จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) 315 คำนวนผลดีผลร้าย

Now you are reading จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) Chapter 315 คำนวนผลดีผลร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 315 คำนวนผลดีผลร้าย

ชนะรอด แพ้ตาย!

เนี่ยจื่อเฉิงรู้สึกอึดอัดใจ ดวงตาเป็นประกายระยิบ สีหน้าของมันเคร่งเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ มันกำลังนึกถึงใครบางคน

“พวกเรากลับ!” เนี่ยจื่อเฉิงโบกมือแล้วหันหลังกลับ

เหล่าจอมยุทธ์ที่อยู่ในบริเวณนั้นถึงกับตกตะลึง แค่นี้เองหรือ? เพียงแค่พูดสองประโยค ฉู่ชวิ๋นก็สามารถทำให้จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 8 ทั้งสองต้องกลับบ้านงั้นเหรอ!

“การแสดงจบแล้วทุกคน ได้เวลาแยกย้ายกันกลับบ้าน” ฉู่ชวิ๋นพูดออกมา

จอมยุทธ์ทุกคนได้สติก็รีบเดินทางกลับตามคำสั่ง

บางคนรู้สึกโล่งใจ บางคนรู้สึกเป็นกังวล บางคนแม้จะไม่ได้ผลไม้วิเศษแต่ก็ได้กอบโกยต้นหญ้าจิตวิญญาณติดมือมาเป็นจำนวนมาก

ไม่มีผู้ใดจะรู้สึกขมขื่นเท่ากับจังเฟิงหลิงและพันเฉิงเฟิงอีกแล้ว ครั้งสุดท้ายที่พวกมันบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นนี้เกิดขึ้นนานขนาดไหนพวกมันเองก็จำไม่ได้ มิหนำซ้ำ ครั้งนี้ทรัพย์สินติดตัวพวกมันยังถูกปล้นไปจนหมดอีกด้วย

ฉู่ชวิ๋นจัดการถอดชุดเกราะวิเศษออกมาจากตัวของจังเฟิงหลิงกับพันเฉิงเฟิง หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปถอดชุดเกราะออกจากพวกจอมยุทธ์ตระกูลจัง

“แบบนี้มันมากเกินไปแล้วนะ!!” ในที่สุด จังเฟิงหลิงก็ฟื้นขึ้นมาหลังจากสลบไปช่วงใหญ่

ฉู่ชวิ๋นที่เดินไปข้างหน้าสองก้าวจู่ ๆ ก็หยุดชะงักแล้วหันหน้ากลับมาพูดว่า

“ถ้าแกไม่พูดฉันก็เกือบลืมไปแล้วนะเนี่ย เมื่อกี้แกปากโป้งบอกเรื่องนั้นกับเนี่ยจื่อเฉิงทำไม”

“เพียะ!”

เสียงตบดังขึ้น จังเฟิงหลิงส่งเสียงร้องโหยหวน ปากของมันบิดเบี้ยว ใบหน้าเกิดรอยแดงเป็นปื้น สุดท้ายดวงตาของมันก็เหลือกค้างและสลบเหมือดหมดสติไปอีกครั้ง

“พวกเราไปกันเถอะ!” ฉู่ชวิ๋นเดินกลับไปสมทบกับพวกของหยานหวูซวง

หยานหวูซวงหันมาจ้องมองใบหน้าของฉู่ชวิ๋นด้วยแววตาสับสนก่อนหน้านี้เขาเคยเข้าใจว่าอีกฝ่ายหนึ่งมีพลังฝีมือเทียบเท่ากับตนเอง แต่ตอนนี้คุณชายหนุ่มรู้แล้วว่าฝีมือของเขานั้นพี่หลิวเทียบไม่ติด ทำให้หยานหวูซวงรู้สึกละอายใจขึ้นมา เหมือนกับว่าหยานหวูซวงคนนี้กลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“ไม่ต้องจ้องมองฉันตาแป๋วขนาดนี้ก็ได้ เดี๋ยวกลับถึงบ้านแล้วฉันจะแบ่งผลไม้วิเศษให้สองลูก นายกินมันเข้าไปเดี๋ยวก็เก่งเหมือนฉันเองนั้นละ ฮ่า ๆ” ฉู่ชวิ๋นระเบิดเสียงหัวเราะ

หยานหวูซวงตกตะลึงจนลืมหายใจ ตัวแข็งทื่อ

“เป็นอะไรไปอีกล่ะ?” ฉู่ชวิ๋นประหลาดใจที่เห็นคุณชายหนุ่มหยุดชะงักไปอย่างกะทันหัน

“พี่หลิว พี่จะแบ่งผลไม้วิเศษให้ผมสองลูกจริงเหรอ?” หยานหวูซวงอดนึกคลางแคลงใจขึ้นมาไม่ได้

ฉู่ชวิ๋นแอบยิ้ม หยานหวูซวงคงไม่เคยออกไปผจญภัยโลกกว้างจริง ๆ ด้วย ฉู่ชวิ๋นกล่าวออกมา “นายกับฉันเป็นพวกเดียวกัน นั่นคือส่วนแบ่งที่นายสมควรได้รับ แต่ถ้านายไม่ต้องการก็ไม่เป็นไรนะ”

“ต้องการสิครับ!” หยานหวูซวงพยักหน้าอย่างรีบร้อน เขามีฐานะเป็นนายน้อยตระกูลหยาน อีกไม่นานคงต้องรับหน้าที่ปกครองเมืองแห่งนี้ ผลไม้วิเศษเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เขาแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้

หลีหังยี่เป็นผู้ที่มีความสุขมากที่สุด มันได้ชุดเกราะวิเศษมาสวมใส่ตอนอยู่ในเขตปักษา แต่ตอนนี้ไม่มีสายฟ้าอีกแล้ว มันสมควรนำชุดเกราะไปส่งคืน แต่ความอยากได้ใคร่มีทำให้มันรู้สึกว่าชุดเกราะกลายเป็นของมันไปแล้ว

ในขณะนี้ ไม่มีเขตปักษาอีกต่อไป ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติสุข ฉู่ชวิ๋นสังเกตเห็นว่าหลีหังยี่กำลังยิ้มกริ่มในขณะที่เดินหลบออกไป

“หยุดก่อน” ทันใดนั้น ฉู่ชวิ๋นกระโดดเข้าไปยืนขวางหน้าหลีหังยี่

หลีหังยี่ที่ยิ้มกว้าง จ้องมองฉู่ชวิ๋นด้วยแววตาไม่ไว้วางใจ บุรุษหนุ่มผู้นี้เป็นจอมโจรใจดำ ขโมยทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าหรือว่าจะหมายตาแหวนมิติของมันเอาไว้ด้วย?

