน​ก็​มีเบาะแส​สำคัญ​อีก​หนึ่ง​อย่าง​ที่จะ​บอก​ให้​รู้​”

ฉู่ชวิ๋น​รีบ​พูด​ออกมา​ทันที​ “ฉัน​คือ​ฉู่ชวิ๋น​ เชิญบอก​มาได้​เลย​”

โครม​!

คน​แซ่โจว​สะดุ้งโหยง​ด้วย​ความ​ตกตะลึง​จน​หงายหลัง​ร่วงหล่น​ไป​จาก​เก้าอี้​

พวก​ของ​มัน​อีก​สามคน​ก็​ลุก​พรวด​ขึ้น​ยืน​ ก้าว​ถอยหลัง​ไป​โดยไม่รู้ตัว​ ชน​เก้าอี้​ล้มระเนระนาด​ ทุก​สายตา​จ้องมอง​มาที่​ฉู่ชวิ๋น​ด้วย​ความหวาดกลัว​

ชายหนุ่ม​คน​นี้​ก็​คือ​ฉู่ชวิ๋น​ จอม​มาร​ฉู่ชวิ๋น​ผู้​โด่งดัง​คน​นั้น​ นาม​ที่​เลื่องลือ​ระบือ​ไกล​ไป​ทั่วโลก​

พวก​ของ​หลง​อี้​หัน​มองหน้า​กัน​ พวก​มัน​ไม่เข้าใจ​เลย​ว่า​ทำไม​ฝ่ายตรงข้าม​ต้อง​ตกใจ​ถึงขนาด​นี้​เมื่อ​ได้ยิน​ชื่อ​ของ​ฉู่ชวิ๋น?​ พวก​มัน​ยังคง​ไม่รู้​อีก​ด้วยซ้ำ​ว่า​ฉายา​ของ​ฉู่ชวิ๋น​แปล​ว่า​อะไร​?

ความตกใจ​ของ​พวก​มัน​ใน​ครั้งนี้​ ดึงดูด​ความสนใจ​จาก​แขก​คนอื่น​ ๆ ที่อยู่​ใน​ร้านอาหาร​ให้​หันมา​มอง​

“ไอ้​พวก​อันธพาล​ข้าง​ถนน​ คิด​ว่า​จะมาตี​กัน​ที่นี่​ได้​หรือไง​ เดี๋ยว​ฉัน​ก็​จับ​โยน​ออก​ไป​ทั้ง​ฝูงเลย​นี่​” จอม​ยุทธ์​ที่นั่ง​อยู่​โต๊ะ​มุมร้าน​ซึ่งมีอาการ​มึนเมา​เล็กน้อย​ ยกมือ​ชี้หน้า​ด่าทอ​ฉู่ชวิ๋น​ด้วย​ความโมโห​

ผล​ที่​ได้​ก็​คือ​ ยัง​ไม่ทัน​ที่​มัน​จะพูด​จบ​ประโยค​ คน​แซ่โจว​ก็​รีบ​ลุกขึ้น​จาก​พื้น​ ทำตัว​ลนลาน​เหมือน​เด็ก​ถูก​ผู้ใหญ่​จับได้​ว่า​กระทำความผิด​ มัน​ละล่ำละลัก​ด้วย​ความ​ตื่นกลัว​ว่า​ “ที่แท้​ก็​เป็น​นาย​ท่าน​ฉู่ชวิ๋น​ จอม​มาร​ฉู่ชวิ๋น”​

ฉู่ชวิ๋น​พยักหน้า​เล็กน้อย​และ​ตอบ​ว่า​ “ฉัน​เอง​”

จอม​ยุทธ์​ที่​เมามาย​เล็กน้อย​ซึ่งเพิ่งจะ​ชี้หน้า​ด่าทอ​เขา​อยู่​เมื่อ​สักครู่​นี้​สร่าง​เมาโดยทันที​ ส่วน​คน​ที่นั่ง​ร่วมโต๊ะ​กับ​มัน​ก็​มีใบ​หน้าซีด​ขาว​กัน​หมด​แล้ว​