“น้องชาย มีเรื่องอะไรหรือ?” แต่หลีหังยี่ก็ยังคงถามกลับไปด้วยน้ำเสียงสุภาพและเป็นมิตร

ฉู่ชวิ๋นยื่นมือออกมาข้างหน้า ยิ้มขณะพูด “ในเมื่อไม่ได้ใช้งานอะไรแล้ว สมควรส่งมอบชุดเกราะวิเศษคืนมาได้แล้วมั้ง”

หลีหังยี่เดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง คนผู้นี้อยากจะขโมยทุกอย่างที่ขวางหน้าจริง ๆ “น้องชาย ชุดเกราะวิเศษพวกนี้ฉันต้องใช้งาน คืนให้น้องชายไม่ได้หรอก”

“หรือว่าอยากให้ลงไม้ลงมือ?” ฉู่ชวิ๋นถามพร้อมกับยิ้มกว้าง

ดวงตาของหลีหังยี่พลันเบิกโต ต้องใช้เวลาอีกครึ่งค่อนวันกว่าที่มันจะมีปัญญาพูดออกมาได้ว่า “ถ้าอย่างนั้น…ฉันคืนให้น้องชายก็ได้!”

ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า ตอบว่า “แล้วจะคืนได้หรือยัง?”

ในปากของหลีหังยี่เต็มไปด้วยรสชาติแห่งความขมขื่น มันเสียดายโอกาสนี้จริง ๆ ชุดเกราะวิเศษอยู่กับมันได้เพียงแค่อึดใจเดียว ตอนนี้กลับต้องปล่อยออกจากมือไปเสียแล้ว

ในเวลาเดียวกันนี้เอง มันก็นึกสาปแช่งจังเฟิงหลิงอยู่ในใจที่ไปมีเรื่องกับจอมโจรร้ายผู้นี้

หลีหังยี่ถอดชุดเกราะส่งคืนกลับไป หลังจากนั้นก็เดินไปหยิบต้นหญ้าวิญญาณ 5 ต้นและพูดว่า “น้องชาย ฉันขอโทษจริง ๆ นะ ครั้งนี้พวกเราเสียพลังงานเยอะมาก เพราะงั้นฉันขอต้นหญ้าวิญญาณ 5 ต้นก็แล้วกัน”

ฉู่ชวิ๋นกำหนดไว้คร่าว ๆ ว่าสักประมาณสองสามต้นก็ถือว่ามากพอแล้ว แต่เล่นขอถึง 5 ต้นแบบนี้ ออกจะเกินความคาดหมายของเขาไปไม่น้อย

“ไม่เป็นไร อยากได้ก็เอาไปเถอะ ลาก่อน!” ฉู่ชวิ๋นพูดจบก็หันหลังเดินจากมา

หลีหังยี่สาปแช่งจอมโจรผู้นี้อยู่ในใจ ความจริงแล้วมันแอบเสียดายอยู่บ้าง แต่โชคดีที่มันไม่ได้โลภมากจนหน้ามืดตามัว มิเช่นนั้นแล้วแม้แต่ต้นหญ้าจิตวิญญาณก็คงไม่ได้ติดตัวกลับสำนัก เมื่อคิดถึงจอมยุทธ์คนอื่น ๆ ที่ถูกแย่งชิงแหวนมิติไปจากตัว พลัน หลีหังยี่ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาอีกมากโข

ฉู่ชวิ๋นกับหยานหวูซวงเดินทางกลับมาที่บ้านตระกูลหยาน

การเดินทางครั้งนี้คุ้มค่าเหนื่อย

ส่วนพวกจังเฟิงหลิงก็กลายเป็นตัวภาระของกลุ่มตัวเอง ไม่สามารถเดินทางกลับมาเองได้ ต้องให้คนที่พอมีแรงเหลือแบกหามกลับมา น่าอนาถมาก

พอกลับมาพวกเขาก็เริ่มแบ่งของที่ขโมยมาได้

มีผลไม้วิเศษหลายลูก มีปลาสายฟ้า 30 ตัว มีต้นหญ้าจิตวิญญาณ 100 ต้น

แน่นอนว่าฉู่ชวิ๋นแย่งชิงแหวนมิติมาจากผู้คนของสำนักอื่น ซึ่งไม่ได้นำมารวมในกองกลาง หยานหวูซวงก็ไม่ได้พูดอะไร เนื่องจากนั้นเป็นการลงมือของฉู่ชวิ๋นแต่เพียงผู้เดียว

หยานหวูซวงได้ส่วนแบ่งเป็นผลไม้วิเศษสองลูก หญิงสาวผมสีเงินได้สองลูกเช่นกัน แต่เธอขอรับไว้แค่เพียงลูกเดียว สุดท้ายฉู่ชวิ๋นจึงได้ไปทั้งหมด 4 ลูก

ปลาสายฟ้าแบ่งกันอย่างเท่าเทียม ตระกูลหยานได้ไป 10 ตัว หญิงสาวผมม่วงได้ไป 10 ตัว ฉู่ชวิ๋นได้ไป 10 ตัว

นอกจากนั้นก็เหลือต้นหญ้าจิตวิญญาณอีกแค่เพียง 100 ต้น หยานหวูซวงขอสละสิทธิ์ ฉู่ชวิ๋นกับหญิงสาวผมม่วงจึงแบ่งกันตามเห็นสมควร

ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น

หยานหวูซวงสั่งให้คนจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่มคอยรองรับฉู่ชวิ๋นกับหญิงสาวผมม่วง

ระหว่างที่รับประทานอาหารกันอยู่ หยานหวูซวงก็ชำเลืองมองหน้าฉู่ชวิ๋นด้วยความลังเลใจ

“น้องหยาน มีอะไรจะพูดหรือเปล่า?” ฉู่ชวิ๋นถามออกมาพร้อมกับยิ้มกว้าง

หยานหวูซวงมีท่าทางที่ไม่ลังเลใจก่อนจะถามออกมา “พี่ได้ขโมยดอกบัววิญญาณจากบ้านผมไปหรือเปล่า?”

“หา!” ฉู่ชวิ๋นนั่งตัวแข็งทื่อ ก่อนอุทานออกมาว่า “น้องหยานสงสัยฉันได้ยังไงเนี่ย? นั่นมันฝีมือของพวกจังเฟิงหลิงไม่ใช่เหรอ?”

หยานหวูซวงหัวเราะออกมาด้วยอย่างฝืนๆ “ผมรู้มาตลอดว่าพี่หลิวมีพฤติกรรมชอบขโมย และเมื่อมาคิดดูดี ๆ แล้ว คนที่ใส่เสื้อคลุมสีดำที่สู้กับผมตอนนั้น มันมีลักษณะเหมือนพี่เป๊ะเลย”

“เสื้อคลุมสีดำแบบนั้น ใครใส่ก็เหมือนกันหมดไม่ใช่หรือไง?” ฉู่ชวิ๋นร้อนตัวเล็กน้อย

หยานหวูซวงปรบมือส่งสัญญาณ แล้วจอมยุทธ์ตระกูลหยานก็เดินนำของบางอย่างเข้ามาส่ง หยานหวูซวงพูดว่า “พี่หลิวจำท่อนเหล็กนี้ได้ไหม?”

ฉู่ชวิ๋นหัวใจกระตุกวูบ ตอบว่า “จำได้สิ ท่อนเหล็กนี้แหละที่อยู่ในมือของจังเฟิงหลิงคืนวันนั้น”

“ผมส่งไปตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์แล้ว ท่อนเหล็กนี้มันมีแต่รอยนิ้วมือของพี่หลิวทั้งนั้นเลยนะครับ ผมรู้เพราะส่งรอยนิ้วมือจากแก้วไวน์ของพี่ไปตรวจเทียบเคียง แล้วผลตรวจก็ออกมาตรงกันเลย”

“…” ฉู่ชวิ๋นพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว ปรากฏว่าหยานหวูซวงสงสัยเขามานานแล้วหรือนี่ ไอ้หมอนี่มันไว้ใจไม่ได้จริง ๆ

“นี่มันใส่ร้ายกันแล้ว ฉันหลิวเทียนเหอทำอะไรตรงไปตรงมา ไม่เคยมีเจตนาแอบแฝงปิดบังซ่อนเร้น ไม่อย่างนั้นจะได้รับฉายาสุภาพบุรุษแห่งเขาเหลียงซานมาได้ยังไง” ฉู่ชวิ๋นปฏิเสธเสียงแข็ง

หญิงสาวผมม่วงทำสีหน้าเบื่อหน่ายใจ พูดแทรกขึ้นทันทีว่า “กล้าทำกล้ารับหน่อยไม่ได้หรือไง? นั่นมันเป็นฝีมือของนายไม่ใช่เหรอ?”

“น้องสาว อย่าเพิ่งก่อกวนได้ไหม” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยความหงุดหงิด

หยานหวูซวงหัวเราะออกมาก่อนกล่าวว่า “พี่หลิว ผมไม่ได้อยากจะเอาเรื่องพี่อะไรหรอก”

ฉู่ชวิ๋นไม่เชื่อ ถ้าไม่อยากเอาเรื่องแล้วจะพูดขึ้นมาเพื่อ?

“น้องหยาน ฉันทำกับนายเหมือนน้องชายคนหนึ่ง แต่นายกลับมาสงสัยฉันได้ลงคอ แบบนี้มันน่าเศร้าเกินไปแล้ว เห็นทีฉันคงต้องขอลา” ฉู่ชวิ๋น กำลังหาโอกาสเผ่นหนีออกจากที่นี่อยู่พอดี

“พี่หลิว ใจเย็นก่อนสิครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะเอาเรื่องเลยนะ” หยานหวูซวงลุกขึ้นยืนและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ผมแค่อยากจะรู้ความจริงของ

พี่หลิวเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาอื่นใดเลย”

“ฉันคิดว่าเราเป็นเพื่อนกันแท้ ๆ แต่นายกลับสงสัยฉันได้ลงคอ?” ฉู่ชวิ๋นตอบด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง แน่นอนว่าเขาไม่เปิดโอกาสให้หยานหวูซวงได้พูดอะไรอีก ก็หันหลังเดินกลับออกมาทันที

“พี่หลิว ผมไม่ได้จะเอาเรื่องพี่จริง ๆ นะ พี่หลิว ๆ …”

ยิ่งหยานหวูซวงตะโกนเสียงดังมากเท่าไหร่ ฉู่ชวิ๋นก็ยิ่งเดินหนีออกมาด้วยความรู้สึกผิดอันรวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น

ถึงแม้ว่าฉู่ชวิ๋นจะหายลับไปนานแล้วหยานหวูซวงก็ยังคงได้แต่นั่งพึมพำว่า “ฉันไม่ได้จะเอาเรื่องจริง ๆ นะ”

“มันรู้สึกผิด ก็เลยรีบหนีไปน่ะ” เงาร่างสูงใหญ่ของชายชราคนหนึ่งพลันเดินเข้ามา

หยานหวูซวงรีบลุกขึ้นยืนประสานมือทำความเคารพ “ท่านพ่อ”

“ไอ้หมอนี่มันเป็นคนเจ้าเล่ห์กลับกลอก ที่มาที่ไปย่อมไม่ธรรมดา พ่อสงสัยว่าตัวตนของมันคงปลอมแปลงมาแน่นอน” หยานกุยล๋ายพูด

หยานกุยล๋าย หัวหน้าตระกูลหยานคนปัจจุบัน เป็นบิดาของหยานหวูซวง หลายสิบปีที่แล้วเลื่อนระดับขึ้นเป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 8 15 ปีมานี้ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่าเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่

“ท่านพ่อ แต่ผมกับพี่เป็นเพื่อนกันจริง ๆ นะ” หยานหวูซวงกล่าว

หยานกุยล๋ายก้มหน้าลง นิ่งคิดไปเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมา “ถึงมันจะเป็นตัวร้ายกาจ แต่ในเมื่อเป็นเพื่อนกับลูก แสดงว่าจิตใจดีใช้ได้ พ่อดูแล้ว ก็คิดว่ามันเป็นคนดีทีเดียว”