“นะ​ นะ​ นาย​ท่าน​ฉู่ชวิ๋​น.​..ผู้น้อย​ขออภัย​ ผู้น้อย​ปาก​ไม่ดี​ ผู้น้อย​ผิด​ไป​แล้ว​” จอม​ยุทธ์​ผู้​เมามาย​เล็กน้อย​รีบ​ลุกขึ้น​ยืน​ตบ​ปาก​ตัวเอง​อย่าง​รุนแรง​ มัน​รู้สึก​หวาดกลัว​เหมือน​วิญญาณ​จะหลุด​ออกจาก​ร่าง​ เพียง​ไม่นาน​ริมฝีปาก​ของ​มัน​ก็​บวม​เจ่อ​ขึ้น​มาแล้ว​

คน​ผู้​นี้​คง​หวาดกลัว​จน​ขวัญหนีดีฝ่อ​ ใน​ขณะนี้​มัน​ไม่กล้า​สบตา​มอง​ผู้ใด​ ไม่กล้า​เอ่ยปาก​ด่าทอ​คน​อีกแล้ว​

จอม​มาร​ฉู่ชวิ๋น​

ชื่อ​นี้​เป็น​เหมือน​คำสาป​ร้าย​ ปรากฏ​ที่ไหน​ต้อง​มีเรื่อง​ร้าย​เกิดขึ้น​ที่นั่น​

บรรดา​แขก​ที่อยู่​ใน​ร้าน​ลุกขึ้น​ยืน​โดยไม่รู้ตัว​ ทุกคน​พร้อมใจกัน​เดิน​ไป​ที่​ประตู​ร้าน​ ไม่มีใคร​อยาก​จะนั่ง​อยู่​ใน​ร้าน​ร่วมกับ​จอม​มาร​ผู้​โหดร้าย​คน​นี้​เลย​สัก​คน​

จอม​ยุทธ์​ที่​ตบ​ปาก​ตัวเอง​จน​ปาก​เจ่อ​ ได้​แต่​ยืน​มอง​เพื่อน​ร่วมโต๊ะ​เดิน​หนี​ออก​ไป​จากร้าน​ ตัว​มัน​เอง​ก็​อยาก​จะหนี​ไป​เช่นกัน​ แต่​ไม่มีความกล้า​มาก​พอ​

พวก​ของ​หลง​อี้​ประหลาดใจ​มาก​ ขณะนี้​พวก​มัน​เข้าใจ​ได้​อย่างหนึ่ง​แล้ว​ว่า​ ชื่อ​ของ​ฉู่ชวิ๋น​มีความ​พิเศษ​ไม่ธรรมดา​

“นาย​ท่าน​อยาก​ให้​จัดการ​เลย​ไหม​ครับ​?” หลง​อี้​ถาม

ฉู่ชวิ๋น​ส่ายหน้า​ “ปล่อย​เขา​ไป​เถอะ​”

“ไสหัวไป​ซะ” หลง​อี้​คำราม​

“ขอบคุณ​ครับ​นาย​ท่าน​ฉู่ชวิ๋น​ ขอบคุณ​ ขอบคุณ​…” คน​ผู้​นั้น​ไม่กล้า​เช็ด​เลือด​ออกจาก​ปาก​ตัวเอง​ด้วยซ้ำ​ตอนที่​วิ่งหนี​ไป​

ฉู่ชวิ๋น​หัน​กลับมา​มองหน้า​คน​แซ่โจว​และ​ขอให้​อีก​ฝ่าย​นั่งลง​

จอม​ยุทธ​ทั้ง​สี่คน​กลับมา​นั่งลง​อีกครั้ง​ด้วย​ตัว​ที่​สั่นเทา​

“เรียน​นาย​ท่าน​ฉู่ชวิ๋น​ ผม​รู้​ว่า​ใคร​คือ​คน​ที่​ทำลาย​สำนัก​เทียน​หวู่”​ คน​แซ่โจว​รีบ​พูด​ออกมา​อย่าง​ร้อนรน​

ฉู่ชวิ๋น​ถามอย่าง​ร้อนใจ​ “มัน​เป็น​ใคร​?”

“ผม​ได้ยิน​พวก​มัน​คุย​กัน​ว่า​มาจาก​ประตู​วิญญาณ​สลาย​ครับ​” คน​แซ่โจว​พูด​ด้วย​ความละอายใจ​ “ก่อนหน้านี้​ต้อง​ขออภัย​ที่​ผม​ปิดบัง​ความจริง​ เนื่องจาก​ผม​ไม่อยาก​มีเรื่อง​กับ​พวก​ประตู​วิญญาณ​สลาย​ จึงพูด​เรื่อง​นี้​ออกมา​ไม่ได้​”

ฉู่ชวิ๋น​พยักหน้า​เล็กน้อย​ สีหน้า​ของ​เขา​บอ​กว่า​เข้า​ใจดี​

ประตู​วิญญาณ​สลาย​เป็น​สำนัก​สาย​มืด​ใน​ยุทธ​ภพ​ ฆ่าคน​เหมือน​ผัก​ปลา​ ไม่ว่า​เป็น​ใคร​หน้า​ไหน​ ก็​ล้วนแต่​ไม่อยาก​ไป​ข้อง​เกี่ยวกับ​ประตู​วิญญาณ​สลาย​ทั้งสิ้น​

ความจริง​แล้ว​ ก่อนหน้านี้​ที่​คน​แซ่โจว​พูดว่า​กลุ่มคน​ที่​บุก​ไป​ทำร้าย​สำนัก​เทียน​หวู่​สวมใส่​เสื้อคลุม​สีดำ​ ฉู่ชวิ๋น​ก็​คิด​เอาไว้​แล้ว​ว่า​ต้อง​เป็น​ประตู​วิญญาณ​สลาย​แน่​ ๆ เพียงแต่​เขา​ยัง​ไม่มั่นใจ​เท่านั้น​

“ขอบใจ​!” ฉู่ชวิ๋น​โบกมือ​ แล้ว​หญ้า​จิตวิญญาณ​หลาย​สิบ​กำ​ก็​มาปรากฏ​อยู่​บน​โต๊ะอาหาร​ เขา​มองหน้า​คน​แซ่โจว​อีกครั้ง​ “นาย​ทำได้​ดีมาก​”

“ไม่เป็นไร​หรอก​ครับ​นาย​ท่าน​ ของ​พวก​นี้​เรา​ไม่กล้า​รับ​เอาไว้​หรอก​” คน​แซ่โจว​โบกไม้โบกมือ​ปฏิเสธ​

“ฉัน​จะวาง​ทิ้ง​ไว้​ตรงนี้​ จะเอา​ไม่เอา​ก็แล้วแต่​พวก​นาย​” ฉู่ชวิ๋น​พยักหน้า​ให้​พรรคพวก​ ก่อนที่จะ​เดิน​นำ​พวก​ของ​หลง​อี้​ออก​ไป​จาก​ร้านอาหาร​

ขณะนี้​ ใน​ร้านอาหาร​จึงหลง​เหลืออยู่​แต่เพียง​พวก​ของ​คน​แซ่โจว​สี่คน​เท่านั้น​

หนึ่ง​ใน​กลุ่มคน​ยกมือ​ปาดเหงื่อ​บน​หน้าผาก​ กระซิบ​ออกมา​ว่า​ “แม่จ๋า กลัว​แทบตาย​แน่ะ​ ขนาด​เจอ​สัตว์​ที่​มีพลัง​ขั้น​จักรพรรดิ​ระดับ​ 6 ฉัน​ยัง​ไม่กลัว​ขนาด​นี้​เลย​”