หยานหวูซวงมีสีหน้าเศร้าสลดขณะพูด “แต่ดูเหมือนผมจะทำให้เขาโกรธซะแล้วสิ”

หยานหวูซวง คุณชายหนุ่มผู้สมบูรณ์แบบและมีชื่อเสียงโด่งดัง ไม่เคยมีเพื่อนมาก่อนในชีวิต รู้สึกเสียใจมากที่โดนทิ้งไปแบบนี้

“มันไม่ได้โกรธลูก มันหนีไปเพราะรู้สึกผิดต่างหาก” หยานกุยล๋ายถอนหายใจออกมาอย่างแรง บุตรชายของเขาเป็นคนดีมากเกินไป อาจฆ่าคนเลวได้แต่ ขาดประสบการ์ณทางโลกมาก ไม่เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของพวกตัวเลวร้ายในสังคม เห็นทีคงถึงเวลาที่เขาจะต้องปล่อยนกน้อยสุดที่รักตัวนี้ให้ออกไปเผชิญโลกกว้างซะแล้ว

“หยานเอ๋อร์ ตั้งแต่เกิดมาลูกไม่เคยได้ออกจากเมืองหยานเซวี่ยไปไหนเลย คราวนี้คงถึงเวลาแล้วที่ลูกจะได้ออกไปเห็นโลกกว้าง” หยานกุยล๋ายกล่าว

หยานหวูซวงหันหน้ากลับไปมองบิดาด้วยความประหลาดใจ เขาเคยขออนุญาตบิดาออกไปนอกเมืองมาตลอด แต่ก็ไม่เคยได้รับอนุญาตเลยสักครั้ง

“โลกนี้เกิดความเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวง มีโอกาสดี ๆ ให้เรียนรู้อยู่มากมาย จงติดตามหลิวเทียนเหอไปซะ ลูกจะได้รับประสบการณ์และไม่ตกเป็นเหยื่อของใครเขาได้ง่าย ๆ” หยานกุยล๋ายดวงตาเป็นประกายรู้สึกได้ถึงความคาดหวังอันเปี่ยมล้น

ถึงแม้หยานกุยล๋ายจะไม่ได้ขึ้นไปสำรวจซากโบราณสถานบนภูเขาคุนหลุนด้วยตัวเอง แต่บรรดาจอมยุทธ์ของตระกูลหยานก็ได้กลับมารายงานอย่างครบถ้วนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ระหว่างเหตุการณ์ต่าง ๆ ฉู่ชวิ๋นจับตัวคนและขโมยของทำทุกอย่างที่ทำได้ แต่กลับไม่แย่งของหยานหวูซวงและไม่ฆ่าคนมั่ว ๆ แสดงให้เห็นว่ามันผู้นี้ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร หากหยานหวูซวงได้ติดตามมันไป ยามเมื่อตกอยู่ในอันตราย อย่างน้อยมันก็คงไม่ปล่อยให้หยานหวูซวงตายง่ายๆ แถมเขามองออกว่า หลิวเทียนเหอ คนนี้แข็งแกร่งมาก

“แต่พี่หลิวเขาโกรธผมอยู่” หยานหวูซวงรู้สึกเศร้าเสียใจไม่น้อย

“มันรู้สึกผิด ไม่ได้โกรธ ถ้ามันปฏิเสธไม่ให้ลูกร่วมทางไปด้วย แบบนั้นก็ทำให้พาไปด้วยสิ” หยานกุยล๋ายกล่าว

หยานหวูซวงมีดวงตาเป็นประกายเคลือบแคลงใจ

หยานกุยล๋ายเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว พูดว่า “ที่ผ่านมามันแสดงฝีมือถึงขนาดนี้ ลูกไม่ได้เรียนรู้อะไรบ้างเลยหรือไง?”

“หา!” หยานหวูซวงไม่เข้าใจ เขาต้องเรียนรู้เรื่องอะไรจากใครอีกล่ะเนี้ย?

หยานกุยล๋ายส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ ลูกชายสุดที่รักของเขาอ่อนต่อโลกมากเกินไป ขาดประสบการณ์มากเกินไปแล้ว เมื่อเทียบกับหลิวเทียนเหอแล้วช่างน่าอับอายยิ่งนัก ในโลกใบนี้ ตราบใดที่ยังไม่ตายไม่มีใครสนใจหรอกว่าหน้าตาชื่อเสียงจะเป็นยังไง

“ถ้ามันปฏิเสธ ลูกก็ต้องกราบขอร้องวิงวอนมันให้มันพาไป เข้าใจไหม?” หยานกุยล๋ายพูดเสียงเข้ม

หยานหวูซวงเบิกตาโต เขาผู้เป็นนายน้อยแห่งตระกูลหยานจะต้องคุกเข่าอ้อนวอนคนอื่นหรือเนี้ย เขาทำไม่ได้เด็ดขาด

หยานกุยล๋ายพูดออกมาด้วยความร้อนใจว่า “พ่อขอถามหน่อย ถ้าการเดินทางครั้งนี้ไม่มีหลิวเทียนเหอไปด้วย ลูกจะได้ผลไม้วิเศษและได้รู้เรื่องปลาสายฟ้าพวกนั้นไหม?”

หยานหวูซวงชะงักไปทันที ก่อนจะส่ายศีรษะ ถ้าไม่มีหลิวเทียนเหอ เขาคงต้องกลับบ้านมือเปล่าเป็นแน่แท้

“ไปซะ ไปเรียนรู้มาจากมันผู้นั้นให้เยอะ ๆ” หยานกุยล๋ายออกคำสั่ง

หยานหวูซวงยังคงปฏิเสธ

หยานกุยล๋ายไม่ชอบการถูกยอกย้อนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ยิ่งลูกชายปกติเชื่อฟังว่านอนสอนง่ายมาตลอด ตอนนี้ดื้นจนเขาเดือดดาลมาก ๆ

สุดท้าย นายน้อยตระกูลหยานก็ถูกไล่ออกจากบ้าน ต้องไปหลับนอนอยู่ข้างถนนเสียแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) 315 คำนวนผลดีผลร้าย

Now you are reading จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) Chapter 315 คำนวนผลดีผลร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 315 คำนวนผลดีผลร้าย

ชนะรอด แพ้ตาย!