“เหลวไหล​ สัตว์​ที่​มีพลัง​ขั้น​จักรพรรดิ​ระดับ​ 6 อะไร​กัน​เล่า​? ต่อให้​เป็น​คน​ขั้น​จักรพรรดิ​ระดับ​ 8 หรือ​ 9 ก็​เอา​มาเทียบ​กับ​นาย​ท่าน​ฉู่ชวิ๋น​ได้​หรือไง​? แค่​ลูกน้อง​ของ​เขา​ก็​มีพลัง​ขั้น​จักรพรรดิ​ระดับ​ 9 เข้าไป​แล้ว​”

“มาคิด​กัน​ก่อน​ดีกว่า​ ว่า​เรา​จะทำ​ยังไง​กับ​หญ้า​จิตวิญญาณ​พวก​นี้​ดี​?” หนึ่ง​ใน​กลุ่มคน​ถามขึ้น​

“นี่​คือ​ของรางวัล​จาก​นาย​ท่าน​ฉู่ชวิ๋น​ ถือว่า​เป็น​ของขวัญ​สำหรับ​พวกเรา​ เอา​มาแบ่ง​กัน​เถอะ​” คน​แซ่โจว​ออกความเห็น​

ไม่ใช่จอม​ยุทธ์​ทุกคน​ที่จะ​มีหญ้า​จิตวิญญาณ​อยู่​เหลือเฟือ​เหมือน​ฉู่ชวิ๋น​ ดังนั้น​จอม​ยุทธ์​กลุ่ม​นี้​จึงมีความสนใจ​ใน​หญ้า​จิตวิญญาณ​เป็นอย่างมาก​

สุดท้าย​แล้ว​ พวก​มัน​ทั้ง​สี่คน​ก็​แบ่ง​หญ้า​จิตวิญญาณ​ออก​เป็น​สี่ส่วน​เท่า​ ๆ กัน​

“ไม่คิดไม่ฝัน​เลย​ว่า​ใน​ชีวิต​นี้​ ฉัน​จะได้​มีวาสนา​นั่ง​ร่วมโต๊ะ​กับ​นาย​ท่าน​ฉู่ชวิ๋น​ ถ้าเอาเรื่อง​นี้​ไป​เล่า​ให้​ใคร​ฟัง คง​ไม่มีใคร​เชื่อ​แน่​ ๆ”

“จริง​ด้วย​ นาย​ท่าน​ฉู่ชวิ๋น​เป็น​คน​เชิญเรา​มาทาน​อาหารค่ำ​ แถมยัง​มอบ​หญ้า​จิตวิญญาณ​ให้​เรา​ด้วย​ เรื่อง​นี้​อย่า​ว่าแต่​จะเป็น​ความจริง​ ขนาด​ฝัน​ฉัน​ยัง​ไม่กล้า​ฝัน​ถึงเลย​”

“นาย​ท่าน​ฉู่ชวิ๋น​ไม่เห็นจะ​เป็น​คน​โหดร้าย​ใจดำ​อำมหิต​สักหน่อย​”

“เขา​จะโหดร้าย​กับ​พวก​ศัตรู​ไงล่ะ​ เรา​ไม่มีเรื่อง​บาดหมาง​กับ​นาย​ท่าน​ฉู่ชวิ๋น​ ไม่มีเหตุผล​ที่​เขา​จะมาทำร้าย​เรา​อยู่แล้ว​”

“ทุกคน​ ฉัน​ตัดสินใจ​แล้ว​” คน​แซ่โจว​ลุกขึ้น​ยืน​ ใน​ดวงตา​เต็มไปด้วย​ประกาย​มุ่งมั่น​ “ฉัน​จะขอ​สมัคร​เข้า​เป็น​คน​ของ​ตระกูล​ฉู่”

เพื่อน​ของ​มัน​ทั้ง​สามคน​เบิก​ตาโต​ด้วย​ความ​ตกตะลึง​ ก่อนที่จะ​พยักหน้า​อย่าง​เห็นด้วย​

“ฉัน​เอา​ด้วย​ ฉัน​ไม่มีอะไร​ให้​ต้อง​เป็นห่วง​ ขอ​ติดตาม​นาย​ท่าน​ฉู่ชวิ๋น​ไป​ปราบ​เหล่าร้าย​ดีกว่า​ นี่​สิถึงจะเรียก​ว่าการ​ใช้ชีวิต​ให้​คุ้มค่า​”

“ฉัน​ไป​ด้วย​”

“ฉัน​ก็​เอา​ด้วย​คน​”

คน​แซ่โจว​ระเบิด​เสียงหัวเราะ​และ​พูดว่า​ “ตกลง​ พวกเรา​สมัคร​เข้า​ตระกูล​ฉู่กัน​ทั้งหมด​นี่แหละ​”

“ตอนนี้​นาย​ท่าน​ฉู่ชวิ๋นคง​ยัง​ไป​ไม่ถึงไหน​ เรา​ออก​ไป​ตามหา​เขา​กัน​เถอะ​”

คน​ทั้ง​สี่รีบ​ออก​มาจาก​ร้านอาหาร​ แต่​โชคร้าย​ที่​พวก​ของ​ฉู่ชวิ๋น​ไม่ได้​กลับ​ขึ้น​ห้องพัก​ หลัง​ออก​มาจาก​ร้านอาหาร​แล้ว​ เขา​ก็​นำ​พวก​หลง​อี้​ออก​ไป​จาก​โรงแรม​ทันที​

“ทีนี้​จะเอา​ไงต่อไป​ดี​ล่ะ​?”

“ไป​ที่​เมือง​กู่​เจียง​กัน​ดีกว่า​ ฉัน​ได้ยิน​มาว่า​สำนัก​ภูผา​ทมิฬ​ก็​เป็น​สาขา​หนึ่ง​ของ​ตระกูล​ฉู่เหมือนกัน​”

เพื่อน​ของ​เขา​ทั้ง​สามคน​พยักหน้า​ตกลง​

……

……

ถึงจะเป็น​ยาม​ราตรี​แล้ว​ แต่​ฉู่ชวิ๋น​ก็​นำ​พวก​ของ​หลง​อี้​เตรียมตัว​เดินทาง​ไป​ที่​หุบเขา​แห่ง​ความ​เงียบ​ใน​เมือง​ฉิงเฉิงอย่าง​ไม่รอ​ช้า

ครั้ง​ล่าสุด​ตอน​อยู่​ใน​เมือง​กู่​เจียง​ มีคน​ของ​ประตู​วิญญาณ​สลาย​ถูก​ฆ่าตาย​ และ​จาก​ปากคำ​ของ​เปา​เทียน​เซียน​ พวกเขา​จึงรู้​ว่า​ประตู​วิญญาณ​สลาย​มีที่​ตั้งอยู่​ใน​หุบเขา​แห่ง​ความ​เงียบ​ ณ เมือง​ฉิงเฉิง

ฉิงเฉิงอยู่​ห่างไกล​จาก​เมือง​ผิง​ซุน​ไม่ใช่น้อย​ ความห่างไกล​ระหว่าง​สอง​เมือง​นี้​ ต่อให้​นั่ง​เครื่องบิน​ก็​ต้อง​ใช้เวลา​เดินทาง​นาน​เป็น​วัน​

ตอนนี้​ดึก​แล้ว​ นับ​จาก​ที่เกิด​ความเปลี่ยนแปลง​ของ​โลก​ การ​บิน​เครื่องบิน​ตอนกลางคืน​ไม่ปลอดภัย​อีกต่อไป​ จึงไม่มีสายการบิน​ใด​ให้บริการ​ตอนกลางคืน​อีกแล้ว​

ฉู่ชวิ๋น​ไม่มีทางเลือก​นอกจาก​ใช้วิชา​ตัวเบา​เดินทาง​ไป​กันเอง​ คราวนี้​ไม่ว่า​อย่างไร​ เขา​ก็​จะต้อง​ถอนรากถอนโคน​ประตู​วิญญาณ​สลาย​ให้จงได้​

เปรี้ยง​!