เนี่ยจื่อเฉิงรู้สึกอึดอัดใจ ดวงตาเป็นประกายระยิบ สีหน้าของมันเคร่งเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ มันกำลังนึกถึงใครบางคน

“พวกเรากลับ!” เนี่ยจื่อเฉิงโบกมือแล้วหันหลังกลับ

เหล่าจอมยุทธ์ที่อยู่ในบริเวณนั้นถึงกับตกตะลึง แค่นี้เองหรือ? เพียงแค่พูดสองประโยค ฉู่ชวิ๋นก็สามารถทำให้จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 8 ทั้งสองต้องกลับบ้านงั้นเหรอ!

“การแสดงจบแล้วทุกคน ได้เวลาแยกย้ายกันกลับบ้าน” ฉู่ชวิ๋นพูดออกมา

จอมยุทธ์ทุกคนได้สติก็รีบเดินทางกลับตามคำสั่ง

บางคนรู้สึกโล่งใจ บางคนรู้สึกเป็นกังวล บางคนแม้จะไม่ได้ผลไม้วิเศษแต่ก็ได้กอบโกยต้นหญ้าจิตวิญญาณติดมือมาเป็นจำนวนมาก

ไม่มีผู้ใดจะรู้สึกขมขื่นเท่ากับจังเฟิงหลิงและพันเฉิงเฟิงอีกแล้ว ครั้งสุดท้ายที่พวกมันบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นนี้เกิดขึ้นนานขนาดไหนพวกมันเองก็จำไม่ได้ มิหนำซ้ำ ครั้งนี้ทรัพย์สินติดตัวพวกมันยังถูกปล้นไปจนหมดอีกด้วย

ฉู่ชวิ๋นจัดการถอดชุดเกราะวิเศษออกมาจากตัวของจังเฟิงหลิงกับพันเฉิงเฟิง หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปถอดชุดเกราะออกจากพวกจอมยุทธ์ตระกูลจัง

“แบบนี้มันมากเกินไปแล้วนะ!!” ในที่สุด จังเฟิงหลิงก็ฟื้นขึ้นมาหลังจากสลบไปช่วงใหญ่

ฉู่ชวิ๋นที่เดินไปข้างหน้าสองก้าวจู่ ๆ ก็หยุดชะงักแล้วหันหน้ากลับมาพูดว่า

“ถ้าแกไม่พูดฉันก็เกือบลืมไปแล้วนะเนี่ย เมื่อกี้แกปากโป้งบอกเรื่องนั้นกับเนี่ยจื่อเฉิงทำไม”

“เพียะ!”

เสียงตบดังขึ้น จังเฟิงหลิงส่งเสียงร้องโหยหวน ปากของมันบิดเบี้ยว ใบหน้าเกิดรอยแดงเป็นปื้น สุดท้ายดวงตาของมันก็เหลือกค้างและสลบเหมือดหมดสติไปอีกครั้ง

“พวกเราไปกันเถอะ!” ฉู่ชวิ๋นเดินกลับไปสมทบกับพวกของหยานหวูซวง

หยานหวูซวงหันมาจ้องมองใบหน้าของฉู่ชวิ๋นด้วยแววตาสับสนก่อนหน้านี้เขาเคยเข้าใจว่าอีกฝ่ายหนึ่งมีพลังฝีมือเทียบเท่ากับตนเอง แต่ตอนนี้คุณชายหนุ่มรู้แล้วว่าฝีมือของเขานั้นพี่หลิวเทียบไม่ติด ทำให้หยานหวูซวงรู้สึกละอายใจขึ้นมา เหมือนกับว่าหยานหวูซวงคนนี้กลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“ไม่ต้องจ้องมองฉันตาแป๋วขนาดนี้ก็ได้ เดี๋ยวกลับถึงบ้านแล้วฉันจะแบ่งผลไม้วิเศษให้สองลูก นายกินมันเข้าไปเดี๋ยวก็เก่งเหมือนฉันเองนั้นละ ฮ่า ๆ” ฉู่ชวิ๋นระเบิดเสียงหัวเราะ

หยานหวูซวงตกตะลึงจนลืมหายใจ ตัวแข็งทื่อ

“เป็นอะไรไปอีกล่ะ?” ฉู่ชวิ๋นประหลาดใจที่เห็นคุณชายหนุ่มหยุดชะงักไปอย่างกะทันหัน

“พี่หลิว พี่จะแบ่งผลไม้วิเศษให้ผมสองลูกจริงเหรอ?” หยานหวูซวงอดนึกคลางแคลงใจขึ้นมาไม่ได้

ฉู่ชวิ๋นแอบยิ้ม หยานหวูซวงคงไม่เคยออกไปผจญภัยโลกกว้างจริง ๆ ด้วย ฉู่ชวิ๋นกล่าวออกมา “นายกับฉันเป็นพวกเดียวกัน นั่นคือส่วนแบ่งที่นายสมควรได้รับ แต่ถ้านายไม่ต้องการก็ไม่เป็นไรนะ”

“ต้องการสิครับ!” หยานหวูซวงพยักหน้าอย่างรีบร้อน เขามีฐานะเป็นนายน้อยตระกูลหยาน อีกไม่นานคงต้องรับหน้าที่ปกครองเมืองแห่งนี้ ผลไม้วิเศษเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เขาแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้

หลีหังยี่เป็นผู้ที่มีความสุขมากที่สุด มันได้ชุดเกราะวิเศษมาสวมใส่ตอนอยู่ในเขตปักษา แต่ตอนนี้ไม่มีสายฟ้าอีกแล้ว มันสมควรนำชุดเกราะไปส่งคืน แต่ความอยากได้ใคร่มีทำให้มันรู้สึกว่าชุดเกราะกลายเป็นของมันไปแล้ว

ในขณะนี้ ไม่มีเขตปักษาอีกต่อไป ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติสุข ฉู่ชวิ๋นสังเกตเห็นว่าหลีหังยี่กำลังยิ้มกริ่มในขณะที่เดินหลบออกไป

“หยุดก่อน” ทันใดนั้น ฉู่ชวิ๋นกระโดดเข้าไปยืนขวางหน้าหลีหังยี่

หลีหังยี่ที่ยิ้มกว้าง จ้องมองฉู่ชวิ๋นด้วยแววตาไม่ไว้วางใจ บุรุษหนุ่มผู้นี้เป็นจอมโจรใจดำ ขโมยทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าหรือว่าจะหมายตาแหวนมิติของมันเอาไว้ด้วย?

“น้องชาย มีเรื่องอะไรหรือ?” แต่หลีหังยี่ก็ยังคงถามกลับไปด้วยน้ำเสียงสุภาพและเป็นมิตร

ฉู่ชวิ๋นยื่นมือออกมาข้างหน้า ยิ้มขณะพูด “ในเมื่อไม่ได้ใช้งานอะไรแล้ว สมควรส่งมอบชุดเกราะวิเศษคืนมาได้แล้วมั้ง”

หลีหังยี่เดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง คนผู้นี้อยากจะขโมยทุกอย่างที่ขวางหน้าจริง ๆ “น้องชาย ชุดเกราะวิเศษพวกนี้ฉันต้องใช้งาน คืนให้น้องชายไม่ได้หรอก”

“หรือว่าอยากให้ลงไม้ลงมือ?” ฉู่ชวิ๋นถามพร้อมกับยิ้มกว้าง

ดวงตาของหลีหังยี่พลันเบิกโต ต้องใช้เวลาอีกครึ่งค่อนวันกว่าที่มันจะมีปัญญาพูดออกมาได้ว่า “ถ้าอย่างนั้น…ฉันคืนให้น้องชายก็ได้!”

ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า ตอบว่า “แล้วจะคืนได้หรือยัง?”

ในปากของหลีหังยี่เต็มไปด้วยรสชาติแห่งความขมขื่น มันเสียดายโอกาสนี้จริง ๆ ชุดเกราะวิเศษอยู่กับมันได้เพียงแค่อึดใจเดียว ตอนนี้กลับต้องปล่อยออกจากมือไปเสียแล้ว

ในเวลาเดียวกันนี้เอง มันก็นึกสาปแช่งจังเฟิงหลิงอยู่ในใจที่ไปมีเรื่องกับจอมโจรร้ายผู้นี้

หลีหังยี่ถอดชุดเกราะส่งคืนกลับไป หลังจากนั้นก็เดินไปหยิบต้นหญ้าวิญญาณ 5 ต้นและพูดว่า “น้องชาย ฉันขอโทษจริง ๆ นะ ครั้งนี้พวกเราเสียพลังงานเยอะมาก เพราะงั้นฉันขอต้นหญ้าวิญญาณ 5 ต้นก็แล้วกัน”

ฉู่ชวิ๋นกำหนดไว้คร่าว ๆ ว่าสักประมาณสองสามต้นก็ถือว่ามากพอแล้ว แต่เล่นขอถึง 5 ต้นแบบนี้ ออกจะเกินความคาดหมายของเขาไปไม่น้อย

“ไม่เป็นไร อยากได้ก็เอาไปเถอะ ลาก่อน!” ฉู่ชวิ๋นพูดจบก็หันหลังเดินจากมา

หลีหังยี่สาปแช่งจอมโจรผู้นี้อยู่ในใจ ความจริงแล้วมันแอบเสียดายอยู่บ้าง แต่โชคดีที่มันไม่ได้โลภมากจนหน้ามืดตามัว มิเช่นนั้นแล้วแม้แต่ต้นหญ้าจิตวิญญาณก็คงไม่ได้ติดตัวกลับสำนัก เมื่อคิดถึงจอมยุทธ์คนอื่น ๆ ที่ถูกแย่งชิงแหวนมิติไปจากตัว พลัน หลีหังยี่ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาอีกมากโข

ฉู่ชวิ๋นกับหยานหวูซวงเดินทางกลับมาที่บ้านตระกูลหยาน

การเดินทางครั้งนี้คุ้มค่าเหนื่อย

ส่วนพวกจังเฟิงหลิงก็กลายเป็นตัวภาระของกลุ่มตัวเอง ไม่สามารถเดินทางกลับมาเองได้ ต้องให้คนที่พอมีแรงเหลือแบกหามกลับมา น่าอนาถมาก

พอกลับมาพวกเขาก็เริ่มแบ่งของที่ขโมยมาได้

มีผลไม้วิเศษหลายลูก มีปลาสายฟ้า 30 ตัว มีต้นหญ้าจิตวิญญาณ 100 ต้น

แน่นอนว่าฉู่ชวิ๋นแย่งชิงแหวนมิติมาจากผู้คนของสำนักอื่น ซึ่งไม่ได้นำมารวมในกองกลาง หยานหวูซวงก็ไม่ได้พูดอะไร เนื่องจากนั้นเป็นการลงมือของฉู่ชวิ๋นแต่เพียงผู้เดียว

หยานหวูซวงได้ส่วนแบ่งเป็นผลไม้วิเศษสองลูก หญิงสาวผมสีเงินได้สองลูกเช่นกัน แต่เธอขอรับไว้แค่เพียงลูกเดียว สุดท้ายฉู่ชวิ๋นจึงได้ไปทั้งหมด 4 ลูก

ปลาสายฟ้าแบ่งกันอย่างเท่าเทียม ตระกูลหยานได้ไป 10 ตัว หญิงสาวผมม่วงได้ไป 10 ตัว ฉู่ชวิ๋นได้ไป 10 ตัว

นอกจากนั้นก็เหลือต้นหญ้าจิตวิญญาณอีกแค่เพียง 100 ต้น หยานหวูซวงขอสละสิทธิ์ ฉู่ชวิ๋นกับหญิงสาวผมม่วงจึงแบ่งกันตามเห็นสมควร

ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น

หยานหวูซวงสั่งให้คนจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่มคอยรองรับฉู่ชวิ๋นกับหญิงสาวผมม่วง

ระหว่างที่รับประทานอาหารกันอยู่ หยานหวูซวงก็ชำเลืองมองหน้าฉู่ชวิ๋นด้วยความลังเลใจ

“น้องหยาน มีอะไรจะพูดหรือเปล่า?” ฉู่ชวิ๋นถามออกมาพร้อมกับยิ้มกว้าง

หยานหวูซวงมีท่าทางที่ไม่ลังเลใจก่อนจะถามออกมา “พี่ได้ขโมยดอกบัววิญญาณจากบ้านผมไปหรือเปล่า?”

“หา!” ฉู่ชวิ๋นนั่งตัวแข็งทื่อ ก่อนอุทานออกมาว่า “น้องหยานสงสัยฉันได้ยังไงเนี่ย? นั่นมันฝีมือของพวกจังเฟิงหลิงไม่ใช่เหรอ?”

หยานหวูซวงหัวเราะออกมาด้วยอย่างฝืนๆ “ผมรู้มาตลอดว่าพี่หลิวมีพฤติกรรมชอบขโมย และเมื่อมาคิดดูดี ๆ แล้ว คนที่ใส่เสื้อคลุมสีดำที่สู้กับผมตอนนั้น มันมีลักษณะเหมือนพี่เป๊ะเลย”

“เสื้อคลุมสีดำแบบนั้น ใครใส่ก็เหมือนกันหมดไม่ใช่หรือไง?” ฉู่ชวิ๋นร้อนตัวเล็กน้อย

หยานหวูซวงปรบมือส่งสัญญาณ แล้วจอมยุทธ์ตระกูลหยานก็เดินนำของบางอย่างเข้ามาส่ง หยานหวูซวงพูดว่า “พี่หลิวจำท่อนเหล็กนี้ได้ไหม?”

ฉู่ชวิ๋นหัวใจกระตุกวูบ ตอบว่า “จำได้สิ ท่อนเหล็กนี้แหละที่อยู่ในมือของจังเฟิงหลิงคืนวันนั้น”

“ผมส่งไปตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์แล้ว ท่อนเหล็กนี้มันมีแต่รอยนิ้วมือของพี่หลิวทั้งนั้นเลยนะครับ ผมรู้เพราะส่งรอยนิ้วมือจากแก้วไวน์ของพี่ไปตรวจเทียบเคียง แล้วผลตรวจก็ออกมาตรงกันเลย”

“…” ฉู่ชวิ๋นพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว ปรากฏว่าหยานหวูซวงสงสัยเขามานานแล้วหรือนี่ ไอ้หมอนี่มันไว้ใจไม่ได้จริง ๆ

“นี่มันใส่ร้ายกันแล้ว ฉันหลิวเทียนเหอทำอะไรตรงไปตรงมา ไม่เคยมีเจตนาแอบแฝงปิดบังซ่อนเร้น ไม่อย่างนั้นจะได้รับฉายาสุภาพบุรุษแห่งเขาเหลียงซานมาได้ยังไง” ฉู่ชวิ๋นปฏิเสธเสียงแข็ง

หญิงสาวผมม่วงทำสีหน้าเบื่อหน่ายใจ พูดแทรกขึ้นทันทีว่า “กล้าทำกล้ารับหน่อยไม่ได้หรือไง? นั่นมันเป็นฝีมือของนายไม่ใช่เหรอ?”

“น้องสาว อย่าเพิ่งก่อกวนได้ไหม” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยความหงุดหงิด

หยานหวูซวงหัวเราะออกมาก่อนกล่าวว่า “พี่หลิว ผมไม่ได้อยากจะเอาเรื่องพี่อะไรหรอก”

ฉู่ชวิ๋นไม่เชื่อ ถ้าไม่อยากเอาเรื่องแล้วจะพูดขึ้นมาเพื่อ?

“น้องหยาน ฉันทำกับนายเหมือนน้องชายคนหนึ่ง แต่นายกลับมาสงสัยฉันได้ลงคอ แบบนี้มันน่าเศร้าเกินไปแล้ว เห็นทีฉันคงต้องขอลา” ฉู่ชวิ๋น กำลังหาโอกาสเผ่นหนีออกจากที่นี่อยู่พอดี

“พี่หลิว ใจเย็นก่อนสิครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะเอาเรื่องเลยนะ” หยานหวูซวงลุกขึ้นยืนและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ผมแค่อยากจะรู้ความจริงของ

พี่หลิวเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาอื่นใดเลย”

“ฉันคิดว่าเราเป็นเพื่อนกันแท้ ๆ แต่นายกลับสงสัยฉันได้ลงคอ?” ฉู่ชวิ๋นตอบด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง แน่นอนว่าเขาไม่เปิดโอกาสให้หยานหวูซวงได้พูดอะไรอีก ก็หันหลังเดินกลับออกมาทันที

“พี่หลิว ผมไม่ได้จะเอาเรื่องพี่จริง ๆ นะ พี่หลิว ๆ …”

ยิ่งหยานหวูซวงตะโกนเสียงดังมากเท่าไหร่ ฉู่ชวิ๋นก็ยิ่งเดินหนีออกมาด้วยความรู้สึกผิดอันรวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น

ถึงแม้ว่าฉู่ชวิ๋นจะหายลับไปนานแล้วหยานหวูซวงก็ยังคงได้แต่นั่งพึมพำว่า “ฉันไม่ได้จะเอาเรื่องจริง ๆ นะ”

“มันรู้สึกผิด ก็เลยรีบหนีไปน่ะ” เงาร่างสูงใหญ่ของชายชราคนหนึ่งพลันเดินเข้ามา

หยานหวูซวงรีบลุกขึ้นยืนประสานมือทำความเคารพ “ท่านพ่อ”

“ไอ้หมอนี่มันเป็นคนเจ้าเล่ห์กลับกลอก ที่มาที่ไปย่อมไม่ธรรมดา พ่อสงสัยว่าตัวตนของมันคงปลอมแปลงมาแน่นอน” หยานกุยล๋ายพูด

หยานกุยล๋าย หัวหน้าตระกูลหยานคนปัจจุบัน เป็นบิดาของหยานหวูซวง หลายสิบปีที่แล้วเลื่อนระดับขึ้นเป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 8 15 ปีมานี้ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่าเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่

“ท่านพ่อ แต่ผมกับพี่เป็นเพื่อนกันจริง ๆ นะ” หยานหวูซวงกล่าว

หยานกุยล๋ายก้มหน้าลง นิ่งคิดไปเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมา “ถึงมันจะเป็นตัวร้ายกาจ แต่ในเมื่อเป็นเพื่อนกับลูก แสดงว่าจิตใจดีใช้ได้ พ่อดูแล้ว ก็คิดว่ามันเป็นคนดีทีเดียว”

หยานหวูซวงมีสีหน้าเศร้าสลดขณะพูด “แต่ดูเหมือนผมจะทำให้เขาโกรธซะแล้วสิ”

หยานหวูซวง คุณชายหนุ่มผู้สมบูรณ์แบบและมีชื่อเสียงโด่งดัง ไม่เคยมีเพื่อนมาก่อนในชีวิต รู้สึกเสียใจมากที่โดนทิ้งไปแบบนี้

“มันไม่ได้โกรธลูก มันหนีไปเพราะรู้สึกผิดต่างหาก” หยานกุยล๋ายถอนหายใจออกมาอย่างแรง บุตรชายของเขาเป็นคนดีมากเกินไป อาจฆ่าคนเลวได้แต่ ขาดประสบการ์ณทางโลกมาก ไม่เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของพวกตัวเลวร้ายในสังคม เห็นทีคงถึงเวลาที่เขาจะต้องปล่อยนกน้อยสุดที่รักตัวนี้ให้ออกไปเผชิญโลกกว้างซะแล้ว

“หยานเอ๋อร์ ตั้งแต่เกิดมาลูกไม่เคยได้ออกจากเมืองหยานเซวี่ยไปไหนเลย คราวนี้คงถึงเวลาแล้วที่ลูกจะได้ออกไปเห็นโลกกว้าง” หยานกุยล๋ายกล่าว

หยานหวูซวงหันหน้ากลับไปมองบิดาด้วยความประหลาดใจ เขาเคยขออนุญาตบิดาออกไปนอกเมืองมาตลอด แต่ก็ไม่เคยได้รับอนุญาตเลยสักครั้ง

“โลกนี้เกิดความเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวง มีโอกาสดี ๆ ให้เรียนรู้อยู่มากมาย จงติดตามหลิวเทียนเหอไปซะ ลูกจะได้รับประสบการณ์และไม่ตกเป็นเหยื่อของใครเขาได้ง่าย ๆ” หยานกุยล๋ายดวงตาเป็นประกายรู้สึกได้ถึงความคาดหวังอันเปี่ยมล้น

ถึงแม้หยานกุยล๋ายจะไม่ได้ขึ้นไปสำรวจซากโบราณสถานบนภูเขาคุนหลุนด้วยตัวเอง แต่บรรดาจอมยุทธ์ของตระกูลหยานก็ได้กลับมารายงานอย่างครบถ้วนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ระหว่างเหตุการณ์ต่าง ๆ ฉู่ชวิ๋นจับตัวคนและขโมยของทำทุกอย่างที่ทำได้ แต่กลับไม่แย่งของหยานหวูซวงและไม่ฆ่าคนมั่ว ๆ แสดงให้เห็นว่ามันผู้นี้ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร หากหยานหวูซวงได้ติดตามมันไป ยามเมื่อตกอยู่ในอันตราย อย่างน้อยมันก็คงไม่ปล่อยให้หยานหวูซวงตายง่ายๆ แถมเขามองออกว่า หลิวเทียนเหอ คนนี้แข็งแกร่งมาก

“แต่พี่หลิวเขาโกรธผมอยู่” หยานหวูซวงรู้สึกเศร้าเสียใจไม่น้อย

“มันรู้สึกผิด ไม่ได้โกรธ ถ้ามันปฏิเสธไม่ให้ลูกร่วมทางไปด้วย แบบนั้นก็ทำให้พาไปด้วยสิ” หยานกุยล๋ายกล่าว

หยานหวูซวงมีดวงตาเป็นประกายเคลือบแคลงใจ

หยานกุยล๋ายเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว พูดว่า “ที่ผ่านมามันแสดงฝีมือถึงขนาดนี้ ลูกไม่ได้เรียนรู้อะไรบ้างเลยหรือไง?”

“หา!” หยานหวูซวงไม่เข้าใจ เขาต้องเรียนรู้เรื่องอะไรจากใครอีกล่ะเนี้ย?

หยานกุยล๋ายส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ ลูกชายสุดที่รักของเขาอ่อนต่อโลกมากเกินไป ขาดประสบการณ์มากเกินไปแล้ว เมื่อเทียบกับหลิวเทียนเหอแล้วช่างน่าอับอายยิ่งนัก ในโลกใบนี้ ตราบใดที่ยังไม่ตายไม่มีใครสนใจหรอกว่าหน้าตาชื่อเสียงจะเป็นยังไง

“ถ้ามันปฏิเสธ ลูกก็ต้องกราบขอร้องวิงวอนมันให้มันพาไป เข้าใจไหม?” หยานกุยล๋ายพูดเสียงเข้ม

หยานหวูซวงเบิกตาโต เขาผู้เป็นนายน้อยแห่งตระกูลหยานจะต้องคุกเข่าอ้อนวอนคนอื่นหรือเนี้ย เขาทำไม่ได้เด็ดขาด

หยานกุยล๋ายพูดออกมาด้วยความร้อนใจว่า “พ่อขอถามหน่อย ถ้าการเดินทางครั้งนี้ไม่มีหลิวเทียนเหอไปด้วย ลูกจะได้ผลไม้วิเศษและได้รู้เรื่องปลาสายฟ้าพวกนั้นไหม?”

หยานหวูซวงชะงักไปทันที ก่อนจะส่ายศีรษะ ถ้าไม่มีหลิวเทียนเหอ เขาคงต้องกลับบ้านมือเปล่าเป็นแน่แท้

“ไปซะ ไปเรียนรู้มาจากมันผู้นั้นให้เยอะ ๆ” หยานกุยล๋ายออกคำสั่ง

หยานหวูซวงยังคงปฏิเสธ

หยานกุยล๋ายไม่ชอบการถูกยอกย้อนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ยิ่งลูกชายปกติเชื่อฟังว่านอนสอนง่ายมาตลอด ตอนนี้ดื้นจนเขาเดือดดาลมาก ๆ

สุดท้าย นายน้อยตระกูลหยานก็ถูกไล่ออกจากบ้าน ต้องไปหลับนอนอยู่ข้างถนนเสียแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+