ทันใดนั้น​ประตู​บาร์​พลัน​เปิด​ออก​ ตัว​คน​ลอย​กระเด็น​ออกมา​ตก​อยู่​ตรงหน้า​พวก​ของ​ฉู่ชวิ๋น​ที่​กำลังจะ​เดินผ่าน​ไป​พอดี​

คน​ที่​ลอย​ออกมา​เป็น​ชาย​วัยกลางคน​ มีพลัง​ขั้น​จักรพรรดิ​ระดับ​ 6 บัดนี้​มีเลือด​ไหล​ซึมออกมา​จากมุมปาก​ เขา​ตะกาย​ลุกขึ้น​ยืน​จ้องมอง​ชายหนุ่ม​กลุ่ม​หนึ่ง​ที่​เดิน​ออกมา​จากบาร์​

“ไอ้​พวก​นกยูง​ผี​ พวก​แก​จะทำตัว​อวดดี​ที่ไหน​ก็ได้​ แต่​ที่นี่​คือ​เมือง​ผิง​ซุน​ ไม่ใช่ถิ่น​ของ​พวก​แก​สักหน่อย​” ชาย​วัยกลางคน​กล่าว​ด้วย​ความโกรธแค้น​

กลุ่ม​ชายหนุ่ม​ที่​เดิน​ออก​มาจาก​บาร์​เหล้า​แต่งกาย​ด้วย​เสื้อผ้า​ที่​ตัดเย็บ​อย่าง​ปราณี​ต​ หน้าตา​ของ​พวก​มัน​แต่ละคน​หล่อเหลา​เอาการ​

หัวหน้ากลุ่ม​เป็น​ชายหนุ่ม​สีหน้า​เฉยชา​ ใน​มือ​ข้าง​หนึ่ง​ถือ​แก้วไวน์​แดง​ มัน​จ้องมอง​ชาย​วัยกลางคน​ด้วย​สายตา​เหยียดหยาม​ ก่อน​หัวเราะเยาะ​ว่า​ “ถ้าเป็น​ความต้องการ​ของ​เผ่าพันธุ์​นกยูง​ปีศาจ​ ไม่ว่า​เป็น​ที่ไหน​ ที่นั่น​ก็​สามารถ​กลายเป็น​อาณาเขต​ของ​พวกเรา​ได้​เสมอ​”

ในขณะนั้น​เอง​ หญิงสาว​หน้าตา​ดี​คน​หนึ่ง​ก็​วิ่ง​ออก​มาจาก​บาร์​เหล้า​ด้วย​ใบหน้า​นอง​น้ำตา​ ชุด​กระโปรง​สีขาว​ของ​เธอ​เปรอะเปื้อน​ด้วย​ไวน์​แดง​ที่​ดูเหมือน​จะถูก​เท​ราด​ใส่

“พี่​เฟย​ เป็น​อะไร​หรือเปล่า​คะ​?” หญิงสาว​กำลังจะ​วิ่ง​เข้า​ไปหา​ชาย​วัยกลางคน​พร้อมกับ​ร้องไห้​

แต่​ในขณะที่​เธอ​กำลัง​วิ่ง​ผ่าน​กลุ่ม​ชายหนุ่ม​นกยูง​ปีศาจ​ พวก​มัน​คน​นึง​ก็ได้​คว้า​จับ​แขน​ของ​เธอ​เอาไว้​

หญิงสาว​คน​นี้​เป็น​เพียงแค่​มนุษย์​ธรรมดา​ ไม่อาจ​สู้แรง​คน​จาก​เผ่าพันธุ์​นกยูง​ปีศาจ​ได้​เลย​

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด